“ผมไม่ว่างครับ วันนี้ เป็นวันอื่นได้ไหม”
“ยังไม่มีจังหวะ และคงไม่ไป งานผมเยอะ”
“ผมก็บอกแล้วไง ว่าไม่ว่าง พูดไม่รู้เรื่อง”
“เฮ้ย”
จากครับจนกระทั่งเฮ้ย ผมกำลังตั้งใจฟังไอ้บอยคุยโทรศัพท์ แต่ไม่ได้ตั้งใจจะฟัง คือ ผมเดินผ่านมาพอดีและได้ยิน รู้สึกเอะใจกับลักษณะท่าทางของมันก็เลยฟังสักหน่อย เผื่อจะคุยกับเรื่องที่ผมกำลังติดตามอยู่ด้วย แต่ไม่มีเสียงพูดต่อมันกดวางอย่างหัวเสียเดินจากไปจากตรงนั้น ผมเดินกลับมาห้องทำงานพลางคิดถึงเมื่อวาน หลังจากแยกทางกัน ผมย้อนกลับไปซุ่มที่บ้านมัน รอพักใหญ่มันก็กลับมา หน้าตาเคร่งเครียดลงมาเปิดประตู แต่ยังไม่ได้เข้าบ้านก็มีรถมาจอด มันผงะไปเล็กน้อยก่อนจะทำสีหน้าปกติ และก็มีคนเดินลงมาจากรถเป็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งพอกับมัน หน้าตาคมเข้มดูดุดัน มีอีกสองคนน่าจะเป็นลูกน้อง ตรงกระชากคอเสื้อมันอย่างแรงก่อนจะเหวี่ยงกระแทกรั้วบ้าน มันทำสีหน้าบอกว่าจุก ผมขยับเข้าไปใกล้อีกนิด แต่ไม่ได้ยินอะไรนอกจาก
‘ผมไม่ทำแล้ว ผมจะเลิก’มันพูดเสียงดังพอสมควร
‘ทำไม เพิ่งจะกลัวเหรอ หึหึ’ผู้ชายคนนั้นแสยะยิ้ม
‘ไม่ได้กลัว แต่ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องทำ อีกอย่าง ตะ โอ้ย’มันก็ตะคอกกลับก่อนจะร้องเมื่อโดนต่อยที่ท้องจนตัวงอ ผมกระชับปืนถ้ามันทำมากกว่านี้ ไอ้พวกนี้ต้องเกี่ยวข้องกับคดีเบียร์แน่
‘ได้ไปเยอะคิดจะหยุดหรือไง คุณตำรวจ’มันพูดเสียงล้อๆเอามือตบหน้าแปะๆ ก่อนจะแรงจนหน้าหัน ไอ้บอยกัดฟันแต่ยังไม่กล้าจะทำอะไร ผมรู้สึกเหมือนอาชีพที่มีเกรียติโดนดูถูก แต่จะโทษใครได้ในเมื่อไอ้คนมีสีคนนี้มันทำให้โดนดูถูก
‘ผมบอกแล้วไงว่ามันจบแล้ว คุณก็เห็นนี่ว่าเรื่องมันเงียบ ไม่มีอะไรแล้ว จะเอายังไงอีก’ไอ้บอยพูดใส่เหมือนเหนื่อยใจปนขอร้อง
‘ยังไม่จบ คุณก็รู้ว่าตอนนี้มันกำลัง’มันพูดแค่นั้นก่อนจะเงียบเสียง เหมือนโดน กบว.ดูดเสียงตรงถ้อยคำไม่เหมาะสม เหี้ยเอ้ย กูเกินสิบแปดแล้ว
‘ขอเวลาหน่อย มันไม่ได้ง่าย’ไอ้บอยเหมือนจะรู้แน่ว่าเรื่องอะไร เพราะมันตอบหลังเงียบไปอึดใจ
‘ผมให้เวลาคุณหนึ่งอาทิตย์นับจากวันนี้ ถ้าไม่สำเร็จ คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น’มันปล่อยคอเสื้อก่อนจะมองรอบข้างอีกครั้ง และขึ้นรถออกไป ไอ้บอยถอนหายใจเอามือลูบหน้าอย่างเหนื่อยล้า
‘ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย’มันพูดพร้อมทุบมือตรงประตู
“พี่สิบ”
“พี่สิบ”
“อะไรวะ”
ผมหันไปพูดกับไอ้คนเรียก ไอ้ต้น ลูกน้องผมอีกคนที่อยู่กันมานาน พลางคิดมึงคงไม่เปลี่ยนไปหรอกนะ
“จะให้ดูรายงาน พี่เป็นอะไร คิดถึงเมียเหรอ ครึครึ”
โป๊ก
“โอ้ยยย พี่ วิญญาณหลุดแล้วมั้งกู เล่นไม่ได้เลยนะ ของสูงเนี่ย พอ ๆๆๆ แล้ว”มันเอามือคลำหัวหลังจากโดนแฟ้มกระแทกกลางกบาล ไม่ได้แรงแต่มันโอเวอร์แอ็คติ้ง
“สม ไหนล่ะรายงาน”ผมไม่โอ๋มันเพราะไม่ใช่เมีย ถามถึงงานที่ให้ไปทำ
“อะไรวะ จะถามห่วงสักนิดไม่มี ใช่สิ ไม่ใช่ มะ ว๊าคคค ผู้กอง ๆ นี่ๆ รายงาน”มันกระโดดหนีไปอีกทางรีบยื่นให้ทันทีก่อนจะโดนตีนแทนมือ ถ้าอยู่ในห้องทำงานส่วนตัว จะดูเป็นกันเองแต่มันก็ไม่เคยลามปามไปมากกว่านี้ มันเป็นรุ่นน้องและลูกน้องที่รู้กาลเทศะดีคนหนึ่ง
“แน่ใจนะ ว่าไม่ผิดตัว”ผมถามไอ้ต้นหลังจากดูรายงานที่มีประวัติพร้อมอยู่ในนั้น
“แน่ใจสิพี่ น้องจุ๊บเช็คเองกับมือเลยนะ แค่เอ่ยชื่อพี่สิบ ไม่มีพลาด”มันยังไม่วายล้อเลียนตามนิสัย แต่เวลางานก็มุ่งมั่นไม่มีย่อท้อ ช่วงผมไม่อยู่ก็ได้มันนี่แหละคอยดูแลน้องกับเตี่ยเบียร์ให้
“ทำไมมึงชอบยกแฟนให้คนอื่นวะ”ผมว่ามันที่หุบปากฉับ หึหึ
“จะบ้าเหรอพี่สิบ โยนขี้มาให้”มันสวนกลับก่อนจะหุบปากเงียบ น้องจุ๊บ ที่มันเอ่ยถึง ทำงานเกี่ยวกับทะเบียนราษฎร์ที่ว่าการอำเภอใกล้ๆกับสถานีตำรวจที่ผมทำงานอยู่ ชื่อจริง จตุรงค์ เขียนไม่ผิดครับ น้องจุ๊บกับจาตุรงค์คือคนเดียวกัน น้องเป็นเพศชายแต่กายภาพการแสดงออกสาว ไอ้ต้นบอกว่าน้องจุ๊บปิ๊งผมอยู่ แต่โดยรวมน้องนิสัยดี น่ารัก สนิทกับคนง่ายโดยเฉพาะผมถึงเนื้อถึงตัวตลอด
“กูก็เห็นมึงไปแดกเขาทุกที”ผมย้อนมันกลับแต่สายตาไล่กวาดดูอย่างละเอียดในรายงาน
“แดกของ พี่ ไม่ใช่แดกมัน ผมเสียหายนะ พอๆ คุยเรื่องนี้ดีกว่า เป็นไงพี่”มันท้วงกลับมาบ้างพร้อมเปลี่ยนเรื่อง เมื่อวานผมแอบบันทึกพวกมันเอาไว้ และเอามาทำให้ชัดเจนขึ้นส่งให้ไอ้ต้นไปจัดการ แต่ไม่ได้บอกอะไรมันมากได้แต่กำชับว่าอย่าแพร่งพรายออกไปเป็นความลับ มิฉะนั้นมึงจะถูกย้ายโดยไม่มีสาเหตุ ขู่มันไปงั้นแหละครับ ผมไม่เคยใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิด ย้ำ แค่ขู่ แต่ดูมันจะเชื่อว่าผมพูดจริงมาก
“ไม่เคยมีประวัติอาชญากรมาก่อน ไม่น่าเป็นไปได้”ผมพึมพำกับตัวเอง
“ทำไมเหรอพี่”ไอ้ต้นถามด้วยความสงสัยจริงๆ ไม่ได้กวนตีนแต่อย่างใด
“กูยังบอกตอนนี้ไม่ได้ ขอเวลาอีกนิด”ผมยังไม่อยากบอกอะไรมันมาก มันก็พยักหน้า ดีที่มันเข้าใจง่ายไม่เซ้าซี้
“เออ พี่ ถามอะไรหน่อยดิ”กูชมในความคิดยังไม่ขาดคำ หักหน้ากูในความจริงซะได้
“อะไรของมึง”ผมถามติดรำคาญนิดๆ
“พี่บอยเขาเป็นอะไรวะ ดูเครียดๆ”คำถามมันทำเอาเงยหน้า นี่ไอ้ต้นมันสังเกตเหมือนกันเหรอ
“ไม่รู้ว่ะ”ผมส่ายหน้าดูปฏิกิริยามัน
“อ้าว พี่สนิทกันไม่ใช่เหรอ ผมไม่ได้อยากจะเสือกอะไรหรอกนะ แต่ดูแกเครียดมาก วันนี้ก็ดูกระวนกระวาย มองแต่โทรศัพท์ตลอดเวลา พอมีเสียงเรียกเข้าก็เหมือนผวาอย่างกับเห็นผี หรือ ว่าแกโดนโรคจิตโทรมาเซ็กส์โฟนวะพี่”มันท้วงเชิงต่อว่าก่อนจะสาระแนสาธยายพร้อมตั้งข้อสันนิษฐานที่ไม่น่าจะคิดออกมาได้
“มันคงขี้เกียจครางและเล่นว่าวโชว์แล้วมั้ง เลยเครียด”ผมตอบมันหน้าตาเฉย แต่มันอ้าปากหวอ
“กูขอโทษนะพี่ อุบาวท์ฉิบหายความคิด”มันยกมือไหว้ขอโทษพร้อมค้อนให้อีกหลายตลบ
“เดี๋ยวกูตบคว่ำ ทำท่าน่าแขยง มึงจะไปไหนก็ไป กูเคลียร์งานก่อน ขอบใจเดี๋ยวตอบแทนทีหลัง”ผมโบกมือไล่มัน ให้ออกไปสักที กูจะทำงานทำการบ้าง เดี๋ยวจะยาว
“ไล่เชียวนะ ไปก็ได้ แล้วไอ้ตอบแทนทีหลัง ผมไม่เอาได้ป่ะ ผมยังไม่อยากเสียข้างหลังให้พี่ว่ะ ฮ่าๆๆๆๆ”มันเบะปากแต่ยังไม่วายพูดกวนตีนก่อนออกไป
“เดี๋ยวมึงจะเสียข้างหน้าแทน มา ตีนกูว่างจะประทับให้”ยกนิ้วกลางให้มันพร้อมด่าไปด้วย เสียภาพพจน์หัวหน้าที่ดีอย่างกูหมด มันยักไหล่ก่อนจะปิดประตู ผมเอนตัวพิงพนัก ในประวัติมันขาวสะอาด อาชีพการงานสุจริต ผิดกับที่เห็น
.
.
.
.
ผมขับรถกลับห้องพักหลังจากออกเวร ที่จริงเลิกตั้งนานแล้วแต่ยังหาข้อมูลคนพวกนั้นเพิ่มเติมและหลักฐานอื่นๆมาประกอบ เกี่ยวกันแน่นอน ไอ้บอยกับคนพวกนี้เป็นสาเหตุให้เบียร์ติดคุกและเสกต้องมาตาย ขณะที่รถติดไฟแดง ผมสังเกตเห็นมีรถมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งมาจอดเทียบ ไม่ได้คิดอะไรคิดว่าเป็นผู้คนสัญจรไปมาตามปกติ แต่ทำไมรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองผ่านหมวกกันน็อคทะลุกระจกติดฟิลม์เข้ามาในตัวรถ ผมหันไปมองก็เป็นอย่างที่รู้สึกจริงๆ เขาหันหน้ามาทางนี้
“คิดมากไปมั้งกู”ผมพูดกับตัวเองพอสัญญาณไฟเขียวผมก็ออกตัวทันที มอเตอร์ไซด์คันนั้นก็เลี้ยวไปอีกทาง ผมแวะซื้อของตรงปากทางคอนโด เป็นอีกที่ที่ผมใช้พัก ผมจะกลับบ้านช่วงสุดสัปดาห์ก็พอกับที่น้องสาวผมกลับเหมือนกัน ขานั้นเดินทางขึ้นเหนือร่องใต้ ไปเมืองนอกเป็นว่าเล่นด้วยหน้าที่การงานที่ชีพจรลงตีนอยู่เสมอ จนไม่มีเวลาหาคู่ครอง ไม่ใช่ไม่มีใครมาจีบ แต่มันไม่สนใจเอง บอกเบื่อ ถ้ามีผัวก็ต้องมีลูกทำให้ไม่สนุกกับงาน ใช้ชีวิตไม่คุ้ม ผมก็อวยพรให้มันสนุกกับตัวเองต่อไป
“วันนี้เงียบจังแหะ สงสัยอากาศดีนอนกันไว”ผมมาถึงลานจอดรถใต้คอนโดที่เงียบสนิท แม้แต่ รปภ. ก็ไม่มี ปกติต้องเดินตรวจ คงเข้าห้องน้ำล่ะมั้ง ผมสอดส่ายสายตามองรอบนอกก่อนจะกระชับปืนที่ลำตัวตามสัญชาติญาณที่ถูกฝึกมา เปิดประตูรถลงมาช้าๆ มีเสียงเคลื่อนไหวแต่ยังไม่เห็นว่าเป็นอะไรกันแน่ ระหว่างคนกับหมา มันมีหมาพันธ์ทางอยู่สองตัวที่อยู่แถวนี้มันคุ้นเคยกับคนที่นี่ดี ถ้ากลับมาผมจะต้องเห็นมันนอนตรงป้อม ผมเดาะลิ้นลองเรียกสองสามครั้งก็เงียบกริบ ผมก้มหลบทันทีที่เห็นเงาอีกด้านของกำแพง
ปรุ
ปรุ
กระสุนเฉียดไหล่ผมไปนิดเดียว มันใช้ปืนเป็นใบ้ยิงใส่ผม จะตายยังเสือกคิดตลกอีกกู ผมควักปืนออกมาเตรียมพร้อม หูฟังความเคลื่อนไหวรอบข้าง
ปรุ
ปรุ
ผมกลิ้งตัวหลบไปอีกฟากเมื่อกระสุนสาดมาจากใต้ท้องรถ อาศัยความคล่องตัวผมกระโดดขึ้นบนหลังคารถ เห็นคนที่ประทุษร้าย ไอ้หมวกกันน็อคคนนั้น
ปัง
“อ๊าค อุบ”
มันร้องออกมาเมื่อผมยิงน่าจะถูกแขนมัน ผมลงจากหลังคาก่อนจะหลบตรงหลังเสา
ปรุ
ปรุ
ปรุ
เสียงกระสุนสาดใส่มาอีกอย่างไม่ให้ตั้งตัว
“เก็บมันให้ได้”เสียงมันสั่งพวกเดียวกัน ที่ตามมาสบทบอีกสามคน มือถือก็ดันอยู่ในรถอีกกู ต้องหาทางกลับไปขึ้นรถให้ได้ อย่างน้อยรถผมก็กันกระสุน แล้ววันนี้ก็ช่างเป็นใจจริงๆไม่มีคนผ่านมาเลย คงเพราะสุดสัปดาห์อาจจะกลับบ้านหรือออกไปเที่ยวกัน แต่ที่ผมห่วงคือ รปภ. ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่า ภาวนาอย่าให้เขาเป็นอะไรเลย ช่วงจังหวะนั้นมีรถผ่านเข้ามาสองคัน สาดไฟมาบริเวณนี้ ผมสพโอกาสวิ่งอ้อมไปอีกด้านกดรีโมทรีบเข้าไปข้างในสตารท์ออกทันที
“เฮ้ย มันหนีไปโน่นแล้ว ตามไป อย่าให้รอดไปได้”เสียงพวกมันตะโกนโวกเวก ก่อนจะขี่ตามผมมาบ้าง ผมขับเข้าไปในซอยที่ซอกแซก แต่ยังเห็นไฟรถพวกมันตามไม่ไกลเท่าไหร่ ก่อนจะโผล่ถนนใหญ่ ขับปาดซ้าย แซงขวา หยิบมือถือกดเบอร์ฉุกเฉินทันที พอรับผมแจ้งชื่อและตำแหน่งทันที
“ครับ ผู้กอง”เป็นด่านตรวจตรงจุดข้างหน้าที่ผมกำลังจะไปถึง
“ช่วยสกัดจับรถเครื่องสีดำ ยี่ห้อxxx กำลังไล่ตามผมมา และ บราบราบรา”ผมบอกรายละเอียดเท่าที่สังเกตได้ เจ้าหน้าที่รับทราบ ผมทำเป็นชะลอ ก่อนจะขับเร่งเมื่อมันตามมาติดๆ แล้ว จนเห็นด่านข้างหน้ามีนายตำรวจโบกและซุ่มอยู่อีกสี่นาย พวกมันเบรกเอี๊ยดทันที ก่อนจะเร่งเครื่อง ผมเลี้ยวรถหมุนไปวงคว้างหันไปเผชิญหน้ากับพวกมัน เร่งเครื่องไม่ต่างกัน พวกมันจะเลี้ยวกลับแต่หันไปเจอรถตำรวจสองคัน พร้อมเจ้าหน้าที่อาวุธครบมือ พวกมันมองหน้ากัน ก่อนจะตัดสินใจทำในสิ่งที่ผมไม่คิดว่ามันจะทำ มันเร่งเครื่องก่อนจะบิดข้ามไปอีกเลนตัดหน้ารถเมล์แค่ฉิวเฉียด ทำให้รถเมล์เบรกสุดตัว เสียงผู้คนกรีดร้อง พร้อมรถคันหลังที่ตามมาเบรกไปตามๆกัน
“เหี้ยเอ้ย พวกมึงมาจากเปียงยางกันไงวะ”ผมสบถอย่างหัวเสีย ฝีมือไม่ธรรมดาเลย ต้องมีคนสั่งมาเก็บผม ไอ้บอย ต้องรู้แน่นอน นี่มันคิดจะฆ่าผมปิดปากเหมือนที่ผ่านมา หรือ ไม่อย่างนั้นก็มีคนสั่งมันมาอีกที แต่ไม่ว่าจะเหตุผลอะไร ผมก็ไม่เอาไว้เหมือนกัน
.
.
.
ข่าวกระจายอย่างรวดเร็ว เมื่อผมมาถึงที่ทำงานตัวเอง ก็ถูกเรียกพบทันที จะใครล่ะครับ ลุงผมเอง
“นี่ไม่ใช่วิญญาณมึงใช่ไหม”นั่นคือคำทักทายของญาติผู้ใหญ่ที่เคารพรักดุจพ่อแม่
“วิญญาณที่ไหนหล่อขนาดนี้”ผมพูดกลับยิ้มๆ ใส่ลุงที่เบะปากดัง ถุย ก่อนผมจะเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน
“มึงจะเอายังไง จะทำอะไรก็รีบทำนะโว้ย เกิดตายไปก่อนเมียมึงมีผัวใหม่แน่เมื่อพ้นคุก”เป็นคำพูดที่ให้กำลังใจดีมาก
“ไม่มีทาง นอกจากผมคนอื่นไม่สเปคเมียผมแน่นอน”ผมพูดขำๆแต่มั่นใจ
“สาธุ กูขอให้เมียมึงตาสว่างเลิกเห็นควายเป็นคูโบต้าสักที”ไม่พูดเปล่ายกมือท่วมหัวทำเอาผมหัวเราะ ก่อนจะปรึกษาลุง
“คิดดีแล้วเหรอวะ”ลุงถามถึงความมั่นใจหลังคุยกันเสร็จ
“มันก็มีวิธีเดียว จะง้างปากให้คนร้ายมันพูดคงไม่พูดแน่”ผมตัดสินใจอย่างไม่ลังเล
“เกิดมันฉวยโอกาสเล่นมึงก่อนล่ะ”ลุงถามย้ำอีกครั้ง
“อะไรเกิดก็ต้องเกิด ยังไงพวกมันก็ไม่ปล่อยผมอยู่แล้ว”แววตาผมฉายความเด็ดเดี่ยว เพื่อคนที่ผมรัก ยังไงก็ต้องเสี่ยง
“ระวังตัวด้วยแล้วกัน”ลุงตบไหล่พูดอย่างเป็นห่วง ผมยิ้มรับก่อนจะเดินออกมา กลับห้องทำงานก็เจอไอ้บอยอยู่ในนั้น
“มึงไม่เป็นอะไรนะ”มันถามเสียงเบา สีหน้าดูวิตกกังวล
“เป็นแล้วกูจะมายืนตรงนี้หรือไง”ผมยกยิ้มตอบมันกลับ
“แล้ว พวกมันเป็นใคร รู้ไหม”มันถามอีก
“ไม่รู้สิ ไม่เห็นหน้า นึกไม่ออกว่าไปมีเรื่องกับใคร จำได้ กูก็ไม่เคยแย่งเมียใครนะ หรือว่า”ผมยักไหล่พูดขำๆ ก่อนจะทิ้งท้าย
“อะ อะไรมึงคิดว่าใคร”น้ำเสียงมันดูร้อนรนมาก ผุดลุกขึ้นมาเกือบถึงตัว
“พวกท่านรองหรือเปล่าวะ”ผมพูดออกไปแสร้งก้มหน้าเปิดลิ้นชัก แต่เห็นมันลอบถอนหายใจ
“เออ ก็อาจจะใช่นะ กูว่ามึงระวังไว้หน่อยก็ดี”มันเออออเห็นด้วย ผมก็พยักหน้า มันถามอีกนิดหน่อยก่อนจะขอตัว จังหวะที่มันกำลังจะเปิดประตู
“ไอ้บอย”ผมเรียกมันที่สะดุ้งนิดๆ
“อะไรวะ”มันหันกลับมาถาม
“กูรบกวนมึงหน่อยสิ”ผมพูดเชิงขอร้อง มันเลิกคิ้ว ก่อนจะเบิกตาอ้าปากเมื่อผมเอ่ยปาก
“ขอกูไปพักกับมึงหน่อย”“ว่าไง หรือถ้ามึงกลัวจะได้รับอันตรายไปด้วย กูไม่ไปก็ได้ แต่นอกจากมึงกูก็ไม่เห็นใคร ถ้าบ้านลุงกูมันจะเด่นเกินไป คิดว่าพวกมันต้องรู้ว่ะ”ผมพูดต่อเมื่อเห็นมันยังเงียบทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“เฮ้ย กูไม่ได้กลัว แล้วมึงแน่ใจได้ยังไงว่าพวกมันจะไม่รู้ว่ามึงอยู่บ้านกู”มันรีบปฏิเสธพร้อมถามกลับ
“มันรู้จักบ้านมึงเหรอ”ผมก็ย้อนถามมันทันที
“ปะ เปล่ากูหมายถึงว่า เกิดมันสะกดรอยตามมึงล่ะ ไม่ใช่ว่ากูจะกลัวหรือไม่ช่วยมึงถ้าเกิดเรื่อง ก็เราเพื่อนกัน”มันพูดเสียงเบาในตอนท้าย
“ก็ใช่ไง ก็เพราะเป็นเพื่อนกูถึงได้ไปพักด้วย”ผมตอบมันยกยิ้มมุมปาก มันอึ้งไปนิดก่อนจะพยักหน้าและเดินออกไป ผมมองจนมันประตูถูกปิดลง
“ก็เพราะมึงเป็นเพื่อนกูถึงให้โอกาสมึง และจะเป็นครั้งสุดท้าย”ผมพูดตามหลังที่มันไม่ได้ยิน หลักฐานในการจะช่วยเบียร์ที่มีอยู่มันพอที่จะเปิดโปงมันได้แล้ว แต่ผมต้องการถอนรากถอนโคนตัวการใหญ่ให้สิ้นซาก เลยต้องจัดการทีเดียว ผมรู้ความชั่วไม่มีวันหมดไปได้ง่าย มันก็เหมือนวัชพืชที่ขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า พอกับต้นกล้าแห่งความดีที่เพราะขึ้นมาใหม่ได้เช่นกัน
*****************************************************************************************************************************
ปล. มาพร้อมวันครูและวันหวยออก ตอนหน้าเป็นตอนจบของคู่นี้จ๊ะ แล้วก็ตามด้วยคู่นาย และ รันคู่???? ฮ่าฮ่าฮ่า

และไปปิดการปล้นที่คู่หลักอีกครั้งเป็นอันเสร็จพิธี อย่าเพิ่งเบื่อกันเน้อ เหอเหอ ขอบคุณทุกกำลังใจ

มาช้าไม่ได้คิดจะยื้ออะไรหรอกค่ะ แต่งานมันเยอะขึ้นจริงๆ ค่ะ แต่รับประกันจบแน่นอนไม่มีดอง เปลืองเกลือเปลืองไห
หุหุ
