‘ว่าไง ไอ้ตุ๊ด’ผลักหัว จนสุดจะทน ผมกำมือแน่น
‘ไม่ให้’นั่นคือคำตอบสุดท้าย ก่อนจะโดนถีบจนล้มลงกับพื้น ท่ามกลางเสียงเฮฮาชอบใจของเหล่าลูกสมุน เข้ามาอีกแต่ผมตั้งหลักได้สวนกลับจนหงายไปบ้าง พวกที่เล่นน้ำก็เฮดัง ก่อนจะเงียบและโดดน้ำ
‘พวกมึงโดนแน่ หัวเราะเยาะกู’คนพาลหันไปตวาดใส่ พอกับลูกสมุนที่เข้ามา ผมตั้งรับ ก่อนจะพันสายคล้องให้สั้นลงแล้วสะพายข้างเอาไว้ คงทำได้เท่านี้ ถ้าวิ่งหนีคงไม่พ้นโดนดูถูกแน่ ไอ้คนตัวโตปรี่เข้าต่อยเฉียดปากไปนิดแต่ก็เจ็บใช่ย่อย ผมก็สวนกลับทีเผลอโดนจมูกไปเต็มๆ
‘มึง มึงกล้าชกกูเหรอ เฮ้ย รุมมัน’เสียงดังอย่างโกรธจัด หันไปสั่งสมุนที่รออยู่แล้ว ผมเช็ดเลือดที่ซึมออกมาแต่ไม่เท่าอีกฝ่าย
‘โอ้ยยยยยยยย ดูดู ไอ้ควายยยยยยยย ไล่ขวิดคนเว้ย’เสียงแทรกอย่างขบขัน ดังมาจากข้างหลัง ผมหันไปมอง เป็นเด็กผู้ชายน่าจะรุ่นๆกัน เดินกอดอกเคี้ยวหมากฝรั่งปากบิดปากเบี้ยวไปมา อย่างที่คิดว่าเท่ห์สุดๆ พร้อมพวกอีกสองคน
‘นั่นดิ สงสัยแม่งหาหญ้าแดกไม่ได้ เลยตาลาย’อีกคนตัวโตกว่าพูดบ้าง
‘โน่น ลงไปแดกผักบุ้งมั่งก็ได้ ไอ้ควาย จะได้สายตาดีมองเห็นหญ้า ฮ่าๆๆๆๆๆ’พูดและหัวเราะอย่างขบขัน ดูไม่เกรงกลัวอีกฝ่ายเอาซะเลย ทำเอาพวกนี้เปลี่ยนทิศทางไปหาพวกมาใหม่
‘พวกมึงเสือกอะไรด้วยวะ ไอ้นก ไอ้เริง ไอ้บุญ’หันไปพูดเอาเรื่องกับทั้งสามคน แต่ไม่รู้คนไหนชื่ออะไร ถ้าเรียงตามลำดับประโยคก็คงจะตามนั้น แต่ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ผมจะใส่ใจอะไรตอนนี้
‘กูไม่ได้อยากเสือกหรอก แต่พอเห็นแล้ว สัญชาติญาณพระเอกมันพุ่งว่ะ’คนที่พูดตอนแรกมาหยุดยืนข้างผม ด้วยใบหน้ายียวนกวนบาทาอีกฝ่ายมาก
‘พุ่งมาหาตีนกูน่ะเหรอ ไอ้นก’เดินไปใกล้ พูดใส่
‘ใช่ แบบนี้ไง’พยักหน้าก่อนจะยันเต็มตีน จนหงายหลัง
‘พูดไม่เห็นภาพ กูเลยทำตัวอย่างประกอบควบคู่ไปด้วย ชัดไหม ไอ้ควาย’ผมมองอย่างอึ้งๆ ไม่คิดว่าจะแรงตีนเยอะขนาดนี้ ตัวผอมกว่าผมอีก ผมตั้งเพราะใส่เจล ใส่เสื้อคอปกตั้ง กางเกงบอล ยังไม่เด่นเท่าใบหน้าที่ขาว ไม่ใช่ตามธรรมชาติ แต่โปะแป้งจนมองแทบไม่เห็นลูกตา ดีว่าขนตาดกยาว รับกับคิ้วที่คงจะเข้มถ้าไม่ถูกกลบด้วยแป้ง ก่อนจะเซเมื่อถูกผลักอีกฝั่งจากคนที่ผมสังเกต เมื่ออีกฝ่ายมันตั้งตัวได้กระโดดถีบแต่เฉียด
‘จ้องความหล่อกูอยู่นั่นแหละ ไอ้วอก เกือบโดนตีนแล้วไหมล่ะมึง’หันมาพูดใส่ผมพร้อมชื่อใหม่ที่ฟังดูดีกว่า ไอ้ตุ๊ด เป็นไหนๆ ผมพยักหน้า
‘ขอบใจนะ’ผมพยักหน้าพูดขอบคุณ
‘มึงจะสมน้ำหน้าคุณอะไรตอนนี้ ไอ้ฉิบหาย ยังไม่จบเรื่องเลย ลุกเร็วๆ’อีกฝ่ายส่ายหน้าฉุดให้ลุกขึ้น หลังจากนั้นก็เกิดการตะลุมบอนกันขึ้น มีเสียงเชียร์เซ็งแซ่ไปหมด ก่อนจะนั่งหอบแดก พักยก ฝั่งใครฝั่งมัน
‘อีกไหมล่ะมึง’ไอ้คนที่ถูกเรียกว่า ควาย อาจจะเป็นชื่อมันก็ได้ พูดท้าทายทั้งที่ปากเจ่อเป็นครุฑ ลูกสมุนก็ตาปูด หน้าปูด
‘มึงมาเล๊ยย มาเลย กูจะจิกให้เขาหดเลยมึง’นก ที่ผมจำชื่อได้คนเดียว ถกแขนเสื้อท้าอีกฝ่าย หน้าไม่เป็นไร แต่เสื้อมีแต่รอยตีนเต็มไปหมด ผมก็ไม่ต่างกัน พอกับเพื่อนนกอีกสองคน กำลังจะปะทะกันอีก
‘ไอ้คม ไอ้ลูกเวร มึงมานี่เลยนะ’เสียงผู้หญิงตัวใหญ่น้ำหนักเกือบแปดสิบกิโล ยืนถกผ้าถุง มือเท้าสะเอวชี้หน้า
‘อะไรอีกล่ะแม่’ไอ้คมที่ผมคิดว่ามันคงไม่ได้ชื่อ ไอ้ควาย พูดกลับเสียงออกรำคาญแต่หน้ายำเกรงสุดฤทธิ์
‘โตจนควายพาไปไถนาได้แล้ว เสือกมาเรื่องน้องๆ มึงนี่เลยนะ ไป กลับบ้านเดี๋ยวนี้ พวกมึงด้วย กลับให้หมด เร็วๆ’ด่ากราดพร้อมฟาดไม้ไม่ยั้ง หลบไม่ทันก็โดนไป ท่ามกลางเสียงหัวเราะชอบใจ
‘ฮ่าๆๆๆ ไอ้ควาย เก่งจังมึง เป็นไง เจอฤทธิ์ยายไหว’นกหัวเราะอย่างสะใจ
‘ไอ้คมนี่ก็ แม่ง ไม่เลิกสันดาน’อีกคนที่ชื่อ บุญ พูดอย่างรู้นิสัย
‘แล้วมันมาหาเรื่องมึงทำไมวะ’เริงหันมาถามผม ถอดเสื้อปัดตัวไปมา
‘ไม่รู้เหมือนกัน เขาถามว่าเราเป็นใคร มาจากไหน เราก็ตอบตามจริง แต่กลายเป็นว่ากวนเขา’ผมตอบทั้งสามคน ที่คงไม่หันมายำผมแทนไอ้พวกเมื่อกี้หรอกนะ
‘เห๊อะ มึงตอบอะไรมันก็บอกกวนอยู่ดี มันหาเรื่อง ถือว่าพ่อมันเป็นกำนัน แต่พ่อแม่มันน่ะดี ไอ้ควายนี่ไม่ติดสักนิด ผิดกับพี่น้อง แล้วมึงเป็นไงบ้างวะ กูเห็นมึงห่วงไอ้นี่ยิ่งกว่าตัวเองอีก’นกเบะปากพูดถึงอีกฝ่าย ก่อนจะถามผมมือก็ชี้ๆ
‘ไม่เป็นไร ที่ห่วง เพราะลุงเราซื้อให้ ไม่ได้คิดจะเอามาอวดใครหรอก แค่อยากลองถ่ายรูปเล่นเท่านั้นเอง ไม่คิดว่าวันนี้จะดวงซวยเอา’ผมบอกก่อนจะหยิบกล้องออกมาตรวจดูไปด้วย ทั้งสามคนมองด้วยความสนใจ
‘โอ้โห สวยว่ะ มิน่า มันถึงได้หาเรื่องมึง เพราะไอ้กล้องนี่แน่ๆ’นกพูดชมตาโต ก่อนจะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
‘กูว่างั้น ไอ้คมมันเห็นใครมีอะไรเกินหน้าเกินตามันไม่ได้หรอก มันต้องเป็นที่หนึ่งตลอด’บุญเห็นด้วยกับนก ส่ายหน้ากับนิสัยอีกฝ่ายที่รู้ดี คงจะรู้ทั้งหมู่บ้านเลยมั้ง
‘กูว่าไม่ว่ะ ไอ้เริงกระเจี๊ยวเล็กที่สุด ไม่เห็นไอ้คมมันอิจฉาวะ ฮ่าๆๆๆๆ’นกพูดแหย่เพื่อนตัวเอง เป็นที่ถูกใจ
‘ไอ้นก มึงกระเจี๊ยวใหญ่ตายล่ะ กูเห็นตอนไหนก็เท่าตอนเด็กเล็ก ไอ้สัดเจี๊ยวมด’เริงพูดพร้อมผลักหัวไปด้วย
‘มดก็มดเอ็กซ์โว้ย’ต่างข่มกันเรื่อง ใหญ่เล็ก ที่ไม่น่าจะเกี่ยวมันมาเอี่ยวด้วย
‘เออ แล้วมึงเป็นใครวะ’ก่อนจะนึกได้ว่านี่แหละที่ควรจะดึงเข้าไปเอี่ยว
‘เราชื่อฉัตร เรียนอยู่กรุงเทพฯ แต่บ้านเกิดอยู่ที่นี่แหละ โน่นบ้านเราอยู่ตรงนั้น พ่อชื่อ นอม’ผมบอกพร้อมชี้ทางไปบ้าน
‘อ๋อ นึกว่าใครกูก็ว่าคุ้นหน้าอยู่’นกพูดอย่างนึกได้ เอามือตบไหล่ผมดังปึก
‘อ้าว มึงรู้จักมันด้วยเหรอ ‘บุญทำหน้าแปลกใจ
‘ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ กูไม่ยักรู้’เริงขมวดคิ้วถามบ้าง
‘กูไม่ได้รู้จักมัน กูรู้จักพ่อมันต่างหากล่ะ’นกบอก ทำเอาถึงบางอ้อ ก่อนจะถอนหายใจกันอย่างเหนื่อยอ่อน นกทำหน้างง
‘อะไร กูพูดผิดตรงไหน พวกมึงก็รู้จัก ตานอมร้านวัสดุก่อสร้างรับเหมาใหญ่ที่สุดของที่นี่ แต่ตอนนี้น้องแกดูแลแทน’นกพยักหน้าใส่พร้อมบอกรายละเอียดว่ารู้จักพ่อผมเป็นอย่างดี
‘ไอ้นก มึงพูดอย่างกับรู้จักมัน พ่อมันกูก็รู้จัก ห่าราก’เริงพูดพร้อมโบกหัวไปที
‘แค่กูแปลกใจ ที่ไม่เคยหันหน้าไอ้ฉัตรต่างหากล่ะ ปวดหำกับมึงเลย’บุญส่ายหน้าเอือม ผมขำกับมิตรภาพของพวกเขา ถ้าได้เป็นเพื่อนด้วยก็คงจะดีไม่น้อย
‘เราไปเรียนที่กรุงเทพตั้งแต่เด็ก ปิดเทอมบางทีถ้าไม่เรียนพิเศษ ก็จะกลับมาตลอด มาหาตา’ผมเลยบอกซะเลยจะได้หายสงสัยกัน พวกเขาก็พยักหน้าเป็นอันเข้าใจ ก่อนจะคุยกันหลายเรื่อง ส่วนใหญ่ผมจะตอบซะมากกว่า
‘กูว่าไปเล่นน้ำกันดีกว่าว่ะ ไอ้ฉัด มึงว่ายน้ำเป็นไหม’นกชวน และหันมาถามผมที่พยักหน้า แต่ตามองกล้อง
‘ดี เอามานี่กูเก็บให้ รับรองไม่หาย ถ้าหายก็หาย หาไม่เจอ มึงไม่ต้องคิดมาก ของหายเรามักจะไม่รู้อยู่แล้ว ถ้ารู้มันก็ไม่หายใช่ไหม มึงเข้าใจนะ’นกพูดทำเอาผมงง แต่ก็ส่งให้อย่างไม่ลังเล มองอีกทีถุงกล้องห่อด้วยเสื้อยืดของนก ก็ไปอยู่บนต้นไม้แล้ว นกปีนได้เร็วเหมือนลิงมาก ก่อนจะพยักหน้าเรียกผม บุญกับเริงกระโดดลงไปแล้ว ผมกำลังลังเลจะถอดเสื้อดีไหม
โครม
ตูม
ตูม
‘เฮ้ย’ร้องได้แค่นั้น ตัวก็ลอยลงพื้นน้ำเรียบร้อย ด้วยฝีมือหรือฝีตีนของนกไม่แน่ใจ
‘ลีลาอยู่นั่นแหละ นมก็ไม่มี ลังเลอยู่ได้’นกพูดใส่ผม ก่อนจะว่ายน้ำหนีหลังถีบน้ำใส่หน้าผมเต็มๆ
‘แค่ก แค่ก’ผมสำลัก ก่อนจะว่ายไปเอาคืนบ้าง พวกเราเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน พอขึ้นบก ผมก็ขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก สอนพวกเขาด้วย โดยเฉพาะนก สนใจเป็นพิเศษ เหมือนผมที่สนใจเพื่อนคนนี้เป็นพิเศษเหมือนกัน ครั้งแรกที่ได้รู้จักก็มอบความมีน้ำใจให้แล้ว และมีให้กันมาตลอด ถึงจะเป็นแบบโผงผางบ้างตามนิสัยใจคอ แต่มันก็คือความจริงใจ
ผมอมยิ้มเมื่อนึกถึงความประทับใจแรกที่ได้พบ ได้รับจากคนที่นอนหลับอยู่ตรงหน้า ผมอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบใบหน้าคมเข้มที่ไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิม ผมมองนกตอนแรกเป็นยังไง ตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น ผมรู้มาตลอดว่ารู้สึกยังไงกับนก มันไม่ใช่เพื่อนเหมือนที่ บุญกับเริง เป็น มันมากกว่านั้น ตั้งแต่จากกันเมื่อตอนเปิดเทอม ผมต้องกลับไปเรียนที่กรุงเทพต่ออีกหนึ่งเทอม
‘เราให้นก’ผมยื่นหุ่นยนต์ให้นก
‘ให้กูจริงเหรอ’นกดูตื่นเต้นมาก ยิ้มหน้าบาน แต่ยังไม่กล้ารับจากมือ
‘จริงสิ เราไปเรียนก็ไม่มีเวลาเล่นหรอก นกเก็บเอาไว้นะ มันเป็นหุ่นยนต์ที่เราซื้อเองเป็นตัวแรก’ผมพยักหน้าเป็นการยืนยัน พูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิกับของที่ซื้อด้วยเงินตัวเอง และได้มอบให้คนพิเศษ
‘มันจะดีเหรอวะ ของรักมึงเลยนะ กูไม่เอาดีกว่า มึงเก็บไว้เถอะ’นกลังเลพูดอย่างเกรงใจด้วยความจริงใจ มากกว่าจะแกล้งพูดเพื่อให้ผมยกของให้ ถึงจะรู้จักกันแค่ไม่กี่เดือน ผมก็รู้นิสัยนกแทบจะทุกอย่าง จากการสังเกตเอาเอง นกเป็นคนพูดจาโผงผางตามประสาผู้ชาย มีน้ำใจ รักเพื่อน รักสัตว์ ไม่หาเรื่องใครก่อน นี่เป็นส่วนเล็กที่ผมบอกให้รู้ ยังมีอีกเยอะ
‘ได้สิ ของรักมันก็ต้องอยู่กับคนที่รัก เอ้อ รักมันเหมือนเรา เรามั่นใจว่านกจะดูแลมันได้ดีไม่แพ้เราแน่ รับไว้เถอะ’ผมบอกนกด้วยรอยยิ้ม พยักหน้าให้นกส่งมือมาอุ้มมันไป เพราะตัวใหญ่พอสมควร
‘ขอบใจมึงนะ ไอ้ฉัด กูจะเก็บไว้อย่างดีเลย มึงไม่ต้องห่วงนะ’นกบอกด้วยรอยยิ้มกลับมา
‘ขอบใจมาก เอาไว้เจอกันคราวหน้านะ ถ้ามีอะไรที่นกต้องการและเราหาให้ได้ก็เขียนจดหมายไปบอกนะ จะหาให้’ผมบอกนกอีกครั้ง เพราะได้เวลาจะต้องไปแล้ว
‘เออ ไม่ต้องเอาอะไรมาหรอก แค่มึงมาก็พอแล้ว โชคดีนะ’นกบอกผมวางหุ่นกับโต๊ะ เดินเข้ามากอด ผมอึ้งไปพักก่อนจะกอดกลับไป อย่างไม่อยากจะปล่อย
‘ได้สิ ถ้านกต้องการ เรามาแน่’ผมพูดพึมพำ
‘มึงนี่พูดจาแปลกๆ ว่ะ มาให้แน่นะมึง ไม่มากูจะตามไปเตะถึงโน่นแน่’นกผละออกพูดคล้ายบ่น มีขู่นิดๆ ผมหัวเราะ
‘ได้เลย จะรอ’ผมบอกกลับไปบ้าง ก่อนจะมองหน้ากันอีกครั้ง เสียงแตรรถดัง
‘ไปนะ เอาไว้เจอกัน’ผมโบกมือให้นก
‘เออ เดินทางปลอดภัยนะมึง’นกโบกมือให้บ้าง ก่อนประตูรถจะปิดเคลื่อนออกไป ผมมองนกที่โบกมือให้จนลับตา
‘ฉัตรมาแน่นอน สัญญา’ผมพูดกับตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจพูดกับพ่อเรื่องย้ายโรงเรียน พ่อกับแม่ดูจะแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร คิดว่าผมคงคิดถึงตา ก็เลยอยากจะกลับไปอยู่บ้าน ตาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ผมอยากกลับไป และอีกส่วนหนึ่งที่ผมรับเข้ามาในชีวิตก็ด้วยเช่นกัน
หลังจากนั้น
สัญญาที่ผมพูดไว้ ก็เป็นจริง ผมกลับมาเรียนที่เดียวกับนก เป็นเพื่อนร่วมรุ่นแต่ไม่ได้ร่วมห้อง ความสัมพันธ์เป็นไปอย่างน่าประหลาด เจอกันทักทายเหมือนจะไม่กินเส้นกัน แต่เวลาอยู่กันสองคนล่ะดี๊ดี มีเรื่องก็ร่วมหัวจมท้ายกันทุกที่ ผิดใจกันก็หลายหน แต่เราก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอย่างที่ไม่มีอะไรคาใจ ความรู้สึกของผมมากขึ้น แต่ต้องเก็บเอาไว้ กลัวมิตรภาพที่จะได้รับจะเสียไป ได้แต่อยู่ข้างๆ เป็นห่วงอยู่ห่างๆ เป็นอย่างนี้มาตลอด จนเราเข้ามหาวิทยาลัย ถือว่าห่างกันไปพักใหญ่ ผมเรียนหนักมาก แต่ติดตามนกอยู่เสมอ จนกระทั่งวันที่นกแต่งงาน กับผู้หญิงที่โชคดีที่สุดที่ได้นกเป็นคู่ครอง ผู้หญิงที่นกคิดว่าผมจีบแข่งด้วย ผู้หญิงที่ผมรู้จักมาก่อนนกตั้งนานแล้ว แต่กับได้นกไปครอง ผมก็ได้ยืนมองด้วยความยินดี และอยู่ข้างๆตามเดิม เฝ้าดูตลอดเพียงแค่เห็นเขามีความสุข ผมก็สุขไปด้วย ผมก็ไม่ได้เป็นคนดีซะทีเดียว หลายครั้งที่อยากจะหักหาญ แย่งชิง ของรักตัวเองกลับมา คิดว่าทำไมไม่กล้าพูด หรือทำอะไรสักอย่างให้เขามาเป็นของตัวเอง แต่พอเห็นรอยยิ้ม ความรู้สึกนั้นมันก็หายไป ผมบอกตัวเองว่าจะไม่ทำให้นกเสียใจเป็นเด็ดขาด ผมจะอยู่กับเขาอย่างนี้ไปตลอดชีวิต แม้แต่ ผู้หญิงที่นกรักจากไปแล้ว ผมก็ไม่เคยบอกความรู้สึกนั้นให้นกรู้ แต่ผมแสดงออกทางการกระทำ เข้ามาดูแลและทำตัวเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนก โดยที่ผมไม่รู้ว่านกรู้บ้างไหม ถ้านกไม่พูดผมก็จะทำต่อไป แค่ให้ได้อยู่ข้างๆก็พอแล้ว
“ฉัตรรักนกนะ จะรักตลอดไป”ผมจูบหน้าผากคนนอนหลับอย่างแผ่วเบา พอแล้วจริงๆสำหรับผม ผมจะใช้ทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ รักและดูแลนกกับลูกให้ดีที่สุด
.
.
.
.
.
“ยิ้มอะไรของมึงวะ กูเห็นยิ้มตั้งแต่หลับยันตื่น จนกลับ มึงโดนผีแป๊ะยิ้มอาซิ้มสิงร่างหรือไง”นกถามผมขณะที่เรากำลังกลับบ้านกัน หลังจบทริปพักผ่อนแสนสุข
“คนมีความสุข จะให้ร้องไห้หรือไงล่ะ ทีนกยังไม่หุบยิ้มเลย”ผมยิ้มและแซวนกกลับ
“ไอ้ฉัด มึงว่ากูหน้าบานเหรอ สัด กูยังไม่ได้ยิ้มเลย ห่านิ”เสียงเอ็ดกลับมา ทำให้คึกครื้นขึ้นอีกครั้ง
“คิดลึกอีกแล้ว”ผมว่ายิ้มๆ เอนตัวพิงเบาะ
“กูไม่ได้คิดลึก กูคิดเยอะโว้ย มึงนั่นแหละชวนกูคุยเรื่องวันวานเป็นคนแก่ชอบรำลึกไปได้”เหน็บกลับก่อนจะมองทางข้างหน้าต่อ
“ก็แก่เหมือนกันนั่นแหละ เห็นพูดตอบได้เป็นฉากๆ”แซวกลับบ้าง มองเสี้ยวหน้าอีกคนอย่างมีความสุข ถ้ารู้ว่าโดนลักจูบคงโวยวายน่าดู ผมไม่กลัว กลัวแค่ไล่ผมออกจากชีวิตเท่านั้นเอง
“ควาย เขาเรียกความจำดีโว้ย ไม่ได้แก่ มึงนั่นแหละขี้หลงขี้ลืม เล่ากระโดดไปมา พากูงง ดีนะกูเป็นคนความจำดี และ เมื่อไหร่มึงจะหลับสักที พรุ่งนี้เข้าเวรเช้าไม่ใช่เหรอ”หันมาด่าตรงคำว่า ควาย และหันกลับไปพูดต่อ
“อืม เชื่อและความจำดี”ผมพยักหน้าล้อเลียน
“หลับไปสิ กูจะขับรถชวนคุยอยู่ได้ นี่กูอุตส่าห์ลดตัวมาเป็นพลขับบริการมึงเชียวนะ ตอบแทนทีพามาเที่ยว”นี่แหละนก หาเรื่องแถได้ตลอด
“ครับ ครับ หลับแล้ว ตื่นมาคงถึงบ้านนะ”ผมรับคำขำๆ
“ถ้ามึงไม่หลับ กูจะถีบส่งบ้านเก่ามึงเดี๋ยวนี้แหละ กวนตีนกูอยู่ได้”พูดใส่มองทางหางตา ผมกลั้นยิ้มก่อนจะรู้สึกเคลิ้ม แต่ยังทันได้เห็น คนขับที่ผมขอเป็นเพื่อนใจชะลอรถเข้าข้างทาง หยิบผ้ามาคลุมให้ ก่อนจะขับต่ออย่างนิ่มนวล ไม่รู้เพราะรถหรือฝีตีนคนขับกันแน่
“มึงดูแลกูมามากแล้ว ให้กูดูแลมึงบ้าง ถึงไม่มากแต่กูก็เต็มใจทำให้มึงนะ ไอ้ฉัด”เสียงพูดพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆที่คลี่ออก ทำให้ผมหลับฝันดีอีกครั้งบนรถ ที่มีเพื่อนใจร่วมเดินทางไปด้วย แค่นี่แหละความสุขของผม
.
.
.
.
ความในใจของนก
‘ไอ้ฉัด ทำกูเกร็งเลยนะมึง นึกว่าจะจูบปากกูซะอีก ดีนะแค่หน้าผาก ไอ้มือที่กอดก็พาเสียวจะลงไปตูดกูอยู่เรื่อย เฮ้อ ถ้ามึงคิดจะฟีจเจอริ่งกู ก็อย่าให้เข้าช่วงสูงวัยนะมึง คงจะลำบากและฝืดน่าดู แต่ถ้าให้กูเอ่ยปากอนุญาต มึงก็ทำแค่นี้เถอะวะ กูให้ขนาดนี้แล้ว คิดไม่ได้ก็เรื่องของมึงเถอะ’****************************************************************************************************************************
ปล. เป็นอีกตอนของรุ่นย่างช่วงสูงวัย ให้เขาได้ออกรอบกันบ้างเน๊าะ นิดๆหน่อยๆเป็นกระษัย มากไปหัวใจวายทั้งคู่ อดกันพอดี

เห็นเม้นท์แล้วชื่นใจมีแฮงหล๊ายหลายในการเขียน

ขอบคุณที่ยังไม่ลืมกัน งันงันงัน ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณกำลังใจทุกคนนะคะ

ว่างๆ จะมาใหม่เน้อ

***ย้ำ มีทุกคู่แน่นอนค่ะ แต่ช้าหน่อยนะ งานเยอะจริงๆ

***