45. พี่เสือ น้องกระต่ายกับข่าวใหญ่
ถึงพี่แหววจะปากร้าย แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เข้ามาวุ่นวายกับสองพี่น้องอีก หรืออาจจะเป็นเพราะขนมคุ้กกี้ในกล่องกระดาษที่กระต่ายน้อยถือไปให้เมื่อวันก่อนก็ได้
คุณลุงทอม เจ้าของร้าน Uncle Tom's cabin หรือร้านหนังสือกระท่อมของลุงทอมไม่ค่อยได้อยู่ร้านแล้ว บางครั้งภรรยาของคุณลุง คุณป้าเจนก็จะเข้ามาคุมร้านแทน
กระต่ายได้รับอนุญาตจากอังเคิลให้นั่งเล่นในห้องพักพนักงานหลังร้านได้ แต่ส่วนใหญ่กระต่ายจะอยู่สักครู่ พอพี่เสือกินข้าวเสร็จ ป้าเจนจะเข้ามานั่งคุยนิดหน่อย แล้วก็กลับไปทำงานต่อ กระต่ายก็จะไปหาซ้อเง็ก
พี่เสือบอกว่า อังเคิลรวยมาก อังเคิลเป็นวิศวกรแท่นขุดเจาะน้ำมัน ปัจจุบันทำงานอยู่ที่ประเทศเล็กๆ แห่งหนึ่งในอเมริกาใต้ อังเคิลทำงานแบบหกเดือนพัก อีกหกเดือนทำงาน ส่วนป้าเจนเป็นเจ้าของร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งบนห้างหรู ป้าเจนเป็นคนเงียบๆ บางครั้งมาชวนกระต่ายคุย แต่จู่ๆ ก็เงียบไปก็มี ป้าเจนกับอังเคิลไม่ใช่ผู้ใหญ่ใจดีเท่าซ้อเง็กกับเถ้าแก่ ป้าเจนกับอังเคิลเข้มงวดมาก ทั้งเรื่องเวลาทำงาน เวลาพัก การแต่งกาย การทำงาน แต่ถ้าหากทำงานได้ดี พนักงานก็จะได้เงินเพิ่ม กระต่ายจำได้ว่าพี่เสือเรียกว่าโบนัส
ส่วนพนักงานอีกคนชื่อพี่แชมป์ พี่แชมป์เป็นคนไม่ค่อยพูดเหมือนกัน ปีนี้เขาอายุยี่สิบสามแล้ว เรียนอยู่ชั้นปีที่สาม คณะจิตรกรรม เนื้อตัวพี่แชมป์มีแต่รอยสัก ที่สะดุดตาที่สุดคงจะเป็นรอยสักรูปใยแมงมุงที่แขนซ้าย มีแมงมุมสีดำเหมือนจริงจนน่ากลัวอยู่รอบๆ ใย กระต่ายมองตามมันหายเข้าไปในแขนเสื้อเชิร์ต ส่วนหลังมือขวา พี่แชมป์สักรูปดวงตากลมโต มีน้ำตาเอ่อคลอ ครั้งหนึ่งที่พี่แชมป์มาผลัดกับพี่เสือไปพัก พี่แชมป์นั่งข้างๆ กระต่ายน้อย ไม่พูดไม่จา ในตอนนั้นกระต่ายยังไม่คุ้นเคยกับพี่แชมป์เลย เจ้าตัวน้อยเลยกลัวหัวหด ถึงไม่มีใครเคยบอกว่าคนมีรอยสักเป็นคนไม่ดี แต่กระต่ายก็เคยเห็นคุณแม่พยายามปกปิดรอยสักของตัวเองแทบแย่เหมือนกัน
แล้วจู่ๆ พี่แชมป์ก็ส่งเสียง "มึง... มัดผมให้หน่อย"
กระต่ายสะดุ้งโหยง "หมายถึง... หนูเหรอ ?"
พี่แชมป์พยักหน้า หยิบที่มัดผมสีชมพูขึ้นมายื่นให้ กระต่ายน้อยเลยไปยืนงงๆ อยู่ด้านหลังพี่แชมป์
ผมของพี่แชมป์หนาหยิกงอ หนำซ้ำยังฟูฟ่อง กระต่ายกลั้นหายใจรวบเส้นผมที่แข็งเหมือนเส้นลวด ฟูเหมือนโรตีสายไหมขึ้นมัดด้วยยางรัดสีชมพู
"เออ ขอบใจ" พี่แชมป์พูดแค่นั้น แต่กระต่ายตาโตกับที่หลังคอรุ่นพี่เสียแล้ว
หลังคอพี่แชมป์มีรอยสักรูปงูกินหางตัวเองเป็นเลขแปดแนวนอนสีดำขนาดใหญ่ กระต่ายไม่เข้าใจเลยถ้าหากว่าคนเราจะสักอะไรสักอย่างบนร่างกาย ก็ควรจะสักอะไรที่มันสวยงามไม่ใช่หรือ ไม่ใช่อะไรน่าขยะแขยง
กระต่ายกลับมานั่งเงียบๆ ที่ของตัวเอง มองดูพี่แชมป์ที่ผอมแห้งจนเห็นซี่โครง มือหยาบกร้านกระดูกปูดโปน ใบหน้าออกเหลี่ยม ดวงตาทรงสามเหลี่ยมนั้นมองผ่านเลยกระต่ายน้อยไป ราวกับว่าไม่มีอีกคนหนึ่งอยู่ในห้อง
"มองเห็น สิ้นหวัง ความจริง" พี่แชมป์พูดขึ้น เสียงเบาเหมือนพึมพำ กระต่ายน้อยไม่เข้าใจว่าพี่แชมป์กำลังคุยกับตัวเองหรือเปล่า แล้วร่างผอมแห้งนั้นก็ถลกแขนเสื้อด้านซ้ายขึ้นจนสุด กระต่ายเห็นรอยสักรูปแมงมุมแม่หม้ายตัวสีดำ ขนาดใหญ่ห้อยตัวกลับหัวจากไหล่ผอมเกร็ง พี่แชมป์ชี้ที่แขนซ้าย "โลก"
แล้วเขาก็ชูมือขวาขึ้น พลิกหลังมือ "กู"
ศีรษะฟูฟ่องก้มลง ชี้ที่หลังคอตัวเอง "อนันต์"
กระต่ายไม่เข้าใจสักคำ เหมือนพี่แชมป์ไม่ได้ต้องการให้เข้าใจจึงดึงแขนเสื้อลง แล้วนั่งเงียบๆ เหมือนเดิม
กระต่ายกระพริบตาปริบๆ พี่แชมป์ไม่ได้ดูเป็นคนไม่ดี แต่ก็ไม่ใช่คนที่เข้าใจง่าย บางครั้งบางคราว กระต่ายรู้สึกสงบเมื่ออยู่กับพี่แชมป์
พี่แหววเคยบอกว่า พี่แชมป์สติไม่ค่อยเต็ม...
...กระต่ายไม่รู้ แต่ดวงตารูปสามเหลี่ยมนั้น ไม่เคยมองไปที่ใคร ที่ไหนอย่างมีจุดหมายเลย...
ร้านหนังสือของอังเคิลมีพนักงานทั้งหมดห้าคน อีกสองคนแยกทำคนละกะ กะเช้ากับกะบ่าย ส่วนคนที่ควบทั้งสองกะคือพี่แหวว พี่เสือและพี่แชมป์ พี่แหววแก่ที่สุดเลยรับหน้าที่แจกงานให้แต่ละคน ร้านหนังสือของอังเคิลมีสองชั้น ชั้นบนเป็นหนังสืออ้างอิงหายาก จึงต้องมีพนักงานอีกคนที่กระต่ายไม่ค่อยเห็นหน้านักชื่อพี่เกดประจำกะเช้า กับพี่ป้องประจำกะบ่าย ทุกเย็น อังเคิลหรือป้าเจนจะมาตรวจบัญชีแล้วเก็บเงินไปหมด เหลือติดเก๊ะไว้นิดหน่อย คนที่เป็นเวรเปิดร้านวันพรุ่งนี้ต้องเอาเงินส่วนนี้ไปแลกเป็นเหรียญ ทุกคนได้วันหยุดสัปดาห์ละหนึ่งวันแต่รับเงินเดือนเต็ม
พี่เสือทำงานได้เกือบสัปดาห์ ซ้อเง็กก็ย้ายบ้าน พี่เสือได้วันหยุดพอดีจึงมาช่วยซ้อเง็กขนของ
"อาต่ายอาเสือ มานี่เล็วๆ" ซ้อเง็กกวักมือเรียกสองพี่น้อง ยัดของใส่มือ "ของขายม่ายหมด ยังลีๆ อยู่ เอาไปกินนะ"
กระต่ายยกมือพนม พี่เสือโยนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหลายแพ๊คใส่กระสอบ แล้วไปช่วยเถ้าแก่ยกชั้นวางของเก่าแก่ไปทิ้ง ปล่อยให้กระต่ายน้อยเดินลากกระสอบใส่ของฟรีตามซ้อเง็กต้อยๆ
"อา น้ำคก ยังซ่าไหม ?"
กระต่ายรับขวดโค้กลิตรมาเขย่า ฟองผุดพราดริมขอบ "ยังซ่าอยู่จ้ะ"
"เออ ลีๆ ลื้อเอาไปกิน"
"แล้วซ้อเง็กไม่เอาไปเหรอ ?"
"ม่ายอ่า บ้านโน้นมีคบหมดเลี้ยว อ้าว ทำไมทำตาแลงๆ ?"
ใบหน้าเล็กมีน้ำตาผุดขึ้น กระต่ายรีบใช้แขนเสื้อปาดออก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม... คงเพราะเห็นร้านที่โล่ง ว่างเปล่าแล้วรู้สึกเหงาขึ้นมา
"โอ๋ๆ เลกลีๆ ร้องทำมาย ?" ซ้อเง็กรักกระต่ายเหมือนลูกสาว... ลูกชายตัวน้อย ร่างอ้วนท้วนของผู้ชราโอบกอดเจ้าตัวน้อยไว้ "ล้องเพราะเหงาใช่ไหม ?"
กระต่ายพยักหน้าหงึก ซุกใบหน้ากับเสื้อซ้อเง็ก เขาเพิ่งระลึกได้ว่า ซ้อเง็กมักมีกลิ่นเครื่องยาจีนติดตัวเสมอ แรกๆ กระต่ายไม่คุ้น จนกระทั่งบัดนี้ กลิ่นเครื่องยาจีนทำให้กระต่ายรู้สึกคุ้นเคย
ซ้อเง็กหัวเราะ "อั๊วะว่าแล้วงาย... อาต่ายน๊อ ลื้อยังเลกจีงๆ อย่าร้องๆ" มือเหี่ยวย่นหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา แล้วจูงเด็กน้อยไปนั่งบนเก้าอี้ตัวเก่า
"มีพบ มีจาก ดีแค่ไหนแล้วที่เลาได้พบกัน หือ ?" เสียงผู้เฒ่าอ่อนโยน "อาต่ายอายุแค่นี้ ยังต้องมีจากอีกเยอะน่อ ไม่ใช่ตายจากกันด้วยนา ไว้ลื้อโตแล้วไปเยี่ยมหาอั๊วะซี่"
เจ้าตัวเล็กพยักหน้าแรงๆ
"ใช่ไหม ? เอาอาเสือไปล่วย อีคล่อง นี่ยังลีนา ไม่มีใครตาย พอลื้อโตขึ้น คนที่ลื้อรักจะหายไปทีละคนๆ บางคนก็ย้าย บางคนก็ตาย สุดท้าย" ซ้อเง็กยกมือขึ้นนับ "เจ็ก หนอ ซา... อุ๊ยโหยว เพื่อนอั๊วะซี่หมดเลี้ยว เหลือแต่เถ้าแก่กับลูก แต่อีกไม่นาน ไม่อั๊วะก็เถ้าแก่ก็ต้องซี่"
ได้ยินคำว่าตาย เจ้าตัวน้อยสะอื้นจนตัวโยน เขายังเด็กนัก เด็กเกินกว่าจะรู้ว่าความตายเป็นอย่างไร กระต่ายส่ายหน้าแรงๆ กัดริมฝีปากแน่น ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา สองมือกอบกุมมือเหี่ยวย่นของซ้อเง็กไว้
ดวงตาผู้ชรามีแววปราณี "มันไม่สำคังหรอกนะอาต่ายว่าใครจะตาย จะหายไปมั่ง มังสำคังตงที่ว่า ลื้อใช้เวลาอยู่กับคนที่ลื้อรักได้คุ้มไหม"
"แต่หนูไม่อยากให้ซ้อเง็กไป"
"อั๊วะก็ไม่อยากให้เพื่อนอั๊วะซี่เหมือนกัน แต่เพราะเพื่อนอั๊วะซี่ อั๊วะเลยต้องย้ายมาเปิดร้านที่ซอยนี่ แล้วเจออาต่าย ถ้าหากเพื่อนอั๊วะไม่ซี่ อั๊วะคงไม่ได้เจอลื้อ"
"แต่ว่า..."
"มีเจอ มีจาก จากหนึ่งที จะพาคนใหม่เข้ามาอีกหนึ่งที แล้วก็จาเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ลื้อไม่สามารถแบกทุกคนไปจนวันตายได้ เข้าใจไหม ?"
กระต่ายสงบลง ผ้าเช็ดหน้าปักลายของซ้อเง็กยังอยู่ในอุ้งมือ
"เด็กลีๆ อย่าร้อง มานี่ อั๊วะจะเล่าให้ฟัง สมัยอั๊วะสาวๆ"
ใบหน้าแสนหวานค่อยมีรอยยิ้ม ซ้อเง็กยิ้มตอบ ยื่นมือไปหยิกแก้มกลม "ยิ้มเข้าไว้เด็กลี ลื้อยิ้มแล้วน่ารักมาก ทุกครั้งที่ลื้อยิ้ม คิดถึงอั๊วะแล้วกัน สมัยก่อนอั๊วะก็ยิ้มสวยนา ระดับนางเอกงิ้วเชียว" หญิงชราหัวเราะดังๆ อย่างคนอารมณ์ดี
พี่เสือช่วยเถ้าแก่ขนของจนหมด อะไรที่ควรทิ้งก็ทิ้ง อะไรที่ควรเก็บก็เก็บ เถ้าแก่และซ้อเง็กส่งยิ้มให้ฝาแฝด
"ปิดร้านแล้ว เฮ้อ สนุกลีนะ"
ริมฝีปากอิ่มฝืนยกขึ้น ซ้อเง็กหัวเราะ "เอ้านี่ เบอร์โทรอั๊วะ มีอะไรก็โทรมา อ้อ ขอบใจมากนะที่มาช่วย"
"ไม่เป็นไรครับ"
"เออ อั๊วะเจอนี่หลังร้าน" เถ้าแก่เดินไปหยิบของในลังกระดาษออกมา "คงเป็นของลูกชายอั๊วะ อีเคยเล่นอยู่"
กีตาร์... ตัวเก่า แต่สภาพยังดีอยู่
"อาเสือ อาต่ายเอาไว้ไปเล่นละกัน"
สองพี่น้องยกมือไหว้ เถ้าแก่หัวเราะโฮ่ๆ อีกทีแล้วตบไหล่พี่เสือแรงๆ "อาเสือเอ๊ย อดเห็นลื้อโตเลย ไว้ไปเยี่ยมอั๊วะบ้างนะ"
พี่เสือยิ้มกว้างขวาง หาได้ยากยิ่งที่จะยิ้มให้ใครที่ไม่ใช่น้องชายสุดที่รัก "ได้ครับ"
หลังจากนั้นมา ทุกครั้งที่กระต่ายเดินผ่านร้านขายของชำของซ้อเง็กที่ปิดสนิทจะรู้สึกเหงาขึ้นมา ไม่มีหมาสีน้ำตาลนอนบนกระสอบป่าน หาวหวอดๆ เฝ้าร้านอีกแล้ว ไม่มีสองผู้เฒ่าผู้ใจดีที่คอยกวักมือเรียกกระต่ายน้อยไปกินน้ำกินท่า หาขนมให้กินอีกแล้ว กระต่ายน้อยเบือนหน้าหนีแล้วรีบสาวเท้าจ้ำๆ ตรงไปข้างหน้า ไม่เอ้อระเหยข้างทางอีก
ทุกๆ เย็น กระต่ายน้อยจะไปตลาดซื้ออาหารสดมาทำข้าวเย็น เลยถือโอกาสแวะร้านหนังสือนั่งพัก วางถุงพลาสติกหนักอึ้งบนโต๊ะม้าหินอ่อนหลังร้าน ส่วนพี่เสือจะเตรียมเก็บร้าน แล้วมานั่งหลังร้านพร้อมกับกีตาร์ตัวเก่า โดยมีพี่แชมป์นั่งสอนอยู่ข้างๆ
"พี่เสือ" กระต่ายน้อยร้อง พี่ชายรีบวางกีตาร์ในมือลง วิ่งไปช่วยเจ้าตัวน้อยถือข้าวของ
"วันนี้มีอะไรกิน ?" รอยยิ้มของพี่เสือยังคงเดิม เหมือนก่อนบอกรักไม่มีผิด แต่กระต่ายอดหน้าแดงไม่ได้ หน้าผากนวลชื้นเหงื่อ
"หมูทอดกระเทียม... ไก่ผัดขิง กะหล่ำทอดน้ำปลา..."
"พอก่อนๆ" พี่แหววยกมือห้าม "ชักหิวแล้ว พี่ไปล่ะนะ"
กระต่ายยิ้มตอบ ยกมือไหว้พี่แหววเรียบร้อย "สวัสดีครับ"
"พี่แหวว ปิดบัญชีแล้วเหรอ ?"
รุ่นพี่ร่างอ้วนพยักหน้า "ป้าเจนอยู่ข้างในน่ะ"
กระต่ายเลยหันมาสนใจพี่ชาย "พี่เสือเล่นเพลงอะไรอยู่น่ะ ?"
พี่ชายยิ้มมุมปาก "ไม่บอก"
"ฮื้อ.... บอกหน่อยสิ พี่แชมป์ พี่เสือเล่นเพลงอะไร ?"
พี่แชมป์ลดบุหรี่ในมือลง "ไม่ให้บอก"
น้องเล็กทำหน้ายู่ ริมฝีปากอิ่มเชิดรั้นอย่างแง่งอน "ไม่บอกก็ไม่บอก"
พี่ชายหัวเราะ จูงมือน้องน้อยกลับบ้าน
อาหารร้อนๆ ควันฉุยส่งกลิ่นหอม คุณพ่อเดินเข้ามาอย่างครึ้มอกครึ้มใจทันเห็นกระต่ายยื่นมือมารับจานจากพี่เสืออย่างเคยชิน ท่าทางสองพี่น้องกระหนุงกระหนิงกันดีเหมือนคู่แต่งงานใหม่
คุณพ่อกอดอกจ้องเขม็ง คู่รักยังไม่รู้สึกตัว หันกลับมาหาคุณพ่อเสียอีก
"คุณพ่อนั่งก่อนสิครับ เดี๋ยวเสือคดข้าวให้"
คุณฉัตรชัยจะพูดอะไรได้อีก นอกจากนั่งโต๊ะแต่โดยดีแล้วกวักมือเรียกภรรยาสุดที่รักมานั่งข้างๆ คุณพ่อคุณแม่ยิ้มกริ่มมีเลศนัยชอบกล พี่เสือคิ้วกระตุก
"พ่อกับแม่มีอะไรฮะ ?"
กระต่ายน้อยไม่ทันหันกลับมา เหยาะน้ำปลาใส่ต้มโคล้งพลางถามพลาง "หิวแล้วเหรอ ? รอแป๊บนะจ๊ะ"
คุณแม่รีบไปลากแขนลูกชายคนเล็กให้ออกจากหน้าเตา แล้วมานั่งแปะข้างๆ กระต่ายเป็นเด็กดีว่าง่ายยอมโดนลากมาแต่โดยดี แต่เจ้าตัวก็ผุดลุกผุดนั่งชะเง้อคอมองต้มโคล้งในเตา
"เสือ ต่าย พ่อกับแม่มีเรื่องสำคัญจะบอก"
พี่เสือเลิกคิ้วน้อยๆ
"ลูกๆ จะได้ไปสิงคโปร์"
ทีนี้คิ้วเข้มของพี่ชายคนโตเลิกสูง "เรา ?"
"เปล่าจ้ะ พ่อกับแม่คุยกันแล้ว ลูกๆ ก็โตแล้ว สมควรได้ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง แล้วที่ผ่านๆ มาลูกๆ ก็เป็นเด็กดีกัน สมควรได้รับรางวัล"
"แล้ว... แล้ว คุณพ่อกับคุณแม่ล่ะ ?" กระต่ายน้อยตาโต ชื่อประเทศเล็กๆ นั้นคุ้นหู แต่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ไป
อันที่จริง กระต่ายไม่เคยฝันว่าจะได้ไปเที่ยวต่างประเทศด้วยซ้ำ สมองน้อยๆ ของน้องเล็กเต็มไปด้วยเรื่องพี่เสือเสียครึ่งหนึ่งแล้ว ที่เหลือคือการเรียนและทำอาหาร แล้วจะเอาส่วนไหนไปฝันถึงต่างประเทศเล่า
"ไม่ไปจ้ะ" คุณแม่หัวเราะ "แม่จะให้ลูกๆ ออกผจญภัยบ้าง ท่าทางจะสนุกนะ!"
พี่เสือขมวดคิ้ว "จะให้ไปเมื่อไหร่ฮะ ?"
"อีกสองอาทิตย์" คุณพ่อมองตาคุณแม่แล้วตอบ "พ่อกับแม่จะไปกระบี่ ลูกๆ ก็ไปเที่ยวสิงคโปร์ให้หนำใจเลย!"
"สิงคโปร์... สิงคโปร์" กระต่ายทวนคำ พยายามเรียกหาข้อมูลเท่าที่จำได้ในสมอง
"นั่งเครื่องแค่สามชั่วโมงเอง พ่อจองตั๋ว จองโรงแรมไว้ให้แล้ว มีสวนสนุกด้วยนะ ประเทศเล็กนิดเดียวไม่ต้องกลัวหลง"
"หนูไป... กับพ่อไม่ได้เหรอ ?" กระต่ายช้อนตามองคุณพ่อ แต่คุณพ่อรู้ทันรีบโบกมือไล่
"ไปหาประสบการณ์เถอะลูก ไปเจอผู้คน ไปเจออะไรใหม่ๆ โลกหนูจะได้กว้างขึ้น"
"อ้อ แล้วไม่ต้องกลัว เสือหาซื้อหนังสือนำเที่ยวดีๆ ซักเล่ม แล้วพาน้องเที่ยวก็ใช้ได้แล้ว" คุณแม่ยิ้มหวานตบท้าย
.............
// สั้นไหม.... สั้น!! ต้องทำงานไปด้วย ทำธีซิสไปด้วยอ่ะตะเอง T^T