>> ป.24 <<
“เฮ้ย เป็นไงบ้างวะ”
“ นายว่ายังไง”
“สรุปใครทำ”
ยังไม่ทันจะก้าวเท้าถึงที่พวกมันยืนอยู่ เสียงถามด้วยความร้อนรนถึงก่อนตัวอีก ผมต้องยกมือบอกให้พวกมันเงียบ
“พรุ่งนี้จะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาที่นี่”ผมบอกพวกมันที่ฟังอ้าปาก
“เหี้ยแล้ว เกิดมันยัดทำไงวะ”ไอ้ปานอุทานสีหน้ากังวล
“ตุงมั้ง ไอ้สัด มันจะยัดได้ยังไง หลักฐานยังไม่เจอเลย มึงอย่าร้อนตัวได้ไหมวะ”ไอ้โจ๊กพูดอย่างรำคาญ
“นั่นสิ กูเห็นมึงแพล่มอยู่นั่นแหละ ไอ้ที่ไม่โดนจะโดนซะ”ไอ้รันด่ามันบ้าง
“ไม่ใช่ไอ้ทางโน้นหรอกที่ยัดให้ เผลอๆไอ้พวกไม่หวังดีทางนี้แหละเสนอแพะให้ไป”ไอ้เบียร์พูดพลางตบหัวมันไม่แรงนัก
“ไอ้เหี้ย ก็กูกังวลนี่หว่า เมื่อกี้พวกมึงก็ได้ยินว่ามันพูดใส่กูว่ายังไง ไอ้สัดเอ้ย”ไอ้ปานพูดอย่างเจ็บใจ ผมมองหน้าเชิงว่าหมายถึงใคร
“ไอ้เข้ม ไม่รู้มันไปไหนมา มาถึงก็พูดว่าไอ้ปานกับไอ้โจ๊กน่าสงสัยที่สุด มันบอกเห็นกับตาเลยว่าออกไปข้างนอกถือมีดถือปืนไปด้วย เฮ้อ”ไอ้รันบอกพร้อมถอนหายใจไปด้วย
“ก็แค่พูด ปล่อยมัน มึงก็อย่าร้อนตัวให้มากนัก นายไม่ส่งใครทั้งนั้น จนกว่าจะมีหลักฐานว่าทางเราผิดจริง”ผมพูดเตือนสติและบอกคร่าวๆให้ปานหายเครียด ดูมันสีหน้าดีขึ้นเริ่มยิ้มออก
“จริงเหรอวะ”มันถามเสียงดีใจ ผมพยักหน้า
“พรุ่งนี้อย่าทำตัวมีพิรุธ ถ้าเจอหน้าเขา แต่กูคิดว่านายคงไม่ให้พวกมึงออกมาหรอก”ผมเตือนมันอีกทีพร้อมคาดการณ์
“ใช่ มึงพูดถูกแล้ว”เสียงแขกไม่ได้รับเชิญ ส่งเสียงมาก่อนตัว คู่ปรับผม ไอ้ทวน
“ไอ้พวกนักโทษ แต่ชั้นเศษเดน นายบอกว่าให้พวกมึงไปมุดหัวอยู่ข้างหลังซะ”ไอ้ย้งพูดเสียงเยาะ ยกยิ้มใส่
“เฮ้ย พะ”ไอ้เบียร์ฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ ผมจับไหล่มันไว้ มันจิ๊ปาก ไอ้รันเม้มปาก พอกับไอ้สองคนที่ไม่พอใจเช่นกัน แต่การมีเรื่องกับคนสนิทนายไม่ใช่เรื่องที่ดี
“ทำตามที่บอก อย่ามีปัญหา”ผมบอกพวกมัน
“ดี พูดง่ายๆอย่างนี้ดี จะได้ทำงานร่วมกันได้หน่อย”ไอ้ย้งพูดออกมาอีก
“ส่วนกูกับมึง เอาไว้เจอกันใหม่ กูไม่อยากให้นายไม่สบายใจ”ไอ้ทวนพูดขึ้นมาบ้าง ผมยอมรับมันเรื่องนี้แหละ ความจงรักภักดีกับนาย ถ้าตัดเรื่องมันเขม่นผมออกไปได้ก็น่าจะดี
“มีอะไรอีกไหม”ผมถามพวกมันทั้งสองคนนั่นแหละ
“ไม่มี ก็แค่มาเตือนให้มึงดูแลพวกมันดีๆหน่อย อย่าปล่อยให้ไปสร้างเรื่องเดือดร้อนอีก ก็แค่นั้น ของมีให้กินเหลือเฟืออย่าเสือกตะกละตะกรามให้มากนัก”ไอ้ทวนกระตุกยิ้มพูดวางอำนาจ
“เดี๋ยวจะกลายเป็นแพะที่โดนแดกซะ ฮึฮึ”ไอ้ย้งพูดต่อ พวกมันฮึดฮัดมากขึ้นแต่ทำอะไรไม่ได้
“ได้ยินแล้วใช่ไหม”ผมถามลอยๆกับพวกตัวเอง พวกมันรับคำ ผมพยักหน้าและเดินออกจากตรงนั้นกัน แต่ยังไม่พ้นรัศมี
“เฮ้ย รีบไปไหนเล่า พวกขี้ขลาดเอ้ย”คำพูดไอ้ย้งทำเอาหยุดเดิน ผมหันไปมองมันสองคน
“กูไม่ได้รีบ ไม่ได้ขี้ขลาด แต่กูขี้เกียจเสวนากับพวกกากเดน”ผมพูดเสียงเรียบๆใส่มันสองคน ไอ้พวกนั้นหัวเราะคิกคัก
“ไอ้เฮีย มึงหมายความว่ายังไง”ไอ้ทวนชี้หน้า พอกับไอ้ย้งที่ถลึงตาใส่
“มึงให้ต่างด้าวข้างมึงแปลให้ฟังสิ มันน่าจะฟังออกนะ กูพูดจบมันเปลี่ยนสีหน้าทันทีเลย”ผมพยักหน้าไปทางไอ้ย้ง ไม่ได้อยากจะดูถูกสัญชาติมันหรอก ถ้ามันไม่ดูถูกคนอื่นก่อน ตัวมันเองก็ใช่ว่าจะไม่เคยทำผิดแค่ไม่ได้ติดคุกเท่านั้นเอง
“กูไม่ใช่ต่างด้าว กูมีสัญชาติเดียวกับนาย”มันโวยใส่ทันที ก้าวเข้ามาหาผม แต่ไอ้ทวนรั้งไว้ก่อน
“มึงพูดอย่างนี้เท่ากับดูถูกนายด้วยสิวะ ถ้านายรู้เข้า ฮึ”ไอ้ทวนได้ทียกนายมาขู่ผม
“พวกมึงต่างหากที่พูดจาดูถูก โดยการเอาสันดานตัวเองไปเทียบกับนาย และคงเป็นพวกมึงที่จะถูกสั่งสอนว่าไม่ให้ดูถูกพวกเดียวกัน”ผมตอบมันกลับทันที ทำเอาพวกมันเงียบ ถึงผมจะอยู่กับนายไม่นานแต่ไม่เคยเห็นนายพูดดูถูกใครถ้าไม่ทำกับนายก่อน และถ้าทำใส่ก็จะโดนโต้กลับอย่างสาสม
“ฮึ่ม ไอ้เฮีย”ไอ้ทวนพูดเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน พอกับไอ้ย้งที่มันไม่น่าจะหาเรื่องผม อย่างว่าแหละมันเพื่อนไอ้ทวน พูดอะไรก็ต้องเชื่อเป็นธรรมดา กอปรกับพวกมันกลัวว่าผมจะมาแย่งตำแหน่งคนสนิทแทนมัน ถ้าผมจะทำจริงๆคงทำตั้งแต่อยู่ในคุกแล้ว ไม่เคยคิดอยากจะแทนที่สักที
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง”ไอ้ย้งชี้หน้าผมอย่างเอาเรื่อง มึงเห็นขากูสั่นบ้างไหมกับการมาชี้หน้ากู
“กูมากกว่าที่ต้องฝากให้มึงคิดให้ดีก่อนจะทำอะไรลงไป นายไม่มีวันปล่อยคนที่ทำงานนายพังรอดไปได้”ผมพูดเรียบๆใส่มัน ทำเอามันอึ้งไปนิดที่พูดเหมือนรู้ทันความคิดในวันข้างหน้าของมันที่คิดจะเล่นงานผมแน่ขณะทำงานร่วมกัน พวกมันไม่พูดอะไรอีก ผมเลยเดินจากตรงนั้นทันที เสียเวลาการกลับห้องกูจริงๆ แทนที่จะใช้เวลาไม่ถึงนาทีกูก็จะเจอสิ่งที่น่าอภิรมย์แล้ว เสือกต้องมาเจอสิ่งปฏิกูลแทน
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เหี้ยยยยยย สะใจว่ะ”เสียงพวกมันหัวเราะพูดอย่างสะใจหลังลับตามาแล้ว
“สัด มันนึกว่าตัวเองดีขนาดไหนวะ ถุย”ไอ้เบียร์ด่าพร้อมถุยลงพื้น เกือบโดนตีนไอ้รันที่กระโดดหลบพอดี
“เหี้ยเบียร์ ตีนกูไม่ใช่หน้าพวกมันนะโว้ย ถุยมาได้”ไอ้รันเขย่งตบหัวไอ้เบียร์ทำหน้าแหยงไปด้วย
“โอ้ย ตีนมึงดีกว่าหน้าพวกมันเยอะ ฮ่าๆๆๆๆ”ไอ้โจ๊กพูดเปรียบพากันหัวเราะอีกระลอก ผมส่ายหน้ากับท่าทีพวกมัน ทำเหมือนเด็กช่างโดนตีมาก่อนและไปเอาคืนสำเร็จ
“กูบอกแล้ว อย่าให้ขึ้น ซวยไปมึงเจอไอ้เฮียด่า ครึครึ”ไอ้ปานพูดกลั้วหัวเราะ
“อย่างนี้แหละเห็นไม่โต้กลับนึกว่าหงอ ขี้ขลาด สัดเอ้ย ไอ้ควายยยย”ไอ้รันกระตุกยิ้ม ก่อนจะเสียงดังในตอนท้าย มันไม่น่าจะจบที่ควายนะ น่าจะจบตั้งแต่คำว่า สัด เพราะมันรวมทุกสรรพสัตว์แล้ว
“ขี้ข(ล)าดซิดี ถ้าขี้คาตูดแม่งคงทุเรศฉิบหาย เหม็นไม่พอ ถ่างอีก ฮ่าๆๆๆๆ”ไอ้เบียร์แปลเป็นมุกสกปรก แต่ทำเอาฮา
“เออว่ะ ก๊ากกกกกกกก”
“เมื่อกี้มึงไม่บอกมันวะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“ให้พวกแม่ง งงแดกกันไปเลย มันคิดไม่ทันหรอก ครึครึๆๆๆ”
“ถ้ากูพูดแม่งกกระทืบกูแน่ มีอยู่คนพูดได้ มันไม่กล้าหรอก”ไอ้เบียร์กระตุกยิ้มไหล่ไหวหงึกหงึก
“ใครวะ ไอ้เฮียเหรอ”ไอ้ปานถามและเสือกตอบในประโยคเดียวกัน ไอ้เบียร์ส่ายหน้ายิ้ม
“มึงอย่าบอกนะว่า”ไอ้รันทำเหมือนนึกได้ก่อนจะเงียบ มองซ้ายมองขวา มองหน้ามองหลัง ประมาณว่ามีใครอยู่ไหม
“อะไรของมึงวะ ไอ้รัน ใคร”ไอ้โจ๊กกอดคอไอ้รันให้ไปใกล้ๆ
“นาย อ๊าคคคคคคค เอี้ย เหม็นโว้ยยยย อื้ออๆๆ”สั้นๆก่อนจะโหยหวนเมื่อเจอไอ้โจ๊กจับซุกซอกรักแร้ เป็นที่สนุกของพวกผมแต่แหยงสำหรับไอ้รัน
“หาเรื่องซิมึง ไม่เข็ด เล่นของสูง”ไอ้โจ๊กดึงมันออกมาสูดอากาศ ผมยิ้มเฉยๆ ขนาดกูคิดก่อนยังไม่กล้าเลย
“เดี๋ยวไอ้พวกหูเหี้ยได้ยินแม่งลากหางไปบอกอีก ทีนี้ สวบบ”ไอ้ปานพูดทำท่าปาดคอไปด้วย
“มึงนี่ความจำสั้นจริงๆไอ้รัน จะเป็นใครถ้าไม่ใช่ เมีย ไอ้เฮีย น้องหนูสุดกวนตีนนนนนนนน ที่พูด”ไอ้เบียร์ด่าไอ้รันก่อนจะเฉลยว่าเป็นผู้ใดที่จะกล้าพูด พวกมันเงียบก่อนจะหัวเราะ
“เออๆๆๆ”
“ฮ่าๆๆ กูลืมไป”
“แม่งชอบพูดอะไรหน้าซื่อๆ”
“แต่หารู้ไม่ว่ามันกวนตีน ครึครึ”
ผมก็นึกไม่ถึงนะว่าจะเป็นน้องหนู เอ้ย หนูของเฮีย แต่พอนึกหน้าและคิดตามทำเอาผมเผยอยิ้มมากกว่าเดิม นั่นสิ ถ้าหนูพูดคงน่าฟังสำหรับผมและไอ้พวกนี้ แต่ไอ้สองตัวนั่นคงไม่ชอบใจแน่ ยิ่งไอ้ทวนมันยิ่งหาโอกาสจะสั่งสอนหนูของเฮียอยู่ แต่มันไม่มีวันได้สอนหรอก เมียเฮีย เฮียสอนเอง
“กูพูดถูกไหม เฮียของหนูนนนนนนนน โอ้ยยยยย”มันมากอดไหล่พูดใส่หูตอนผมตกในภวังค์คิดถึงคนอยู่ที่ห้อง ตกใจเลยกระทุ้งจนมันลงไปกอง
“แม่ง จุกกกก”มันบ่นอุบ
“สม เสือกเล่นของแปลก เอ้ย ของพิเศษเฮียเขา”ไอ้ปานนึกว่าจะดีเสือกแอบล้อ มันยิ้มแฮะๆ ไปแอบข้างหลังไอ้รันที่ยิ้มไม่ต่างกัน แต่ผมสามารถยันมันไปกองรวมกันได้
“เอาเป็นว่ารู้กัน กูยินดีด้วย”ไอ้เบียร์พูดพร้อมจับมือ มันนึกว่าอยู่ในงานมงคลสมรสหรือไง
“ดูแลกันดีๆนะ”ไอ้ปานตบไหล่
“มันเพิ่งหายอย่าเพิ่งไปซั่ม เอ้ย ซ้ำมันล่ะ”ไอ้โจ๊กเริ่มมาคลอเคลีย
“โอเค”ไอ้รันสรุปทุกใจความ
“สัด”ผมตอบรับทุกแรงใจ พวกมันหัวเราะ นี่เป็นคำแรกที่ผมด่าเป็น ถึงสมัยเรียนจะพูด กู มึง กับเพื่อนบ้างแต่ก็น้อย นั่นคือสนิทกันและเป็นฝ่ายพูดใส่ผมก่อน ผมถึงจะพูดกลับแบบนั้นด้วย
“ว่าแต่พวกกูไปเยี่ยม ซ้อ สักหน่อยดีกว่ามั้ง จริงไหมวะ”ไอ้ปานยังไม่เลิกวาย ยิ้มกริ่ม
“เสือก”อีกคำที่เป็นและเริ่มใช้บ่อยตามมาติดๆ
“โห หวงอะไรนักหนาวะ แค่ไปเยี่ยม”ไอ้โจ๊กโวยแต่หน้าตาไม่ได้จริงจัง
“นะ พวกกูไม่รบกวนมากหรอก”มันเร้ารื้อต่อ ผมเดินเลี่ยงไปทางกลับห้อง ได้เวลากินข้าวเย็นแล้ว หันไปพวกมันทำตาปริบขัดกับสถานะทางตำแหน่งพวกมึงเหลือเกิน
“เมียกูต้องพักผ่อน”ผมพูดแค่นั้นก่อนจะเดินไปทันที
“ฮิ้วววววว”
“ไอ้เฮียยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
“เฮ้ย เดี๋ยว เฮีย เอานี่ไปด้วย”ไอ้รันที่รู้สึกช้าเรียกและวิ่งตามมาส่งบางอย่างให้ ผมรับไปเปิดดู“เผื่อมันจะลดความคิดถึงพ่อมันได้บ้าง”ไอ้รันพูดยิ้มๆก่อนจะเดินไป ผมมองมันก่อนจะมองของอีกครั้ง กูกลัวจะเพิ่มมากกว่าเดิมนะสิ ไอ้รัน
.
.
.
.
“หนู”
“หนู อยู่ไหน”
“เฮียมาแล้ว”
ผมเรียกหาหนูหลังเปิดห้องเข้ามา แต่ไม่เจอแม้แต่เงา ผมเรียกและกวาดตามองรอบห้อง มือกระชับปืน เดินไปเปิดห้องน้ำ ไม่มี เดินไปที่ระเบียง
“หนู ได้ยินไหม”
ผมเรียกอีกครั้ง ใจเริ่มไม่เป็นสุข ระหว่างที่ผมไม่อยู่เกิดอะไรขึ้น แต่สภาพห้องก็เรียบร้อยดี ผมเดินไปสัมผัสที่นอน ยังอุ่นๆอยู่แสดงว่าเพิ่งลุกไปได้ไม่นาน แต่ลุกเองหรือว่ามีใครอุ้มไป ก่อนจะได้ยินเสียง กุกกัก ผมเงี่ยหูฟังว่ามาจากไหน
“หนู”
“หนู”
“เฮีย หนูอยู่นี่”เสียงตอบรับทำเอาผมโล่งใจ เดินไปตามเสียงที่ดัง และเสียงเรียกเฮียตลอด ก่อนจะถอยห่างแทบไม่ทันเมื่อตู้เสื้อผ้าเปิดออกพร้อมร่างคนที่ผมเรียกหาคลานออกมา มือถือปืนที่ผมให้ไว้ด้วย
“โอย กว่าจะมุดออกมาได้ แฮ่ก แฮ่ก”หนูนอนหงายหอบจนอกกระเพื่อม ผมเก็บปืน ก้มไปดึงมากอด
“เฮียนึกว่าหนูหายไป ใจไม่ดีเลย”ผมลูบหัว ได้กลิ่นแชมพูและสบู่จากเจ้าตัว แสดงว่าคงอาบน้ำแล้ว แต่มุดไปทำไมให้เหงื่อออกมาอีก
“เกือบหายแล้วเฮีย ถ้าเปิดได้ คงได้เจอคุณหลวงแน่”หนูผละออกบอกผมขำๆ แต่ผมไม่ขำเพราะ ไอ้คุณหลวงนี่มันใครวะ ทำไมหนูถึงต้องไปเจอมันด้วย
“แล้วเข้าไปทำอะไร”แต่ผมก็อดจะถามไม่ได้ ก่อนจะพยุงให้ลุกขึ้นไปนั่งที่เตียง
“ก็หลังเฮียจากไป หนูก็เข้าไปอาบน้ำ พอออกมามัน เอ่อ”หนูเกริ่นให้ฟัง แต่หนูพูดเหมือนเฮียตายจากเลยว่ะ
“มันยังไง เป็นอะไร มีใครเข้ามาที่นี่ บอกเฮีย”ผมถามก่อนจะฉุกคิดว่ามีใครเข้ามาแต่หนูไม่กล้าพูด นายเหรอ
“ไม่มีใครเข้ามาหรอกเฮีย แต่หนูระแวงกลัวจะมีคนเข้ามาก็เลยมองหาที่ซ่อนตัวเอาไว้เผื่อเฮียไม่อยู่ หาไปหามาได้ตู้เสื้อผ้านี่แหละ แต่มันไม่ธรรมดานะเฮีย”หนูรีบบอกให้ผมคลายความกังวล ตอนท้ายทำหน้าตื่นเต้นและเล่าต่อ
“มันยิ่งกว่าโอ่งในบ้านผีปอบอีก หนูลองเข้าไปนั่ง นอน แต่ไม่รู้ไปโดนอะไรมันเปิดออกหนูหงายหลังกลิ้งไม่ได้นึกท่า ไปชนกำแพงหัวยังปูดอยู่เลย”หนูเล่าพร้อมทำท่าทางเอามือลูบหน้าผากที่ยังมีรอยช้ำอยู่ ผมอยากจะขำแต่ขำไม่ออกเมื่อรู้ว่ามันไม่ธรรมดาอย่างที่หนูว่าจริงๆ
“ไหนดูสิ”ผมจับหน้าหนูเข้ามาดูใกล้ ก่อนจะเอาปากประคบลงไปสองสามครั้ง”หายเจ็บยัง”ผมถามคนหัวปูด ที่พยักหน้า
“แล้วไปโผล่ที่ไหน”ผมถามต่ออย่างสนใจ ไม่คิดว่าหนูโกหกแน่นอน เพราะไม่มีสาเหตุอะไรที่เขาจะกุเรื่องขึ้นมา
“ไม่รู้ พอคลำดูมันเป็นประตูแต่ล็อคอยู่ ตอนแรกหนูกลัวมากเลยเฮีย กลัวจะออกมาไม่ได้ ดีนะเอาปืนติดตัวไปด้วย กะว่าถ้าออกไม่ได้จริงๆ หนูจะยิงจนกว่าเฮียจะได้ยินน่ะแหละ”หนูส่ายหน้าเล่าด้วยความตื่นเต้นปนตื่นกลัว
“ไหนพาเฮียไปดูสิ”ผมจับแขนเจ้าตัวให้พาไปยังตู้เสื้อผ้าหลังเดิม หนูจูงมือผมไปทันที แหวกเสื้อผ้าให้เห็นผนังตู้ที่ดูก็ไม่น่าจะมีอะไร
“เนี่ยะๆ ตรงนี้แหละ เฮีย”หนูชี้ตรงผนังเอามือเคาะ ดันๆ สักพักมันเลื่อนออก ผมอึ้งไปนิด มองเข้าไปมันมืดมาก ไม่แปลกถ้าหนูจะตื่นกลัว ผมหยิบไฟฉายในตู้ส่องเข้าไป ก็เห็นแต่ผนังที่ทำจากอิฐ
“โธ่ มีไฟฉายก็ไม่บอก”หนูบ่นงึมงำ
“เฮียไม่คิดว่าสำคัญอะไร ก็เลยไม่ได้บอก”ผมพูดมือก็ส่องเข้าไปอีก
“และหนูออกมาได้ไง ประตูไม่ได้ปิดเหรอหลังเข้าไป”ผมถามให้หายข้องใจ ในเมื่อหนูเข้าไปโดยไม่รู้ แล้วกลับออกมาได้ยังไง ผมเดาว่ามันน่าจะอัตโนมัติคือเปิดปุ๊บปิดปั๊บ
“ปิดสิ หนูกลัวฉิบหาย ทุบๆๆๆๆ แม่งก็เปิดเฉยเลย โชคดีไป ไม่งั้นมันโดนยิงพรุนแน่”เจ้าตัวดีบอกหน้าตาเฉย แต่ตาจ้องข้างในอยู่ ผมเอามือคลำลูบไปจนสะดุดกับความนูนบางอย่าง น่าจะเป็นปุ่มที่หนูโดนและมันเปิดออกจนเจ้าตัวหงายหลัง และมันก็ปิดตามเดิม เหมือนห้องลับในหนังที่สร้างไว้สำหรับทำการบางอย่าง
“เฮียกดอะไรอ่ะ”หนูหันมาถามผม ตาแป๋ว ผมจับมือหนูไปคลำตรงเมื่อกี้และมันก็เปิดออก
“มันซ่อนไว้อย่างกลมกลืนถ้าไม่สังเกตจริงๆก็ไม่รู้หรอก แต่ลองดูสิหนูเห็นอะไร”ผมบอกและถามหนู
“เห็น”หนูพูดหันมามองหน้า
“เห็นอะไร”ผมพยักหน้าใส่
“เห็นมือเฮียกุมมือหนูอยู่ โคตรดำเลย ครึครึ”หนูตอบกลั้วหัวเราะ มันตัดกันอย่างที่หนูพูดนั่นแหละ ผมยกยิ้ม
“แต่เวลาผสมกัน ก็มันดีไม่ใช่เหรอ”หนูหยุดหัวเราะทันที ผมเลิกคิ้วใส่
“อะไรมัน”หนูเลิกคิ้วมั่ง
“รสชาติไง เหมือนกาแฟใส่นม เข้ากันดี”ผมฝึกเอาความแถจากหนูมาใช้บ้าง
“เฮียคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ”หนูหรี่ตาถามย้ำ
“อืม”ผมอมยิ้ม
“หน้าเฮียมันไม่ใช่ว่ะ มันส่อไปเรื่องผสมพันธ์ ใช่ไหม”หนูยื่นหน้ามาใกล้ ยักคิ้วสองจึ๊ก
“คิดเหมือนกันล่ะสิ”ผมโอบเอวหนูมาใกล้ๆ เจ้าตัวไม่ได้หนีแต่อย่างใด
“เฮียนั่นแหละคิด ให้มาดูประตู คิดไปเรื่องรูโน่น โว้ะ”หนูจิ้มจมูกผมไปด้วย จนต้องคว้ามือมากุมไว้ เดี๋ยวจมูกมีรูเพิ่ม
“หนูเริ่มก่อน เฮียก็คิดตามน่ะสิ”ผมแหย่ไอ้ตัวน่ารักตรงหน้า ที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุขทำให้ไม่ต้องคิดเรื่องหนักๆไปพัก แต่ไม่รู้จะพักไปได้นานแค่ไหน
“เฮียนั่นแหละเริ่มก่อน แก่กว่า”ดึงมือออกหันหน้าไปดูตามเดิม ผมรู้ว่าที่จริงหนูอายตั้งแต่พูดเรื่องหน้าผมแล้ว แต่ทำไม่รู้ไม่ชี้เหมือนผู้ชายคุยกันเรื่องทะลึ่งเป็นปกติ แต่เราไม่ใช่เป็นมากกว่านั้น ผมหัวเราะในลำคอ ก่อนจะกดปิดตามเดิม
“นี่ ตรงนี้มันมีรอยตะเข็บอยู่ สังเกตดีๆ”ผมชี้ให้เห็นตรงรอยที่นูนนิดๆเป็นตะเข็บยาว หนูจับและกดมันก็เปิดออก ไม่ถึงห้าวิมันก็ปิดตามเดิม คงเป็นช่องทางฉุกเฉินเผื่อเกิดเหตุ ไม่รู้ว่ามีทุกห้องหรือเปล่า แต่ถ้าเข้าไปอยู่ในนี้นานเกินไปผมว่าอาจตายได้เพราะดูอับไม่น่าจะมีอากาศหายใจ
“จริงด้วยเฮีย”หนูพูดหันมายิ้มเหมือนเด็กเจอของเล่นใหม่
“เข้าไปซ่อนชั่วคราวได้ นานไปคงไม่ดี ดูแล้วอากาศไม่ค่อยมีเท่าไร อย่าเข้าไปอีกนะถ้าเฮียไม่อยู่ด้วย เอาไว้เข้าไปพร้อมดูพร้อมกัน”ผมบอกหนูที่พยักหน้าก่อนจะปิดตู้และพามานั่งตามเดิม
“มิน่า รู้สึกอึดอัดไปหมด ไม่แน่นะเฮีย มันอาจจะไปโผล่ที่ไหนของประเทศไทยก็ได้นะ”หนูบรรยายตอนที่อยู่ในนั้น แต่ความอยากรู้มีมากกว่าและคิดไปไกล ผมอึ้งไปนิดเมื่อคิดตามคำพูดตอนท้าย
“หนูรู้แล้วเหรอว่าอยู่ที่ไหน”ผมเอามือลูบเหงื่อตามไรผมของหนู หนูส่ายหน้า
“ไม่รู้หรอกเฮีย แต่เดาว่าคงไม่ใช่ประเทศไทยถึงอากาศและสภาพโดยรวมจะคล้ายๆ แต่ก็ไม่ใช่ อย่างน้อยก็ภาษาที่ได้ยินเขาพูดกันฟังไม่รู้เรื่อง”หนูพูดทำหน้านิ่วคิ้วขมวดไปด้วย ถึงจะดูต๊องๆแต่หนูเป็นคนช่างสังเกตคนหนึ่ง อย่างตอนที่จะข้ามมาที่นี่ก็ทีแล้วที่พูดว่าต้องเป็นแถวภาคเหนือเพราะเห็นคนแต่งชุดเผ่า
“หนู เฮียคงต้องบอกให้รู้แล้วล่ะ”ผมตัดสินใจที่จะบอกหนูตามตรงว่าเราอยู่ที่ไหน จับมือหนูมากุมไว้ ผมคิดว่าหนูคงตื่นเต้นจะได้รู้สักทีว่าตัวเองอยู่ที่ไหน แต่ผิดคาดคนน่ารักตรงหน้าไม่แสดงอาการใดๆ ก่อนจะพูดออกมา
“เฮีย ถ้าลำบากใจก็ไม่ต้องหรอก ถึงหนูรู้ก็ไปไม่ได้อยู่ดี นอกจากมีเฮียไปด้วย”หนูพูดยิ้มๆ ตบหลังมือผม
“และถ้าเฮียไม่ได้ไปล่ะ”ผมหยั่งเชิง
“หนูก็ไม่ได้ไปด้วยไง”หนูตอบทันควัน
“เฮียหมายถึงถ้าเฮีย”ผมยังพูดไม่จบ หนูเอามือปิดปาก ไม่ใช่ปิดแบบอ่อนโยนเหมือนในละคร ปิดเข้าขั้นอุดเลยดีกว่า
“เฮียจะพูดทำไมเป็นลาง แก่แล้วคิดมากนะเนี่ย”หนูทำหน้าใส่แบบเซ็งไม่เท่าไร เซ็งตรงย้ำว่าแก่นี่แหละ ก่อนจะเอามือออกและพูดต่อไม่เปิดโอกาสให้ผมแก่ เอ้ย แก้ตัวเลยว่ายังไม่ถึง
“ไม่รู้แหละ สัญญากันแล้ว ผิดคำพูดขอให้เฮียมีผัว สา”หนูพูดเหมือนเด็กเอาแต่ใจมีการเอาผมไปสาบานเตรียมจะยกมือสาธุ หนูบนทีไรสำเร็จทุกที เรื่องอะไรผมจะยอมมีผัว ผมปิดปากหนูทันที เจ้าตัวตกใจที่ถูกจู่โจมไม่ยอมเปิดปาก ผมเลยปิดอยู่อย่างนั้นบี้อีกนิด ก่อนจะเผยอออกสูดอากาศ ผมเลยช่วยผายปอดให้อีกแรง เดี๋ยวจะหาว่าไม่มีน้ำใจ ผมเอนตัวหนูลงไปบนที่นอน แต่ปากไม่ได้ละออกไล่บดเบียดให้ตอบรับ มือประคองหน้าก่อนจะไล่มากอดไว้ทั้งตัว เหมือนกำลังเคลิ้มไปกันได้ดีแต่มีแอ็ฟแฟ็คกระเด้งออก
“เดี๋ยวก่อน เฮีย เฮีย”หนูผลักผมออกพูดเร็วๆ
“หืม”ผมขานรับ หนูหน้าแดงมองหน้าผมก่อนจะหลุบต่ำ
“มันแทงหนู”หนูพูดกับผมที่ยังงงว่าหนูพูดอะไร หนูเงยหน้ามาทำปากจู๋ อ๋อ
“จุ๊บ”ผมจูบลงไป ก่อนจะโดนดึงหัว อะไรของหนูวะ
“ไม่ใช่ ไอ้จู๋ซุงเฮียอ่ะ แทงขาหนู”หนูพูดใส่หน้าเบาๆแต่เหมือนดังมากทำให้ผมรู้สึกตัว ก่อนจะถูกดันออกด้วยเข่าให้ลงไปนอนข้าง ผมสูดลมหายใจเข้าค่อยผ่อนออก ทำไมผมไม่รู้ตัววะของตัวเองแท้ๆให้หนูบอก ผมไม่อยากจะพูดบ่อยว่าเป็นครั้งแรกที่เกิดปฏิกิริยาทางกายกับการคลุกวงใน แค่สัมผัสและจูบหนูเท่านั้นก็เด้งทันที ผมชักเริ่มเป็นห่วงหนูซะแล้วสิ
“ขอโทษ เฮียไม่ได้ตั้งใจ”ผมหันไปกอดหนูและพูดขอโทษ ไม่อยากให้หนูไม่ไว้ใจและกลัวว่าผมจะฝืนใจทำ ถึงจะมีอะไรกันแล้ว ผมก็อยากให้เกิดด้วยความเต็มใจทั้งสองฝ่าย
“ขอโทษทำไมเฮีย”หนูถามผม
“หนูไม่โกรธเฮียเหรอ”ผมถามอย่างสงสัย หนูส่ายหน้า
“เปล่า แค่ ตกใจเฉยๆ”พูดเบาๆ ผิดกับที่ผมคิดไว้ลิบลับ นี่ผมแก่อย่างที่หนูบอกเหรอ ที่คิดมากเกินไป
“กินข้าวดีกว่า หนูหิวแล้วมั้ง”ผมเปลี่ยนถ้ายังอยู่ท่านี้ คงจะไม่ดีแน่ ผมลุกดึงหนูขึ้นมาด้วย มองสำรับกับข้าวที่ยังมีฝาครอบไว้อยู่ ผมเปิดออกกำลังจะชิม หนูจับมือเอาไว้
“เฮียนี่สอนไม่จำ บอกว่ายังไง”หนูเลิกคิ้วใส่ผม
“ก็เฮียกลัวหนูเป็นอะไร”ผมบอกหนูที่ส่ายหน้า ยังไงผมก็ยังไม่วางใจอยู่ดี ตั้งแต่เกิดเรื่องกับหนู ผมรู้สึกระแวงไปหมด
“ไม่เป็นหรอก เชื่อสิ กินพร้อมกันนี่แหละ”หนูบอกผมก่อนจะหยิบช้อนวางให้
“งั้นหนูกินไปก่อน เฮียขออาบน้ำก่อน ถ้ามีอะไรก็เรียกดังๆนะ รู้ไหม”ผมบอกลูบหัวหนูไปด้วย ยิ่งเห็นหน้ายิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งไม่อยากจะจากไปไหน อยากให้อยู่ในสายตาตลอดเวลาถ้าเป็นไปได้
“ห้ามนาน จะรอ”หนูพูดบุ้ยปากไปด้วย ทำหน้ารู้ทัน ก็มันเรื่องปกติของผู้ชายนะ มันขึ้นก็ต้องไปทำให้มันลงแต่ที่จริงคนกระตุ้นน่าจะเข้าไปช่วยด้วยนะ
“งั้นอาบด้วยกัน จะได้ไม่นาน”ผีแทะโลมแทะเล็มกลับมาสิงผมอีกแล้ว หนูจับมือทำเอาผมยิ้ม คิดว่าคงจะอาบด้วย แต่กลายเป็นฝันไม่ได้เปียก เมื่อหนูเลื่อนมือผมให้ไปอยู่กลางเป้าและปล่อยอย่างเร็วก่อนจะพูดทำร้ายจิตใจผมมาก
“มือเป็นที่พึ่งแห่งตน มันไม่นานหรอกเฮีย เร็วๆ จับเวลา นับ หนึ่ง สะ”ยังไม่จบ ผมคว้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำทันที ก่อนจะแปลกใจตัวเองว่ารีบปฏิบัติยิ่งกว่าตอนนายสั่งให้ไปหาซะอีก นี่ผมคงไม่ได้มีอาการเริ่ม เกลียมัว ใช่ไหม ผมแค่เป็นห่วงกลัวว่าหนูจะหิวข้าว อืม น่าจะใช่
“เฮีย ยังไม่ได้ยินเสียงน้ำเลย”เสียงพูดหน้าห้องน้ำ
“อาบแล้ว”ผมรีบรับคำและเปิดน้ำกลบทุกเสียงทันที
.
.
.
.