‘รีบกลับจัง’เสียงฟงถามเทียนที่เข้าไปลาผู้ใหญ่แล้ว และเดินมาส่งที่รถ ผมเดินตามข้างหลังมองอีกฝ่ายที่โอบไหล่ ด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจ ไม่ชอบมากด้วย ทั้งที่แต่ก่อนก็เห็นบ่อย คิดอะไรได้กระตุกยิ้มเดินไปข้างเทียนเอามือโอบเอวทันทีจนไอ้ฟงมองหน้า ผมไม่เคยคิดจะเรียกพี่สักครั้ง และตอนนี้คิดว่าเรียกไอ้เหมาะที่สุด
‘พรุ่งนี้มีงานต้องทำน่ะ’ยังเก็บอาการ ยกยิ้มนิดๆกับมัน แต่ผมรู้สึกว่ามันกว้างเกินไป
‘ใช่ มีงานต้องทำ ไม่ได้อยู่ว่าง’ผมเลิกคิ้วใส่ ให้รู้ไปเลยว่า ท้าทาย ดูอีกฝ่ายจะรู้ เพราะถูกผมกันท่ามาหลายทีเหมือนกัน
‘โอเค เดี๋ยวฉันให้รถตามไปส่งนายด้วยดีกว่า ได้ข่าวไม่ค่อยดีมาอยู่’ไอ้ฟงยักไหล่พูดเสนอด้วยเสียงเป็นห่วง
‘ไม่เป็นไรหรอก คงไม่น่าจะทำอะไรในตอนนี้ ฉันไปล่ะ’เทียนปฏิเสธก่อนจะบอกลา ผมยังกอดเอวไม่ปล่อย หันไปมองอีกฝ่ายให้ที่มองเช่นกัน แถมยกยิ้มมุมปากใส่อย่างท้าทาย ลับหลังแสดงออกเชียวนะมึง ผมหรี่ตาก่อนจะยกนิ้วกลางให้มันทำเอาหุบยิ้มชักสีหน้า เป็นฝ่ายกระตุกยิ้มก่อนจะขึ้นรถและออกเดินทาง
‘ทำกิริยาไม่ดีเลยนะ คุณชาย เขาจะว่าได้รับการสั่งสอนแต่ไม่จำ’เสียงเนิบเอ่ยเชิงตำหนิ ผมเอามือออกมาประสานที่หัวพิงเบาะรถ มองไปข้างหน้า ที่มี ไอ้ทวน ขับรถ ไป่ นั่งข้าง เบาะหลัง ย้งนั่งคุมเชิงอยู่ ผมกับเทียนนั่งแถวกลาง
‘ทำอะไร’ผมเลิกคิ้วใส่ อีกฝ่ายปรายตามอง
‘รู้อยู่แก่ใจ จะต้องให้พูดทำไม’พูดเสียงเดิม
‘อ๋อ แจกทานของตัวเองให้คนอื่น ฮึฮึ แล้วไง’ผมทำเสียงกวนใส่อีกฝ่ายหวังว่าจะได้ยินเสียงเหน็บแต่กลับได้แต่ความเงียบ พร้อมคิ้วที่ขมวด
‘มีอะไร’ผมถามอย่างผิดสังเกตที่อีกฝ่ายไม่เหน็บต่อ แต่กว่าจะได้พูดอะไร เทียนกดหัวผมลง
‘หลบ ทวนหักรถเข้าทางขวา’สั่งการทันที ไอ้ทวนหันขวับตามคำสั่ง เสียงล้อบดถนนดังสนั่น ก่อนจะเลี้ยวเข้าทางเล็ก
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดด
ก่อนจะตามมาด้วยเสียง
ปังงงงงงงงงงงงงงงงงง
ปังงงงงงงงงงงงงงงงง
รัวเป็นชุด แต่ไอ้ทวนหักหลบ พร้อมไอ้ไป่เปิดกระจกข้าง รัวปืนใส่อย่างเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว พอกับไอ้ย้งที่เปิดช่องทางหลังจ่อด้วยไรเฟิลเพื่อจะเจาะยางให้เสียหลักแต่อีกฝ่ายก็หลบได้เช่นกัน ผมหยิบปืนออกมา ก่อนจะดันเทียนลงไปด้านล่าง และเปิดช่องกระจกยิงสวนไปบ้าง โดนกระจกหน้ามันแตกแต่ยังขับตามไม่ลดละ แสดงว่าไม่โดนคนขับ พลาดซะได้
‘คุณชาย ลงมา’
เสียงเรียกพร้อมมือที่ดึงลง รถเฉไปมาไม่ใช่เสียหลัก แต่มันหักหลบวิถีกระสุน
‘คุณชาย นั่นแหละหมอบลง’
ปัง
ปัง
ผมพูดใส่บ้างอย่างรู้สึกเกลียดคำนี้ขึ้นมา ยิ่งออกจากปากคนตรงหน้ายิ่งไม่ชอบใหญ่ คนอื่นช่างแม่ง ผมหงายหลังลงตามแรงดึงทันที
‘อย่ามาเรียกแบบนี้’
กัดฟันพูดใส่
‘ก็เลิกเรียกก่อนสิ’
พูดใส่บ้าง เทียนอ้าปากก่อนจะเสียหลักหน้าทิ่มลงมา ปากประกบกันอย่างแรง จนรู้สึกถึงของเหลวกลิ่นคาว ตาโศกที่บทจะแข็งกร้าวเบิกจะผละออก ผมกับตวัดกอดอีกฝ่ายให้อยู่ใต้ล่าง มันไม่ใช่เวลาที่จะมาเถียงหรือทำอย่างอื่น รู้แต่มันหอมหวานจนต้องรั้งอีกฝ่ายซับความหวาน
‘อึก’
เสียงจากลำคอและการขัดขืน แต่ไม่สามารถออกจากแขนที่รัดอย่างแน่นไปได้ จนอยู่นิ่งปล่อยให้ทำต่อไป ท่ามกลางเสียงปืนเสียงล้อรถ แรงเหวี่ยง ไม่สามารถดึงความสนใจจากสิ่งนี้ได้เลย
‘นาย พวกมันจอดรถแล้วครับ’
ก่อนจะมีเสียงขัดปลุกจิตสำนึกให้กลับมา คนบนตัวซัดอย่างแรงตรงไหล่เกือบโดนกกหู ผละลุกขึ้น ปากแดงเจ่อมีรอยถลอกนิดๆ ผมปาดมุมปากตัวเองที่มีเลือดอีกฝ่ายติดอยู่ รู้แล้วว่าทำไมไอ้ฟงมันถึงอยากจะได้นัก แต่ไม่มีวัน ผมไม่ยกให้มันหรือให้ใครทั้งนั้น เรื่องอื่นผมตัดออกหมดจากหัวในทันที แม้แต่ความเป็นพี่น้องร่วมสายเลือด รู้แต่ว่าเทียนเป็นของผม แต่ตอนนี้อยากเอาตีนยัดปากไอ้คนที่ขัดจริงๆ ถึงมันจะทำตามหน้าที่ก็เถอะ
‘อย่าประมาท’เทียนสั่งก่อนจะหยิบปืนออกมาบ้าง เห็นอย่างนี้เทียนกับผมถูกฝึกการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก โดยครูฝึกคนล่ะคนกัน ไม่ต้องบอกมั้งครับว่าใครไม่อยากฝึกกับผม
‘จะไปไหน’ผมดึงมือขาวเอาไว้
‘จะลงไปดู คุณชายควรอยู่ที่นี่’
‘ไม่ ถ้าจะอยู่คุณชายก็ต้องอยู่ด้วย’
ประสานสายตาอย่างไม่ลดละ ผมอยากจะถามเหลือเกินว่าทำไม ผมต้องหดหัวอยู่ในรถแล้วปล่อยให้เทียนลงไปเผชิญคนเดียวในเมื่อป๊าก็บอกอยู่มีอะไรให้ช่วยกัน อย่าทิ้งพี่น้อง เทียนคิดว่าผมเป็นลูกเมียใหญ่ เป็นทายาทโดยตรง เขาลืมไปหรือเปล่าว่าตัวเองเป็นลูกชายคนโตถึงจะเกิดกับแม่รองก็ตาม
‘เลิกเอาเรื่องนั้นมาอ้างสักที ไม่ว่าใครก็ลูกป๊า มีค่าเท่ากัน ฉันไม่รู้หรอกนะว่าใครฝังหัวนายมาแบบนั้น เลิกคิดซะ’
เป็นครั้งแรกที่ผมพูดเสียงแข็งกับเทียน ในเมื่อพูดกันดีๆไม่ชอบก็ต้องอย่างนี้แหละ แต่อย่าหวังว่าคำพูดนี้จะทำให้คนตรงหน้า ผงะหน้าซีดเผือดแววตาสั่นระริกที่ถูกพูดใส่ มีแต่หน้าและดวงตาที่ว่างเปล่า ก่อนจะแกะมือผมออก และลงจากรถ ผมตามไปติดๆ เห็นลูกน้องตัวเองจับคนที่คิดจะฆ่าเราเอาไว้ได้ มีทั้งหมดห้าคน ตายไปสอง เหลือสาม
‘เอาไงครับ นาย คุณชาย’ไอ้ทวนถามนายตัวเอง และผม
‘เรียกกูให้เหมือนนายมึง’ผมพูดกับมัน เดินไปใกล้ มันก้มหัวลงคงงงว่ามันพูดอะไรผิด ก่อนจะกวาดตามองไอ้พวกตรงหน้า
‘พวกมึงทำงานให้ใคร’ผมถามพวกมัน ที่จ้องหน้าตอบอย่างไม่กลัว
ผลัวะ
ผลัวะ
‘กูถามอีกครั้ง ‘
ผมเอาปืนตบหน้ามัน ดันคางมันขึ้นมา
‘ได้ มึงคงอยากตาย’
ผมแสยะยิ้มใส่มัน เตรียมลั่นไกปืน พวกมันอีกสองคนมองหน้ากัน
‘เดี๋ยว’
มีเสียงขัดเอาไว้ก่อน
‘ทำไม คงไม่คิดเอามันส่งตำรวจหรอกนะ’
ผมถามคนที่ขัด ไอ้สามคนที่ถูกจับได้ลอบยิ้ม คิดว่ามันรอดแน่ ติดคุกอย่างมากก็ไม่กี่ปี เผลอๆนายมันช่วยออกไปอีก แต่ผมว่าพวกมันไม่มีทางรอดหรอก ไอ้กวงไม่มีทางปล่อยคนทำงานพลาดเอาไว้แน่ ผมเรียกอย่างไม่ให้เกรียติแล้วในเมื่อทำกันขนาดนี้ ผมมั่นใจว่าเป็นมัน เมื่อสองวันก่อนอาสามก็เพิ่งถูกลอบทำร้าย ดีไม่เป็นอะไรมาก
‘มันง่ายไป’
เทียนพูดเนิบตามนิสัย ก่อนจะล้วงมีดออกมาจากด้านหลัง พวกมันมองคมมีดเงาวับในมือที่เดินเข้าไปช้าๆ ก่อนจะกรีดลงไปที่หน้า
‘อ๊าคคคคคคคคคคคคคคค’มันร้องออกมาเหมือนถูกเชือดคอหอย ผมเลิกคิ้วเมื่อเห็นอีกด้านหนึ่งของคนตรงหน้า คิดว่าตัวเองเป็นคนเดียวซะอีก
‘ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ให้มันพูด ถ้าไม่ เฉือนมันทีล่ะชิ้นจนกว่าจะยอม’ส่งมีดให้ลูกน้องที่รออยู่แล้ว ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปรอที่รถ ผมยืนมองก่อนจะเดินตาม ไปบ้าง ได้ยินแต่เสียงร้องก้องป่าตามหลัง
‘อย่าทำแบบนั้นกับฉันอีก’เสียงพูดลอยแต่รู้ว่าพูดกับใคร ‘ฉันเอาจริง’พูดสำทับ แต่ขอยืมนิสัยหูทวนลมมาใช้หน่อยเถอะ
‘ก็เอาจริงเหมือนกัน’ยกยิ้มพูดกลับ
‘นาย ไอ้สองคนนี้มันยอม ไอ้นั่นทนพิษบาดแผลไม่ไหวตายแล้วครับ’
ไอ้ทวนลากไอ้สองคนมากองตรงหน้าอีกครั้ง
‘ถ้าบอกจะปล่อยพวกเราไหม’
มันพูดต่อรอง สีหน้าหวาดกลัว
‘ได้’
เทียนเป็นคนเอ่ยปาก ผมหันมองว่าพูดจริงหรือเปล่า ดูพวกมันจะเชื่อและพูดว่าเป็นฝีมือใคร อย่างที่คิดไม่มีผิด ไอ้เฒ่ากวง ก่อนจะบอกให้ปล่อยไป พวกมันรีบไปทันที
‘จะดีเหรอครับนาย ปล่อยไปแบบนั้น เกิดไปบอกนายมัน หรือกลับมาเล่นงานเราอีก’ ไอ้ย้งเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมา อย่างไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นัก
‘มันไม่ได้มาอีกแน่ถ้ากลับไป กลับได้แล้ว’เทียนคิดเหมือนผมก่อนจะสั่ง และขึ้นรถทันที และพากันกลับบ้าน เทียนนั่งหันหน้ามองนอกกระจกรถ ผมล้มตัวลงหนุนตัก เจ้าตัวหันขวับก้มมองทันที
‘เหนื่อย ง่วง พี่ใหญ่คงไม่ว่าอะไรหรอกนะ’พูดดักคออีกฝ่าย ที่ได้แต่หน้านิ่งและเงียบตามเดิม อืม ถ้าได้หนุนตลอดไปคงจะดี ทำยังไงดีนะ
ฮึฮึ
นั่นเป็นเหตุการณ์เมื่อสองเดือนก่อน ในตอนนั้นป๊าสั่งคนคุ้มกันและให้ระวังตัวกันมากกว่าเดิม พร้อมปรึกษาเพื่อนก็คือนายพลเผิงให้จัดการเรื่องนี้ให้ที หลังจากที่ไม่เคยจะดึงเพื่อนมาเกี่ยว ทำเองป๊าก็ทำได้และทำได้ดีด้วยแต่ท่านอยากให้เป็นไปตามกฎหมาย ผมเดินออกมาสูบบุหรี่หลังจากส่งป๊ากับม้าขึ้นรถโดยมีบอดี้การ์ดติดตามไปด้วยอย่างทุกครั้ง ก่อนจะได้ยินเสียงเพลงบรรเลงแว่วเข้าหู คงไม่ใช่คนนอกที่จะเข้าไปในที่ส่วนตัวได้ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าตัว ผมเดินไปตามเสียงที่ดังมาจากสวนของบ้านหลังเล็กที่แยกไปอยู่ต่างหากสองคนแม่ลูก แต่ทุกคนก็ต้องยำเกรงและปฏิบัติต่อเจ้าของบ้านหลังเล็กให้เหมือนบ้านหลังใหญ่ แต่เมื่อสามวันก่อนไอ้ฟงมาที่นี่และทำสิ่งที่ผมไม่ชอบ
“รีบเลิกทำไมล่ะ”ทักคนที่เลิกบรรเลงกู่เจิ้ง ตอนแม่รองอยู่เล่นตลอด ป๊าและทุกคนชอบฟัง ผมเพิ่งจะมาชอบตอนที่เทียนเล่นนี่แหละ
“รำคาญ”นั่นคือคำตอบ เจ้าตัวตอบไม่มองหน้า เตรียมจะลุกหนี แต่ถูกฉุดมือให้นั่งลงมาที่เดิม
“จะรีบไปไหน คุยกับน้องไม่ได้หรือไง”ผมกระตุกยิ้มพูดใส่
“มีธุระอะไร”ถามเป็นการเป็นงานเสียจริง
“ไม่มีธุระอยากคุยเฉยๆ”ไม่พูดเปล่าลูบมือขาวไปมา มือบอบบางที่ตอนนี้ก็ยังไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าทำเรื่องแบบนั้นได้ เดี๋ยวนี้ป๊าให้เทียนไปทำงานกับผมแล้ว แต่มันคือการคุมซะมากกว่า ป๊าบอกว่าผมเหมือนไฟ ต้องให้เทียนที่เหมือนน้ำอยู่ด้วยจะดี ผมชอบและตอบรับทันที ได้เห็นหน้าไปไหนมาไหนด้วยกัน ทำเอาป๊ากับม้าแปลกใจที่ผมไม่ขัด
“ขอตัว ไม่อยากคุย อยากพักผ่อน”ดึงมือกลับและเดินหนีเข้าบ้าน ผมตามไปขวางได้ทัน ก่อนจะฉุดเข้าไปในบ้าน คนที่ป๊า บอกเหมือนน้ำ ตอนนี้ตาลุกวาวเหมือนไฟที่พร้อมจะพุ่งเข้ามาใส่
“ออกไปเดี๋ยวนี้ อย่าเข้ามายุ่งในบ้านฉัน”ผลักอย่างแรงพร้อมออกปากไล่
“บ้านนายก็บ้านฉัน”ไม่สนใจ สนแต่ยั่วยุอีกฝ่ายให้แสดงความโกรธ มันดูน่ารักมีชีวิตชีวามากกว่าหน้านิ่ง และเท่าที่เห็นมีแค่ผมแหละมั้งที่ยั่วขึ้น ไม่เคยเห็นเทียนแสดงอารมณ์แบบนี้กับใครสักที แทนที่จะไม่ชอบ ผมกลับชอบเพราะมันคือความจริงที่เจ้าตัวแสดงออก ไม่ใช่รอยยิ้มฉาบฉวย
“ไม่ นี่เป็นบ้านฉันกับแม่ นายไม่เกี่ยว กลับไปบ้านนาย”เทียนพูดเน้นใส่หน้า
“นายพูดแบบนี้ แสดงว่านายกำลังดูถูกป๊ากับแม่ฉันอยู่นะ แท้จริงนายไม่ชอบท่านใช่ไหม”ผมหรี่ตาพูดใส่เทียน
“ไม่จริง”เทียนปฏิเสธทันควัน ผมรู้เทียนพูดจริง แต่ผมแกล้งตีความหมายไปอีกทาง
“จริง ไม่งั้นนายจะไล่ฉันทำไม เพราะนายอิจฉาที่ป๊ารักฉัน นายกลัวไม่ได้สมบัติของป๊าล่ะสิ”ผมพูดแหย่ต่อ เป็นครั้งแรกที่เห็นเทียนหอบหายใจแรงขึ้น หน้าแดง ปากบางสั่น ตาวาวโรจน์ ผมไม่เคยเห็นใครทำแบบนี้แล้วน่ารักเท่าเทียนเลย
ตุบ
“อุบ”เอาตีนหลบไม่ทันเมื่อเจอกระทืบ ก่อนจะซัดเข้าที่ท้อง และอีกสารพัด ผมกลั้นหัวเราะทั้งที่จุกไม่ใช่น้อย บุญตาจริงๆเห็นคุณชายน้ำแข็งโกรธจัด ผมพุ่งเข้าใส่กอดเอวบาง ยกขึ้นบ่าเขย่าไปมาจนหัวสั่นหัวคลอน
“ปล่อย ปล่อย ไอ้บ้าเฟย”อัศจรรย์ ตั้งแต่จำความได้ จนปีนี้ปาเข้าไป ยี่สิบสี่ เพิ่งเคยได้ยินเทียนเรียกชื่อผม
“ปล่อยก็ได้”ผมเดินไปห้องใหญ่ที่เปิดประตูอยู่ ก่อนจะทิ้งลงบนเตียงนุ่มไม่กว้างนัก ก่อนจะตามลงไปทับไว้
“ต้องการอะไร”เทียนตั้งสติถามผม ถ้าบอกว่าต้องการเทียน จะให้ไหม
“มีเรื่องจะถาม”ผมคิดว่าควรพูดเรื่องที่ต้องการรู้สักที เมื่อสามวันก่อนผมเห็นไอ้ฟงจับมือเทียนและดึงเข้ามากอด โดยอีกฝ่ายไม่ขัดขืน ทำเอาอยากเข้าไปกระชากออก ถ้าไม่ติดว่าป๊ากับลุงเผิงอยู่อีกฟาก ภายนอกก็คือเพื่อนกอดกัน แต่ผมรู้ว่าไอ้ฟงมันคิดมากกว่านั้น
“วันก่อน ให้ไอ้ฟงกอดทำไม”ผมถามเทียนที่นอนนิ่ง ไม่หลบสายตา
“วันไหน”พูดเสียงเรียบ แต่หน้าไม่แปลกใจ
“แสดงว่ากอดบ่อย”ผมเบียดตัวกับเทียนแน่นขึ้น จนอีกฝ่ายเริ่มมีสีหน้าอึดอัดแต่ยังฝืนทน
“มันเรื่องของฉัน”พูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ไม่ปกติสำหรับผม
“นายนอนกับมันหรือยัง”ผมหรี่ตาถามอีก ทำเอาชักสีหน้าแต่ยังไม่ตอบ “ไม่ตอบแสดงว่า นายนอนกับมันใช่ไหม ห๊ะ”ผมตวาดเสียงดัง และเหมือนเส้นประสาทขาดผึงทันที เมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาไม่ตรงคำถามคล้ายจะยอมรับกลายๆ
“นายจะไปบอกป๊าหรือไง”เลิกคิ้วใส่เหมือนท้าทาย แต่สีหน้านิ่ง
“และถ้าบอกล่ะ ว่าเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ป๊าจะว่ายังไงนะ”ผมเล่นกลับคิดว่าขู่อีกฝ่ายกลับบ้าง มือก็กดมือขาวเอาไว้ไม่ให้หลุด ตัวก็ทับตัวไม่ให้ดิ้น ไม่ว่าจะวิธีไหนที่ทำให้เทียนไม่ยุ่งกับไอ้ฟงได้ ผมก็จะทำ ผมมั่นใจว่าเทียนไม่ได้คิดอย่างนั้นกับมัน แต่ไม่แน่ใกล้กันมากๆอะไรก็เกิดขึ้นได้ ก่อนจะตาลุกเมื่อได้ยินคำตอบกลับมาอย่างไม่กลัว
“ถ้าฉันบอกว่า ป๊ารู้แล้วล่ะ จะว่าไง”อีกฝ่ายยิ้มมุมปาก เมื่อเห็นผมหุบยิ้มหรี่ตาใส่ ว่าพูดจริงหรือพูดเล่น
”ฉันไม่คิดจะปิดหรอก ฉันกับฟงคุยกันแล้วถ้าไม่มีใครยอมรับ เราจะไปอยู่เมืองนอกด้วยกัน อุก”ทันทีที่พูดจบ ผมปิดปากที่ไม่ค่อยพูดแต่พูดทีไม่ถูกใจเอาซะเลย ผมจูบอย่างแรงจนได้เลือดที่รสชาติหวาน ยิ่งไม่เปิดก็ยิ่งกระแทก มือเลื่อนไปใต้เสื้อคอจีนบีบยอดอก จนยอมเปิดปากให้สอดลิ้นเข้าไปได้ มือทั้งต่อยทั้งทุบ
“เฮ้ย เจ็บนะโว้ย”ผมผละออกโวยออกมาเมื่อเจอ หีบไม้บนหัวเตียงตีหัวเข้าให้ เอามือกุม เลือดไหลเข้าตา อีกฝ่ายดูจะตกใจ จะลุกหนีแต่ผมคว้าขาจนเสียหลักหน้าทิ่มดึงลากขึ้นมา ผมจับหันหลังมือไขว้กระชากม่านบางตรงเสาเตียงผูกข้อมือ ดึงเสื้อขาดจนเห็นแผ่นหลังขาวเนียน
“จะทำอะไร หยุดเดี๋ยวนี้”เทียนหันมาถาม สีหน้าเริ่มตระหนกแต่ยังพยายามเก็บ
“ทำในสิ่งที่ไอ้ฟงมันทำไง”ผมแสยะยิ้ม ก่อนจะกระชากกางเกงเทียนออกให้พ้น ทีนี้เหลือแต่ชิ้นเล็กสีขาว เทียนเบิกตากับสิ่งที่ได้ยิน
“นายทำไม่ได้”พูดใส่พร้อมดิ้นขัดขืน
“ทำไมจะไม่ได้ ฉันก็มีทุกอย่างเหมือนไอ้ฟง อาจจะดีกว่าก็ได้”พูดเน้นเสียงใส่ ผมเอามือลูบแผ่นหลังและขยำบั้นท้ายเบาๆ ก่อนจะบีบแรงขึ้นจนเจ้าตัวหลุดเสียง
“อุก ไม่ใช่เรื่องนั้น นายก็รู้ว่าเพราะอะไร เราเป็นอะไรกัน”เทียนส่ายหน้าพูดออกมา
“คิดด้วยเหรอ ว่าเป็นพี่น้องกัน ทุกทีไม่เคยคิดนี่นา คุณเทียน หืม”ผมแสยะยิ้มพูดใส่ ก่อนจะกระชากชิ้นสุดท้ายหลุด จนเหลือแต่ร่างขาวโพลนแทบจะเนื้อเดียวกับผ้าคลุมเตียงสีขาว
“ทุกทีเห็นเรียกแต่คุณชาย คุณชาย ฮึฮึ”ผมหัวเราะในลำคอ ก่อนจะโน้มลงไปทาบ เทียนสะดุ้งเฮือกเมื่อลิ้นไล้เลียใบหู ผมผละขึ้นมาถอดเสื้อผ้าตัวเองออก จัดการกวาดลงไปที่พื้นทั้งหมด ก่อนจะลงไปซุกไซ้ร่างขาวนวล ที่สั่นนิดๆ
“อย่า อย่าทำแบบนี้”เสียงอ้อนวอนแต่ไม่ได้อ่อนนุ่ม “ถ้าป๊ากับแม่ใหญ่รู้เข้า”เอาชื่อขึ้นมาอ้าง ผมชะงักการฟอนเฟ้น เหมือนคนใต้ร่างจะลอบถอนหายใจได้นิดเดียว ก็ต้องหันมาอย่างเร็วกับคำที่ตอบกลับ
“ก็ช่างสิ ถ้าขวางฉันจะพานายไปเมืองนอก ไปให้ห่างจากทุกคน ไปอยู่ที่ที่มีแต่เรา”ผมยกยิ้มก่อนจะจัดการต่อ
“ไม่ อย่า”เทียนพูดแค่นี้ ไม่แม้แต่จะเอ่ยชื่อผมอีก ผมจูบปิดปากไม่ให้ห้ามอีก หลังจากนี้จะต้องมีแต่เสียงอื่นเท่านั้น
.
.
.
.
“อืม อา”เสียงกลั้นอย่างสุดตัว กัดปากจนห้อเลือด ขนาดขยับรูดจนเห็นน้ำใสปริ่ม เจ้าตัวยังไม่เปิดปากสักนิด เนื้อตัวมีแต่รอยฝากรักแทบจะทุกจุด ผมไม่สนอะไรทั้งนั้นหลังจากที่ได้ยินคำตอบเทียน รู้แค่ เทียนเป็นของผม ของผมคนเดียว ผมน่าจะคิดอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว สายตาที่ไล่มอง อยากอยู่ใกล้ ตั้งแต่เด็ก เพียงแต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ต้องขอบคุณไอ้ฟงกับคำตอบของเทียนที่ทำให้ผมตัดสินใจทำแบบนี้ได้สักที ใครจะว่าเห็นแก่ตัวก็ช่าง
“อา เทียน”ผมครางเรียกชื่อคนใต้ร่างที่ไม่แม้แต่จะมอง ผมจับหันกลับมา
“มอง นายต้องมองแต่ฉัน”
“ไม่ นายทำผิด ฉันไม่มีวันจะยอมรับ อึก”
สะดุ้งสุดตัวเมื่อผมแทรกร่างเข้าช่องทางคับแน่นอย่างโมโห จนรู้สึกเอะใจค่อยผ่อนลง แต่อีกฝ่ายขืนตัวเต็มที่
“เทียน อืม อย่าเกร็ง”
ผมบอกพร้อมจูบปากที่กัดจนเลือดซึมออกมา ไล่เลียซับให้คลายความเจ็บ ดีใจกับความจริงที่ได้รู้ ว่าเทียนเป็นของผมคนเดียว คนเดียว และถึงเป็นของมัน ผมก็ไม่แคร์ ผมจะพรากออกมาซะ
“อืม อา เทียน เทียน”
“อึก อืม”
เมื่อเทียนยอมทำตามคงทนความเจ็บไม่ไหว ผมเริ่มขยับและเล้าโลมให้เทียนที่น่าจะรู้สึกดีบ้าง ถึงได้ตอบรับกลับมา
“อึก เอาคืนเหรอ”ผมเลียปากที่ถูกกัดมาบ้าง คนใต้ร่างมองอย่างเย็นชา ผมก้มลงไปเบียดให้รับรส จนพอใจไล่มาซอกคอกัดลงไปพอกับที่เทียนกัดไล่อย่างแรง เมื่อโดนขยับอย่างแรงไม่มีการออมแรงแล้ว ความรู้สึก รสชาติ ทุกอย่างที่เป็นเทียน คือของผมทั้งหมด ทั้งหมด
“อา อา”
“อืม อึก”
“เทียน อา”
ผมเรียกเสียงสุดท้ายหลังปลดปล่อยเข้าไปอย่างเต็มแรง เทียนบิดกายไปมา หน้าเบ้นิดๆ ปากแดงเจ่ออย่างยั่วยวน จนต้องลงไปจูบอีกครั้ง อีกครั้ง และเริ่มใหม่อย่างไม่สนใจเวลาที่ผ่านไป จนกระทั่งคนใต้ร่างไม่มีการตอบสนอง ผมที่ยังขยับอยู่ สุดท้ายก็ตามไปบ้าง กอดรัดอย่างหวง ตาเหลือบมองเห็นรูปแม่รองที่หน้านิ่งไม่ต่างกัน
“ผมขอโทษ ผมรักเทียน ผมจะดูแลเทียนไปจนตาย ผมสัญญา”ผมบอกกับแม่รอง ก่อนจะหลับตาลง
นั่นคือจุดเริ่มต้น
และคือ
จุดที่ไม่มีวันสิ้นสุด
.
.
.
.
ตริ๊ดด
ตริ๊ดด
เสียงปลุกจากภวังค์
“ใครวะ ไม่รู้จักเวลา ถ้าไม่สำคัญนะมึง”ผมปิดหูคนนอนที่ขยุกขยิกคล้ายจะลืมตา แต่กดวางไปก่อน
“พักซะ เดี๋ยวเคลียร์เอง”ผมกระซิบจูบหน้าผาก ก่อนจะกดดูไอ้คนชะตาขาด ‘ทวน’ ไอ้ลูกน้องคนซื่อสัตย์ แต่คิดไม่ซื่อในเรื่องอื่นกับเจ้านาย ถ้ามันเป็นคนไม่รู้จักยั้งใจตัวเอง มันได้ตายไปนานแล้ว
“มีอะไร”ผมหยิบเสื้อคลุมใส่ ก่อนจะเดินไปอีกทางไม่ให้เสียงรบกวนคนนอน สะดุ้งเมื่อเหยียบเศษกระเบื้องที่กระจายเต็มพื้นด้วยฝีมือคนขี้หงุดหงิด ผมดึงออกเลือดซึมออกมา ก่อนจะพาตัวเองไปนั่งตรงระเบียง
“...........”
“เงียบทำห่าไร มีอะไรก็พูดมา ถ้าไม่สำคัญหรือไม่สำเร็จ รู้ใช่ไหม”เน้นเสียงใส่ปลายสายที่เงียบ ไม่ใช่มันไม่รู้ว่าใครรับสายและทำไมถึงมีสิทธิ์รับ มันรู้มานานแล้ว
“สำเร็จครับ”แค่นี้ที่มันเอ่ยออกมา
“มึงคงไม่คิดจะปลุกนายมึงมาฟังแค่ประโยคนี้หรอกมั้ง ไอ้ทวน”ผมพูดใส่มันอีก เมื่อคิดว่ามันประหยัดคำพูดเกินไป
“ฝ่ายโน้นเสียหายพอสมควร คลังเก็บสินค้าระเบิดเป็นจุลตามที่เราวางไว้”มันรายงานต่อเป็นที่น่าพอใจ
“มันตายไหม เท่านี้ที่กูอยากรู้มากที่สุด”ผมเหยียดยิ้มใส่ไอ้คนน่ารังเกียจ ที่ปล่อยมันมานานแล้ว แต่ต้องผิดหวังนิดหน่อยเมื่อได้ฟังคำตอบ
“ไม่ครับ”สองคำที่กูไม่อยากฟังสักนิด
“ไม่น่ารอด ไม่เป็นไรคราวหน้ายังมี แล้ว เฮียเป็นไงบ้าง”ปล่อยมันไปก่อน พร้อมถามถึงคนที่ให้ไปช่วย และเป็นอย่างที่คิดมันจัดหนัก เพราะต้องการให้คืนของให้มัน
“ไอ้เฮียอาการค่อนข้างหนัก หมอกำลังรักษาอยู่ครับ นายจะให้กลับเลยไหมครับหลังรักษาแล้ว”ไอ้ทวนรายงานพร้อมถามกลับเสียงเรียบ
“ดูอาการก่อนเคลื่อนย้ายได้ไหม ถ้าไม่ลำบากคนป่วยก็กลับมา กูคิดว่าป่านนี้มันคงหาเซฟเฮ้าส์เราแล้ว ที่นี่มันคงยังไม่บุกมาแน่นอน มันต้องวางแผนรัดกุมกว่าเดิม”
“ครับ”ไอ้ทวนรับคำ แต่ยังไม่กดวาง
“นายมึงหลับ เอาไว้กูจะบอกเอง”ผมพูดและกดวางทันที เดินกลับไปข้างใน ลงมือเก็บเศษกระเบื้องจนหมด คนบนเตียงตื่นมาจะได้ไม่บาดเจ็บ ก่อนจะขึ้นไปสอดตัวเองตามเดิม มองไปมองมา
.
.
.
.
.
.
.
.
“อือ”
“อืม
“ไอ้เฟย”
“อะไร”
“อือ ปล่อย”
“ ไม่ อยากนอนยั่วทำไม หืม เทียน”
“อือ”
อย่างมากก็แค่ อือ อา มือทุบ จิก ข่วน ต่อย ตีน ถีบ ทำไปเถอะเกือบจะยี่สิบปีแล้ว ไม่ทนไม่อึด ไม่รองรับมาได้ขนาดนี้หรอก เทียนที่รัก เมื่อไหร่จะบอกรักและยอมรับสักทีนะ
“รัก”
“รัก”
แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ นอกจากร่างกายที่ยอมรับ เอาเถอะแค่นายอยู่กับฉันอย่างนี้ก็พอแล้ว
********************************************************************************************************************
ปล.หลายคนน่าจะทายในใจถูกอยู่นะ เพราะคนเขียนไม่ได้หมกเม็ดเลยนะ หุหุ ตอนนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ งุงิ๊งุงิ๊ ในวัยล่ะอ่อนของนายกับนายเขา ไม่มีอะไรมาก ส่วนตอนหน้าก็ยังเป็นคู่นี้อยู่ จะเป็นการบอกสาเหตุว่าทำไม อะไร ยังไง โอ๊โอ้ย อะไร อะไร ก็ยังไง แว๊กกกกก อย่าเพิ่งถีบ ช่วงนี้ให้เฮียพักรักษาตัวไปก่อนนะ ขอบคุณนะคะที่ติดตามกันอยู่

หน้าหนาวเข้ามาแล้วไม่อยากหนาว อยากอบอุ่นมีเพื่อนเยอะๆ

รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ บายยยยยยยยยยย
