ผมเดินกลับมาในห้องพร้อม ข้าวผัดจานใหญ่ ไอ้พี่สิบกินจุมาก กินไม่เคยเหลือ ผมหรือเตี่ยกินไม่หมดมันจัดการเรียบ เตี่ยออกปากชมว่า ดี ดี
อย่างนี้เลี้ยงไม่เสียดายข้าวสุก ทำเอาผมขำกับหน้ามันที่ยิ้มแหยๆกับคำชมกำกวมของเตี่ย
“อ้าว นอนซะแล้ว ข้าวยังไม่ได้กินเลย”ผมพูดออกมาเมื่อเห็นคนตัวโตที่อาบน้ำใส่กางเกงนอนตัวเดียวหลับอยู่บนเตียง ผมวางของในถาดบนโต๊ะข้างเตียง
“พี่สิบ พี่สิบ กินข้าวก่อนค่อยนอน”ผมเขย่าตัวพอรู้สึก มันปรือตาขึ้นมามอง ก่อนจะผงกหัวลุกขึ้น ผมเลยเอาหมอนพิงหลังให้ คิดว่าเป็นไข้จากแผลหรือเปล่า คงไม่ใช่แค่ถากแล้วล่ะมั้ง ตัวรุมๆ
“ป้อนด้วยนะ พี่ง่วงอ่ะ”กะแล้วมันต้องอ้อนแน่ๆ
“เออ”ผมส่ายหน้า หยิบจานข้าวผัดมาเป่าและป้อนจนหมดชาม หยิบถุงยามาดูจัดการป้อนใส่ปากเรียบร้อย ผมเอาของไปเก็บกลับมามันก็ยังนั่งท่าเดิม กวักมือหยอยๆผมก้าวขึ้นไปนั่งปุ๊บมันคว้าไปกอดหมับพาลงไปนอนพร้อมกัน
“เฮ้ยๆ เดี๋ยวโดนแผลหรอกอื้ม”ผมปรามมันเอามือดันเบาๆ เมื่อมันไม่ใช่แค่นอนกอดแล้ว เอามือเลื้อยเข้าไปในเสื้อ ไต่ไปจนถึงยอดอกที่รู้ดีชูรอรับ ปากไล่ซุกไซ้ตามซอกคอ ไล่มาปิดปากที่ร้องห้าม ขึ้นมาคร่อมทั้งตัว จูบเบาจนเรียกร้องเบียดให้เปิดรับ ผมก็ตอบรับเอามือโอบรอบคอขยุ้มผมมันเบาๆ ทึ้งนิดๆ
“อืม อา เบียร์ เบียร์”
“หืมอืม”
“พี่รัก เบียร์ รัก”
“อืม รัก พี่สิบ”
เสียงครางเสียงพูดบอกรักสลับไปมา พอกับช่วงล่างที่เบียดเข้าหากันอย่างไม่อยากจะแยกออก จากที่ห่วงแผลมัน กลายเป็นลืมไปแล้วว่ามันบาดเจ็บ ถ้ามือผมไม่ไปเฉียดมันเข้า
“โอ้ยยยอืม”เสียงร้องออกมาไม่ดังนัก หน้านิ่ว ทำเอาผมรู้สึกตัว
“ไหนดูสิ”ผมจับมันลงจากตัวทันที เลือดซึมออกจากผ้า
“ไม่เป็นไร นิดหน่อย”มันก็ยังบอกไม่เป็นไรหน้าตาบ่งบอกโถ จะเอากูให้ได้เลยเน๊าะ
“ไม่เป็นไรห่าอะไรล่ะ เลือดออกขนาดนี้ หุบปากไปเลย เดี๋ยวมา”ผมเอ็ดมันพร้อมชี้หน้าให้มันนอนนิ่ง ลุกไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลกลับมาที่เตียง แกะผ้าเก่าออกเห็นแผลมันบวมเปล่งไม่มาก ผมเอาผ้าสะอาดซับกดเบามือตรงที่เลือดออก
“กูว่าแล้ว ต้องโดนแผล ไม่เชื่อ”ผมบ่นส่ายหน้าไปมา ตามองแผลที่เปิดผ้าออกเลือดหยุดไหลแล้ว
“ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ไม่ได้ฟัง”มันยังเถียง ทำตาปริบๆ
“หูมืดพอกับหน้าสิมึง”ผมเหน็บมันกลับ เริ่มทำแผลให้มันใหม่
“เหมือนกันแหละ บ่นไมก็ไม่รู้”มันทำหน้าบู้
“น่ารักตายห่าล่ะ หน้ามึง ทำซะ”ผมว่ามัน ก่อนจะปิดแผล เก็บอุปกรณ์ลงไปกองข้างเตียง
“อดเลย”ยังงึมงำเล็ดลอดให้ได้ยิน
“อดแค่นี้จะตายหรือไง แหม่ แสดงว่าที่ผ่านมาช่วงกูไม่อยู่ มึงไม่เคยอดเลยสิ ถึงไม่ตาย”ผมว่ามันกลับกะจะล้อเล่น แต่ใจเสือกคิดไปไกล อารมณ์เลยพุ่งปรี๊ด มันยิ้มเขยิบมากอดเอว
“โหย ไม่เคยเหอะ ถามเตี่ยได้เลย”มันโอดครวญเอาเตี่ยมาอ้าง
“เตี่ยจะไปรู้อะไร ไม่ได้อยู่กับมึงตลอดเวลา”ผมผลักหัวมันไม่แรงนัก กลัวกระทบแผล
“ไม่เชื่อพี่เหรอ”มันเงยหน้ามามองน้ำเสียงจริงจังพอกับหน้า อ้าว กลายเป็นกูที่ผิดอีกล่ะมั้ง หาเรื่องมึง แต่ก่อนจะได้พูด มันจับมือผมคว้าหมับตรงเป้ามัน
“ถามมันดูเลย ถ้ามันไม่พยักหน้ารับ แสดงว่าพี่โกหก”ผมตกใจแต่จะเอาออกก็ไม่ทัน เมื่อมันเล่นมุกนี้
“ไอ้ ไอ้ สิบ ไอ้ทะลึ่ง กูยังไม่ทันถามผงกรอเลยนะมึง”ผมด่ามันก่อนจะบีบน้องรักมันอย่างแรงและปล่อยออกอย่างเร็วเมื่อเจาของมันร้องออกมา หน้าซีดไม่รู้ถูกบีบหรือเจ็บแผลกันแน่ หลอกให้กูรู้สึกผิดนะมึง
“โอ้ยยยยยยยยยยย เบียร์ บีบมาได้ เกิดหักแล้วมันเข้าเฝือก ทีนี้พี่ตายแน่ๆ อูยยยย”ขนาดเจ็บตรงส่วนนั้นมันยังไม่เลิกทะลึ่ง จิตพะวงคิดแต่เรื่องนั้น
“ดี หำลงแดงตายไปเลย ปลอดภัยตูดกูด้วย”ผมดันมันออกก่อนจะคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเองกับมันไปด้วย เอาหมอนข้างกั้นกลาง มันทำตาเหล่ใส่ ปากยื่น ถ้ากูอายุสามสิบสามแล้วเป็นอย่างมึง กูไม่ขอยังไม่ถึงดีกว่า อาจจะไม่ได้เป็นกันทุกคน แต่กูกลัวติดจากมึง
“ไม่ต้องเยอะ แค่กลัวจะไปโดนแผล ให้หายก่อน ยังไงก็ไม่หนีไปไหนหรอก”นี่กูต้องอธิบายให้มึงหายงอนใช่ไหม เห็นหน้ามันหงอยๆนิ่งๆก็อดไม่ได้ มันพยักหน้าหลุบตาลงเอาแขนพาดหมอนข้าง ปลายนิ้วเขี่ยแขนผมไปมา อยากจะหัวเราะ
“รู้ ว่ายังไงก็ได้เอา แต่ไม่อยากนอนห่างอย่างนี้”ยังกระเง้ากระงอดกวนตีนไม่เลิก
“มึงจะเลิกคิดเรื่องเอาสักพักได้ไหม กวนตีนกูอยู่ได้ นอน นอน ได้ยินอีก จะไปนอนกับเตี่ยแม่งเลย”ผมแกล้งหันหลังให้มัน
“ไม่ให้คิด แต่นอนหันหลังทำไม เห็นแล้วนึกถึงท่านั้นเลย จำได้ป่ะโอ้ยยยย”
ผลั่วะ
ผลั่วะ
“กูจะนอน จะเดิน จะขี้ มึงก็คิดเรื่องปี้อยู่ดีแหละ ไอ้สิบ พูดอีกไม่ใช่หมอนแล้วนะมึง”ผมฟาดด้วยหมอนกลางกบาล ทีนี้เงียบกริบ มีแต่เสียงกระซิกๆๆ จอมปลอม
.
.
.
.
หลายชั่วโมงผ่านไป
“อืม มึงอย่าดิ้นได้ไหม เดี๋ยวโดนแผล”เสียงผมงึมงำ เมื่อรู้สึกว่าหมอนข้างหายไปแล้ว
“ดีมาก กอดกูเอาไว้ให้แน่น มือจะได้ไม่หล่น”
“คร๊าบบบบบบบ”
เสียงตอบรับพร้อมกอดกระชับผมที่เกยอยู่บนตัวมัน อย่างระมัดระวัง ทีนี้ หมดห่วงเรื่องแผลสักที คร่อกกกกกกกกกก.
.
.
.
“พาไปไหนเนี่ย”ผมถามไอ้พี่สิบที่ตอนนี้หายดีแล้ว มันพักแค่วันเดียวเอง พออีกวันก็ไปทำงาน และ ออกนอกพื้นที่เหมือนเดิม ผมก็นั่งรอมันเหมือนเคยทุกวัน เตี่ยแข็งแรงขึ้นมาก ผม พี่สิบ เฮียและแฟนเฮีย ดีใจที่เตี่ยเดินได้คล่องขึ้น ไม่น่าเชื่อแค่อาทิตย์เดียว เตี่ยบอกเพราะกำลังใจจากพวกลื้อนั่นแหละ
“ถึงแล้วก็รู้น่า”หันมาบอกยิ้มๆ ก่อนจะขับรถต่อ ผมไม่ได้ถามอีก สักพักรถเลี้ยวเข้าซอยติดถนนใหญ่ ข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ร่มรื่น มีบ้านคน ร้านค้า ไม่ติดกันมากนัก มีขายของข้างทางด้วย ก่อนรถจะเลี้ยวเข้าซอยอีกที และถึงบ้านหลังหนึ่งที่ผมไม่รู้ว่าบ้านใคร พี่สิบจอดรถพยักหน้าให้ผมลงตาม
“เข้ามาสิ”พี่สิบเปิดประตูบ้าน หันมาจับมือผมให้เดินตาม เป็นบ้านไม้กึ่งปูน รอบบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ หลากสี ได้ยินเสียงเรือแสดงว่ามีแม่น้ำ
“บ้านใครวะ”ผมถามออกไป ตามองรอบบ้านอย่างชอบใจ ผมเคยคิดอยากจะมีบ้านแบบนี้สักหลัง ไม่ต้องใหญ่มาก
“บ้านของเรา”พี่สิบหันมาบอกผมด้วยรอยยิ้ม ทำเอาผมอึ้งไป บ้านในฝันที่ผมอยากได้
“บ้านที่ครั้งหนึ่ง พี่จะใช้เป็นเรือนหอ ของเรา”เสียงพี่สิบพูดต่อจับมือผมให้เดินเข้าไปในบ้าน ที่ถูกตกแต่งเรียบง่ายแต่ดูสวยมากในสายตาผม
“ห้องนั่งเล่น ดูทีวีกัน กินข้าวกัน ทำอะไรกัน ฮ่าๆๆๆๆ ทำหน้าจะด่าพี่อีกและ เอาน่า แค่พูดกันสองคน”กำลังเคลิ้ม มันเอาอีกแล้ว ก่อนจะหัวเราะดักคออย่างรู้ทัน แววตาสดใส ผมเลยด่าไม่ลง หันไปมองอย่างไม่เชื่อ รูปถ่ายผมกับพี่สิบ และ ครอบครัวของเราสองคน ฝั่งพี่สิบมีน้องสาว ฝั่งผม เตี่ย เฮีย พี่เขย ถ่ายรวมกันสลับไปมา ตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบัน ไล่ไปจนถึงบนบ้าน เปิดประตูห้องหนึ่งที่ใหญ่ที่สุด ผมเบิกตากับเตียงไม้ขนาดใหญ่คลุมด้วยผ้าแพรสีน้ำทะเล ผ้าม่านสีเดียวกัน ตกแต่งด้วยโทนสีฟ้า เย็นตา
สีที่ผมชอบ
บ้านที่ผมฝัน
ทุกอย่าง
พี่สิบ จำได้
“ห้องหอของเรา”เสียงพี่สิบบอก ผมหันมากอดพี่สิบเก็บน้ำตาไม่อยู่ ปล่อยให้มันไหลออกมากับไหล่กว้าง
“พี่สร้างไว้ ไม่เคยบอกเบียร์หรือใครเลยนะ กะจะเซอร์ไพรส์ แต่เกิดเรื่องซะก่อน”พี่สิบกอดผมพูดเสียงสั่น ผมเอามือลูบหลัง
“ไม่เป็นไร ลืมมันซะเถอะ นะ”ผมพูดเสียงสั่นไม่แพ้คนตัวโต
“แต่ตอนนี้มันคงเป็นเรือนหอเราไม่ได้”พี่สิบพูดออกมาทำเอาผมผละออกมองอย่างแปลกใจ พี่สิบเอามือเช็ดน้ำตาก่อนจะพาไปนั่งที่เตียง เปิดปากเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
“ตอนนั้น พี่ไม่รู้จะเอาหนูกับพ่อไปอยู่ที่ไหนดี พี่กลัวเบียร์ได้รับอันตรายด้วย ถ้าหนูเป็นอะไร พี่โกรธ ดร. กับนายเขามากเลยนะที่เอาเบียร์ต่อรองกับพี่”พี่สิบพูดถึงเหตุการณ์ตอนที่พาไอ้หนูมาส่งพ่อ และนำไปสู่เหตุการณ์ร้ายแรงเกือบถึงชีวิต
“พี่นึกถึงแต่ที่นี่ที่เดียว พี่ไม่อาจเห็นแก่ตัวพาไปไว้ที่อื่นได้ ในตอนนั้นพี่เริ่มระแคะระคายเรื่อง”พี่สิบพูดต่อยิ้มเศร้าๆ
“พี่ทำถูกแล้ว ถ้าเป็นเบียร์ เบียร์ก็จะทำเหมือนพี่เช่นกัน หนูมันเป็นคนดี มันไม่เคยรังเกียจเบียร์เลยนะ ขนาดตอนนั้นเป็นนักโทษ มันยังช่วยเหลือ ยอมเป็นเพื่อน ตัวมันก็โชคร้ายเหมือนกัน อยู่บ้านดีๆก็ต้องจากมา แต่คงเป็นพรหมลิขิตให้พวกเรามาเจอกันล่ะมั้ง”ผมตบหลังมือยิ้มให้กับสิ่งที่พี่สิบทำพูดไปถึงไอ้คนล้นๆอีกคนที่ตอนนี้มันก็พ้นเคราะห์ไปแล้ว นึกถึงมันก็อดจะยิ้มไม่ได้ รวมถึงไอ้รัน ไอ้ปาน ไอ้โจ๊ก ด้วย ผมจะไปเยี่ยมพวกมันให้ได้มากที่สุดถ้าไม่ติดอะไร
“หนูกับพ่อเขาก็ไม่ได้สบายใจหรอกนะ เขาขอโทษที่ทำให้เดือดร้อน ทำให้บ้านเสียหาย และไม่เป็นมงคลไปด้วย พี่ก็บอกนะว่าไม่เป็นไร มันก็คงเป็นพรหมลิขิตอย่างที่เบียร์บอกล่ะมั้ง ถึงได้มาเจอและค้ำจุนกัน”พี่สิบพูดติดตลกในตอนท้าย
“ลุงนกขอซื้อที่นี่เลยนะ แกบอกให้พี่เลือกที่ดินใหม่ แกจะจ่ายให้ทั้งหมดรวมถึงปลูกบ้านด้วย ไม่งั้นแกก็ไม่สบายใจ แกบอกว่า ถึงจะไม่เหมือนเดิมแต่แกขอให้แกกับลูกได้ทำอะไรตอบแทนบ้าง พี่ก็เลยขอทำที่นี่ใหม่ก็พอแล้ว มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากนักและพี่ก็ชอบที่นี่ด้วย แกก็ยอมแต่ถามว่าพอเหรอ สุดท้ายแกซื้อที่ดินที่อยู่ข้างๆบ้านเป็นการรับขวัญให้อีก”พี่สิบเล่าให้ฟังถึงความลำบากใจของลุงนกกับไอ้หนู และก็อยากตอบแทนที่ได้ช่วยเหลือ
“ที่เป็นสวนใหญ่ๆน่ะนะ”ผมถามอย่างไม่เชื่อ เห็นผ่านๆตากว้างมากเลย ราคาคงไม่ใช่น้อย
“เออ นั่นแหละ ทั้งหมดเลยแกซื้อให้ป็นชื่อพี่ แต่พี่ใส่ชื่อเมียไปแทน ดีป่ะ”มันรับคำแต่ไม่วายมีหยอดตอนท้าย
“งั้นกูก็รวยแล้วสิ มีที่ดินเป็นของตัวเองแล้ว อืมงั้นก็เฉดหัวได้แล้วสิ หัวใครวะ”ผมเล่นมุกมันกลับ มันรวบกอดแน่น
“หัวใครก็ช่าง ถ้าหัวพี่ พี่ไม่ยอม พี่จะมุดให้สุดหัว แบบดึงไม่หลุดเลย คอยดู หึหึ”มันก็วกกลับไปเรื่องเดิม เลยเขกหัวมันไปทีอย่างหมั่นเขี้ยว กบาลน่าตบดีจริงๆ เรานั่งกอดกันอยู่อย่างนั้น ลมพัดเข้ามาเย็นสบาย
“เบียร์ชอบที่นี่ไหม”มันถามผม กอดโยกไปมา
“ชอบสิ แค่”ผมบอกก่อนจะเบาในตอนท้าย
“อะไรนะ เบียร์พูดว่า”มันทำตาโต มองผมที่ไม่อยากสบตา มันจับหน้าหันกลับ แววตาเว้าวอน
“แค่มีพี่อยู่ด้วยทุกที่ก็พอ”มันรวบผมเข้าไปกอดแนบแน่น
“พี่ก็เหมือนกัน”
ผมกอดมันแน่นก่อนจะตาโต
“มีเบียร์ที่ไหน พี่พร้อมจะตื่นตัวทุกที่ จริงๆนะ”“ไอ้สิบบบบบบบบบบบบบบบ”.
.
.
.
“ขอให้ทั้งสองคนมีความสุขมากๆนะ หนักนิดเบาหน่อยก็หันหน้าเข้ากัน อย่าเอาแต่หันหลัง นอกจากรัก เชื่อใจ ต้องให้อภัยกันด้วยนะลูก”เสียงเตี่ยอวยพรให้เรา ที่ก้มลงกราบเท้า มืออันอบอุ่นวางอยู่บนหัว
“ขอบคุณครับเตี่ย”ผมกับพี่สิบพูดแทบจะพร้อมกัน ก่อนจะหันไปหาผู้ใหญ่อีกคนที่ช่วยเหลือเรามาตลอด
“ดูแลกันและกันให้ดี จะสุขจะทุกข์ก็อย่าทิ้งกันนะ วันไหนโกรธหรือเบื่อกันก็ให้นึกถึงความลำบากที่ผ่านมา กว่าจะมีวันนี้ได้ผ่านอะไรมาบ้าง”ลุงพี่สิบที่เป็นนายตำรวจอวยพร พร้อมป้าสะใภ้ที่รับไหว้ด้วยซองบางๆ แต่ไอ้พี่สิบมันกระซิบบอก เช็คสิบล้านเชียวนะเห็นบางขนาดนี้
“ลูกก็ไม่ต้องรีบทำหรอก หลานมีเยอะแยะก็ช่วยกันเลี้ยงๆไป นะเตี่ยนะ”ลุงหันไปพูดกับเตี่ยที่หัวเราะชอบใจ กับมุกของลุง ไม่มีอะไรมาก ไอ้พี่สิบมันอยากขอผมจากเตี่ยแบบเป็นทางการ หลังจากแอบเข้าประตูไปก่อนแล้ว ก็เลยทำพิธีกันนิดหน่อย ไม่ได้บอกใครนอกจากครอบครัวของเรา หลังจากเมื่อเช้าเราไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้คนที่เรารักรวมถึง พี่เสกพี่ชายที่แสนดีเสียสละชีวิตปกป้องผม บอยเพื่อนพี่สิบที่ผมก็อโหสิให้เพราะเขาได้ชดใช้กรรมของเขาให้แล้ว ผมกับพี่สิบไม่พูดถึงเรื่องนี้กันอีก เพราะเจ็บปวดกันมามากแล้ว หลังจากนั้นก็กินข้าวร่วมกัน สุดท้ายก็ถึงเวลาของ ไอ้พี่สิบมันสักที
“เอ้อ อาบน้ำก่อนไหม”ผมถามมันหลังจากเข้าห้องหอแล้ว ไม่ใช่ที่ไหน ห้องผมเองนี่แหละ ห้องที่มีความทรงจำครั้งแรกด้วยกัน ส่วนบ้านหลังนั้นเราเอาไว้เป็นสถานที่พักผ่อนกันในครอบครัว
“ได้ ได้ อาบด้วยกันนะ นะ”มันถอดเสื้อผ้าอย่างว่องไง แค่เสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ปลิวไปอยู่คนล่ะทาง เหลือกางเกงชั้นในตัวเดียวอวดหุ่นที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อ
“มึงจะต้องทำเสียงกระเหี้ยนกระหืน หน้าหื่นๆทำไมวะ ทำอย่างกับไม่เคยมาก่อน”ผมว่ามันเป็นการข่มขนตัวเองที่ลุกตั้ง
“แหม ก็เราไม่ได้ขี่กันมานานแล้วอ่ะ พี่ก็ตื่นเต้นเหมือนได้ขี่เบียร์ครั้งแรกไง”มันยิ้มกว้างเดินมาใกล้ผมที่นั่งตรงเตียง ไม่ทันตั้งตัว
ผ่าง!!!!!!
“ไอ้ห่าสิบ มึงจะทิ่มตากูหรือไง”ผมถีบมันอยางแรง แม่ง ถอดกางเกง แม่ง เด้งออกมาเกือบแทงลูกตา ผมตามไปซ้ำมันอีก มันจับขาผมดึงเกือบเสียหลักแต่มันลุกขึ้นมาซ้อนวางบนเตียงและคลุกวงใน
“ไม่ได้ทิ่ม กลัวเห็นไม่ถนัด จำมันไม่ได้”มันพูดเสียงพร่าข้างหู ไล่จูบจนทั่วหน้าไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูด จูบปากบดเบียด เสียดสีจนร่างกายเริ่มร้อน มือใหญ่ปลดกางเกงขายาวผมออกตามด้วยชั้นในโดยที่สะโพกและขาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ตามด้วยแขนกลัวน้อยหน้า ยกให้มันถอดเสื้อออกให้บ้าง พี่สิบซุกไซ้ไล่จูบตั้งหน้า ซอกคอขบเม้มทำรอย
“อืม อา เบียร์”
“อื๊อบะ เบา”
ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ มันจ้วงหนักกว่าเดิม เสียงดัง จ๊วบจ๊วบ ผมเม้มปากด้วยความเสียวเหมือนกัน มือจิกไหล่เมื่อมันไล่ลงไปที่หน้าอก ลิ้นที่ไม่เคยแห้งตวัดเลียดูดดุนจนเกิดเสียง ทำสลับไปมาทั้งสองข้าง เสียงลมหายใจผมติดขัด แอ่นอกขึ้นรับบิดตัวไปมา ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ การกระทำที่อ่อนโยนสลับเน้นหน่วง ขัดกับท่าทีของมันในตอนแรก ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนกระทั่งไล่ผ่านท้องน้อย ผมปรือตามองใบหน้าคมที่สบตาหยาดเยิ้มมาให้ ลากต่ำลง
“อา ในที่สุด พี่ก็เจอหลอดดูดเบียร์จนได้ อืม”มันยังพูดให้รู้สึกอาย ควายสิบ มึงจะเปรียบเป็นขวดเบียร์ไม่ได้หรือไงวะ ยังไม่ทันจะจิกหัวให้มันขึ้นมาพูดใหม่
“อา อือ อูย”เสียงผมลอดออกมาเมื่อพี่สิบมันดูดจนสุดโคน ภาวนาให้ติดคอคงยาก เพราะมันดูดอย่างชำนาญ มือก็คลึงถังเบียร์เล็กๆสองใบไปด้วยเพิ่มความเสียวซ่านเข้าไปอีก ผมแอ่นสะโพกขึ้นรับ
“อา อา”
“อืม อา”
สุดท้ายผมปล่อยเบียร์ออกมาเต็มๆ มันรับเข้าอย่างไม่รังเกียจเหมือนทุกครั้ง ผมกระตุกออกมาอีก ก่อนมันจะผละออก ส่งยิ้ม มือลูบบั้นท้าย ผมมองมันจนเพลิน จนสะดุ้งนิดๆ
“อื๊ออออออ”
พี่สิบมันส่งนิ้วเข้าไปในช่องทางอย่างเบามือผมรู้สึกซาบซ่านจนต้องจิกเท้ากับที่นอน จิกมือกับไหล่อย่างแรง เกร็งไปทั้งร่างนิ้วมือที่ค่อยๆลูบไล้กระตุ้นความเสียวซ่าน ราวกับมันรู้จักร่างกายผมดีมากกว่าตัวผมเองซะอีก ผมเริ่มจำสัมผัสที่เคยได้รับมาแล้ว มันไม่ต่างกันเลย เพราะคนทำมันคนเดียวกัน คนที่ผมรัก
“พร้อมหรือยัง”ไม่รู้พี่สิบมันขึ้นมากระซิบข้างหูตอนไหนผมจะบอกไม่พร้อมก็คงไม่ได้แล้วล่ะ โด่ซะขนาดนั้น เลยพยักหน้ารับพี่สิบมันเบิกทางให้อีกนิด ก่อนมันผละออกทำให้เห็น สิบไม่น้อยสักนิดก็เกือบเท่าชื่อมันเลยมั้ง แต่ก่อนกูเอามันเข้าไปได้ยังไงวะ ไม่ใช่สิ มันนั่นแหละเอาเข้าไปได้ยังไง ผมหายใจเมื่อมันกำลังจะเข้ามาในตัวผมอีกครั้งและคงจะอีกหลายๆครั้งตราบเท่าเรายังมีแรงทำอยู่ เหอเหอ
“อย่าเกร็งนะ นิดเดียว”มันพูดปลอบ แยกขาผมออกแทรกตัวลงมา ครั้งแรกมึงก็บอกกูอย่างนี้แหละ นิดเดียวไม่ใช่ของมึงหรอก นิดเดียวน่ะรูตูดกูต่างหาก
“อ๊ะ อา”ผมจิกไหล่พร้อมกับกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้ รู้สึกถึงการเข้ามาทีละน้อยและเคลื่อนออก จากนั้นก็เข้ามาอีกครั้ง อีกครั้งจนผมรู้ได้ว่ามันเข้าไปจนสุดแล้ว
“อา อืมมมอืมอืม”รู้สึกเจ็บแสบ แน่นไปหมด พรูลมหายใจออกมาเป็นการระบาย มือใหญ่นวดคลึงบั้นท้ายผ่อนคลาย จูบปากไล่ซอกคอ หน้าอก โลมเลียจนผมเกิดอารมณ์เคลิบเคลิ้ม ก่อนจะผวาเข้าหาเมื่อขยับเคลื่อนไหวเข้าออกอย่างช้าๆจนอ้าขาออกกว้างโดยไม่รู้ตัวเมื่อความเสียวเริ่มเข้ามาแทนที่พี่สิบก้มลงมาจูบผมอ้าปากรับพร้อมตวัดลิ้นตอบสนองเมื่อโดนรุกไล่อย่างเร่งเร้า
“อื้ออออ...อืมมมม”ส่งเสียงในลำคออย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ส่วนล่างที่แนบชิดก็ขยับเข้าหาอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเสียงเนื้อกระทบกันพร้อมเสียงเตียงเอี๊ยดอ๊าดลั่นห้อง โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ เฮียกับพี่เขยรับเตี่ยไปเที่ยว เหมือนเปิดโอกาสให้เรา ทำให้ผมปล่อยตัวปล่อยเสียงได้เต็มที่
“เบียร์ ทั้งแน่น ทั้งเสียวเลยอ่ะ รัดไปหมดเลยไม่ได้ อา อา ไปรีแพร์ใช่ไหม”มันยังพูดทะเล้น ทำหน้าเบ้เสียวซ่านไปด้วย
“หะ เหี้ยยยอ๊า”ด่ายังไม่ทันจะจบมันกระแทกตัวเข้ามาอย่างแรงก่อนจะถี่จนผมหัวสั่นหัวคลอนไปหมด
“อ๊า...อา...อืมม...อื้ออ....อ๊า”เสียงครางออกมาอย่างไม่ต้องอาย ไม่ต้องเก็บ กันแล้ว ก่อนมันจะพลิกผมไปอยู่ด้านบนบ้าง
“จำได้ไหม”มันถามเมื่อเห็นผมกัดปาก มันยิ้มรูดรั้งส่วนหน้าให้ ก่อนผมจะยกตัวเองขึ้นลงบอกให้รู้ กูจำได้
เขาเรียกท่าโอท็อป เอ้ย ออนท็อป“อืมม เบียร์ เปลี่ยนเกียร์หน่อย อาเร็วกว่านี้อีก“มันร้องบอกอย่างนึกว่าผมขี่มอเตอร์ไซด์อยู่มั้ง มันยกสะโพกสวนขึ้นมาตอบรับ จนครางเสียงดังมากขึ้นเมื่อความเสียวมันมีมากมายจนเกินจะทนไหวผมขยับโยกจนลืมไปเลยว่าเกียร์ไหนแล้ว
“อ๊ะอ๊ะ อา”พี่สิบขยับรูดหลอดเบียร์ให้เร็วขึ้นพร้อมเด้งสวนรับให้เร็วขึ้นจนความสุขสมถึงจุดสูงสุดร่างกายตอดรัดและเกร็งกระตุกอย่างบังคับไม่ได้ในที่สุดน้ำเบียร์ที่คงหมักไว้นานกลายเป็นสีขาวก็พุ่งออกมาอย่างเร็วและแรงจนเปื้อนหน้าท้องแกร่งคนใต้ร่าง มือใหญ่ยังขยับรูดเบาๆขึ้นลงอีกสองสามครั้งจนเบียร์หมดจากหลอดผมได้แต่หอบหายใจอย่างหนักล้มตัวลงไปซบร่างใหญ่แต่ส่วนล่างก็ยังคงถูกกระแทกเข้ามาอย่างนั้นไม่ยั้ง เสียงลมหายใจหอบกระชั้นชิดขยับเร็วมากขึ้น
“อา อา อื๊อ”
“อา อา เบียร์ เบียร์”
เสียงเรียกชื่อผมพร้อมเสียงครางที่ออกจากปากผมไปด้วย มือกอดรัดคนตัวใหญ่ที่กระแทกกระทั้นอย่างเร็วและถี่ๆ จนในที่สุดผมก็รับรู้ถึงแรงปลดปล่อยเข้ามาในตัว ก่อนจะขยับอีกสองสามครั้ง ก็เบาลงพร้อมลมหายใจที่ช้าลงอย่างเหน็ดเหนื่อย
“อืม เก่งจังเลย”เสียงพูดชม เสียงจูบทั่วหน้า มือลูบไล้ปาดเหงื่อออกให้ ปากประกบกันไล่เล็มไปมา
“อืม เบียร์ ชอบสีฟ้าใช่ไหม”พี่สิบมันถามเสียงกระเส่า มือจับสะโพกผมแน่นอย่างไม่ยอมให้เอาออก
“อืม ถามทำไม”ผมถามเสียงเหนื่อยหอบไม่หาย แต่รู้ได้ว่า ไอ้เกือบสิบนิ้วของมันยังแข็งโป๊กไม่ยอมลงเลย
“พี่ก็ชอบเหมือนกัน แต่”มันบอกพร้อมรอยยิ้ม ที่กูคิดว่าไม่เหมือนทุกครั้ง
“พี่ชอบฟ้าออกเหลืองมากกว่า หึหึ”“ห๊ะ!!! ฟ้าเหลือง”“อืม ต่อนะ”
จะร้องว่า ไม่ ก็ไม่ทัน แล้ว เมื่อมันจับผมพลิกลงล่าง เมื่อเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง อีกครั้ง
“ละ เหลืองแล้ว”
“ยะ ยังเลย แดง เอง”
“โอ้ยยยยยยยยยย กูหมายถึงตัวกูโว้ยยยยยยยยย เหลืองจนซีดแล้ว น้ำกูหมดตัวแล้วมั้ง”
“พี่ กะ ก็ หมายถึงตัวเบียร์ไง ยัง แดง ไม่ทั่วเลย”
“ไอ้สิบบบบบบบบบบบบบบบอื๊ออออออออออออออออออออออออ”
นั่นคือเสียงสุดท้ายยามฟ้าสางของผม ที่มันจะมีเสียงอีกไหมถ้าฟ้าเหลือง
*****************************************************************************************************************
ปล. มาแล้ววววววว มีใครรออ่านอยู่ไหมอ่ะ

ยังมีอยู่ ดีใจจุงเบยที่ยังมีคนรออยู่

ตอนนี้เป็นคู่ของ พี่สิบ กับ น้องเบียร์ เขา

เข้าหอกันอ่ะ เลยไปถ่ายคลิปมาให้ดูกัน

แต่ไม่รู้จะถูกใจเปล่า เขาไม่ถนัดเขียนฉากแบบนี้เลย

อ่านผ่านๆ ไปก็ได้เน๊าะ

ขอบคุณนะคะที่ยังให้กำลังใจและติดตามกันเสมอ

ยังรักและคิดถึงเสมอนะคะ ว่างๆจะมาอีกนะ เพราะยังเหลืออีกสองคู่ชิมิ๊ รอและติดตามกันด้วยนะค่ะ
