48. พี่เสือ น้องกระต่ายกับสิงคโปร์ 3
วันนี้เป็นวันสุดท้ายในต่างแดนแล้ว โปรแกรมวันนี้ไม่มีอะไรนอกจากเก็บตกสถานที่ต่างๆ พี่เสือและกระต่ายน้อยเลยตื่นสายโด่ง กว่าจะลงมากินข้าวที่ห้องอาหารก็แปดโมงกว่าแล้ว
"อ๊ะ" กระต่ายอุทาน ดวงตากลมเบิกโตเมื่อเห็นคุณอาในชุดสูทสากล ยืนคุยกับสาวสวยอีกคน คุณอาคนนั้นหันกลับมามองราวกับมีตาหลัง เขาส่งยิ้มให้พร้อมโบกมือน้อยๆ กระต่ายยิ้มตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง
พี่เสือเดินตามมาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง หันไปถามเสียงขุ่น "นั่นใคร ?"
"หนูก็ไม่รู้" น้องตอบพลางส่ายหน้าจนหน้าม้าปลิว ลำบากพี่ชายต้องหยิบกิ๊บอันเล็กมาติดให้ "เค้ามาทักหนูวันก่อน"
"อ้อ" แล้วไป...
สองพี่น้องกินอาหารเช้าไป คุยโปรแกรมไปด้วย กระต่ายน้อยกินอย่างมีความสุข เพราะโปรแกรมวันนี้ไม่มีอะไรมาก เลยสามารถค่อยๆ กิน ชิมทุกอย่างอย่างละนิดแบบที่กระต่ายถนัดได้
คิดพลางเอาเอแคลร์ชิ้นน้อยเข้าปาก กลิ่นหอมครีมนมนุ่มนวลอบอวล กระต่ายเคี้ยวหยับๆ จนแก้มตุ่ยน่าเอ็นดู
โปรแกรมวันนี้เริ่มต้นจากไปถ่ายรูปคู่กับเมอร์ไลอ้อนอีกตัวหนึ่ง จากสถานี Tanjong Pagar ไปดูเมอร์ไลอ้อนใกล้นิดเดียว เพียงแค่สถานีเดียวก็ถึง Raffles Place พี่เสือพากระต่ายเดินโต๋เต๋จนมาถึงตึกมารีนา เบย์ จัดการถ่ายรูปเรียบร้อยจึงพากันหลบร้อนเข้าสถานี MRT อีกครั้ง
จุดมุ่งหมายของพี่เสืออยู่ที่สถานี Esplanade ซึ่งค่อนข้างยุ่ง พี่เสือพาน้องนั่งรถไฟย้อนไปยังสถานี City Hall เพื่อเปลี่ยนสายเป็นสายสีแดง จากนั้นนั่งตรงไปยังสถานี Dhoby Ghaut เพื่อขึ้นสายสีส้ม เที่ยวนี้นั่งอีกสองสถานีก็ถึง Esplanade สมใจ เพื่อพาน้องขึ้นห้าง Suntec City เดินตามป้ายไปเรื่อยๆ จนถึงน้ำพุขนาดใหญ่ Fountain of wealth แต่กระต่ายดันสนใจชาไข่มุกที่อยู่ข้างๆ มากกว่า พี่เสือเลยพาน้องไปกินเกี๊ยวกรอบใน Food Republic ที่ตกแต่งในสไตล์ห้องสมุดดูแปลกตาสักครู่ กระต่ายเลยถือโอกาสพักขาเสียหน่อย แต่นั่งได้ครู่เดียว พี่เสือก็จูงน้องไปไปลงสถานี Dhoby Ghaut ขึ้นสายสีม่วงตรงไปยังย่าน Little India กระต่ายเริ่มจะมึนๆ เสียแล้วสิ
ออกจากประตูสถานีมา กระต่ายก็พบกับอากาศร้อนจัดกับผู้คนคลาคล่ำ แต่ก็ชวนตื่นเต้น รู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่ในสิงคโปร์ แต่อยู่ในแดนภารตะมากกว่า เสียงพูดคุยจ้อกแจ้กจอแจด้วยภาษาแปลกๆ ผู้คนผิวดำแต่งกายด้วยสาหรี่กับเสื้อคลุมตัวยาว กลิ่นของผลไม้ ดอกไม้และกำยานคละคลุ้งแปลกประหลาด เสียงเพลงแขกดังจากทุกมุมถนน เสียงกำไลของใครบางใครดังกรุ๋งกริ๋ง กระต่ายตื่นตาตื่นใจมาก
"นี่ที่เมื่อวานเรามาเหรอ ?"
พี่เสือเปิดแผนที่ พยายามหาทิศทางพลางตอบ "ใช่ครับ เมื่อคืนร้านค้าปิดหมดแล้ว"
"พี่เสือ เราจะไปไหนกัน ?"
"อืม ไปไหว้พระไหม ?" พี่เสือมีแค่โปรแกรมหลวมๆ แต่กระต่ายตาโตวิ่งไปเกาะขอบรั้วถนน ยื่นหน้าไปฝั่งตรงข้ามแล้ว
"พี่เสือ ไปที่นั่นกัน!" ปลายนิ้วของน้องชี้ไปยังหมู่ตึกสีสันสดใส กระต่ายหัวเราะชอบใจลากแขนพี่ชายให้มาดูด้วย
"ถ่ายรูปกัน แล้วเข้าไปกันนะ"
"เอ่อ ตรงนี้ ?" พี่เสือพลิกแผนที่วุ่นวาย เงยหน้าหาชื่อถนน "ซารางกูน...."
น้องเล็กไม่สนใจแผนที่ ตรงเข้ามาพับแผนที่ฉับๆ พับใส่หนังสือนำเที่ยว โยนใส่เป้พี่ชายแล้วคว้าข้อมือ "ไปดูกันเถอะน่า!"
พี่เสือได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะหัวเราะตาม
ข้ามถนนมาเด็กๆ ก็เจอกับ Shop House หรือร้านรวงต่างๆ แนวอินเดีย สองพี่น้องเดินเล่นดูข้าวของจนตาลาย อากาศข้างในถึงจะปรับอากาศแต่ก็ยังร้อนอบอ้าว กระต่ายแวะกินขนมเกือบทุกร้านเชียว กลิ่นเครื่องเทศที่เคยทำร้ายจมูกก็ชักจะคุ้นชินขึ้นมาบ้าง
ออกจากร้านรวงโดยที่ไม่ซื้ออะไรเลย กระต่ายก็ตาไวเห็นวัดสีสันสดใสอยู่ไกลๆ ไม่รอช้าลากพี่ชายให้ไปดูด้วย
"วัด ศรีศรี... อืมม" พี่เสือพยายามอ่านป้าย กระต่ายชะโงกหน้าเข้ามาดูด้วยคน
'Sri Vadapathira Kaliamman Temple'
น้องเล็กเกาหัวยุ่ง "อ่านยากจัง เราเข้าไปไหว้ดีไหม ?"
พี่เสือมองรอบๆ มีสตรีร่างท้วมข้างๆ ยืนมองเมียงเด็กทั้งสองอยู่ พี่เสือเลยส่งยิ้มทักทายไปก่อน สตรีคนนั้นก็ใจดี กวักมือเรียกทั้งสองถอดรองเท้า เข้าไปสักการะรูปปั้นภายใน
หลังจากขอบคุณสตรีคนนั้นแล้ว กระต่ายก็มุดออกมาจากวัดพร้อมกลิ่นกำยานคลุ้ง พร้อมกับอาการเริ่มงอแง "พี่เสือ หนูหิวแล้ว"
พี่ชายรีบพลิกหาที่กินโดยด่วน แล้วจูงมือน้องเข้าไปยัง Shop House อีกครั้ง เดินหลงสักสิบห้านาที พี่เสือก็พาน้องมายังร้านอาหารอินเดียชื่อดัง
'Banana Leaf Apolo'
พี่เสือไม่แน่ใจในรสชาตินัก เลยพยายามจิ้มเมนูที่คล้ายกับอาหารไทยที่สุด ไม่นาน แป้งทอดกรอบเหมือนข้าวเกรียบก็เสิร์ฟมาในตะกร้า พร้อมกับข้าวสวยสองที่ที่เสิร์ฟมาในใบตอง และแกงสีแดงจัดในถาดทรงกลมทำจากสแตนเลสขนาดเล็ก
"เอ่อ..." กระต่ายมองอาหารตรงหน้าสลับกับมองหน้าพี่ชาย "พี่เสือ... แล้วช้อนอ่ะ ?"
"เหมือนเค้าจะให้เปิบมือนะ" พี่เสือพลิกตำราไม่ทันเหมือนกัน
กระต่ายเลยเหลียวมองรอบๆ โต๊ะอื่นๆ ใช้มือเปิบข้าวกันอย่างช่ำชอง ไม่มีหกเลอะเทอะ กระต่ายเห็นแล้วทำหน้าแหย พี่เสือเองก็จนใจ จนเมื่อพนักงานเสิร์ฟเดินผ่านโต๊ะมา เด็กหนุ่มผิวเข้ม ผมหยิก ตาลึกจึงส่งช้อนให้
"แธ้งกิ้ว" กระต่ายตอบ เรียกรอยยิ้มน้อยๆ ได้
อาหารมื้อนั้นอร่อยกว่าที่คิด เห็นแกงสีแดงจัดก็จริง แต่กลับไม่เผ็ดนัก รสชาติคล้ายแกงเผ็ดที่เมืองไทย กระต่ายกินจนเกลี้ยงแล้วจึงชวนพี่เสือเดินเที่ยว พี่เสือเห็นว่าเริ่มบ่ายแล้ว เลยเรียกแท๊กซี่ไปลงย่าน Bugis
ย่านชอปปิ้ง Bugis Street ต้อนรับกระต่ายด้วยน้ำผลไม้ปั่นดับร้อน เดินกันจนเมื่อย ข้าวของก็ไม่ต่างจากประเทศไทยนัก ที่กระต่ายแตกตื่นที่สุดเห็นจะเป็นเซ็กส์ชอปที่เปิดไฟนีออนสว่างไสว
"พี่เสือ" กระต่ายร้องเสียงหลง พี่ชายชะโงกหน้ามาดูแล้วหัวเราะ
"เซ็กส์ชอปไง เข้าไปดูไหม ?"
น้องเล็กหน้าแดงเป็นมะเขือเทศ ส่ายหน้าแรงๆ แล้วรีบลากพี่ชายออกมาทันใด
เด็กๆ ฝากท้องมื้อบ่ายไว้ที่ร้านของปิ้งย่างสัญชาติญี่ปุ่น Tori-Q พร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ สองพี่น้องประคองถุงสีขาวลายลูกเจี๊ยบสีแดงไปนั่งในฟู๊ดคอร์ท ในห้าง Bugis Junction กระต่ายกินไปบ่นอุบอิบไป
"อร่อยนะ แต่แพงจังเลย" ไม้ละยี่สิบห้าบาทก็มี ห้าสิบบาทก็มี ให้นิดเดียวเอง
พี่เสือกินเงียบๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปซื้อขนมปังปิ้งทาสังขยามาให้น้อง กระต่ายหูตั้ง คว้าเข้าปากแล้วทำปากเบะ "ไม่อร่อยอ่ะ"
"ไหน ?" พี่เสือชิมบ้าง ก็ปกติ ขนมปังแข็งไปหน่อย เหนียวไปนิด สังขยาจืดๆ มีกลิ่นหน่อยๆ
"จืดจัง แต่ก็หอมสังขยาอยู่" กระต่ายบ่นไปกินไป สองพี่น้องพักขาสักครู่ แล้วจึงชวนกันกลับโรงแรม
บ่ายคล้อยแล้ว พี่เสือเช็คเอาท์ไว้ตั้งแต่เช้า กระต่ายช่วยพี่ชายยัดข้าวของในกระเป๋าจนเสร็จเรียบร้อย ทั้งคู่เลยตกลงกันว่าจะไปนั่งรอเช็คอินที่สนามบินก่อน พนักงานโรงแรมใจดีแนะนำให้ออกเดินทางตั้งแต่บ่ายเพราะช่วงเย็นรถจะติดมาก เด็กๆ อาจตกเครื่องได้ ทั้งคู่ขอบคุณพนักงานใจดีแล้วขึ้นแท๊กซี่ตรงไปยังสนามบิน
รถติดสมกับที่พนักงานโรงแรมเตือน พี่เสือถอนหายใจ เอนกายพิงพนัก ขณะที่กระต่ายมองนอกหน้าต่างอย่างอาวรณ์
สนุกไหม... สนุกอยู่หรอก แต่ก็คิดถึงคุณพ่อคุณแม่จัง
กระต่ายเห็นรถยนต์คันแล้วคันเล่าแล่นสวน พร้อมๆ กับความหนักที่ไหล่ เจ้าตัวเล็กหันกลับไปมอง...
...พี่ชายหลับสนิท อิงศีรษะกับไหล่บาง
กระต่ายอมยิ้ม ทุกครั้งจะเป็นกระต่ายที่พึ่งพาพี่เสือตลอด แต่อย่างน้อยๆ แค่ในประเทศเล็กๆ นี้ ให้คนตัวเล็กๆ อย่างกระต่ายเป็นที่พักให้พี่เสือหลับสบายอย่างน้อยจนกว่าจะไปถึงสนามบินเถอะนะ...
แค่สนามบินเท่านั้นแหละ...
...แหม ก็กระต่ายเช็คอินเป็นเสียที่ไหน!
เช็คอินแล้ว พี่เสือพาน้องเข้าไปในเกท กระต่ายยังซื้อขนมจุกจิกในเกทอีกเล็กน้อย ก่อนที่ทั้งสองคนจะหาอาหารเย็นกินกันเลย
"ลักซา!" กระต่ายวิ่งเข้าหาร้านขายอาหารสุดโปรด พี่เสือเดินตามไปจ่ายเงินให้ แล้วค่อยไปซื้ออาหารของตัวเอง
กินกันจนอิ่ม นั่งเล่นสักครู่ก็ได้เวลาไฟลต์ตัวเอง กระต่ายถูกพี่เสือจูงมือขึ้นเครื่อง
คนตัวเล็กนั่งติดกับพี่ชาย มือเล็กขาวนวลกรอกใบเข้าประเทศ แต่เจ้าตัวน่ะใจลอย พี่เสือเลยสะกิดเบาๆ
"คิดถึงเหรอ ?"
ฝาแฝด... มีบางอย่างที่เชื่อมถึงกัน สิ่งที่กระต่ายคิด พี่เสือย่อมรู้ดี กระต่ายไม่เคยรู้สึกดีใจขนาดนี้มาก่อนเลยที่มีฝาแฝด และเป็นครั้งแรกที่คนด้านข้างจะไม่ใช่ 'พี่ชาย' คนโต แต่เป็น 'ฝาแฝด' ที่มีความสัมพันธ์มากกว่าพี่น้องธรรมดา
"พี่เสือ พี่เสือจะจีบหนูเหรอ ?" กระต่ายเปลี่ยนเรื่อง ในเมื่อคนด้านข้างเป็น 'พี่ชาย' เป็น 'ฝาแฝด' เหตุใดเล่าจะเป็นมากกว่านั้นไม่ได้ ? กระต่ายกลั้นยิ้ม
พี่ชายเองดูประหลาดใจที่น้องพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน แต่กระนั้นเลย ด้วยนิสัยมั่นคงดุจหินผาทำให้เขาพยักหน้าตอบ "ครับ พี่จะให้กระต่ายเป็นแฟน"
"หนูไม่รู้ว่าแฟนคืออะไร ไม่รู้ว่าต้องมีความรู้สึกแบบไหน..." กระต่ายทอดสายตามองนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ามืดสนิท เครื่องบินเหมือนอยู่นิ่งๆ บนท้องทะเลอันเงียบสงบ มือน้อยละจากใบเข้าประเทศมาเกี่ยวมือใหญ่แน่น "แต่พี่เสือสอนหนูนะ... ค่อยๆ สอนหนู รักหนู..."
ดวงตาคมเบิกกว้าง กระชับอุ้งมือ "หมายความว่า..."
กระต่ายยิ้มกว้าง การผจญภัยครั้งนี้มอบประสบการณ์ให้อย่างที่คุณพ่อคุณแม่ว่า... กระต่ายพบกับผู้คนมากมาย พบกับโลกอีกใบหนึ่ง มันกว้างใหญ่... กว้างพอที่จะรองรับความสัมพันธ์แปลกประหลาดในอนาคตของกระต่ายและพี่เสือได้...
...กระต่ายมั่นใจ
น้องเล็กหัวเราะเบาๆ ตอบเสียงเบา "พี่เสือ... หนูอยากให้พี่เสือจีบ... จีบหนูให้ติดนะ"
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า... หากพี่เสืออยู่ใกล้ โลกกว้างก็พลันอบอุ่น
ไม่ว่าจะความสัมพันธ์รูปแบบใด ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงตัวตนและความรักของพี่เสือได้
กระต่ายสูดลมหายใจ
...กระต่ายจะซื่อตรง... กับความรู้สึกของตัวเอง และกับความรักของพี่เสือ
..............
// ขยันได้อีกกี่น้ำว้า...
3 ตอนตะลุยสิงคโปร์นี้ เขียนเพื่อเป็นรางวัลให้กับคุณ PaZz Napas Bureetes ที่ชนะในการเสนอชื่อเพลงประกวดในเฟสด้วยค่า
ดีใจมากค่ะ ในที่สุดก็เข็นเด็กๆ จบมอต้นแล้ว พาร์ทต่อไปมอปลายสินะ... นะ...นะ (ได้ยินเสียงวิญญาณล่องลอยจากที่ไหนซักที่)
เรืื่องถัดมา เรื่องสั้นส่วนใหญ่ที่เคยเขียนไปถูกลบแล้วนะคะ น่าจะมาจากระบบของเล้าเมื่อพักก่อน (ขอบคุณคนแจ้งข่าวด้วยนะคะ)
รวมเรื่องทั้งหมดที่เคยเขียนค่ะ
Tiger and Bunny - เรื่องยาวหนึ่งเดียว
นอกนั้นเป็นเรื่องสั้นนะคะ
Eternity : นิรันดร์ (ถูกลบ)
The moon and the wood cutter (ยังอยู่)
Mr. Summer Time (ถูกลบ)
Until death do us part (ถูกลบ แต่ในเฟสยังมีอยู่ค่ะ)
เรื่องสุดท้าย ขอบคุณคุณ Mintti'e Nichakarn ที่ช่วยทำสารบัญ ช่วยเช็คคำผิดมากเลยนะคะ

ทั้งๆ ที่เราไม่ค่อยเข้ามาเช็ค

จะพยายามแก้ให้ถูกต้องนะคะ บางทีเผลอพิมพ์ผิดจริงๆ แฮ่
ชี้แจงนิดนึงนะคะ คำว่า "แบบบาง" มีค่ะ แปลว่า
ADJ. delicate
def:[ที่มีรูปร่างเล็ก ไม่แข็งแรงบึกบึน]
syn:{อ้อนแอ้น}{เอวบางร่างน้อย}{บอบบาง}
ant:{อ้วน}{ท้วม}{บึกบึน}
sample:[ผู้หญิงมีลักษณะผิดกับผู้ชาย โดยมีรูปร่างแบบบาง กิริยาท่าทางก็ละไม น่ารักน่าเอ็นดู]
ADJ. delicate
def:[ที่ไม่หนาแน่นหรือไม่คงทนแข็งแรง]
syn:{บอบบาง}
sample:[ฉันไม่ชอบกรอบรูปที่แบบบางอย่างนี้เลย ดูมันไม่น่าจะทนสักเท่าไหร่]
http://th.w3dictionary.org/index.php?q=%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%87แจ้งข่าวนะคะ ตอนนี้เปิด ask.fm ให้เล่นแล้วค่ะ เข้าไปเล่นกันได้นะคะที่
http://ask.fm/AimerIsland ขอบคุณค่า