“ไง ไอ้เหี้ยเข้ม ละเมออะไรของมึงวะ”ไอ้เหี้ยปานถามผมแต่เช้า ในโรงอาหาร
“ร้องซะอย่างกับ โดนใครแทงก้น ครึครึ”ไอ้โจ๊กพูดบ้าง แต่กวนตีน
“กูจะแทงก้นมึงนั่นแหละ ระวังไว้เหอะ”ผมพูดใส่มัน ก่อนจะชะเง้อมองไอ้รันที่ยังรอข้าวอยู่ บอกให้ของผมมาก่อน มันก็ไม่เอา บอกว่าไม่อยากเอาเปรียบ เรื่องแค่นี้มันดูแลตัวเองได้ ก็เลยต้องยอม ไม่งั้นมันจะไม่ให้อยู่ใกล้
“แหม แหม แทงก้นกู แต่มองก้นไอ้รัน จวย”ไอ้โจ๊กพูดเสียงเล็กเสียงน้อย ก่อนจะเสียงใหญ่ในตอนท้าย
“มึงอย่าพูดให้มันได้ยินเชียวนะ เดี๋ยวมันนึกว่าจริง พาลเกลียดไม่ให้กูอยู่ด้วย”ผมรีบบอกไอ้โจ๊กทันที กลัวมันไปพูดแซวไอ้รัน เดี๋ยวเป็นเรื่อง มันยิ่งให้โอกาสผมอยู่ ถึงผมจะคิดแต่ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป รอให้มันเต็มใจดีกว่า ถ้าไม่ผมก็ไม่บังคับ เหมือนที่พูดออกไปแล้วว่าจะไม่ทำให้มันรู้สึกไม่ดีกับผม
“ยังไม่ทันไร กลัวนะมึง เออ ๆ กูไม่พูดหรอก มึงห้ามตัวเองให้ดีแล้วกัน”ไอ้โจ๊กยักไหล่ เบะปาก ด้วยท่าทางกวนตีนตามเคย สักพัก ไอ้รันก็เดินกลับมานั่ง
“อะไร มองหน้า นินทากูล่ะสิ”ไอ้รันพูดออกมา หลังจากเจอไอ้สองตัวมองหน้ายิ้มๆ มีแต่ผมที่มองแล้วรีบก้มไปตักข้าวใส่ปากทันที โล่งใจที่มันกลับมาแล้ว ทำอย่างกับมันไปต่างจังหวัด แค่ไปรอรับอาหาร
“เปล๊า ร้อนตัวนะมึง”ไอ้ปานทำเสียงสูง เหน็บกลับ
“นั่นดิ มีอะไรให้นินทาวะ นอกจากจู๋เล็กสั้น เหมือนตัวมึง ฮ่าๆๆๆๆ”ไอ้โจ๊กหัวเราะชอบใจ
“ดีกว่ามึง จู๋ใหญ่ แต่สั้นป้อม เหี่ยวด้วย”มันหันไปพูดใส่บ้าง หน้าแดงด้วย ผมแอบยิ้มกับสีหน้าอายของมัน ที่ดูน่ารักแต่เดี๋ยวนะ มันไปสังเกตเห็นตอนไหน
“มึงรู้ได้ไง ว่าของไอ้โจ๊กมีสภาพแบบนั้น”ผมถามออกไปทันที อุตส่าห์เอาตัวเองบดบังไม่ให้มันเห็นของใครนอกจากของผม ยังจะตาดีไปเห็นของคนอื่นอีก มันน่านัก หรือเป็นเพราะผมยืนหันหลังให้มันวะ งั้นต่อจากนี้ไปผมจะหันหน้าเข้าหามันจะได้จำได้แต่ของผม
“ไอ้ควายยยยย กูพูดไปงั้นแหละ จะดูให้เสียสายตาและสุขภาพจิตกูทำไม แค่เห็นก้นดำๆของมึงกูก็จะอ้วกแล้ว”หันมาด่าใส่ผมพร้อมบรรยายรูปพรรณสัณฐานก้นของผมให้ฟังด้วย ผมควรจะปลื้มใจดีไหมที่อย่างน้อยมันก็จำก้นผมได้
“ฮ่าๆๆๆๆ ถ้ามึงเบื่อทิวทัศน์ด้านหลัง มึงก็ให้มันหันหน้าสิวะ ฮ่าๆๆๆๆ”ไอ้ปานหัวเราะปิดหัวปิดท้ายประโยคที่พูดจบ ทำเอาไอ้โจ๊กขำไปด้วย
“เออว่ะ ถ้าจะดี เผื่อมึงเปลี่ยนจากอ้วก เป็น อะโอ้ยยยยย ไอ้รัน ไอ้สัด กูพูดเล่น”ไอ้โจ๊กเข้าคู่อย่างทุกครั้ง ก่อนจะร้องแต่ต้องเก็บเสียงฉับพลันเมื่อผู้คุมหันมามอง เกิดเดินมาถามสาเหตุจะอับอายทั่วโรงอาหาร
“กูจะให้มึงนั่นแหละ อะเอ้อ แทน ไอ้สัด พูดมากนัก”ไอ้รันบิดหูมันส่งท้ายอีกที ผมรู้ว่าคำที่หายไปคืออะไร แต่ ไม่นะ ผมไม่ยอมให้ไอ้โจ๊กมันทำอย่างนั้นกับเข้มจูเนียร์ไซด์บิ๊กของผมเป็นเด็ดขาด ถึงจะยาวใหญ่เข้มไปนิด มันก็เลือก
“ไอ้เข้ม มันคงยอมหรอก มึงดูหน้ามันสิ เหมือนขยะแขยงปากมึงยังไงก็ไม่รู้”ไอ้ปานผู้หยั่งรู้และสอดเสือกไปทุกเรื่อง มันอ่านสีหน้าผมออก
“ถุย กูไม่กล้าเอาปากไปสัมผัสหรอก แหวะ”ไอ้โจ๊กก็ทำหน้าแหยงมั่ง ทำอย่างกับกูจะยอม
“กูจะอ้วก พวกมึงหยุดเอาเรื่องสัปดนมาคุยในเวลากินข้าวได้ไหมวะ รีบๆแดกเข้า แม่ง กูปวดท้องขี้อีกแล้ว”ไอ้รันทำท่าพร้อมคำสั่งให้หยุดคุย แต่มันกับบอกอาการของมวลมหาประชากรในท้องที่จะออกมาดูโลก ทำเอาไอ้สองตัวแหวะใส่บ้างก่อนจะรีบกินกันต่อ เพื่อจะได้ไปทำงาน
.
.
.
.
“โอยยยย ร้อนฉิบหาย กว่าจะได้พัก”ไอ้รันบ่นอุบ เอามือกระพรือเสื้อไปมา มันไม่กล้าถอดเสื้อออก ผมเลยต้องเสียสละทุกครั้งถอดและพัดให้มัน แต่แบบห่างๆ เดี๋ยวมันจะเป็นลม มันหันมามองก่อนจะหันกลับสีหน้ามันดีขึ้นผมก็ลุกไปตักน้ำส่งให้
“กินน้ำก่อน จะได้หายร้อน”ผมบอกพร้อมส่งให้มัน และพัดต่อ เดี๋ยวนี้เริ่มชินแล้วกับการที่มีคนมอง เป็นเรื่องปกติ ไอ้รันมันก็ไม่ได้สนใจหรือเอ็ดใส่อย่างตอนแรก ก็ดีเหมือนกันจะได้ใกล้กันอย่างไม่มีปัญหามาทำให้แตกแยก ทุกวันนี้ผมเริ่มเขียนหนังสือและอ่านได้หลายคำแล้ว รวมถึงประโยคที่ยากด้วย ผมแอบหัดเขียนจดหมายไว้ด้วย แต่เพิ่งได้แค่สองบรรทัด เรียบเรียงได้แล้ว แต่ยังสะกดไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ แม่ง ยากกว่าพูดอีกโว้ย แต่ผมต้องอดทน ไม่อย่างนั้นผมจะไม่มีโอกาสได้ติดต่อมันอีกหลังจากที่มันได้ออกไปก่อน ผมติดคุกสิบปี หลังจากที่ลดหย่อนไปบ้างแล้ว นายจะช่วยให้ผมออกไวก็ได้ แต่ผมอยากอยู่รับความผิดที่ตัวเองก่อเอาไว้ ถึงจะไม่มากแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำ แป๊บๆ นี่ก็จะครบปีแล้ว นับแต่กลับมาอีกครั้ง
“ไอ้เข้ม มึงว่า ไอ้เฮียมันไปไหนทุกวันวะ”อยู่ๆมันก็ถามผมเรื่องไอ้เฮียผมส่ายหน้า
“ไม่รู้สิ มันไม่เคยบอก และมันไม่ได้บอกมึงบ้างเหรอ”ผมตอบและถามกลับมันบ้าง
“กูรู้ กูจะถามมึงหรือไง ห่าราก ไอ้สองตัวนั่นไม่ต้องถามเลย เงียบกริบ ไม่รู้ว่ามันรู้แล้วไม่บอกหรือไม่รู้จริงๆ”กูว่าแล้วมันต้องย้อนแบบนี้ ก่อนจะพาลไปถึงไอ้สองตัวนั่นด้วย ตอนนี้พวกมันนอนราบไปกับพื้นหญ้าแล้ว พักสิบนาทีก็มีค่าสำหรับพวกผม
“มันคงไม่รู้มากกว่า แล้วใครจะกล้าถามล่ะ กูรู้แค่ว่ามันไปทำงานให้ ผอ. เท่านั้น”ผมตอบเท่าที่รู้ มันก็พยักหน้า
“อืม กูก็ว่างั้นปกติมันก็ไม่ค่อยจะพูดจะบอกอะไรด้วย”ไอ้รันถอนหายใจก่อนจะเอนตัวพิงต้นไม้
“อีกไม่กี่วัน กูจะได้เจอแม่กับน้องแล้ว ดีใจจังว่ะ”สักพักมันพูดเสียงใส หน้าตาสดชื่น
“กูดีใจด้วยนะ”ผมบอกมันอย่างยินดี ก่อนจะเงียบ พัดให้มันต่อ
“เอ้อ กูขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจ”มันหันมามองด้วยสีหน้าเหมือนสำนึกผิด
“ขอโทษทำไมวะ กูดีใจกับมึงจริงๆ ที่จะได้เจอแม่กับน้อง บ้าเปล่า ว่าแต่อย่าลืมแบ่งกูกินด้วยนะ”ผมพูดกลั้วหัวเราะ รู้ว่าไอ้รันมันขอโทษผมทำไม ถ้าเป็นแต่ก่อนมันคงไม่สนใจอยู่แล้วสีหน้ามันดีขึ้น
“ได้สิวะ แค่นี้เอง แต่ยังไงกูขอโทษอยู่ดี มึงไม่โกรธกูแน่นะ”แต่มันยังคาใจนิดหน่อย
“แน่สิ กูไม่เคยโกรธมึงหรอก มีแต่กูมากกว่าที่ชอบทำให้มึงโกรธ ถ้ากูทำอะไรไม่ดีบอกกูนะ ขอแค่อย่าเกลียดอย่าไล่กูก็พอ”ผมพยักหน้าบอกมันจากใจจริง ก่อนจะขอร้องมันเสียงเบา
“เออ กูรู้แล้ว ทำหน้าเป็นควายหงอย ไม่ได้น่าสงสารเล๊ย ครึครึ”มันหัวเราะตอนท้าย เปรียบผมเป็นควาย และมึงเป็นคนขี่กูก็ยอม ได้แต่พูดในใจล่ะว้า ไอ้เข้ม ดีแล้วล่ะรักษาสถานภาพอย่างนี้ไปนานๆ ผมไม่กล้าหวังให้มันมารักมาชอบผมหรอก ผมกลัวผิดหวัง ผมรู้ตัวเองดีว่า ไม่มีอะไรให้มันชอบได้ ไม่มีหลักประกันว่าจะดูแลมันกับครอบครัวได้ ออกไปยังไม่รู้เลยว่าจะมีงานทำไหม นายก็บอกให้ไปหา แต่ผมอยากพึ่งตัวเองมากกว่า อยากทำอยากมีอะไรเป็นของตัวเอง
“คิดอะไรวะ หน้าเครียดเชียว คิดเรื่องฝันร้ายเหรอ”เสียงมันฉุดผมออกจากความคิดที่จมปลักยังไม่มีทางขึ้น
“ไม่มีอะไร”ผมส่ายหน้า มันจับเสื้อผมที่โบกให้หยุด
“มีอะไรก็บอกกูได้ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ”มันถามผมเสียงเรียบแต่ฟังนุ่มหู อบอุ่นที่ใจเหลือเกิน นานแล้วที่ไม่มีใครห่วงผม นานแล้วที่ไม่มีใครสนใจไถ่ถามผมก็เลยตัดสินใจเล่าให้มันฟัง เริ่มจากฝันก่อน
“กูฝันเห็น ไอ้เต มันร้องไห้ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเคียดแค้นที่กูทำให้มันตาย กู”ผมก้มหน้าลงกับเข่า ซ่อนความอ่อนแอที่คงจะปกปิดไม่มิด ไม่รู้ทำไมผมถึงอยากให้มันปลอบใจ แค่คำปลอบใจจากมันเท่านั้น
“มึงแดกมาก ก็ฝันมากน่ะสิ หืม”มันพูดยิ้มๆ นี่แหละคำปลอบใจของมันแต่ทำผมยิ้มออกได้
“เพื่อนมึงเขาไปสบายแล้ว แต่มึงคงไม่ลืมเขา นึกถึงเขาตลอด ก็เลยเอาแต่โทษตัวเอง แล้วเก็บมาฝัน”มันพูดต่อเสียงเรียบ แต่สีหน้าอ่อนโยน เอามือวางตรงแขนผม
“ก่อนนอนมึงสวดมนต์ แผ่เมตตาให้เขาซะ บอกกล่าวเขาบ้าง เขาจะได้สบายใจ เขาคงห่วงมึงมากกว่า”มันพูดต่อ พยักหน้าให้ผมด้วยรอยยิ้ม
“อืม กูจะพยายาม มึงช่วยกูด้วยนะ”ผมรับคำและขอร้องมันเหมือนทุกครั้ง
“ทุกวันนี้กูไม่ได้ช่วยหรือไง สวดกรอกหูมึงทุกวัน ไม่จำวะ”มันผลักผมก่อนจะปัดกางเกงและลุกขึ้น ผมก็ลุกตาม
“ก็มันยาวนี่หว่า กูยังมีตัวอักษรอื่นต้องจำอีกเยอะนะโว้ย”ผมบ่นตัวเองนิดหน่อย
“ก็แบ่งการจำสิ ก่อนนอนมึงก็จำบทสวดบทแผ่ ตื่นนอนก็จำบทเรียน ไม่เห็นจะยากเลยไอ้โข่ง”มันผลักหัวผม ก่อนจะเดินนำหน้าไปหยิบไม้กวาดเตรียมไปทำความสะอาดต่อ
“เออๆ กูจะจำให้ได้ก็แล้วกัน”ผมบอกตามหลังก่อนจะเดินตามมันไปติดๆ อย่างใกล้ชิด
.
.
.
.
“อืม”
“เฮ้อ”
“ฮึ่ม”
“ไอ้โข่ง มึงจะครางเห่าหอนอะไรนักหนาวะ ห๊ะ ฉิบหาย พลิกตัวไปมาจนพื้นห้องขังสะอาดแล้วมึง ไม่กลิ้งให้ทั่วเลยล่ะจะได้ไม่ต้องถู คนจะหลับจะนอน ทำเสียงอยู่ได้”เสียงไอ้รันแว็ดใส่ ที่ได้ยินเสียงผมพร้อมพลิกตัวไปมา พูดประชดแกมเหน็บตลอด ตาจ้องเขม็ง ผมสวนมนต์ก็แล้ว แผ่เมตตาก็แล้ว แต่พอจะหลับตาทำไมคิดเรื่องเตขึ้นมาอีกก็ไม่รู้ มันหายไปพักแล้วนะ หรือว่า มันจะ
“เป็นอะไรอีกล่ะ”ไอ้รันถามอีก เมื่อเห็นผมไม่ตอบ ผมส่ายหน้า
“ไม่เป็นไร คงร้อนมั้ง กูจะหลับตาแล้วล่ะ”ผมตอบเลี่ยงๆก่อนจะหลับตา แต่ก็ต้องลืมขึ้นมาอีก เห็นอีกแล้ว ทำไงดี ขอร้องก็แล้ว มันก็ยังไม่ไป เอาไงดี ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเจอเต แต่อยากให้มันมาหาผมสภาพดีๆ และคุยกันให้รู้เรื่อง เพ้อเจ้อแล้วผมเอาอะไรกับคนตายวะ เต มึงไปดีเถอะ ถ้าห่วงกูไม่ต้องหรอก กูสบายดี อีกไม่นานก็คงได้ตามมึงไป หรือมึงอยากเจอกูก็ขอให้เป็นชาติหน้าแล้วกัน ส่วนชาตินี้เราคงมีบุญวาสนากันแค่นี้ ผมหลับตาลงอีก ก็ยังเห็นสีหน้าเกรี้ยวกราดของมัน ผมหายใจติดขัด หันหลังมองอย่างอื่นแทน ไม่หลับ กูไม่หลับดีกว่า
จึ๊ก
จึ๊ก
ผมหันกลับเมื่อถูกสะกิด ครั้งที่เกือบจะสาม เข้าใจความหมายใช่ไหมครับ คือ ยังไม่ได้สะกิดครั้งที่สาม ผมหันไปก่อนไง ก็เจอตีนขาวๆงอหงิก พอกับหน้าคนสะกิด อุ๊บ ผมไม่ได้หมายความว่าหน้ามันงอเหมือนส้นตีนนะ ออกจะน่าฮักน่ากอด ผมหมายถึงหน้ามันงอหงิกหงุดหงิดอะไรประมาณนี้แหละ แต่ที่แปลกใจกว่า คือมันยื่นมือออกมา ผมมองมือสลับหน้า ก่อนมันจะฮึดฮัด หดมือแต่ผมเพิ่งสำนึกได้ว่าคืออะไร รีบคว้าเอาไว้ทันที
“มองอยู่นั่นแหละ จะหลับได้ยัง”เสียงคนใจดีแต่ขี้หงุดหงิดกลบเกลื่อนพูดออกมา
“ขอบใจนะ”ผมบอกก่อนจะกระชับและหลับตาลง
อืม
อืม
อัศจรรย์ใจมาก
ไม่ปรากฏภาพสามดีใดๆทั้งสิ้น
“อะไรนะ”ผมได้ยินเหมือนเสียงพึมพำ
“มึงขอหรือยัง”เสียงคนที่ให้จับมือถาม
“ขออะไรเหรอ”ผมยังตีหน้าซื่ออย่างไม่รู้จริงๆ
“ขอแฟนมึงไง จับมือกูน่ะ”ผมยังอึ้งกับประโยคที่เอ่ยออกมาอยู่ไม่ทันได้คิด ไอ้คนใจดีก็พูดต่อ ทำเอาผมต้องคิดตาม ว่าจริงเหรอ
“คงจะเข้าใจผิด เขาอาจจะหวงมึงก็ได้ ทำอะไรไม่บอกไม่กล่าวเขา ก็เลยมาหา”เสียงอุบอิบก่อนจะเงียบกริบ แม้แต่ตาก็ไม่กระพริบเพราะมันหลับตาพูด แต่ยังพอเห็นสีหน้าคนพูด ทำเอาผมยิ้มกับความคิดของมัน เอาวะไม่ลองไม่รู้ ผมทำตามก่อนจะหลับตาลง ก็พบว่าจริงด้วยแหะ ไม่มีเลย ช่วงกำลังจะเคลิ้มกับสัมผัสที่มือกระชับ
“บอกหรือยัง”เสียงถามยานคาง
“อืม”ผมก็ยานคางรับ
“กูไม่ได้ยินล่ะ”ยังจะยานคางถามต่อ
“พูดในใจ นอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสาย”ผมบอกอย่างหวังดี
“จวย”เสียงตอบกลับ ก่อนจะเงียบไป ผมยกยิ้ม ใครจะกล้าพูดออกไปวะ
.
.
.
‘เต กูไม่เคยลืมมึงนะ กูรักมึงเสมอ แต่ตอนนี้กูกับมึงอยู่คนล่ะภพแล้ว คงเป็นไปไม่ได้ เหลือแค่ความทรงจำดีๆระหว่างเราเถอะนะ ไม่ต้องเป็นห่วง เอาไว้ถ้ามีบุญวาสนาต่อกัน ขอให้เจอกันใหม่นะ ตอนนี้’
ผมเงียบไปอึดใจ กับคำพูดในใจ ก่อนจะรวบรวมกำลังใจพูดในใจต่อ
‘กูขอดูแลคนสำคัญในโลกความเป็นจริงก่อนนะ’ผมขอใช้คำว่า
คนสำคัญ แทน
คนใหม่ ดีกว่า อยากเติมคำว่า
แฟน ด้วยแต่คงไม่ได้ เพราะไอ้คนที่ให้จับมือมันยังไม่ได้อนุญาตเลยว่าจะให้ไหม แต่ไม่ว่าจะยังไงแค่นี้ผมก็ดีใจแล้วกับสิ่งที่มันให้
.
.
.
.
และแล้ววันที่ไอ้รันและหลายคนรอคอยก็มาถึง ‘วันพบญาติ’ ที่ทางเรือนจำจะกำหนดวันให้ได้พบกัน เป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดให้กับนักโทษที่จากบ้านมา ได้เจอครอบครัวตัวเอง อาจจะทำให้คิดได้และหมั่นทำความดีเพื่อจะได้ลดหย่อนโทษในวันเกิดพ่อหลวง ผมก็คิดเอาไว้เหมือนกันว่าจะทำให้ดีไม่ใช่เพื่ออยากจะลดหย่อน แต่เพื่อว่าวันหนึ่งผมมีโอกาสได้ออกไปข้างนอก ผมจะเป็นคนดีของสังคม จะทำประโยชน์เพื่อแผ่นดินเกิดบ้าง ขอให้ผมได้มีวันนั้นด้วยเถอะ ผมมองเพื่อนร่วมห้องขังที่สีหน้าแช่มชื่น อาบน้ำแต่งตัวให้ดูดีสะอาดสะอ้านเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้คนที่ตัวเองรักหมดห่วง ไม่ต้องกังวลว่าอยู่ลำบาก ถึงแม้ในความจริงต้องลำบากเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าอยู่ดีกินดี นอนสบาย
ผมมองรอบข้าง ก่อนจะหยิบสมุดดินสอมานั่งขีดเขียน เพื่อลดความรู้สึกบางอย่างที่เกาะกุมจิตใจมานานแล้ว ผมอยากมีญาติมาเยี่ยม อยากมีคนเป็นห่วง ไม่มีใครเคยรู้ว่า ผมเคยแอบร้องไห้ทุกครั้งเมื่อถึงวันนี้ นึกถึงญาติคนเดียวที่เป็นคนรักด้วย ก็จากไปแล้ว ไม่มีใครให้ผมนึกถึงอีกแล้ว ผม ไอ้เข้ม ตัวคนเดียวเสมอ ขนาดลูกน้องผมยังมีญาติมาหาเลย พวกมันจะไม่พูดไม่ถามอะไรทั้งสิ้น เพราะมันรู้ตั้งแต่ข้างนอกแล้วว่า ผมไม่มีญาติที่ไหน พวกมันก็แปลกนะ นับถือผมอยู่นั่นแหละขนาดบางครั้งผมใช้งานมันจะตาย เจ็บตัวก็หลายหน มันก็ไม่ปริปาก เคยถามพวกมันว่าไม่เกลียดหรืออยากไปจากกูบ้างเหรอ ไม่คิดจะเอาคืนบ้างหรือไง มันก็บอกว่าเคยคิดเหมือนกัน แต่มันบอกว่าผมดีกว่าลูกพี่เหี้ยๆมันก่อนหน้าหลายคน มีน้ำใจหยิบยื่นให้ ไม่ทิ้งลูกน้อง ทำเอาผมอึ้งไปเหมือนกัน ไม่คิดว่า ผมยังมีความดีในหมู่คนเหี้ยๆด้วย
ผมเงยหน้ามองอีกครั้ง ผู้คุมเริ่มเรียกให้ไปเข้าแถวรอ ผมเบือนหน้ากลับมานั่งดูสมุดตัวเองตามเดิม ถอนหายใจ
“เดี๋ยวกูมานะ”เสียงพูดนุ่มๆพร้อมมือจับไหล่ ทำให้ผมเงยหน้าอีกครั้ง
“อืม”ผมพยักหน้า ก่อนจะก้มลง กลัวจะอ่อนไหวต่อหน้ามัน
“ไม่ต้องกลัว มึงมีกูอยู่เป็นเพื่อน จำเอาไว้”มันพูดพร้อมบีบมือผม ทำเอาอึ้งยิ่งกว่าเดิม มันยิ้มก่อนจะลุกขึ้นไปเข้าแถว ทิ้งให้ผมยังตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ยังอุ่นที่มือจนต้องยกขึ้นมากุมแนบแก้ม ก่อนสายตาจะหันไปเห็น ไอ้เฮีย ที่เตรียมตัวเหมือนกัน ได้ยินมาว่า เมียมันจะมาหา ผมยังจำไอ้เด็กนั่นได้ ไอ้เด็กที่ซื่อบริสุทธิ์ ไอ้เด็กที่ยอมตายพร้อมไอ้เฮีย โดยไม่มีลังเลสักนิด มันกล้าหาญมาก ผมยังไม่ได้ขอโทษมันเลย คงต้องติดเอาไว้ก่อน อีกคนที่ผมจะลืมไม่ได้ คือ นายเฟย นายที่ฝากเงินให้ผมไว้ก้อนหนึ่งเอาไว้ใช้จ่าย ฝากเบอร์โทรให้ติดต่อได้เสมอ นายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมเปลี่ยนไป ผมนั่งปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความคิดอย่างไม่รู้ว่าผ่านไปเท่าไหร่ จนกระทั่งได้ยินเสียงพูดคุยเซ็งแซดไปหมด มองแต่ละคนที่มีของติดไม้ติดมือมาด้วย ต่างแลกเปลี่ยนกัน ลูกน้องผมไม่เคยให้นะ ไม่ใช่ว่ามันไม่มีน้ำใจ แต่มันกลัวว่าผมจะหาว่าดูถูกมัน นอกจากผมจะหยิบกินเอง เหมือนมันจะเดินมาหาแต่ก็ต้องถอยไปเมื่อใครอีกคนนั่งข้างๆ
“แม่กูเอามาฝาก กินด้วยกัน อร่อยนะมึง”ไอ้คนน่ารักเปิดถุงขนมหน้าตาน่ากินให้ผมดู พร้อมพยักหน้าให้หยิบกิน ไอ้ปาน ไอ้โจ๊ก ก็เหมือนกัน มันมานั่งรวมด้วย ยกเว้น ไอ้เฮีย ที่ยังไม่เข้ามา
“นี่ของ เมียไอ้เฮียโว้ย ไอ้หนูไง”ไอ้ปานชูถุงให้ดู ของไอ้หนู
“มากินกัน มึงก็กินสิวะ จ้องอยู่นั่นมันจะลอยเข้าปากมึงไหมล่ะ”เสียงไอ้รันดังอีกครั้ง ก่อนจะยัดปากผม
“แค่ก แค่ก กูตายพอดี”ผมสำลักบ่นอุบอิบ ที่จริงผมเขินต่างหาก จะเรียกว่ามันป้อนในแบบของมันดีไหมนะ ก่อนจะลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อย อิ่มอกอิ่มใจ ไอ้รันชวนพร้อมยัดผมไม่ได้หยุดปาก อร่อยจริงๆ อร่อยมาก ไม่มีใครพูดอะไร จนกระทั่งวันนี้ผ่านไปอีกหนึ่งวัน และก็ตั้งหน้าตั้งตารอกันใหม่
.
.
.
.
เสียงไอ้ปาน ไอ้โจ๊กคุยอะไรกันก็ไม่รู้ ผมได้ยินไม่ถนัด มันหัวเราะกันคิกคัก ได้ยิน คุก คุก มึงก็อยู่ในคุกแล้วจะเอาอีกทำไมวะ แต่เดี๋ยวนะผมได้ยินชัดแล้วว่ามันพูดถึงเรื่องอะไร
“มันยังให้กูเลย”
“แหม กูก็ได้โว้ย”
ผมรู้สึกวูบๆโหวงๆในใจ ทำไม ไอ้สองคนนี้ได้ และ ผมไม่ได้ ในเมื่อมันบอกว่า ผมเป็นเพื่อนมัน ผมเดินเลี่ยงไปอีกทางด้วยจิตใจไม่ปกติ หายใจติดขัด มันยังไม่ไว้ใจผมอีกเหรอ ถึงจะน้อยนิดแต่ผมก็อยากได้จากมันเหมือนกัน
“ไอ้โข่ง มาอยู่นี่เอง หาตั้งนาน”เสียงไอ้คนทำหัวใจผมหล่นวูบ ทักทายสีหน้ารื่นเริง
“...................”
“ทำไมมานั่งนี่วะ แล้วเป็นเหี้ยอะไร หน้าเป็นส้นตีนเชียว”มันถามด้วยความเป็นห่วงในแบบของมัน
“เปล่า”ผมตอบเสียงเรียบ แต่แววตาตัดพ้อ มันจะรู้ไหมนะ
“มึงแปลกไปว่ะ เป็นอะไรเนี่ย”มันเริ่มสงสัยและเสียงดังขึ้นมานิด เอามือเขย่าไหล่
“ไม่ได้เป็นไร มีอะไรเหรอ”ผมส่ายหน้าถามกลับ
“ถุย ทำเป็นพระเอกอกหัก ประชดประชัน กูไม่ใช่นางเอกนะโว้ย”มันทำท่าผลักหัวผมด้วย มันบอกไม่เป็นไร มันไม่ถือ อายุมากกว่าผมด้วย ก็แค่ไม่กี่ปีเอง ผมไม่ว่าหรอกถ้าเป็นมันจะอายุน้อยกว่าผมก็ให้ผลัก
“กู กู”ผมอ้ำอึ้งพูดไม่ออก
“จะพูดไมพูด ไม่พูดกูไม่ ยะ”มันเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง
“กูน้อยใจ”ผมรีบโพล่งออกไปทันที กลัวมันทิ้ง กลัวมันไม่ยุ่งด้วย
“กูบอกแล้วไงอย่าคิดมาก ยังมีอีกหลายคนที่เขาก็ไม่มีญาติมาหา และ มึงก็มีกู มีไอ้พวกนั้นอยู่ คิดมากทำไมวะ ห๊ะ”มันตีความหมายไปโน่น ก่อนจะเขยิบเข้ามาใกล้ ดึงไหล่ผมเข้าไปกอด
“อย่าคิดมากสิวะ ไม่มีใครมีครบไปทุกอย่างหรอก ไอ้เข้ม”มันพูดปลอบใจผม ที่ยังอึ้งกับการกระทำมันอีกแล้ว
“อย่าคิดว่าตัวคนเดียว”
“อย่าคิดว่าไม่มีเพื่อน”
“กูสัญญา”
ผมจ้องหน้ามัน
“กูจะมาหามึง ในวันเยี่ยมญาติ”ผมเบิ่งตา อ้าปาก กับสิ่งที่ได้ยิน มันเกินความคาดหมายกับที่ผมคิดไว้มาก คือ ผมไม่ได้คิดเรื่องนี้ แต่กลับได้ยินการตอบรับเรื่องนี้ ผมใจเต้นแรงอย่างหยุดไม่ได้ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ยิน
“จำไว้ ก่อนออกไป กูจะบอกผู้คุมว่า กูเป็นญาติมึง กูจะมาหามึง มึงจะได้ไม่ต้องลำบากเขียนจดหมายหากู แต่ถ้าอยากเขียนก็ไม่เป็นไร และถ้ากูมาไม่ได้ กูจะบอกทุกครั้ง มึงจะได้ไม่ต้องรอ”มันพูดพร้อมยกยิ้ม เอามือลูบหัวผมที่เหมือนลูกหมาจะโดนทิ้ง แต่ถูกปลอบว่าไม่ทิ้งหรอก ผมรู้สึกว่าหน้าเปียก เมื่อถูกมือขาวยื่นมาเช็ดให้
“ไม่ต้องร้อง ลูกผู้ชาย เข้มแข็งให้สมชื่อสิวะ”มันพยักหน้าใส่ผม ที่อดไม่ไหวแล้ว โผเข้าไปกอดมันอย่างแนบแน่น ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมากับสิ่งที่ได้รับ ผมไม่ได้ร้องไห้มานานมาก ครั้งสุดท้ายคือเตตายไป
“ขะ ขอบใจ กู ขอบใจนะ รัน”ผมบอกมันพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น
“เออ ก็บอกแล้วไง เราเป็นเพื่อนกัน และมึงก็พิสูจน์ให้กูเห็นว่ามึงเปลี่ยนไปแล้ว ลืมอดีตที่ไม่ดีซะ ตั้งต้นใหม่”มันยังปลอบใจและพูดให้กำลังใจผมต่อ และก็ปล่อยให้ความเงียบปกคลุมอีกครั้ง จนเข้าสู่ภาวะปกติ ได้เวลากินข้าวเย็นพอดี
“แต่ กูก็อยากกินบ้างนะ”ผมพูดขึ้นอีกครั้ง ไม่รู้สิ อะไรที่เป็นของมัน ไอ้สองคนนั่นได้ผมก็อยากได้ แม้จะเป็นของกินก็เถอะ ทำไมผมไม่ได้กินล่ะ
“กินอะไรวะ”มันถามด้วยสีหน้าสงสัย นี่มันจะแกล้งผมเหรอ
“ก็กินที่ไอ้ปานกับไอ้โจ๊กมันได้ไง กูก็อยากได้บ้าง กูก็กินเป็นนะ แค่ขอให้เป็นของมึงเถอะ”ผมเหมือนเด็กขี้อิจฉาแล้วตอนนี้ ยืนยันจะกินให้ได้
“อะไร ขี้ ตีน หรือไง ที่ไอ้โจ๊กับไอ้ปานมันได้กิน ครึครึ”มันยังแหย่ผมไม่เลิก
“กูพูดจริงนะ ไอ้รัน ให้กูกินบ้าง”ผมจริงจังมากขึ้น จนมันหยุดเดิน
“มึงพูดอะไรวะ ไอ้สัด กูงงไปหมดแล้วเนี่ย ขนมกูให้มึงกินไปหมดแล้ว จะอ้อนแดกอะไรอีก”เริ่มด่าเอามือเท้าเอว พยักหน้า
“ไหนมึงพูดมาสิ จะแดกอะไร”มันถามผมออกมาจนได้ ผมเลยตัดสินใจบอกมันไป
“อะไรนะ มึงจะแดกอะไรนะ”มันถามหน้าตาตื่น อย่างเหมือนเป็นเรื่องแปลก ผมมองหน้าก่อนจะบอกมันอีกครั้ง
.
.
.
.
“กูจะแดก คุ้กกี้รัน”“ห๊ะ”“นั่นแหละ ที่กูอยากกิน คุ้กกี้มึงอ่ะ มึงให้ไอ้สองตัว แต่ไม่ให้กู ไหนบอกกูเพื่อนมึงไงล่ะ”ผมเริ่มตัดพ้อใส่มัน อะไรพูดแค่นี้ต้องทำตาโตใส่
“อุก ครึ ครึ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
ไม่พอหัวเราะใส่หน้ากูอีก ตลกตรงไหนวะ แค่กูอยากแดก คุ้กกี้ของมึง มันทรุดตัวลงไปนั่งเอามือกุมท้อง แทบจะกลิ้งกับพื้นหญ้าที่อยู่ใต้ตีน
“มึงขำอะไรวะ”ผมถามมันอย่างเริ่มไม่สบอารมณ์บ้าง แต่ไมได้โกรธ
“ฮ่าๆๆๆๆๆ ไอ้สัด ไอ้โข่งเอ้ยยยย ฮ่าๆๆๆๆๆ โอ้ย ขอกูหัวเราะแป๊บ”มันยังขออนุญาตผมหัวเราะต่อ ผมก็ให้ จนมันเริ่มตั้งสติได้ เอามือปาดน้ำตา น้ำลาย ที่ไหลออกมา สูดจมูก สีหน้ากลั้นขำอยู่
“ไหนล่ะ หมดแล้วสิ”ผมแบมือขอมัน มันตีลงมาสองที
“เออ หมดแล้ว เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน”มันพูดเสียงกลั้วหัวเราะ ผมหน้างอขัดกับหนังหน้าที่พยายามแอ๊บ มันเอามือตบไหล่
“มานี่ มึงมานี่ กูจะเหลาให้ฟัง ไปเดินไปด้วย”มันดึงแขนผมให้เดินตาม ก่อนจะเหลาหรือเล่าเชิงอธิบายให้ฟัง ทำเอาผมตาค้างกับสิ่งที่มันเหลา
“ห๊ะ เกม เกมส้นตีนอะไรวะ ชื่อเหมือนมึงเลย”ผมพูดอย่างไม่คิดว่ามันจะเป็นเกมออนไลน์ที่เขากำลังฮิตกัน นึกว่าเป็นขนมคุ้กกี้ของไอ้รันซะอีก
“ทีนี้มึงเข้าใจหรือยัง ว่าไอ้ คุ้กกี้รันที่มึงอยากแดกน่ะ มันเป็นเกมโว้ย เกมที่เขากำลังฮิต น้องกูมันเอาให้ดู พอดีไอ้สองตัวนั้นมันเดินมาไหว้แม่กู ก็เลยได้ดูไปด้วย แล้ววันก่อน ที่มึงไปพบผู้คุม พวกกูไปช่วยไอ้เฮียในห้องทำงาน ก็เลยแอบเล่นกัน คือ มันสนุกไง เลยติดใจ ครึ ครึ กูไม่คิดว่ามึงจะคิดไปโน่น ไอ้โข่ง ครึครึ”มันอธิบายไปหัวเราะไป แต่ผมนี่สิอ้าปากหวอ ก่อนจะหันหน้ากลับซ่อนหน้าที่แดงแตกเป็นเสี่ยงๆ
“โถๆๆๆๆ กูก็นึกว่าน้อยใจอะไร อยากแดกเหรอจ๊ะ เอาไว้พี่ออกไปจะเอามาให้กินนะ ไอ้คุ้กกี้รันน่ะ ฮ่าๆๆๆๆ”แล้วมันก็ล้อเลียนผมหัวเราะเป็นที่สาแก่ใจ พร้อมบอกว่าจะเอาไปเล่าให้ไอ้พวกนั้นฟัง
“อย่านะโว้ย ขอกูอายส่วนตัวกับมึงก็พอ”ผมรีบท้วงปนขอร้องมันทันที
“ไม่ได้โว้ย เรื่องนี้ต้องขยาย”มันทำหน้าเจ้าเล่ห์ ยักคิ้วใส่ “ไอ้เข้มจะแดก เกมคุ้กกี้รันโว้ย ฮ่าๆๆๆๆ”มันพูดเสียงดังไปตลอดทาง ดีว่าไม่มีคน แต่มันก็ยังยืนยันว่าจะเล่า ผมเลยได้แต่คาดโทษมันในใจ
‘จะเกม จะขนม ช่างแม่ง มีชื่อมึง กูกินหมดแหละ ยิ่งเป็นคน กูยิ่งอยากกิน หึหึ’จะมีวันนั้นไหมน้า วันที่ผมได้กิน ไม่รู้ต้องรออีกนานแค่ไหน ไม่รู้ต้องรออีกนานเท่าไหร่ แต่ กูก็จะรอ ตอนนี้ แค่มันยอมรับผมเป็นญาติ และสัญญาว่าจะมาเยี่ยม ก็เหมือนมันรับผมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตมันแล้ว แค่เศษเสี้ยวผมก็ดีใจ
**************************************************************************************************************
ปล. มาแล้วจ้า สำหรับคู่นี้ กรุบกริบ กันเบาๆ แต่ก็คืบหน้าบ้างแล้วนะ ใจเย็นๆ ให้เขาได้สร้างความรู้สึกดีๆมากกว่านี้กันก่อนนะ อย่าเพิ่งใจร้อนให้พี่เข้มกินคุ้กกี้รันเลยนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

ขอบคุณนะคะที่ยังติดตามกันอยู่

ใจเย็นนะคะ คู่อื่นๆ จะทยอยมาเร็วๆนี้ แต่ช้าหน่อย เอ๊ะ ยังไง
