>>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< จบแล้ว up 23 03 57
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< จบแล้ว up 23 03 57  (อ่าน 32025 ครั้ง)

loveice

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0




:serius2: :serius2: น้องปี 1 สุดซ่า  กับ  พี่นักศึกษาสุดเท่ห์ :hao3: :hao3:




คำเตือน
         

 
  นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อความสนุกบันเทิงเท่านั้น  มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับชีวิตจริงทั้งสิ้น
และหากตัวละครใดๆชื่อเหมือนท่านขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย  ชื่อสถานที่และการกระทำต่างๆของตัวละคร
ล้วนแล้วแต่ผู้แต่งคิดขึ้นเองทั้งสิ้น มิได้เป็นเรื่องจริงแต่อย่างใด    โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมครับ




 :L2: :L1: :L2: :L1: :L2: :L1: :L2: :L1: :L2: :L1: :L2: :L1: :L2: :L1: :L2: :L1:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2014 15:35:54 โดย loveice »

loveice

  • บุคคลทั่วไป
แนะนำนิดหน่อยเกี่ยวกับตัวละคร^_^



1 สแกน   

       หนุ่มทายาทเจ้าของกิจการโรงแรมในกรุงเทพ หรือแม้แต่ หอพักแถวรั้วมหาลัย  ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นของพ่อเค้าหมด เค้าดูเพียบพร้อมทุกอย่างนะคนคนนี้  เป็นคนขี้เก๊ก มาดนิ่งๆ อีกด้วย แต่ที่ทำไปแบบนั้นคือไม่ถนัดนักในการเข้าหาเพื่อนๆคนอื่นก่อน ฟอร์มเยอะว่างั้นเหอะ ที่ต้องเก๊กไปแบบนั้นเพราะมั่นใจว่าเค้าหล่อระดับซุปเปอร์สตาร์  อีกอย่างก็คือหวานไม่เป็น แต่จะปฏิบัติมากกว่า   เหมือนจะควงสาวได้ไม่เลือกหน้า แต่สแกนคนนี้สุภาพบุรุษรักเดียวใจเดียว และแน่นอน เค้าไม่เอาเปรียบเพศที่อ่อนแอกว่า ทั้งยังใจดีกับเด็กและคนชราอีกด้วยและก็โสดครับ  เค้ารวยแต่มักไม่ออกตัว ชอบทำตัวชิวๆเพราะไม่มีใครคิดจะทำอะไรเค้าได้ ไม่ชอบให้ใครมาเจ้าจี้เจ้าการนัก


2 เลย์   

        รึอีกชื่อที่น้องสาวเรียกว่าโปเลย์ เป็นหนุ่มไฟแรง หน้าหล่อคม  มักโดนล้อประจำว่าเป็นผู้ชายฉายา ลังเล ไหงเป็นงั้นก็ไม่รู้  อาจจะเป็นเพราะไม่กล้าตัดสินใจ แต่ถ้าตัดสินใจไปแล้วยากที่จะเปลี่ยนใจ  เป็นคนไม่ค่อยยิ้ม ขี้อาย ไม่ชอบเข้าสังคมคนเยอะๆ บ่อยครั้งที่มีสาวๆเข้ามาหาแต่เลย์เองชอบคิดว่าสาวๆที่เข้ามาในชีวิตเค้าต้องการเพราะเงินเท่านั้น ไม่ได้รักเค้าจริง  วันๆก็อยู่แต่กับ สแกน กับ ใจเจ๋ง มี Aston Martin One-77  รถยุโรปคู่ใจที่ราคากว่า43 ล้านบาท ขับมามหาวิทยาลัยทุกวัน  หลายคนเห็นจำต้องตาร้อน โดยเฉพาะในหมู่เพื่อนผู้ชายในรั้วมหาวิทยาลัยเอง   ก็แหมรวยซะ…. เค้าเป็นลูกคนโต มีน้องสาวอายุเพียง 10 ปี ชื่อ เดย์ลี่ รึว่าเดย์ รักน้องสาวคนนี้มาก




3 ใจเจ๋ง 


      อาตี๋หนุ่มทายาทเฮียกง ลูกชายคนเล็กสุด  เจ้าของตลาดห้างทองใหญ่ที่สุด หลายสาขาทั่วกรุงเทพมหานคร  เป็นคนขี้อ้อน ออกแนวเพลบอย รูปร่างหุ่นเหมือนนายแบบ ดูปุ๊บปิ๊งปับ อ้อนเฮียกงตลอด  ชอบมีคำๆนี้หลุดปากบ่อยมาก “ ป๊า ม๊า  รักเจ๋งปะ ถ้ารัก นะเจ๋งอยากได้…….”  อยู่ร่ำไป   เป็นเพื่อนที่ดีคนนึง อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนคุยให้สแกนกับเลย์ของเราได้ยิ้มออก  เพราะชอบขี้เก๊ก  ใจเจ๋งเองมักถูกเกี๊ยวปลาพูดเสมอว่า  ไอ้ใจเจ๊ง   แต่จะเจ๊งรึว่าไม่เจ๊งต้องรอดูต่อไป  เสน่ห์เค้าคนนี้มากมายเหลือหลาย  อาหมวยรึว่าสาวไทยก็ชอบ ไม่น้อยหน้า แถมเป็นพ่อหนุ่มที่ร้องเพลงได้เพราะอีกต่างหาก   แต่เกี๊ยวปลากลับไม่ชอบซะงั้น




4 ข้าวตู   


          เด็กหนุ่มน่ารักรุ่นใหม่หัวใจวัยรุ่น ลูกหลานชาวนาแท้จริง เศรษฐีบ้านไร่ เพราะเค้าเป็นลูกกำนันที่ภาคอีสาน ไม่กลัวฟ้ากลัวตะวัน  ชอบทำตัวเองให้สนุก  ไม่ชอบขัดใจตัวเอง แต่อยู่ในกรอบที่ดีงาม  เป็นคนดีของป้ามะลิผู้เลี้ยงดูในกรุงเทพ  ชอบสิ่งที่ถูกต้องที่สุด    แต่โชคชะตาเล่นตลกอย่างจังที่ได้กรุณาให้เค้ากับพี่สแกนสุดเก๊กต้องมาเป็นคู่กัดกันตลอดๆ ทางพี่สแกนของเราเองก็ไม่ชอบ ให้ใครเจ้ากี้เจ้าการเสียด้วย  ข้าวหอมเองไม่ชอบคนที่ยกหาง  ตัวเอง  เพราะรู้สึกว่ามโนภาพเองมากเกินไป  อยู่ของความจริงบ้างอะไรบ้าง=_=



5  ปาร์ตี้     



         เพื่อนชาวจังหวัดตะวันออก  มาจากจังหวัดตราด ยิ้มมีเสน่ห์ น่ารัก  ยิ่มเวลาถอดอแว่นยิ่งน่ารัก พอใส่แว่นกลับน่ารักน่าเอ็นดูแบบเอ๋อๆ  ติดความมีกิริยามารยาทที่ดีกับคุณยายตั้งแต่เด็ก เลยติดคำว่าครับ ครับ  ขอโทษครับ  ขอโทษจริงๆครับ  นิดๆหน่อยๆก็ตกใจไปซะ ทุกเรื่อง  ทำให้บางครั้งที่เลย์เห็นต้องแอบอมยิ้ม รึว่ายิ้มออกกับความใสซื่อของเค้าได้ดีทีเดียว  และปาร์ตี้เองเค้ายังมีสวนผลไม้ที่จันทบุรีอีกไม่ต่ำกว่า 200 ไร่เลยนะ ศรัทธาในความรักว่าสักวันคงจะเจอรักแท้   




6  เกี๊ยวปลา 


          ตระกูลเชื้อจีนที่ต้องทำตามป๊ากับม๊า มาอยู่กับอาม่าอากงที่กรุงเทพ  มาคอยดูแลแถวย่านเยาวราชอะนะ เป็นคนสดใส ร่าเริงไม่ชอบคนหน้าบึ้ง  ไม่ประทับใจ พี่ใจเจ๋งอย่างแรง  ที่ชอบทำตัวแซวสาว นี่เป็นเหตุผลให้เกี๊ยวปลาพูดเสมอว่า “ขอให้แกหัวใจเจ๊งๆไปเลย” แต่จริงๆก็เป็นธรรมดาของผู้ชายนะ  แล้วนี่เกี๊ยวปลาทำไมต้องไม่ พอใจ  เพราะอะไร ……แถมทางป๊ากับม๊าของใจเจ๋งกับเกี๊ยวปลายังมารู้จักกันอีก  เรื่องราวจะเป็นยังไงติดตามจ้า




บทนำ
     


     สวีดัด สวัสดีครับ  เปิดฉากไม่เหมือนบ้านเหมือนเมืองจริงๆ  กับนิยายเรื่องใหม่ของผม ดีใจตื่นเต้นและตื้นตันใจมากๆ  เพราะกำลังใจล้นหลามมาก( เว่อร์ไปเว่อร์ไป 555 )
     บทนำเรื่องนี้จะพาผู้อ่านไปอ่านบทสัมภาษณ์ตัวละครดีกว่าเนาะ เพื่อไม่เสียเวลาตามไปกันเลยดีกว่า

“สวัสดีผู้อ่านทุกคนนะครับ  ที่กำลังพูดอยู่นี้สแกนเองนะครับแล้วก็น้องข้าวตู นี่เลยยืนอยู่ด้านข้างผมนี่แหละ  อยากบอกว่าคู่ของผมจะออกแนวเอ่อ  คนนึงซ่ามาก แต่อีกคนออกขรึมๆ เก๊กๆ ประมาณนี้นะครับ  ”

“แล้วมีช่วงไหนที่จะดราม่าบ้างไหม”

“ก็มีครับตอนไปขอลูกชายเค้าที่ภาคอีสาน  แต่กำนัน พ่อของข้าวตูไม่เห็นด้วย  ทำให้เราเกิดท้อ  แล้วยังต้องฝ่าด่านวัดใจพ่อตาอีกนะครับ ฮ่าๆๆ”

“แล้วข้าวตูมีอะไรอยากจะบอกผู้อ่านหน่อยใหม่”

“อืมก็ เรื่องนี้เรื่องใหม่ ใหม่มากๆเลยก็ว่าได้ของผู้แต่งเนาะ  ข้าวตูไม่อยากพูดอะไรมาก อยากให้ติดตามเองดีกว่า  ตัวตนข้าวตูจะออกแนวสู้คน ไม่ยอมคน รักในสิ่งที่ถูกต้องเนาะ นะครับยังไงก็  อย่าเพิ่งไม่ชอบข้าวตูนะครับ  แต่รับรองสนุกแน่นอนครับ”

“อะไรๆ แค่นี้”

“โอ้ยพอแล้วผมพูดไม่เก่ง”

“ตอแหลไอ้ข้าวตูในนิยาย พูดซะพี่สแกนเค้าเบื่อ  แทบอยากจะหาอะไรอุดปาก”

“เฮ้ยอย่าเพิ่งบอกผู้อ่านดิ  จะไม่สนุกนะผู้แต่งอ่ะ”

“เออ ขอโทษลืมตัว  ไปแล้วๆ ยังมีอีกหลายคู่ เฮ้อ ”

    ให้ตายเถอะคู่นี้ทำเส้นผู้แต่งมาก  นี่ผมแต่งพวกมันมานะ ไม่ได้ๆ อย่างนี้ต้องแต่งบทลงโทษด้วยดีไหม




“ผ่านไปแล้ว 1 คู่  ตามมาที่เต็นท์เลย  นี่ไงพระเอกสุดหล่อ  โปเลย์ รึว่า เลย์ของเรานะครับ กำลังอ่านบทอยู่  ว่างเปล่าตัวเอง”

“สวัสดีครับผู้อ่านทุกคน ว่างครับว่าง”

“แหมว่างเร็วนะ เมื่อกี้ยังเห็นอ่านบท”

“ไม่จำเป็นครับ แค่กลัวพูดผิด แต่บทบาทจริงผมสื่อได้ สื่อให้น้องปาร์ตี้ได้ครับ ก็ชอบเค้าแล้วอ่ะเนาะ”

“แหมๆ แรงนะๆ  มีอะไรจะบอกผู้อ่านบ้างรึเปล่าเรื่องใหม่นี้”

“ครับก็ เรื่องราวของเลย์เองนะครับ  ก็ขี้กังวล ขี้อาย ไม่กล้าตัดสินใจ  จนเพื่อนๆในเรื่องบอกว่า ผมชื่อ ลังเล ฮ่าๆ  ก็กลัวว่าผู้หญิงที่เข้ามาชอบเราเค้าเห็นว่าเรารวยอย่างเดียวรึเปล่าอะไรงี้ หวังเงินอย่างเดียวรึเปล่า รึว่ารักเราจริงๆ”

“ไม่หรอกมั้ง  หน้าตาหล่อเทพขนาดนี้”

“บทพี่  มันเป็นบทบาท  พี่แต่งให้ผมเป็นแบบนี้”

“อ้อหรอครับ เออใช่ๆ  ไม่มีอะไรต่อแล้วเนาะ เออ เรามาดูด้านน้องปาร์ตี้ดีกว่า  คำถามแรกชอบพี่เลย์ป่ะ?”

“ชอบครับ”

“โอโห ตอบเสียงดังฟังชัด พระเจ้าช่วย ไอ้เลย์ยิ้มใหญ่แล้วหันไปดูดิ   แล้วเราจะบอกอะไรผู้อ่านหน่อยไหม”

“ก็ติดตามปาร์ตี้ด้วยนะครับ  เป็นคนซื่อๆ  ประมาณว่าอ่อนต่อโลก แต่จริงๆไม่ใช่เนาะ  ฮ่าๆๆ  พี่เลย์เค้าเลยชอบ  เพราะเราเป็นตัวของเราแบบนี้ แล้วก็ไปเจอกันที่แรกก็เกิดความรู้สึกแบบว่าพี่เค้าเป็นคนกังวลไปรึเปล่าประมาณนี้อ่ะ  หมดแล้ว บอกหมดเดี๋ยวไม่สนุก”

“อ้อ โอเคๆ  คู่สุดท้าย อยู่ทางไหนนะ  อืม อ้อๆ  อยู่ทางโน้นแหน่ะ เฮ้ยขึ้นมาก่อนพากันไปเล่นน้ำเฉยเลยครับผู้อ่าน”

“ทุกวันแหละปาร์ตี้เห็นพี่ใจเจ๋งกับเกี๊ยวปลาไปเล่นน้ำทุกวัน”

“โอ้โห  นี่ไม่ได้แต่งบทให้มีการเล่นน้ำนะ”

“ไม่รู้สิ  ลองไปถามพี่ใจเจ๋งดูนะ”




5 นาที ผ่านไป

“สวัสดีครับผู้อ่าน ขอเสียมารยาทนะครับ ท่อนบนไม่ได้ใส่เสื้อ เพิ่งเล่นน้ำมา”

“สำคัญตัวหรอ  คิดว่าผู้อ่านจะฟินไหม  ”

“แน่นอน  โห คุณผู้อ่านครับ มาดูกล้ามผมเนี่ยสุดๆ  ซิกแพค ไม่ต้องพูดถึง หุ่นนักกีฬาชัดๆ สาวๆที่มหาลัยชอบจะตาย ส่วนเรื่องราวของผมก็ประมาณว่าเพลบอยอ่ะครับ  แต่วันนึงไปเจอเกี๊ยวปลาเข้า ก็เลย งงว่าไอ้เด็กคนนี้มายุ่งไรวะ อะ อ้าว พี่ พี่ น้องเกี๊ยวปลาหาย”

“ไม่เป็นไรๆ  พูดต่อๆ  ผู้อ่านเค้ารออยู่”

“ครับก็เกี๊ยวปลาไม่ชอบให้เราทำแบบนั้น  ก็กลายเป็นว่าถูกน้องเค้าแช่งให้ใจผมมันเจ๊งไปเลย ฮ่าๆๆ”

“อ้อจากใจเจ๋ง เป็นใจเจ๊ง ซะงั้น  โอเคๆ  เดี๋ยวให้ใจเจ๋งไปตามเกี๊ยวปลาก่อนเนาะ”




5 นาทีผ่านไป

“อะไรเนี่ยคู่นี้เปลืองเวลาจริงๆ  คู่อื่นเค้าแปบเดียวเสร็จแล้ว”

“ขอโทษครับพี่  พอดีเข้าห้องน้ำ ปวดท้องนิดหน่อย”

“เฮ้ย ไม่ต้องบอกละเอียดขนาดนั้น  นี่ออกอากาศนะ( แซวๆ )”

“เฮ้ยจริงหรอพี่ คัดก่อนๆ  ”

“ไม่ต้องพูดมามีอะไรจะบอกผู้อ่านของเราบ้างเกี่ยวกับคู่ตัวเอง”

“ก็พี่ใจเจ๋งบอกไปหมดแล้วอ่ะเนาะ  เกี๊ยวเองก็ไม่ชอบพี่เค้า ไปกวนบ่อยๆ กลายเป็นว่าเค้าโมโหที่ไปยุ่งมากไป  กลายเป็นว่ามายุ่งเราแทน  แล้วพอนานๆไปก็รู้สึกแบบว่า เฮ้ยมันใช่แน่หรออะไรงี้ เพราะเรายังไม่เคยมีใจชอบผู้ชายอะไรอย่างนี้นะ  พอแล้วบอกหมดไม่สนุก”

“อ้าว  บทจะตัดก็ตัดไป  ครับท่านผู้อ่าน นี่คือบทนำนิยายเรื่องใหม่ของผม  ที่สุดแหวกแนวมาก  ไม่เหมือนบ้านเหมือนเมือง ปกติ
จะเริ่มเรื่องตอนที่ 1 เลย เรื่องนี้พิเศษหน่อยมาเปิดฉากบทนำ วันนี้ลาไปก่อน  พบกันในนิยายเลยแล้วกันตอนที่ 1 อัพวันไหนไม่รู้
ด้วยสิ ฮ่าๆๆแต่จะมาให้เร็วที่สุดนะ สวัสดีครับ บ้าย บาย ”


เรื่องวุ่นวาย แสบๆ คันๆเคมีไม่ตรงกันอย่างนี้  กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ แล้วคุณจะรู้ว่าความรักมันดีอย่างไร  น่ารักแค่ไหน  บางทีคุณอ่านไปๆอาจจะคิดอยากมีความรักกับเค้าบ้างก็ได้นะ


COMING SOON !!



 :mew3: :mew1: :mew3: :mew1: :mew3: :mew1: :mew3: :mew1: :mew3: :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-04-2013 15:46:31 โดย loveice »

อยากกินไข่พะโล้ โปะ

  • บุคคลทั่วไป
ว้ายยย  ฟิน

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
+1ให้ก่อนเลย :pig2:
ถ้าจะสนุกนะเนี่ย
มาต่อตอน1เร็วๆๆเน้อ

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
เปิดตัวแปลกมากกกกกกกก :katai2-1:

มารอตอนต่อไปจ้า  :katai5:

loveice

  • บุคคลทั่วไป
อ่ะๆ จุดพรุฉลองกับนิยายใหม่ของผมก่อนนะ^^ :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: 
เปิดตอนแรกด้วยความสดใส  อาจจะไม่อะไรมาก  สำหรับตอนนี้  เชิญอ่านได้เลยจ้า^^






:serius2: น้องปี 1 สุดซ่า กับ พี่นักศึกษาสุดเท่ห์ :hao3:
ตอนที่ 1


                ดูเหมือนกามเทพตัวน้อย จะเริ่มเตรียมยิงธนูเข้าไปในเช้านี้ที่จังหวัดหนองคายเป็นที่แรก  ที่นี่วันนี้ดูจะไม่ค่อยเงียบเท่าไหร่  ในแถบชุมชนนี้   เสียงหนุ่มผู้ชาย ตัวเล็ก ในตาแน่วแน่  แต่ดูเหมือนจะซนๆปนๆอยู่ภายในแววตา  กำลังวิ่งไปที่วัดอย่างกุลีกุจอ  ไปทำไมนะหรอ  ไปบอกข่าวดีให้แม่กับพ่อเค้ารู้ไง   ว่าลูกชายพ่อกำนันคนนี้เค้าไปสอบโควตาแล้วติดที่มหาวิทยาลัยรัฐในกรุงเทพที่หนึ่ง  ด้วยความดีใจ จึงต้องวิ่งจากบ้านมาแบบนี้   ช่วงระหว่างทางก็  มีคนทักๆไป  มีแซวบ้างอะไรบ้าง  แต่เค้าคนนี้ก็บอกไปยิ้มไปวิ่งไป  ไม่ยอมหยุด จนมาถึงบ้านป้าคนหนึ่ง ที่หนุ่มน้อยคนนี้รู้จักดีทีเดียว

 “เฮ้ย ไอ้ข้าวตู  แกเป็นอะไรของแกวะ ร้องตะโกนดีใจอะไร รึว่าผีมันเข้า” ป้าร้านขายของถามด้วยความตกใจ

“แหมๆ เปล่าจ้ะ ป้า  ฉันแค่กำลังจะไปบอกข่าวดีกับพ่อ กับแม่นะจ้ะ  ไปแล้วๆป้า”

“เออๆ   พ่อกำนันกับแม่กำนันเอ็งนะอยู่ที่วัด  แกอย่าไปแหกปากตอนพระสวดละกัน ”

“โถ ป้า น้อยๆหน่อยเถอะ ฉันลูกชายพ่อกำนันนะจ้ะ  ไม่ไปสร้างวีรกรรมในวัดหรอก  ทำไปเดี๋ยวบาปมาพอดี”

“จ้าๆ พูดดีนะข้าวตู ฉันเห็นมาแต่เด็ก ไปก่อเรื่องซนๆไปทั่ว  คนแถวนี้รุ่นเดียวกับแกจะมีใครไม่กลัวแกบ้างนะ”

“แหนะๆ ไม่รู้สิจ้ะ ไปแล้วป้าเสียเวลา”

“อ้าวเฮ้ย ไอ้ข้าวตู  แหม เสียเวลา ให้มันได้อย่างนี้สิ  เมื่อวานทำไอ้เตี้ย ลูกข้าหัวแตก ยังไม่ได้คุยเลยเชียวนะโว้ย ”

  เด็กหนุ่มวิ่งไปไปฟังคุณป้าเอาเสียเลย  วิ่งจนถึงวัดแต่ก็หยุดเสียก่อนเพราะเจอคู่ขาเก่า ที่ประตูวัด  เป็นชาย 4 คน วัยประมาณ
21 ได้ดูก็รู้ว่าเป็นลูกกำนันหมู่บ้านใกล้เคียงกับลูกน้องว่าแต่มันมาทำอะไรที่นี่นะ  เด็กหนุ่มได้แต่คิด

“อ้าวเฮ้ย พวกเรา นี่มันน้องข้าวตูผู้น่ารักนี่หวา มาทำบุญที่วัดหรอจ้ะ”

“จะให้ฉันไปทำบุญที่บ้านรึไงกัน  ฉันรีบ ถอยไปซิ ”  เด็กหนุ่มพูดไปแบบเหวี่ยงๆแล้วเลี่ยงตัวจะเข้าวัด แต่แล้วคนด้านหน้าก็เอา
แขนหนาๆมากันทางไว้ที่ด้านหน้าของคนตัวเล็กกว่า  แต่แววตาข้าวตูคนนี้เหมือนกำลังเริ่มเคืองๆคนตรงหน้าอยู่ไม่น้อย

“เดี๋ยวก่อนสิน้องข้าวตู  อยู่คุยกับพี่พอให้ชื่นใจหน่อยจะได้ไหมจ้ะ”

“นี่ๆ น้อยๆหน่อยจะได้ไหม  ไม่ได้คุยกันสักวันฉันจะขอบพระคุณแกอย่างมากไอ้พี่สิงโต อีกอย่างนะฉันเป็นผู้ชาย”

“ไม่ได้หรอกนะจ้ะ  ถึงเป็นผู้ชายแต่พี่สิงโตลูกชายกำนันเสือ รักจริงนะจ้ะ  พี่สิงโตนี่แค่ไม่ได้คุยกับน้องข้าวตูแค่วินาทีเดียวพี่ก็
ขาดใจแล้ว”

“โอ้โห  ให้ฉันฟินกับคำพูดแกไหมไอ้พี่สิงโต    ได้!  ถ้าไม่หลีกทางให้ฉัน  พวกแกก็ตาย ยาก  โชะ เชะ ”

“เฮ้ย หยุดก่อนจ้ะน้องข้าวตู แหมหยอกนิดเดียวจะทำร้ายพี่สิงโตคนนี้แล้วหรอจ้ะ  ที่นี่มันวัดอย่ามีเรื่องเลยนะ”

“เออ รู้ก็ถอยไปสิ”

“จ้ะ พี่ถอยแล้วจ้ะ”

                    ให้ตายสิ หนุ่มน้อยปาดเหงื่อก่อนจะเดินเข้าไปในวัดไม่สนใจพวกสิงโตเลย  ไม่รู้จะอะไรนักหนา อยู่กันคนละบ้านแล้วแท้ๆ ที่บ้านไม่มีวัดหรือไง ข้าวตูอารมณ์เสีย ชิ

“เฮ้ยพี่สิง  ปล่อยไปได้ไงพี่”

“ฮาๆ ปล่อยไปได้ไงหรอ ฮาๆ ตลกๆ  ไอ้ปลา นี่แหนะ  ไม่เห็นหรอว่าเมื่อกี้ข้าเกือบโดนเล่นงานแล้ว ตบกะโหลกสักทีดีไหม”

“โอ้ ไม่จ้ะพี่สิง ไม่แล้วจ้ะ เจ็บ จ้ะเจ็บ ”

 ข้าวตูเดินไปถึงโบสถ์วัด แล้วเข้าไปหาพ่อกับแม่  แต่ดูเหมือนข้าวตูจะลืมตัวอะไรสักอย่างหนึ่งนะ  เฮ้อไม่ไหวเลย

“พ่อจ๋า แม่จ๋า ข้าวตูมีเรื่องจะมาบอกจ้ะ”

              ด้วยความมั่นใจและอาจหาญ ข้าวตูที่น่ารักตะโกนออกไปอย่างดีใจ  ทำให้คุณลุง คุณป้า คุณตา คุณยาย ที่ฟังเพราะ
สวดอยู่หันมาหมดเลย

“ไอ้ข้าว  แกจะตะโกนทำไมวะ”

“เอ่อ คือ ขอโทษจ้ะ  พอดีมีเรื่องดีใจ  เอ่อ แหะๆ นิดหน่อย นะจ้ะ”

“โยมข้าวตู”

“จ๋าหลวงพ่อ  ข้าวตูผิดไปแล้วจ้ะ อย่าว่าข้าวตูนะจ้ะ”

“หลวงพ่อบอกไปหลายครั้งแล้วว่าให้มีสติใจเย็นๆ แต่วันนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน”

“เอ่อ หลวงพ่อเจ้าขา  ฉันอาหารเช้าเลยดีไหมเจ้าคะ ไหนๆก็เสร็จแล้ว  ส่วนแกไอ้ข้าวตูเรื่องดีใจของแกนะมันอะไร ถึงได้ตะโกน
ผ่าวงพระสวดแบบนี้”

“เอ่อคือ ฉันสอบติดที่มหาวิทยาลัย………..ในกรุงเทพนะจ้ะแม่”

“จริงหรอ  เออๆดีๆ  แม่จะให้แกไปอยู่กับป้ามะลิแล้วกันนะ  ป้าเค้าทำงานอยู่แถวๆมหาวิทยาลัยแกเลยเชียว”

“จริงหรอจ้ะแม่ แม่ให้ฉันไปเรียนจริงๆนะจ้ะ”

“เออๆ ให้ไปนะให้อยู่แล้ว แต่โน่น เหลืออีกคนหนึ่ง  ไปถามพ่อกำนันแกโน่นไป ผู้ออกเงิน”

“พ่อจ๋า พ่อ”

“หยุดเลยไอ้ข้าวตู  พ่อได้ยินแล้ว ไว้ไปคุยที่บ้าน พ่อกำลังจัดพาข้าวให้หลวงพ่ออยู่ไม่เห็นหรอ”

  ข้าวตู ยิ้มให้พ่อเหมือนจะไม่เต็มนะ ก่อเรื่องเมื่อกี้แล้วยังจะยิ้มได้ สงสัยจะมีความสุขจริงๆ  ข้าวตูของเรา


    ที่จังหวัดตราด  สวนใจรัก เป็นสวนผลไม้ในเนื้อที่กว่า 200 ไร่ จริงๆมีที่อื่นอีก แต่ที่นี่พื้นที่เยอะสุดแล้ว  เด็กหนุ่มแว่นแดง วัยสดใสกิ๊กก๊อก  กำลังเข้าดูผลประกาศอยู่ใต้ต้นทุเรียนใหญ่ กับผีเสื้อปีกน้ำเงิน 2 ตัวที่บินวนอยู่ตัวเค้า  และนี่คือเด็กหนุ่มแว่นแดงชื่อของเค้าคือ   ปาร์ตี้  เป็นคนซื่อๆ แต่จริงใจ  มุมานะ อุตสาหะ อดทน 

“อ้าวปาร์ตี้ลูกพ่อ มานั่งทำอะไรครับ แดดร้อนนะ”

“คุณพ่อ  นี่ไงครับ   ปาร์นี้สอบติดที่มหาวิทยาลัย………ด้วยดูสิครับ”

“เก่งๆลูกพ่อ ได้คณะที่ตัวเองชอบมันก็ดีนะ  แล้วนี่พ่อต้องอยู่ที่ตราดคนเดียวแล้วละสินะทีนี้”

“โถ พ่อครับ อย่าน้อยใจไปเลย ปาร์ตี้จะกลับมาทุกๆวันศุกร์ก็ได้นะ”

“ฮาๆพ่อล้อเล่น  ไปเรียนเถอะ  พ่ออยู่ได้ มีคนสวนที่นี่อยู่กับพ่ออยู่แล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นปาร์ตี้ขอไปเตรียมตัวเก็บของเข้ากรุงเทพก่อนนะพ่อ  ”

“อือ ครับลูก”

     เด็กแว่นแดงวัยน่ารักตัวเล็กๆยิ้มแป้นพลางจัดระเบียบขาแว่นให้ได้ที่ แล้วค่อยลุกขึ้นวิ่งไปที่รถมอเตอร์ไซ จอดอยู่ข้างทาง
ถนนในสวน  ชายวัยกลางคนผู้เป็นพ่อก็อดจะเป็นห่วงลูกชายไม่ได้

“ปาร์ตี้ จะไปอยู่เมืองหลวงได้ไหมหนอ  เป็นห่วงจัง”   ลองดูไม่ลองไม่รู้ลูกเราจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ด้วย



ห้างทองเฮียกง  ที่สุพรรณบุรีจ้า 

            ฉายาดังไกลกระฉ่อนว่าลูกชายเฮียกง น่ารักน่าเอ็นดู  แก้มเป็นแก้ม ปากเป็นปาก หน้าคล้ายแม่มากกว่าพ่ออีก  เค้าคนนี้
สดใส ร่าเริง แต่แล้วก็……….

“ป๊าๆๆๆๆ ม๊าๆๆๆๆๆๆ”  เสียงดังแจ่วๆ ของอาตี๋น้อย น่ารัก   หัวแก้วหัวแหวนของป๊ากับม๊า  ดังจากในบ้านออกมาที่ห้างทอง

“โอ้ย อะไรของลื้ออาเกี๊ยวปลา  ม๊าตกใจหมดเลย ตะโกนทำไม”

“นี่ไงม๊า  เกี๊ยวสอบติดที่มหาวิทยาลัย….แล้วม๊า”

“เออๆ มีหน้าที่เรียนก็เรียนไป  ม๊าจะขายของต่อ”

“นี่ๆม๊า   มีอารมณ์ร่วมกับเกี๊ยวหน่อยสิครับ  คนอุตส่าห์สอบติดทั้งทีนะ”

“ดีใจจังๆ  ลื้อพอใจรึยัง ”

“ม๊า ไม่ได้ให้ดีใจประชดแบบนั้น  ไม่เอาแล้ว  ตกลงเกี๊ยวเอาที่นี่นะ  ไฮโซดี  แถมเป็นมอรัฐด้วย ”

“อืมๆตามใจๆ  ม๊าไม่อยากยุ่งเท่าไหร่เลย  ม๊าว่าออกมาทำงานที่ร้านทองกับม๊าดีกว่านะ อาเกี๊ยวปลา”

“ไม่เอาหรอก  เกี๊ยวไม่อยากอยู่เฝ้าร้านทองทั้งวันหนิ”

                หนุ่มน้อยหน้าตี๋ น่ารักบอกออกไปทั้งสีหน้าที่กำลังแสดงอยู่  ว่าเบื่อจริงๆที่ต้องอยู่บ้านเฝ้าร้าน

“จิจิจิ( ทำเสียงปาก ) อาเกี๊ยว ลื้อพูดอะไรออกมา  นี่ร้านทองของลื้อนะ สมบัติลื้อ”

“ไม่จริงอ่ะ พอมีคนเข้าร้านได้หน่อย เค้าซื้อไปก็เป็นของลูกค้าแล้ว”

“ก็นั่นแหละสมบัติ”

“ไม่คุยกับม๊าแล้ว  ไปดีกว่า”

“อ้าวลูกคนนี้ ไปซะแล้ว  ฮาๆ อำเล่นนิดหน่อย งอนหน้าตุ๊บป่องไปโน่นแล้วฮาๆๆ น่ารักเหมือนตอนม๊างอนป๊าลื้อเลยนะ น่ารักๆ

เฮ้อ  อ้าว โกรธจริงเปล่านั่น  ฮาๆ ”

      ไม่ว่าจะเป็นข้าวตู ไม่ว่าจะเป็นปาร์ตี้ ไม่ว่าจะเป็นเกี๊ยวปลา  ทุกคนก็ตื่นเต้นกันทั้งนั้นแหละ กับมหาวิทยาลัยใหม่ เจออะไรใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆเสียที ใครๆก็บอกมาว่าที่มหาวิทยาลัยอย่างนั้นอย่างนี้ ดีอย่างโน่น ไม่ดีอย่างนี้ อิสระ ได้เห็นอะไรต่างๆที่ไม่ได้เห็น

       แต่แล้ววันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วตอนนี้ทั้งสามคนได้เข้ามาอยู่ที่มหาวิทยาลัย……แล้ว ตอนนี้อยู่ในช่วงรายงานตัวเข้าหอพัก  และเป็นที่น่ายินดี โชคชะตาของทั้งสามโคกัน  หอในห้องหนึ่งอยู่กันได้ 4 คน  บังเอิญว่าทั้งสามคนนี้ได้อยู่ห้องพักเดียวกัน  จริงๆเหลือที่ว่างนะ  แต่ว่าคนๆนั้นเค้าออกไปแล้ว  ยังไม่ทันได้เห็นหน้าเห็นตาเลย  เลยเหลือกันแค่ 3 คน  หลังจากที่เงียบมานาน  ข้าวตูเองก็อึดอัดนะ เลยชวนคุย

“นายๆ ชื่ออะไรกันบ้าง” ข้าวตู เปิดประเด็นก่อนเพื่อน

“เราชื่อเกี๊ยวปลา  นายละ”

“เรา ข้าวตู  อืมแล้วนี่นายแว่นแดงนะ ชื่ออะไรหรอ”

“อ้อเราชื่อปาร์ตี้ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ”

            ปาร์ตี้ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ส่วนเกี๊ยวปลาก็จัดของไปเรื่อยๆ  ข้าวตูก็กำลังทำความสะอาดห้องพัก

จู่ๆข้าวตูก็ต้องถามขึ้นมาหลังจากที่เห็นปาร์ตี้ทำอะไรไม่รู้ที่หน้าต่างยืดๆหดๆ

“เดี๋ยวๆ  ปาร์ตี้  นั่นนายจะทำอะไร ให้ช่วยไหม แลดูยากๆ”พอข้าวตูเดินเข้ามาถาม  เห็นปาร์ตี้กำลังจะแขวนต้นกล้วยไม้ อย่าง
ยากลำลากเลยอาสาช่วย

“อ๋อ คือว่าเราจะแขวน ต้น กล้วย เฮ้ย ”  ไม่ทันระวังปาร์ตี้พลางปล่อยที่แขวนหล่นมือ  กล้วยไม้หล่นลงไปที่พื้น เกี๊ยวปลาเองก็รีบ
วิ่งสไลด์ตัวเข้ามาช่วย  แต่ปาร์ตี้เองกลับหลับตาปริบๆ เพราะเค้าเองขี้ตกใจ

“ทุกคนขอโทษนะครับ”ปาร์ตี้ เอ่ยออกมาทั้งๆที่ยังไม่ลืมตาเลย  พลางยกมือขอโทษ 

“เฮ้ย ปาร์ตี้  กล้วยไม้แกยังไม่เละหรอก เรารับได้ทัน ” เกี๊ยวปลาสะกิดเพื่อน ก่อนที่ปาร์ตี้จะตัดสินใจลืมตา

“เฮ้อ โล่งใจ  ขอบใจมาก”

“อืมไม่เป็นไร  นี่คราวหลังถ้าไม่ถึงก็ไปเอาเก้าอี้มาต่อปีนขึ้นนะ ไม่ใช่ไปยืดตัวอยู่อย่างนั้น”

“อืม เข้าใจแล้วเกี๊ยวปลา  ไหนๆก็ ถ้าทำความสะอาดเก็บข้าวของเสร็จแล้ว พวกเราไปกินข้าวไหม  เราหิวแล้วอ่ะ”

        ปาร์ตี้เอามือลูบท้องตัวเองไปมา  เพื่อนคนอื่นเห็นก็พากันหัวเราะ  แต่เอาเข้าจริงๆเสียงท้องของข้าวตูและเกี๊ยวปลาก็ดังขึ้น

        ผ่านไปได้ไม่นานสามหนุ่มน้อยว่าที่นักศึกษาทั้งสามก็เดินลงมาหาร้านอาหารเพื่อทานข้าว  ว่าแต่พวกเค้าก็ไม่ชินทางในมอ

เสียด้วยแล้วจะเอายังไงต่อดี คิดสิเด็กๆ  มืดแปดด้านเลยทีนี้ 

“มอนี้ก็ใหญ่เนาะ ว่าเปล่า   ” ข้าวตูพูดแล้วมองไปรอบๆเผื่อจะเจอร้านอะไรแถวนี้บ้าง

“ว่าอย่างนั้นแหละข้าวตู  เราว่าไปถามผู้หญิงสองคนตรงนั้นดีกว่าไหม”

“ก็ดี  แต่ฉันขออยู่ตรงนี้รอนะทุกคน” เกี๊ยวปลา  พูดแล้วนั่งลงไปที่โต๊ะม้าหินอ่อนที่อยู่ด้านข้าง สบายใจ

“แหมๆ กินแรงเพื่อนตั้งแต่วันแรกเลยนะ ไอ้ตี๋”

“อะไรของลื้ออาข้าวตู”

“ฮาๆ พูดกันแบบนี้ก็ฮาดีเนาะว่าไหม เกี๊ยวปลา”

“จริงหรอ  นึกว่านายจะฟังไม่ถนัด มาจากอีสานไม่ใช่หรอ”

“อืมมันก็ใช่นะ แต่ก็พอได้ยินได้ฟังมาบ้างแหละ  เราไปถามผู้หญิงสองคนนั้นก่อนนะ รอตรงนี้แหละ ปะปาร์ตี้ไปกันเถอะ”

              ข้าวตูเดินเข้าไปหาโดยเร็ว  ไม่รอแม้กระทั่งคุณเพื่อนที่เดินมาด้วย  สงสัยจะหิวจัด


“พี่ๆ  แถวนี้มีร้านข้าวที่ไหนอยู่ใกล้ๆบ้าง”

“ว้าย ตายแล้วแกดูสิ รุ่นน้องปี 1 หรอค่ะ  ”

“อ่อใช่ครับ”ข้าวตูตอบไปพลางทำหน้าประหลาดใจ  ปาร์ตี้ได้แต่ยืนหัวเราะ

“ว้ายตาย  ใช่จริงๆด้วย  น่ารักอ่ะ ตัวเล็กๆแบบนี้ชอบผู้ชายหรือว่าผู้หญิงแบบพี่คะ  น่าเอ็นดูจัง อย่างกับตุ๊กตา”

“เอ่อ คือ แหะๆ พี่ครับ  ร้าน  ข้าว   ไปทางไหนครับ” ข้าวตูพูดเน้นๆที่ ร้านข้าว เพื่อเปลี่ยนเรื่องคุย

“ทางโน้นจ้ะ” 

              ข้าวตูงงเข้าไปใหญ่ก็พี่เค้าเล่นเอาซะชี้ไปคนละทางเลย ให่ตายสิ นี่รุ่นพี่ที่มอนี้ไหมนะ

“อุ๊ยขอโทษจ้ะ  ทางโน้นจ้ะ พี่ชี้ผิด  เดินไปเลยแล้วตรงไป ทางนั้นแล้วเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เลี๊ยวซ้ายอีกทีก็ถึง   ว่าแต่ว่าน้องน่า
รักอ่ะ  มีแฟนยังคะ”

“อ๋อ แลดูไปยากเหมือนกันเนาะ  ”ข้าวตูพูดแล้ว ขำๆกับพี่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกอย่างก็กลบเกลื่อนคำถามเมื่อกี้นี้ด้วยแหละ

“พี่ครับขอบคุณมากนะครับ”ปาร์ตี้ไหว้พี่เค้า  ให้ตายเถอะปาร์ตี้เค้าสุภาพจัง แตกต่างจากข้าวตูโดยสิ้นเชิง



            และแล้วก็เสร็จสิ้น  แต่น่าแปลกใจ พอข้าวตูกับปาร์ตี้เดินกลับมาที่เดิม แต่กลับพบว่าเพื่อนตี๋หายไป   เมื่อกี้ไอ้เกี๊ยวปลามันนั่งตรงนี้นี่นา แล้วตอนนี้มันไปไหนนะ

“เฮ้ย ข้าวตู  เกี๊ยวปลาหายไปไหน”

“นั่นสิเมื่อกี้ก็บอกจะรอที่นี่ แล้วตอนนี้ละ”

“ข้าวตูตายแล้ว  ไปดูนั่นเร็ว ตรงนั้นไง  เกี๊ยวมันไปพูดอะไรกับพี่เค้าตรงนั้นอ่ะ”

              ให้ตายสิพอสองคนนี้มองไปก็ดูราวเหมือนกับว่าเพื่อนของเค้ากำลังไปยืนด่าพี่ผู้ชายคนนั้นอยู่เลย  พอไปถึงเหตุการณ์
ก็แย่ลงไปมาก  เสียงดังแจ่วๆดังขึ้นๆ  จนได้ยิน

“……..ทำไมพี่ทำตัวแบบนี้  ผู้ชายเปล่า พี่ผู้ชายรึเปล่า  ทำกับผู้หญิงได้ยังไง”

“อะไร  ทำอะไร  ”  พี่ตัวสูง ผิวขาว หน้าตี๋ๆ ตอบคำถามเกี๊ยวปลาไปอย่างงงๆ  ตอนนี้เค้างงมาก งงยิ่งกว่าอะไร  ก็จู่ๆ เกี๊ยวปลาก็
เข้ามาไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร  มาถึงก็ด่าใส่ๆ  เค้านี่แทบอึ้ง

“อ้าว  ก็เมื่อกี้ไป ลวนลามพี่ผู้หญิงคนนั้นก่อนทำไม”

           ข้าวตูกับปาร์ตี้มองหน้ากันไปมา  ไหนวะผู้หญิงที่ไอ้เกี๊ยวพูดไม่เห็นจะมีเลย สงสัยไปแล้วแหละ

“โถ  จะอะไรนักหนาวะ  นี่ๆ  ไอ้เด็กเตี้ยมาทางไหนไปทางนั้นเลยนะ  เรื่องของคนอื่นเค้า ไม่เกี่ยวกับเด็กๆ”

“น้อย พูดหน้าไม่อาย จะไม่เกี่ยวได้ไง  สิทธิมนุษยชน ล่วงละเมิดแบบนี้  มันผิดนะ”

“โอ้ย ตายๆ ปวดหัว  น้องครับนี่เพื่อนน้องใช่ไหม เอาไปเลยนะครับ ช่วยเลยครับ เร็วเลยครับ ลากมันไปตอนนี้เลยนะครับ  พี่ไป
แล้วนะ  เหอะๆ ”

“ครับๆ  ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับพี่” ปาร์ตี้กับข้าวตูยกมือขอโทษแทนไอ้เกี๊ยวปลามัน

“ครับน้องแว่นแดง เพื่อนน้องก็น่ารักอยู่หรอกนะ แต่ดูสิทำเหมือนสุนัขที่มันยังไม่ฉีดวัคซีนไปได้ เฮ้อ คราวหลังทำตัวให้มันน่ารัก

เหมือนหน้าตาหน่อยนะหนุ่มน้อย”

“ตายแล้ว  นี่ๆ   ไปง่ายๆแบบนี้ได้ไง ฮะ โหพูดขี้มาก้อนโตแล้วจะหนีหรอ  ทำอย่างนี้จัดยัดใส่ปากเลยดีไหม กลับมาก่อนกลับมา ด่าแล้วชิ่งหนีหรอ  ไอ้รุ่นพี่ ไอ้….. ” ทั้งสองคนช่วยกันดึงตัวไว้  ไม่ไหวๆ ซ่าตั้งแต่วันแรกนะไอ้เกี๊ยวปลา

              ชายร่างสูงหน้าตี๋  หันมาโบกมือลาแบบกวนๆไม่ฟังคำด่าเมื่อกี้ก่อนจะขึ้นรถก็ส่ายหัวแล้วขำเบาๆ แล้วขับรถยี่ห้อ opel ขับออกไป ผ่านหน้าเกี๊ยวปลาไป   ดูท่ารวยไม่เบานะพี่ชายคนนี้

“พอได้แล้ว ไอ้เกี๊ยว หยุดก่อน แกไปทำอะไรอีท่าไหนเนี่ย ถึงได้ไปด่าพี่เค้า”

“ก็ปล่อยฉันก่อนสิ”

“อืมๆ อะ ฉันปล่อยแล้ว”

“ก็ตอนที่พวกแกไปถามทางไปร้านอาหาร  ก็บังเอิญไปเจอไอ้พี่โรคจิตชอบลวนลามผู้หญิงเข้า เลยไปสกัดดาว อย่างที่พวกแก
เห็นนี่แหละ”

“ไอ้เกี๊ยว โถเอ้ย หาแต่เรื่อง ดีนะพี่คนนั้นเค้าไม่โกรธเอาเรื่อง เค้าอาจจะเป็นแฟนกันก็ได้”

“ไม่ได้ๆ  ยังไงก็ไม่ได้  ยังไม่ได้แต่งงานกันมาทำแบบนี้ไม่ได้”

“โห  แก เยอะไปเปล่า  ลดๆหน่อยก็ดีเถอะ ”

“ไม่ได้เว้ย  ประเทศชาติต้องการพวกเราอยู่”

“เอ่อ ข้าวตู เราว่าเกี๊ยวปลามันฉุดไม่ไหวแล้วจริงๆนะ ปล่อยๆไปเถอะ ประชาธิปไตยเค้ามาแรงนะ  ”ปาร์ตี้ทำหน้าพึลึกๆกับท่าทางของเพื่อนคนนี้

“นั่นนะสิ  นี่เกี๊ยวปลา พี่เมื่อกี้  แกไม่กลัวเค้าจำหน้าแล้วกลับมาทำร้ายแกหรอวะ”

“ไม่รู้ ไม่ได้ถาม จำได้ก็ดี แต่อย่าให้เจอนะ  คอยดูเลย  ไอ้เพลบอยแบบนี้ ฉันจะขจัดให้มันสูญพันธ์ไปเลย”

“เออๆ ตอนนี้ฉันว่าแกไปขจัดความหิวที่ร้านอาหารก่อนดีกว่าไหม เพื่อน สิทธิมนุษยชนเอาไว้ก่อนเหอะ”

“ก็ได้ๆ  ”เกี๊ยวปลาตอบแล้วเดินนำหน้ายิ้มไป

“อ้าวๆๆๆๆแล้วแกจะเดินไปไหนนั่น” ข้าวตูงงกับเพื่อนเค้ามาก

“อ้าวข้าวตู ปาร์ตี้พวกแกสองคนก็นำทางไปสิ”

“บ้าไปแล้วเพื่อนคนนี้  แกเดินนำก่อนทำไมละ  ไม่รู้ทางเดินสุดท้ายนะครับ”

“ก็คนมันเดือดนี่ นำไปสิ โถเอ้ย  อย่าให้เจอนะไอ้พี่บ้า  พ่อจะจับด้วยทองคำที่ร้านแล้วขึงไว้ที่กลางแจ้งเลย”


ที่ร้านcoffee   แถวๆหน้ามอ   ชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของรถ opel เมื่อกี้ ลงจากรถมาอย่างหัวเสีย  ทำให้เพื่อนๆในร้านที่รู้จักเค้าอดถามไม่ได้

“เฮ้ย  ใจเจ๋ง  ทางนี้วะเพื่อน ” เพื่อนที่รู้จักตะโกนมาทางนี้

“อ้าวพวกแก มากินเหมือนกันหรอ”

“เออสิ แล้วนี่เป็นอะไร หน้าไม่รับแขก”

“เปล่าแค่เจอเด็กกวนประสาทนิดหน่อย อดสนุกเลย เกือบจะได้เบอร์โทรแล้วนะ”

“ฮาๆ นั่นๆ  ขอเบอร์เค้าได้ ก็คบแค่ไม่กี่วันก็เปลี่ยน  ลั้นลาไปไหมวะ ไอ้เสือผู้หญิง ฮาๆ”

“ไม่นี่ พวกแกก็รู้ว่าฉันเป็นแบบนี้  สนุกจะตาย ฮาๆ”

“เออๆ  แล้วนี่คนนั้นที่มากวนแกมันเป็นใครวะ ”

“ไม่รู้ แต่เป็นเด็กหน้าขาวๆ ตี๋ๆ ตัวเล็กๆ  ตากลมโต แก้มยุ้ยๆ”

“โห สวยล่ะสิอย่างนี้ ”

“สวยบ้าอะไรหล่ะ  ผู้ชาย”

“อ้าว ผู้ชาย! หรอ โทษทีนะ ”

“เออสิ ไปแล้วนะ  ไม่กินมันแล้วกาฟงกาแฟ กลับไปหาร้านหรูๆที่ห้างดีกว่า  จะแวะไปหาพ่อไฮโซหน้าหล่อสองคนนั้นด้วย ”

“อ้อ พวกไอ้คุณสแกน กับไอ้คุณโปเลย์ นั่นหรอ”

“เออๆ  ไปแล้ว  เพื่อนฉันมันจะรอเอาได้   ”


  สามหนุ่มน้อย ข้าวตู ปาร์ตี้ เกี๊ยวปลา เดินตามทางที่พี่ผู้หญิงบอก สุดท้ายปลายสายก็หยุดเดิน  พอเงยหน้าขึ้นก็พบว่ามันเป็นห้างสรรพสินค้านี่นา

“เฮ้ยๆๆๆๆๆ  ทำไมเป็นแบบนี้หล่ะ  พี่เค้าให้เราเดินมาที่ห้างหรอ ”ข้าวตูกางแขนออกสองข้างให้เพื่อนหยุดเดิน

“เอาหน่าข้าวตู  มันก็ไม่ไกลมากหนิ  เพิ่งรู้ด้วยว่ามีห้างฯ ใกล้ๆมอขนาดนี้  เข้าไปข้างในกันเถอะ  กิน HotPot ไหม” ปาร์ตี้ออก
ความคิดเห็น

“อืมก็ดี  วันนี้เราเลี้ยงเอง”เกี๊ยวปลาพูดขึ้นพร้อมกับชูบัตรเครดิต

“เอาเลยพ่อตี๋คนรวย” ข้าวตูยิ้มตาเป็นประกาย

“แน่นอน  ไปเลยดีกว่าสั่งอาหารเลย  ”

“เฮ้ๆ” เสียงดีใจของสามคนดังขึ้นก่อนจะเดินเข้าห้างฯไป



ที่ร้าน Hot Pot 

              ทั้งสามคนเลือกที่จะหาที่สิงสถิต  เฮ้ยไม่ใช่ๆ  หาที่นั่งต่างหากแหมๆ  ว่าไปนั่น และแล้วก็เจอที่นั่ง

“ฉันได้ที่นั่งแล้ว เอาตรงนี้แหละ” ข้าวตูกึ่งเดินกึ่งวิ่งแล้วมาหยุดที่โต๊ะมุมสุด  ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่ามีคนนั่งที่โต๊ะข้างๆอยู่ก่อนแล้ว

“เราว่า  กลุ่มเด็กพวกนี้เสียงดังไปนะ”  เสียงทุ้มๆปริศนาดังขึ้นมาข้างๆที่มีฝาผนังไม่สูงมากกั้นอยู่  พูดเหมือนไม่ได้ดังมาก พูด
ลอยๆ แต่มันเข้าหูซ้ายของข้าวตู แล้วบังเอิญว่ามันไม่ทะลุออกหูขวานะสิ

ข้าวตูเองที่เป็นคนพูดเสียงดังเมื่อกี้นี้ แทบจะหุบปากไม่ทัน  พลางมองไปที่โต๊ะนั้นแต่เห็นแค่หัวชี้โด่แค่นั้น

“เอ่อ นี่ๆ เค้าว่าฉันรึเปล่า ปาร์ตี้” ข้าวตูหันมาถามเพื่อนชายแว่นแดงแล้วเอานิ้วชี้ชี้หน้าตัวเอง

“เราว่าชัดเลย ข้าวตู จุ๊ๆ  อย่าพูดดังไปเดี๋ยวเค้าได้ยิน”

              แต่ดูเหมือนคราวนี้เกี๊ยวปลาไม่มีทีท่าว่าจะโต้ตอบ ทั้งข้าวตูแล้วก็ปาร์ตี้กำลังจับตามองเพื่อนคนนี้อยู่พอดีว่าจะไปทำ
อะไรที่ไม่คาดฝันรึเปล่านะ  แล้วทุกคนก็ทำพิธีเบิกการนั่ง  เฮ้ย ทำการนั่งที่โต๊ะ

“เอ่อ ขอโทษค่ะ กี่ที่คะ”

“3 ครับ”

“ค่ะ เชิญตามสบายนะคะ”


“ขอบคุณครับ”

    ว่าแล้วปาร์ตี้คนแรกเลยลุกไปเอาโน่นบ้างนี่บ้าง น้ำจิ้มบ้าง ขนมจีบบ้าง  เผลอแปบเดียว อาหารก็เตรียมพร้อมจะลงหม้อต้มแล้ว ฮาๆ  ทานไปได้ไม่นาน  ก็ไม่คาดคิดสิ่งที่เกิดขึ้น  เมื่อจู่ๆเสียงคุ้นๆของชายที่เพิ่งเข้ามาสมทบ  ที่โต๊ะข้าง

“ว่าไงวะ คิดยังไงมากิน HotPot  ไอ้คุณสแกน ไอ้คุณโปเลย์”

“เปล่าๆ  หรอกเจ๋ง  ฉันถามถามไอ้เลย์ตั้งนานว่าจะกินอะไรเที่ยงนี้ ก็มีแต่อันโน้นอันนี้อันนั้น”

“นั่นไง ไอ้คุณชาย ลังเล เอ้ย ”

    ฟังจากบทสนทนา  ก็รู้แล้วว่าใคร ชื่อะไรยังไง พอดีว่าทั้งข้าวตูและปาร์ตี้นั่งหันหน้าไปทางนั้นเลยเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาคือ พี่ผู้ชายคนนั้นที่เกี๊ยวปลาไปก่อวีรกรรมเมื่อกี้นี้

“มองอะไรกันหรอ” เกี๊ยวปลาถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนตังเองทั้งสองเอาแต่มองหน้ากันสลับกับหันไปมองต้นเมื่อกี้ที่อยู่หลังเกี๊ยวปลา

       ทั้งสองภาวนาขอให้พี่คนนั้นอย่าเดินเข้ามาทักเลยนะ  ไม่อย่างนั้น Hot Pot ร้านนี้เละแน่  แต่แล้วก็สวรรค์ไม่เข้าข้าง  พี่คน
นั้น หันมาเห็นก่อนพอดี  ทำไงดีวะเนี่ย

“อ้าว นึกว่าใคร  พวกน้องนี่เอง  เจอกันอีกแล้วนะ  แล้วนี่อร่อยไหม”

“อ้อ  มิน่าหล่ะถามเพื่อนๆว่าใครมา ที่ไหนได้  แกเองหรอไอ้พี่เฮงซวย หลอกด่าฉันแล้วหนีไปง่ายๆนี่เอง”


“เอ่อ ใจเจ๋ง  มันเรื่องอะไรวะ”  เพื่อนพี่เค้าที่ชื่อเลย์ลุกขึ้นมาถาม

“ก็ไม่มีอะไรหรอก  คือ เจอน้องคนนี้ครั้งแรก ที่มอแล้วไม่HAPPY เท่าไหร่นะ”

“โอ้ยนี่ คิดว่าฉันHAPPY ด้วยไหมฮะ โถ พูดเอาแต่ได้นี่”

“เอาหล่ะๆ  เกี๊ยวปลาพอเถอะ  คนทั้งร้านเค้าหันมามองหมดแล้วนะ  พี่ครับ พวกเราขอหล่ะนะครับ อย่าเพิ่งทะเลาะกันตอนนี้เลยนะ” ข้าวตูพูดเบรกขึ้น

“ครับๆพี่ไม่ถือหรอกว่าแต่  น้องๆชื่ออะไรกันบ้างครับ”

“หยุดเลยนะพวกแกห้ามไปญาติดีกับไอ้พี่นี่เด็ดขาด”

“อ้าว ทำไมหรอ  นี่คนที่Popular อย่างฉันมาถามชื่อนี่ถือว่าสุดๆแล้วนะ  อีกอย่างเนี่ยฉันเองก็ไม่ได้มาถามชื่อนายสักหน่อยนึง
ถามชื่อเพื่อนๆนายโน่น”

“เอ่อๆ  พอเถอะครับ  อย่าทะเลาะกันเลย ผมชื่อปาร์ตี้ครับ  ส่วนนี้ ข้าวตูครับ”ปาร์ตี้พูดตัดบท

“อ้อยินดีที่ได้รู้จักครับน้องทุกๆคน  น่ารักจริงๆ ผิดกับบางคนตรงนี้ดุสุดๆ”

“นี่ๆน้อยๆหน่อยเถอะ แกว่าใครบอกมาเลยดีกว่า  ไม่ต้องอ้อม  ไอ้พี่เพลบอย”

“เฮ้ยหยุดๆ  พอเถอะใจเจ๋งไปนั่งที่โต๊ะไปไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันไม่ใช่หรอวะ นี่ไงไอ้เลย์กำลังจะเลี้ยง ไปนั่งไปเพื่อน” พี่ที่ทำ
เสียงตำหนิข้าวตูครั้งแรกดึงเพื่อนกลับไปที่โต๊ะพลางมองหน้าข้าวตูแบบเย้อหยัน

“เออๆ  น้องข้าวตู น้องปาร์ตี้  ทานเยอะๆนะ”

“ไปได้ก็ดี ไม่อย่างนั้นฉันเอาหมี่หยกนี่ยัดปากไปแน่เลย   จะได้สิ้นเรื่อง คนบ้าอะไรวะ  น่าหมั่นไส้”

“กระแอมๆ” พี่ใจเจ๋งเหมือนจะได้ยินที่เกี๊ยวปลาว่านะ

“ทำไมๆๆ มีอะไรติดคอ อยากให้ช่วยเอาออกหน่อยไหม” เกี๊ยวปลาเอียงข้างไปตะโกนถามพี่ใจเจ๋ง 

             ข้าวตูกับปาร์ตี้ได้แต่มองหน้ากันแล้วส่ายหน้า  อีกอย่าง เพื่อนพี่ใจเจ๋งคนนี้เค้ามีอะไรรึเปล่าทำไมยังไม่ไปนั่งที่โต๊ะหล่ะ  มองข้าวตูไปมองข้าวตูมาแล้วค่อยเดินกลับไปนั่ง

“ เราว่าเพื่อนพี่คนนั้น ดูท่าจะเงียบๆขรึมๆเนาะ ขี้เก๊กยังไงไม่รู้อ่ะ เราว่า”

“หรอไม่เห็นรู้สึกเลยนะข้าวตู  เฉยๆนะ ดีไม่ดีนายคิดมากไปรึเปล่า” ปาร์ตี้หันมาถามผมก่อนจะหยิบเบคอนเข้าปาก

“อืมน่าจะอย่างนั้น กินเถอะ  อ้าวเกี๊ยวปลานายไม่กินแล้วหรอ”

“กินอยู่นี่ไง แต่เหมือนจะไม่อร่อย  เหมือนเมื่อกี้ ”

“กระแอม กระแอม” พี่ใจเจ๋งกระแอมสองครั้ง

“ทำไมมีปัญหามากนักหรอ กระแอมอยู่ได้ฮะ”

“โถเว้ย นี่ๆ สำคัญตัวเองมากไปปะนาย  ฉันกระแอมน้ำจิ้มเถอะ   โฮ อะไรมากมายวะเนี่ย”

“เอ่อ ก็ ก็แล้วๆ ไปสิ ไม่มีอะไรก็ไม่จำเป็นอย่ากระแอมมากนัก คนอื่นกินไม่อร่อย”

“ใครกันแน่ที่ไม่อร่อยคนอื่นเค้ากินๆไปไม่เห็นจะบ่นเลย”
     

    ไม่ไหวจริงๆคู่นี้เอาไปเอามาก็ทะเลาะกันข้ามฟาก  เหมือนเดิม คนโต๊ะอื่นๆก็คงจะงงๆกัน ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมสองโต๊ะนี้ตะโกนคุยกันเสียงดังจัง  ไม่ใช่หรอกเค้ากำลังวีนต่างหาก อีกฝ่ายก็ไม่ยอมล้มเลิกพลอยแต่จะแกล้งต่อไป จนในที่สุดพนักงานเลยเข้ามา




ตอนต่อไปอาจจะนานหน่อยนะครับ  แต่จะอัพลงเรื่อยๆ  ต้องบอกไว้ก่อนเพราะกลัวว่าผู้อ่านจะรอนะ ^^

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2013 11:38:13 โดย loveice »

ออฟไลน์ Aomampapeln

  • แมวเหมียว เมี๊ยว เมี๊ยว~
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
เกี๊ยวกะเจ๋งน่ารักอ่ะ>///<ตงไหน?

na-au

  • บุคคลทั่วไป
สนุกดี คนแก่ชอบ

จิ้มคนเขียนที  :z13:

 :bye2: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ปูเสื่อรอตออนต่อไปจร้า 

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






loveice

  • บุคคลทั่วไป



ตอนที่ 2


  :L1::L2: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :L2: :L1:

      และแล้วพี่พนักงานสาวสวยสุดมั่นก็เดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะพี่ใจเจ๋งของเรา  ทำเอาเจ้าตัวหยุดคีบเบคอนใส่ปากแล้วเงยหน้าขึ้นมามองพนักงานแล้วยิ้มเจ้าชู้ให้นิดๆ  ข้าวตูเองก็กำลังกลุ้มๆ อยู่ไม่นึกว่าเพื่อนตัวเองจะซ่าขนาดนี้ ไอ้เกี๊ยวปลาไม่น่าเลยนะแก  ส่วนปาร์ตี้นะหรอ นั่งกินสบายใจไปเรื่อย สนแต่อาหารที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น

“ขอโทษนะคะ  ช่วยกรุณาลดเสียงลงด้วยนะคะ” เสียงพนักงานเอ่ยขึ้นทำให้ใจเจ๋ง หุบยิ้มแล้วเบ้มาทางเกี๊ยวปลา

“เอ่อ ช่วยไปบอกคนที่โต๊ะโน่นดีกว่านะครับ น้องพนักงานคนสวย” ใจเจ๋งบอกพนักงานแล้วชี้มาที่เกี๊ยวปลา

“โฮ นี่ๆ มากไปปะ โยนขี้ให้ตลอดๆ ตัวเองหล่ะที่ผิด  ไอ้หอยหลอดนี่ ” เกี๊ยวปลาหันมาชี้หน้าใจเจ๋งด้วยไม่ตะเกียบ

“เห็นไหมครับคุณ  คนนั้นเค้าเสียงก็ดังกว่าผมอีก เมื่อกี้ก็ว่าให้ผมด้วยได้ยินแล้วใช่ไหมครับ  นี่นะแถมเป็นคนที่น่ากลัวมากๆด้วย
นะ เห็นไหมครับ  ไปบอกเค้าเลยครับ ก่อนที่วัคซีนจะเอาไม่อยู่นะครับ ฮาๆ”

“คุณคะถ้าไม่หยุดเราจำเป็นต้องเชิญคุณสองคนออกจากร้านนะคะ”

              ใจเจ๋งถึงกับหุบยิ้มแล้วก้มหน้า แลดูน่าสงสสารนะพี่เค้าโดนพนักงานดุ  จู่ๆเกี๊ยวปลาเองกลับพูดขึ้นมาตอบพนักงานสาวอย่างไม่กลัวซะงั้น

“ก็ได้ๆ ถ้าอย่างนั้น คุณต้องเลือกเอาแล้วหล่ะครับว่าจะให้ใครออกจากร้านไปคนใดคนหนึ่ง”

“นี่ๆ  ไปพูดกับพนักงานแบบนั้นได้ยังไงเกี๊ยว ” ปาร์ตี้เริ่มปรามหลังจากที่ดูสถานการณ์มาแล้วพักหนึ่ง

“ทำไมจะพูดไม่ได้  อืมได้ ผมยอมไปเอง พวกแกจะไปด้วยไหม ถ้าไปก็ลุก ” เกี๊ยวปลาสั่งโหดก่อนจะลุกขึ้น

“อ้าวเฮ้ย  ไอ้เกี๊ยวปลา  ฉันกับปาร์ตี้เพิ่งจะได้รับประทานนะคุณเพื่อน”

“อ้าวหรอ  ไม่รู้สิ  ไปกินร้านอื่นดีกว่านะเราว่า  ลุกสิ  เฮ้ย เร็วๆ ดิ”

“อ้าวๆๆๆ เฮ้ยปาร์ตี้   ไปเถอะ  ไอ้เกี๊ยวมันลุกแล้วอ่ะ เร็ว”

“ก็ตามไปสิ  พี่ครับไม่ต้องทอน” ปาร์ตี้พูดแล้วรีบวางเงินไว้  แต่ไม่ลืมที่จะหยิบชิดชู ไปด้วย

       เกี๊ยวปลาเดินผ่านโต๊ะพี่ใจเจ๋งนั่งอยู่  เค้าทำอะไรนะหรอ กำลังแลบลิ้นใส่พี่ใจเจ๋งไง  ก็ใจเจ๋งยิ้มเยาะแบบคนมีชัยชนะให้
เกี๊ยวปลามันก่อนหนิ

“บรู้ๆๆ” นั่นไงแลบลิ้นใส่ใจเจ๋ง  จริงๆด้วย

“ฮาๆๆ    ไปทานร้านอื่นขอให้อร่อยๆนะครับ บ้าย บาย ฮาๆๆ” พี่ตี๋ใจเจ๋งทำหน้าทะเล้นใส่เกี๊ยว ยิ่งทำให้ไอ้เกี๊ยวของพวกเรา
หมั่นไส้จนหน้าบึ้งเดินออกนอกร้าน

“เอ่อพี่ครับขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะ” ปาร์ตี้ยกมือไหว้

“ไม่เป็นไรพี่ไม่ถือ  ไปเถอะ เดี๋ยวตามเพื่อนไปไม่ทันนะ  โน่นจ้ำอ้าวไปประตูโน่นแล้ว ฮาๆ  สนุกชิบหาย ”

“ครับๆไปแล้วนะครับ อุ้ย…….  เพล้ง!!!” 

               เหมือนว่าปาร์ตี้จะรีบมากไป  ทำให้ตอนที่กำลังจะหันหน้าเดินไปแล้วดันเอามือไปเกี่ยวเอาแก้วน้ำที่วางอยู่ของพี่โปเลย์เข้า  รายนั้นถึงกับตกใจ  แล้วขำเบาๆตามหลังมา 

“เอ่อ ขอโทษอีกครั้งนึงนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษครับ ขอโทษๆ”

   ปาร์ตี้ยกมือไหว้หลายรอบจนโปเลย์หยุดขำแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“ไม่เป็นไรๆ  ไปเถอะ แก้วใบเดียวฉันเคลียร์ได้” ปาร์ตี้ได้ยินอย่างนั้นก็ลืมตาขึ้นมาดูหน้าเจ้าของเสียง ก็เจอผู้ชายเพื่อนพี่ใจเจ๋ง
คนนี้ เค้าสุดๆอ่ะ  นี่ถ้าปาร์ตี้เป็นผู้หญิงจะตามจีบเลย  หล่อชะมัดยาด  แล้วปาร์ตี้ก็ยิ้มแหยะๆเอามือไปจัดแว่นแดงสองครั้ง แล้ว
เดินออกไป  ส่วนข้าวตูเองกำลังเดินผ่านโต๊ะเป็นคนสุดท้าย สแกนเองเห็นปุ๊บก็เรียกปั๊บ

“เดี๋ยวนาย!!!” คำพูดที่เหมือนคำสั่งพูดขึ้นมาก่อนที่ข้าวตูจะเดินผ่าน และแล้วข้าวตูเลยหยุดเดิน

“คราวหลังจะเข้าไปที่ร้านไหนๆก็ตามอย่าส่งเสียงดังให้มันมากนัก มันเสียมารยาท”

           ให้ตายสิ ข้าวตูเองไม่ชอบขี้หน้าเพื่อนของพี่ใจเจ๋งคนนี้เลย เรื่องแค่นี้มันหนักหนาถึงขั้นนั้นรึไง  ระดับข้าวตูของเราแล้วไปตะโกนที่วัดผ่ากลางพระสวดก็ทำมาแล้ว ฮาๆ

“เฮ้ย ไอ้คุณสแกน  มากไปเปล่า เรื่องแค่นี้ใจเย็นเพื่อน น้องเค้าน่ารักออก ฮาๆ” พี่ใจเจ๋งพูดขึ้น

“ไม่เป็นไรครับพี่ใจเจ๋ง  คนเราก็แบบนี้แหละ เออคุณครับ ผมผิดไปแล้ว คราวหลังจะระวังนะ  แค่นี้พอใช่ไหม    ไปหล่ะ” ข้าวตู
พูดแล้วเดินเมินหน้าหนีไป

“นั่นไงๆ โดนเข้าแล้ว เพื่อนเรา  ไอ้สแกน กินต่อๆเว้ย อ้าวๆ  มองๆ  บอกให้กินต่อไง ”

“อย่าให้เจออีกนะ  ไอ้เจ๋งดูสิ ฉันรุ่นพี่มันนะเว้ย  มีอย่างที่ไหนมาพูดลอยหน้าลอยตา ไม่เคยเจอหว่ะ”

“ไม่เคยเจอก็ เจอๆไว้บ้าง  เหนือฟ้ายังมีฟ้าเคยได้ยินรึเปล่า”

“ก็เคยสิ แต่ไอ้น้องคนนั้นไม่มีทางที่ฉันจะแพ้หรอก ฮาๆ”

       ไม่นานนักโปเลย์ ก็ถามขึ้นมาลอยๆ อาจจะตั้งใจรึว่าไม่ตั้งใจก็แล้วแต่  แต่เค้าก็หลุดปากพูดออกมาแล้วว่า…….

“อืมๆ น้องแว่นแดงชื่อว่าอะไรนะเจ๋ง” จู่ๆเลย์ ก็ถามขึ้น

“นั่นแหน่ๆ  แหมๆทีอย่างนี้ถามเลยนะ ไอ้เลย์  ชอบผู้ชายแล้วหรอเดี๋ยวนี้  ทีผู้หญิงไม่เห็นจะถามถึงเลย”

“เฮ้ยๆ ไอ้เจ๋ง  ไม่เหมือนกันนะเว้ย  ผู้หญิงพวกนั้นเค้าหวังแค่เงินฉันอย่างเดียวเท่านั้นแหละ”

“เออๆ รู้หน่า  น้องแว่นแดงที่เอ๋อๆ ไม่ทันคนเมื่อกี้ อืม  ชื่อว่า  ปาร์ตี้”

“เฮ้ย เดี๋ยวๆ เลย์ นี่แกจะถามชื่อน้องเค้าไปทำไม”สแกนถามขึ้น

“เปล่าๆ  แค่ไม่เคยเห็นคนไหน เปิ่นแล้วซุ่มซ่ามได้เท่านี้มาก่อนเท่านั้นเอง ไอ้สแกนไม่มีอะไรหรอกเพื่อน กินต่อสิ กำลังอร่อย”

“จะว่าไปนะ กวนไอ้เกี๊ยวปลาสนุกดีหว่ะ  สะใจด้วยนะ” ใจเจ๋งพูดแล้วขำ  ทำให้เพื่อนอีกสองคนก็ยิ้มส่ายหน้าไปตามๆกัน  ปกติ
ส่วนมากใครที่ขัดใจไอ้ใจเจ๋งมัน โดนมันเงิบไปแล้ว  แต่ครั้งนี้มันยอมน้องคนนั้นเพื่ออะไรกัน
           




กลับมาดูเด็กน่ารักสามคนนี้ดีกว่า  หลังจากที่ออกจากร้านมาแล้วก็พากันเข้าร้าน MK  ทุกคนอารมณ์ไม่จอยเท่าไหร่นัก

“เอาร้านนี้แล้วกัน  หวังว่าจะไม่ตามมาหรอกนะ  ให้ตายสิ คราวหน้าพ่อจะเอาน้ำซุปราดหน้าเลยดีไหม”

“เฮ้ยๆ เกี๊ยวใจเย็นๆเว้ย  เดินมาไกลขนาดนี้ไม่ตามมาหรอกนะ”

ไม่นานพนักงานสาวสวยก็เดินเข้ามาถาม

“มากี่คนคะ”

“ 3 ครับ”

“รับอะไรดีคะ”

“เอ่อ  ปาร์ตี้นายเลือกเถอะ สงสารแกวะ เห็นหิวมาตั้งแต่จัดของที่ห้องแล้วนะ  ขอโทษแล้วกัน ถ้าไม่เกิดเรื่องก่อนก็…….”

“เกี๊ยว ไม่เป็นไร อย่าพูดต่อ เราเข้าใจนะ  อืมพี่ครับเอามาอย่างละชุดเลยครับยกเว้นพวกที่นอกเหนือสุกี้ลงหม้อไม่ได้ ไม่ต้อง
เอามาครับ” ดูปาร์ตี้มันสั่ง

“ค่ะสักครู่นะคะ”

               ช่วงที่รออาหาร ทั้งสามหนุ่มของเราเชื่อไหมครับท่านผู้อ่านว่า  พวกเค้าที่น่ารักของพวกเรากำลังคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ที่ผ่านมาเมื่อกี้   สำหรับเกี๊ยวปลาเองพูดมาแล้วมันน่าโมโห ส่วนข้าวตูเองกำลังงงว่าเค้าเองผิดขนาดนั้นเลยหรอที่พูดเสียงดัง  ส่วนหนุ่มแว่นแดงของเรานั้นกำลังคิดข้าผิดพลาดของตัวเองที่ไปทำแก้วน้ำของเพื่อนพี่ใจเจ๋งหล่นแตก  แต่แล้วก็ผ่านไปด้วยดี




ผ่านไปไม่กี่วันหลังจากนั้น  ดูท่าทุกคนจะแต่งตัวชุดนักศึกษาเรียบร้อยแล้วนะ  แต่วันนี้ดูเหมือนจะได้ฤกษ์ไปสาย  และวันนี้เป็นวันปฐมนิเทศนักศึกษาคณะใหม่ๆด้วย 

“ไอ้เกี๊ยว!   แกจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน ตื่นสิ  ไหนแกบอกฉันเองนะว่าประเทศชาติเค้ารอคนดีๆอยู่  แล้วดูแกทำตอนนี้
สิ ตื่นได้แล้ว” ข้าวตูโยนหมอนไล่ปลุกเพื่อนตี๋น้อยคนนี้

“โอ้ยๆ ตื่นแล้ว ไอ้ข้าวตู นี่แกให้ฉันนอนอิ่มๆหน่อยไม่ได้หรอ เมื่อคืนฉันดูบอลดึกไปหน่อยอ่ะ”

“แล้วใครบอกให้แกดูหล่ะ วันนี้ปฐมนิเทศนะ ถ้าแกทำให้ฉันสายแกตายแน่”

“เอ้อๆ ตื่นแล้วไปรอที่สวนหน้าหอรอก่อนไป”

“ไม่ได้หรอก เกี๊ยวปลา ขืนพวกเราไปรอนายก็ต้องลงไปนอนที่เตียงอีกเหมือนเดิม  ลุกเร็วๆ นี่ก็7 โมงครึ่งแล้วนะ” ปาร์ตี้พูดขึ้น

“เออๆ รอก็รอ  ไปเข้าห้องน้ำแล้ว”

20นาที ผ่านไป  ทั้งสามคนรีบวิ่งลงจากหอเพราะกลัวจะไม่ทัน เค้าให้ไปปฐมนิเทศที่หอประชุมใหญ่ ใหญ่มากๆ ไม่รู้นักศึกษากี่คนต่อกี่คนมารวมกันที่นั่น น่าจะ 6000 คนได้สำหรับ ปี 1 

           และแล้วทั้งสามคนก็กระหืดกระหอบวิ่งมาจนได้  โชคดีที่มาทัน  แต่แปลกตรงที่ก่อนจะเข้างาน  หลังจากทั้งสามลงทะเบียนเสร็จ   ก็เหมือนกับว่ามีคนมากมายไปมุงดูอะไรก็ไม่รู้อยู่เสียงดังมาก

“โฮ  เพื่อนๆดูสิเค้าดูอะไรกัน  เราไปดูกันไหม”ปาร์ตี้จับขาแว่นแดงครั้งนึง  เพื่อให้ดูชัดเจน

“สงสัยพวกดารามาแหละ ไม่ต้องไปหรอกฉันไม่ชอบ ปาร์ตี้เข้าไปก่อนเถอะ”เกี๊ยวปลาพูดตัดบท

“เฮ้ยๆ  เดี๋ยวๆ  ฉันไปเข้าห้องน้ำแปบนึงนะ เดี๋ยวตามเข้าไป จองที่ไว้ให้หน่อยนะ” ข้าวตูพูดขึ้น

“เออๆ รีบๆละกัน  พวกฉันจะไปรอนะ”

 
                 ข้าวตูเดินรีบทางหอประชุมไปตามเส้นทาง ดูป้ายห้องน้ำไปด้วย  แล้วด้วยความปวดฉี่มากๆเลยทำให้เดินไม่ดูใครสักเท่าไหร่  ถ้าเค้าสังเกตสักหน่อยเค้าก็เจอสแกนที่กำลังยืนเล่นอยู่ข้างๆแถวนั้นอย่างเบื่อๆ  แต่แล้วสแกนก็หันมาเห็นก่อน

“นั่นไอ้เด็กข้าวตูคนนั้นนี่นา  ไปเข้าห้องน้ำหรอ  รีบซะด้วย  ”

              และแล้วสแกนก็เดินตามไป ได้ไม่นานก็คิดขึ้นมาได้

“เฮ้ยๆ เราตามมันไปทำไมวะ  ซุปเปอร์สตาร์อย่างฉันไม่จำเป็นต้องไปเดินตามใครนี่” เค้าหยุดคิดอยู่นานแล้วมองไปตามทาง
ด้านหน้าก็ยังเห็นข้าวตูเดินจ้ำอ้าวออกไปอย่างเร็วถ้าตามไปก็น่าจะทันนะ

            ข้าวตูเดินมาถึงห้องน้ำก็เข้าห้องที่ใกล้ที่สุด แต่ดูเหมือนห้องน้ำจะมีกลุ่มนักศึกษาปี 1 อยู่ 4 คนดูเหมือนกำลังจะมองเค้าอยู่หลังจากที่เค้าเดินเข้ามาในห้องน้ำ แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร เลยเดินเข้าไปล็อคห้องน้ำ  จู่ๆพวกนั้นก็ทำเส้น  แกล้งข้าวตู

“เฮ้ยๆ เปิดประตูหน่อยพวกเราจะเข้าไปใช้ ปังๆๆ”

“มาเคาะอะไรห้องนี้  ไปใช้ห้องอื่นสิ  เหลืออีกตั้งเยอะแยะ”ข้าวตูตะโกนออกไป  แต่แล้วก็ยังเคาะไม่หยุด  จู่ๆ  เสียงก็เงียบไป

“นี่ ทำไมเสียงเงียบไปนะ  รึว่าพวกนั้นไม่ปวดแล้ว”ข้าวตูเสร็จจากถ่ายเบา ก็หันหลังไปเปิดประตู  แล้วเดินไปล้างมือที่กระจก 
แต่เค้าเงยหน้าขึ้นมามองแค่นั้นแหละ  พระเจ้านั่นมันเพื่อนของพี่ใจเจ๋งนี่

“คุณ!”  ข้าวตูหันหลังกลับไปมองก็เจอเค้ายืนทำหน้าพิงประตูห้องที่สองรออยู่แล้ว  แล้วเค้าก็กำลังเดินออกไปจากห้องน้ำ

“เดี๋ยวๆ  คุณอย่าเพิ่งไป   ” ชายหนุ่มหน้าขรึม เก๊กหล่อหยุดเดินแล้วหันมาหาข้าวตู

“อะไร!”

“เอ่อ  เมื่อกี้คุณช่วยผมไล่เพื่อนๆพวกนั้นไปหรอ”

“เปล่า ไม่ได้ช่วย  ฉันก็แค่เข้ามาเข้าห้องน้ำเฉยๆ พวกนั้นมันก็ออกไปเอง ก็แค่นั้น  ”

“ไม่จริงคุณช่วยผมไว้  ขอบคุณมากนะครับ”

“ไม่จำเป็น กองไว้ตรงนั้นแหละ” แล้วสแกนก็เดินเก๊กออกไปจากห้องน้ำ ทำเอาไอ้ข้าวตูตัวเล็กๆของพวกเราหน้าถอดสีเลย
ฮาๆๆ  แป่วๆๆๆ

“น้อย  ไปเลย  ไอ้พี่ขี้เก๊ก คนเค้าอุตส่าห์ขอบคุณ  แหวะ หล่อตายแหละเก๊กอยู่ได้ เชอะ ไม่รับไหว้ก็ไม่ต้องรับสิ หึ”

              ข้าวตูบ่นพลางเอามือกอดอกไปด้วย  สแกนเองไม่ได้สนใจข้าวตูของเราแต่อย่างใด เค้าได้เดินออกไปนานแล้ว ทิ้งให้ข้าวตูบ่นอยู่ในห้องน้ำคนเดียว  แต่แล้วข้าวตูก็คิดขึ้นได้ เผื่อเพื่อนพวกนั้นกลับมาแกล้งอีกจะทำยังไง  เมื่อคิดขึ้นได้ก็ต้องวิ่งสิจ้ะ ข้าวตูจ๋า

“เฮ้ย คุณ รอผมด้วย  ไม่อยู่แล้ว  กลัว!”
       
     ข้าวตูวิ่งออกจากห้องน้ำไปอย่างรวดเร็วจนไปถึงด้านในหอประชุม  แลดูจะยากนิดนึงเพราะว่าข้าวตูเดินเข้ามาก็พบว่าคนเข้ามานั่งเยอะแล้วสิ  ที่สำคัญเพื่อนรักทั้งสองก็แทบจะไม่มีวี่แววมองเห็นเลย

“นายๆมานั่งกับเราได้นะ น่ารักจังมีแฟนยังเอ่ย” เสียงเพื่อนผู้ชายที่นั่งใกล้ๆข้าวตูพูดขึ้น พร้อมกับเอามือมาดึงแขนเบาๆ

“ไม่รู้สิ  ไปถามคนอื่นโน่นไป” ข้าวตูของเราด่าเพื่อนข้างๆทำเอาเค้ากลัวไปเลย

“อุย ดุจัง แค่ชวนมานั่งเฉยๆเอง”  ข้าวตูหันไปมองแล้วส่ายหน้าอย่างรำคาญ



    ทางด้านเกี๊ยวปลากับปาร์ตี้เองก็นั่งรอๆๆๆ รอแล้วรออีกไอ้ข้าวตูเพื่อนรักก็ไม่เห็นมันโผล่หัวมาเลย จะให้ทำยังไงดี

“ไอ้ปาร์ตี้ แกโทรหามันซิ”

“แหะๆ โทรศัพท์เค้าไม่มีตังค์อะตัวเอง”


“ตลอดเลยแกนี่ หัดเติมบ้างเอานี่  เอามือถือฉันไป”

“อ้าว ยื่นมาให้เราทำไม  ก็โทรไปสิเกี๊ยว”

“เออๆนั่นสิ  ฉันโทรแล้วนะ” 

ไม่นานข้าวตูมันก็รับสาย

“อยู่ไหนแล้ว  รึว่าตายคาห้องน้ำแล้วแกอ่ะ”

“โห นี่ๆๆเพื่อนรัก  แกนี่ช่างรักฉันเหลือเกินนะ  ห้องน้ำเข้าเสร็จแล้ว  ตอนนี้แกนั่งที่ไหน”

“แล้วแกนั่นแหละอยู่ไหน”

           บทสนทนาก็ดำเนินไปเรื่อยๆ  จนข้าวตูเดินไปหาเพื่อนๆถูกทาง ถูกเวลา  นั่งปุ๊บอาจารย์ก็เริ่มงานปั๊บจะว่าไปแล้ว  ก็ไม่มีอะไรแค่ให้มีนั่งฟังบรรยาย  ต่างๆนานา  จนถึงตอนสุดท้ายจะปิดงานปฐมนิเทศอาจารย์ก็ประกาศเสียงดังก้องว่ามีรุ่งพี่หนุ่มหล่อสามคนจะมาร้องเพลงปิดท้าย
         

 และแล้วเพลงก็เปิดดังขึ้นมา  นั่นคือเพลง  คิดฉันไหมเวลาที่เธอ….   แต่ที่น่าตกใจคือคนร้อง

คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ ไม่เจอะเจอกันกับฉัน
คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ เหงาใจ
คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ ไม่มีใครให้ทะเลาะ
ไปไหนแล้วไม่มีไหล่ให้เกาะ แล้วเธอคิดถึงใคร

เฮ้... เมื่อเราต้องห่าง ยิ่งเนิ่นนาน อาจลืมกันเลยไม่แน่ใจ


 “เฮ้ยๆ ไอ้เกี๊ยวแก ตื่นๆๆๆๆๆ  แกดูสิว่าใครร้องเพลง ” ข้าวตูสะกิดเกี๊ยวปลา

“เฮ้ยนั่นมัน…….”

ไม่นานเพื่อนใจเจ๋งอีกคนคือ โปเลย์เดินขึ้นมาร้องต่อจากใจเจ๋ง  เสียงของแฟนคลับล้นหลามมากๆ

ฟ้าร้องทุกครั้งมันส่งเสียงดัง เธอโดดมานั่งตักฉัน
ฉันก็ทุเรศตัวเองเหมือนกัน ที่ปลอบไปขำไป
ฉันรู้ว่าฉันไม่เอาไหนเลย ไม่อบอุ่นได้อย่างนั้น
ฟ้าร้องครั้งนี้ไม่เจอหน้ากัน แล้วเธอคิดถึงใคร



“โห พี่ๆเค้าไม่อยากจะเชื่อเลยนะ ว่าจะร้องเพราะขนาดนี้” ปาร์ตี้มองไปฟังไป ยิ้มไป  จนเกี๊ยวปลาเอ็ดเอา

“เฮ้ยปาร์ตี้  แกฟินมากไปรึเปล่า  ไอ้พี่พวกนี้มันก็ร้องธรรมดาๆแค่นั้นเอง”

                     ไม่นานพอถึงท่อนHook กลางเพลง  คนที่ร้องคือ  สแกน  หนุ่มมาดเท่ห์เดินขึ้นมาจากบันไดข้างเวลาทำเอาบรรดาสาวๆโห่กรี๊ดร้องให้ดังมาก ผู้หญิงแทบทุกคนกรี๊ดให้เค้าบ้าจริงๆ ข้าวตูนี่เอามืออุดหูเพราะทนเสียงดังไม่ไหว


ตอบหน่อยได้ไหม ตอบฉันหน่อย ว่าเธอคิดถึงกัน
ไม่ต้องหวาน ต้องแหววหรอก อยากถามแค่ให้เธอ
ตอบหน่อยได้ไหม ตอบฉันก่อน ว่าเธอคิดถึงฉัน
อย่างที่ฉัน มันคิดถึง คอยเธอกลับมา


    ข้าวตูมองไปที่คนร้อง  แต่ดูเหมือนว่าสแกนจะมองมาที่เค้านะ  แต่ข้าวตูไม่ได้คิดอะไรมากคนตั้งเยอะแยะเค้าจะเห็นข้าวตูได้ยังไงกันรึไม่ก็เค้าอาจจะมองไปที่คนอื่นก็ได้  ข้าวตูมองได้แคนั้นแหละก็เอามือปิดหูไว้อีกเหมือนเดิมเมื่อเสียงกรี๊ดเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง 
        เกี๊ยวปลาเองมองไปที่ใจเจ๋งแบบไม่สบอารมณ์มากนัก  ดูท่าทางของใจเจ๋งตอนนี้เดินไปที่ขอบเวทีให้ผู้หญิงจับมือดูแล้วมันน่านัก เพลบอยไปถึงไหมนะ

“อ้าว เกี๊ยวปลาไม่สนุกหรอ”ปาร์ตี้หันมายิ้มให้

“จะสนุกกว่านี้ถ้าไม่ใช่ไอ้ตี๋นี่มันเป็นคนร้อง” เกี๊ยวปลาพูดปับ ปาร์ตี้เองก็รู้แล้วว่าหมายถึงอะไร

“อ้าวแล้วนี่ ข้าวตูนายก็อีกคนหรอ  ไม่ชอบหรอถึงได้อุดหู”

“ชอบสิ แต่ดูสิ คนกรี๊ดกันใหญ่เลย  ฉันหนวกหูเป็นบ้า  ฉันออกไปข้างนอกก่อนนะ ไม่ไหวอ่ะ เสียงดังไป”

“อืมๆได้ๆ  ”ปาร์ตี้พูดกับเพื่อนแล้วหันไปดูต่อ

    เพลงดำเนินไปเรื่อยๆ จนจบเพลง  เสียงปรบมือโฮ่ร้อง กรี๊ดกราด  ดังมาก  แต่ดูๆไปแล้วสแกนเองร้องเพลงเสร็จถึงกับเดินลงจากเวทีไปเลย

“อ้าวๆ  ไอ้สแกน  ไปไหนวะ  เฮ้ย  อ้าวไม่ตอบอีก  เลย์ๆ มันจะเดินไปไหนของมันวะนั่น  ไม่เห็นหรือไงว่าคนกำลังปรบมือให้
อยู่”

“เอ่อไม่รู้สิ อาจจะไปเข้าห้องน้ำก็ได้มั้ง” เลย์ตอบเพื่อนชายก่อนจะหันไปยิ้ม แล้วโค้งตัวรับเสียงปรบมือ
 
   ข้าวตูเองเดินออกมาด้านนอกได้ซักพักแล้ว  ก็ค่อยยังชั่ว  ขืนอยู่ต่อแก้วหูแตกแน่ๆ 

“เฮ้อ โล่งไปที  เสียงดังเป็นบ้าเลย”

“ทำไม่ต้องเดินออกมาแบบนี้!”สแกนยืนกอดอกอยู่ห่างๆ สายตาไม่พอใจนัก

“เฮ้ย อ้าวคุณ เอ่อ แล้วนี่เพลงจบแล้วหรอ  ”

“เสียมารยาท คนอื่นเค้ากำลังร้องเพลง  ออกมาแบบนี้ได้ยังไง”

“เอ่อ ผมขอโทษ  แต่ผมทนเสียงกรี๊ด ไม่ไหวหรอก มันดังไป  แล้วนี่คุณเห็นผมเดินออกมาด้วยหรอ”

“ข้อแก้ตัวอ่อนกำลังมาก   ”  สแกนพูดตัดพ้อแล้วหันตัวจะเดินกลับเข้างานไป

“เดี๋ยวๆคุณ  อย่าเพิ่งไป  ผมขอโทษอ่ะ  พอใจรึยัง   แต่เมื่อกี้นี้ผมพูดความจริงนะ”

               ข้าวตูบอกไป  จริงๆแล้วก็พิลึกกับท่าทีของรุ่นพี่คนนี้อยู่ไม่น้อยเลย  แต่ยังไงซะเค้าเองก็ผิดจริงๆนั่นแหละที่หนีออกมาแบบนี้  เพื่อความถูกต้อง เค้าต้องขอโทษไป

“ไม่ต้อง  กองๆไว้ตรงนั้นแหละ”

“เฮ้ย  พิลึกคนแหะ  บอกขอโทษ  แต่ให้กองๆไว้ตรงนั้น  บ้าปะเนี่ย สองครั้งแล้วนะประโยคนี้ ”ข้าวตูพูดพึมพำตามหลังสแกน
ไป คนบ้าอะไรเอาแต่เดินหนีอยู่เรื่อยเลย คิดว่าหล่อนักหรอ  แต่เค้าคงจะไม่ได้ยินหรอกมั้ง




      ผ่านไป  หลายวัน  รึว่าหลายวันผ่านไป อิอิ  ที่ตึกเรียนของข้าวตู วันนี้เค้าเรียนวันแรก เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาตัวเตี้ยๆ  น่ารักๆมันทำให้ระหว่างที่เดินแยกจากเกี๊ยวปลา ปาร์ตี้ มีแต่คนมองคล้อยตามกันติดๆ  แต่เจ้าตัวก็ใช่ว่าจะสนใจ มุ่งหน้าเดินต่อไปอย่างอาจหาญ อิอิ

“ปี๊ดๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงแตรรถยนต์ ยี่ห้อ Opel ดังไล่ข้าวตูที่กำลังเดินอยู่ทางขึ้นตึก

“โอ้ย ใครวะ ปีบแตร หาอะไร หนวกหูจริง  ต้องไปบอกหน่อยแล้ว”

          ว่าแล้วข้าวตูก็เดินหน้ามุ่ยไม่พอใจไปที่รถหรูหราคันเมื่อกี้นี้ ตอนนี้กำลังจอดที่หน้าทางขึ้นตึกเรียนเป๊ะๆ  ด้านหน้าข้าวตู  ไปไม่ถึงรถหรอกแต่ชายหนุ่มแว่นสีดำก็เปิดประตูรถออกมา  พร้อมกับเสียงกรี๊ดกราด จากบรรดาญาติโยม เอ้ย บรรดาสาวๆในแถวนั้น  แต่มันไม่ใช่ประเด็น ที่ข้าวตูกำลังอึ้งก็คือคนที่ลงมาจากรถนั้นคือ  สแกนเพื่อนพี่ใจเจ๋งนั่นเอง  รายนั้นก็ใช่ย่อยเดินลงมาจากรถแล้วหันไปยักคิ้วให้ข้าวตูของเรอีกต่างหาก

“นี่คุณ!!!  คนเค้าเดินอยู่ก็เห็นๆอยู่ ทำไมต้องมาปีบแตรไล่………”

“หุบปาก  ฉันไม่ต้องการจะฟัง ขอตัวก่อน”

   สแกนไม่ฟังคำพูดข้าวตูเลยซักนิด แต่กลับหันหลังเดินขึ้นตึกไป  เรื่องอะไรที่ข้าวตูของเราจะยอมแพ้  เค้าทำไม่ถูกต้องหนิ ว่าแล้วก็วิ่งไปกั้นทางเดินข้างหน้าสแกนไว้ ทำเอาชายหนุ่มตรงหน้าทำหน้าเซงแล้วบ่ายเบี่ยงมองไปทางอื่น

“หยุดนะ!  คุณต้องฟัง คุณจอดรถขวางทางตึกคณะแบบนี้ไม่ได้นะ”

“ถอยไป”

“ไม่ถอย  คุณนั่นแหละ หันหลังกลับไปถอยรถไปจอดตรงที่ที่ควรจอดเดี๋ยวนี้”

“ถอยไป”

“หันกลับหลังไปถอยรถเดี๋ยวนี้”

            พูดได้แค่นั้นแหละ  สแกนก็เอามือหนาๆด้านขวายกขึ้นมาหมุนหัวข้าวตูแล้วดันออกไปข้างๆ  แน่นอนมันเป็นไปอย่างง่ายดายเพราะข้าวตูของพวกเรามันเตี้ย ตัวเล็ก  และหนุ่มหล่อของเราก็เดินผ่านไป

“น้อยแน่  เอามือมาหมุนหัวแล้วผลักเราเลยหรอ  คิดว่าตัวใหญ่แล้วจะกลัวไหม”

“……..”

“เออ เดินไปโน่นแล้ว  คิดจะฟังกันบ้างไหม  ไอ้พี่ขี้เก๊กนี่   ให้มันได้อย่างนี้สิ  แล้วนี่รถคันนี้เค้าจะจอดไว้แบบนี้เลยหรอ  บ้า
จริงๆเลย ไร้การอบรมเป็นที่สุด”

“บ่นอะไร”

“ก็บ่นอีตาบ้านั่นสิ  เฮ้ย!!!”

“อีตาบ้าไหน”

“นี่คุณเดินกลับตอนไหนเนี่ย”

“เลิกบ่น เลิกยุ่ง  โอเคนะ  ซักวันเดี๋ยวก็ชิน”

“ไม่ชินหรอก  คุณจอดรถแบบนี้มันไม่ถูกต้องนะ”

“แล้วแบบไหนถึงจะถูกหละ พ่อคนถูกต้อง”

“โน่นไงที่จอดรถ”

“จริงๆแล้วฉันก็จอดรถหรูๆแบบนี้ไว้ที่หน้าตึกคณะทุกวัน ทำมาเป็นปีแล้ว  ไม่เห็นจะมีใครบ่นให้ฉันเหมือนนายเลยนะ  อืม ถ้าไม่
พอใจก็เอากุญแจไปสิ  ไปถอยรถเก็บให้หน่อยก็แล้วกัน”

“น้อยแน่กล้าพูดว่าทำจนเคยชิน  เรื่องอะไรหล่ะ รถคุณหนิ คุณก็ไปขับไปเก็บเองสิ”

“ฮาๆๆ นึกว่าจะแน่  ที่แท้ก็………ขับรถไม่เป็นอะดิ ”

“โอย ไม่คุยกับคุณแล้ว  อยากเก็บรถก็เก็บไม่อยากเก็บก็ช่างคุณ  ไปแล้ว เบื่อ!”

“เดี๋ยว!!”

“จะมาดึงทำไมหล่ะ  คนยิ่งรีบๆอยู่  คิดจะดึงจะลากตอนไหนก็ได้รึไง  ตัวใหญ่กว่าหนิจะทำไงก็ได้อย่างนั้นใช่ไหม”

“พูดมากจริง มาบ่นมาด่าฉันแบบนี้แล้วจะหนีไปง่ายๆเลยหรอ  รู้จักสแกนคนนี้น้อยไปซะแล้ว”

“เปล่านะ ไม่ได้บ่นไม่ได้ด่าด้วย  จิตปรุงแต่งชัดๆ”

“ใช่ฉันจิตปรุงแต่ง  พอใจรึยัง  อยากให้ฉันไปถอยรถไม่ใช่หรอ”

“คิดว่ามันถูกไหมหล่ะที่คุณทำอยู่ ถ้าไม่…คุณก็ไปถอยรถแล้วเก็บไว้ในที่ควรจะเก็บ”

“ถ้าอย่างนั้นก็………”

“อะไรๆ  พูดแบบนี้ แววตาแบบนี้  น้ำเสียงแบบนี้  หมายความว่าไง   ฉันลูกชายพ่อกำนันนะจะบอกให้ ต่อยไม่เลี้ยงนะจะบอกให้”

“หึ ตัวเล็กอย่างกับลูกแมว อวดดีจริง กำนงกำนันฉันไม่รู้จักหรอกที่นี่รู้แค่ว่ามีฉัน สแกนคนนี้คนเดียวก็พอ  ไปกับฉัน”

“ไม่ไปปล่อยๆ   ต่อยจริงๆด้วยนะ  ปล่อยดิ”

                    ให้ตายเถอะ คิดจะต่อยสแกนแต่เค้ารวบมือสองข้างไว้ขนาดนั้น  ยังจะมีมือข้างไหนมาต่อยเค้าอีกหล่ะ ข้าวตูเอ๋ย ไม่น่าเลยลูก  ไม่น่าไปยุ่งกับสแกนเลย  อย่าทำอะไรน้องเลยนะสแกน เรื่องเพิ่งจะเริ่ม ฮาๆๆๆ โอ๊ะโอ  โดนลากตัวไปที่รถแล้ว สู้ๆลูก




เปนไงบ้างน้อ  ไม่ได้มาต่อนานเลย  ขอโทษด้วยน้า  แต่มันจะนานๆแบบนี้แหละเนาะ รอให้สะดวกเมื่อไหร่จะอัพลงแน่นอนครับ^^

 :mew1: :mew3: :mew4: :mew1: :mew3: :mew4: :mew1: :mew3: :mew4: :mew1:

ออฟไลน์ Aomampapeln

  • แมวเหมียว เมี๊ยว เมี๊ยว~
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
รับทราบค่ะว่างเมื่อไรก็อัพเมื่อนั้นละค่ะตามสะดวก^^

na-au

  • บุคคลทั่วไป
 :mew3: :mew3: :mew3:  ขอคนแก่แอบดูหน่อยซิื

 :katai1: :katai1: :katai1: คนแก่มองม่ะเห็นอ่ะ

 ต้องรอดูตอนหน้า  :a5: :a5: :a5:


loveice

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 3




“มานี่!” เสียงคำสั่งพร้อมแรงลากแขนข้าวตูลงมาจากทางขึ้นตึกคณะนิติศาสตร์  ทำเอาเจ้าตัวตั้งหลักไม่ทันเอาซะเลย ทำได้แค่
เพียงไหลไปตามน้ำจามแรงดึงเท่านั้น

“นี่ๆๆๆๆ คุณผมจะต่อยคุณจริงๆแล้วนะ คนเค้ามองกันเต็มแล้วไม่เห็นหรอ”

“แคร์ทำไม  ก็เอาสิ อยากรู้เหมือนกันว่าหมัดของลูกชายพ่อกำนันอะไรนั่นจะหนักแน่นและทำฉันเจ็บได้แค่ไหน  แต่ตอนนี้หุบปาก
แล้วก็ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น แล้วขึ้นรถฉันได้แล้ว”

“ไม่!”

“พูดดีๆไม่เคยฟัง อวดเก่งจริงๆ เข้าไปได้แล้ว”  ว่าแล้วก็เปิดประตูรถดันร่างเล็กๆน่ารักๆหล่นตุ๊บลงไปนั่งที่เบาะ ทำเอาข้าวตูนั่ง
เอาแขนกอดอดทำหน้าบึ้งมองไปด้านหน้าไม่สนใจสแกนเลย   

       สแกนขับรถPorsche 918 Spyderสีบอนเงินวนไปรอบๆตึกคณะอยู่นาน  ไม่ว่าสแกนจะขับรถไปมุมไหนๆ เหล่าบรรดานักศึกษาก็มองตามกันเป็นแถบๆ ไม่ใช่อะไรหรอกนะ เพียงแค่เห็นเด็กปีหนึ่งคนนั้นไปนั่งอยู่ในรถกับสแกนได้อย่างไรก็เท่านั้นเอง

“นี่ ว่าไงพ่อคนถูกต้อง  จะให้ฉันจอดรถไว้ที่ไหนหล่ะ ถึงจะพอใจ หึ  รึว่าที่ไม่ยอมบอก เพียงเพราะอยากนั่งรถเล่นกับฉันหล่ะสินะ  แน่หล่ะฉันหล่ออย่างนี้ใครจะไม่อยากนั่งด้วย”

“หลงตัวเองชะมัดเลย ให้ตายเถอะ  ผมไม่ได้ชอบผู้ชายนะ”

“เมื่อกี้ว่าอะไรนะ”

“เปล่า  จอดตรงนั้นแหละเหมาะสมสุดๆแล้ว  คุณเล่นซะขับรถวนตึกคณะอย่างนี้อีก 2 รอบมีหวังผมอวกแตกที่รถคุณแน่”

“อืมได้ ไม่มีปัญหา  ตรงนี้ใช่ไหม”

“จอดๆไปซะทีสิ  ถามมาก”

“หึ ปากดีอีกแล้ว”

เอียด…… เมื่อสแกนได้ที่จอดรถตามคำสั่งของข้าวตูแล้ว ก็แกล้งเจ้าตัวด้วยการเบรกอย่างกระทันหัน

“ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย”

“อะไร  ยังไง ฉันทำอะไรหรอ แค่เบรกรถ  ฉันจะไปทำอะไรอีกหล่ะ”

“ครับๆ  แค่เบรกรถเนาะ  โอเค  ผมเข้าใจ  แล้วช่วยกรุณาเปิดประตูให้ผมได้แล้ว”

“เปิดเองสิ  ”

“อย่ามาตลกนะคุณ  รถคันนี้ตั้งระบบไว้ที่ด้านคุณหมดแล้ว ถึงผมจะกดปุ๋มด้านนี้แล้วก็ตาม  ถ้าคุณไม่กดปุ่มตรงนั้นแล้วผมจะได้ลง
ไปไหม”

“ให้ตายสิ ไม่อยากจะเชื่อ เด็กแบบนายรู้เรื่องรถราคาแพงๆแบบนี้ด้วยหรอ”

“แล้วไง ผมจะรู้ไม่รู้นี่กฎหมายเค้ามีกฏเกณฑ์อะไรรึเปล่าที่ผมจะรู้เรื่องรถพวกนี้ไม่ได้”

“อืมใช่ พูดมีเหตุผล  ลงไปได้แล้ว”

“ขอบคุณ”

            ข้าวตูเดินลงมาจากรถได้ก็ทำหน้าเหมือนอยากจะร้องตะโกนให้มันลั่นดังไปเลย  แต่ก็ทำไม่ได้เพราะทุกๆคนที่อยู่
รอบนอกรถแถวๆนั้นหันสายตามามองเค้าที่จุดโฟกัสเดียวกันไปหมดเลย  ข้าวตูได้แต่ยิ้มแหยะๆแวกผู้คนตรงนั้นออกไปอย่างยาก
ลำบาก




    ที่สวนขนาดใหญ่ใกล้แอ่งน้ำในมหาวิทยาลัย   ปาร์ตี้ใช้เวลายามบ่ายวันนี้ว่างๆไปนั่งเล่นที่นั่นกับเพื่อนชายคนใหม่  เค้าเองเป็นคนรักธรรมชาติชอบจินตนาการ  ไม่วายจะหยิบกระดาษสักแผ่นหนึ่งพร้อมดินสอวาดภาพสักแท่งขึ้นละเลงวาดภาพที่อยู่เบื้องหน้าอย่างใจเย็น

“นี่ๆตี้  นายวาดภาพสวยจังเลย”เสียงเพื่อนหนุ่มชื่อ ทาม พูดเอ่ยชมขึ้น

“ไม่หรอกทาม  ลองวาดดูไหม”

“เหอะๆ ไม่หล่ะเรื่องวาดภาพเราไม่ถนัดนักหรอก แต่เรื่องกีฬาแล้วว่าไปอย่าง”

“โห ไม่น่าเชื่อนะว่าทามจะเล่นกีฬาเป็นด้วย”

“ทำไมหล่ะ  นายดูไม่ออกเลยหรอ”

“อืม  นายดูขาวเกินไป เหมือนคนที่ไม่เคยออกแดดเลย”

“ที่นายพูดมามันก็ถูกอยู่หรอกนะ  เออ ขอตัวก่อนนะมีคนโทรมาหน่ะ”

“แฟนหล่ะสิ”

“เออหน่า  ถามมากไปแล้วตี้  พรุ่งนี้เจอกัน”

        ปาร์ตี้ยิ้มส่งเพื่อนที่กุรีกุจอเก็บข้าวเก็บของ เพราะแฟนโทรตามอย่างขำๆ  ต่อมาไม่นานภาพวาดก็เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง
ไม่น่าเชื่อว่าฝีมือการวาดภาพของเค้าจะดูเป็นมืออาชีพได้ถึงขนาดนี้  ภาพที่ปาร์ตี้วาดคือ หนองน้ำที่ถูกแสงอาทิตย์สะท้อนลงมา
ที่ผิวน้ำ เป็นประกายระยิบระยับ มีพุ่มไม้และสวนที่อยู่บนฝั่ง มีฟุตบาทวิ่งออกกำลังกายรอบๆหนองน้ำนั้น

“ภาพวาดสวยจัง” เสียงปริศนาเอ่ยชมเค้า  จนเจ้าตัวต้องวางดินสอแล้วหันไปมองที่ต้นเสียง และก็พบว่าเป็นชายหนุ่มร่างสูง   ผิว
เหลืองอ่อน  แววตาอ่อนโยนยิ้มให้ปาร์ตี้อยู่ก่อนแล้ว

“ขอบคุณครับ”

   ปาร์ตี้ตอบไปพร้อมกับหันหน้ามาวาดภาพต่อไป  ทำเอาคนที่เข้ามาทักแทบหุบยิ้ม

“นี่นายจำฉันไม่ได้หรอ”

“จำ?  ผมเคยเห็นคุณด้วยหรอครับ  แต่ว่าผมเองก็เริ่มจะคุ้นๆหน้าคุณแล้วเหมือนกันนะ รึว่าคุณคือ…..”

“ใช่ฉันเอง  ที่HOTPOT วันนั้น”

“เฮ้ย  พี่ครับ ผมขอโทษจริงๆนะครับพี่  ผมไม่ได้ตั้งใจทำแก้วน้ำพี่แตกเลยนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”

“เอ่อ  พอเถอะๆ  ฉันลืมไปแล้วหล่ะ  อย่าคิดมากนะ ฉันยกโทษให้นะ”

“จริงๆหรอครับ  ไม่ใช่มาที่นี่เพราะมาแก้แค้นผมนะ”

“ฮาๆ เด็กน้อย  ความคิดแบบนี้มันเป็นการแก้ไขปัญหาด้วยปลายเหตุ  ไม่ใช่ต้นเหตุซักหน่อยนึง  แล้วนี่นายเห็นฉันเป็นคน
พยาบาทแบบนั้นจริงๆหรอ”

“ไม่รู้สินะ  พ่อผมพูดไว้เสมอว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ  ”

“จริงหรอ  ฉันดูโหดร้ายขนาดนั้นเลยหรอ”

“เอ่อ ก็ไม่เชิงหรอกครับ  แต่ดูๆไปแล้วคุณน่าจะใจดีมากกว่า  ”

“ไม่จริงมั้ง”

“จริงๆนะ ผมพูดจริงๆ ไม่ได้โกหก”

“อืมเชื่อก็ได้   ว่าแต่ทำไมมานั่งคนเดียวแบบนี้ ”

“คนเดียวที่ไหนครับ  นั่นไงคนอื่นๆเค้ากำลังวิ่งออกกำลังกายกันอยู่เลย”

“ไม่ใช่อย่างนั้น  หมายถึงนายทำไมมานั่งวาดรูปคนเดียว แล้วเพื่อนสุดกวน 2 คนนั้นไปไหนซะแล้ว”

“ผมไม่รู้ครับ เราเรียนคนละตึกกัน  แต่คงกลับไปเจอกันที่หอหล่ะมั้งครับ”

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง  สนใจไปวิ่งรอบสระน้ำซักรอบไหม”

             พอจบประโยคนี้ ปาร์ตี้ก็เพิ่งจะนึกออกได้  ว่าพี่ผู้ชายคนนี้เค้าใส่ชุดเตรียมพร้อมจะวิ่งแล้วนี่นา

“ไม่ไหวหรอกครับ  ผมใส่ชุดนักศึกษาอยู่เลย  ถ้าไปวิ่งมีหวัง….”

“ไม่ต้องห่วง ขอแค่ไปเดินเล่นกับฉันก็พอแล้ว  ไม่สิ ฉันต้องถามก่อนสินะว่านายว่างรึเปล่า”

“จริงๆก็ไม่ค่อยว่างหรอกนะครับ  ผมวาดภาพยังไม่ค่อยเสร็จเลย  คุณไปวิ่งเถอะนะ จะได้ไม่เสียเวลา”

“ฮาๆ เสียเวลาหรอ  ตอนนี้ฉันจะมาออกกำลังกายนะ  ลืมเรื่องคุณค่าของเวลาไปหน่อยก็คงจะดี จะได้ผ่อนคลายรีแลกบ้าง   ขอ
ฉันนั่งเล่นด้วยคนสิ”

“อ้าว ทำไมเปลี่ยนใจแล้วหล่ะครับ  แดดก็ไม่ค่อยร้อนแล้วนะ ช่วงนี้เหมาะสมที่สุดในการวิ่งแล้ว  เย็นกว่านี้เดี๋ยวจะไม่สบายได้
นะ”

“ไม่เป็นไร อยากดูภาพที่นายวาดมากกว่า  เรื่องวิ่งเอาไว้ก่อนก็ได้”

“ฮาๆ ผมงงการตัดสินใจของคุณจัง  เอาเถอะ ผมจะวาดภาพต่อแล้ว  ใกล้เสร็จแล้วแหละ”

             ผ่านไป 20 นาทีโปเลย์ก็นั่งมองดูภาพวาดของคนข้างๆที่ดูเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาเรื่อยๆจนเสร็จสมบูรณ์ก่อนจะเก็บ
อุปกรณ์เข้าไว้ในกระเป๋า

“จะกลับแล้วหรอ”

“อืมครับ  นี่ก็เริ่มเย็นแล้ว  อยากอาบน้ำมากๆ”

“ฉันเองคงจะได้วิ่งคนเดียวอีกแล้วสินะ”โปเลย์พูดพึมพำจนหนุ่มตัวเล้กได้ยินเข้า

“เอ่อ  คุณ ถ้างั้นเดี๋ยวผมเดินเป็นเพื่อนก็ได้ คุณอุตส่าห์นั่งดูผมวาดรูปจบเสร็จ  อย่างนี้น่าจะโอเค หายกันนะ”

“โอเค  เดินกันเลยแล้วกัน  เดี๋ยวจะมืดไปกว่านี้”

  ตามทางเดินที่มีผู้คนจำนวนหนึ่งออกกำลังกาย  โปเลย์กับปาร์ตี้เดินเล่นไปเรื่อยๆ คุยโน่นคุยนี่ ทำให้โปเลย์เองมีความรู้สึกว่าไม่
น่าเบื่อเลยแม้แต่น้อยนิด  ถ้าหากปาร์ตี้สังเกตอีกนิดหน่อย อาจจะพอรู้ตัวบ้างแล้วว่าแววตาที่ชายร่างสูงข้างๆเค้ามีความสุขมากแค่
ไหน

“เอ่อผมว่าเราคุยกันมาก็นานแล้วนะครับ  แต่ผมไม่ยักกะรู้ชื่อคุณเลยนะครับ คุณชื่ออะไรหรอ”

“เรียกฉันว่าโปเลย์ก็ได้ปาร์ตี้”

“หืม… ทำไมคุณถึงรู้จักชื่อผมหล่ะ”

“อ่ะ เอ่อ คือ…. อ้อก็ไอ้ใจเจ๋งมันมาพูดให้ฉันฟังอีกทีหน่ะ”

“อ้ออย่างนั้นเองหรอครับ    จะว่าไปวันนั้นคุณร้องเพลงได้เพราะมากๆเลยนะ”

“จริงหรอ  ไม่เห็นจะมีใครชมฉันแบบนายเลย”

“จริงๆหรอครับ จะไม่มีคนชมคุณเลยหรอ  ไม่จริงมั้ง  หน้าตาแบบคุณสาวๆคงให้กำลังใจแทบทุกวันแหละจริงไหม”

“ผู้หญิงที่ไหนกัน ฉันยังไม่มีแฟนหรอกนะ”

“เปล่าผมไม่ได้บอกว่าคุณมีแฟนซักหน่อย แต่วันที่คุณร้องเพลงหน่ะ  แฟนคลับคุณเค้าไปให้กำลังใจกันดังลั่นหอประชุมซะขนาด
นั้นนะครับ”

“นั่นสินะ  แล้วนายหล่ะมีแฟนรึยัง”

“แฟนหรอ ไม่มีอ่ะครับ แล้วก็ไม่อยากที่จะมีด้วย”

“อ้าวทำไมหล่ะ อายุขนาดนี้แล้วไม่อยากมีแฟนซักคนไว้ให้กำลังใจเหมือนเพื่อนๆคนอื่นหน่อยหรอ”

“ไม่รู้สินะ  หรือว่าอาจจะไม่ถึงเวลาก็ได้ว่าไหมคุณ”

“ฉันว่าอาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้”

“คุณรู้ได้ยังไง” 

  คำพูดของปาร์ตี้ที่ย้อนถามกลับไปแบบไม่ได้คิดอะไรนั้น  ทำเอาคนฟังคิดมากจนเกือบจะจนมุมทีเดียว

“ปะเปล่า แค่พูดไปลอยๆเท่านั้นเอง  นี่ก็ทุ่มหนึ่งแล้ว หิวข้าวรึยัง” โปเลย์รีบพูดตัดบท

“จะว่าไปก็หิวตั้งแต่วาดภาพแล้วแหละครับ”

“อ้าวทำไมไม่บอกฉันหล่ะจะได้พาไม่กิน”

“โหไม่เป็นไรหรอกครับ เพื่อนๆที่ห้องรออยู่เดี๋ยวจะไปกินพร้อมพวกนั้นเลยดีกว่าไม่อย่างนั้นงอลผมตายเลย”

“ฮาๆนั่นสินะ  อืมงั้นให้ฉันไปส่งที่หอได้ไหม  ค่ำแล้วน่ากลัวออก”


“ไม่เห็นน่ากลัวเลยครับ โน่นไงมีเพื่อนๆพี่ๆ เค้าเดินกันไปมาเป็นพักๆ  ไม่น่ากลัวหรอกครับ แต่ก็ขอบคุณมากนะครับ วันนี้ได้รู้
อะไรหลายๆอย่างเลย โดยเฉพาะเรื่องของคุณ”

“อืมไม่เป็นไรหรอก  ถ้าเจอกันอีกครั้งหน้า อย่าลืมทักบ้างนะ”

“ได้เลยครับผมไปแล้วนะ”

“เออเดี๋ยวก่อน  เรียกฉันว่าพี่ได้เปล่า ถือว่าเป็นพี่คนนึงของนาย”

“ไม่มีปัญหาครับพี่โปเลย์”

          เด็กหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะเดินออกห่างจากโปเลย์ ซึ่งยืนยิ้มมองดูเด็กคนนี้อย่างมีความสุข  แต่น่าเสียดายที่ตัวเค้าเองแทบไม่
รู้ว่ารอยยิ้มที่ยิ้มออกมานั้นมันสื่ออะไรได้หลายอย่างเลยทีเดียว  แต่แล้วรอยยิ้มก็ต้องหายไปเพราะเบื้องหน้าเค้าเหมือนจะมีกลุ่ม
ผู้ชาย 4 -5 คน เดินตามหลังประกบปาร์ตี้อยู่ห่างๆ  เค้าตัดสินใจที่จะวิ่งไปที่รถหรู สตาร์ทเครื่องไปหาปาร์ตี้อย่างเร็วแล้วเบรกรถไปที่ข้างๆปาร์ตี้  ทำเอาปาร์ตี้ตกใจเล็กน้อยกับรถที่อยู่ดีๆมาจอดข้างๆเค้า

“ปาร์ตี้ ขึ้นรถเร็วเข้า”

“ไม่เป็นไรครับพี่โปเลย์  หออยู่แค่นี้เอง”

“โถ เด็กน้อยเอ้ย รีบๆขึ้นรถเร็ว ด้านหลังนายผู้ชายพวกนั้นเค้าคิดไม่ดีกับนายอยู่นะ”

“เอ่อ ได้ครับ ขึ้นก็ขึ้น”

            โปเลย์รีบเหยียบรถออกไปหลังจากที่ปาร์ตี้ขึ้นรถ  พร้อมกับพาไปส่งที่หอพัก  กลุ่มชายที่ตามหลังปาร์ตี้มาเมื่อกี้ มันช่าง
ทำให้โปเลย์มีสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างแรงและไม่นึกว่าปาร์ตี้จะเกือบโดนเล่นงานเข้าแล้ว ดีที่เค้าได้ช่วยปาร์ตี้ไว้ได้


“ขอบคุณมากนะครับที่มาส่ง  ว่าแต่คนพวกนั้นเค้าเป็นใครหรอครับ”

“อืม ปาร์ตี้พี่บอกไม่ได้หรอกนะ เอาเป็นว่าอยู่ห่างๆพวกนั้นไว้นะ  มีอะไรก็โทรมาที่เบอร์นี้ได้เลยนะ  ไปแล้วแว่นแดง”

“ครับ  ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ”

           รอยยิ้มมิตรภาพที่ส่งให้กันและกัน อีกฝ่ายกลับไม่ได้คิดแต่อีกฝ่ายกลับคิดไปไกลนักต่อนัก  ปาร์ตี้เองเค้ายังคงใสซื่ออยู่
บ้าง  ความบริสุทธิ์ของเค้าอาจเพิ่มความไม่ไว้วางใจภัยที่จะเกิดกับปาร์ตี้อย่างมาก



“ฮัลโหล ไอ้เลย์  โทรมามีอะไรวะเพื่อน”

“ไอ้เจ๋ง  พวกนั้นมันปรากฏตัวอีกแล้ว”

“ช่างพวกนั้นมันสิ เราไม่ยุ่งกับพวกนั้นอยู่แล้ว เหยื่อต่อไปจะเป็นใครเราอย่าไปยุ่งดีกว่า”

“เฮ้ยแต่ว่าคนต่อไปที่แกหมายถึง คือ…..”

“คือใครไอ้เลย์  แล้วนี่ทำไมแกต้องเป็นเดือดเป็นร้อนด้วยวะ  หรือว่าเหยื่อคนใหม่จะเป็นหวานใจของแก”

“ตลกแล้ว ไม่มีหวานจงหวานใจอะไรทั้งนั้นแหละไอ้เจ๋ง  แต่แกต้องช่วยน้องเค้าให้ได้”

“เรื่องอะไรจะไปช่วย  ไม่เห็นจะเกี่ยวกับพวกเราตรงไหน  นี่แกน่าจะชินได้แล้วนะพวกนั้นจะเลือกใครเราไม่ควรจะไปยุ่งนะเว้ย
เพื่อน”

“แต่คนๆนั้นที่พวกนั้นเลือกคือปาร์ตี้นะเว้ย”

“อะไรนะ  ปาร์ตี้หรอ  เฮ้ยไม่มั้ง  แกตาฝาดไปรึเปล่าไอ้เลย์  พวกนั้นมันจะมาชอบน้องเค้าได้ยังไง  ออกจะเด็กเรียนเรียบร้อย มี
สัมมาคารวะแบบนั้น”

“ไม่ฝาดแน่นอนไอ้เจ๋ง ฉันเองเพิ่งจะช่วยน้องเค้าพามาส่งหอเมื่อกี้นี้เอง”

“หรอ  เรื่องใหญ่แล้วไหมหล่ะ อะไรวะคนตั้งเยอะตั้งแยะทำไมพวกนั้นมันไม่เลือกนะ  น้องปาร์ตี้ ซวยแล้วสิ”

“จะยังไงก็ตามแต่ แกไปบอกเพื่อนกลุ่มแกไปบอกหัวหน้าพวกนั้นเลิกยุ่งกับน้องเค้านะเว้ย”

“เออๆ เข้าใจแล้ว  เป็นห่วงเกินเหตุนะแกเนี่ย ปกติไม่เห็นจะสนใจเรื่องคนอื่นเลย  วันนี้กินยาผิดขนาดรึเปล่าวะเพื่อน”

“พูดมากหน่าเจ๋ง จับผิดอยู่ได้ ไปกินข้าวแล้ว แค่นี้นะ หิว  หาไรกินด้วยหล่ะแก บาย”




“อ้าวเฮ้ยไอ้เลย์   ตัดสายเฉยเลย  เพื่อนเรามันเป็นอะไรวะ  ปกติไม่เห็นจะเป็นเดือดเป็นร้อนแบบนี้มาก่อน งงเว้ย    แต่แปลกยิ่งกว่าในประวัติกาลพวกแก็งค์นั้นมันคิดอะไรของมันอยู่นะ ปกติมันไม่ชอบสไตล์แบบปาร์ตี้เลยนี่หว่า  ยิ่งคิดก็ยิ่งงงเว้ย   ”

       ที่เทคซอย 15 ข้างมหาวิทยาลัย  ใจเจ๋งต้องเป็นธุระให้เพื่อน  และอีกอย่างเค้าเองก็ไม่อยากให้ปาร์ตี้ตกอยู่ในสภาพที่ไม่ควรจะเป็นแบบเหยื่อที่ผ่านมาของแก็งค์นี้ด้วย  ใจเงเดินเข้าไปในร้านอย่างรวดเร็วแล้วดิ่งขึ้นไปที่ชั้น 3 ทันทีที่ไปถึงก็เจอลูกน้องยืนอยู่ที่ประตูห้อง

“วันนี้นายพวกแกอยู่ไหม  ขอพบนายแกหน่อย”

“อยู่ครับ คอยซักครู่ครับ”  ไม่นานประมาณ 30 วินาทีลูกน้องก็เดินออกมาจากห้องนั้น


“เชิญครับ”

            ทันทีที่เข้าไปที่ห้อง ก็พบกับหัวแก็งค์เจ้าเล่ห์ลูกครึ่งเยอรมันกับไทยนั่งอยู่ที่ด้านหน้า  ใบหน้าอันหล่อเหลา แววตาคม
เข้มมองใจเจ๋งพร้อมกับซ้อนอารมณ์ไว้อย่างไรอย่างนั้น

“อ้าวนึกว่าใครลูกชายเสี่ยกงเองหรอเนี่ย  ว่าไงเพื่อนปกติไม่ยักกะมา ”

“ไอ้ยอร์ช  เด็กที่แกกำลังเล็งเป้าอยู่ตอนนี้แกปล่อยไปได้ไหมวะ”


“ฮาๆๆ ใจเย็นๆ อะไรกันร้อยวันพันปีไม่เห็นจะมาขัดใจฉันแบบนี้  นี่ต้องมีอะไรพอจะอธิบายมากกว่านี้อยู่ใช่ไหมไอ้เจ๋ง”

“ไม่มีหรอก  แต่ฉันสงสารน้องเค้า เค้าเป็นเด็กเรียน  ท่าทางเรียบร้อย  อย่าให้เค้ามาแปดเปื้อนเลยนะยอร์ช”

“ใครว่าฉันจะฟันแล้วทิ้ง  เด็กคนนี้แค่แว๊ปแรกที่ฉันเห็น  เค้าเป็นเหมือนทุกอย่าง เป็นเหมือนสิ่งที่ฉันตามหามานานแสนนาน”

“อะไรนะ  คนแบบนายมีรักแท้ด้วยหรอวะ”

“ฮาๆ  เฮ้ยเสี่ยยอร์ชก็มีหัวใจนะเว้ยไอ้เจ๋งเพื่อนยาก  เอาหน่าถ้ามันทำให้แกไม่สบายใจ ฉันจะยังไม่ทำอะไรก็ได้จนกว่าน้องเค้า
จะยอมเอง”

“ได้ยินแกพูดแบบนี้ก็สบายใจ  ถ้าน้องเค้าไม่ชอบแกจริงๆแล้วแกจะทำไงวะ”

“ฮาๆๆ อย่าเพิ่งให้พรสิไอ้เจ๋ง  ฉันยังไม่ได้ลงมือเลย    และมันจะไม่มีความเป็นไปไม่ได้ในชีวิตไอ้ยอร์ชคนนี้”

“ไอ้ยอร์ช  ”

“เจ๋ง  แกออกไปก่อนเถอะนะ  ฉันไม่อยากรับแขกแล้วหว่ะ  เรื่องนี้ฉันคิดดีแล้วจะรอน้องเค้าให้โอกาสฉันเอง  แต่ถ้าไม่ให้  นายก็
น่าจะรู้ว่าคนที่ผ่านมากี่คนต่อกี่คน  เห็นไหมว่าไม่มีใครขัดฉันได้เพื่อนและฉันจัดการยังไง กับเด็กคนนี้ก็คงจะอย่างนั้น”

“ยอร์ช  คนนี้คนเดียวไม่ได้หรอวะ  ปล่อยน้องเค้าไปเถอะ”

“ทำไมวะเจ๋ง รึว่าแกชอบน้องเค้า”

“เปล่า ไม่ใช่อ่ะ  อะไรของแกวะฉันยังชอบสาวสวยหมวยอึ๋มอยู่นะเว้ย”

“อ้าวแล้วแกจะมาเป็นเดือดเป็นร้อนอะไรวะ  รึว่าน้องเค้าเป็นญาติแก  เอาหน่ายิ่งเป็นญาติแกฉันก็ต้องยิ่งทะนุถนอมให้เกียรติน้อง
เค้าอยู่แล้ว”

“ไม่ใช่ญาติอีกแหละหว่ะ”

“อ้าว ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่มีเหตุผลที่แกต้องมาพูดวันนี้นี่หว่าเจ๋ง  กลับไปได้แล้วเพื่อน  ฉันไม่ชอบเหตุผลที่ไม่มี หรือแม้แต่เหตุผลที่
ฟังไม่ขึ้นหรอกนะเพื่อน”

“ฉันกลับก็ได้ แต่ยังยืนยันเหมือนเดิมนะเว้ย น้องเค้าเป็นคนดี  แกจะดึงเค้าลงมาไม่ได้หรอก  แกน่าจะคิดเองได้ถ้าแกรักน้อง
ปาร์ตี้จริงๆ”

“ความรักนี่มันซับซ้อนจัง ฉันไม่ค่อยถนัดนัก  ฟังแล้วปวดหัวหว่ะ  เอาเป็นว่าจะพยายามเข้าใจแล้วกันนะไอ้เจ๋งขอบใจมาก”

    และแล้วก็คว้าน้ำเหลว ใจเจ๋งสุดแสนจะอารมณ์ปี๊ดสุดๆ  ไอ้ยอร์ชมันไม่ยอมปล่อยง่ายๆไปแน่  นอกจากชะตาฟ้าดินแล้วแหละปาร์ตี้ ใจเจ๋งคงช่วยได้แค่นี้

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:



 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:

แนะนำตัวละครเพิ่มเติมในตอนที่ 3

1 ทาม    เพื่อนในคณะของปาร์ตี้ เป็นคนร่างสูงชอบเล่นกีฬาในร่มโดยเฉพาะบาสเกตบอล  เค้าจึงเป็นคนร่างสูง  และเป็นผู้ชายแท้ๆนะ มีแฟนแล้วด้วย^^ 

2 ยอร์ช   หนุ่มลูกครึ่ง  ทายาทเจ้าของเทคหลายแห่งในเมืองหลวง  ผู้ทรงอิทธิพล  ไม่มีอะไรที่เค้าจะไม่ได้ถ้าต้องการแล้ว  ถึงจะอย่างนี้ก็เถอะนะ เค้ารักและเอ็นดูปาร์ตี้จากใจจริงๆ  ไม่ได้อยากที่จะทำอย่างนั้นอย่างเดียว  แล้วอย่างนี้โปเลย์จะว่ายังไง


 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:




ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
เอาล่ะซิงานนี้โปเลย์
มีคู่แข่งแล้วถ้าจะมันส์น่าดู :z2:
+1และเป็ด

na-au

  • บุคคลทั่วไป
 :mc4: :mc4: :mc4:  ไชโยได้อ่านตอนใหม่แล้ว


คนแก่รอตอนต่อไปเด้อ  :bye2: :bye2: :bye2:

loveice

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 4
       




            :L2: ผ่านเลยไปแล้วก็ผ่านเลยมา ต้นแก้วหลายสิบต้นที่ปลูกไว้หน้าหอพักดอกสีขาวกำลังเบ่งบานเต็มต้นมันดูสดใสงดงามจริงๆเลยทีเดียว   อีกไม่กี่วันนี้จะถึงวันรับน้องของพวก  ข้าวตู ปาร์ตี้  และเกี๊ยวปลาแล้ว  แต่ทว่าตอนนี้แทบจะไม่ค่อยมีใครตื่นเต้นกันเลย 
ประการแรก ข้าวตูเป็นคนต่างจังหวัดเรื่องรับน้องก็พอรู้อยู่บ้าง แต่ก็ยังกังวลอยู่ดีว่าคณะตัวเองจะยังไง               
ประการสอง ปาร์ตี้ หนุ่มน้อยแว่นแดงผู้สุภาพ มารยาทงาม จิตใจที่อ่อนไหวก็ไปหมดแล้ว แค่ได้ยินว่าจะรับน้องคณะ!!  จะมีก็แต่พ่อหนุ่มตี๋หน้าหวานทายาทร้านทองคนนี้คนเดียวที่ตาวาวเป็นประกายอยากจะให้ถึงวันนั้นเร็วๆ พร้อมกระโดดโลดเต้นไปบนเตียงนอน  ในมือก็กุมกระดาษปฏิทินมหาวิทยาลัยที่เพิ่งจะอ่านกำหนดการไปด้วย

“เว่อร์ไปรึเปล่าเกี๊ยว  ดีใจบ้าอะไรของแกนักหนาถึงได้ไปกระโดดยืนบนเตียงขนาดนั้น มันสกปรก ลงมาเร็วๆเลย”

“โหย ไอ้ข้าว  แกไม่รู้อะไรเว้ย  วันรับน้องเป็นอะไรๆที่ฉันใฝ่ฝันมานานแสนนาน……….เอ๊ะ  รึว่าแกไม่อยากเจอวะ”

“ถามมาได้   ถ้าเลือกได้ฉันไม่อยากเลย  จริงๆนะเกี๊ยว  แกก็พิลึกคนเนาะถามจริงนะ…ไม่กลัวบ้างหรอ”

“ไก่อ่อน  ฉันพูดถูกแล้ว  พวกแกสองคนนะ ไก่อ่อน ต้องเอาดีอย่างฉันเว้ย  อย่าไปกลัว”

“พูดดีหนิ  แล้วเมื่อวาน  ตอนฝนเริ่มหยุดตก แค่ทากตัวน้อยๆกระดึบมาตัวเดียว  ทำเป็นติแตก  กระโดดไปอยู่อีกฝากของถนนโน่น”

“เฮ้ยไอ้ข้าวหยุดเลยนะ  หยุดพูด  มันคนละเรื่อง……  เอาหน่าเพื่อน  พี่ๆเค้าคงไม่ทำอะไรเรามากหรอกเชื่อดิ  ขำๆ เอาฮาอ่ะเอา
ฮา เข้าปะ!อืม…….  ปาร์ตี้ฉันรู้ว่าแกกังวลมากกว่าไอ้ข้าวมันมาก  แต่เชื่อฉัน  ไม่มีอะไรหรอกเพื่อน  เกี๊ยวปลาผู้หน้าหล่อ
รับประกัน”

“อืมๆ  โอเคขอบใจมากเกี๊ยว” ปาร์ตี้ยิ้มแหยะกับท่าทางเพื่อนตัวเองที่ทะเล้นพิลึกอยู่ตรงหน้าเค้า

“ดีมาก  งั้นเราสามคนไปหาอะไรกินกันหน่อยไหม  ฉันอยากจะดื่มอะไรเย็นๆ……นะๆ”

“ก็ดี  ขออะไรที่มันดื่มแล้วอุ่นๆท้องหน่อยนะ หนาวเกิน”

“อ้าวฉันจะดื่มเย็น แกกลับอยากจะดื่มอุ่นนะไอ้ข้าว  อืม….แต่ก็พอจะรู้อยู่บ้างหล่ะว่าจะไปกินร้านไหน”

“ที่ไหนหรอ”  ทั้งข้าวตูและปาร์ตี้ถามออกมาพร้อมกัน   เกี๊ยวปลายิ้มแหยะๆ  ก่อนจะพาไปร้านกาแฟร้านหนึ่งใกล้ๆหอพัก


ร้านกาแฟสไตล์สบายๆ แต่ดูหรูหราไปนิดๆ  มันทำให้ข้าวตูกับปาร์ตี้กังวลนิดๆว่าจะไหวไหม  หมายถึงเรื่องเงินทองอ่ะนะ

“ไอ้เกี๊ยวมากินอะไรแพงๆแบบนี้  ฉันขอบายดีกว่า  ร้านป้าต้อยชาเขียวรอฉันอยู่ที่ประตูมอฝั่งลานวิศวะ”

“หยุด! เชียว! นะ!   ห้ามปฏิเสธ  เพราะวันนี้    ฉัน  จะ   เลี้ยง   เอง”

“งั้นก็เข้าร้านกันเลย อย่ารอช้า”ข้าวตู ปรบมือพร้อมยิ้มแฉ่งเผยให้เห็นฟันเคี้ยวซี่เล็กๆ สองซี่ ดูแล้วเหมือนแมวน้อยตาโตอย่างไร
อย่างนั้นเลย

“แหมไอ้ข้าว  ไวจริงนะเรื่องของฟรีเนี้ย”

“แน่นอนเพื่อนเกี๊ยว   เพื่อน้ำใจเพื่อนฉันเองก็ต้องรับไว้   ป่ะปาร์ตี้ไปจองที่นั่งกันเถอะ”

“ให้ได้อย่างนี้สิเพื่อนเรา  เฮ้อ  อีกคนก็ลูกชายพ่อกำนันอีสาน  อีกคนก็ลูกชายเจ้าของไร้สวนผลไม้เมืองจัน  ทำเป็นขี้งกไปได้ 
จะเก็บเงินไปแต่งเมียรึไงกัน  แล้วนี้กูจะมายืนบ่นอะไรวะ  เฮ้อเข้าร้านบ้างดีกว่า”


   ในร้านกาแฟ   ถ้าสังเกตดีๆ  กลุ่มของยอร์ช  ลูกชายผับหน้ามอก็อยู่ดื่มกาแฟที่นี่ด้วย  สายตาของผู้ที่อยากจะครอบครองถูกเพ่งเล็งไปที่หนุ่มร่างเล็กแว่นแดงหนาเต๊อะ   แต่ปาร์ตี้นั่นหรอจะไปรู้อิโหน่อิเหน่อะไร   เค้าเองไม่รู้ตัวหรอกว่าอะไรคืออะไร    ไม่นานนักพอทั้งสามคนหาที่นั่งได้เท่านั้นแหละ   ยอร์ชกับเพื่อนๆ(อาจเรียกว่าลูกสะหมุนก็ได้เถอะ )ก็เดินเข้ามาทักทาย แบบรวดเร็วเสียจริงๆ

“สวัสดีครับ น้องๆปี 1  พี่ชื่อยอร์ชนะครับ  เป็นคนที่โด่งดังที่สุดในแถวรอบมอนี้”

“สวัสดีครับ   แล้วไงต่อ”

             สิ้นเสียงเกี๊ยวปลาที่ตอบเชิงถามกวนๆแบบไม่ได้ใส่ใจ ทำให้ลูกน้องมันไม่พอใจอยู่มากแต่ ชายร่างสูงก็ยกมือซ้ายห้าม
ไว้  เจ้าตัวเองก็อดกลั้นอยู่ไม่น้อย  สิ่งนี้ไม่มีใครจะดูออกได้ง่ายๆ แต่สำหรับข้าวตูแล้วดูออกง่ายมาก  เพราะอะไรหน่ะหรอ  เมื่อก่อนที่อยู่หนองคาย  พวกคุณยังจำไอ้สิงโตลูกกำนันเสืออีกตำบลหนึ่งได้รึเปล่า ไม่ต่างอะไรกับพี่ที่เพิ่งแนะนำตัวว่าชื่อยอร์ชคนนี้ไปเมื่อกี้แม้แต่นิดเดียว ทำให้ข้าวตูมองออกถึงอารมณ์ที่ซ่อนเร้นเอาไว้

“ฮาๆๆ   ดูท่าน้องคนนี้ชอบอะไรที่ขำๆพอตัวนะครับ  คือพี่แค่อยากจะมาทำความรู้จักกับน้องๆ  เป็นพิเศษเลยและมันจะดีมากถ้าน้องๆให้เกียรติพี่ได้นั่งร่วมโต๊ะไปด้วย”

“พี่ขอมา เราก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกครับ  เชิญครับเหลือที่นั่งอีกที่พอดี” ข้าวตูยิ้มแล้วเชิญยอร์ชเข้ามานั่ง  แต่แววตาของข้าวตูเพ่งเล็งพอที่ทำให้ยอร์ชเองแทบจะหลบสายตา อย่างกับคนถูกจับผิดเวลาทำผิดพลาด

“ขอบใจมากครับ”เจ้าตัวตอบรับพร้อมน้อมตัวให้นิดๆ แม้จะเกร็งๆข้าวตูอยู่บ้าง  แต่จะเกร็งอะไรไประดับหัวหน้าแก็งค์ใหญ่ๆอย่าง
เค้า ไม่มีอะไรที่ต้องทำให้เกร็งเลยแม้แต่ข้าวตูที่ส่งแววตามามองอย่างนั้น

“เอาหล่ะครับ  น้องๆชื่ออะไรกันบ้างครับ แนะนำให้พี่รู้จักหน่อยสิ”

“เรียกง่ายๆแล้วกัน  นั่นหน่ะ ข้าวตู  แว่นแดงนี่ ปาร์ตี้ แล้วก็ผม  เกี๊ยวปลา”

“อ้อ อย่างนี้เองหรอกหรอครับ น้องชื่อน้องปาร์ตี้สินะ   น้องปาร์ตี้ครับ ดูๆไปแล้วปาร์ตี้ ไม่ค่อยพูดเลยนะ”

“อ้อ  ไม่มีอะไรหรอก เพื่อนผมเค้าไม่ค่อยพูดหน่ะ  สำหรับคนแปลกหน้ายิ่งแล้วใหญ่”

              คำตอบที่ให้ไปของเกี๊ยวมันทำให้สีหน้าของยอร์ชที่ข้าวตูกำลังสอดแนมอยู่ ดูจะเปลี่ยนสีหน้าไปนิดๆบ่งบอกว่าไม่พอ
ใจอย่างแรง แต่แล้วเสียงลมหายใจเข้าปอดของชายหนุ่มผู้หล่อเหลาก็ดังขึ้นเหมือนกำลังจะสงบสติอารมณ์

“โอ้  แย่จริงๆเลย จะเป็นการรบกวนรึเปล่าถ้าปาร์ตี้จะให้เกียรติมองว่าพี่ไม่ใช่คนอื่นคนไกล”

“ได้ครับ ” ปาร์ตี้หันมาตอบยอร์ชหลังจากที่มัวแต่ก้มดูเมนูที่อยู่ตรงหน้า  เกี๊ยวปลากับข้าวตูมองหน้ากันแบบประมาณว่า  ไปตอบ
รับมันได้ยังไง

“พูดง่ายๆ อย่างนี้สิดีมาก  พี่ชอบคนแบบนี้ อืม เรียนคณะอะไรครับ”

“ถามผมหรอครับ คือ ผมเรียน…ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ…ขอโทษครับโทรศัพท์ดัง”

“ไม่เป็นไรเชิญรับสายตามสบาย  เฮ้ย น้อง!!!  เอานมสดปั่นใส่วีฟครีมเยอะๆ มาให้หน่อยดิ 3 ที่ด่วน” ยอร์ชตะโกนบอกพนักงาน
ในร้าน
              ปาร์ตี้แปลกใจเล็กน้อยกับเบอร์ที่ปรากฏหน้าจอแต่ก็กดรับสายเพราะมันเป็นเรื่องของ มารยาท( เยอะไปมันก็อาจจะไม่ดีก็ได้นะปาร์ตี้อิอิ )


“สวัสดีครับ”

“ปาร์ตี้ครับ  พี่โปเลย์เองนะ  ตอนนี้อยู่ไหนครับ”ปลายสายตอบรับกลับมาทำให้คนที่เพิ่งกดรับเมื่อครู่ อ๋อ ทันที

“เอ่อที่ร้านกาแฟแถวใกล้ๆหอพักครับ  อืม…….  แล้วนี่พี่เอาเบอร์ผมมาได้ยังไงครับ”

“อ้อขอโทษทีพี่ไม่ได้ขอก่อนอ่ะ  พี่แอบขอโทรศัพท์ปาร์ตี้ยิงเข้าเครื่องพี่เองแหละครับ  ว่าแต่ตอนนี้นั่งอยู่ไหนครับ”

        เอ๊ะอะไรนะ  ขอเบอร์ปาร์ตี้แล้วกดโทรเข้าเครื่องพี่โปเลย์อย่างนั้นหรอ  พูดแบบนี้ไม่เคลียร์เลยนะ เบนประเด็นไปทางอื่นอีกต่างหาก  แต่ปาร์ตี้ผู้แสนซื่อน่ารักก็ไม่ได้เอ๊ะใจอะไรอีกตามเคย

“นั่งหรอครับ นั่งไหนอ่ะ  หมายถึงอะไรครับ  ถ้าตอนนี้ผมนั่งด้านในร้านครับ”

“โอเคครับเดี๋ยวพี่จะเดินเข้าไปหา”

“ทำไมพี่พูดเหมือนกับว่าจะมาร้านนี้  ไม่ใช่สิ  พี่รู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่ไหนแล้วทำไมถึงมาถูกร้านครับ พี่โปเลย์”

“รู้สิครับรู้ดีด้วย   ตอนนี้พี่อยู่ด้านหลังปาร์ตี้แล้ว หันมาด้านหลังสิครับ”

ตุ๊ดๆๆๆๆๆ

               ปาร์ตี้หันไปมองพี่ชายที่เพิ่งจะรู้จักกันไม่กี่สัปดาห์เดินเข้ามาที่ร้านแล้วยิ้มให้กับคุณชายตัวเล็ก             การปรากฏตัวของโปเลย์ ที่เข้ามาในร้าน ทำให้ยอร์ชและเพื่อนๆหันกลับไปมอง  แต่สีหน้าของยอร์ชที่ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างก็เริ่มจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

“อ้อ  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครโทรหาน้องปาร์ตี้เมื่อกี้   ไงโปเลย์    ”

“ยอร์ช  วันนั้นไอ้ใจเจ๋งมันไปหานายบอกแล้วหนิว่าให้ปล่อยเค้าไป”

“ปล่อยหรอ  ใจเจ๋งไม่ได้บอกนายหรอกหรอว่าฉันจะไม่ยอมปล่อย เพราะฉันเอาจริงกับคนคนนี้ และที่สำคัญในตอนนี้ฉันก็เพิ่งจะ
เข้าใจแล้วว่าใครบอกให้ใจเจ๋งมันมาคุยเรื่องนี้กับฉัน นายเองสินะ”

“หยุดก่อนคุยอะไรกัน  ให้ฉันได้เข้าใจด้วยได้ไหม” เกี๊ยวปลาโผล่งขึ้นในวงสนทนา  ทำให้ชายหนุ่มหน้าหล่อสองคนหันไปมอง
หน้าเกี๊ยวปลาพร้อมกัน  แต่ดูหน้าไอ้เกี๊ยวตอนนี้สิทำหน้าอยากรู้อยากเห็นเสียจริงๆ

“ยอร์ช ออกไปคุยกันด้านนอก  กับฉัน!” โปเลย์สีหน้าเหมือนคนแบกโลกเอาไว้อย่างไรอย่างนั้นเลย

“ยินดี เพื่อน……เชิญด้านนอก  ส่วนพวกแกไม่ต้องตามออกมาหรอก”

“ครับนาย!”

“อะไรกัน  พิลึกจริงๆ แกว่าไหมไอ้ข้าว  ไอ้ปาร์ตี้”

“ไอ้เกี๊ยวเรื่องของคนอื่นเค้า  เราไม่ยุ่งอ่ะดีแล้วนะ  ตอนนี้ก็รอนมสดปั่นที่พี่ยอร์ชอะไรนั่นสั่งให้แล้วกัน”

“เออๆ  เรื่องดีๆฉันได้ยินมาบ่อยแล้ว แกอย่าเป็นอีกคนที่คอยอบรมฉันเลยนะไอ้ปาร์ตี้  พุดน้อยก็จริง แต่พอพูดแล้วกูจุกเลย  ”

                ปากพูดบอกเพื่อนไปอย่างนั้นแหละ แต่ลึกๆในใจปาร์ตี้เองก็อยากรู้ว่าพี่โปเลย์เค้ามีเรื่องจะคุยอะไรกับรุ่นพี่แปลกหน้าผู้ทรงอิทธิพลคนนั้น  แต่มันก็เป็นได้แค่เพียงปริศนาที่รับรู้ไม่ได้เท่านั้นเองเท่านั้นเอง





  :L2:  สามวันถัดมา  ที่หน้าตึกรัฐศาสตร์ ตอนบ่ายๆ ข้าวตูกำลังรีบไปประชุมรับน้องคณะที่ลานว่างระหว่างคณะวิดยากับคณะพยาบาล  อีกไม่กี่ร้อยเมตรข้างหน้าที่จะถึงโน่น  เสียงแตรน่ารำคาญก็ดังขึ้นอีกแล้ว  และที่สำคัญไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารถใคร

“โอ้ย  บีบแตรทำไม  อายคนอื่นเค้าบ้างไหมฮะ  นี่ผมบอกคุณไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว”

“อ้าวถ้าอายแล้วจะบีบทำไม  อย่ามาชวนทะเลาะหน่อยเลยนะ  ไม่เบื่อรึไงกัน  แล้วนี่ๆแล้วนายจะไปไหนอ่ะ”

“ไม่บอก”

“เฮ้ยอะไรกันนักหนาวะ  คนหล่ออุตส่าห์ถาม อุตส่าห์คุยด้วยทำเป็นหยิ่งนะเรา”

“หยุดๆๆ  พอๆ ขอเถอะนะกับไอ้คำว่าคนหล่ออ่ะ  มันฟังดูแล้วขัดแย้งอ่ะ พลีสสสสส”

“ขัดแย้ง? จะขัดแย้งได้ยังไง  เมื่อสองปีก่อนฉันเป็นเดือนนิติศาสตร์เชียวนะ”

“จะเป็นเดือนเป็นตะวัน เป็นอุกกาบาต ดาวหางอะไรก็ช่างคุณเถอะ  ผมไปแล้ว ไม่มีเวลามาพูดอะไรที่มันมีสาระมากแบบนี้หรอก”

“อ้าวๆ ก็กำลังจะไปส่งนี่ไง  ขึ้นรถเร็ว”

“ขอบคุณ  ไม่เป็นไร อีก 130 เมตรก็ถึงแล้ว”

“หยิ่งได้อีก    ให้มันได้อย่างนี้สิ”

          ข้าวตูได้ยินเสียงแค่นั้นแหละแล้วเดินต่อไป  แต่…….ก็เงียบไม่มีเสียงอะไรเกิดขึ้น  แต่มันแปลกๆเพราะทุกครั้งไอ้พี่สแกน
มันไม่น่าจะยอมง่ายขนาดนี้หรอก  เพียงไม่กี่เสี้ยววินาทีก่อนจะหันหลังไปดูก็เกือบจะชนชายหนุ่มผู้หล่อระดับเดือนตะวันอย่างว่ายืนเก๊กท่าอยู่นั่นแหละ  จะอะไรกันนักหนาไอ้พี่สแกนคนนี้  มายุ่งอยู่ได้ ข้าวตูเค้าเริ่มจะโมโหแล้วแหละนะ  ใครแฟนคลับไอ้พี่นี่ขอทีเถอะ  ถ้าข้าวตูวีนขึ้นมาอย่าว่ากันนะครับอิอิ

“เฮ้ย ตกใจหมด   ตามมาทำไมวะ  แล้วทำไมต้องมาเดินใกล้ขนาดนี้ด้วย  ถอยไปสิวะ”

“เปล่าตามนะ  อย่ามาขี้ตู่สิ  ฉันจะไปทำธุระทางนี้เหมือนกัน”

“ไปทำธุระ?”

“อ้อ อืม ใช่ ธุระ  แถวๆนี้” สแกนตอบคอนเฟริมเสียงเรียบ หน้าตานิ่ง แต่ดูเหมือนเค้าแค่อยากรู้เท่านั้นเองว่าข้าวตูจะไปไหน

“แล้วไม่คิดจะเอารถไป….?”

“อ้อๆ ไม่ต้องหรอก  คือ……พอดีอยากประหยัดเงินหน่ะ จอดมันไว้ตรงนั้นแหละ เปลืองน้ำมัน”

“ประหยัด?   บุคคลที่มีรถยี่ห้อ Opel  ขับอย่างคุณเนี่ยนะ ”

“แน่นอน  ทำไมฉันจะประหยัดเหมือนคนอื่นเค้าไม่ได้รึไง” เสียงเรียบแต่ดูตำหนิ  ของเค้ามันทำให้ข้าวตูหงุดหงิดไม่น้อย  น่า
หมั่นไส้ที่สุด ดูเค้าทำตอนนี้สิยืนหน้านิ่งโพสต์ท่าเก๊กอยู่นั่นแหละ ไม่เมื่อยรึไงกันนะ

“โอ้ย  ตามใจเถอะผมไม่มีเวลามาคุยอะไรมากแล้ว”

“อ้าวก็เดินไปสิครับ  พ่อทายาทกำนัน”

“โอ้ย เซง นี่รึว่าโบราณเค้าบอกไว้จะเป็นจริงวะ   เกลียดอะไรได้อย่างนั้นวะ  ทำไมต้องมาเจอวันนี้ตอนนี้ด้วยนะ”

“บ่นอะไรอ่ะ  เมื่อกี้ได้ยินไม่ชัด”

“เปล่าบ่น  แล้วก็รูดซิปปากได้แล้ว  ไม่ต้องถาม  ขี้เกียจตอบ แล้วก็ไม่ต้องรู้ทุกเรื่อง เข้าใจไหม”

          พูดเสร็จเจ้าตัวเล็กก็หันหลังกลับเดินหน้าบึ้งเสียอารมณ์ไปอย่างรวดเร็ว  สแกนเองก็อดอมยิ้มตามหลังไม่ได้กับสีหน้าไอ้ตัวเล็กเมื่อกี้  สงสัยคงจะรำคาญสแกนเข้าแล้วจริงแหละนะ สแกนยิ้มได้แค่นั้นก็ต้องหุบยิ้มเพราะเค้าไม่ค่อยชอบสายตานักศึกษารอบข้าวที่จ้องมองเค้าอยู่  เพราะเค้าไม่ชอบ  แต่ถ้าให้คิดไปคิดมา  ถามสแกนหน่อยเหอะปกติเป็นคนที่เข้าหาคนอื่นยากไม่ใช่หรอ  แล้วนี้ลืมสโลแกนประจำตัวไปแล้วรึไงกัน  ทำไมเข้ากันกับข้าวตูง่ายนัก  แต่….จะบอกและตอบให้ก็ได้  สแกนเองเค้าแทบจะยังไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าทำอะไรอยู่กันแน่ 


ที่ลานกว้าง……..

“น้องๆมากันครบรึยังครับ  มาแล้วก็นั่งกันเลยเร็วๆนะครับ พี่จะได้เริ่มเช็คจำนวนเลย   ”

           ที่ลานกว้างคณะของข้าวตูเค้านัดกันที่นี่แหละ ดูเหมือนเพื่อนๆจะมากันครบแล้วแหละ รึว่าผมเป็นคนสุดท้ายก็ไม่รู้     
จริงๆแล้วไม่ต้องมานัดถึงสนามตรงนี้ก็ได้ ที่ว่างที่คณะก็มี  แต่ก็เอาเถอะไหนๆก็เดินมาถึงแล้ว  เสียงพี่จั้ม ปี 4 ตะโกนจัดน้องๆนั่งตามแถวเพื่อชี้แจงงานรับน้องคณะที่จะถึงนี้  แต่มันสะดุดก็ตรงไอ้คนที่บอกว่าจะมาทำธุระแถวๆนี้นี่แหละ   ธุระที่ว่านี่อยู่ตรงไหนกันแน่เล่นเดินตามมาซะถึงนี่เลย 

“ข้าวตูๆ” สแกนจับแขนข้าวตูเหมือนเชิงให้หันหลังกลับมา ก่อนที่ข้าวตูจะเดินเข้าไปนั่งที่พื้นเหมือนเพื่อนๆ

“อะไรอีกหล่ะ  นี่คุณไหนเมื่อกี้บอกจะไปทำธุระก็ไปสิตามมาจนถึงนี่เชียวนะ  ที่ตรงนี้มันเป็นธุระของคุณรึยังไงกัน”

“ใช่นี่แหละธุระของฉัน”

“อะไรนะ? บ้าไปกันใหญ่แล้ว  คุณจะมามีธุระอะไรตรงนี้ ที่นี่ไม่มีสมาชิกเด็กปี 1นิติศาสตร์คณะคุณหรอกนะ  ไปเร็วๆเดี๋ยวพี่จั้มจะ
เห็นก่อน  พี่จั้มโหดมากนะขอบอก คุณเองอาจะซวยไปด้วยก็ได้นะ ”

“จั้มหรอ!  ไหนชื่อคุ้นๆนะ  จั้มๆ  ใครชื่อจั้มครับ!  จั้มที่โหดๆคนไหนครับ”

              สแกนคิดตลกอะไรไม่รู้ตะโกนเรียกชื่อจั้มออกไป ทำให้สมาชิกวงในหันมามองที่ต้นเสียงกันเป็นแทบๆ  ให้ได้อย่างนี้สิไอ้พี่สแกน  ข้าวตูทั้งตกใจทั้งอายเมื่อสายตาทุกคู่กำลังมองมา

“นั่นไงยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งยุจริงๆเลย  คุณๆนี่ๆๆได้ยินไหม  จะไปตะโกนทำไม อายเค้า แล้วคุณก็ไปทำธุระ รึไม่ก็กลับไปได้แล้ว”

        ไม่นานนักพี่จั้มก็เดินมาทางนี้หลังจากที่ไอ้พี่สแกนตัวดีมันตะโกนเรียกเมื่อกี้ เอาแล้วไงพี่จั้มยิ่งโหดๆอยู่ด้วย

“อ้าว สแกนเองหรอเพื่อนนึกว่าใครมายืนเรียก ”เวรกรรมนี่เค้าเป็นเพื่อนกันหรอ

“นี่หน่ะหรอพี่จั้มที่นายเกรงกลัว ข้าวตู  ฉันก็นึกว่าจั้มไหน ที่แท้ก็ทันตแพทย์จั้มนี่เอง  ไงวะสบายดีนะ  แต่เอ๊ะเดี๋ยวๆๆๆ………..   
เฮ้ย! o22  เดี๋ยวก่อนนะ………….ได้ไงวะเนี่ย   ไอ้จั้ม  ไอ้หมอฟันจริงๆด้วย”

“อะไรๆ  เป็นบ้าอะไรของแกวะฉันก็เรียนมาตั้ง 3 4 ปีแล้วถามทำไมหล่ะเนี่ย” พี่จั้มเริ่มงงๆกับเสียงบ่นพึมพำๆในลำคอของสแกน

“ไอ้จั้ม  นี่คณะแกนัดที่นี่หรอวะเพื่อน”

“เอ่อก็ใช่อ่ะนะ  ว่าแต่ว่าอะไรของแกวะสแกน  แล้วแกมาที่นี่ทำไมวะ  นั่นแหน่อย่าบอกนะว่ามาหาสาวปี 1 ”

“ปะ……ปล่าวๆ  เอ่อ  คือ  ข้าวตูเรียนทันตแพทย์งั้นหรอ   แล้วทำไมไม่เห็นบอกกันซักคำ”

“อ้าวจะไปรู้กับคุณหรอ  ไม่ได้ถามผมนี่ แล้วผมจะไปบอกไปเล่าให้ฟังได้ยังไง” :mew5:

“มีอะไรกับน้องคณะฉันรึเปล่าวะ แล้วนี่รู้จักกันด้วยหรอน้องข้าวตู   ไอ้สแกน ว่าไงวะ”

“เอ่อเปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอกเพื่อน   แกจะประชุมเรื่องรับน้องนานไหมวะ”

“ไม่นาน 1 ชั่วโมงขาดตัวเพื่อน”

“เออ ไปประชุมประกาศอะไรแกก็ไปเถอะ  ”

“เออๆ  มาแปลกนะแกวันนี้  รึว่ามารอรับใครรึเปล่า  เดี๋ยวๆๆ  รึว่ามารับข้าวตู”

“เฮ้ย   เปล่าๆๆๆๆๆๆ ไม่ได้มารับ  จะมารับทำไมหล่ะ  ถามมาก  ไปได้แล้ว   แกจะพูดอะไรก็รีบๆพูดสิวะจั้ม” ยิ่งทำให้พี่จั้มงงเข้าไปใหญ่แต่ก็ต้องเดินหันหลังกลับไปที่ด้านหน้า


      ไม่นานเมื่อพี่จั้มเข้าประจำที่ก็เริ่มทำหน้าที่เป็นพี่พูดแจกแจงรายละเอียดวันรับน้อง  ทิ้งไว้แต่สีหน้าของสแกนที่ยืนอยู่ด้านหลั
งห่างจากที่ๆเค้านัดแนะประมาณ 4 เมตร 

“ข้าวตู  หมอฟัน”

“หมอฟัน คือ ข้าวตู”

“ข้าวตู คือหมอฟัน   เฮ้ย เชี่ยแล้ว  ทำไมเราไม่ถามข้าวตูตั้งแต่ทีแรกวะ  เรียนเก่งเหมือนกันนี่หว่าไอ้ลูกแมว” :hao3:

       เสียงของสแกนที่บ่นพึมพำกับตัวเองดังมาเป็นระยะ  ไม่นานรอยยิ้มของพ่อหนุ่มร่างสูงก็ฉีกยิ้มกว้างทันที








       :L2:  ที่เยาวราช  ร้านทองอากงอาม่าของเกี๊ยวเอง  จะว่าไปก็เป็นร้านที่ใหญ่พอสมควร  เป็นที่เลื่องชื่อของคนที่เปิดห้างทองเหมือนกัน   เกี๊ยวปลาเดินเปิดประตูร้านเข้ามาพร้อมกับของพะรุงพะรัง  ทำให้อากง อาม่า หันมามองก้ตกใจตามประสาคนแก่

“กง  ม่า สวัสดีครับ เกี๊ยวคิดถึงขอกอดหน่อยๆ นะๆๆๆ ขอหอมด้วยๆ”

“อืมเอาหล่ะๆ  อะไรของลื้อเกี๊ยวปลา  ทำไมวันนี้มาถึงที่นี่ได้หล่ะ  แล้วนี่ไม่มีเรียนหรอ  รึว่าเงินทองไม่พอใช้….”

“โห ม่า  เกี๊ยวไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดีเลย   เอาเป็นว่ากลับมาเยี่ยมกงกับม่าเฉยๆ  เงินทองอ่ะไม่ขัดสนหรอก”

“ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นเรื่องจริง”

“โหอะไรกันครับกง  เกี๊ยวเสียใจนะ  เกี๊ยวไม่ได้ดื้อเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ  นี่ไงเกี๊ยวซื้ออะไรมาฝากด้วย”

“เหอะๆ  ลื้อจะซื้อมาทำไมอาเกี๊ยว  แบรนด์รังนก  ลื้อลืมไปแล้วหรอว่าที่ร้านข้างห้างทองของเราก็ขายเหมือนกัน  ซุปเปอร์มา
เก็ตอีกต่างหาก”

“โห…….ไม่เหมือนเถอะครับม่า  นั่นหน่ะของขาย แต่นี่ของที่เกี๊ยวซื้อมาให้ด้วยใจเลยนะ”

“เออๆ  เอาไปวางไว้ในห้องแล้วกัน  แล้วนี่ไม่มีเรียนหรอ”

“โห อาม่าอ่ะ วันนี้วันเสาร์ผมเลยมาเยี่ยม จะมีเรียนได้ยังไงกัน   ไม่ได้มานานแล้ว  ตั้งแต่อายุ 15 ก็ไม่ได้มาอีกเลย  แต่จริงๆแล้ว
ก็คิดถึงป๊ากับม๊าที่สุพรรณจัง”

“คิดถึงให้มันได้อะไรวะเกี๊ยว  โตๆแล้ว หัดอยู่ๆห่างป๊ากับม๊าลื้อบ้างก็ดี”

“โห…..  กง พูดหน่ะมันง่ายครับแต่ทำมันยาก  วันนี้กะจะมานอนค้างคืนนึงที่นี่เลย”

“เออดีๆ  ไหนๆก็กลับมาแล้ว  เฝ้าร้านให้ทีสิ   อาแมวอาหมี เค้ายังไม่กลับมาเลย ม่าให้เค้าไปซื้อของที่ตลาดสด”แมวกับหมีคือ 
คนที่มาทำงานเฝ้าห้างทองให้ไม่ใช่ใครอื่นไกลครับ  ญาติทางคุณแม่เองครับ

“อ้อได้ครับม่าไม่มีปัญหา เอ่อ……. กงครับ”

“อืมว่าไงเกี๊ยว”

“กงอยู่เป็นเพื่อนก่อนสินะๆ   ”

“อะไรๆ   ช่วงนี้มวยกำลังจะมา ไม่ได้ๆ เดี๋ยวกงไปดูไม่ทัน   กงไปก่อนนะ  เฝ้าร้านไปคนเดียวเดี๋ยวลูกค้ามา”

“โห ร้านตั้งใหญ่  ผมอยู่เฝ้าคนเดียว เผื่อโจรเข้ามาไม่รู้ด้วยนะ”

“บ่นไม่เข้าเรื่องหลานคนนี้  ลื้อมองออกไปดูซิ กงกับม่าให้ตำรวจมาช่วยเฝ้าระวังตั้ง 2 คน มันเข้ามาได้ก็ให้มันเข้ามาสิวะฮ่าๆ”

“กงอ่ะโหดร้าย  เฝ้าคนเดียวก็ได้”



ผ่านไป 1 ชั่วโมง  2 ชั่วโมง  ลุกค้าที่เข้ามาในร้านก็เริ่มทยอยมาเรื่อยๆ  พี่แมว กับพี่ หมี ก็ไม่เห็นแววจะกลับมาซะที  ไปตลาด
สดรึว่าไปเดินห้างกันแน่นะ  เกี๊ยวปลาบ่นในใจ  แต่ก็ต้องหยุดคิดเมื่อเสียงประตูเปิดเข้ามา  ลุกค้าคนนี้เกี๊ยวปลาเงยหน้ามามองก็
พบว่าเป็นบุคคลที่ไม่เคยลืมเลยจริงๆ   ผู้หญิงวัยกลางคนเสื้อสีเหลืองดูดีมีสง่า กำลังเข้าใกล้ๆเกี๊ยวปลา  เธอเห็นเกี๊ยวปลาก็ต้อง
ฉีกยิ้มให้เกี๊ยวปลาทันที

“เกี๊ยวปลา  ไม่นึกเลยว่าจะเจอหลานที่นี่”

“สวัสดีครับ ป้าเหมย ”

             เกี๊ยวปลาทักเอไป ไม่มีอะไรหรอกครับ ผู้หญิงคนนี้เค้าเป็นเพื่อนกันกับแม่ของเกี๊ยวปลาตั้งแต่เด็กๆ

เกี๊ยวปลาเลยจำได้ เพราะแม่เค้าชวนมาบ้านบ่อยๆ  ตอนที่ยังไม่ได้ย้ายไปอยู่กับพ่อของเกี๊ยวที่สุพรรณบุรี

“น่ารักขึ้นกว่าเดิมอีกนะครับหลานชาย  ได้ข่าวจากม๊าที่สุพรรณแล้วว่าเกี๊ยวมาเรียนมหาวิทยาลัย…..ที่กรุงเทพ”

“อ๋อครับ  ”

“ป้ามาทำธุระแถวๆนี้ เลยแวะมาหากงกับม่า  ไม่รู้ว่าตอนนี้ว่างกันรึเปล่า   ”

“ม่าว่างครับ  ส่วนกง  ดูมวยคู่เอกอยู่ครับ  ให้ผมไปเรียกให้ไหมครับ”

“ไม่ต้องหรอกจ้ะ  ป้าเอาของฝากนิดๆหน่อยๆมาด้วย ป้าวางไว้ตรงโซฟานั่นก็แล้วกันนะ”

“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมไปเก็บเลยดีกว่า”

“อ้อจ้ะ   อืมแล้วนี่ไปเรียนที่นั่นแล้วเป็นไงมั่ง  เจอตาตี๋เล็กบ้างรึเปล่า”

“พี่ตี๋เล็กหรอครับ   ไม่เจอเลยครับ  พี่เค้าเรียนที่นั่นหรอกหรอ  คณะอะไรหรอครับ”

“วิศวะนี่แหละมั้งถ้าป้าจำไม่ผิด  แต่จะว่าไปถึงเจอก็คงจะจำกันไม่ได้หรอกนะป้าว่า  จริงไหม”

“เอ่อ ก็จริงครับ ผมจำไม่ได้เลย  ผมคิดถึงพี่ตี๋เล็กมากเลยนะครับป้าเหมย  อยากเจออยู่เหมือนกัน”

“นั่นแหน่ ป้ารู้แล้ว  ตั้งแต่ป้าให้ตี๋เล็กไปเรียนที่เมืองนอก  4 ปี  พอกลับมาเกี๊ยวปลาเองก็ย้ายไปที่สุพรรณก่อน  เลยไม่มีเพื่อนเล่นด้วยเลย หล่ะสิ   ในตอนนั้นเกี๊ยวคง 8 ขวบได้มั้งเนาะ”

“ประมาณนั้นแหละครับ  อยากเจอพี่ตี๋จังเลย  แต่ไม่เป็นไรว่างๆผมจะกลับมาร้านบ่อยๆอยู่ครับป้าเหมย ผมคงได้เจอ”

“จ้ะ  อยากเจอแต่พี่ตี๋เล็กเนาะ พี่คนอื่นๆคงน้อยใจแล้วแหละว่าไอ้ตัวเล็กไม่คิดถึงเลย”

“โห ไม่จริงครับ ผมคิดถึงทุกๆคนแหละ  แต่พี่คนอื่นได้ข่าวว่าแต่งงานกันไปแล้ว  แต่ผมไม่ได้ไปร่วมซักงานเลย  ผมเองก็ผิดอยู่
บ้างนะครับ”

“ไม่หรอกหลานรัก พี่เค้าไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย  แต่ที่แน่ๆตอนนี้ไอ้ตี๋เล็กหล่อขึ้นเยอะเลยลูกสาวๆติดตรึมเลยป้าไม่รู้จะเลือกใคร
มาเป็นสะใภ้เลยลูก  อืม  ไว้ว่างๆป้าจะพาตี๋เล็กมาหานะ  ไม่รู้เจ้าตี๋เล็กจะลืมน้องไปแล้วรึเปล่า  ป้าไปแล้วนะ ฝากของให้อากง
อาม่าด้วยนะลูกอย่าลืมหล่ะ”

   ผมสวัสดีป้าเหมยไป   แต่จริงๆเลยนะผมเนี่ย  พอเห็นป้าเหมยปุ๊บก็คิดถึงที่ตี๋เล็กปั๊บ  ไม่รู้สิ   ตอนเล็กๆผมจำได้ว่าพี่เค้าชอบมาเล่นกับผม  คอยเอาใจผม  ปลอบใจผม  ไม่เคยแย่งของเล่นผมด้วย  พี่ตี๋เล็กเค้าเป็นพี่ที่ผมอยู่ด้วยแล้วอบอุ่นที่สุดถึงแม้ว่าผมจะจำหน้าพี่เค้าไม่ได้แล้วก็ตามทีเถอะ :katai2-1: :hao5:





แนะนำตัวละครเพิ่มเติม


พี่แมว พี่หมี  เป็นญาติทางแม่พี่แมวเป็นหลานแท้ของแม่เกี๊ยวปลา แต่พี่หมีคือ พี่เขย  นะครับทุกคน^^

ป้าเหมย  แม่ของพี่ตี๋เล็กและเป็นเพื่อนเล่นกันกับแม่ของเกี๊ยวปลาตั้งแต่เด็กๆแล้ว

ส่วนคนสุดท้าย ตี๋เล็ก  ไม่บอกครับ  รอให้เป็นปริศนาอยู่อย่างนี้แล้วกัน อิอิ


 :กอด1: :L2: :กอด1: :L2: :กอด1: :L2:






skynat

  • บุคคลทั่วไป
อาตี๋ต้องเป็นใจเจ๋งแน่เลย  :z1:

na-au

  • บุคคลทั่วไป
อ่านตอนนี้หลานสแกนกวนได้ใจคนแก่มากกกกก  o13

 :bye2: :bye2:

loveice

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 5
             

      เสียงดังเอะอะโวยวาย แต่ปนไปด้วยความสนุกสนานของรุ่นพี่และน้องๆปี 1 รึเปล่านะ  และแน่นอนผู้แต่งกำลังพูดถึงกิจกรรมรับน้อง  แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือทั้งคณะของข้าวตู  ปาร์ตี้ เกี๊ยวปลา ทำไมมันจะต้องมาจัดพร้อมกันขนาดนี้   ตั้งแต่เช้าแล้วที่ข้าวตูไม่ได้กินอะไรเลย   นอกจากขนมปังฟาร์มเฮ้าห์ซองเดียว  น่าจะอิ่มเนาะอืมๆ

“กริ๊ด….น้องข้าวตู   มาๆพี่ขอทาแป้งหน่อยนะ  ว้ายหน้าใสเด้งดึ๋งๆเลย  เดินไปด้านโน้นเลยจ๊า”
เสียงรุ่นพี่คนนึงในคณะ พี่เค้าสวยมากเรียกเค้ามาปะแป้ง   และแน่นอนพี่เค้าเป็นอดีตดาวแห่งคุ้มทันตะของพวกเรานั่นเอง

“เร็วๆครับน้องข้าวตู  เดินช้าเดี๋ยวพี่แอบแจกหัวใจของพี่ให้แล้วจะยุ่งนะครับ”

“ตลกๆไอ้เจมส์   หน้าหม้อนะแกเนี้ย  น้องข้าวตูเดินไปฐานโน้นเลยครับ อย่าไปสนใจมัน ”

“อะไรของแกวะจั้ม  แหมๆหวงนะๆ ออกนอกหน้ากว่าฉันอีกนะแกอ่ะ”

“เรื่องไรไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย  อย่ามั่ว   นี่น้องรหัสฉัน ให้เกียรติหน่อย”

“เดี๋ยวๆ เฮ้ยๆ  ไอ้จั้ม  ที่ยืนอยู่ตรงนั้นนั่นมัน  ไอ้เศรษฐีสแกนนี่หว่า  มาหาแกรึเปล่า  เพื่อนแกไม่ใช่หรอ”

“เออๆเดี๋ยวมา”

“ไงวะ  สแกนเดินมาถึงที่นี่………มีอะไรรึเปล่าวะ”

“เปล่าๆ  ไอ้จั้ม   ข้าวตูหละอยู่ที่ไหน”

“ก็อยู่ในนี้แหละ  เดินไปฐานเกมด้านโน้นแล้ว   ว่าแต่แกเหอะพักๆหลังๆมานี้  มาวนเวียนคณะฉันบ่อยไปเปล่าแก”

“บ่อยหรอ  ไม่ยักกะรู้เรื่อง”

“แกมีอะไรอยากจะบอกฉัน   รึว่าจะให้ฉันช่วยอะไรรึเปล่าวะ”

“ปะ เปล่าๆ   ”

“ปากก็บอกว่าเปล่าแต่หัวแกชะเง้อมองมุมโน้นทีมุมนี้ที  หมายความว่าไงวะ   อ้อฉันรู้แล้วแกมองหาน้องข้าวตูอยู่ใช่ไหม”

“ไม่ใช่ๆ   ทำไมฉันต้องไปมองหาด้วยวะ   ที่ฉันมาเพราะฉันคิดถึงแกไงเพื่อน”

“โอ้โห  โกหกไม่เนียนเลยนะเพื่อนเรา   แล้วนี่ไม่คิดจะไปรับน้องคณะตัวเองหรือไงวะ”

“ไปทำไม   เพื่อนคนอื่นก็มีเยอะแยะไป  ขาดฉันคนเดียวไม่เป็นไรหรอกมั้ง”

“แกนี่แปลกๆ  ยังไงชอบกล”

“สงสัยอะไรนักหนาวะไอ้จั้ม   ขอตัวก่อนนะ”

...
...
...

“เอ้าๆน้องข้าวตู  เร็วครับๆ  เพื่อนข้างๆจะแซงแล้วนะ”

          เสียงเชียร์ของรุ่นพี่ที่ดูเหมือนจะเห็นว่าผมเป็นต่อในการเล่นเกมนี้เอาปากอมหลอดดูดไว้แล้วมีหนังยางหนึ่งเส้นที่หลอด แล้วเดินไปส่งต่อเพื่อนที่อยู่ในแถวอีกแถวหนึ่ง   สแกนมองดูเหตุการณ์อยู่ห่างก่อนจะเดินเข้ามาดั่งพายุก็มิปาน

“ใกล้แล้วครับๆ   มาใกล้ๆส่งให้เพื่อนอีกนิดครับๆข้าวตู”

“ข้าวตู!” พรวด! เสียงดังบัญชามาจากด้านข้าวระหว่างข้าวตูกับเพื่อนที่กำลังจะส่งหนังยางให้กันด้วยปาก  ก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะรู้สึก
ตัวก็โดนร่างหนาจับแขนดึงออกไปจากตรงนั้น   ข้าวตูพอได้สติกลับมาก็พยายามนึกเหตุการณ์ตาม  แล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่าใครเป็นคน
ดึงเค้ามา

“เดี๋ยวๆ  คุณๆ  หยุดๆ ผมเจ็บ ลากผมออกมาทำไมเนี่ย”

“ใกล้เกินไปแล้วนะข้าวตู”

“หมายความว่าไงใกล้  อะไรคือใกล้ ผมงง”

“ก็ไอ้!...โอเคๆ  ฉันจะใจเย็นก็ได้    ช่วยดูแลตัวเองหน่อยจะได้ไหมฮะ   ปากจะชนปากอยู่แล้วนะเมื่อกี้”

“อะไรของคุณเนี่ย   ไปเลยนะมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย ผมจะไปเล่นต่อ ทำตัวแปลกๆวนเวียนกับผมอยู่นั่นแหละ  ผมเบื่อ”

“หยุดเดี๋ยวนี้นะข้าวตู”

“ทำไมผมต้องหยุดด้วย”

“ได้…….ไม่หยุดใช่ไหม…..จุ๊ป”

          สแกนดึงตัวข้าวตูหันหน้ากลับมาหาเค้าแล้วรีบใช้ปากคจูบทับลงริมฝีปากของข้าวตูทันที  เจ้าตัวถึงกับตาโตเลยทีเดียว 
ก่อนที่จะถูกปล่อยให้อิสระ

“คุณ! ทำบ้าอะไรเนี้ย”

“เอ้า  ก็ไหนชอบไม่ใช่หรอ   นี่นายโชคดีมากเลยนะที่ได้คนหล่อเดือนนิติศาสตร์อย่างฉันมาจูบปากกลางแจ้งแบบนี้”

“โชคดีบ้าบออะไรของคุณเนี่ย  หลงตัวเองชะมัด  อี๋ สกปรก แหวะ”

“หยุด……ห้ามเอามือไปเช็ดเลยนะ  ไม่อย่างนั้นฉันจะก้มลงไปจูบอีกรอบ  ดีไหม”

“ไม่ต้อง   ถอยออกไปอยู่ไกลๆเลย   แล้วก็ไม่ต้องทำอะไรแบบนี้แล้วนะ  ผมเอียน”

“ทำไม  ทีคนอื่นเค้าทำได้  ทำไมฉันจะทำไม่ได้”

“พูดบ้าอะไรเนี่ย  คุณจูบผมคนแรกของชีวิตผมเลยนะ”

“เอ้าหรอ แต่เอ……ของมันแน่อยู่แล้ว”

“คิดบ้าอะไรของคุณเนี่ย  กลับไปคณะของคุณเลยไป  ก่อนที่ผมจะเอียนไปมากกว่านี้”

“ไม่ได้   ฉันต้องเฝ้านาย  เพราะที่นี่เหยี่ยวมันเยอะ  และกระต่ายตัวน้อยๆอย่างนายไม่รอดหรอก”

“รวมทั้งคุณด้วยรึเปล่าหล่ะ”

“เปล่า!  นายไม่ใช่เหยื่อของฉัน”

“ไปเลยนะ   อย่ามายุ่งกับผมตั้งแต่นี้เป็นต้นไป  อย่ามาให้ผมเห็นหน้าคุณอีก   ”

        ข้าวตูเหวี่ยงใส่สแกนด้วยอารมณ์แบบไหนไม่รู้ รึแต่ว่าเหมือนอาการคนแอบนอยอย่างไรอย่างนั้นเลย ส่วนสแกนได้แต่อึ้ง 
ปรับตัวไม่ทัน  ไม่นึกว่าเจ้าตัวเล็กจะมีน้อยใจเค้าด้วย    สาบานได้ว่าครั้งนี้เค้าไม่ได้หลอกตัวเอง   ประโยคเมื่อกี้ไม่ได้จุดชนวน
ให้เป็นแบบนี้เลยนะ  เค้าเองยังพุดไม่จบต่างหาก  ประโยคที่เค้าจะพูดนั่นก็คือ  ข้าวตูไม่ใช่เหยื่อ  แต่จะเป็นคูชีวิตเหยี่ยวตลอดไปต่างหาก

 

        ที่ลานอเนกประสงค์เป็นจุดรวมพลที่ใหญ่พอจะจุคนคณะของปาร์ตี้ได้  ในตอนนี้ก็มีรุ่นพี่ทยอยมาบ้างแล้ว  ส่วนน้องปี 1 อย่างปาร์ตี้ก็มากันครบแล้วเหมือนกัน 

“ปาร์ตี้ๆ”

“ว่าไงทาม   หายไปไหนตั้งหลายวัน”

“ก็คนเขียนไม่ใส่ชื่อเรา เอ้ย ไม่ใช่ๆ  เราไปแข่งบาสเกตบอลมาตัวแทนของมหาวิทยาลัยไง”

“อ้าวหรอเราไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”

“เออๆ โทษทีนะที่ไม่ได้บอก  อ่ะนี่ขนม”


“ทำไมซื้อมาเยอะแบบนี้  ของนายนายก็กินเลยสิ”

“เปล่าๆ  มีคนฝากขนมนี่มาให้นายต่างหาก”

“ใครหรอ…..”

“โน่นไง  ที่ใต้ต้นใหญ่นั่น”

        ทามชี้ไปทางด้านโน้น ปาร์ตี้เองก็พยายามมองไปตามด้วยความที่สายตาไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่  และเพียงแค่เค้ามองไปก็รู้เลยว่าเป็นใคร   รุ่นพี่วิศวกรรมศาสตร์  ยอร์ช  ลูกชายเจ้าของผับใกล้มอ  ที่ปาร์ตี้เคยเจอมาแล้วที่ร้านกาแฟใกล้ๆหอพัก  ยอร์ชไม่พูดพร่ำทำเพลงก่อนจะเดินเข้ามาหาปาร์ตี้ที่ยืนมองดูอยู่

“ไงปาร์ตี้   พร้อมที่จะรับน้องหรอยังครับ” ใบหน้าลูกครึ่งอย่างเค้ายิ้มให้ปาร์ตี้ นี่ถ้าเป็นสาวๆคงจะละลายกันไปหมดแล้วแหละ

“เอาขนมเค้กพวกนี้ไปทานเถอะครับ  ให้เยอะแบบนี้ผมคงรับไว้ไม่ได้   สองสามวันก่อนคุณก็ซื้อมาให้ผมแล้ว”

“ทำไมครับปาร์ตี้  พี่ต้องการให้ของกับใคร คนๆนั้นต้องรับเอาไม่มีข้อปฏิเสธหรือเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น”

“ผมจำได้ครับ  แต่ผมบอกคุณแล้วว่าผมไม่ได้ต้องการข้าวของอะไรมากมายทุกๆวัน แบบนี้”

“ทำยังไง  ปาร์ตี้ถึงจะไม่ดื้อกับพี่แบบนี้ครับ   อย่าลืมสิครับว่าพี่เป็นคนยังไง”

“อย่าเอานิสัยมาขู่เลยครับ  มันใช่ไม่ได้ผลกับปาร์ตี้หรอก   แล้วผมก็ไม่ได้ดื้ออย่างที่คุณพูดด้วย”

“ใช่สิ เพราะมัน! มันคนเดียวใช่ไหม”

“ทำไมคุณต้องพาลพี่โปเลย์ตลอดเวลาผมขัดใจคุณ”

“แล้วมันใช่ไหมหล่ะกับที่พี่พูด   อย่าให้พี่ต้องหมดความอดทนนะปาร์ตี้”

“จะทำอะไรปาร์ตี้  คุณๆ ปล่อยเพื่อนผมนะ”ทามโวยวายเมื่อเห็นว่าปาร์ตี้ถูกอีกฝ่ายจับไหล่

“ฉันไม่ทำอะไรปาร์ตี้เพื่อนนายแน่นอน  แต่ไอ้โปเลย์มันต้องโดนแน่”

“คุณอย่าทำอะไรพี่โปเลย์เลย   คุณไม่พอใจผมก็อย่าเอาไปลงก็พี่โปเลย์เลย” ปาร์ตี้พูดเชิงขอร้อง

“เพราะแบบนี้ไง  มันถึงได้มีอิทธิพลกับปาร์ตี้มากขนาดนี้  ไม่มีมันซักคนคงจะดี”

“คุณหมายความว่าไง”

“ตามนั้น!  เพราะมัน…..ปาร์ตี้ถึงไม่ชอบพี่”

“อะไรของคุณครับ ผมกับพี่โปเลย์เราเป็นแค่พี่น้องต่างคณะ  ”

“โกหก  เคยไปถามเจ้าตัวเค้าดูก่อนไหมว่าเค้าคิดยังไง”

“หมายความว่าไงครับ”

“ก็…..ช่างมันเถอะ  โอเคพี่จะพอแค่นี้ก่อน  แต่พี่จะบอกไว้เลยนะว่าปาร์ตี้จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตพี่มากที่สุดเท่าที่พี่เคยได้
สัมผัสมา   อย่าทำให้ความร็สึกของพี่ต้องผิดหวัง  ถ้าพี่ไม่ได้ใครก็ห้ามได้ทั้งนั้นนะครับคนดี”

“ไปซะที  นึกว่าตัวเองมีอิทธิพลหรือไงวะ   ปาร์ตี้ไหวปะแล้วนี่มันเรื่องอะไรวะ  ไอ้พี่คนนั้นเค้าชอบนายได้ไง  ผู้ชายกับผู้ชาย
เออเราก้เคยเห็น แต่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นกับเพื่อนของเราเลย”

“ช่างเค้าเถอะทาม   ใกล้จะถึงเวลาแล้ว  ไปกันเถอะเพื่อนๆกับรุ่นพี่รออยู่  ”

ติ๊ดๆ

“ข้อความเข้าหน่ะ  พี่โปเลย์หรอ”

“รับน้องวันนี้สู้ๆนะครับ  ขอให้สนุกนะ  แล้วตอนเย็นพี่จะไปหาที่หอ  แล้วไปกินข้าวที่ริมเจ้าพระยากัน  พาเพื่อนไปด้วยก็ได้นะ
ครับ”


“มีอะไรหรอปาร์ตี้   แหมมาอมยิ้มด้วย”

“อ้อๆ เปล่าๆ พี่โปเลย์เค้าจะพาไปกินข้าวมื้อค่ำหน่ะ”

“ว้าเราก็อดอีกแล้ว”

“ไปกินกับแฟนหล่ะสิ”

“แน่นอน   ว่าแต่เมื่อไหร่ปาร์ตี้เพื่อนเราจะมีแฟนนะ”

“จะรีบมีอะไรนักหนา  เพิ่งจะ 18 ปีเองนะ”

“อืมไม่รู้สิ รึว่าเพื่อนอาจจะกำลังมีความรักในไม่ช้านี้แล้วมั้ง”

“อะไรๆ  กับใคร  อย่ามั่วนะทาม”

“อ้าวก็พี่โปเลย์ไง”

“อ้าวก็ไหนบอกไม่อยากให้เพื่อนตัวเองมีแฟนเป็นผู้ชายไง”

“แต่……พี่โปเลย์เราเชียร์สุดใจเลยนะปาร์ตี้”

“ไม่เอาด้วยหรอก  พี่เค้าจะเป็นพี่ชายที่อบอุ่นและจะเป็นแบบนี้ตลอดไป  เราให้มากกว่านั้นไม่ได้แล้วหล่ะ”





        ที่หอพัก  ไม่ต้องเอ๊ะใจไปหรอก   เกี๊ยวปลานั่งอยู่หน้าทีวี ตรงหน้าก็มีชามมาม่าถ้วยใหญ่ยักษ์ตั้งอยู่ ดูบอลไปด้วยทุกอย่างดูมีความสุขมาก   วันนี้เค้ารับน้องคณะนะแล้วนี่ทำไมไม่ไป หมายความว่ายังไงบอกมาสิเกี๊ยวปลา        จนถึง 5 โมงเย็น ทั้งข้าวตูแล้วก็ปาร์ตี้เดินกลับมาที่หอ  พอเปิดประตูเข้าไปเท่านั้นแหละ  ข้าวตูหงุดหงิดมากหยิบหนอนใกล้ๆมือแถวนั้นปาไปใส่หลังหัวเกี๊ยวปลาทันที

“โอ้ย! อะไรของแกวะข้าว   คนกำลังกินมาม่า ซ้อมจิ้มคอใครจะรับผิดชอบวะ”

“ไม่ต้องเลยไอ้หอยแท่ง   ทำไมไม่ไปรับน้อง”

“ไม่ว่างไม่สบาย”

“โห  ไม่สบายไม่ว่าง  เพราะดูบอลอยู่นี่ไงเลยไม่ว่างซักที  ไปเลยนะๆวันนี้คนยิ่งอารมณ์ไม่ดี”

“อารมณ์ไม่ดีก็เรื่องของแกดิ  ดูปาร์ตี้โน่นมีความสุขมาจากไหนเห็นยิ้มหน้าบานมาซักพักแล้ว”

“ทุกคน เย็นนี้ไปกับเราหน่อยดิ”

“ไปไหน”

“พี่โปเลย์จะพาไปกินข้าวที่ริมเจ้าพระยา”

“จริงหรอ  โอเคงั้นเราไปอาบน้ำก่อนนะปาร์ตี้ ขอบใจที่ชวน  เราช้อบชอบอาหารฟรีเนี่ย”

“อ้าวแล้วข้าวตู ไม่ไปด้วยกันหรอ”

“ไปสิ  แหมปาร์ตี้ใครจะไปปล่อยเพื่อนไปกับพวกแก๊งค์เศรษฐีนั่นคนเดียวหล่ะ”

“ข้าวตูทำไมไปพูดให้พี่โปเลย์อย่างนั้นหล่ะ”

“ทำไมจะพุดไม่ได้  วันนี้เราเสียปาก….”

“เสียปาก  อะไรหรอ”

“อ้อเปล่าๆ  แล้วนี่พี่ดปเลย์เค้าบอกรึเปล่าว่าไอ้สแก เอ้ย พี่สแกนไปด้วย”

“คงไม่มาด้วยหรอกมั้ง  ไม่รู้เหมือนกัน   แล้วทำไมข้าวตูถามอย่างนั้นหละ”

“เปล่าแค่เซง เบื่อ เอียน  เหม็นขี้หน้า  คนหลงตัวเองก้แค่นั้น  ไปเปลี่ยนซื้อผ้าแล้ว”

“ข้าวตูไปโมโหใครมาเนี่ย   งงเลยเรา    ”

18.00  ที่หน้าหอพัก

“พร้อมไหมครับน้องๆ”

“พร้อมครับ  พี่โปเลย์วันนี้กินได้ไม่อั้นใช่ไหมครับ  เกี๊ยวหิวเป็นบ้าเลย”

“แน่นอนอยู่แล้วน้องชาย  ป่ะขึ้นรถเลย”

“อ้าว  ทำไมวันนี้พี่โปเลย์ไม่ขับรถมาเองหล่ะครับ” เกี๊ยวปลาถามโปเลย์เพราะเห็นว่ามีรถตู้จอดอยู่

“อ้อ  พอดีเห็นว่าไปกันหลายคน  รถตู้น่าจะเหมาะไปเถอะครับเดี๋ยวรถจะติด  ส่วนร้านพี่เตรียมไว้หมดแล้ว”

ที่ดาดฟ้าของโรงแรมใกล้ริมเจ้าพระยา

“โห   พี่โปเลย์   พี่เจ๋งไปเลย   นี่ทั้งตึกนี้เป็นของพี่หรอครับ”

“ประมาณนั้นครับ”

“เอ่อ แล้วนี่พวกผมไม่ได้มารบกวนพี่โปเลย์ใช่ไหมครับ” ปาร์ตี้ถามแบบเจื่อนๆ

“โหไม่เลยครับน้องปาร์ตี้   อย่ากังวลไป ไม่อิ่มบอกได้ ที่นี่เป็นของพี่เอง”

“อาหารพร้อมเสิร์ฟแล้วครับ”

“ทำไมบ๋อย  หน้าคุ้นๆนะ”


“อ้อ  เพื่อนพี่ ใจเจ๋งไงครับน้องเกี๊ยวปลา”

“ป๊อง!”

“อะไรกัน  เกี๊ยวปลาเห็นฉันถึงกับตกใจอึ้งทึ่งจนทำซ้อมหล่นเชียวหรอ”

“ไอ้ใจเจ๊ง  พี่โปเลย์ครับ ผมว่าไม่น่าจะชวนมันเอ้ย พี่ใจเจ๊งนี่มาด้วยเลยนะครับ”

“อ้าวๆ  นั่นปากหรอเกี๊ยวปลา   ฉันชื่อใจเจ๋งเรียกให้ถูกด้วย  ปัดโถ่  ลมออกจะเย็นทำเสียบรรยากาศหมด   ”

“ช่างแกดิ”

“เกี๊ยวปลา  นั่งนิ่งๆ  เสียมารยาท”

“รู้แล้วน่าไอ้ข้าวตู   เฮ้ยหยุดเลย  ไอ้เจ๊ง”

“อะไรวะ  คนจะนั่งเก้าอี้”

“ไปนั่งด้านโน้น  ที่นี่เต็ม”

“เต็มบ้าเต็มบออะไรหล่ะ  ที่ว่างมีก็เห็นๆอยู่”

“เอ่อ พี่ว่าอย่าทะเลาะกันเลยดีกว่านะครับ   ทานกันเถอะ  อ่ะปาร์ตี้กุ้งตัวใหญ่  อาจจะเปรี้ยวนิดนึงไม่รู้ว่าปาร์ตี้จะชอบรึเปล่าลอง
ชิมดูนะครับ”

“อร่อยมากเลยครับพี่โปเลย์  อ่ะ พี่ก็กินบ้างสิ มาๆผมตักให้   นี่ตอนที่ผมอยู่บ้านที่จันทบุรีนะ  ผมก็กินแต่กุ้งนี่แหละ  ผมชอบ
มากๆ”
       
“นี่ๆ   หยิบกุ้งให้ทีสิ” ใจเจ๋งเอาศอกซ้ายมาสะกิดแขนขงาเกี๊ยวปลา

“หยิบเองสิโว้ยไม่มีมือหรือไง”

“อ้าวนี่ๆ  ใครใกล้กุ้งมากกว่ากันฮะ  นี่ถ้ามันใกล้ฉันนะ ฉันไม่ใช้คนใจร้ายหยิบให้หรอก เสียเวลา”

“เอ้าๆ บ่นอยู่นั่น  ไอ้เจ๊ง สองตัวพอมั้ย”

“แกะให้หน่อยดิ  มือไม่ว่างเห็นไหม” ใจเจ๋งพูดพร้อมกับชูมือให้ดูว่าไม่ว่างจริงๆ

“เอ้าแกะแล้ว   หุบปากไม่ต้องพุดเลยนะว่าให้ป้อน  จะอวก  กินเองดิ” เกี๊ยวปลาตะโกนใส่คนข้าง

              ในช่วงของเพื่อนๆที่มีความสุขกันดีแต่หารู้ไม่ว่าข้าวตูแอบมีความรู้สึกว่าตัวเองเหงาๆขึ้นมาชอบกลๆ    ในใจตอนนี้แทบอยากให้สแกนมาด้วยคน แต่ทำไงได้ก็เค้าเองไม่ใช่หรอที่ไล่พี่สแกนไปด้วยตัวของเค้าเอง  เฮ้อข้าวตูผู้น่าสงสาร



มาต่อแล้วจ้าาาา :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






lovejinjunno

  • บุคคลทั่วไป
จองค่า
หุหุ
เดี๋ยวมาอ่าน ฮ่า

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
ข้าวตูเหงาซะแล้ว
ไม่มีคนมากวนใจ :laugh:
+1และเป็ด

na-au

  • บุคคลทั่วไป
ตอนนี้ข้าวตูเหงาใจ

แต่ตอนหน้าคงไม่เหงาแล้วล่ะ

 :bye2: :bye2:

loveice

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 6
       


       กว่าปาร์ตี้สังสรรค์ที่โรงแรมของโปเลย์จะสิ้นสุดลงก็ปาไป 01.00  ทุกคนถูกพานำพาส่งที่หอด้วยรถตู้…ของโปเลย์เองส่วนพี่ใจเจ๋งนั้นก็ตามมาด้วย  พอมาถึงห้องเพียงเท่านั้นข้าวตูเดินเหมือนคนเหม่อๆเหนื่อยๆ แล้วล้มตัวลงนอนที่เตียง  ทำเอาปาร์ตี้กับเกี๊ยวปลามองหน้าอย่างงงๆ ก่อนจะเป็นตัวแทนหันหลังกลับไปไหว้ขอบคุณโปเลย์ที่มาส่งพวกเค้าที่นี่

“ขอบคุณมากนะครับพี่โปเลย์  วันนี้อร่อยสุดๆ”          โปเลย์รับไหว้แล้วเอามือด้านขวามาจับหัวปาร์ตี้ส่ายไปมาเหมือนชายที่กำลังเล่นหัวตุ๊กตาที่ใส่แว่นสีแดงตัวน้อยๆ 

“ไม่เป็นไรครับ  แค่เห็นว่าปาร์ตี้ชอบอาหารที่โรงแรมพี่ พี่ก็ดีใจแล้ว พักผ่อนซะนะครับ พรุ่งนี้ก็หยุดพักผ่อนแล้ว     ”

“ครับผม   ”

“เดี๋ยวๆ  พี่ขอถามหน่อย  ข้าวตูเพื่อนพวกนายนี่เป็นอะไรรึเปล่าเห็นไม่ enjoy มาตั้งแต่ 3 ทุ่มแล้ว” ใจเจ๋งถามขึ้นมาชายตาก็ส่อง
มองไปที่เตียงของข้าวตูที่ล้มตัวลงนอน

“สงสัยเหนื่อยมั้ง ไม่มีอะไรหรอก กลับไปได้แล้วไอ้พี่เจ๊ง คนเค้าง่วงหงาวหาวนอนอยู่บ้าตายอยู่แล้ว”

“แหมๆ ทีอย่างนี้ไล่เชียวนะ  ไอ้เด็กปากเสีย ”

“ไอ้เจ๊ง หุบปากไปเลย  อยากโดนโอ้ยรึไง”

“อะไรคือโอ้ย ไม่เข้าใจ”

“ก็เจ็บตัวไง”

“พอแล้วๆ  ทั้งสองคนนั่นแหละ นี่ก็ดึกมากแล้วนะ  พี่โปเลย์ครับ ปาร์ตี้รบกวนพาพี่ใจเจ๋งกลับเลยแล้วกันนะครับ ผมขอโทษล่วง
หน้า”

“เฮ้ย ไม่เป็นไรปาร์ตี้พี่ไม่ถือ  ไปเว้ยไอ้เลย์  อยู่ที่นี่นานๆเดี๋ยวจะหาว่าใจร้ายทำร้ายเด็ก”ว่าแล้วพี่ใจเจ๋งก็เดินกลับลงไปที่ชั้นหนึ่ง เกี๊ยวปลาเดินตามไปที่บริเวณระเบียงทางเดินหน้าห้อง ก่อนจะชะโงกหัวไปหาใจเจ๋ง

“เออๆ ให้มันได้อย่างนี้สิ  ไอ้เจ๊ง คราวหลังจะไม่แกะกุ้งให้แล้ว  ไอ้เจ๊งปากเสีย”

“อ้าว  แล้วแต่สิครับ  ไม่ได้บังคับหนิ”

“โหย  ไอ้……จำไว้เลย   บ้าชะมัดไปซะแล้วอ่ะ  ปาร์ตี้ดูไอ้พี่เจ๊งของแกดิ ปากเสียจริงๆเลย  กี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย   ไปอาบน้ำดี
กว่า”

“วันนี้นายเป็นอะไรของนายนะข้าวตู  คงเหนื่อยสินะ  เราผิดรึเปล่าที่ชวนข้าวตูไปด้วย  เค้าอาจจะเหนื่อยจากการเรียนมามากก็ได้
นะ”  ปาร์ตี้พึมพำกับตัวเองก่อนจะเดินไปที่หัวโต๊ะหยิบสมุดโน้ตขึ้นมาเขียน ไดอารี่ ประจำวัน

        ข้าวตูที่เพิ่งจะหลับตาไป ได้ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า แต่ปาร์ตี้ไม่สามารถล่วงรู้ได้เพราะข้าวตูหันหลังให้อีกฝ่ายหนึ่ง

“นี่เราเป็นอะไรของเรานะ   ก็แค่พี่สแกนไม่ได้ไปร่วมงานปาร์ตี้ดินเนอร์กับพวกเพื่อนๆเค้า  เราถึงต้องเป็นเอามากขนาดนี้เลยหรอ”

“ข้าวตู  คุยกับใครอ่ะ  ละเมอหรอ”ปาร์ตี้หันมาถามเมื่อได้ยินเสียงแว่วมาจากทางข้าวตู

“เปล่าๆ  เราบ่นไปเรื่อยแหละปาร์ตี้”

“อ้อหรอ  เราคงไม่ได้ทำให้นายลำบากใช่ไหมเพื่อน”

“คิดมากปาร์ตี้ นายชวนเราไปอ่ะดีแล้ว ไม่เห็นหรอว่าเราอิ่มแค่ไหนของฟรีอีกต่างหาก”

“ก็ดีแล้วหล่ะ  นึกว่านายจะลำบาก  นอนเลยก้ได้นะ  นายอาจจะเหนื่อยมามากแล้วก็ได้วันนี้”

“อืม ขอบใจมาก  ”        รึว่าเรากำลังรู้สึกผิดที่ไปพูดกับเค้าแบบนั้นนะ  ไม่หรอกมั้งไม่เห็นจะต้องแคร์เลย จะไปไหนก็เรื่องของเค้า ข้าวตูจำเอาไว้อย่าไปสนใจเชียวนะ


ผ่านไป 1 สัปดาห์

“ข้าวตู  มานั่งเหม่ออะไรอยู่ตรงนี้  เพื่อนๆเค้าให้มาตาม  พี่เค้านัดให้ไปรวมตัวกันที่โน่น  จะเริ่มจับสายรหัสแล้วนะ”

“อ้อขอบใจมากนะ ติณ เราไปกันเลยดีกว่า”

              เฮ้อ  ผมเป็นอะไรของผมนะ ทำไมกลายเป็นคนไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อนเลย  เพราะอะไรทำไมผมต้องเป็นแบบนี้  ข้าว
ตูคิดไปเดินไปจนถึงที่ลานประชุม  พี่จั้ม และพี่อื่นๆก็เริ่มกิจกรรมการจับสายรหัสไปเรื่อยจนถึงตัวข้าวตูเอง

“ข้าวตูครับ หยิบแล้วส่งมาทางพี่เลยเดี๋ยวพี่จะได้ประกาศออกไมล์” พี่จั้มพูดแล้วยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มแบบเจื่อนๆตอบไป

“น้องข้าวตูจับได้สายรหัส  044  ครับ”

“ฮิ้วววววว”

               สิ้นเสียงพี่จั้มประกาศเท่านั้นแหละ  รุ่นพี่ที่เป็นทันตแพทย์ปี 4 ร้องฮิ้วเสียงดังขึ้น ทุกคนหันไปมองทางต้นเสียง ก็พบ
เจ้าตัวที่เป็นจอมแซวเมื่อกี้  เป็นกลุ่มพี่ผู้ชาย  5 6 คน  หนึ่งในนั้นหล่อกว่าใครๆ มั้งถ้าข้าวตูตาไม่ฟั้นเฟือง   ถ้าให้ข้าวตูเดานะ
หนึ่งในนั้นต้องมีสายรหัสของเค้าคนใดคนหนึ่ง

“น้องข้าวตูครับ  เชิญเข้าไปนั่งได้แล้วครับ” เสียงพี่จั้มพูดขึ้นเพราะเห็นว่าข้าวตูยืนหันหน้าไปมองกลุ่มที่เพิ่งส่งเสียงไปเมื่อครู่นาน
เกินไป

“อ้อครับๆ”


เย็นวันเดียวกันนั้นเอง

“ข้าวตูๆ มีพี่คนหนึ่งฝากกระดาษพับแผ่นนี้มาให้นายอ่ะ”

           เสียงเพื่อนคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมกับยื่นกระดาษแผ่นเล็กที่พับอยู่มาให้เค้า

“ขอบใจนะ”

“ไม่เป็นไรเราไปแล้วนะ”

        ข้าวตูพยักหน้าให้เพื่อนร่วมคณะ  ก่อนจะทำให้ครุ่นคิดกับสิ่งที่ได้มาก่อนจะเดินกลับหอต่อไป  ไม่นานเท่าไหร่นัก   ก่อนจะ
เดินผ่านคณะวิทยาศาสตร์  จู่ๆก็มีชายร่างสูงร่างหนึ่งเดินพรวดออกมายืนตันทางผม

“เอ่อ ไม่ต้องตกใจ  ขอโทษทีนะ  ไม่เป็นไรใช่ไหม” ชายดังกว่าแก้ตัวแล้วยิ้มๆมาให้ผม 

“ไม่เป็นไรครับ ผมโอเค  อ้าวพี่เองหรอกหรอ”

“จำพี่ได้ด้วยหรอครับ”

             จะไม่จำได้ยังไง  ก็พี่เค้าเป็นคนๆเดียวกันกับกลุ่มที่แซวข้าวตูตอนที่จับสายรหัสไง  ใครลืมก็บ้าแล้วผ่านมายังไม่ถึง 3
ชั่วโมงเลย

“มีอะไรหรอครับ” ข้าวตูพูดตัดบท  ทำเอารุ่นพี่หุบรอยยิ้มทันที

“อ้าว นึกว่ารู้แล้ว   นี่ดูท่าจะยังไม่ได้เปิดอ่านกระดาษแผ่นนั้นสินะครับ”

            รุ่นพี่ชี้ไปที่กระดาษในกำมือเล็กๆของข้าวตู ข้าวตูก็มองตามนิ้วที่เค้าชี้มาที่มือเค้าตาม

“อ้อยังหรอกครับ  นี่ของๆพี่สินะ”

“อืมใช่  อ่านตอนนี้ก็ยังทันนะ”

             รุ่นพี่พูดอย่างเป็นนัยๆ เหมือนอยากให้ข้าวตูได้อ่านข้อความในนั้น  ข้าวตูตัดสินใจคลี่กระดาษแผ่นนั้นออกมาแล้วก็ช็อค
เล็กน้อย

“สวัสดีครับน้องข้าวตู  พี่ชื่อติวา ครับ  ถ้าอยากรู้ว่าพี่คือใคร ให้ข้าวตูเดินมาที่หน้าตึกคณะวิทยาศาสตร์ตอนจะกลับหอนะครับ  แล้วเจอกัน”      ข้าวตูขำกับข้อความที่เขียนลงในนี้ บ้าจริงๆเรื่องบังเอิญทั้งนั้น  เค้าไม่ได้ตั้งใจจะเดินมาที่หน้าตึกคณะวิทย์หรอกนะ แต่มันเป็นทางผ่านที่เค้าต้องเดินต่างหาก

“พี่ครับ คือ  ช่วยบอกผมทีว่ากำลังจะสื่อถึงอะไร”

“โห น้องข้าวตูเรียนถึงคณะทันตะ  ไม่มีเก็ทบ้างหน่อยหรอครับ โถ พี่ติวาเสียใจนะ”

“เก็ทหน่ะผมเก็ทแต่จะให้ผมเก็ทไปในทางไหนหล่ะ ทางที่ดีหรือว่าไม่ดี อธิบายด่วน”

“โอเคๆ ไม่มีอะไรหรอกแค่พี่อยากจะรู้จักให้มากขึ้นเท่านั้นเอง”

“ทำไมหรอครับ”

“อยากรู้หรอ….”

“พี่ครับ บอกมาสิอ้ำอึ้งทำไม ผมจะกลับหอแล้วนะ”

“ก้ได้ๆ  เพราะว่า......น้องข้าวตูสายรหัส 044 ชัดรึยังครับ”

“อ้อนึกว่าอะไร…..  ฮะ อะไรนะ  พี่เป็นสายรหัสผมหรอ!”

“ไม่ใช่มั้งครับ  บอกขนาดนี้”

“………”

“เอ่อเดี๋ยวครับน้องข้าวตูพี่พูดเล่น  แหมหยอกนิดหยอกหน่อยก็เดินหนีเหมือนเด็กไปได้ แต่ก็น่ารักดี”

“พี่ครับ…..”

“ติวาครับ  ช่วยเปล่งชื่อพี่ออกมาเป็นคำพูดด้วย  ไหนๆพี่ก็เป็นสายรหัสเรานะ”

“ก็ได้ โอเคครับๆ  แล้วทำไมพี่ถึงได้มาเองหล่ะครับ  พี่รหัสผมปี 2 เค้าไม่ว่างหรอ”

“เปล่าครับ ยังไม่ถึงเวลาเฉลย น้องๆต้องค้นหาเอาเองครับ  ด้วยคำใบ้ เบอร์โทรที่อยู่ในกระดาษสายรหัสที่ข้าวตูจับได้”

“แล้วทำไมพี่ถึงรีบร้อนมาเสนอตัวบอกผมก่อนอย่างนี้หล่ะ”

“เอ่อ  ยังไงดีหล่ะ  อืม ประมาณว่า ปี 3 ขึ้นไปเค้าไม่ถืออ่ะครับ”

“โม้รึเปล่าก็ไม่รู้”

“ไม่ได้โม้ครับคณะของเราทำแบบนี้จริงๆ   นี่จะบอกอะไรให้นะว่ารหัส 044 ของพวกเราผู้ชายหมดเลย”

“ยังไงต่อครับ”

“อืมแล้วที่สำคัญหน้าตาดีอีกด้วย  เป็นเดือนคณะก็มี อย่างเช่นพี่ไง”

“อ้อหรอครับ  ดีใจจัง  คงเป็นผมหล่ะมั้งที่หน้าแปลกกว่าเพื่อนในสายรหัส”

“โหยยย  ไม่เลยครับน้องข้าวตู น้องเนี่ยน่ารักที่สุดแล้วในสายรหัสของเรา  ”

“หรอครับ ขอบคุณแล้วกัน  ผมกลับหอก่อนนะ”

“เดี๋ยวครับ มีอะไรจะปรึกษาพี่รหัสหน่อยไหมครับ  เห็นสีหน้าไม่ดีตั้งแต่แรกแล้ว”

“อ้อเปล่าไม่มีอะไรหรอกครับ ขอบคุณมาก ผมคงแค่อยากพักผ่อนหน่ะ”

“เอ่อ….ให้พี่เดินไปส่งที่หอนะ”

“เอ๊ะแปลกคนนะพี่อ่ะ  จะเดินไปส่งผมทำไมกัน รถพี่ก็จอดอยู่ริมฟุตบาทนี่ไม่ใช่หรอ”

“เอ่อ ใช่พี่ลืมไป  ขึ้นรถเถอะเดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“ขอบคุณครับที่ชวน  แต่ไม่เป็นไรผมอยากเดินกลับมากมาย เผื่อจะคิดอะไรได้หลายๆอย่าง”

“ไม่ดีมั้งครับ  เริ่มมืดแล้ว  ไฟก็ไม่ค่อยจะสว่างมาก  อันตรายนะครับ”

“หรอครับ  ถ้าอันตรายจริง แล้ว 10 กว่าคนข้างหน้าผมที่กำลังวิ่งออกกำลังกายนั่นคืออะไรครับ”

“ทำไมพูดยากจังครับ เป็นน้องรหัสพี่ติวาทั้งทีจะไม่ให้พี่ห่วงบ้างหรอ”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกพี่ติวา  ผมเดินไปจริงๆ คนเดียวเดินหลายครั้งแล้วด้วย”

“ก็เพราะว่าเดินหลายครั้งไงพี่ถึงไม่อยากให้เราเหนื่อย”

“พี่รู้ได้ไง”

“อ้อ เออ เปล่าๆ  ก็พุดไปตามที่ข้าวตูพูดเมื่อกี้แหละ  ตกลงให้พี่ไปส่งนะ”

“อืมก็ได้ครับ”

                ผมจำนนตอบกลับออกไป ไม่อย่างนั้นพี่ติวาคนนี้ก็จะถามอยู่อย่างนั้นแหละ ดีไม่ดีจะมืดค่ำกว่านี้อีกกว่าจะถึงหอพัก 
ติวายิ้มเริงร่าเหมือนคนดีใจได้ของเล่นอะไรประมาณนั้นก่อนจะขับรถไปส่งข้าวตูถึงหอพัก

“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”

“ยินดีครับแล้วนี่ พรุ่งนี้ให้พี่มารับนะ”

“เอ่อ ไม่ต้องมั้งครับพี่  แค่มาส่งครั้งนี้ผมก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว”

“ไม่เป็นไร บอกแล้วไงว่าพี่เป็นพี่รหัสข้าวตูนะ ต้องดุแลดีๆ”

“ใช่พี่เป็นพี่รหัส  เพราะฉะนั้นผมไม่อยากให้พี่ตัวเองมาทำตัวเป็นพนักงานคอยขับรถไปรับไปส่งแบบนี้”


“โห เป็นห่วงพี่ขนาดนี้เลยหรอครับ”

“เอ่อ พี่ติวาครับ  ไม่ขนาดนั้นครับ  อย่าคิดมาก  ผมก็พูดไปตามสิ่งที่ถูกต้องก็แค่นั้น”

“โอเคครับๆพี่ทำตามน้องข้าวตูบอกแล้วกัน  แต่ถ้าจะให้พี่ช่วยหรือเปลี่ยนใจบอกพี่ได้นะ  อ่ะนี่เบอร์พี่”

“ขอบคุณครับ  ขับรถกลับบ้านดีๆนะครับพี่ติวา”

“ครับผม รับทราบ”  ติวายิ้มให้ข้าวตูก่อนจะขับรถออกไปจากตรงนั้น

“ไอ้ข้าว!”

“เฮ้ย  ไอ้เกี๊ยวนึกว่าใคร  มาตอนไหนเนี่ย หัวใจจะวาย”

“ก็มาทันตอนที่แกไปนอกใจพี่สแกนไง   สองใจหรอเราเดี๋ยวนี้”

“พูดบ้าอะไรวะ  นั่นพี่ติวา  เป็นพี่ระ…..”

“นั่นไงๆ  รู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันแล้วด้วย”

“ไอ้เกี๊ยวปลา  ถ้าแกไม่หยุดพูดแล้วฟังฉันให้จบนะ ฉันจะเอากำปั้นลูกพ่อกำนันต่อยนะจะบอกให้”

“อุย  รุนแรงอ่ะ   รู้หรอกหน่าว่าแกไม่ได้คิดอะไรหรอก  แต่ไอ้พี่หล่อเมื่อกี้นั่นคิดนะเว้ย”

“แกรู้ได้ไง  เป็นเกย์แล้วหรอช่วงนี้ถึงได้ดูออกคล่องแคล่วดีนัก”

“ไอ้ข้าว ปากเสียไม่ใช่ดูออกหรือไม่ออกเว้ย  แต่การกระทำแวบเดียวนะ ฉันก็รู้แล้วไอ้ข้าวตูเอ้ย”

“พอๆ ฉันอยากพักผ่อน  เหนื่อยมามากแล้ว”

“เดี๋ยวข้าว!  อย่าเพิ่งเดินขึ้นหอเว้ย  อ่ะเอานี่ไปอ่านซะ  จากพี่สแกนเค้าอ่ะ  ใจร้อนได้อีกนะแก  ฉันขึ้นห้องก่อนนะ  ส่วนแกอ่าน
เสร็จแล้วค่อยขึ้น”

“อืมขอบใจ  ”เกี๊ยวปลาทำหน้าบูดบึ้งใส่ข้าวตู  ให้ได้อย่างนี้สิทีเป็นพี่โปเลย์ พี่สแกนนี่นะ  สำคัญกว่าเพื่อนที่อยู่ร่วมห้องนอนกับมันอีก  ให้ได้อย่างนี้สิเกี๊ยวปลา

“ไม่ต้องเลย  ทำพี่ชายฉันเจ็บ แกโดนแน่”

“เออๆรู้แล้วเข้าข้างกันดีนักนะ  ทำไมไม่เข้าข้างพี่ใจเจ๋งบ้างอ่ะ”

“เหอะๆ  อย่าพูดชื่อนั้น ไอ้เจ๊งนั่น  ขอไม่เจอดีกว่าหว่ะข้าวตู ไปแล้ว แกอย่าลืมอ่านก่อนขึ้นห้องด้วยนะเว้ยไม่งั้นฉัน  ตีก้นแกลาย
แน่ โทษฐานทำพี่สแกนช้ำน้ำใจ”

        เกี๊ยวปลาชี้หน้าคาดโทษ มันจะปกป้องอะไรพี่เค้านักหนาวะ  เฮ้อเหนื่อยใจซ้ำเติมเข้าไปอีกกับเพื่อนคนนี้  ข้าวตูคลี่กระดาษออกมาอ่าน  ในนั้นเขียนเอาไว้ว่า……..

“    คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ ไม่เจอะเจอกันกับฉัน   คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ เหงาใจ
คิด ถึงฉันไหมเวลาที่เธอ ไม่มีใครให้ทะเลาะ   ไปไหนแล้วไม่มีไหล่ให้เกาะ แล้วเธอคิดถึงใคร
      ฟ้าร้องทุกครั้งมันส่งเสียงดัง เธอโดดมานั่งตักฉัน       ฉันก็ทุเรศตัวเองเหมือนกัน ที่ปลอบไปขำไป
ฉันรู้ว่าฉันไม่เอาไหนเลย ไม่อบอุ่นได้อย่างนั้น     ฟ้าร้องครั้งนี้ไม่เจอหน้ากัน แล้วเธอคิดถึงใคร
เฮ้... เมื่อเราต้องห่าง ยิ่งเนิ่นนาน อาจลืมกันเลยไม่แน่ใจ
      ตอบหน่อยได้ไหม ตอบฉันหน่อย ว่าเธอคิดถึงกัน   ไม่ต้องหวาน ต้องแหววหรอก อยากถามแค่ให้เธอ
ตอบหน่อยได้ไหม ตอบฉันก่อน ว่าเธอคิดถึงฉัน     อย่างที่ฉัน มันคิดถึง คอยเธอกลับมา
      เพราะฉันคิดถึงเธออยู่ทุกวัน ตั้งแต่ตื่นนอนแต่เช้า        หันหัวก็หันไปเจอรูปเรา บนหัวนอน
เสียงวิทยุก็คอยเล่นเพลง ที่เธอชอบฟังกี่ครั้ง          ถึงฉันไม่ชอบก็ยังนั่งฟัง เพราะมันคิดถึงเธอ
เฮ้... เมื่อเราต้องห่าง ยิ่งเนิ่นนาน อาจลืมกันเลยไม่แน่ใจ
      ตอบหน่อยได้ไหม ตอบฉันหน่อย ว่าเธอคิดถึงกัน  ไม่ต้องหวาน ต้องแหววหรอก อยากถามแค่ให้เธอ
ตอบหน่อยได้ไหม ตอบฉันก่อน ว่าเธอคิดถึงฉัน         อย่างที่ฉัน มันคิดถึง คอยเธอกลับมา
เฮ้... เมื่อเราต้องห่าง ยิ่งเนิ่นนาน อาจลืมกันเลยไม่แน่ใจ
      ตอบหน่อยได้ไหม ตอบฉันหน่อย ว่าเธอคิดถึงกัน  ไม่ต้องหวาน ต้องแหววหรอก อยากถามแค่ให้เธอ
ตอบหน่อยได้ไหม ตอบฉันก่อน ว่าเธอคิดถึงฉัน   อย่างที่ฉัน มันคิดถึง คอยเธอกลับมา
คอยเธอกลับมา ก็มันคิดถึงเธอ ”
         

     ข้าวตูอึ้งไปกับข้อความที่เขียนอยู่ในกระดาษแผ่นนี้  มันเป็นเพลงที่เค้าเคยได้ยินได้ฟัง  ตั้งแต่วันปฐมนิเทศน้องปี 1 เพราะพี่สแกนขึ้นไปร้องเพลงนี้ บนเวที  ภาพบางอย่างมันไหลเลื่อนผ่านนัยน์ตาข้าวตูช้าๆก่อนนะถอนหายใจออกมายาวๆ  ก่อนจะพับกระดาษกลับไว้เป็นรูปดังเดิม    ข้าวตูเองคงคิดในใจแหละนะว่า  ทำไมเค้าต้องมีความรู้สึกบางอย่างเหมือนจะพอรับรู้ได้ แต่กลับรับรู้ไม่ได้เลย  ความรู้สึกนั้นมันคืออะไรกันแน่  อีกอย่างผ่านไปหลายสัปดาห์แล้วที่พี่สแกนไม่ได้มาให้เห็นหน้าเลย  มันทำให้ชีวิตข้าวตูเหมือนขาดอะไรไป สิ่งั้นมันเกิดขึ้นได้กับข้าวตูด้วยหรอ เพราะเค้าเองไม่เคยได้รับและไม่เคยที่จะเป็นด้วยซ้ำ


 :katai2-1: :hao5: :katai2-1: :hao5: :katai2-1: :hao5:


แนะนำตัวละคร

พี่ติวา ทันตแพทย์ปี 3 เป็นหนุ่มร่างสูงหล่อเหลา  ในรุ่นนั้นได้เป็นถึงเดือนคณะด้วย  แล้วยังเป็นพี่รหัสข้าวตูอีกต่างหาก  ใช้ความเป็นพี่รหัสเข้ามาดูแลเป็นห่วงใกล้ชิดเพราะ...............   เนื่องจากว่ามันง่ายและไม่ทำให้ข้าวตูรู้ตัว เพราะกลัวจะสูญเสียคนที่เค้ารู้สึกดีด้วยไป

 :L2: :L1: :3123: :L2: :L1: :3123: :L2: :L1: :3123:

na-au

  • บุคคลทั่วไป
ท่าทางติวาจะเป็นสายสืบให้ใครบ้างคนหรือเปล่าหว่า  o18

 :bye2: :bye2:

loveice

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 7


      ที่หมู่บ้านเล็กๆติดแม่น้ำโขง จังหวัดหนองคาย   บุญเข้าพรรษาเป็นไปอย่างครึกครื้น  บรรดาชาวบ้านต่างพากันมาร่วมเดินขบวนแห่ เทียนเล่มใหญ่ยักษ์เข้าวัด  มีนางรำมาเดินฟ้อนสวยงาม  และในงานนั้นที่สำคัญคุณยังจำพี่สิงโต ลูกชายกำนันเสือเมื่อตอนแรกได้หรือเปล่า  ในตอนนี้เค้าดูหล่อและสมาทกว่าตอนเดิมเสียด้วยซ้ำ ด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ ต่างๆนามันทำให้เค้าดูมั่นใจขึ้นมา  เหมือนต้องการบอกให้ชาวบ้านรู้ว่าเค้าลูกกำนันเสือหล่อที่สุดในแคว้นนี้
 
“พี่สิงโตๆ”

“อะไรวะ  คนกำลังเดินดูสาวนางรำ  ไอ้กล้ามีอะไร”

“แหมๆ ทำเสียงดุๆ  ลืมน้องข้าวตูไปได้ยังไง  จริงๆแล้วปีก่อนน้องข้าวตูยังเดินเล่นตามงานบุญเข้าพรรษาอยู่หมู่บ้านนี้   เอ้……
แต่พอมาปีนี้กลับไม่เห็นเงา   ปล่อยให้พี่สิงโตผู้ยิ่งใหญ่ใจหงอยคอยข้าวตูกลับมาหาเหมือน…..อุ้ย”

“ไงหล่ะ  ไอ้กล้า  สาระแนเชียวนะเรื่องของนายเนี่ย  จะบอกว่ากูเป็นหมา   เดี๋ยวตบหูเข้าให้”

“นาย  ขอโทษ หยอกหย่อยไม่ได้นะ คราวหลังไม่เล่นแล้ว”

“เออ ดี  ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร”

“เดี๋ยวๆ พี่สิง   นั่นแม่กำนันกับพ่อกำนันของข้าวตูหนิพี่”

“เออจริงด้วยวะ  ไปทักทายหน่อยก็แล้วกัน ไปโว้ย”

“พ่อกำนัน  สวัสดีคับ”

“อืม มาร่วมงานด้วยหรอ พ่อสิง  อยู่ไกลกันเป็น 10 กว่ากิโล หรือว่าที่ตำบลเอ็งไม่ได้จัดวะ”

“โถ พ่อกำนันก็  แหม ไกลแค่ไหนก็คือใกล้แหละจ๊ะ  สำหรับว่าที่ลูกเขยคนนี้เรื่องแค่นี้จิ๊บๆจ๊ะพ่อ”

“ไอ้สิง  ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วว่า  ไอ้ข้าวตูลูกชายฉัน  ไม่ต้องการให้ใครมายุ่งโดยเฉพาะพวกแก”

“โถ แม่กำนันครับ ไอ้สิงโตคนนี้รักน้องข้าวตูลูกชายแม่กำนันจริงๆนะ   เมื่อไหร่จะเปิดใจให้ไอ้สิงคนนี้พิสูจน์หน่อยหล่ะครับ”

“บ่ได้หรอก พ่อสิง   คนเรามันผู้ชายทั้งสองคน จะให้มาคบรักกันได้ยังไง โบราณท่านถือ  ไปหาผู้หญิงที่เขารักพ่อสิงเถอะนะ”

“บ่ไปครับ  ผมรักน้องข้าวตูคนเดียว และจะบ่มีไผมาแทนตำแหน่งข้าวตูมันได้   ผมจะพิสูจน์ให้พ่อกำนันเห็นให้ได้ซักวัน  ผมลา
หล่ะ”

“ทำยังไงดีพ่อ   ไอ้สิงมันหัวดื้อรั้น   อีกอย่างกำนันเสือจะรู้เรื่องลูกชายหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“เฮ้อ ช่างมันเถอะแม่  ป่ะ เราเดินตามขบวนเข้าไปเถอะ  อย่าช้านักเลยเดี๋ยวไม่ทันการ”




     ที่ฟิตเนต มหาวิทยาลัยในกรุงเทพ   สแกนกำลังยืนเล่นที่มุมกระจกด้านผนังห้องมองทะลุออกไปข้างนอกที่พอจะมองเห็นทิวทัศน์ระดับสูงได้พอสมควร   สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก อาจจะเป็นเพราะออกกำลังกายมากไปหรือเปล่านะ

“ไอ้สแกน!”

“อ้าวไอ้ติวา   เป็นไงบ้างวะเรื่องวันนั้นที่วานไป”

“ฮ่าๆๆ   แหมๆ   นึกว่ากลุ้มใจเรื่องอะไรที่แท้ก็เรื่องนี้  คงจะกินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายคืนหล่ะสิ”

“อย่าลีลานะไอ้วา   บอกมาเรื่องที่ให้ไปทำเป็นไงบ้าง”

“เออๆ  เรียบร้อย  ทีนี้ปล่อยคอเสื้อฉันได้หรือยัง   ”

“เออ”

“ขอบใจ  แหมไอ้นี่ นักเลงหว่ะ  หยอกเล่นนิดเดียว  นี่ไอ้สแกน ฉันถามแกจริงๆนะเว้ย   แกชอบน้องรหัสฉันจริงๆหรอ”

“โง่มากหว่ะติวา ที่แกถามฉันแบบนี้”

“เออยอมรับว่าโง่ แต่ขอคำยืนยัน   น้องข้าวตูเค้าดูเป็นคนตรงไปตรงมาก็จริง แต่เท่าที่ฉันสัมผัสได้  มันเย็นชาเกินไป  ไม่ร่าเริงเหมือนเด็กปี1 ที่ควรจะเป็น”

“เออๆ   ฉันชอบน้องรหัสแก  ชอบตั้งแต่ ข้าวตูมันกล้าเข้ามาต่อค้านฉันเรื่องที่จอดรถหน้าตึกคณะได้  ฉันประทับใจในความรัก
ความถูกต้องของเค้า  ที่ผ่านมาไม่เห็นจะมีใครกล้าเตือนฉันซักนิด”

“เอาเถอะๆ   แล้วนี่แกจะทำยังไงต่อไป”

“ไม่รู้หว่ะ  ฉันให้เกี๊ยวปลาเพื่อนสนิทเค้าส่งจดหมายไปให้ข้าวตูแล้ว ถ้าเค้ายกโทษให้ฉัน เค้าคงจะโทรกลับมาหาเองแหละ”

“เฮ้ย  ไอ้สแกน  แล้วถ้าน้องรหัสฉันไม่ยอมยกโทษให้หล่ะวะ”

“ฉันก็จะตื้อไปอย่างนี้แหละ   อย่าห่วงเลยติวา  ฉันมีแผนพิชิตใจข้าวตูมากพอเพื่อน ”

“เออๆ ขอให้สำเร็จก็แล้วกัน  แปลกหว่ะแกนี่บทจะมีแฟนก็มีขึ้นมา ทีเมื่อก่อนนะ  ไม่เห็นอยากจะมี”

“จะให้ฉันมีลงได้ยังไง  ผู้หญิง และเกย์กระเทยพวกนั้น เข้ามาหาฉันเพราะเงินทองเท่านั้น   ฉันเกลียดความรักภายนอกแบบนี้”

“นี่อย่าบอกนะว่า ข้าวตูไม่ใช่คนประเภทนั้น”

“นั่นก็คือส่วนหนึ่ง  แต่อีกส่วนคือ  เค้าไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนได้  ดูเหมือนบอบบางแต่จริงๆแล้วเค้าดูแลตัวเองได้
อย่างเข้มแข็ง  และที่สำคัญฉันเคยฝันเห็นเค้าก่อนที่เราจะได้เจอกันด้วยซ้ำ”

“ฮันแน่  มีการมาสาธยาย เรื่องน้องเค้าด้วย   เฮ้อ  ข้าวตูเห็นใจเพื่อนพี่หน่อยเถอะ  อภัยให้หมาหน้าหล่อคนหนึ่งซักครั้งเถอะนะ”

“เฮ้ย ไอ้ติวาเดี๋ยวโดยเท้าลูบหน้า  ไปเลยนะอย่ามากวน   ”

“ฮ่าๆๆ เออๆไม่กวนก็ได้เว้ย    แต่ยังไงก็สู้ๆนะสแกน   ฉันไปออกกำลังกายแล้ว   ”

“เออ”



     ที่ย่านเยาวราช  ร้านทองของเกี๊ยวปลาเอง  วันนี้วันเสาร์  หนุ่มน้อยหน้าตี๋ตาโตๆ ใช้ชีวิตอยู่กับอากง อาม่าของเค้าที่ห้างทอง  นั่งดูทีวีกดช่องโน้นทีช่องนี้ทีอย่างเบื่อๆ

“นี่ๆ เกี๊ยว ไม่มีอะไรจะดูก็ปิดทีวีบ้างเถอะเห็นเปิดไปเปิดมาอยู่เป็นชั่วโมงแล้วพี่หนวกหู”

“รู้แล้วน่าพี่แมว   ก็คนมันเซงอ่า ไม่รู้จะทำอะไร”

“อ่านหนังสือสิ”

“ไม่เอาอ่ะพี่หมี  ทุกคนก็รู้ว่าเกี๊ยวไม่ชอบอ่านหนังสือหนิ”

“ไงครับ  สบายดีกันบ้างไหมทุกคน”

            เสียงทักทายของชายหนุ่มที่คุ้นมากมาย จนเกี๊ยวปลาเองต้องหันหลังกลับไปมองแล้ว ต้องขยี้ตาตัวเองสองครั้ง   เพราะคนตรงหน้าคือไอ้พี่ใจเจ๊งในรั้วมหาวิทยาลัยต่างหากหล่ะ

“อ้าว อาตี๋……..” พี่แมวทักได้แค่นั้น  เกี๊ยวปลาหนุ่มจอมซนของเราก็เดินพรวดออกมาจากในร้านอย่างหงุดหงิด

“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ ไอ้ใจเจ๊ง  ไม่ต้องเดินเข้ามาในร้านนะ”

“เฮ้ย  นี่นายมาอยู่นี่ได้ไงเนี่ย”

“อ้อ  น้องเกี๊ยวเค้าเป็น……”พี่หมีพยายามจะอธิบายแต่..

“ถามอยู่ได้  พี่หมีไม่ต้องไปบอกมัน   แกนั่นแหละมาอะไรที่นี่”

“มาห้องทองก็ต้องมาซื้อทองสิ”

“ไปซื้อร้านอื่นที่นี่ไม่มี”

“จะไม่มีได้ไง  ไอ้เด็กเลี้ยงแกละ  ทองเต็มร้านขนาดนี้ ฮ่าๆ ตลกจริงๆ”

“ก็…….มะ  มี  แต่ไม่ขาย จะทำไม  ออกไปได้แล้ว”

“โอ้ย  พอกันทีเดี๋ยวคนนั้นก็พูดสวนขึ้นมา  คนนี้ก็สวนขึ้นมา สวนไปสวนมา  พี่แมวพี่หมีตาลายแล้วนะ”

“พี่หมี ก็บอกให้มันไปร้านอื่นสิครับ”

“พี่ทำไม่ได้หรอกน้องเกี๊ยวเค้าเป็น……”

       ไม่นานที่พี่หมีจะพูดอธิบายไป อากงที่ทนได้ยินเสียงหลานชายตัวเล็กของเค้าตะโกนโวยวายไม่ไหว เลยต้องเดินออกมาดู
สังเกตการณ์ได้ซักพักหนึ่งแล้ว

“เป็นอะไรก็ช่างมันอาหมี  ไม่ต้องพูดไปหรอก   เกี๊ยวปลา   อากงไม่อยากจะเชื่อว่าจะไร้มารยาทกับแขกอากงถึงขนาดนี้  ”

“อากง   เอ่อ  มาตอนไหนครับ”

“มีหน้ามาถามกงอีกหรอว่ามาตอนไหน  บอกให้เลยว่ากงมาทันประโยคแทบทุกคำของลื้อเกี๊ยวปลา”

“อากงผมขอโทษ”

“ไม่ต้องละ   หันหน้ากลับไปขอโทษพี่เค้าสิถึงจะถูก”

“ไม่เอาผมไม่ทำ”

“อ้าว  เกี๊ยวปลา นั่นลื้อจะวิ่งขึ้นไปบนห้องได้ยังไง  ไม่ไหวเลยเด็กคนนี้  อาแมวขึ้นไปดุหน่อยสิ  กงแก่แล้วขึ้นบันไดไม่ค่อยจะไหว”

“อากงสวัสดีครับ ขอโทษทีนะครับที่ไม่ได้บอกล่วงหน้าว่าจะมาเยี่ยมแล้วก็ไม่นึกว่าจะทำให้เกิดเรื่องแบบนี้”

“เฮ้อ  ไม่เป็นไรอาเจ๋งเอ้ย  เกี๊ยวปลาก็เป็นของมันแบบนั้นแหละ  ดื้อรั้น ตั้งแต่เด็กไม่ยอมโต”

“แล้วนี่  เด็กที่ชื่อเกี๊ยวปลาที่เค้าเป็นใครกันครับกง ผมไม่เห็นจะรู้จักเลย  เค้าเป็นใครหรอครับ”

“ฮ่าๆๆ   อาเจ๋ง คงจะลืมน้องชายคนนี้ไปแล้วสินะ”

“น้องชาย?  ผมงงครับกง”

“ใครกันที่เคยนั่งเล่นกับอาเจ๋งตอนเด็กๆ   ชอบแย่งขนมแย่งของเล่นของอาเจ๋งแทบทุกอย่างแต่อาเจ๋งก็ยอมให้ไป  พูดแค่นี้พอ
จะคิดออกไหมอาเจ๋ง”

“หรือว่า เกี๊ยวปลาจะเป็น…….คงไม่ใช่หรอกมั้งใช่ไหมครับ”

“ถูกแล้วหลานชาย  อย่าโกหกตัวเอง กงไม่ได้พูดเล่นนะ  คงจะจำน้องขึ้นมาได้บ้างแล้วสินะ”

“นั่นน้องซานหง  จริงๆหรอเนี่ย  ไม่อยากจะเชื่อ   ไม่นึกว่าโตขึ้นมาก็ยังดื้อเหมือนเดิมเลยนะครับ”

“ฮ่าๆ  อันนี้กงก็ไม่รู้จะสอนยังไงแล้ว อีกอย่างม๊ากับป๊าของเกี๊ยวปลาเองก็ตามใจเกินไป ทำให้ไม่โตซักที”

“ผมขออนุญาตขึ้นไปดูน้องหน่อยได้ไหมครับ”

“อย่าเลย  ในเมื่อดื้อนักก็ไม่ต้องรู้ความจริงหรอก  ปล่อยไปเถอะ   อาเจ๋งหลานชายใช้เวลานี้แกล้งคืนเลยจะเป็นไรไป  เจ้าตัวเล็กหัวดื้อคนนี้มันต้องเจอแบบนี้แหละ  อีกอย่างถ้าอาเจ๋งขึ้นไปตอนนี้มีหวังถูกของปาใส่จะเจ็บตัวไปอีก   แล้วถ้าเจ้าเกี๊ยวมันรู้
ความจริงทีหลังอาจจะเสียใจไม่ยอมให้อภัยตัวเองก็เป็นได้  อาเจ๋งก็รู้ว่าเกี๊ยวปลาเค้ารักพี่ชายในนามตี๋เล็กขนาดไหน  จริงไหม”

“นั่นสินะครับ   ขอบคุณมากครับอากง  แล้วผมจะมาเยี่ยมใหม่นะครับ ส่วนเรื่องน้องซานหง เอ้ย เกี๊ยวปลานี่เดี๋ยวผมจะแกล้งคืน  อากงคงจะอนุญาตนะครับ”

“ตามสบายหลานรัก   ทำให้หลานชายคนนี้ของกงหายดื้อแล้วรับฟังความคิดเห็นคนอื่นให้หน่อยนะ  ฝากอาเจ๋งไว้ด้วยแล้วกัน”

“ครับ ผมจะดูแลให้ครับอากง”




      ที่เซนทรัล ลาดพร้าว   ปาร์ตี้มาเที่ยวห้างกับเพื่อนชาย  ทุกคนคงจะจำเค้าได้นั่นก็คือ ทาม นั่นเองช่วงนี้วันหยุดแสนจะสุขกายสุขใจ   เมื่อเช้านี้ชวนข้าวตูมาด้วยแล้ว แต่รายนั้นเอาแต่นอนไม่ยอมลุกขึ้นจากเตียงนอนเอาเสียเลย  เลยได้มาเดินห้างกับทามกันสองคน   

“นี่ ปาร์ตี้  เสียงโทรศัพท์ดังหลายรอบแล้วนะ  ทำไมไม่รับซักทีหล่ะ”

“อ้าวหรอ โห ทำไมไม่บอกเราหล่ะ เราไม่รู้เรื่องเลยนะเนี่ย ว่าแต่ใครโทรมานะ” ปาร์ตี้เอามือควานหามือถือ

“อ้าว  ทำไมไม่รับหล่ะ   ปาร์ตี้  หรือว่าจะเป็น……….”

“พี่ยอร์ชโทรมาหน่ะ  เอาไงดี  เราว่ารับซักหน่อยก็ดีเนาะ  พี่เค้าอุตส่าห์โทรมาหลายสายแล้ว”

“นั่นไงว่าแล้วเชียว  อืมๆ รีบๆคุยแล้วกัน  รอฉันตรงนี้แปบเดียวนะขอเข้าไปห้องน้ำก่อน  ”

“อืมๆ แล้วรีบตามมานะทาม   สวัสดีครับพี่ยอร์ช”

“ปาร์ตี้  ทำไมให้พี่รอโทรศัพท์นานขนาดนั้นด้วยครับ   ไม่อยากรับสายพี่ขนาดนั้นเลยหรอ”

“เอ่อ ผมขอโทษครับผมไม่ได้ตั้งใจนะพี่   ผมเพิ่งได้ยินเสียงเมื่อกี้นี้เอง   ว่าแต่พี่มีอะไรหรือเปล่าครับถึงได้โทรหา”

“เปล่าครับ พี่แค่จะบอกว่า พี่ขอโทษสำหรับเรื่องในวันนั้น  พี่ไม่น่าทำให้ปาร์ตี้ตกใจถึงขนาดนั้นเลย”

“อ้อ ครับ ไม่เป็นไรผมไม่ถือครับ  อย่าคิดมากนะครับ  ”

“ค่อยยังชั่วหน่อย พี่คิดว่าจะไม่ให้อภัยพี่ซะอีก  แต่เรื่องที่พี่พูดไปพี่เอาจริงนะครับ”

“เรื่องอะไรหรอครับ”

“เรื่องของความรักหน่ะครับ  พี่จะแข่งกันกับไอ้โปเลย์  แล้วพี่ก็เชื่อด้วยว่าพี่จะพิชิตใจโปเลย์ได้ก่อนมันแน่นอน”

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรอครับ ผมไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”

“อ้อ เรื่องนี้นานแล้วหล่ะครับ  ตั้งแต่วันนี้มันตามปาร์ตี้เข้ามาถึงร้านกาแฟข้างๆหอพักแล้ว  เรื่องที่พี่กับมันตกลงกันก็มีเท่านี้แหละ
ครับ”

“ผมฟังๆดูแล้ว ไม่สบายใจเลย  ทำไมพี่สองคนต้องมาทำไมอะไรแบบนี้ด้วยครับ”

“เพื่อจะได้เป็นคนที่ปาร์ตี้รักไงครับ”

“พี่ยอร์ชครับ  ผมไม่ใช่หุ่นยนต์นะครับ  ไม่ว่าใครจะชนะก็ตามผมไม่สามารถที่จะรักคนนั้นได้หรอกนะครับ  เรื่องแบบนี้มันต้อง
ปรบมือทั้งสองฝ่ายถึงจะชนะ  ไม่ใช่การแข่งขันกันแบบนี้”

“จริงสินะ  แต่พี่ไม่มีทางเลือก  เพาะแบบนี้พี่ถึงต้องแข่ง  ถ้าพี่ไม่แข่งพี่คงจะรู้สึกผิดถ้ารู้ว่ากำลังจะมาเป็นคนที่สามของน้อง
ปาร์ตี้  เข้าใจพี่นะครับ”

“ไม่เข้าใจครับ และจะไม่พยายามเข้าใจด้วย  พี่ยอร์ช ผมเห็นพี่เป็นพี่ชายที่ดีคนหนึ่งเท่านั้นแล้วไม่ได้คิดอะไรเกินเลยถึงขั้น……”

“แต่พี่คิด  คิดมากด้วย  ถ้าชาตินี้พี่ไม่ได้รักปาร์ตี้แล้ว  พี่จะไม่ขอรักใครอีกเลย”



“พี่ยอร์ชครับ พี่…….”

“ว่าไงปาร์ตี้  มันโทรมาใช่ไหม”

“อืมใช่พี่ยอร์ช  เค้าวางสายไปแล้ว  ดูเหมือนเรื่องจะยุ่งยากขึ้นมากว่าเดิมนะ  นายว่าไหมทาม”

“แน่นอนอยู่แล้ว  เบื่อหว่ะ ตื้ออยู่ได้   ว่าแต่นายเองเถอะ อย่าไปหลงเชื่อใครง่ายๆนะ  เรื่องของความรักตัดสินใจถูกต้องมีสุขแต่
เมื่อใครตัดสินใจผิดพลาดไปเมื่อนั้นแหละจะเกิดทุกข์ เข้าใจที่เราพูดใช่ไหมปาร์ตี้”

        ปาร์ตี้พยักหน้าช้าๆ เหมือนจะอึ้งๆกับคำแนะนำของเพื่อนชายคนนี้  ไม่นึกว่าจะรู้ซึ้งรู้ลึกรู้ละเอียดและเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงเพียงนี้ แต่พอคิดๆย้อนไป  ทามเค้าก็มีแฟนแล้วนี่นะ เป็นสาวแสนสวยเสียด้วย  ไม่แปลกหรอกที่คนอย่างเค้าจะเข้าใจเรื่องความ
รักพวกนี้


มาต่อแล้วนะครับ^^
 :L2: :3123: :L1: :L2: :3123: :L1: :L2: :3123: :L1:


na-au

  • บุคคลทั่วไป
อยากรู้เรื่องของเกี้ยวปลากับใจเจ๊งจังเลย

รออ่านตอนต่อไปดีกว่า

 :bye2: :bye2:

lovejinjunno

  • บุคคลทั่วไป
โฮ้
สนุกน่าติดตามมากเลยค่ะ
ปล่อยให้ผ่านสายตาไปเฉยๆได้ไงกัน
เหอเหอ
มาต่อไวๆนะคะ

ออฟไลน์ 4559

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3978
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-8

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3990
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
สนุกครับ แต่กลังยอร์ชจะทำไรปาร์ตี้จัง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด