40. พี่เสือ น้องกระต่ายกับใจสลายวันเวลาผ่านไปรวดเร็ว ราวกับจะย้ำเตือนวันเวลา คุณครูก็แจกใบศึกษาต่อแล้ว ถึงแม้คุณครูจะย้ำแล้วย้ำอีกว่า อย่าเลือกสายตามเพื่อน ให้เลือกที่ตัวเองชอบ กระต่ายก็ได้แต่เก็บเอกสารลงแฟ้ม หันหน้าไปปรึกษากับเพื่อนๆ
"ศิลป์คำนวน" สอางค์ตอบหน้าตาเฉยเมย คุณครูเองกลับไปที่นั่งแล้ว ปล่อยให้เด็กๆ คุยกันเสียงดัง ทั้งตื่นเต้นบ้าง ดูหดหู่บ้าง
"จัมโบ้อ่ะ ?" ฝนหันไปถามเพื่อน
"ไม่รู้ว่ะ" จัมโบ้ตอบเพื่อน แต่ตาแลไปทางโต๊ะหน้าห้อง... ที่ที่หัวหน้าห้องกำลังนั่งขมีขมันตอบแบบฟอร์ม ลูกโป่งกระแอมเบาๆ
"อีเจี๊ยบมันจะเป็นสัตวแพทย์"
เพื่อนร่างยักษ์หันมาถลึงตาใส่ "ใครถามมึง ?"
ลูกโป่งเกาหัวแกรกๆ แล้วแคะขี้มูกอย่างเบื่อหน่าย "กูพูดลอยๆ ไอ้โง่ว์"
เด็กทั้งห้องถือคติ โดนใครไม่เจ็บเท่าลูกโป่งด่าคนเดียว ดูสีหน้าท่าทางแล้ว ลูกโป่งไม่ค่อยจะอารมณ์ดีเท่าไหร่ ก่อนหน้านี้ก็ขาดเรียนติดต่อกันหลายวัน ถึงเมื่อก่อนจะมาๆ หยุดๆ ก็เถอะ สอางค์เพียงแค่ถอนหายใจ แต่ไม่ได้บอกอะไรมากกว่านั้น
จัมโบ้เลยอุบอิบตอบ "กูว่ากูจะเรียนวิทย์-คณิต"
"กูตามอางค์ไป" ลูกโป่งตอบอย่างไม่สนใจนัก ขยำแบบฟอร์มลงกระเป๋า กระต่ายจึงได้แต่หันมาหาพี่ชาย
พี่เสือกรอกครบหมดแล้ว ไม่มีลังเลสักน้อย จนกระต่ายแอบน้อยใจไม่ได้ ถึงคุณครูจะบอกให้คิดดีๆ คุยกับพ่อแม่ก่อนก็ตาม
"เสือ มึงจะไปไหน ?" ฝนเงยหน้าถาม หลังจากนั่งห่อไหล่มานาน ร่างสูงลุกขึ้นเต็มความสูง ในมือมีใบสอบถาม
"ส่ง" ตอบสั้นๆ ง่ายๆ กระต่ายน้อยกระพริบตาปริบๆ
"เฮ้ย! แล้วต่ายน้อยล่ะ!?" ลูกโป่งลุกพรวดเหมือนกัน พี่เสือแค่ยักไหล่ ชูกระดาษในมือขึ้นมา
"เด็กชายจิรนันท์ เรียนสายวิทย์-คณิตเหมือนนายจิรวัฒน์"
ดูเอาเถอะ! แค่นี้ก็ยังจะเอาเปรียบให้ได้ กระต่ายน้อยก็เป็น 'นาย' เหมือนพี่เสือแล้วนะ!
"ให้น้องคิดหน่อยเถอะมึง" สอางค์ปราม หันไปหาน้องเล็ก "กระต่าย อยากเรียนวิชาอะไร ?"
กระต่ายนิ่งไปชั่วครู่ ไม่อาจตอบได้ทันที หัวเล็กๆ กำลังทำงานหนัก กระต่ายน้อยพยายามคิดถึงวิชาที่ชอบ วิชาที่ถนัด แต่คิดเท่าไหร่ก็ไม่เจอเสียที
กระต่ายเกลียดคณิตศาสตร์... แน่ล่ะ แต่ก็เกลียดภาษาอังกฤษด้วย สังคมหรือภาษาไทยก็ยิ่งร้ายใหญ่ กระต่ายเห็นหลินหลินแนะนำสายศิลป์ฝรั่งเศส เพื่อนอีกหลายคนก็คุยจ้อเรื่องภาษาจีน...
...แต่กระต่ายก็ไม่ชอบเหมือนกัน คุณครูอดัมที่กระต่ายเรียนพิเศษอยู่ก็ใจดี พูดไทยชัด สอนเก่งอยู่หรอก แต่กระต่ายก็ไม่ชอบวิธีการออกเสียงเลย
จะสายพละหรือ กระต่ายยิ่งแย่ ตัวก็เล็ก แรงก็น้อย ไม่เหมือนเพื่อนๆ กระต่ายได้แต่มองคนอื่นอย่างอิจฉาตอนเล่นพละ กระต่ายน้อยแพ้เหงื่อ จึงต้องนั่งในร่ม ออกกำลังได้เล็กน้อย ที่เหลือทำรายงานส่ง
กระต่ายชอบทำอะไรนะ ?
คิ้วมนขมวดแน่น ริมฝีปากอิ่มขบหากัน ข้างขมับมีเหงื่อน้อยๆ ซึม สอางค์เลยจนใจ หยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้น้องน้อย
"เป็นอะไรหืม ? ใจเย็นๆ ค่อยๆ คิดนะ ต่ายน้อยชอบทำอะไรที่สุด ?"
ข้อนี้ไม่ต้องคิดเลย "อยู่กับพี่เสือ"
ถ้าตอนนั้นเป็นรายการตลก คงจะมีเสียงตึ่ง โป๊ะ! แน่นอน เพื่อนๆ ได้แต่มองหน้ากัน สอางค์กลั้นยิ้มแล้วถามต่อ "นอกจากนั้นล่ะ ?"
น้องเล็กขมวดคิ้วอีกรอบ ก่อนจะตอบอย่างไม่แน่ใจว่า "ทำขนม"
"ถ้าอย่างนั้น ลองคุยกับคุณพ่อคุณแม่ ไปเรียน..."
"กับพี่เสือ!" พี่ชายตัดบทฉับ สอางค์อ้าปากค้าง พี่ชายหันมามองเพื่อนใส่แว่นอย่างคาดโทษ "ต่ายน้อยชอบอยู่กับพี่เสือที่สุด งั้นเรียนกับพี่เสือนะครับ!" ไม่ต้องรอให้น้องตอบ พี่เสือก็เดินออกไปยื่นใบให้คุณครูแล้ว
ทิ้งไว้แต่สอางค์กัดฟันกรอดๆ จะอ้าปากเถียงต่อ แต่เมื่อหันไปหาเพื่อนรักที่นั่งจับเจ่าข้างกาย... ลูกโป่งเงียบขรึม ซึมเศร้าขนาดนี้... ทั้งหยุดเรียนต่อเนื่องกันอีก... ใช่ว่าสอางค์จะไม่รู้เหตุผล... แต่ทำอะไรไม่ได้ต่างหาก
เรื่องของเพื่อนคนนี้ยังไม่ทันจบ... เรื่องของคนอื่นก็แทรก สอางค์ไม่ใช่ผู้วิเศษ จึงจนใจจะช่วยเหลือทั้งสองฝ่ายพร้อมๆ กัน
ในขณะที่ทุกคนกำลังจมอยู่ห้วงความคิด ฝนที่เดินออกไปนอกห้องเรียนก็เพิ่งกลับมาด้วยใบหน้าซีดขาว... และไม่นานนัก... เด็กหญิงก็ซ่อนสีหน้าไว้อย่างแนบเนียน
วันนี้อากาศขมุกขมัวตั้งแต่เช้า ท้องฟ้าไม่โปร่งเช่นเคย กระต่ายตื่นขึ้นมาเห็นขอบฟ้าขอบสีเทาโค้งสุดลูกหูลูกตา กระต่ายตื่นสาย ไม่ทันทำกับข้าวเลยได้แต่วิ่งลงจากชั้นบน ใจนึกกว่าว่าพี่เสือจะบ่นอะไรไหม คนทำงานมาเหนื่อยๆ ย่อมต้องอยากกินอะไรหนักท้องบ้าง แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะผิดพลาดไปหมด เจ้าตัวเล็กร้องหวือ สะดุดเท้าตัวเองกลิ้งตกจากบันได คุณพ่อที่จิบกาแฟหน้าทีวีต้องวิ่งเข้ามาช่วยประคอง
แต่ดูเหมือนคุณแม่จะอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก คงเพราะอากาศเป็นแบบนี้ได้หลายวันแล้ว คุณแม่เลยยังไม่ได้ซักผ้าเสียที
"กระต่าย ลงมาเสียที วันนี้หนูกับพี่เสือกินคอร์นเฟลกก็แล้วกัน"
กระต่ายพยักหน้าตอบป้อยๆ คุณพ่อเลยดุ
"อย่าพยักหน้าตอบคุณแม่ มันไม่สุภาพ"
"ครับ" กระต่ายรับคำเสียงอ่อย เดินตามคุณแม่เข้าครัว
ร่างโปร่งของคุณแม่หยิบกล่องคอร์นเฟลกลงมาให้ลูกชายเลือก ปากบ่นไม่เว้น "จะตกก็ตกสิ.... น่ารำคาญ จะได้ซักผ้าเสียที! คุณคะ! อย่าวางแก้วกาแฟเรี่ยราดนะ!"
กระต่ายรีบกินของตัวเองให้เสร็จจะได้ไปหุงข้าว แต่คุณแม่คว้าแขนไว้ทัน "วันนี้ตื่นสายนี่ ปล่อยเสือเถอะ หุงข้าวก็ไม่ทันแล้ว"
"แต่..." กระต่ายเอ่ยปากเท่านั้น คุณแม่ก็คิ้วกระตุก
"อย่าเถียงแม่สิลูก เดี๋ยวไปโรงเรียนสายกันทั้งพี่ทั้งน้องหรอก น่ะ! พ่อวางแก้วกาแฟไว้หน้าทีวีอีกละ!"
กระต่ายรีบวิ่งไปเก็บมาล้างให้ คุณพ่อจะได้ไม่โดนระเบิดลง....
ใครๆ ก็อารมณ์เสียกันวันนี้ พี่เสือก็ด้วย เพราะกระต่ายไม่รู้น่ะสิว่าไอ้เด็กปากซอยเข้ามาแซวพี่เสือตั้งแต่เช้า ถึงพี่เสือจะวางเฉย แต่ไอ้เสียงแซวที่ลามปามไปถึงน้องน้อยนี่หวิดเอาพี่เสือเกือบวางมวย!
ซ้อกับเถ้าแก่วิ่งมาห้ามเกือบไม่ทัน พี่ตั๊นเสือหน้าไอ้หัวโจกไม่ยั้ง "มึงทำไมน้องกูนะ!"
แต่กระต่ายเข้าใจไปเองว่าพี่เสือคงโมโหหิว เจ้าตัวน้อยสำนึกผิดโดยการนั่งหงอริมฝั่งประตูในรถ ไม่เข้าไปคลอเคลียพี่ชายให้อารมณ์เสียเหมือนเคย
เพื่อนๆ รับรู้ถึงอาการอำมหิตได้ดี ทุกเคยเลยเงียบผิดปกติ จัมโบ้เองก็ไม่ร่อนไปร่อนมา หากระเจี๊ยบบ้าง อวดสาวบ้าง เพื่อนๆ นั่งจุ้มปุ้กเงียบสงบ ไม่มีใครกล้าแหย่หนวดเสือ
พอออดดัง จัมโบ้ถึงถอนหายใจ พยายามส่งเสียงให้มีชีวิตชีวาบ้าง "เอ่อ ป้ะ กินข้าวกัน!" ว่าพลางเดินดุ่ยๆ ไปหาหัวหน้าห้องที่นั่งหน้ามุ่ย ภาพที่จัมโบ้เดินอาดๆ ไปหาหัวหน้าห้องกลายเป็นชินตาสำหรับเพื่อนๆ ไปเสียแล้ว คนตัวโตต้องลากกระเจี๊ยบไปกินข้าวให้ครบทุกมื้อ ทั้งบังคับ ทั้งคะยั้นคะยอให้กระเจี๊ยบกินเนื้อ ทุกครั้งก็ดูตลกดี แต่ตอนนี้ทุกคนไม่มีใครกล้าแซวอะไร
"ป้ะๆ!" ลูกโป่งรับมุข เป็นหน่วยหน้ากล้าตาย "ต่ายอยากกินอะไรวันนี้ ?"
"เอ่อ... แล้วแต่พี่เสือละกัน" กระต่ายตอบขลาดๆ
ลูกโป่งไม่กล้าลงความเห็น เมื่อเห็นดวงตาวาวๆ ของพี่ชาย รีบหันไปทางสอางค์และฝน "กูจะกินผัดไทย มึงอะ ?"
"ด้วย"
"กูจะกินหอยทอด" ฝนตอบ "ไปทางเดียวกันเลย มึงอะ เจี๊ยบ ?"
จัมโบ้ไม่รอให้สมาชิกชิกใหม่ตอบ ร่างสูงใหญ่ปราดเข้ามาตอบแทน "ผัดผัก ไข่พะโล้ หมูกระเทียม!"
"ไอ้เหี้ยโบ้! ตอบแทนกูตลอด! กูไม่กินเนื้อสัตว์!" กระเจี๊ยบแทนตะโกน
"หนวกหู!" เสียงตวาดเล่นเอาทุกคนชะงัก อ้าปากค้าง เพราะคนปรามไม่ใช่จัมโบ้ตัวต้นเหตุ กลับเป็นพี่เสือตัวดำที่ยืนหน้าถมึงทึงอยู่ข้างๆ น้องเล็ก "กระต่ายกำลังจะตอบแล้ว พวกมึงจะเสียงดังหาอะไร!?"
กระต่ายเบิกตากว้าง กระต่ายกำลังจะตอบก็จริง แต่พี่เสือก็ไม่จำเป็นต้องตวาดใส่เพื่อนเลยนี่นา ถ้าพี่เสือได้ยินไม่ชัด กระต่ายตอบอีกครั้งก็ได้
"ต่ายน้อย กินไรครับ ?" พี่เสือถามเสียงหวาน ขาดแต่คว้าเอวบางมาแนบชิดเท่านั้นเอง
เห็นสายตาทุกคู่ของเพื่อนหันกลับมามองที่ตัวเองเช่นนี้แล้วกระต่ายยิ่งประหม่า ตอบอุบอิบว่า "....เกาเหลาจ้ะ"
"มองทำเหี้ยไร!" พี่เสือตวาดอีกคำรบ เพื่อนฝูงรีบหันไปทางอื่น พี่เสือเลยควงน้องเล็กเดินไปอีกทาง ไม่พูดไม่จาไม่บอกอะไรเพื่อนๆ สักคำ
เพื่อนๆ นิ่งสนิท.... ยังงุนงง ตกใจ สงสัยกับอาการพี่เสืออยู่ กระเจี๊ยบได้สติก่อนใครจึงถามเสียงแผ่ว
"มันเป็นเหี้ยไรวะ ?"
"จะรู้มันเหรอ! มึงกล้าก็ถามมันดิ" ลูกโป่งตอบ ส่ายหน้า "แล้วมันไปไหนวะ ?"
"พาน้องไปกินข้าวมั้ง" สอางค์ถอนหายใจเฮือก "พวกเราอ่ะ เอาไง ?"
"กูจะกินหอยทอด" ฝนตั้งมั่นในมื้อกลางวันอย่างมาก
ลูกโป่งไหวไหล่ "โอเค งั้นพวกกูไปโรงอาหารสอง"
"กูไปด้วย" กระเจี๊ยบยึดลูกโป่งที่เตี้ยกว่าตัวเองเกือบช่วงศีรษะไว้แน่นหนา เหมือนเกาะฟางเส้นสุดท้าย
"ไอ้ห่าเจี๊ยบ! มึงมานี่ ผอมหยั่งกับไม้เสียบผี ยังดัดจริตแดกไม่ครบ!"
"แล้วมึงจะยุ่งอะไรกับกู๊!" เสียงกระเจี๊ยบเหมือนจะร้องไห้แล้ว มองหาตัวช่วยเลิ่กลั่ก เพื่อนที่เหลือไม่ช่วยอะไรเล้ย... ได้แต่มองกลับไปยังจัมโบ้ด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
"มองห่า! กูแค่สังเวชมึง!" กระเจี๊ยบก้มหน้าก้มตาอยู่ เลยไม่ทันเห็นหน้าแดงก่ำของไอ้จอมเผด็จการ เพื่อนๆ แอบหลุดขำออกมาก่อนจะกระแอมบอก
"โอเค ตกลงกันได้แล้วนะ กูไปหาหอยทอดกินล่ะ"
"เดี๋ยวววว ฝนนนนนนน!"
บ่ายคล้อยแล้ว อากาศยังไม่ดีขึ้น น้องเล็กเริ่มคันยุบยิบแล้ว พี่เสือได้แต่มองอย่างเป็นห่วง เพราะจะให้กินยาแก้แพ้ น้องก็ดื้อ ไม่ยอมอีก เพราะกลัวง่วงนอนแล้วจะเรียนไม่รู้เรื่อง
ส่วนพี่เสือนั้น ดูเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นหลังจากได้กินอาหารกลางวัน กระต่ายคาดเดาเอาเอง แต่หารู้ไม่แล้ว ที่เพราะพี่เสืออารมณ์ดีขึ้นนั้นเป็นเพราะได้นั่งกินข้าวกับสุดที่รักสองต่อสองต่างหาก ในที่สุดเขาก็สามารถปั้นหน้าโหดใส่เพื่อนๆ จนกำจัดพวกก้างขวางคอไปจนหมดได้เสียที
กระต่ายปีนขอบระเบียบหน้าห้อง ยื่นหน้าไปมองเมฆดำทะมึนแล้วจามฟิ้ว ฝนผ่านมาเห็นแล้วตกใจใหญ่ โวยวายจนพี่เสือต้องรีบวิ่งมาดูบ้าง แล้วอุ้มน้องลงจากขอบระเบียง
กระต่ายทำหน้ามุ่ยให้พระพี่เลี้ยงและพี่ชาย "ก็หนูอยากดูเมฆฝนเฉยๆ นี่..."
สอางค์และฝนตีหน้ายักษ์ให้ ดุซ้ำเหมือนแม่เสียอีก "ถ้าตกลงไปจะทำไง!"
หน้าหวานๆ ยิ่งงอง้ำเหมือนเด็กน้อยเอาแต่ใจ สอางค์เลยยิ่งใจอ่อน ถอนหายใจพลางบ่น "ทีหลังอย่าทำอีกนะต่ายน้อย"
ฝนเลยลูบหัวลูบหลังคนตัวเล็กปลอบ
แต่มีสองหนุ่มที่ไม่ได้ร่วมวงตื่นเต้นด้วย ลูกโป่งกับจัมโบ้โดดเรียนไปแอบสูบบุหรี่หลังห้องน้ำชาย ร่างเล็กขาวสะอาดของลูกโป่งนั่งยองๆ อยู่ตรงขอบปูนซีเมนต์ ข้างๆ เป็นเพื่อนตัวโต
"เฮ้ย มึงว่าไงวะ ?"
"ว่าห่าอะไร ?" จัมโบ้ถามกลับ พ่นควันปุ๋ยๆ
"เมื่อไหร่มึงจะจีบติด ?"
ใบหน้าของตี๋ผิวคล้ำแดงก่ำ สำลักควัน "จีบใคร๊ ?"
"หอก กูรำคาญมึงละ อีกระเจี๊ยบไง"
จัมโบ้ปาบุหรี่ทิ้ง ลุกขึ้นยืนแล้วเอามือล้วงกระเป๋าอย่างเก้ๆ กังๆ "ใคร้ ใครจีบมัน กูเป็นผู้ชายทั้งแท่ง..."
"ค*ย!" ลูกโป่งเลยตัดรำคาญด้วยของลับเสียเลย ตอนแรกๆ ก็สนุกดีอยู่หรอกได้แหย่เพื่อนเล่น แต่ยิ่งนาน ยิ่งเห็นเพื่อนเทียวไล้เทียวขื่ออย่างไร้ศิลปะการจีบยิ่งทำให้พ่อเพลย์บอยอย่างลูกโป่งหงุดหงิด
"พ่องมึงดิ๊ ไปตามจีบทั้งซัมเมอร์แต่ยังเสือกจีบไม่ติด! ถุ้ย!"
เพื่อนตัวโตเกาหน้าแกรกๆ อย่างกระดาก เสพูดเรื่องอื่น "ทีมึงอ่ะ จีบตุ๊ดเด็กมอสองใช่ป้ะ เลิกกับพี่เฟิร์นแล้วเรอะ ?"
"สัด อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง ตุ๊ดเด็กนั่นชื่อน้องเกมส์ กูฟันแล้ว ตอนนี้กูกำลังจีบพี่เจน"
"มึงฟันเค้า ? รึเค้าเอามึง ?" จัมโบ้ยื่นหน้ามาถาม ดูแปลกใจมากกว่ารังเกียจ
"กูตุ๋ยตูดมัน! พอใจยัง!? ไอ้สัตว์!" คนตัวเล็กแต่ฤทธิ์มากสบถเสียงดัง สูบบุหรี่อีกเฮือกก่อนพูดต่อ "กูฟันไปสามตูด สี่หอยแล้ว มึงอะ ไปถึงไหน ?"
ใบหน้าของจัมโบ้ดูอิหลักอิเหลื่อ จะแดงก็ไม่เชิง จะเขียวก็ไม่ใช่ พักนี้ลูกโป่งอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนหญิงวัยทอง แต่กระนั้นเลย จัมโบ้ก็ไม่ใช่คนละเอียดจนมานั่งสังเกตขนาดถามไถ่ มือเกาหัวแกรกๆ อย่างหมดท่า "ก็... ก็ชอบมันอ่ะ... แต่... มันไม่... เอ่อ...."
"....." เห็นหน้าตาเขินอายเหมือนสาวน้อยของเพื่อนแล้วลูกโป่งจะอ้วก เขารีบโยนก้นบุหรี่ทิ้งแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง... ที่เตี้ยกว่าเพื่อนโข "ไอ้ควาย! จีบพ่อมึงแบบนั้น! ไม่ต่างจากตอนจีบต่ายน้อยซักนิด แม่งเอาแต่แกล้ง กากชิบหาย!"
"กูเปล่าแกล้ง!" ตอบเสียงแข็งทีเดียว แต่เพื่อนกลับยิ่งเบ้ปาก
"ถุ้ย! อย่าให้กูต้องสอน จะหญิง ตุ๊ด ชาย กะเทย ดี้ ทอม แม่ง... พวกนี้ชอบให้เอาใจทั้งนั้น แล้วดูมึงทำ!"
"กูไม่ได้แกล้ง!"
"ไม่ได้แกล้งแต่มึงบังคับ ตะโกน ตะคอก ไอ้สัตว์!" ลูกโป่งด่าอย่างรำคาญใจ "เอาใจน่ะ เป็นมั๊ย!? เคยบอกชอบมันรึยัง ?" หันกลับไปมองหน้าบ๊องแบ๊วโง่เกินพิกัดของเพื่อนแล้วลูกโป่งยิ่งของขึ้น "ยังใช่ไหม! ควาย! ชาติหน้าเหอะจะจีบติด!"
จัมโบ้มองกลับด้วยสีหน้าเหรอหรา ลูกโป่งเลยตะคอกใส่
"มึงต้องบอกรักมัน เอาใจมัน เข้าใจไหม ?" บอกรัก... เพราะความรู้สึกของจัมโบ้บริสุทธิ์กว่าของลูกโป่งมาก... และพฤติกรรมเลวร้ายของตัวเองก่อนหน้า ก็ได้ส่งผลมาถึงปัจจุบันแล้ว
หน้าคล้ำๆ ตี๋ๆ ของเพื่อนจึงมีสีหน้าคล้ายบรรลุ พยักหน้ารัวเร็ว ลูกโป่งจึงยอมถอย ถอนหายใจเฮือกอย่างหงุดหงิด "...เพื่อนกูหนอ... เดี๋ยวสาววาย เดี๋ยวบราค่อน เดี๋ยวเอ๋อ เดี๋ยวเกย์....แม่ง....!"
แต่ที่ลูกโป่งเครียด... กลับไม่ใช่ที่เขารำพัน... เด็กหนุ่มมองปลายเท้าตัวเองอย่างเลื่อนลอย...
สรุปวันนั้นทั้งวัน ทุกคนอารมณ์เสียกันหมด กระต่ายได้แต่นั่งกระอั่กกระอั่นอยู่ตรงกลางระหว่างสอางค์และฝนในคาบวิทยาศาสตร์ จัมโบ้หน้าตึงๆ ส่วนลูกโป่งก็ไม่ดีขึ้น หน้าขาวๆ ดูเหม่อลอยราวกับว่าใช้ความคิดอยู่
สอางค์มองดูเพื่อน แล้วหันกลับมามองกระต่าย "อย่าสนใจพวกมันเลย"
กระต่ายน้อยพยักหน้า ไม่ได้ตอบอะไรจนกระทั่งพี่เสือถือหลอดทดลองเข้ามาวางไว้กลางโต๊ะ เปิดสมุดฉับๆ
"ลูกโป่งเป็นเหี้ยอะไร ?" ฝนเอ่ยปากขึ้นก่อน ลูกโป่งที่นั่งฟังเพลงถอดหูฟังแล้วถอนหายใจ ส่ายหน้าให้ ไม่มีคำตอบใดๆ
สอางค์ได้แต่ถอนหายใจ เอื้อมมือไปหยิบสมุดทดลองจากพี่เสือ กระตุ้นสมาชิกกลุ่ม "ทำงานๆ คาบสุดท้ายละ!"
พอคุณครูประกาศว่าหมดคาบ เด็กทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งใจ และตามมาด้วยเสียงตึงตังจากการเก็บเก้าอี้ สมุดหนังสือและเสียงพูดคุยกันดังลั่นๆ ลูกโป่งหน้าเมื่อยได้ตั้งแต่ต้นคาบจึงคว้าแขนสอางค์ ตะโกนบอกเพื่อนๆ
"อางค์ ไปกับกู กูไปก่อนนะเว้ย!"
เพื่อนสองคน คนนึงโดนลาก คนนึงลากรีบวิ่งตุบตับออกจากห้อง ได้ยินเสียงดังไปตลอดแนวระเบียง ฝน จัมโบ้ และกระเจี๊ยบจึงได้แต่ชวนกระต่ายกลับบ้าน
เด็กๆ ทั้งกลุ่ม จึงเตรียมออกจากห้อง กระต่ายเก็บกระเป๋าแล้วจะยกเก้าอี้ไปเก็บ แต่พี่เสือโบกมือเสียก่อน "ต่ายน้อยไปรอข้างนอกนะครับ"
"เอ๊ะ แต่เก้าอี้..."
"มันหนัก เดี๋ยวพี่เสือเก็บให้"
กระต่ายอ้าปากจะค้าน แต่ฝนส่งสายตามาให้หยุด น้องเล็กจึงยอมหุบปากฉับ เดินถือกระเป๋าออกมารอด้านนอกแทน
เพื่อนๆ ทยอยกันกลับ พี่เสือกับเพื่อนๆ โดนคุณครูใช้ยกสมุดไปส่ง จึงแวะมาบอกกระต่ายทีนึง ให้รออยู่หน้าตึกแล้วจะมาสมทบภายหลัง กระต่ายน้อยพยักหน้ารับ
เย็นย่ำแบบนี้ ตึกเริ่มไม่มีคนแล้ว กระต่ายลาเพื่อนคนแล้วคนเล่า แต่พี่เสือกับเพื่อนยังไม่ลงมาเสียที คนตัวเล็กได้แต่มองสนามฟุตบอลตรงหน้า นั่งบนแปลงดอกไม้ จากตรงนี้ น้องเล็กเห็นพี่น้ำแกงลากถังน้ำอยู่ไกลๆ ส่วนพี่ฟงกำลังช่วยพี่น้ำแกงลากตะกร้าลูกบาสเกตบอลเข้าโรงยิม ส่วนพี่ๆ ชมรมฟุตบอลก็เริ่มลากโกลด์ บางคนกำลังโยนข้าวของบนโต๊ะหินอ่อนใกล้ๆ นักเรียนที่กลับบ้านเริ่มบางตา กระต่ายมองจนเพลิน ไม่รู้ว่ามีคนเรียก
"กระต่าย!"
เสียงนั้นไม่คุ้นเลย กระต่ายได้แต่เงยหน้ามองหา
"กระต่ายใช่ไหม ?" เสียงนั้นดังขึ้นอีก กระต่ายจึงได้เห็นกลุ่มนักเรียนหญิงม.ปลายราวสี่ห้าคน ในกลุ่มนั้นมี.... พี่จุ๊บแจง
ร่างบางเบิกตากว้าง จำได้ดี... รุ่นพี่ผิวขาว หน้าตาสะสวย... คนนี้เคยจีบพี่เสือ
"คะ ครับ"
พี่จุ๊บแจงหันไปมองเพื่อนแล้วคุยกันเบาๆ ก่อนที่รุ่นพี่คนหนึ่งจะก้าวมาใกล้ "ตะกี้เพิ่งคุยกันไป ไม่นึกว่าจะเจอเร็วขนาดนี้"
"เสือไม่อยู่ด้วย" อีกคนหนึ่งยิ้มแสยะ กระต่ายถอยหลังกรูดจนจมเข้าไปในแปลงดอกไม้
"กูเกลียดมึงนะแจง แต่เกลียดไอ้ห่านี่มากกว่า!" รุ่นพี่อีกคนหนึ่งที่ดัดผมหยิกอดรนทนไม่ได้ กระชากไหล่บางจนกระต่ายมึนงง
"พี่จุ๊บแจง..." กระต่ายได้แต่เรียกคนที่รู้จัก
ไม่เข้าใจ... คนพวกนี้เป็นใคร... กระต่ายรู้ดีว่าโดนเกลียด มันชัดเจนในแววตา ริมฝีปาก... แต่ทำไม... ทำไมเขาต้องเกลียดกระต่ายน้อยด้วย ?
พี่จุ๊บแจงกัดริมฝีปากราวอดกลั้น เสียงที่เล็ดลอดออกมาสั่นพร่า "สะใจแล้วรึยัง! พี่มึงเอากู เ*ดกู เอาอีพวกนี้ กับอีโรงเรียนข้างๆ แล้วทั้งทิ้ง ทั้งขู่พวกกู!"
กระต่ายเบิกตาโต ไม่เคยมีใครพูดหยาบคายกับกระต่ายมาก่อนเลย แล้ว...
คนผมหยิกกระชากเสื้อนักเรียนกระต่าย แม้แต่กับเด็กผู้หญิงกระต่ายก็ยังตัวเล็กกว่า "พอเถอะ! กูรำคาญไอ้เหี้ยนี่แม่งชิบหาย ติดพี่นักใช่ไหมมึง!" ฝ่ามือเงื้อจนสุด กระต่ายหลบไม่ทัน หลับตาปี๋
เผี๊ยะ!ฝ่ามือนั้นกระแทกแก้มใสสุดแรง แรง...จนร่างเล็กเซล้มใส่แปลงดอกไม้ ดินนุ่มๆ รองรับร่างกาย แต่ในหัวยังอื้ออึงไปด้วยคำพูดของพี่จุ๊บแจงและเสียงวิ๊งในหู แสบร้อนจนน้ำตาไหลออกมา
อีกคนหนึ่งผลักกระต่ายล้มลง รองเท้านักเรียนหญิงเตะบั้นเอวตามมา กระต่ายไม่ทันได้ร้อง มือใครบางคนก็ฟาดลงที่แก้มอีกข้าง กระต่ายมึนงง เสียงก่นด่า ตะโกนหยาบคายดังจนปวดหู
"เพราะมึง! เพราะมึง! กูต้องเสียผัว!"
"ดี! มาให้กูตบ!"
"กะว่าจะดักตบแล้ว ดี!"
"อีแจง กูจะฆ่ามัน!"
"วิปริต! อุบาทว์! ขยะแขยง! ร่าน!" เสียงด่าไม่ได้ศัพท์ พร้อมสารพัดมือและเท้ากระแทกใส่ร่าง หากสมองกระต่ายยังจมจ่อมอยู่กับที่ว่า
...พี่เสือมีอะไรกับผู้หญิงพวกนี้......เมื่อไหร่ ?หัวใจดวงน้อยดิ้นรนจนปวดอก ร่างเล็กงอตัวงุ้ม น้ำตารินไหล ทันใดนั้น เสียงตะโกนราวฟ้าคำรามก็ดังขึ้น
"หยุด! พวกมึงจะทำอะไร!"นักเรียนหญิงกลุ่มนั้นหยุดลง กระต่ายเบิกตาขึ้นมอง พี่เสือยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า... ม่านน้ำตาฝ้ามัวทำให้ภาพตรงหน้าพร่าเลือน...
พี่เสือไม่เคยดูโกรธเกรี้ยวเท่านี้มาก่อนเลย
ดวงตาคู่ดุฉายแววอำมหิต ก้าวร้าว ขบกรามแน่นอย่างเกรี้ยวกราด กล้ามเนื้อทุกมัดบนร่างกายตึงเขม็ง กระต่ายเห็นพี่เสือก้าวเข้ามา จัมโบ้และฝนตะโกนร้องห้าม แต่ไม่ทันแล้ว...
...หมัดหนักของนักมวยรุ่นเยาว์กระแทกใส่หน้ารุ่นพี่ที่อยู่ใกล้กระต่ายที่สุด
พี่เสือไม่พูดอะไรทั้งนั้น กลุ่มเด็กหญิงแตกฮือ พี่เสือไม่สนใจด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังทำร้ายผู้หญิง กระต่ายน้อยยันตัวลุกขึ้น กระเจี๊ยบรีบวิ่งมาช่วยประคอง แต่คนตัวเล็กสะบัดเพื่อนออกโดยแรง
หัวใจของกระต่ายเจ็บ... เจ็บยิ่งกว่าร่างกายที่ถูกซ้อม...
...มันวูบโหวง ปวดแสบปวดร้อน... หากหัวใจหยุดเต้นลง... อาจจะดีขึ้น
กระต่ายได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแหลกสลาย...ทุกคนนิ่งงัน มองดูร่างเล็กที่ก้าวช้าๆ มาหาพี่ชาย
ในสมองกระต่ายมีเพียงคำพูดซ้ำๆ ว่า
'พี่เสือมีอะไรกับผู้หญิงพวกนี้...'กระต่ายก้าวเข้ามาใกล้พี่ชาย ร่างเล็กนั้นโงนเงน ก้าวช้าๆ ด้วยน้ำตานองหน้า ใจพี่เสือปวดร้าวแทบสลาย เจ้าตัวเล็กที่พี่ชายเฝ้าทะถนอมดูแลมาตลอด บัดนี้มีเพียงน้ำตาและร่างกายชอกช้ำ ดวงตาคู่โตที่มองกลับมานั้น... แปรเปลี่ยนไป
ไม่ใช่ความพิสุทธิ์ใสเหมือนเคย... แต่เป็นทั้งความรานร้าว ทรมาน...
พี่เสือเหวี่ยงร่างผู้หญิงในมือทิ้ง ตั้งใจจะเข้ามาปลอบโยน น้องเล็กเข้ามาใกล้เพียงเอื้อมมือ ก่อนเสียงสั่นๆ นั้นจะออกปากถามเสียงเบาว่า
"พี่เสือ... มีอะไรกับทุกคนที่นี่... ?"
พี่ชายนิ่งไปชั่วครู่... ไม่มีความลับใดๆ ในโลก... ดวงตาคมแสงจึงปิดลงก่อนตอบเสียงแผ่ว "ใช่"
หัวใจดวงน้อยของคนฟังหยุดชะงัก... เศษซากบางอย่างภายในแหลกสลายไม่เหลือกระทั่งฝุ่นผง หากเป็นเพียงคำโกหก กระต่ายยังพอจะเก็บเศษหัวใจแตกหักขึ้นมาประกอบใหม่ได้บ้าง
ผู้หญิงพวกนั้นพูดถูก...
มือเรียวขาวสะอาดที่บัดนี้เปื้อนด้วยดินทรายยกขึ้น กระต่ายลืมตากว้าง มองผ่านหยาดน้ำตาตัวเอง
แหลกสลาย... สิ้นหวังและมืดบอดภาพเบื้องหน้ามีเพียงแต่สีดำ... มืดมน ชายตรงหน้าที่เคยเป็นพี่ชายที่รัก... กลายเป็นคนแปลกหน้า
ทรมาน... ทรมานเหลือเกิน...กระต่ายไร้เรี่ยวแรง หัวใจเต้นเชื่องช้าราวกับจะหยุดลง คนเบื้องหน้าเอื้อมมือหมายจะปลอบประโลม แต่บัดนี้เด็กน้อยกลับนึกหวาดผวา... ขยะแขยง... และชิงชังเกินทน
และนั่นทำให้เขาเงื้อมือขึ้นสุดแขน
...ไม่มีใครคิด ไม่มีใครฝัน... ว่ากระต่ายตัวน้อยผู้รักสงบจะทำเช่นนั้น...
กระต่ายหูอื้ออึง เสียงหวีดร้องของคนรอบกายไม่ดังเท่าเสียงแหลกสลายของหัวใจดวงน้อย
ฝ่ามือเรียวเล็ก ไร้กำลังนั้นกระทบบนแก้มพี่ชายที่รักสุดแรง!แรงเท่าใด... ก็เท่ากับที่พี่ชายตัวโตถูกแรงตบจนสะบัดหน้าไปอีกทาง
แรงเท่ากับกับขาสองข้างของน้องเล็กที่ไร้เรี่ยวแรง อ่อนพับลงพื้นก่อนทั้งร่างจะทิ้งตัวลงโครม วินาทีนั้น คล้ายว่าทุกคนเพิ่งได้สติ เพื่อนๆ วิ่งเข้ามาช่วยพยุงน้องน้อย จัมโบ้รวบเอวบางเข้าหาตัว ฝนตะโกนสั่งกระเจี๊ยบให้โทรหาครูเวร พวกรุ่นพี่รีบวิ่งหนีกันคนละทิศละทาง พวกชมรมฟุตบอลที่เห็นเหตุการณ์รีบวิ่งเข้ามาช่วย... เสียงฝีเท้า เสียงคนตะโกนสั่ง เสียงอุทานนั้นไม่ได้ดังถึงโสตประสาทแม้แต่น้อย...
ดวงตากลมโตปิดลงอย่างอ่อนแรง ประโยคสุดท้ายที่ทุกคนได้ยินแผ่วเบาราวกระซิบ... จวนเจียนจะขาดใจ
"พี่เสือ... ทำกับทุกคน... ได้ยังไง... พี่เสือ... ทำกับหนู... ได้ยังไง".....
หึๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฉากที่ทุกคนรอคอย ฉากที่เสือสิ้นลาายยยย ฉากที่พี่เสือได้รับผลกรรม
ตอนนี้ใช้เวลาปั้นพอสมควร เพราะเห็นว่าเนื้อเรื่องชักจะยืดไปแล้ว เด็กๆ สมควรแก่เวลาโตกันได้เสียทีค่ะ เลยแก้แล้วแก้อีก โดยเฉพาะกระต่ายในตอนนี้ เหมือนตัวละครใหม่เลย เรายังไม่สนิทกับกระต่ายในตอนนี้เท่าไหร่ค่ะ เลยใช้เวลาหน่อย กระต่าย พี่เสือ ฝน สอางค์ ลูกโป่ง กระเจี๊ยบ โบ้ เด็กๆ ทุกคนจะค่อยๆ โตขึ้นค่ะ ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีจุดเปลี่ยนเยอะ ส่วนหนึ่งเพราะมันถึงเวลาอันสมควรแล้วค่ะ
เพิ่งกลับมาอัพ หายหัวไปนานมากค่ะ ยุ่งเรื่องชาวบ้านเสียส่วนใหญ่ ตอนนี้โอเคแล้วค่ะ มีแต่ธีซิสยังไม่ผ่าน สู้ต่อไปค่า!

ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ
