Existence : ผู้นำ & ธาม
-----------------
ตอนที่ 10เตียงว่างเปล่า
ตื่นมาก็เจอแค่ตัวเองนอนก่ายหมอนข้างอยู่เท่านั้น ผู้นำพลิกตัวหวังจะหลับต่อ แต่ก็ยอมฝืนหนังตาเอาไว้และพยายามมองหาใครอีกคนที่น่าจะนอนอยู่ด้วยกัน
“ธาม...”
“ธามครับ” ไม่มีเสียงตอบ ตัวยุ่งไปไหนแต่เช้านะ
ผู้นำบิดขี้เกียจนิดหน่อยแล้วก็ยอมตื่นเต็มตัว เขาเดินลงมาชั้นล่างของบ้าน พร้อมกับเรียกหาน้องชายด้วยเสียงแหบ
“ธาม”
“ลูกหมาธามครับ ธาม”
“คุณธามไปวิ่งค่ะ”
“วิ่ง?” เขาล่ะแปลกใจกับสิ่งป้าจูบอกเหลือเกิน เด็กชายธาม นายธาม น้องธาม หมาธามนี่น่ะหรอไปวิ่งตอนเช้า และป้าจูคงเห็นสีหน้าเขางงเต็มที จึงได้บอกเพิ่ม
“ค่ะ ไปวิ่ง”
“บอกว่าเมื่อวานเดินทั้งวัน ทำงานต้องแข็งแรง เลยตื่นแต่เช้าแล้วก็ไปวิ่งค่ะ”
“แล้วไปวิ่งที่ไหนครับ แถวนี่ไม่ม่ฟิตเนส ถึงมี ธามก็ไม่รู้จักที่ทาง”
“เธอว่าจะวิ่งจากบ้านไปตลาดหน้าปากซอยน่ะค่ะ”
“ป้าเตือนให้ระวังรถราด้วย เธอก็ว่าเดี๋ยววิ่งขึ้นสะพานข้าม ไม่เจอรถ”
“อ่อ...คงไม่เป็นไรมั้งครับ ลุงเผือกคงดูแลได้”
“ตาเผือกเล็มต้นมะม่วงอยู่ค่ะ คุณหมอว่ามันบังหน้าวิวที่หน้าต่างแล้ว”
“งั้น ธามก็ไปวิ่งคนเดียวหรอครับ?”
“ค่ะ ไปคนเดียว”
ชิบหายมั้ยเนี่ย!ไปคนเดียว!
ทั้งที่อาจจะมีใครก็ไม่รู้ดักดูใครก็ไม่รู้มาอาทิตย์กว่าเนี่ยนะ!
โธ่เอ้ย! ธาม!
ผู้นำซอยเท้าวิ่งไปหน้าบ้าน คว้ารองเท้าแตะบางเฉียบมาสวยได้ก็โกยอ้าวออกไปจากบ้านไปทันที ยินเสียงป้าจูแว่วพูดอะไรมาซักอย่างแต่เขาไม่ทันได้หันไปฟังแล้ว เขาเป็นห่วงลูกหมาธามมากกว่า
ขอให้ไม่เป็นอะไรทีเถอะ!
7 โมงเช้าแถวนี้ก็เรียกว่าสายแล้ว รถราเริ่มวิ่งกันผลักพล่าน ผู้นำพยายามมองหาคนที่หัวคุ้นตา ใบหน้าคุ้นตา ผิวคุ้นตา แต่ก็ไม่เจอใครคนที่ตามหาอยู่ เขาวิ่งไปร้อนใจไป นึกเป็นห่วงไปสารพัดสิ่งเท่าที่หัวจะนึกได้
วิ่งมาจนเกือบปากซอยแล้วก็ยังไม่เจอ ธามไม่น่าจะวิ่งไปทางที่มันวกวนนัก เคยบ่นบ่อยๆ ว่าถนนของบ้านมันวกเวียนวน ธามจำไม่ได้ซักทีว่าเข้าทางนี้แล้วออกทางไหน
“เอ่อ! พี่ครับ!” เขาขวางมอเตอร์ไซค์รับจ้างเอาไว้แล้วถามนำร่อง
“ขับออกจากทางไหนครับ”
“สุทธิสาร น้องมีไรเนี่ย”
“คือ พี่เห็นเด็กวัยรุ่น แต่ไม่เด็กมากนะครับ”
“มาวิ่งด้วยชุดนอนน่ะครับ เห็นบ้างมั้ย?”
“โอ้ย! ไม่ได้มองหรอก”
“เรียกนี่จะไปรึเปล่า ไปก็ขึ้นมา”
“เอ่อ...ไปครับ ไป”
“ย้อนไปทางสุทธิสารครับ” ผู้นำตัดสินใจเลือกเส้นทางในการหาตัวธามแล้วก็กระโดดคร่อมมอเตอร์ไซค์ทันที คอเขารู้สึกเคล็ดขึ้นทีละเล็ก ทุกครั้งที่ต้องหันไปหันมาเพื่อหาว่าหัวที่คุ้ยเคย แต่ก็ไร้วี่แวว จนเขาโผล่ออกมาทางที่หมายที่ต้องการแล้ว เขาก็ยังหาธามไม่เจอ
“ไปไหนของเขา”
“คงไม่เกิดเรื่องขึ้นหรอกนะ!”
“อ้าวเฮ้ย! คุณ! คุ้นนนนนน!!” เสียงเรียกรั้งทำให้เขาชะงักฝีเท้า เมื่อหันกลับไปมองจึงเห็นมอเตอร์ไซค์คันเดิมตามมาไม่ห่าง
“อะไรครับ”
“ค่ารถล่ะคุณ”
“อ้อ!”
“เอ่อ” ไงดีล่ะ ไม่มีเงินติดตัวสักบาท เขายิ้มแหยแล้วเม้มปากระดมความคิดและก็ได้ทางออกที่คิดว่าคงดีที่สุดแล้ว
“ผมไม่มีเงิน”
“แต่ว่า!” เขารีบพูดต่อเมื่อคนขับถอดหมวกกันน็อคออกด้วยท่าทางขึงขัง
“แต่ว่าต้องกลับไปเอาเงินที่บ้านน่ะครับ ในซอยที่เราเจอกันนั่นแหล่ะ”
“เอางี้ พี่ไปกับผมนะครับ ไปเรื่อยๆ”
“เจอน้องชายเมื่อไหร่ผมจะจ่ายเงิน”
“โหยคุณ เสียเวลาผมนะ”
“งั้นผมเหมาพี่ได้ไหมครับ” ผู้นำพยายามต่อรอง แอบเห็นพลขับใจร้อนครุ่นคิด เขาเลยเสนอต่อ
“เท่าไหร่พี่คิดมาเลยครับ น้องผมก็มาเดินเล่น อีกเดี๋ยวคงเจอ” ดูเหมือนวิธีการของเขาจะได้ผล เพราะเมื่อเขายิ้มให้อีกครั้ง คนขับก็ชูมือชันในอากาศ พร้อมกางนิ้วทั้งห้าโดยเว้นระยะห่างเท่ากันเป๊ะ
“50 บาทหรอครับ” ผู้นำถามหน้าซื่อ แล้วก็โดนหน้ายักษ์โยนใส่ พร้อมเสียงตะโกนใส่ว่า “500 ขาดตัว ต่ออีกมีตบกันเลยนะคุณ”
อูยยยย ใครจะไปคิดว่าค่าโดยสารมอเตอร์ไซค์จะเป็นเลขสามหลัก
เขาพยักหน้าอย่างจนใจ จากนั้นก็คร่อมมอเตอร์ไซค์อีกรอบแล้วบอกให้พาลัดเลาไปซอยนั้นนี่เผื่อว่าจะเจอธามบ้าง จนล่วงมาถึง 9 โมงปริ่ม ผู้นำก้มหน้าที่เพลียแดดเต็มทีมองพื้นปู ความร้อนระอุปลิวตามแรงลมที่โชยยามรถแล่นผ่านหน้าถนนมาปะทะผิวหน้าเขาจนรู้สึกวูบวาบ
ผู้นำทางของเขาบิดเครื่องรอให้เขาคร่อมเบาะและบอกที่หมายปลายทางต่อไป แต่เขานึกไม่ออกแล้วว่าจะไปทางไหนดีเพื่อให้เจอธาม
สุดท้ายก็ตัดสินใจไปตั้งหลักที่บ้าน
“กลับไปวินพี่ครับ”
“อ้าว! นี่คุณนั่งรถเล่นหรอ? ทีหลังขับเองสิคุณ คันไม่กี่ตังค์ แต่เสื้อวินแพง”
“ครับ กลับเถอะครับพี่” เขาบอกเสียงเอือมและขึ้นคร่อมรถอย่างท้อแท้ หน้าเขาคงไม่สบอารมณ์มากๆ พี่คนขับถึงได้ขับนิ่มกว่ารอบที่พามา
ไม่ช้าก็ถึงหน้าบ้าน และกลุ่มคน 2-3 คนหน้าบ้านก็ทำให้เขาแทบกระโจนตกจากมอเตอร์ไซค์
“ธาม!”
“เฮ้ย! ทำอะไรน้องกู!” เขาวิ่งเร็วจี๋จนเกือบเสียหลักล้ม แต่ก็ยังสามารถพุ่งตัวไปหาธามได้ น้องถูกจับหัวไหล่เอาไว้ ผู้นำตรงเข้ากระชากมือคนคนนั้นออกแล้วผลักตัวเขาคนนั้นให้ห่างจากธาม แล้วถึงธามมาหลบหลังตัวเอง
เขาชี้มือกราดใส่หน้าคนแปลกหน้า 2 คนนี้ ฝั่งนั้นก็มองหน้าเขาตื่นๆ เหมือนกัน แต่ความโหดบนใบหน้ามีมากกว่า
“พวกคุณเป็นใคร! หรือใครส่งมา!”
“คุณนั่นแหล่ะเป็นใคร แล้วทำร้ายเจ้าหน้าที่แบบนี้ รู้กฎหมายบ้างมั้ย”
“.............” ผู้นำตีหน้านิ่ง เขาหันมองธามจึงเห็นว่าสภาพเรียบร้อยดี แม้จะกังขาเหลือเกินกับชุดที่ใส่ออกไปวิ่งตามคำบอกกล่าวของป้าจู แต่ก็นับเป็นสภาพที่ไม่น่าตกใจ จากนั้นผู้นำก็มองคนตรงหน้าอีกรอบ
“เจ้าหน้าที่...หรอครับ?”
“ใช่ พวกผมเป็นตำรวจ”
“ไอ้หนุ่มนี้หลงทาง เลยมาขอให้พากลับบ้าน”
“ให้เหรียญ 10 มา ก็เลยหยอดตู้โทรถามที่อยู่ แล้วก็พามาส่งนี่แหล่ะ”
โธ่! ธาม...
ผู้นำถอนหายใจจนเข่าแทบทรุด เขาหันมองหน้าน้อง เห็นสีหน้าสลดก็ดุไม่ลง เลยต้องหันมายกมือไหว้ขอโทษคนที่บอกว่าตัวเองเป็นตำรวจเสียก่อน และฝ่ายนั้นคงกลัวเขาไม่เชื่อถือ ถึงได้ควักบัตรประจำตัวมาอวดกันชนิดที่แทบชนลูกตา
“ผมขอโทษจริงๆ นะครับ”
“พอดี น้องผมหายไปจากบ้านผมเลยตามหา แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เลยเป็นห่วงหนักไปหน่อย”
“ไม่หนักหน่อยหรอกครับ หนักมาก” ถูกแซวด้วยแฮะ ผู้นำได้แต่คิดในใจและแอบขำ เขายกมือไหว้อีกรอบ แล้วจับให้ธามไว้พร้อมพูดขอบคุณด้วย เมื่อคุณตำรวจขับมอเตอร์ไซค์จากไปแล้ว เขาก็หันมองตัวยุ่ง
“นำ โกรธนะ”
“โกรธนะอะไร! ทำอะไรไปรู้ตัวรึเปล่า”
“รู้สิ รู้ว่าหลงไง ก็เลยให้เขาช่วยพามาที จูนี่เก่งนะ รู้ด้วยว่าธามหลง บอกทางเก่งมาก”
“ก็ป้าจูเขาอยู่ที่นี่สิบกว่าปี ไม่รู้ได้ยังไง เรานั่นแหล่ะ ทำอะไรไม่รู้จักคิด!”
“ธามคิดสิ ธามอยากออกกำลังกาย เดินตามโป๊ะเมื่อยมากนะ”
“พี่นำถามว่า คิดบ้างมั้ยว่าจะอันตรายรึเปล่า?”
“ธามไม่รู้ทาง ไม่เคยไปข้างนอกคนเดียว แล้วไหนจะ...” เขาชะงักปากตัวเองไว้เพื่อกั้นความคิด ผู้นำถอนหายใจอีกหนแล้วก็ผลักประตูรัวบ้าน
“เข้าบ้านเถอะครับ” สิ้นคำ ธามก็เดินจิ้มเท้าเข้าบ้านไป นี่เขายังไม่เข้าใจเลยว่าธามแต่งตัวอะไรไปวิ่งออกกำลังกาย กางเกงยีนส์ขาดๆ เสื้อกล้ามสีน้ำเงินเข้ม หมวกแก๊ป และรองเท้าแตะ!
“เฮ้อออออ” เขาลากเสียงถอนหายใจยาวเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่ได้นับ แต่รู้สึกได้ว่าตัวเหี่ยวลงมาก เขาจะคิดซะว่าเขาเพลียแดด และหิวข้าวมากก็แล้วกัน
กำลังก้าวเท้าขวาเข้าบ้าน ผู้นำก็ถูกกระตุกเสื้ออย่างแรง
“ไอ้น้อง บ้านก็ใหญ่โต ไม่จ่ายค่ารถพี่เรอะ!”
“โอ่ะ!”
“รอตรงนี้แป๊บนึงนะครับ เดี๋ยวผมไปไถแม่มาให้ แม่เป็นแม่บ้านอยู่ที่นี่แหล่ะพี่”
“เออๆ ไถแม่หรอ”
“งั้นพี่เอา 250 สูงอายุลดกึ่งนึง” ใจดีเสียด้วย ผู้นำอมยิ้มนิดๆ แล้วก็วิ่งหน้าเริ่ดเข้าบ้าน ตัวยุ่งยืนรอเขาอยู่ที่ห้องรับแขกแต่เขาไม่มีอารมณ์ทำความเข้าใจ หรือยอมรับการกระทำของเด็กอย่างธามในตอนนี้ เขาไม่อยากสื่อสารด้วยความโมโห
ว่าแต่ว่า เขาโมโหอะไรนะ? -----------------นำมาส่ง แล้วนำก็ไป
ระหว่างทางไม่พูดอะไรสักคำ
ธามทำอะไรผิดหรอ? ที่ไปวิ่งออกกำลังการนี่ผิดมากหรอ? อะไรกัน ไม่เห็นเข้าใจเลย!
“เอ้า! ไอ้ยุ่ง หน้ามุ่ยอะไร มานี่มานี่ ช่วยพี่หน่อย”
“บอกตรงนี้ไม่ได้หรอพี่โป๊ะ”
“ยุ่ง บอกให้มาก็มาดิ เร็ว!” คนแก่นี่ชอบสั่งและไม่ชอบบอกเหตุผลเหมือนกันหมดทุกคนสินะ ธามไม่เข้าใจเลยจริงๆ ธามเดินตามนายมือโปรเข้าห้องทำงาน พอไปถึงก็หน้าหงายเพราะเจอใครก็ไม่รู้จ่อกล้องเข้าที่หน้าพอดี
“คนนี้หรอ? เด็กตี๋ที่ไหน”
“บอกแล้วไงว่าอยากได้คนเป็น”
“แล้วคณเห็นเด็กนี่เป็นคนตายรึไง โว๊ะ! จับดูดิ หายใจอยู่นะ”
“ธาม ทักพี่โอมสิ”
“ไฮ” ธามพูดสั้นๆ แล้วโบกมือให้ 1 ที คนที่ชื่อพี่โอมขมวดคิ้วใส่แล้วก็เดินออกไปจากห้อง ก่อนเสียงประตูดัง มาคำตอบแทรกมาก่อนว่า “ไม่เอา”
“แม่งเอ้ย! เอาแต่ใจชิบหาย” พี่โป๊ะบ่นๆ ใส่ประตูที่ปิดลงไปแล้ว จากนั้นก็เดินมากอดๆ ธามแล้วปลอบว่า “ไม่เป็นไรนะไอ้ยุ่ง เดี๋ยวพี่โป๊ะหาจ๊อบให้ใหม่”
“จ๊อบ...งาน!”
“ได้เงินมั้ยพี่โป๊ะ ธามทำได้”
“เออ เออ รู้ว่าไม่ได้ง่อย แต่โอมเขาไม่เอาธามนี่”
“เอาทำอะไร”
“ถ่ายภาพนิ่ง พี่โอมเขาทำโปรเจคละครเวทีอยู่”
“จ๊อบเขาเหมือนกัน”
“งานประจำเขาก็อยู่ผับไม่ไกลจากนี่หรอก”
“ไปป่ะ?”
“ธามไปได้หรอ”
“นำไม่เคยบอกว่าได้”
“โอ้ยยยย ปล่อยไอ้นำมันบวชแห้งไปเถอะ”
“อยากไปมั้ยล่ะ พี่โป๊ะพาไปเอง”
“..............” ธามก็อยากเปิดหูเปิดตาเหมือนกัน แต่ไม่รู้พี่นำจะอนุญาตรึเปล่า แต่คิดอีกที ธามก็โตแล้ว แต่คิดอีกทีและอีกที พี่นำก็เพิ่งพูดเองว่านำเป็นผู้ปกครอง
“งั้น พี่โป๊ะขออนุญาตนำให้ธามนะ”
“ดีล! เดี๋ยวพี่โป๊ะจัดการเอง ไอ้ยุ่ง” รับปากแล้วก็โทรหาคนที่ชื่อว่าพี่โอม ธามเห็นว่าพี่โป๊ะหมดธุระแล้วเลยเดินออกมาถามหางานทำจากพี่แนน รายนี้ก็ไม่มีอะไรให้ธามมากนัก นอกจาก...
“น้องธามขา....”
“หมอนำชอบทานอะไรคะ แล้ววันนี้หมอนำมารับน้องธามรึเปล่าคะ มากี่โมงคะเนี่ย”
“แล้ว แล้ว วันนี้หมอนำใส่แว่นหรือคอนเทคเลนส์คะ”
“น้องธาม น้องธามบอกพี่แนนทีสิคะ พี่เครซี่หมอนำมากๆๆๆๆ อยากรู้ท่านอนด้วยค่ะ”
“ธาม ไม่ รู้” ธามเน้นเสียงแล้วพองแก้ม เขากลับไปนั่งโต๊ะหน้าห้องของพี่โป๊ะแล้วก็เปิดคอมพิวเตอร์ เล่นเกมส์ ดูนั่นดู นี่ อ้อ! ธามไปคุยออนไลน์กับเพื่อนที่ไต้หวันด้วย ดูเหมือนทุกๆ คนก็เริ่มทำงานกันแล้ว ระหว่างรอเก็บหน่วยกิตที่เหลือแค่ 2 วิชา มิเชลนี่ทำให้อารมณ์ดีสุด แต่เจอรี่ก็ทำให้ธามอารมณ์เสียตามเคย ด้วยการบอกว่า “ไอชอบมิเชล บอกยูแล้วไง” ธามก็ไม่ได้ชอบมิเชลซักหน่อย เฮอะ!
“ธาม! กินข้าวกัน”
“ก๊วยจั๊บหน้าซอย 8 อรอ่ยมาก”
“แนนจ๋า ไปกินกลางวันกับพี่มั้ย?”
“ไม่ดีกว่าค่ะพี่โป๊ะ แนนจะเก็บความสดสวยของหน้าไว้รอหมอนำตอนเย็น”
“บ้า ผู้ ชาย นะคะ น้องแนน” ฟังคำพี่โป๊ะว่าพี่แนนแล้วธามอดขำไม่ได้ เขาหัวเราะนิดหน่อยแล้วหันมองหน้าพี่แนน ดูเหมือนจะไม่โกรธพี่โป๊ะเอาเสียเลย ดีจังแฮะ
“พี่แนนเอาขนมมั้ย ธามจะซื้อฝาก”
“โถ น้องธามของพี่”
“ขอพายอะไรก็ได้ ไม่มีก็ไม่เอา กับคาปูเย็นชื่นใจ ได้มั้ยคะ”
“ได้” ธามรับคำแล้วยิ้มให้ แต่สุดท้ายก็หน้าหุบเพราะพี่แนนพูดต่อว่า “ธามจ๋า หมอนำชอบดื่มกาแฟแบบไหนจ๊ะ?”
ไม่คุยด้วยแล้ว หวง!
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อพี่โป๊ะให้ธามหาข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์แสงสีเสียงจากประเทศสิงคโปร์ ธามเลยจมอยู่หน้าคอมไปอีกค่อนวันเพราะเจอข้อมูลที่พี่โป๊ะสนใจ เลยสั่งให้หานั่นหานี่เพิ่มจนแทบไม่ได้ลุกไปเข้าห้องน้ำ จนเย็นนั่นแหล่ะ ธามถึงได้รู้ตัว
“ไอ้ยุ่ง วันนี้ขอบคุณมาก ช่วยพี่ได้เยอะเลย”
“คืนนี้เต็มที่เลยนะ”
“คืนนี้...” ธามทำท่านึกจนลักยิ้มโผล่
“อ้อ! นึกออก แต่ยังไม่ได้บอกนำเลย”
“ไม่เป็นไร ไปกับพี่ นำมันให้อยู่แล้ว”
“อ่ะ งานพักไว้ก่อน พรุ่งนี้หาต่อ พี่จะให้ธามติดต่อบริษัทที่นู่นนะ ถามเรื่องราคามาให้ดี แล้วหาเพิ่มที่ไต้หวันด้วย พวกผู้นำตลาดก็มีไม่กี่ราย ช่วยหน่อยนะ”
“อื้อ” สั่งยาวจัง เร็วด้วย รู้แต่ว่าต้องคุยๆ อืม...คงได้แหล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เข้าใจเอง ธามนั่งงึมงำ งึมงำๆ ไม่นานก็ถูกสะกิด พี่แนนมากระพริบตาถี่ๆ ใส่ ซึ่งมันหมายถึงอะไรธามก็ไม่เข้าใจผู้หญิงไทยนัก แต่แล้วเธอก็พูดสิ่งที่ทำให้ธามหน้าตูม
“หมอนำมารับกี่โมงจ๊ะ เด็กน้อย”
“.............”
“แหม แหม หวงพี่ชายหรอจ๊ะ”
“พี่แนนก็เป็นพี่สาวที่น่ารักน้า....อ่ะ! งั้น พรุ่งนี้พี่แนนซื้อขนมที่อร่อยที่สุดใน 3 โลกมาให้กิน”
“แลกกับเรื่องของหมอนำนิดๆ หน่อย”
ไม่ดีลหรอก! ธามซื้อขนมเองได้ บอกจูก็ได้ แล้วโลกก็มีอันเดียวด้วย!
ธามทำท่าปิดปากแล้วก็ก้มหน้า เพื่อบอกให้พี่แนนรู้ว่าธามไม่บอกหรอก พี่แนนเลยจับตัวธามเขย่าๆๆ แล้วก็โอบเบาๆ ทั้งที่ตัวสูงแค่ไหล่ธาม แล้วก็เดินหัวเราะไปกับพี่ๆ หลายคน
รอพี่โป๊ะอยู่แป๊บเดียวก็มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบคัพมายื่นให้ตรงหน้า อ้อ..พี่โป๊ะนั่นเอง
“รองท้องก่อน ซักทุ่มค่อยออกไปเนอะ”
“หรือว่าหิวหนัก เออ ไอ้นำมันกินข้าวตรงเวลานี่หว่า”
“งั้นกินแบบเลทๆ ซักมื้อนะธาม”
“อ่ะ เอาดิ”
“เดี๋ยวพี่โทรบอกมันก่อนว่าธามจะไปกินเหล้ากับพี่”
เฮ้ย! ธามไม่ได้อยากกินเหล้ากับพี่โป๊ะนะ ธามหน้าเหวอมองพี่โป๊ะกดโทรศัพท์แล้วยกแนบหู ครู่เดียวก็เปิดปากคุย
“นำ กูเอง”
“ครับ ครับ ผมเอง”
“คุณทานข้าวไปเลยนะ ไม่ต้องรอ”
“ผมจะพาธามไปเปิดหูเปิดตา เดี๋ยวไปส่งให้พี่บ้าน ดึกจัดจะให้ค้างกับผม”
“เท่านี้นะ”
“ปิดเครื่องแม่งเลย ห่านี่ขี้บ่น”
“สบายใจรึยังไอ้ยุ่ง”
พี่โป๊ะแหล่ะไอ้ยุ่ง! ธามรีบคว้าโทรศัพท์ คิดจะโทรหาพี่นำแล้วบอกเรื่องทั้งหมดใหม่จากปากตัวเอง แต่คิดอีกที ก็ช่างเถอะ ถ้าพี่นำจะไม่ให้ไป ก็คงโทรมาห้ามแล้วสั่งให้รออยู่ที่นี่เอง
ธามมองโทรศัพท์ที่หน้าจอดำสนิทอยู่ร่วมครึ่งชั่วโมง เขานอนตัวยาวบนโซฟาที่พี่โป๊ะบอกว่า “นี่ตัวโปรดพี่เลย ไม่รักไม่ให้แตะ ธามนอนรอแป๊บนึง เคลียร์งานก่อน” นอนอยู่ครึ่งชั่วโมง พี่นำก็ไม่โทรหา
พี่นำคงปล่อยธามแล้วมั้ง
แล้วทำไม...
ธามถึงต้องรู้สึกเศร้าแบบนี้
-----------------ถ้าที่หนึ่งไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วย เขาเชื่อว่าเขาคงไม่ได้นั่งงั่งอยู่แบบนี้หรอก
ผู้นำชกไหล่เพื่อนข้ามหัวเจมที่นั่งขวางอยู่อีกที เขาแบมือปาดหน้าเจมไปที่อกที่หนึ่งเพื่อทวงของคืน
“โทรศัพท์ผมล่ะ”“ใจเย็นรึยังล่ะ” ที่หนึ่งแม่งกวนตีน!
“เคยใจร้อนที่ไหนล่ะ”“แล้วที่ออกยักษ์เมื่อกี้ล่ะ” ไอ้ที่หนึ่งแม่งกวนส้นตีน!!
“คนเหมือนกันมั้ยล่ะ น้องทั้งคน ไม่ห่วงได้มั้ยล่ะ โป๊ะไว้ใจได้มั้ยล่ะ”“ไม่ถามตัวเองล่ะ” ไอ้เหี้ยที่หนึ่ง! ผู้นำลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมโซฟายาวมาดึงตัวเพื่อนตัวดีให้มาพูดกันให้รู้เรื่อง แต่เจมก็เอาตัวมาขวางไว้เสียก่อน
“คือ พี่นำครับ”
“พี่หนึ่งก็กวนตีนไปงั้นแหล่ะ จริงๆ คือเป็นห่วงพี่นำนะ”
“แล้วพี่นำเองก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์คุยกับใครดีๆ ได้ไม่ใช่หรอครับ”
“แต่มันกวนตีน มันจี้แบบโคตรหยาบ!”
“ผมแค่พูดตรงๆ คุณรับไม่ได้เลยรู้สึกเหมือนโดยยอกย้อน”
“ผมถามก็เพื่อให้คุณถามตัวเอง มึงไม่เข้าใจหรอวะ”
เฮ้อ...
ทำไมมันฉลาดนักนะไอ้เพื่อนคนนี้ ผู้นำทิ้งตัวนั่งลงกลางโซฟา เจมเลยต้องนั่งห่างจากที่หนึ่ง ซึ่งน่าจะทำให้เจมพอใจมากกว่าเดิม เมื่อกี้เจมอยู่ท่ามกลางอารมณ์ครุของคนที่ตัวโตกว่าตั้ง 2 คน
“คิดตกรึยัง ที่มาถามผมน่ะ” พอโดนถามอีกรอบ ผู้นำก็หวนนึกถึงความสงสัยของตัวเองที่แก้เองไม่ได้ จนต้องแบกหน้ามีแว่นประดับดั้งมาหาที่หนึ่งถึงออฟฟิศ
เขามาถามที่หนึ่งว่
า “เวลามึงดูแลเจม ต่างจากที่มึงดูแลไอ้พีชที่มึงรักเหมือนน้องมั้ย ต่างยังไงวะ อธิบายหน่อย”
เขาถามก็เพราะแยกไม่ออกว่า “กูเริ่มไม่รู้แล้วว่ากูห่วงกูหวงธามมากไปรึเปล่า และถ้ามันมากเกินน้องชายกับพี่ชาย แล้วมันคืออะไรวะ?” พาถูกถามถึงเหตุที่ต้องแบกตัวมาถาม เขาก็เลือกเล่าเหตุการณ์ที่ธามหายไปเมื่อเช้า และความรู้สึกที่ปะทุขึ้นมาตอนเห็นธามยืนอยู่หน้าบ้านกับคนแปลกหน้า ความรู้สึกทั้งห่วง ทั้งดีใจที่เจอ ทั้งโกรธที่ทำให้เป็นห่วง อยากกอดให้แน่นก็อยาก อยากตีให้สำนึกก็อยาก ไม่รู้อะไรนักหนากับความรู้สึกที่แสนซับซ้อนเมื่อเช้านี้
“ยัง” เขาให้เพี่อนได้แค่คำตอบนี้เท่านั้น
“โกโก้มั้ย? คุณชอบนี่ เผื่อดีขึ้น”
“ผมไม่ถึงขั้นต้องบำบัด แค่สับสนนิดหน่อย ถ้าได้แนวคิดหรือไอเดีย หรือเห็นความรู้สึกตัวอย่าง เดี๋ยวผมก็รู้จักตัวเองในมุมนี้เองแหล่ะ”
“ไอ้นำ มึงก็เคร่งครัดกับตัวเองเกินไป”
“ลองผ่อนตัวเองลงบ้างก็ได้นะ”
“ผมไม่รู้ว่าคุณสับสนอะไรนัก น้องก็น้อง ความรู้สึกอื่นที่มากกว่ารักน้อง มันก็มีหลายแบบ”
“จะใช่รัก...แบบคนรักรึเปล่า ไม่มีใครรู้หรอก นอกจากคุณ”
“เบนช์มาร์คผมกับคุณมันคนละอย่าง จะเอามาตรวัดผมไปวัดความรู้สึกคุณน่ะ ไม่ได้หรอก”
“โอเค ผมรู้ ผมรู้”
“งั้น ขอโกโก้ร้อนซักแก้วสิ”
“กราบบบบบขอร้องแฟนผมสิ ผมค่อนข้างยุ่งคุณก็เห็น” มันบอกแล้วมันก็ก้าวฉับๆ กลับไปนั่งหน้าโน้ตบุ้คที่มันหมกมุ่นมองจ้องมากกว่าหน้าแฟนมันเสียอีก
“งั้น...เจมครับ”
“เดี๋ยวเจมชงให้ครับ พี่นำรอนี่นะ”
“พี่หนึ่งเอาอะไร?”
“เอาเจม”
“แมร่งงงงงงงงง” เสียงกัดฟันด่าของเจมทำให้เขาขำออกมาเล็กน้อย ผู้นำผ่อนลมหายใจแล้วมองหน้าเพื่อนที่เป็นสีฟ้าจางๆ ตามแสงหน้าจอโน้ตบุ้ค จากนั้นก็มองประตูห้องทำงานที่แง้มอยู่นิดๆ
ที่หนึ่งกับเจม น่ารักดีจริงๆ
ธามเอง...ก็น่ารักไม่แพ้เจมหรอก
เด็กดื้อไม่รู้เรื่องรู้ราวคนนั้น
หรือว่าความรู้สึกที่มันซ้อนทับถมบนใจเขาอยู่ตอนนี้ กำลังกดความรู้สึก....
รัก Cut ขอโทษค่ะ

มาต่อช้ามากเลย ขอบคุณสำหรับผู้อ่านที่ยังติดตามอยู่นะคะ ขอบคุณมากๆ
เราจะกระชับเนื้อเรื่องแล้วค่ะ รู้สึกว่าปมเฮียแซนไม่เดินหน้าเท่าไหร่เลย ฮืออออ

มีแขกรับเชิญ 2 คู่มาด้วยตอนนี้ อิอิ ที่หนึ่งกับเจม...แบบว่าคิดถึง ขอให้พื้นที่หลายบรรทัด(?) นิดนึงเนอะ อีกคู่ก็...เอิ๊กๆๆๆ
เจอกันตอนหน้าค่ะ

ปล.ขอบคุณสำหรับคำเตือนเรื่องแก้ชื่อตอนค่ะ ลืมบ่อยเลยด้วย แฮ่