Existence : ผู้นำ & ธาม
-----------------
ตอนที่ 4 หลังจากอาการดีขึ้น ธามก็กลับมาดื้อกับเขาอีกหน ซึ่งผู้นำไม่รู้เหตุผลที่ทำให้น้องมีพฤติกรรมแบบนี้กับเขา กระนั้น เช้าวันนี้ผู้นำก็ยังคงไปปลุกน้องเหมือนทุกๆ วัน และธามก็ยังคงรั้นใส่เหมือนเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา
"ธามตื่นแล้วหรอ" ไม่แม้แต่จะกระพริบตาด้วยซ้ำ ไม่ชอบเขานักรึไง?
"ธามครับ ตื่นได้แล้ว" ไม่หือไม่อือ กระดกหัวยังไม่ทำ
"ตื่นแล้วลงไปทานข้าวเช้าให้เป็นเวลา เมื่อวานป้าจูบอกว่าจะทำต้มเค็มหมูให้ธาม แกบอกว่าคนไต้หวันชอบกินอาหารแบบตุ๋น แกว่านี่ก็ตุ๋นเหมือนกัน ไม่ทานแกจะเสียใจนะครับ" ได้ผลแฮะ ผู้นำอมยิ้มเมื่อเห็นเด็กชายธามขยับตัวออกจากผ้าห่ม เขาขมวดคิ้วใส่เมื่อเห็นเสื้อกล้ามย้วยๆ บางๆ ที่ธามใส่นอน
"ใส่เสื้อบางแบบนี้ได้ยังไง รู้ครับว่าขี้ร้อนแต่ธามเพิ่งหายไข้" เมื่อเขาว่า หมาธามก็โยนผ้าห่มใส่หน้าเขาทันควัน สิ่งที่น้องอยากบอกก็คือ ธามห่มผ้าห่มหนามากสินะ
"โอเค เดี๋ยวพี่แวะห้างซื้อชุดนอนให้ใหม่ เสื้อผ้าเราอีก มีแต่ผ้าบางๆ ประเทศไทยร้อนก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าควรใส่ผ้าเนื้อบางตลอดชีวิตนะครับ"
"………" มองเขานิ่งเชียว ผู้นำอดหวั่นไม่ได้ว่าจะไปสะกิดต่อมดื้อจนแสดงออกรุนแรงของธามเข้า
"แต่ธามชอบแบบนี้" โอเค เสียงไม่แหบแล้ว ท่าทางจะไม่ปวดหัว ไม่แสบคอแล้วด้วย ผู้นำพยักหน้าเข้าใจแล้วตามใจว่า "ครับ งั้นพี่นำจะหาซื้อแบบไม่บางแบบนี้ก็แล้วกัน"
เขาอดขำคนหุบหน้ากะทันหันไม่ได้ ก็มันตลกน่าเอ็นดูน้อยเสียที่ไหนไอ้อาการแบบที่ธามเพิ่งทำ
"ธามครับ ลงมาทานมื้อเช้าด้วยนะ กินยาให้หมดตามคำสั่งหมอด้วย" จะหมอไหน ก็หมอนำคนนี้แหล่ะ เสียงปึงปังมาจากห้องน้ำ วันนี้ฝาชักโครกคงเป็นผู้โชคดีได้รับรางวัลจากธามแน่ๆ
มื้อเช้าของเขาเงียบสงบเหมือนเดิม แม้จะชินมาตั้งแต่เล็กจนโตกับการทานมื้อเช้ากับพ่อบ้าง คนเดียวบ้าง แต่คนเดียวบ่อยกว่าหลายบ้าง แต่การมีธามมาทานมื้อเช้าด้วยกัน ก็ไม่ควรจะแสดงผลลัพธ์ออกมาว่า รอบตัวเขายังเงียบเหมือนเดิม
“อร่อยมั้ยครับ” ผู้นำถามแล้วพักช้อนรอคำตอบ แต่อีกฝ่ายแค่เงยหน้ามองเขาแล้วก็ก้มหน้าทานมื้อเช้าต่อ มีบางครั้งที่ธามหันมองป้าจูแล้วก็ยิ้มให้ จากนั้นก็ชี้นิ้วที่ต้มเค็มหมูแล้วทำภาษามือบอกว่า เยี่ยม
เขาเชื่อว่าธามเป็นเด็กดี อ่อนโยน แต่ที่ไม่แสดงออกอารมณ์หรือความรู้สึกสุนทรีย์ต่อโลกตามสมควร เขายังไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุผลใด
“ป้าจูครับ เย็นนี้จะทำอะไรให้คนโปรดของป้าทานครับ”
“ยังไม่รู้เลยค่ะคุณนำ”
“คุณธามอยากทานอะไรเป็นพิเศษคะ” พอถูกถามเข้า ธามก็ทำหน้ายุ่งๆ แล้วยักไหล่ ก่อนจะทานมื้อเช้าต่อไป เขาน่ะแปลความว่า อะไรก็ได้ แต่ไม่รู้ป้าจูจะเก็บไปคิดมากรึเปล่า
“ผมว่า ป้าจูทำตามที่ถนัดดีกว่าครับ”
“อื้อธาม เดี๋ยวออกไปข้างนอกกับพี่นำนะ”
“ทำไมต้องไป”
“จะพาไปซื้อของใช้ส่วนตัว แล้วก็พาไปเลือกของแต่งบ้าน ไม่อยากไปอยู่บ้านธามหรอครับ บ้านเล็กน่ะ”
“อยากให้อยู่ไหนก็อยู่ wherever”
“พี่นำกำลังทำให้ธามชอบที่นี่ มีที่ทางส่วนตัว มีความรู้สึกเป็นเจ้าของ มีส่วนร่วม ไม่ได้ต้องการแบ่งแยกธามออกไปอยู่ที่อื่น”
“เข้าใจมั้ยครับ”
“อือ”
“เข้าใจว่า”
“ก็มันยาว พูดตามไม่ไหว รู้แล้วนั่นแหล่ะ” จี้นิดจี้หน่อยก็เถียง ลูกหมาชัดๆ ผู้นำดื่มน้ำจนฉ่ำท้อง เขารอให้น้องทานอิ่มเสียก่อนจึงลุกจากโต๊ะอาหาร ธามเดินตามเขามาห่างๆ เพื่อรอให้เขาพาไปยังที่ที่เขาบอก จะว่าไป ธามก็ว่าง่ายเหมือนกัน ตอนเด็กก็เชื่อพี่นำทุกอย่างแบบนี้แหล่ะ
“แล้วอยากได้อะไรก็บอกพี่นำเลยนะ นานๆ จะมีเวลาว่างทั้งวันแบบนี้ วันอื่นจะไม่ว่างดูแลธามแล้วนะครับ”
“ไม่ขอ จำได้นะ” อ่อ คงหมายถึงจำได้ว่าไม่เคยขอให้ดูแล โธ่เอ้ย เด็ก!
“ป่วยไปหลายวัน ไปเปิดหูเปิดตาบ้างก็ดี ตั้งแต่มาที่นี่ธามยังไม่ได้ออกไปไหนเลยนี่ครับ”
“แล้วอยากไปไหนเป็นพิเศษรึเปล่า”
“ไม่ใช่” ไม่มีต่างหากครับธาม ผู้นำค้านในใจ เขาอมยิ้มมองน้องชายกอดอกเงยหน้าเชิดๆ มองไปทางอื่นที่ไม่มีหน้าเขาลอยขวาง เห็นแล้วอยากดีดลูกตาจริงๆ
“อ่อ! รอพี่นำแป๊บนึงนะ หรือเราอยากจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อออกไปข้างนอกก็ได้ พ่อให้พี่จัดการให้ พี่ก็มัวแต่ทำงาน กลับมาธามก็ไม่พูดด้วย เกือบลืม”
“อะไร เอาใหม่”
“เห็นของเลยดีกว่า” ผู้นำบอกแล้วเดินกลับขึ้นห้องส่วนตัวอีกครั้ง เขามีบัตรเครดิตต้องให้น้องไว้ แม้จะเป็นชื่อเขา แต่ก็อยากให้ธามรับไว้ และแม้จะยังไม่รู้ว่าธามอยู่กรุงเทพได้นานแค่ไหน จะตลอดไปได้รึเปล่า เขาก็อยากดูแล
บัตรเงินก็พอล่ะมั้ง เด็กน้อยตัวเท่านั้นจะอยากได้อะไรนักหนา ท่าทางจะหยิ่งไม่รับอะไรจากใครง่ายๆ ซะด้วย
และก็เป็นดังที่คาด ทันที่ยื่นให้ ธามก็ริบมือตัวเองไปไพล่หลังไว้ทันที ตาดำกลมๆ มองเขาดุ แล้วก็หันหนีไปอีกทาง
“มันจำเป็น อยู่นี่ก็ต้องใช้เงิน”
“มี”
“มีก็เก็บไว้ ธามต้องอยู่อีกนาน ถือว่าพี่ต้อนรับ นะครับ”
“ธามมีเงิน”
“ก็เก็บไว้ไง ใช้ของพี่”
“ไม่”
“ธามครับ พี่นำขอร้อง”
“ธามไม่ดูดเลือดดูดเงินใครหรอก ธามไม่ใช่ นำไม่รู้ นำอย่ายุ่ง อย่าทำแบบนี้” ทำอะไรล่ะ? เขาแค่ดูแลนิดหน่อยเองนะ ผู้นำถอนหายใจแล้วยื้อแขนน้องไว้ จับให้แบมือแล้วยัดบัตรเครดิตอย่างบังคับห้ามคืน
“เก็บไว้ ไม่ใช้ก็ไม่ใช้ แค่ธามเก็บไว้ พี่ก็สบายใจแล้ว นะครับ”
“ทำเพื่อพี่นำได้มั้ยครับ เด็กดี”
“............” กัดปาก ไม่เถียงแต่ก็ไม่หือไม่อือด้วย เขาพยักหน้าพอใจเมื่อธามเก็บบัตรเครดิตใส่กระเป๋าสตางค์ตัวเอง เมื่อจัดการเรื่องนึงได้แล้ว ผู้นำก็จูงมือน้องชายมาหน้าบ้านทันที
“ไม่จับ โตแล้ว”
“ก็เด็กกว่าพี่นำร่วม 10 ปีอยู่ดี” ผู้นำหันไปย้ำจุดยืน เขารอให้ลุงเผือกนำรถมาให้ เมื่อพร้อมแล้วก็ขับรถพาน้องไปเปิดหูเปิดตาทันที
เด็กชายธามไม่ค่อยตื่นสถานที่เท่าไหร่เลย แค่เดินชิดตัวเขาเท่านั้นเอง ความใหญ่โตตั้งแต่ชื่อห้างนี้คงขู่ธามได้ดีทีเดียว ผู้นำหันมองคนที่ก้าวขาไปข้างหน้าตามเขา แต่สายตาเหลียวมองรอบตัวทั่วทิศแล้วก็อดขำเอ็นดูไม่ได้ นี่ธามอายุเท่าไหร่กันแน่ ทำไมท่าทางถึงได้เหมือนเด็กไม่ประสานัก
“นำ หิวน้ำ”
“ไปซื้อสิ พี่นำรอตรงนี้” เขาบอกแล้วปักหลักยืนมองธามที่มองเขาด้วยแววตาขอร้อง คงไม่กล้าเดินไปไหนล่ะสิ คงจะสารพัดกลัว แต่ที่น่าจะกลัวมากๆ ก็คือ กลัวพูดกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง
จริงอยู่ที่เคยอยู่เมืองไทย แต่ช่วงวัยที่เรียนรู้โลกรอบตัวเป็นช่วงที่อยู่ไต้หวัน ใช้แต่ภาษาอังกฤษ น้าวีณาเลี้ยงดูมายังไงก็ไม่รู้ แต่เดาๆ ว่าน่าจะทำให้ทุกสิ่งอย่าง เพราะท่าทางธามก็ดูชินกับการที่มีคนอื่นมาบริการ
“ต้องพูดว่าอะไร”
“อยากดื่มน้ำอะไรล่ะครับ” เขาถามเพิ่มพลางเบี่ยงตามองร้านขายน้ำเล็กๆ ที่มาเช่าพื้นที่ห้างอยู่ น้องมองไปทางชานมไข่มุก สงสัยธามจะติดถึงไต้หวัน
“หือ?” พอถามน้ำเข้าหน่อยก็ขมวดคิ้วใส่ เด็กชายธามชี้นิ้วส่งๆ ตอบเขา ผู้นำจึงมองตามแล้วก็ถึงบางอ้อ
“ชาปั่น? ชาไทยน่ะครับ ไม่ใช่ชานมไข่มุกนะ”
“ไม่เอา เบื่อ เอานั่น”
“พูดดีๆ พูดให้รู้เรื่อง”
“ธามจะกินชาปั่น”
“อ่ะ” ผู้นำหยิบธนบัตรใบแดงให้แล้วก็พยักหน้าสั่ง
“ไปซื้อเองสิครับ”
“นำอ่ะ”
“นำ นำ นามมมม” อ้อนแล้วน่ารักชะมัดเลย ผู้นำหลุดหัวเราะไม่กี่คำก็ยอมเดินพาธามไปซื้อชาปั่นที่น้องอยากลองกินนักหนา พอได้ดั่งใจแล้วธามก็เงียบลง แต่ก็เดินเป็นผู้เป็นคนมากขึ้น มีคนเดินสวนมาก็ไม่สะดุ้ง ไม่เบียดเขาเหมือนตอนแรกๆ อยากรู้จริงๆ ว่าทำไมถึงได้มีท่าทางผวาคนแปลกหน้าแบบนี้ โดยเฉพาะคนรุ่นพ่อที่รูปร่างท้วมๆ
เขาพาน้องมาดูที่ห้องนอนจำลองก่อน ห้างนี้ดีที่มีอะไรให้เลือกหลากหลาย แต่ติดที่ว่า แต่ละแบบที่จัดวางไว้มันดูเกินความจำเป็น หรือไม่ก็ขาดอะไรไปซักอย่าง แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ธามชี้นิ้วมั่วๆ ท่าทางจะออกไปมาเป็นป่าดงดิบ เพราะแต่ละสิ่งที่ธามชี้มันไปกันคนละทิศละทางเลย
“แบบนี้ดีมั้ยครับ? ชอบรึเปล่า?” ในเมื่อปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่ เขาก็ต้องถามธามก่อนว่าชอบสไตล์ที่เขาต้องตาหรือไม่ ฝ่ายนี้ยืนมองนิ่งๆ แล้วก็พยักหน้าอนุมัติ แต่ก็ยังอุตส่าห์มีข้อแม้
“ไม่เอาผ้าม่านสีนี้ตรงหน้าต่างธามนะ”
“ไม่ชอบสีขาวหรอ?”
“ผีมันผ้าคลุมขาวๆ แบบนี้แหล่ะ ไม่เอา”
“ผีในละครในหนัง ผีอุดมคติ ธามจะกลัวทำไม เขาก็สร้างภาพจำลองขึ้นมาให้ธามจำติดหัวแล้วก็กลัวไม่เข้าเรื่องไปอย่างนั้นแหล่ะ”
“ก็กลัวนี่!”
“เลิกกลัวได้แล้วครับ”
“ธามไม่ใช่” เอะอะก็คำนี้ตลอด ผู้นำจับหัวอีกฝ่ายโคลงไปโคลงมาแต่ก็โดนปัดมือออกทันควัน ธามขยับตัวหนีไปราวก้าวกว่าๆ นี่ก็น่าสงสัย แต่ผู้นำยังไม่ถามอะไรให้มากความ เขาถามทวนว่ามีอะไรในห้องนอนจำลองนี้ที่ธามอยากได้และไม่อยากได้บ้าง จากนั้นก็เดินไปดูโซฟาสำหรับห้องรับแขก ของจำเป็นในห้องครัวนี่ไม่ต้องใส่ใจมากนักก็ได้เพราะยังไงก็มีป้าจูดูแลให้อยู่แล้ว เอาเฉพาะที่รองรับความต้องการของธามก่อนก็พอ พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าค่อยไปดูอีกที่หนึ่ง
จัดการบอกที่อยู่สำหรับการจัดส่งเรียบร้อยแล้ว เขาก็ถือโอกาสเลือกร้านอาหารสำหรับมื้อกลางวันที่ค่อนไปทางบ่ายมาก เด็กชายธามทำหน้าเซ็งใส่เขาเมื่อเขาชี้ที่ป้ายชื่อร้านพิซซ่า ผู้นำอดรู้สึกน้อยใจไม่ได้ ก็เขาอุตส่าห์เลือกโดยดูจากพื้นฐานอายุของธาม พิซซ่ากับเด็กผู้ชายเพิ่งพ้นวัยยี่สิบมายังไม่ถึงปี มันก็เข้ากันได้ดีไม่ใช่หรอ?
“แล้วธามอยากกินอะไร นี่ก็ไม่เอา นั่นก็ไม่อยาก”
“ส้มตำ” อ้าปากกว้างกว่านี้อีกนิดก็จะกลายเป็นส้วมตามอยู่แล้ว ผู้นำพรูลมหายใจแล้วหันซ้ายหันขวาหาเป้าหมาย เมื่อเจอก็ลากมือน้องไปทันที รอบนี้ธามไม่สะบัดหนี แต่กลับเร่งฝีเท้าไปที่เป้าหมายเร็วกว่าเขาเสียอีก ท่าทางจะหิวมากจริงๆ
ทั้งที่อยากกินแท้ๆ แต่ธามกลับดันเมนูอาหารมาตรงหน้าเขา ซ้ำยังชี้นิ้วให้พนักงานมารอออเดอร์จากเขาคนเดียวอีกต่างหาก
“ธามอยากทานอะไร”
“เหมือนนำ”
“พี่นำทานเผ็ดนะ”
“เผ็ดเหมือนได้”
“โอเค แล้วอย่าบ่นนะครับ” ผู้นำขู่ทับแล้วก็จัดการสั่งอาหารตามถนัดทันที ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่มีอะไรเผ็ดเกินไปสำหรับเด็กลิ้นอ่อนหัดอย่างเด็กชายธามหรอก
“น้ำเหลือง หวานๆ จะเอานั่น”
“น้ำเหลือง หวานๆ” ผู้นำทวนคำแล้วขมวดคิ้วเพราะงงกับคำสั่งของน้องชาย เขาจำต้องเปิดเมนูอีกรอบเพื่อหาคำตอบ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเงยหน้าสั่งน้ำเพิ่ม
“เก๊กฮวย 2 แก้วครับ”
“เอาล่ะธาม ระหว่างรออาหาร พี่นำมีเรื่องต้องบังคับธามแล้วนะครับ”
“อะไร?”
“ข้อแรก พี่นำเป็นพี่ ธามต้องเรียกว่าพี่นำ ไม่ใช่นำ”
“ข้อสอง พูดภาษาไทย ถูกผิดก็พูดมา จะได้สอนกันใหม่ได้ถูก ส่วนเรื่องอ่านออกเขียนได้ จะหาคนมาสอนให้เพิ่ม”
“ไม่เอา”
“พี่นำบอกแล้วไงครับ ว่าบังคับ” หน้าเป็นตูดเลย ตลกดีเหมือนกัน ธามกำลังจะอ้าปากเถียงน้ำเหลืองของธามก็มาจ่อตรงหน้าเสียก่อน เขาชิงดูดน้ำแล้วทำเสียงชื่นใจยั่วยวน และเด็กชายธามก็หลงกลพี่นำอีกตามเคย
อาหารที่สั่งทยอยร่อนลงตรงหน้าทีละอย่าง ธามมีท่าทางอยากกินทุกอย่าง แต่ทุกอย่างที่ธามกินจะต้องผ่านการกินจากเขาก่อน เรียกง่ายๆ ว่ากินเลียนแบบเขานั่นแหล่ะ ผู้นำขำนิดๆ เมื่อธามจ้วงส้มตำปูปลราร้าเข้าปากแล้วรีบแลบลิ้นบ้วน
“เค็มปิ๋ว”
“เค็มปี๋ พูดให้ถูก”
“เขียวปี๋ไม่ใช่หรอ ป้าวีณาชอบพูด”
“เขียวอี๋ต่างหาก”
“อี๋ก็ต้องสกปรก เขียวสกปรกหรอ” อาฮะ ปวดหัวกว่าที่คิดแฮะ ผู้นำไม่ถกต่อและดันแก้วน้ำสีเหลืองๆ ให้ธามดื่มล้างปาก เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้วก็บอกข้อมูล
“ที่เพิ่งกินนั่นส้มตำปลาร้า รสชาติจะเค็มหน่อย มันเหมือนเป็นเครื่องปรุงจากปลาหมักน่ะ”
“ไม่ชอบหรอ”
“เค็มปิ๋ว” เอ้า! ปิ๋วก็ปิ๋ว ผู้นำเลือกตักส้มตำไทยแล้วกินให้ดู เด็กชายธามเชื่อเขาอีกหน พอลองกินบ้างก็มีสีหน้าดีขึ้น น่าจะชอบรสหวาน พออาหารถูกปาก ธามก็อารมณ์ดีขึ้นแต่ก็ยังไม่เรียกเขาว่าพี่อยู่ดี กระนั้น ผู้นำก็ไม่รู้สึกโกรธ เพราะเวลาที่ธามเรียกเขาเพียงแค่ “นำ” ปากจะเม้มติดกัน และลักยิ้มก็จะโผล่ออกมา มันเป็นสิ่งที่เขาชอบมองที่สุดตั้งแต่ตอนเด็ก ไม่คิดเหมือนกันว่าโตขึ้นมาแล้วก็ยังชอบมองอยู่
พอท้องอิ่มก็สำแดงฤทธิ์เดช เด็กก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ ก่อนหน้าจะเจอกันอีกหน เขาคิดมาตลอดว่าน้องธามของพี่นำอายุราว 23-24 ปี แท้จริงยังไม่ครบ 21 ดีเลย พอรู้ข้อมูลที่แท้จริงจากพ่อแล้ว เขายอมรับว่าคิดไม่ออกว่าจะปรับตัวเข้าหาน้อง หรือทำตัวให้น้องอยากเข้าหาได้ยังไง ก็อายุห่างกันร่วม 10 ปี
“นำ นำ”
“Ice cream” กินอีกแล้ว! เด็กกำลังโตจริงๆ ผู้นำหันมองป้ายหน้าร้านไอศกรีมชื่อดังของประเทศ เขาจำใจพยักหน้าพาธามเลี้ยวเข้าร้านไอศกรีมแต่โดยดี
เย็นแล้วแต่เด็กชายธามยังมีพลังงานเหลือเฟือ แต่ตัวเขาเริ่มรู้สึกเพลียๆ แล้ว หรือว่าจะแก่แล้วเหมือนที่ไอ้มือโปรชอบนิยามแกงค์ตัวเองจริงๆ
เขาดึงตัวเองมาสนใจคนตรงหน้าอีกรอบ ธามกินไอศกรีมด้วยสีหน้าชอบสุดๆ เห็นแล้วผ่อนคลายไปด้วย จากที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่เช้ายันเย็นวันนี้ เขาคิดว่าเขาดูแลธามได้ดีไม่แพ้ใคร ถ้าน้องจะเปิดใจให้เขาดูแลล่ะนะ
“ธามครับ”
“อะไร?”
“เวลาพี่นำเรียก ธามควรตอบว่าครับนะ”
“ครับนะ”
“อย่ายียวนพี่นำสิครับ”
“ครับ” เด็กดีแล้วหรอ? จะดีได้กี่นาทีกัน
“โอเค” ผู้นำพูดต่อ เขารอให้ธามเช็ดปาก ดื่มน้ำเรียบร้อยแล้วจึงถามสิ่งที่สงสัย
“ทำไมธามถึงไม่น่ารักกับพี่นำเหมือนเดิม ไม่เป็นเด็กดีกับพี่เลย ธามดื้อกับพี่นำมากนะ”
“...........”
“เพราะอะไรครับ”
“พูดได้หรอ?”
“ได้สิ พี่นำรอฟัง”
“ธามไม่อยากอยากอยู่กับนำ”ธามไม่อยากอยากอยู่กับนำไม่รู้ว่าพี่นำจะเข้าใจมั้ย แต่ธามบอกได้ตรงที่สุดเท่านี้แหล่ะ
ธามมองสีหน้าพี่นำแล้วก็ก้มหน้าเล็มไอศกรีมที่หมดก้นถ้วนแล้ว รสหวานของมันจางไปมาก แต่ธามก็ยังอยากกินอีก สั่งเองเลยดีมั้ยหรือว่าจะให้พี่นำสั่งให้ดี แต่ธามก็โตแล้ว ควรทำทุกอย่างเองได้แล้ว
“เอ่อ...โทษนะน้อง”
“พี่เอาอีกอันนึง” น่าจะใช่ คุ้นๆ ว่าเวลาป้าวีณาเรียกพนักงานในร้านอาหารไทย ก็เรียกแบบนี้แหล่ะ
“รับอะไรเพิ่มครับ” พนักงานถามเขา ธามจึงยักไหล่แล้วทวนซ้ำ
“พี่เอานี่อีกอัน”
“พี่? ผมว่าผมเป็นพ่อคุณได้เลยนะ”
“เอ่อ!!” จู่ๆ พี่นำก็แทรกขึ้น ซ้ำยังลุกขึ้นยืนแล้วดันตัวพนักงานให้ห่างจากเขาออกไปนิดหน่อย
“คือ...น้องผมพูดไทยไม่คล่องครับ อย่าถือสาเลยนะครับ”
“ขอโทษแทนด้วยจริงๆ”
“ธาม ขอโทษสิครับ”
“หือ?” ขอโทษเรื่องอะไร ธามทำอะไรผิดล่ะ ใครๆ ก็เรียกพนักงานในร้านอาหารว่าน้องกันทั้งนั้น เรียกเพื่อความคุ้นเคยกันไง ธามขมวดคิ้วใส่แล้วเก็บปากเก็บคำเงียบ
“ธามครับ ขอโทษพี่เขาซะ”
“อ้าว พี่หรอ?”
“ก็อยู่ในร้านไม่เป็นน้องก็ได้หรอ?”
“ธามครับ พี่นำบอกให้ขอโทษพี่เขาก่อนไง”
“โอเค โอเค ขอโทษครับ” ธามว่าง่ายก็ได้เหมือนกัน พนักงานเดินหนีหน้าไปแล้ว ธามเองก็หมดอารมณ์กินไอศกรีมอีกอันแล้วเหมือนกัน
พี่นำพาลุกไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ จากนั้นก็บอกแผนต่อไป ซึ่งก็ทำให้ธามอารมณ์ดีขึ้นอีกรอบ
“ไปหาซื้อเสื้อผ้าที่ห้างกัน ค่อยกลับ”
“ครับ” มากับพี่นำนี่สนุกดี ไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนไปกับพี่.... ธามถอนหายใจและสลัดคนที่ผุดขึ้นมาในหัวออกไป จากนั้นก็เดินตามเท้าพี่นำไปอย่างอารมณ์ดี
พี่นำชอบบังคับ ตอนเด็กก็บังคับให้กินผัก ดื่มนม เข้านอนให้ตรงเวลา ธามไม่ค่อยวิ่งเล่นหรือออกกำลังกาย ก็ชอบลากไปเล่นบาสเก็ตบอล โตมาก็ยังบังคับอยู่เหมือนเดิม
“ตัวนี้ดีกว่าครับ ผ้าดีกว่านะ ไม่บางเกินไปด้วย”
“กางเกงยีนส์นี่จำเป็นต้องขาดๆ ตรงหน้าขาด้วยหรอธาม หือ?”
“หมวกแบบนี้มันกัดแดดได้ซะที่ไหน ใส่เอาเท่แค่นั้นหรอ? เอาประโยชน์ด้วยสิ”
“รองเท้าหนังมันหนักนะ ผ้าใบเปรียวๆ คู่นี้ดีกว่านะ”
“ยีนส์รัดซะขนาดนี้ ธามแน่ใจนะว่าก้าวขาออก” และอื่นๆ อีกมากมาย ธามถอนหายใจทุกครั้งที่ของในมือถูกริบ และมีของที่ก็ดูดี แต่มันไม่ใข่แนวเขามาแทนที่ พี่นำจะทำเกินไปแล้วนะ
“ตัวนี้ด้วยครับ” แล้วความอดทนของธามก็จบสิ้น เขาผลักของทุกอย่างให้พี่ชายแล้วก็กอดอกขู่
“ไม่เอาอะไรแล้ว นำพูดมาก ไม่เอาสักอย่างที่ธามอยากได้”
“แต่งตัวนำหรอ แต่งตัวธามนะ เงินนำ โอเคใช่ แต่ตัวธามนะ!”
“งุดงิด”
“หงุดหงิดครับธาม”
“ครับ หงุดหงิด” พอได้แสดงอาการไม่พอใจออกมา ธามก็ค่อยรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย เขามองหน้าอีกฝ่ายและคิดไว้แล้วว่าคงถูกโกรธ โลกนี้ไม่มีคนที่แม้จะโดนตวาดหรือตะคอกก็ยังยิ้มได้หรอก
อ้าว แต่ทำไมพี่นำยังยิ้มได้อีก ไม่โกรธธามหรอ?
“แต่พี่ว่ามันเหมาะกับธามนะ โอเคมันไม่ใช่ที่ธามเลือกเอง แต่พี่ก็เลือกให้จากแนวๆ ที่ธามหยิบ เพียงแค่ใส่ความคิดเห็นพี่ลงไปนิดหน่อยเอง”
“เชื่อพี่นำนะ ธามใส่แบบที่พี่เลือกให้น่ะ ดูน่ารักแล้ว”
“หล่อต่างหาก แฮนซั่ม”
“ครับ เวรี่แฮนซั่มเลย” ธามจนใจในที่สุด เขายอมโกยเสื้อผ้าที่พี่นำเลือกให้มาแบกไว้แล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์ และก็เป็นพี่นำที่จ่ายเงิน ไม่รู้ว่าชั่วชีวิตนี้ธามจะหาเงินมาตอบแทนพี่นำได้มั้ย ไม่อยากรับไว้เลยจริงๆ ให้ตายเถอะ!
“อยากได้อะไรอีกมั้ยครับธาม” เขาหันมองหน้าคนที่เดินมาซ้อนไหล่ ธามขยับออกห่างนิดหน่อยแต่ก็ยอมให้พี่นำกอดคอพาเดิน พี่นำสูงมากเมื่อเดินใกล้กันแบบนี้ ธามสูงแก้มพี่นำเอง เมื่อก่อนอยากสูงให้ทันพี่นำ แต่วันนี้รู้แล้วว่าโตแค่ไหนก็ไม่เท่าพี่นำอยู่ดี
“หิวมั้ย ทานมื้อเย็นที่นี่ก็ได้มั้ง เอามั้ย”
“ไม่ ป้าจูคงรอ”
“รอเสียเปล่า ไม่ดี”
“โอเค งั้นกลับบ้านกันนะ” ธามถูกดึงให้เลี้ยวเดินไปอีกทางเพื่อไปยังลานจอดรถ และพวกเขาคงได้กลับบ้านแต่โดยดี หากไม่เจอคนคนนี้เสียก่อน
“ธาม...นั่นธามใช่มั้ย?”
“กลับมาเมื่อไหร่ ทำไมไม่บอก”
“หรือคิดจะหนี”
ถ้าคิดจะหนีจริง ชาตินี้ก็ไม่มีวันหากันเจอหรอก
“แล้วนี่มากับใคร”
“ใครครับธาม” ธามหันมองพี่นำที่โน้มตัวมาถาม ซ้ำยังเอาตัวมาบังธามไว้อีกต่างหาก เขาเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าเกาะกุมมือพี่นำไว้แน่นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ธามมองหน้าคนที่เจอโดยบังเอิญ แล้วก็บอกพี่นำเสียงแผ่ว
“พี่แซน another brother”
“the one I hate”
And you are the other one that I always…Cut

นี่ก็ปั่นกันมาสุดๆ แล้ว

ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
