>>ป.5<<
ผมมองไอ้คนที่นอนหลับแต่ขยุกขยิกตัวไปมาเกือบตลอดทั้งคืนเพราะพิษไข้ มือก็เช็ดหน้าและตามตัวที่มีเหงื่อซึมออกมาแสดงว่าน่าจะทุเลาลงบ้างแล้ว ก่อนจะวางโปะหน้าผากให้ ไอ้เบียร์กับไอ้รันเพิ่งจะหลับไปได้สักพัก หลังจากผลัดเวรกัน ตอนนี้ไม่ได้ระวังเจ้าหน้าที่อย่างเดียว เพิ่มไอ้พวกลักลอบเข้าไปอีกมันไม่ปล่อยแน่ ผมไม่โทษไอ้คนป่วยหรอก มันเป็นความผิดผมเองที่ดันไปแวะบ้านมันและเอาติดมือมาด้วย
“คงต้องรอให้มึงหายดีก่อนถึงจะเดินทางได้ อดทนหน่อย”ผมพูดกับตัวเองเบาๆ เอามันมาแล้วก็ต้องดูแลให้ดีเหมือนที่รับปากพ่อมันไว้ ยังไงก็ถือว่ามีบุญคุณกับพวกผมถึงจะแค่วันเดียว แกอุตส่าห์คิดว่านักโทษคงมีสัจจะมากกว่าโจร ทำเอาผมอดที่จะยกยิ้มไม่ได้กับความอารมณ์ดีของแกที่คงถ่ายทอดมาให้ลูกชายด้วย ดูจะกวนตีนใช่ย่อยถ้าเจอกันสถานการณ์อื่นก็คงจะดีกว่านี้ แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้เราต่างกันผมไม่อยู่ในฐานะที่จะผูกสัมพันธ์กับมันได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมทำได้คือดูแลและส่งมันกลับไปสู่อ้อมอกพ่อให้เร็วที่สุด ผมเชื่อว่าสองพ่อลูกไม่ใช่คนที่พูดมากในเรื่องบางอย่างที่ไม่สมควรพูดหรือถ้าเจ้าหน้าที่สอบถามมันก็คงบอกได้แค่บริเวณที่จากกันเท่านั้น ที่เหลือเขาก็แกะรอยเอาเอง ผมส่ายหน้ากับความคิดล่วงหน้า ก่อนจะบีบยาคลายกล้ามเนื้อที่เป็นเจลใสใส่นิ้วป้ายตรงตีนมันที่พองคงเกิดจากเหยียบเศษไม้เศษหินเพราะวิ่งตีนเปล่า มันสะดุ้งหดตีนก่อนจะเหยียดออกตามเดิม ผมแต้มให้จนครบที่ อดจะทึ่งกับความฉลาดและความกล้าหาญของมันไม่ได้ จากรูปร่างถ้าตัวต่อตัวมันพอสู้ได้อยู่ แต่นี่เป็นกลุ่ม ยังไงมันก็ต้องเสียเปรียบอยู่แล้ว ผมซุ่มดูอยู่ตลอดรอจังหวะที่จะเข้าไปช่วย ถ้าเกิดโผล่ไปอาจจะเสียท่าถูกจับได้ทีนี้โอกาสรอดคงยาก ตอนที่ไอ้พวกนั้นกระจายออกค้นอะไรบางอย่างผมกำลังจะเข้าข้างหลังไอ้หัวหน้ามัน แต่ไอ้เด็กนี่กลับพุ่งตัวใส่ไอ้คนถือปืนและกราดยิงซะก่อน มันคงคิดแล้วว่าตายเป็นตาย รอดก็รอด
“มันดีขึ้นไหมวะ”เสียงไอ้เบียร์ขัดความคิดผม มันตื่นมานั่งตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ข้างๆก็คือไอ้รันที่นั่งตาปรือ ไม่รู้จะเสือกตื่นมาทำไมละเมอไงมึง
“อืม ไข้ลดแล้ว”ผมรับคำก่อนจะเก็บยาตามเดิม เอนตัวพิงผนังถ้ำที่สำรวจแล้วไม่มีอะไรเป็นภัย เราก่อกองไฟข้างหน้าและทำกับดักไว้ด้วย กันทั้งคนทั้งสัตว์ที่อาจเข้ามาเยือนได้ทุกเมื่อ
“มึงจะเอามันไปด้วยจริงๆเหรอ”ไอ้รันถามผมพยักหน้าไปทางไอ้คนป่วย
“แค่หลุดจากเขตนี้เท่านั้น”ผมตอบก่อนจะเอาผ้าปัดแมลงให้มัน
“ถ้ามันบอกตำรวจล่ะ”ไอ้เบียร์ถามต่อเรียบๆหน้ามันไม่ได้กังวลแต่อย่างใด
“มันจะรู้ไหมล่ะว่าเราไปไหน”ผมพูดแค่นั้น เพราะยังไงคงไม่เอามันไปลำบากและเผชิญความตายมากกว่านี้แล้ว มันควรจะมีชีวิตกลับไปหาพ่อและแต่งงานกับคนที่มันรักต่อไป
“ถ้ามันรู้ล่ะ”ไอ้เบียร์ยังไม่วางใจ มันใจร้อนพอกับที่มันชอบระแวง คงเป็นเพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตมันก็เลยค่อนข้างจะเชื่ออะไรยากโดยเฉพาะคนที่เพิ่งรู้จัก
“จากใครล่ะ มึงคิดว่ากูหรือเปล่า”ผมพูดปรายตาใส่มัน
“เห่ย กูไม่ได้คิดแบบนั้น เกิดมันรู้ขึ้นมาเองประมาณนี้”ไอ้เบียร์รีบบอกทันทีว่าไม่ได้สงสัยผม
“นั่นสิ ถ้ามันรู้เองมึงจะทำยังไง”ไอ้รันที่เงียบไปถามบ้าง
“กูเชื่อว่ามันไม่หาเรื่องใส่ตัวหรอก อย่างน้อยมันต้องนึกถึงชีวิตพ่อมันแน่นอน”ผมพูดด้วยความมั่นใจในตัวไอ้คนป่วย ผมไม่รู้จะบอกยังไง มันเหมือนว่า ไว้ใจ เชื่อใจ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ขอให้เป็นอย่างนั้น”ไอ้รันยักไหล่ก่อนจะล้มตัวนอน
“พรุ่งนี้มันจะไหวไหมวะ”ไอ้เบียร์พูดถึงไอ้คนป่วย มันเดินกอดอกมาดูใกล้ๆ ผมมองหน้ามันก่อนจะมองไอ้คนที่นอน ตอนดีๆมันชกไอ้เบียร์ซะปากเจ่อ หมัดหนักไม่ใช่เล่น อีกข้อที่รู้ได้ นิสัยมันไม่ยอมให้ใครรังแกฝ่ายเดียวแน่นอน และมันก็ไม่ใช่คนที่หาเรื่องใครก่อนด้วย
“ดูก่อน”ผมตอบก่อนจะมองมันอีกที ลุกขึ้นจะไปดูข้างนอกว่ามีอะไรผิดปกติบ้างหรือเปล่า
“แล้วมึงจะไป เอ้อ บ้านไหม”ไอ้รันถามผมเสียงเบา มันกลัวผมจะว่ามั้ง
“ว่าจะ”ผมตอบมันหลังเงียบไปอึดใจ เป็นอีกเรื่องที่ผมคิดว่าถ้ามีโอกาสอยากจะแวะไปบ้าน แต่คงต้องรอเวลาป่านนี้เจ้าหน้าที่คงรุดไปบ้านผม รวมถึงบ้านไอ้สองคนนี้ด้วยแล้ว ถึงเขาจะคิดว่าพวกผมอาจจะไม่ไปแน่ แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ เหมือนที่เขาบอกกันว่า ‘ที่ที่อันตรายคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด’ ก็ยังใช้ได้อยู่ เพราะผมก็กำลังย้อนรอยกลับไปที่อันตราย
“ทั้งที่ไอ้คนบ้านนั้นเอามึงเข้าคุกเนี่ยนะ ยังจะไปอีกเหรอ กูว่ามึง ฮึ่ย”ไอ้เบียร์พูดอย่างเจ็บแค้นแทนผม
“คนผิดก็ต้องติดคุกเป็นธรรมดา”ผมบอกมันเรียบๆไม่ได้มองหน้าก่อนจะพูดต่อ
“กูคิดถึงลูก” สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ นอกจากพ่ออันเป็นที่รัก ก็คือลูก อยากเห็นหน้า อยากกอด มันสองคนไม่พูดอะไรอีก ขณะจะก้าวเท้าออก
“พ่อ แม่ อย่าไป อย่าทิ้งหนู หนูกลัว”เสียงเพ้อดังลอดริมฝีปากแห้ง มือจับขาผมเอาหน้าซุกอย่างไม่รู้ตัว ถ้ารู้มันคงไม่รักตีนผมแทบจะกลืนกินขนาดนี้หรอก ไอ้เบียร์เลิกคิ้วยกยิ้ม
“มึงดูลูกที่นี่ไปก่อนแล้วกัน ครึครึ”มันพูดกลั้วขำก่อนจะเดินไปนอน ไอ้รันชะโงกหัวมาขำมั่ง เดี๋ยวกูเหยียบเรียงตัว ผมก้มไปแกะมือมันออก ทรุดนั่งเมื่อไม่ยอมปล่อย
“พ่อ ฮึก พ่อ หนูหนาว หนาว”มันกอดและห่อตัวเอง มือไขว่คว้าไปทั่วจนเจอมือผมจับไปแนบหน้าซุกตัว ผมถอนหายใจก่อนจะล้มลงนอนข้างๆตัดสินใจดึงมันมากอด ไอ้คนป่วยคว้าหมับซุกอกทันที ตอนนี้มันเหมือนเด็กที่เจ็บป่วยอ้อนพ่อ ไม่เหลือเค้าไอ้หนุ่มใจนักเลงวิ่งหน้าตั้งเมื่อกลางวันเลย มนุษย์จะแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาก็ต่อเมื่ออ่อนแอหรือกลัวอะไรสุดสุด
“พ่อ อุ่นจัง”เสียงงึมงำ ผมลูบหัวมัน คิดซะว่านอนกอดลูกแล้วกันถึงจะแทนไม่ได้ แค่คลายความคิดถึงก็ยังดี อายุผมแค่หลักสามคงยังไม่ถึงกับเป็นพ่อมันได้หรอกมั้ง อีกอย่างตื่นมาอย่าเสือกโวยวายว่ากูถูกตัวมึงล่ะ มึงร่ำร้องเองนะ
/
/
/
“ยังมึนหัวอยู่หรือเปล่า”ผมถามไอ้คนป่วยที่นั่งหน้าแดง ปากซีดแตก ตาปรือ มันส่ายหน้า
“ตีนล่ะ”ผมถามต่อ มันยกมาดู ก่อนจะหันมาให้ผมร่วมพิจารณาด้วยว่ายังบวมอยู่แต่ไม่มากแล้ว มึงไม่ต้องแสดงหลักฐานที่ชัดเจนขนาดนี้ก็ได้
“กินน้ำก่อน”ผมยื่นน้ำที่ใส่กระบอกไม้ให้ มันรับไปกินโดยดี คงจะคอแห้ง มันขมวดคิ้วก่อนจะกินต่อ คงสงสัยว่าทำไมมันอุ่น ไม่ต้องคิดว่ากูเอากระติกน้ำร้อนบ้านมึงมาหรอกนะถึงเอามาก็ไม่มีปลั๊กให้เสียบอยู่ดี ผมเอาไปต้มเองแหละกลัวมันจะติดเชื้อ น้ำที่เอามาจากบ้านมันหมดแล้วเลยไปเอาน้ำในลำธารใกล้ๆ ถ้าปกติก็กินกันตายไปก่อนแต่นี่มันเป็นไข้เลยต้องอนามัยหน่อย ผมส่งปลาย่างเสียบไม้ให้มัน เมื่อเช้ามืดไอ้รันกับไอ้เบียร์ไปหามาได้หลายตัวอยู่ มันเลยย่างเก็บไว้กินกลางทางด้วย ไม่รู้วันนี้จะได้เดินทางไหม ดูไอ้คนตรงหน้าจะไม่ไหวแน่
“เจ็บคอ”มันส่ายหน้าบอกด้วยเสียงแหบๆ
“ฝืนหน่อย”ผมบอกมันที่ยังนั่งอึนหน้ามึน มองหน้าผมก่อนจะมองรอบๆ ไอ้สองคนยืนคุยและสูบบุหรี่ที่เป็นมวนจาก มันเอาของลุงมาเพียบ มีการบอกไม่ได้หยิบมาเฉยๆนะ ลุงยัดเหยียดให้มา ของกินของใช้แกก็ให้บอกอยากได้อะไรก็เอาไปอีก ขอแค่ชีวิตแกกับลูกชายเท่านั้น อืม ลุงเขาพูดขนาดนั้นพวกมึงยังนึกว่าเขายัดเหยียด เขากลัวพวกมึงจะฆ่าเขาน่ะสิ แต่ผมว่าดูแกเป็นคนดีมีน้ำใจตามปกติอยู่แล้ว
“เอ้า”ผมแกะปลาส่งให้ มันทำหน้าแบบกูไม่อยากแดก มองหน้าผมและส่ายหน้ายืนยันว่ากูไม่กิน
“ให้กูเคี้ยวและยัดปากให้ไหม ถ้าไม่กิน”ผมเสนอทางเลือกให้ มันรีบหยิบไปกินทันทีเคี้ยวแบบฝืดก่อนกระเดือกลงคอ สักพักล่อไปสามตัว กินยาตบท้าย
“เป็นไงวะ”ไอ้เบียร์เท้าเอวเหนือหัวมัน
“ป่วย”มันตอบไอ้เบียร์
“กระทืบซ้ำไหมจะได้หายไวไว”ไอ้เบียร์ยกตีน แต่ปากมันอมยิ้ม มันติดนิสัยชอบแกล้งชอบแหย่ ไอ้รันโดนประจำ
“ปากอย่างนี้รอดมาได้ไงวะ”ไอ้รันพูดขำๆนั่งข้างมัน
“ปากดีและกูฉลาดไง”มันก็ยังมีแรงไปกวนตีนไอ้รัน
“ถุย”สองคนมันพร้อมใจกัน ถ้าไม่ติดว่าสถานะพวกเราคืออะไร คงนึกว่าเพื่อนมาตั้งแค้มป์และแซวกันตามประสา มันมองหน้าพวกผมก่อนจะหลุบตาลงมองมือตัวเอง
“มึงเห็นหน้าพวกกูทั้งหมดแล้ว”ไอ้รันเอ่ยขึ้นมา
“หล่อไหมล่ะ”ไอ้เบียร์นั่งลงมั่ง กระตุกยิ้ม
“น้อยกว่ากูเยอะ”มันก็ตอบกวนๆเหมือนเดิม สีหน้าแววตาไม่มีความหวั่นเกรงอะไรทั้งนั้น
“ไอ้เหี้ยยยย กล้าพูด”ไอ้รันทำเสียง
“มึงคิดว่าพวกกูควรทำยังไงกับมึงดี”ไอ้เบียร์พูดเหมือนขอความเห็นแต่ข่มขู่ไว้ด้วย ผมนั่งเงียบฟังพวกมัน อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้
คนป่วยมันจะไปยังไงต่อ ถ้าถามขนาดนี้
“ฆ่ากูซะสิ ถึงยังไงตอนนี้หน้าพวกมึงก็มีคนเห็นทั่วประเทศอยู่แล้ว มึงจะปิดไปได้นานสักเท่าไร”มันพูดน้ำเสียงไม่บ่งบอกว่าประชดแต่อย่างใด แต่ทำเอาเงียบกันได้
“ก็จริงของมึง ไหนไหนก็เห็นหน้าเห็นตากันแล้ว ชื่อพวกกูมึงก็รู้แล้วมั้ง แล้วมึงชื่ออะไร ได้ยินแต่พ่อมึงเรียก ไอ้หนู ไอ้หนู”ไอ้รันยักไหล่ยอมรับคำที่มันพูดก่อนจะแถไปเรื่องชื่อ
“หนู”มันตอบสั้นๆ
“กูไม่ใช่พ่อมึง ไม่ต้องมาแทนตัวหรอก”ไอ้เบียร์พยักหน้าใส่มัน
“นั่นแหละชื่อกู แค่ก แค่ก”มันพยายามตะเบ็งเสียงพูด จนไอ
“เหอะ โตเป็นควาย ชื่อหนู”ไอ้เบียร์กระตุกยิ้ม แหย่มันอีก
“ชื่อมึงดีตาย”มันพูดกลับมามั่ง
“ดีสิ แมนกว่ามึงเยอะ”มันยักคิ้วใส่
“กูว่าเรียกเพี้ยนเสียงมากกว่า ที่จริงมึงชื่อเหี้ยใช่ไหมแต่เพี้ยนเป็นเบียร์”มันก็ทำกลับ
“ไอ้สัด กวนตีนกูเหรอ”ไอ้เบียร์เอาตีนยันมันแต่ผมดึงเอาไว้ มันจิ๊ปากชี้หน้าแบบ รอดไปนะมึง คิดอีกที มึงว่าเหมารวบยอดกูไปด้วยหรือเปล่าวะ
“ฮ่าๆๆๆ กวนตีนดีแท้ งั้นไอ้เฮียก็ ครึครึ”ไอ้รันหัวเราะ หันมาพูดกับผมเอามือปิดปาก เอาความคิดกูไปพูดอีก
“เออว่ะ น่าจะออกเสียงเพี้ยนกว่าชื่อกูอีก ฮ่าๆๆๆๆๆ”ไอ้เหี้ยเบียร์ขำออกมาบ้าง
“แค่ชื่อ แต่หน้ามึงเหี้ยกว่ากูเยอะ”ผมกระตุกยิ้มใส่มัน ที่หุบทันที
“สัด”สั้นๆ
“กู รัน นั่นไอ้เบียร์ นี่ก็ไอ้เฮีย”ไอ้รันแนะนำตัวเองอีกครั้ง มันเข้าใจว่าตอนนี้อยู่มหาลัยที่เพิ่งเข้าไปศึกษาเจอเพื่อนใหม่เลยแนะนำตัวกันมั้ง
“รู้ว่าเป็นลูกพี่ไม่ต้องย้ำหรอก”ไอ้คนป่วยพูดเสียงแหบแต่ออกเซ็งๆ
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“ก๊ากกกกกกกกกกกกก”
ไอ้สองตัวหัวเราะสุดเสียงอย่างไม่กลัวว่าญาติฝ่ายพ่องมึงที่เป็นเจ้าหน้าที่หรือไอ้พวกเหี้ยลักลอบจะได้ยินว่าซุ่มกันอยู่ตรงนี้ ไอ้หนูทำคิ้วขมวดว่ามันพูดอะไรผิด ผมคลี่ยิ้มน้อยๆกับความเข้าใจของมัน
“ไอ้หนูเอ้ย กูถามจริงๆมึงกวนตีนพวกกูหรือเปล่า”ไอ้รันจับไหล่มันพยักหน้าถาม
“หน้ามึงมันคาบเส้นซื่อกับกวนตีน แยกไม่ออกว่ะ”ไอ้เบียร์พูดกลั้วหัวเราะ
“ก็กูได้ยินเรียก เฮีย ไอ้เฮีย แต่ช่างเถอะ กูไม่อยากรู้หรอก”มันพูดเรียบๆก่อนจะตัดใจไม่อยากรู้
“นั่นแหละชื่อมัน ไอ้เฮียยยยยยยยย”ไอ้รันไขข้อข้องใจให้มันลากหางซะยาว มันหน้าเหวอปนแดงไม่รู้อายที่เข้าใจผิดหรือพิษไข้กำเริบกันแน่ หันมามองหน้าผมที่มองมันอยู่แล้ว
“กะ กูไม่รู้นิ คนเหี้ยอะไรชื่อเฮีย ไม่เคยได้ยิน”มันพูดแก้ตัวติดขัดแต่ยังยัดสัตว์ใส่ให้ผมด้วย
“คนเหี้ยแบบกูนี่แหละ ชื่อเฮีย จำเอาไว้ให้ดี”ผมบอกมันก่อนจะลุกเดินไปข้างนอก ทิ้งให้มันอ้าปากหวอ
“แหล่ว แหล่ว แหล่ว มันงอนมึงแล้วที่ไปด่ามัน”เสียงไอ้รันพูดเหมือนจะจริงจัง มึงใช้คำว่ากูโกรธจะดีกว่ามั้ง ฟังชอบกล หน้าอย่างกูนี่นะงอน และกูจะงอน เอ้ย โกรธมันเรื่องอะไร ในเมื่อมันพูดจริง ทำไมผมถึงเชื่อว่ามันพูดอะไรจริงตลอด
“มันไม่ได้งอนหรอก”ไอ้เหี้ยเบียร์พูดแก้ตัวให้ผมที่น่าจะดูเกรงขามขึ้น ก่อนจะพูดต่อทำใจฟีบไปนิด
”มันแค่น้อยใจ”โธ่ ไอ้เหี้ยไม่ต่างจากไอ้รันเลย ผมหันไปมองมันที่ยกยิ้มล้อเลียน
“เออ โทษทีกูใช้คำผิดไปหน่อย ครึครึ”ไอ้รันเล่นตามมัน เดี๋ยวพวกมึงจะโดนกูเล่นมั่ง ไอ้หนูยังเฉยไม่เอ่ยอะไร
“มันอุตส่าห์ไปช่วยและดูแลมึงไม่ได้หลับไม่ได้นอน แถมอ้อมกอดอันอบอุ่นให้อีก ไม่สำนึก”ไอ้เบียร์ช่วยเสริมเข้าไปอีก
“หุบปากได้แล้ว”ผมหันไปพูดใส่มันสองคน ไอ้หนูมองก่อนจะหลบตา ผมกำลังจะเดินออกไปลำธารว่าจะล้างตัวสักหน่อย หูยังเสือกได้ยินไอ้หนูพูดประโยคเด็ดตามหลัง
“ไม่ใช่เมียกู กูไม่ง้อหรอก”ทันทีที่มันพูดจบ ไอ้สองตัวหัวเราะลั่นถ้ำ ผมสุดจะกลั้นรีบเดินไปลำธารอย่างไว ไม่งั้นหัวเราะต่อหน้าพวกมันแน่ๆ สัด ถามกูบ้างก็ได้ว่าอยากได้มึงทำผัวหรือเปล่า
/
/
/
“เดินทางเลยดีกว่าว่ะ ชักช้าได้แห่มาทันแน่”ไอ้รันมือเก็บของปากก็พูดไปด้วย
“กูก็ว่างั้น มันบอกว่าอีกไม่กี่สิบโลจะถึงทางออก วันนี้น่าจะทันอยู่”ไอ้เบียร์เห็นด้วย เก็บหลักฐาน ผมหันไปมองไอ้คนที่เพิ่งฟื้นไข้ ตัวมันไม่ร้อนแล้ว แต่ตีนยังบวมอยู่ ถ้าเอามันไปด้วยต้องล่าช้าอยู่ดี จะให้แบกตลอดทางก็คงไม่ไหวเหมือนกัน ถึงตัวมันจะเล็กกว่าผมแต่ยังไงน้ำหนักก็ต่างจากผู้หญิง และจะปล่อยทิ้งไว้ก็คงไม่ได้ เกิดไอ้พวกนั้นตามมาทันได้ฆ่าและคงแถมข่มขืนให้มันก่อนตายด้วย คงทรมานน่าดู
“พวกมึงไปเถอะ ทิ้งกูไว้ที่นี่แหละ หรือถ้ากลัวกูบอกตำรวจก็เก็บกูซะ”ไอ้หนูพูดออกมาตามองข้างหน้าที่เป็นผนังถ้ำ มองอยู่อย่างนั้นเหมือนจะเปลี่ยนให้เป็นจอแอลซีดีให้ได้มั้ง น้ำเสียงมันเหมือนปลงกับความตาย ทั้งที่มันกลัวไม่น้อยมือมันสั่น หน้ามันนิ่งแววตาสั่นไหวเหมือนจะร้องไห้ มันคงคิดว่ายังไงก็คงไม่ได้เจอพ่อและกลับไปแต่งงานทำหลานให้แกแล้ว
“มึงพูดจริง”ไอ้เบียร์เลิกคิ้วใส่มัน
“ยังไงกูก็ตายอยู่ดี ส่งพวกมึงเสร็จคงไม่ถีบหัวกูส่งอย่างเดียวหรอก”มันกระตุกยิ้มก่อนจะพูดเหมือนรู้ว่าชะตาต้องเป็นตามนั้น
“ไม่คิดว่าพวกกูมีสัจจะบ้างเหรอ ขนาดพ่อมึงเขายังเชื่อเลยนะ”ไอ้รันมานั่งข้างๆพูดใส่มันเหมือนประชดนิดๆแต่ผมว่ามันสองตัวคงดูเชิงไอ้หนูมากกว่าที่จะทำจริงๆ เพราะพวกมันไม่กล้าขัดคำสั่งผมแน่ ถ้าผมไม่สั่งใครก็ฆ่ามันไม่ได้ทั้งนั้น ถ้ามันจะต้องตายผมต้องเป็นคนลงมือเอง
“พ่อกูเขาเป็นคนดี มองโลกในแง่ดี เขาหวังว่าความดีที่เขาทำคงไม่มีใครมาทำร้ายเขาและกูได้ แต่เขาคงลืมคิดไปว่าโลกนี้มีทั้งคนดีและคนชั่วปะปนกัน”มันพูดต่ออีกหันมาทางพวกผม
“ฮึ มึงหมายถึงมาเจอคนชั่วๆแบบพวกกูน่ะเหรอ”ไอ้เบียร์กระตุกยิ้ม
“ถ้าพวกมึงดีจะไปติดคุกทำไม”มันย้อนถามไอ้เบียร์
“คนดีติดคุกก็มีเยอะ มึงไม่เคยได้ยินแพะรับบาปเหรอ”ไอ้เบียร์ตอบมันเดินเข้าไปใกล้อีกนิด และพูดต่อ”มึงอย่าคิดว่าในคุกจะมีแต่คนชั่วๆ ไอ้ที่มึงเจอเมื่อวานมันก็ชั่วไม่ต่างจากพวกกูและไอ้ที่อยู่ในคุกหรอกโว้ย”
“เดี๋ยวมันก็ติดคุก ถ้ามันถูกจับได้ หรือถ้าไม่ถูกจับมันก็ต้องได้รับเวรรับกรรมที่มันทำอยู่ดี”ไอ้หนูยังไม่ยอมเถียงกลับ
“เหอะ เมื่อไรล่ะ ตอนที่ป่าถูกตัดจนหมด เจ้าหน้าที่โดนฆ่า หรือ ร่วมมือกับไอ้พวกนั้นช่วยเปิดทางให้พวกมันได้สะดวกขึ้น หรือมันรอดไปแก่ตายอย่างสลบในบั้นปลายเพราะหมดแรงจะทำชั่วแล้ว ห๊ะ”ไอ้รันทำเสียงเยาะใส่
“ฮึ คนข้างนอกที่เป็นเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ชั่วไปหมดเหมือนที่มึงคิดหรอก คนดีและรับผิดชอบหน้าที่ยังมีอีกเยอะที่เขาเสียสละทำหน้าที่ตรงนี้ แม้แต่ชีวิตเขาก็สละได้อย่างทหารที่รักษาชายแดน ตำรวจที่จับคนร้ายจะช้าจะเร็วเขาก็ทำ จราจรที่ยืนโบกรถไปมา ไม่รู้ว่ารถจะวิ่งมาชนตายเมื่อไร หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ป่าไม้อย่าง สืบ นาคะเสถียร ก็ยังสละชีวิตปกป้องป่า พอไหมกับตัวอย่างที่กูพูด หรือมึงจะเอาครูจูหลิงอีกคนที่เป็นผู้หญิงจากบ้านเกิดไปอยู่ที่พื้นที่อันตราย ฮึก พอไหม“มันเอาคำพูดไอ้พวกนั้นมาย้อนก่อนจะร่ายยาวทำเอาไอ้สองตัวเงียบกริบ มันเบือนหน้ามามองผม
“กูไม่ได้อยากจะว่าพวกมึง กูไม่รู้และก็ไม่อยากจะรู้ด้วยว่าพวกมึงติดทำไม ถ้าผิดจริงก็ต้องยอมรับสิวะ ถ้าไม่ผิดก็สู้คดีสิ ถ้ามึงมีคนคอยห่วงก็นึกเขาบ้างก็ได้ ถ้าไม่ร้ายแรงมึงก็ติดไม่กี่ปีก็ได้ออกไปเจอหน้า”มันพูดต่อด้วยอารมณ์ไหนผมก็ยังคาดเดาไม่ได้ เพื่อเอาตัวรอดให้พวกผมยอมปล่อยมัน หรือพูดจากใจจริง แต่ผมเชื่อว่ามันพูดจากใจจริง
“และถ้าไม่ได้ออกไปเจอหน้าล่ะ เกิดกูตายในคุก”ไอ้รันพูดเบาๆนั่งก้มหน้า
“ชาติหน้าก็ยังมี”ไอ้หนูตอบเรียบๆ
“โธ่ ไอ้เหี้ย แล้วจะพูดให้พวกกูเกือบเคลิ้มทำไมวะ”ไอ้เบียร์หลุดปากออกมา ก่อนจะเงียบเมื่อหลุดฟอร์มโหด
“สัด กูกำลังจะคิดได้เจอมึงพูดแบบนี้ไป คิดแบบเดิมดีกว่า”ไอ้รันส่ายหน้า ผมยกยิ้มแต่พวกมันไม่เห็นหรอก มัวแต่สบถใส่กันอยู่
“เหมือนกูไง ที่คิดเอาไว้แล้ว ถ้าตายไปเกิดอีกกี่ชาติก็ขอให้ได้เจอพ่อแม่กูทุกชาติ”มันพูดต่อเสียงเหมือนจะขำ
”กูไม่ได้บอกว่ากูเป็นคนดีหรอกนะ ตอนเด็กก็เคยขโมยเงินพ่อ โตมาก็เวรกรรมตามทันเจอหญิงหลอกแดกตังค์ตลอด ไอ้ที่โหดสุดก็ฆ่าไปหลายศพอยู่”มันยังไม่หยุดพูดเหมือนกลัวว่าตายไปจะไม่ได้พูด
“หน้าอย่างมึงเนี่ยนะ ฆ่าไปหลายศพ”ไอ้รันพูดและทำหน้าอย่างไม่เชื่อ
“ฉิบหาย เมื่อกี้ยังเทศน์ให้พวกกูกลับตัวกลับใจอยู่เลย กูไม่เชื่อหรอก ไม่งั้นมึงฆ่าพวกกูแล้วถ้ามึงโหดขนาดนั้น”ไอ้เบียร์ด่าและส่ายหน้าไม่เชื่อเหมือนไอ้รันเช่นกัน ส่วนผมก็ยังนั่งมองตามเดิม อยากรู้มันจะปล่อยมุกอะไรอีก
“จริงๆ นก หนู ปลา กบ แม้กระทั่งหอยกูยังฆ่าเลย กูทุบ ชำแหละ แกะ สับ หลังจากนั้นก็เอาไว้ทำกับข้าวกิน ”กูว่าแล้ว มันพูดแล้วนั่งกอดเข่าก้มหน้า สงสัยกลัวโดนตีนไอ้สองตัวที่กว่าจะนึกได้ว่าโดนมันหลอก
“ไอ้เหี้ยยยยยยยยย ยังจะมาคุย”ไอ้รันลากเสียงตามหางมัน
“ถุย ไอ้ส้นตีน ฮ่าๆๆๆๆๆ”ไอ้เบียร์ด่าแต่สุดท้ายหัวเราะ พอกับไอ้รัน
“แล้วมันมีชีวิตไหมล่ะ นี่แหละก็ถือเป็นเวรกรรมที่กูไปพรากพวกมันมาจากพ่อแม่ ดีนะกูไม่ฆ่ายกครัว ไม่งั้นพ่อกูคงโดนไปด้วย”มันยังมีแก่ใจสาธยายให้ฟังต่อ พาหัวเราะกันไปอีก ดีเหมือนกันคลายเครียด มันก็คงจะปลอบตัวมันเองไปด้วย
“เออๆๆ กูเชื่อ ยังมีอีกไหมวะ ครึครึ”ไอ้รันทำหน้าแบบยอมๆ
“มี ล่าสุดเลย”มันพยักหน้าหงึกๆ
“อะไรวะ มึงทำอะไร”ไอ้เบียร์ที่ตอนแรกเหมือนไม่อยากจะรู้ แต่ตอนนี้เสือกเต็มตัวเลย
“มันเกิดวันที่มึงมาปล้นบ้านกูนี่แหละ”มันพูดและหยุด ไอ้สองตัวก็ทำหน้าลุ้น
“มึงเล่าสิ หยุดทำไมวะ”ไอ้รันทำเสียงแบบขัดใจนิดๆ คืออยากฟังจนตัวสั่น
“เร็วดิ เกี่ยวอะไรกับพวกกู”ไอ้เบียร์ก็เส้นตื้นตามไปอีกคน
“กูกับพ่อลงไปตรวจรอบบ้าน กูเดินไปในสวนเห็นมีร่องรอย ก็นึกว่าพวกโจรหรือเปล่า ย่องเข้าไป ย่องเข้าไป”มันพูดและทำเสียงประกอบการเล่าเหมือนนิทานกล่อมเด็ก “กูแอบตรงพุ่มไม้ซุ่มดูพุ่มไม้อีกพุ่มที่ขยับไหวไปมา กะจะยิงแต่กลัวว่าเป็นอย่างอื่นก็เลยขว้างไม้เข้าไปอย่างแรง ทีนี้แม่งร้องเสียงหลงเลย”
“อะไรวะ สรุปคนหรืออะไร”ไอ้รันถามเสียงตื่นเต้น ถ้าใครไม่รู้ว่ามึงเป็นนักโทษต้องนึกว่ามึงปัญญาอ่อนแน่ที่สนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องและสุดท้ายก็เป็นเรื่องจนได้
“จะอะไร ก็ไอ้ตะบันหมากูน่ะสิ มันพาเด็กมาล่อในสวน กูขว้างไปเต็มๆมันหลุดจากติดเป้งเลย”ไอ้หนูทำหน้าแบบมึงไม่น่าถามให้กูอับอายหรือเสียดายที่ไม่ได้ดูหมามันล่อต่อ
“ก๊ากกกกกกกกกก”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
มันสองตัวขำจนก้องถ้ำ ผมเลยหยิบก้อนหินเล็กๆเขวี้ยงหัวไปคนล่ะที
“มึงจะหัวเราะเรียกญาติไอ้ตะบันหรือไง เดี๋ยวฟังเสียงดมกลิ่นมาถูกทางหรอกมึง”ผมเตือนพวกมันนิด ๆ ไม่ได้ว่าพวกคุณเจ้าหน้าที่เป็นไอ้ตะบันนะครับ ผมหมายถึงสุนัขตำรวจที่ไอคิวการดมกลิ่นเหนือมนุษย์
“โอ้ย เหี้ย กูลืมตัว”ไอ้รันร้องแถมทำมือกัน
“เออ โทษที ก็กูขำมันนี่หว่า ครึ ครึ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกกูวะ”ไอ้เบียร์ยกมือแบบขอโทษ ก่อนจะสนใจต่อ กูนึกว่าจะเลิกยังเสือกต้องการคำตอบอีก
“เกี่ยวสิ ก็กูไปขัดขวางความสุขมันไง เลยทำให้ไม่ได้แต่งงานเพราะโดนพวกมึงจับมา เวรก๊ำ เวรกรรม กูแท้ๆ ไม่น่าเลย”มันพูดใส่ก่อนจะทำเสียงและหน้าอย่างฮามากตอนท้าย
มีอีกต่อน