Existence : ผู้นำ & ธาม
-----------------
ตอนที่ 19
นำแปลกเปลี่ยนไป
ไม่เหมือนแบบเดิม ธามรู้สึกได้
ธามมองโพสอิทบนหมอนแล้วถอนหายใจ
เขากลับมาเมืองไทยเดือนกว่าๆ แล้ว ได้งานทำแล้ว ที่บริษัทพี่โป๊ะนั่นแหล่ะ พี่นำบอกว่าอยู่กับพี่โป๊ะ พี่นำก็หายห่วง แต่ถ้านำไม่ห่วงแล้วนำหายไปด้วยแบบนี้ ธามไม่ทำงานกับพี่โป๊ะคงดีกว่า อย่างน้อยก็คงได้เจอนำบ้าง อย่างน้อยๆ นำก็ยังเป็นห่วงธามอยู่บ้าน
ธามขยำโพสอิทแล้วปาทิ้ง แต่แล้วก็วิ่งจากเตียงไปเก็บมันเพื่อคลี่ออก และวางลงในลิ้นชักทับโพสอิทอันก่อนๆ ที่เรียงทับกันไว้
เขามองมันนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งก็สะดุ้งมองที่หน้าประตู
“จู”
“ตื่นแล้วหรอคะ ป้ากำลังจะมาปลุก ไปค่ะ อาบน้ำอาบท่า ไปทำงาน”
“ตาเผือกมันเตรียมรถให้แล้ว”
“ธามไปเองได้ ทุกวันก็ไปเอง”
“คุณนำเธอทราบแล้วนะคะว่าคุณธามไม่ให้ตาเผือกไปส่งที่บริษัท”
“ให้แกไปส่งเถอะนะคะ คุณนำเธอเป็นห่วง”
“ห่วงก็ให้นำไปส่งเองสิ ใช้เผือกทำไม เผือกทำงานเยอะแยะ” ธามก็พูดไปอย่างนั้นแหล่ะ เพราะทุกวันนี้ธามก็ไม่รู้เหมือนกันว่างานของลุงเผือกมีอะไรนอกเหนือจากทำตามที่ลุงหมอกับพี่นำสั่งรึเปล่า ธามเดินหน้ามุ่ยเข้าห้องน้ำโดยไม่สนใจป้าจูที่จะอ้าปากพูดอะไรเพิ่ม เขาอาบน้ำเร็วๆ และแต่งตัวตามที่อยากจะแต่ง เพราะพี่โป๊ะบอกแล้วว่าไม่ถือ แค่อย่าแก้ผ้ามาก็พอ แม้ว่าถ้าพี่นำเห็นชุดที่ธามใส่แล้วจะเป็นลมก็เถอะ
“อ้าวจู มีอะไรอีกหรอ”
“เอ่ออออ”
“อะไรล่ะ”
“คุณนำรอทานข้าวอยู่ข้างล่างค่ะ”
“หือ?” ธามตาเหลือกทันที เขารี่ไปที่ลิ้นชักที่โต๊ะโคมไฟ โพสอิทแผ่นสุดท้ายที่เขาเพิ่งวางเก็บลงไปถูกหยิบขึ้นมาจ้อง
“ธามอ่านไม่ออก!” นี่แหล่ะอีกปัญหาของธามที่พี่นำไม่เคยใยดี นำเขียนภาษาอังกฤษบ้าง ภาษาที่น่าจะเป็นภาษาไทยบ้าง ซึ่งธามไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไง
“จู นี่อ่านว่าอะไร” เขายื่นกระดาษให้ป้าจูดู แกตะแคงหน้านิดหน่อยแล้วก็หัวเราะคิกคักพลางมองหน้าธาม
“อะไร?”
“คุณนำเขียนว่าพี่รอทานมื้อเช้ากับธามนะครับ ค่ะ”
“อะไร ธามไม่ใช่!” ธามหมายถึงธามไม่รู้นั่นแหล่ะ เขารีบยี่หัวตัวเองให้แห้งหมาดมากขึ้นแล้วก็วิ่งตัวกระเซิงลงไปห้องครัวทันที
“นำ” ธามเรียกเสียงดังแล้วหยุดปลายเท้าที่หน้าประตู พี่นำหันมองแล้วก็ยิ้มให้ จากนั้นก็หันไปตักข้าวต่อ เดาจากกลิ่นแล้วน่าจะเป็นข้าวต้ม
“นำไม่ไปทำงานหรอวันนี้”
“คำว่าพี่ก็ไม่มี หางเสียงก็ไม่ใช้”
“แต่กับโป๊ะ กับที่หนึ่ง กับพีช ธามพูดกับพวกเขาดีมาก ทำไมเว้นพี่นำล่ะ” ก็นำพิเศษไง ธามไม่ได้ตอบหรอก แค่อมลมให้แก้มป่องแล้วก็กระโดดไปนั่งเก้าอี้ที่นำยืนจับขอบพนักอยู่ เขาเงยหน้ามองนำแล้วก็ยิ้มให้ แล้วก็ลงมือกินมื้อเช้าโดยไม่รอให้อีกฝ่ายนั่งเรียบร้อยดีด้วยซ้ำ
“กาแฟเลยนะคะคุณนำ” ป้าจูถามเอาใจนำก่อนธามอีกแล้ว แต่วันนี้พี่นำส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วก็บอกว่า เดี๋ยวค่อยไปหาซื้อที่ออฟฟิศธาม วันนี้นำจะไปส่งธาม
บอกนำดีมั้ยว่าธามดีใจมาก แต่ไม่เอาดีกว่า อาจไม่สำคัญก็ได้ ธามยังรู้เลย นำก็คงรู้เหมือนกันนั่นแหล่ะ
ธามรีบกินข้าวเพื่อให้ทันกับพี่นำที่วางช้อนแล้ว พี่นำหันมาบอกให้ธามกินข้าวเช้าให้หมด ให้กินเยอะๆ นำคงไม่รู้ว่าไปถึงออฟฟิศแล้วธามต้องได้กินข้าวเหนียวหมูปิ้งของพี่แนนอีกตั้งหลายไม้ ขืนอิ่มจากที่บ้าน พี่แนนก็เสียใจใหญ่น่ะสิ
ยังไม่ทันได้เล่าอะไรมาก พี่นำก็รับโทรศัพท์แล้วลุกออกจากโต๊ะอาหารไป ธามยอมรับว่าสงสัย แต่ในเมื่อพี่นำไม่ได้พูดอะไร มันก็คงไม่เกี่ยวกับธาม แม้จะสังหรณ์อยู่ลึกๆ ว่ามันเกี่ยวเต็มๆ ก็เถอะ
แป๊บเดียวก็กลับเข้ามา ธามดื่มนมหมดพอดี
พี่นำโอบไหล่ธามเพื่อพาไปที่รถ บอกตามตรงว่าธามไม่ชินเท่าไหร่ มันค่อนข้างเขินเวลาที่ใกล้ชิดกัน
จริงๆ แล้วธามไม่ใช่คนชอบเขิน เรื่องสกินชิพมันก็เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าจะกับเพื่อนที่เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็เถอะ แต่นำนั่นแหล่ะที่ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่
คืนแรกที่กลับไทย ทั้งที่บนเครื่องนำบอกว่าขอนอนกอดธาม แต่นำนั่นแหล่ะที่ถอยห่างออกไปแล้วก็นอนแยกห้องกัน เหตุผลที่ให้ธามก็ไม่เก็ตเท่าไหร่ แต่นำกลับพูดไปก็หน้าแดงไป
-พี่อยากให้เกียรติธาม เรารักกันแบบค่อยเป็นค่อยไปดีกว่านะครับ-
ก็ไหนว่ารักธาม แล้วให้เกลียดทำไมกันเล่า ค่อยเป็นค่อยไปคืออะไรก็ไม่เก็ท หมายถึงไปไหนเบาๆ รึเปล่า
อยากจะถามขาดใจ แต่นำเอาแต่หน้าแดงแล้วก็หนีไปนอนอีกห้อง แล้วจะให้ธามถามใครล่ะ?
“ธามครับ เดี๋ยวช่วงเย็นๆ พี่นำนัดอาจารย์มาสอนภาษาไทยให้นะ”
“จะได้อ่านออก เขียนได้”
“เรื่องพูดนี่เดี๋ยวพี่นำสอนเองว่าธามต้องพูดยังไง อย่างแรกเลย ธามต้องเรียกพี่นำว่าพี่”
“นำ” ธามดื้อใส่แล้วก็ขึ้นรถปิดประตูทันที ทำไมกันเล่า ก็นำพิเศษไง จะเป็นพี่ชายเหมือนพี่โป๊ะ พี่ที่หนึ่งหรือพี่พีชทำไมกัน นำไม่ได้เรื่องเลย
“เด็กดื้อ อารมณ์เสียอะไร ทำไมทำหน้าแบบนี้ หือ?”
“ไม่ใช่”
“จะงอนยังพูดไม่รู้เรื่อง”
“ธามใช่ รู้ต่างหาก”
“ธามพูดไม่รู้เรื่อง อ่านไทยไม่ออก เขียนไทยไม่ได้ ทำอะไรเป็นมั่งครับ หือ?”
“จะทำก็ทำได้หมด”
“โอเค งั้นเรียนเพิ่มตอนเย็นนะ”
“เหนื่อยมั้ยครับ อดทนหน่อยนะ ช่วงแรกๆ อาจยากหน่อย แต่ชาวต่างชาติเขาก็เรียนภาษาไทยกันเยอะแยะ 3 เดือนก็พอไปวัดได้”
“วัดอะไร? ไปทำไม”
“นี่แหล่ะปัญหา ธามไม่รู้สุภาษิต หรือคำเปรียบเปรยอะไรเลย แล้วจะรู้ความหมายของพี่นำได้ยังไง”
“เรื่องโพสอิทที่พี่นำเขียนให้ทุกวัน ไม่อยากรู้หรอครับว่าพี่นำเขียนอะไร”
“ถามจูก็ได้”
“แล้วถ้าพี่นำเขียนคำว่ารักล่ะ ต้องให้ป้าจูอ่านให้ด้วยหรอครับ”
“มันควรเป็นคำที่ธามเห็นคนแรก คนเดียว และเข้าใจได้ด้วยตัวเองไม่ใช่หรอ?”พูดทำไม เขินหมด
เขาแกล้งขมวดคิ้วกัดปาก แต่พอทำให้แก้มมีลักยิ้มขึ้นมา นำก็ส่งนิ้วมาจิ้มลักยิ้มอย่างหมั่นเขี้ยว และสุดท้ายธามก็ยิ้มออกมาอยู่ดี แม้จะนิดเดียวก็เถอะ
“เรียนนะครับ”
“ธามก็ต้องทำแบบที่นำบอกอยู่แล้ว” เคยขัดอะไรได้ด้วยหรอ เรื่องเดียวที่ขัดใจนำได้ก็เรื่องแต่งตัวนี่แหล่ะ นำเห็นทีไรก็เอาแต่ส่ายหน้าแล้วก็ไล่ไปเปลี่ยน แต่นี่ตัวธามนะ ธามจะใส่ชุดอะไรก็เรื่องของธาม
วันนี้รถไม่ติดมาก และพี่นำก็มาพาอีกทางที่ธามไม่เคยใช้มาก่อน ข้างทางมีต้นไม้เล็กๆ ให้มองด้วย เพลินตาดีเหมือนกัน ในรถพี่นำเปิดเพลงสากล ธามก็เลยฟังเพลินหู แม้ว่าบางเพลงธามจะขมวดคิ้วด้วยความไม่รู้จัก แต่พี่นำกลับร้องตามอย่างคล่องปากก็ตาม
“แล้วทำงานเป็นไงบ้างครับ โอเคมั้ย?”
“อื้อ ดี”
“หางเสียง”
“ดีนะ”
“ธาม”
“ดีครับ”
“เก่งมาก เด็กดีของพี่นำ”
“งั้นตั้งใจทำงานนะครับ เย็นนี้พี่นำมารับ จะพาไปพบครูสอนภาษาไทย เซอร์ไพรส์แน่ๆ”
“ใครหรอ”
“บอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ”
“ธามไม่ชอบเซอร์ไพรส์”
“ถึงแล้วครับ ตั้งใจทำงานนะ” เห็นมั้ยล่ะว่าธามไม่เคยขัดใจอะไรนำได้เลย แค่ขอรู้ก่อนว่าเซอร์ไพรส์คืออะไรยังทำไม่ได้เลย แบบนี้เบื่อ
ธามลงจากรถที่เคลื่อนออกไปอย่างเชื่องช้า เขาหันหน้าเข้าออฟฟิศแล้วก็เดินคอตกเข้าไปด้านใน พี่แนนทำให้ธามหายเบื่อ พอธามบอกว่าจะมีครูภาษาไทยส่วนตัว พี่นำเป็นคนหามาให้ พี่แนนก็บ่นว่าคุณหมอนำใจร้าย ทำไมไม่มองพี่แนนเป็นตัวเลือกบ้าง ... ไม่อยากเฉลยเลยว่าถ้าพี่แนนเป็นตัวเลือก ธามจะไม่เลือกข้อพี่แนนเด็ดขาด
ตอนสายยังไม่มีงาน และพี่โป๊ะก็ยังไม่เข้ามาที่ออฟฟิศ เที่ยงกว่าพี่โป๊ะถึงจะเข้ามาพร้อมกับสั่งงาน และธามก็ใช้เวลาแค่บ่ายโมงถึงห้าโมงเย็นในการทำงานให้กับพี่โป๊ะ และก็ได้กลับบ้าน
พี่นำเป็นตรงเวลา บอกว่าจะมารับก็มารอรับตามเวลาที่ธามจะได้เลิกงาน แต่วันนี้โป๊ะบอกว่างานเข้า ธามยังกลับไม่ได้ ซึ่งธามก็ไม่รู้ว่าจริงรึเปล่าแต่พี่นำไม่เชื่อแล้วก็พาธามขึ้นรถไปทันที บางทีธามก็รู้สึกว่าพี่โป๊ะน่าสงสาร เพราะไม่ว่าจะพูดอะไร คนรอบข้างมักจะบอกว่า “ไม่จริงอ่ะ!” ตลอดเลย
และธามก็ได้พบกับครูสอนภาษาไทยส่วนตัวจนได้
“พี่เจม” ธามเรียกชื่อคนตรงหน้าที่ยังดูสดใสไม่เปลี่ยน แต่สีหน้าพี่เจมที่มองมาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย สงสัยป่วย
“หวัดดีธาม”
“พี่ไม่รู้จะสอนได้ดีแค่ไหนนะ แต่จะพยายามก็แล้วกัน”
“พี่นำครับ เจมว่าลองหาคนอื่นที่เก่งๆ เผื่อไว้ก็ดีนะครับ เจมไม่มั่นใจเลย”
“พี่เชื่อว่าเจมทำได้ ฝากด้วยนะครับ” แล้วนำก็หายไปจากร้านกาแฟในห้างที่พาธามมาปล่อยไว้ พี่เจมมองหน้าแล้วก็ยิ้มให้ จากนั้นก็เริ่มสอนด้วยการถามธามว่า “มีแรงบันดาลใจที่ทำให้อยากเรียนภาษาไทยมั้ยธาม”
“มีครับ”
“ธามอยากอ่านคำว่ารักได้”พี่เจมยิ้มเขินๆ ไม่รู้เขินอะไรนักหนา แต่ว่าพี่เจมก็ตั้งหน้าตั้งตาสอนธามใหญ่เลย บอกดีมั้ยนะว่า ก-ฮ ธามรู้จักแล้ว หาๆ ในอินเตอร์เน็ตแล้วก็ศึกษาเอาก่อนนอนนั่นแหล่ะ
--------------กว่าจะจัดตารางชีวิตได้ใหม่ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน
ผู้นำเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อพบว่าที่หนึ่งที่นัดกันไว้ไม่ได้มาคนเดียว
“มาด้วยหรอโป๊ะ”
“อือดิ”
“ก็ไหนว่างานเข้า” เขาถามทวนเหตุผลที่เพื่อนชื่อมือโปรเคยใช้เป็นข้ออ้างรั้งธามไม่ให้กลับบ้าน รายนี้ยิ้มกวนตีนเขานิดๆ แต่ก็ยอมรับแต่โดยดี
“กั๊กมึงไปงั้นแหล่ะ” มันน่าตบหัวจริงๆ ผู้นำส่ายหัวใส่แล้วก็หันมาสนใจที่หนึ่งแทน
“ผมมีเรื่องปรึกษาคุณนิดหน่อยน่ะ”
“เรื่องไรหมอ พูดดีๆ นะ เอาให้สมเหตุสมผลกับการที่ต้องโทรหาเจมแล้วให้เจมมาเจอคุณที่นี่ด้วย”
“โธ่ที่หนึ่ง! เลิกหึงไม่เข้าเรื่องเข้าราวซักที ทำตัวแบบนี้กลัวเจมไม่รำคาญหรอ”
“ปากเสียนะไอ้หมอ”
“โอเค โอเค ปรึกษาเลยดีกว่า แต่พวกคุณห้ามล้อนะ”
“อือ” ดูหน้าก็รู้ว่า อือ ของพวกมันไม่น่าเชื่อถือหรอก ที่หนึ่งเจ้าเล่ห์มาแต่ไหนแต่ไร ส่วนมือโปรก็ขี้แกล้ง ถ้าไม่มีเขาถ่วงสติไว้ 2 คนนี้ก็ร่วมมือกับแกล้งพีชจนจิตตกไปไหนต่อไปแน่ๆ
“จริงๆ ก็เรื่องไม่ใหญ่โตอะไรหรอก”
“ผม....อยากรู้”
“ว่า....”
“ว่า.....” หน้าพวกเพื่อนลุ้นจนเขากลั้นขำไม่อยู่ แต่พอนึกถึงปัญหาตัวเองแล้วเขาก็หุบยิ้มแทบไม่ทัน
“ว่า....คุณจัดการกับความรักยังไง”
“ห๊ะ?”
“โดยเฉพาะรักเด็ก”
“ห๊ะ?”
“โดยเฉพาะ เด็กที่ว่า เคยเป็นพี่เป็นน้องกัน”
“แต่ไม่ใช่พี่น้องจริงๆ หรอกนะ คือ...”
“คือ...?”
“คือผมไม่รู้จะเข้าใกล้ธามยังไง ให้น้องไม่ตกใจ”
“...น่ะ” “เท่านี้?” ที่หนึ่งเป็นคนทวนคำ พอเขาพยักหน้า เพื่อนตัวดีก็ตะปบเบ้าตาตัวเองแล้วก็ก้มหน้าซูกหัวเข่า ท่าทางมันจะกวนส้นตีนกันเกินไปแล้วไอ้ที่หนึ่ง
“หมอนำ มึงโง่หรือโง่วะ”
“หือ?” เขางงกับคำถามที่หนึ่งนิดๆ แต่ก็ยอมอดทนฟังเพื่อนต่อไป เพราะเขาไม่รู้จะปรึกษาเรื่องนี้กับใครแล้วจริงๆ
“หมอเอ้ยย”
“ตกลงมึงกับธามเป็นอะไรกันครับ”
“เป็น...คนรัก”“แล้วมึงมึนอะไรหมอ”
“ถ้ามึงรัก มึงก็ทำเท่าที่มึงรัก”
“กลัวอะไรนักหนา”
“แหมไอ้หนึ่ง ปากดีนะมึง” มือโปรเป็นคนพูดสวนขึ้นมา ซึ่งมันก็เป็นคำที่เขาคิดอยู่พอดี
“มึงน่ะ โคตรกลัวเจมมันเลิกรักมึงเลย หมอนำมันก็คงกังวลประเด็นเดียวกัน ใช่มั้ยไอ้หมอ มึงไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ต้องแสดงออกว่ารักแค่ไหน ธามมันถึงจะรู้สึกดีกับความรักของมึงใช่รึเปล่า”
“เฮ้ย! โป๊ะทำไมรู้”
“กูฉลาดไงครับเพื่อน” มันตอบเท่านี้แล้วก็งัดตัวที่หนึ่งที่ขำจนตัวสั่นให้เงยหน้ามองเขาอีกรอบ
“ไอ้หนึ่ง มึงก็แนะนำหมอมันหน่อย”
“อย่าให้เรื่องนี้ถึงมือเซียนอย่างกูเลยว่ะ คดีกระจอก” อยากตบปากมันมาก แต่ยั้งไว้ก่อน ตอนนี้เขาอยากรู้ว่าที่หนึ่งจะมี่คำแนะนำแบบไหนมาให้
ผู้นำลุ้นอยู่นาน กว่าที่หนึ่งจะยอมเผยเคล็ดลับกระชับสัมพันธ์เด็กดื้ออย่างธาม ก็ทำเอาเขาตาค้างเพราะฟาดกาแฟร้อนไปแล้ว 3 แล้ว ระหว่างที่รอมันเฉลย ก็คุยเรื่องนั้นนี้กันไปเรื่อยๆ 1 ในหัวข้อถกเถียงมีความเป็นไปของนายสุพิสุทธิ์ที่เพื่อนเขาสนอกสนใจอย่างมาก
“เอาล่ะหมอนำ ผมจะบอกเคล็ดลับมัดใจแฟนเด็กให้นะ”
“แม้เจมจะเด็กกว่าผมไม่ถึง 5 ปี แต่ความคิดความอ่านเจมก็เด็กกว่าผมมาก”
“วิธีกำราบก็ไม่ยาก”
งั้นหรือ? ดีจริง กังวลอยู่ว่าจะยากเกินไป
“คุณก็แค่ พูดตรงๆ พูดให้เข้าใจ ไม่ต้องอ้อมค้อม ไม่ต้องคิดว่าแทนว่าสื่อแบบนี้แล้วธามจะเข้าใจ”
“ธามไม่เข้าใจหรอก ถึงคุณรักมากอยากให้มีความสุข แต่คุณทำแค่ชงโกโก้ให้ดื่ม มันก็ไม่ตรงประเด็น”
“เพราะงั้น แค่พูดยืนยันความรู้สึกคุณ และทำให้มันตรงกับที่คุณรู้สึก ก็เท่านั้นแหล่ะครับ”
“งั้น...” ผู้นำคิดคำถามเพิ่มขึ้นได้กะทันหัน เขาหันมองซ้ายขวา เมื่อเห็นว่าร้านกาแฟนี้ไม่มีใครสนใจพวกเขาก็กระซิบถามเพิ่ม
“งั้นถ้าผมอยาก...จูบบ้างกอดบ้าง แบบนี้ต้องยืนยันประมาณไหน”
“เล้าโลมเลย” ที่หนึ่งบอก
“เฮ้ย! ธามเด็กนะ” เขาค้านทันใจเลย ใจเริ่มคิดว่าการปรึกษาเพื่อนเป็นเรื่องที่ตัดสินใจผิด
“กูว่าไอ้ธามมันรู้จักเซ็กส์ว่ะ” ครั้งนี้มือโปรเป็นคนเสริมขึ้น ผู้นำขมวดคิ้วใส่เพื่อนเพื่อขอคำอธิบาย
“ก็กูใช้งานมันอยู่ ทำงานด้วยกัน พาไปเลี้ยงข้าว พาไปเจอลูกค้าเยอะแยะ เรื่องในวงเหล้าแม่งก็เรื่องอย่างว่าทั้งนั้น ในออฟฟิศเองที่มันสนิทด้วยก็ไอ้แนน รายนั้นบ้ารัก มึงคิดว่าธามมันจะไม่รู้จักเรื่องพวกนี้เลยหรอ ไม่ว่าจะเรื่องความรู้สึก หรือเรื่องทางกายภาพ”
เขาไม่ได้คิดว่าน้องไม่รู้จัก ทั้งความรักและการมีเซ็กส์
ปัญหาของเขาคือ เขาควรทำแค่ไหน เพื่อให้น้องรู้สึกดีทั้งกับความรักและกับเซ็กส์
ธามถูกกดดันจากความรู้สึกรักที่นายสุพิสุทธิ์ยัดเยียดให้
แล้วความรู้สึกที่เขาอยากมอบให้ น้องจะมองมันเหมือนที่มองความรู้สึกนายสุพิสุทธิ์รึเปล่า
ผู้นำยอมรับเลยว่ากังวลมาก
มากจนไม่กล้าแตะตัวธามในยามวิกาลเลย
เพราะแบบนี้แหล่ะถึงต้องแยกห้องนอน ตอนเช้าเข้าไปก็แค่มอง และเขียนโพสอิทแปะไว้ข้างหมอนในวันที่ต้องเข้ารพ.แต่เช้า
“นำ” ที่หนึ่งเรียกเขาด้วยเสียงซีเรียส เขาหวังว่าเพื่อนจะให้คำตอบดีๆ ได้
“ที่คุณควรทำที่สุดนะ ก็คือการบอกธาม ในสิ่งที่คุณคิด และต้องการ” ทำยากยิ่งกว่าอะไร เขากลัวธามไม่เข้าใจน่ะสิ ภาษาไทยก็อ่อนด้วยแทบทุกทักษะ นี่เรื่องพูดเริ่มรู้เรื่องขึ้นมากแล้ว ต้องขอบใจคุณแนนจริงๆ
“โอเค ผมจะพยายามสื่อสารความคิด ความรู้สึกกับธามมากขึ้น”
“ทีนี้มาอีกเรื่อง เรื่องนี้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย เพราะมีเงินมาเกี่ยวข้อง”
“ที่หนึ่ง คุณพอจะรับงานผมไว้ได้มั้ย หมอปันให้ผมดูแลเรื่องศูนย์จิตเวชที่เป็นส่วนหนึ่งของรพ.ผมทุกสาขา”
“แต่จะเริ่มก่อนที่สาขาในกรุงเทพ อยากให้คุณคุม”
“อืม เอาสิ เดี๋ยวผมบอกป๋าเองว่าเคสพิเศษ คุณมีอะไรให้บ้าง”
“มีแค่แบบในหัว”
“อืม งั้นเดี๋ยวผมส่งสถาปิกไปหาก่อนก็แล้วกัน”
“โอเค” เขาจบเรื่องนี้โดยง่าย ทำให้มือโปรที่เพิ่งสั่งกาแฟเพิ่มอ้าปากค้าง ผู้นำหัวเราะนิดหน่อยแต่ก็ผายมือเชิญชวนเพื่อนมีความสุขกับกาแฟแก้วที่ 4
พอได้เวลา เขาก็เดินขึ้นไปยังชั้น 2 เพื่อรับธามตามเวลาที่บอกไว้ก่อนแล้ว ดูเหมือน 2 คนจะสอนจะเรียนกันสนุก เพราะสีหน้าธามดูอารมณ์ดี และตอนที่เดินเข้าใกล้ เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะด้วย
“สนุกมั้ยครับธาม”
“สนุกมากเลยนำ”
“พี่เจมน่ารัก ตลกดี ธามชอบ”
“พรุ่งนี้ได้เรียนอีกมั้ยนำ”
เขาก็เกรงใจที่หนึ่งอยู่หรอกนะ แต่ว่า เขาก็อยากให้ธามได้อยู่ใกล้ๆ คนที่ทำให้รู้สึกสนุกหรือมีความสุขได้ และเจมก็เป็นบุคคลแรกๆ ที่เขานึกถึง
“ถามเจมสิครับ ไม่รู้อาจารย์ว่างรึเปล่า”
“อ๋ออ ได้ๆ มาเจอได้อยู่แล้ว จริงๆ พี่มาสอนให้ทุกวันก็ได้นะ แต่ถ้าวันไหนติดงานมืดมาก พี่จะโทรบอกก่อน ธามเอาเบอร์มาสิ เดี่ยวเรานัดกันเองก็ได้ ไม่ต้องผ่านพี่นำหรอก”
“ได้หรอครับ ได้หรอนำ ธามมาเจอพี่เจมเองได้มั้ย”
“ได้ครับ ถ้าไม่รบกวนเจมนะ”
“อื้อๆ” ไอ้ท่าสั่นขาอย่างตื่นเต้นนี่คืออะไร? ธามกี่ขวบแล้วเนี่ย เฮ้ออออ เขาลูบหัวธามอย่างเอ็นดู แล้วก็ก้มลงคว้ามือเพื่อพาเดินลงมาชั้นล่าง และพอเจมที่เดินตามมาเห็นคนที่รออยู่ชั้นล่างของร้านก็สร้างโอกาสให้ตัวเองทันที
“พี่หนึ่ง เจมมาสอนภาษาไทยให้ธามนะ เดี๋ยวนัดเวลากันเอง แต่จะมาร้านนี้แหล่ะ สะดวกทั้งคู่”
“แล้วเจมไม่เหนื่อยหรอ เซตเป็น 3 วันต่อสัปดาห์ดีมั้ย? เรียนทุกวันธามรับไหวหรอ”
“ไหวดิ ธามมีแรงบันดาลใจดีมากกก รับรอง เดือนเดียวก็รู้เรื่อง”
“สอนเก่งขนาดนั้นเชียว เจมหลงตัวเองรึเปล่า”
“เปล่าเลย ธามขอเรียนกับเจมเองต่างหาก”
“นะพี่หนึ่งนะ”
“วันไหนพี่หนึ่งเสร็จงานเร็วก็มารับเจมร้านนี้ก็ได้ แต่วันไหนเลิกดึกเจมก็กลับคอนโดเอง โคตรใกล้”
“โอเค โอเค หิวรึยังครับ กินอะไรดี ไม่เอาส้มตำร้านนั้นนะ พี่ว่าเผ็ด”
“งั้นไปร้านนั้นแหล่ะ พี่หนึ่งไม่กิน เจมกินเอง”
“นะ...คนเรา...พวกคุณ...ผมกลับก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกันนะธาม”
“อื้อ ครับพี่หนึ่ง” กับที่หนึ่งก็พูดเพราะ กับโป๊ะก็เรียกพี่ทุกคำ ช่างเป็นเด็กดีของทุกคนแต่ดื้อกับเขาคนเดียวจริงๆ
ผู้นำหันมาลาโป๊ะที่เช็คเวลาถี่ผิดดปกติ รายนี้พยักหน้าลาส่งๆ แล้วก็รี่ออกจากร้านไป เห็นแล้วอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมถึงได้รีบขึ้นมากะทันหันแบบนี้
“หิวมั้ยครับธาม”
“หิว”
“อยากกินอะไร? หรือจะกลับไปกินที่บ้าน”
“นี่ๆ ข้าวมันไก่ทอด พี่แนนเคยซื้อมาให้กิน อร่อยนะ มีร้านมั้ย”
“อา...แถวนี้น่าจะมี เดินหาก็แล้วกัน ไม่มีก็ในซอยบ้าน ดีมั้ยครับ”
“อื้อ” รับคำแล้วก็จับมือเขาไว้พลางยิ้ม ลักยิ้มเล็กๆ อวดตัวเรียกมือเขาได้ฉับไวจนยั้งไม่ทัน สุดท้ายก็ยืนจับแก้มน้องอยู่ในร้านกาแฟ เฮ้อออ ทำไมเขาถึงหักห้ามใจไม่ได้เลยนะ
กว่าจะกลับถึงบ้านกันแล้วก็เกือบ 5 ทุ่มแล้ว เพราะธามดูตื่นเต้นกับตลาดเล็กๆ หน้าปากซอยสุขุมวิท ร้านรวงตั้งมากที่น่าแวะกินมื้อเย็น ทั้งอาหารจีน อาหารญี่ปุ่น และอาการเกาหลี แต่ธามกลับจ้องหาแต่ร้านข้าวมันไก่ ดีกว่ามันมีมาเปิดที่หน้าเซเว่นปากซอยหนึ่งของถนนสุขุมวิทที่ห่างอาคารที่เขาใช้เป็นที่นัดหมายเรียนภาษาไทยของธามไม่มากนัก
ฟาดไป 2 ชามก็ทำท่าลูบท้อง พัฒนาการเรื่องเรอนี่เขาไม่ได้สอน ไม่เคยทำให้เห็น ธามคงเห็นมาจากโป๊ะจึงได้เรออึกเล็กๆ แล้วก็ลูบท้องตัวเองตอกย้ำความอิ่ม
ระหว่างทางมีของมาขายข้างทาง ซึ่งธามก็สนใจเดินแวะนั่งลงดู พวกเครื่องประดับที่จะหยิบมาจ้องจนแทบชิดตา พอเขาถามว่าอยากได้หรอ ธามก็จะส่ายหน้าและเฉลยว่า เอาไว้เป็นไอเดียให้อาหลูทำขาย...ตอบแบบนี้ทุกรอบด้วย ดูเหมือนอาหลูนี่จะต้องถูกตรวจสอบประวัติลึกเสียหน่อยแล้ว
“ธามครับ อาบน้ำก่อนเลย เหม็นเหงื่อตัวเองนะนั่น เร็วครับ” เขาเร่งเมื่อมาส่งที่ห้องแล้วเห็นท่ากระโดดขึ้นแผ่บนเตียงคาตา ผู้นำส่ายหน้าใส่เด็กผู้ไม่รู้จักฟัง เขาเดินมากอดอกมองที่ปลายเตียงแล้วกำกับสำทับ
“อาบน้ำก่อน เร็วครับ”
“ก็ธามง่วงแล้ว”
“ง่วงแล้วก็ไปอาบน้ำสิครับ จะได้นอนเลย สบายตัวกว่าด้วย”
“เร็วสิธาม อย่านอนแบบนี้ หมักหมมไม่ดีนะ ไม่สดชื่น ถ้าเป็นสิวจะทนได้หรอ เหงือสะสมบนตัวก็เกิดสิวได้ทั้งตัว จะใส่เสื้อกล้ามคว้านลึกเห็นถึงแอ่งสะดือแล้วบนแขนบนหน้าอกมีสิว ไม่อายคนจ้องสะดือหรอธาม”
“นามมมมมมมมมมมมมม ฟังเหนื่อยแล้ว”
“อาบเลย อาบสิ ไม่ฟังแล้ว”
“นำมาอาบด้วย!”
ดีดตัวผึงขึ้นมาเถียงเขาเสร็จก็ลากตัวเขาเข้าห้องน้ำ ขอย้ำว่าน้องลาก ก็คือลากจริงๆ เพราะว่าเขาฝืนไว้สุดแรง
“ธาม! เล่นอะไรครับ”
“ธามปล่อยพี่นำก่อน”
“อาบน้ำเองสิ โตแล้วนะ”
“ไม่เอา นำพูดเยอะ ฟังไม่รู้เหนื่อยจบแล้วเนี่ย”
“นำก็เหงื่อเหมือนกัน อาบน้ำเลย”
“ถ้านำไม่อาบ ธามก็ไม่ต้องอาบ”
“เลือก!”
ร้ายกาจแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ผู้นำฝืนแขนตัวเองไว้สุดแรง เขากระตุกคืนนิดเดียวธามก็เซถอยหลังกลับมา เด็กดื้อหันมองเขาปากคว่ำ
“นำแกล้ง นำไม่อาบ ธามก็ไม่อาบ ทำไมทำไม่ได้ ทำไม”
“เพราะพี่นำจะกลับไปอาบน้ำเองที่ห้องพี่นำ ธามก็อาบเองสิ”
“พี่จะรออยู่ในห้องนี้จนกว่าธามจะอาบน้ำ อย่ามักง่าย”
“มักง่ายไม่ดีไง ง่ายไง ง่าย นำรู้สินะ นำ นำ นำ”
ป่วนแล้วแบบนี้ แสดงว่าง่วงแล้วก็หงุดหงิดที่ไม่ได้นอนตามที่อยาก แต่เขาไม่ยอมหรอก เสียอนามัย!
“ไปอาบน้ำครับ”
“ใจร้าย!”
“ไม่รักธามเลย!”
ทิ้งคำให้เขาอึ้งแล้วก็เข้าห้องน้ำไปเสียฉิบ ผู้นำถอนหายใจแล้วยืนเกาหัวตัวเองอย่างกลุ้มใจ การมีแฟนเด็กนี่ได้ยินมาบ่อยว่าดูแลยาก โดยเฉพาะดูแลอารมณ์ และยิ่งเป็นเด็กผู้ชายด้วยแล้ว สำหรับเขา เขาคิดว่าดูแลยากกว่าเด็กผู้หญิงเสียอีก
ทำไมความเหมือนทางเพศไม่ช่วงลดความต่างจากวัยบ้างนะ เขาจะได้เข้าใจธามมากกว่านี้
และนี่เขายังไม่รู้เลยว่างอนอะไร
แล้วยังไงล่ะ ก็เป็นแฟนกันแล้ว แฟนงอน แม้ว่าเขาจะคิดว่ามันค่อนข้างไม่สมเหตุสมผล ไม่มีที่มาที่ไปนัก แต่ก็จะง้อ
“ธามครับ ธาม”
“โกรธพี่หรอ”
“อย่าโกรธพี่นำนะ พี่เสียใจนะ ดีกันนะครับ”
“โตแล้วสินะ!” แน่ะ เถียง เขาหัวเราะแล้วเคาะประตูง้อต่อ แป๊บเดียวเด็กหน้ามุ่ยก็เปิดประตูออกมาแล้วเท้าเอว อวดผิวขาวใต้ร่มผ้ากับผ้าเช็ดตัวพันเอว
“ยังไงดี ทำยังไงให้ธามหายโกรธดีครับ?” เขาถามต่อแล้วยิ้มให้ เด็กคนนี้กอดอกวางสีหน้าครุ่นคิด แล้วก็เฉลยคำตอบที่ทำเอาเขาใจวูบ
“อาบน้ำให้ธามสิ” “ถ้าอยากให้หอม คลีนสะอาด นำก็อาบให้สิ”
นี่ธามเข้าใจรึเปล่าว่าที่เขาเลี่ยงบรรยากาศกระอักกระอ่วนเพราะอะไร รู้ตัวหรือเปล่ากำลังได้รับการถนอมปกป้องจากเขา
อยากให้เขา....ตบะแตกนักรึไง พูดจาเปิดโอกาสกันแบบนี้
“ไม่ได้สินะ ก็ได้!”
“ได้ครับ” ผู้นำรีบตอบแล้วใช้มือยันประตูไว้ทันที เขาจ้องหน้าธามที่มองเขาอย่างท้าทาย
หมอหนุ่มคิดทบทวนอีกแง่มุมและพบว่า มันจะผิดตรงไหนถ้าเขาจะตบะแตกปล้ำแฟนตัวเองขึ้นมา อีกอยาง แฟนเด็กคนนี้ก็ช่างยั่วเสียเหลือเกิน
“พี่จะอาบน้ำให้ธามเองครับ” เขากระตุกยิ้มมุมปาก และเด็กดื้อก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อเขาอาบน้ำให้ มันจะไม่ได้มีแค่ฟองสบู่เท่านั้นที่เป็นผลผลิตของการเสียดสีกันของวัตถุที่แสนอ่อนนุ่ม
Tbcมาต่อแล้วค่าาาา ฉลองสอบเสร็จ >,<
แต่ว่า รายงานยังไม่ได้เริ่มเลย อีก 10 วันเอง เพราะฉะนั้น จะหายไปทำรายการโกยคะแนนก่อนนะคะ
ฝากหมอนำกับน้องธามไว้ในอ้อมใจด้วยค่ะ
จริงๆ เรื่องนี้เนื้อหาเหมือนเครียด(?) แต่ก็เป็นอีกแง่มุมหนึ่งของความรัก
แค่เพียงอ่านแล้วรู้สึกชอบ คล้อยตามและเห็นความน่ารักคนแข็งๆ ซ่อนเล่ห์อย่างหมอนำ และเด็กดื้อพูดไม่รู้เรื่องแบบธาม เราก็ดีใจแล้วค่ะ
แล้วเจอกันใหม่ค่ะ

ปล. ดูเหมือนจำนวนตอนจะเยอะกว่าเรื่องที่หนึ่งเจม แต่จำนวนหน้าน้อยกว่ามากเลย เพราะว่าเราโกงตอนนั่นเอง เหอะๆๆ ขออภัยที่แต่ละตอนมันค่อนข้างสั้นนะคะ