รักไม่ใช่เล่น - Listen! This is not a joke -(Ch:54 ผ้าปูที่นอน 21/3/18 up!)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักไม่ใช่เล่น - Listen! This is not a joke -(Ch:54 ผ้าปูที่นอน 21/3/18 up!)  (อ่าน 47043 ครั้ง)

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@@talk @@@@

สวัสดีค่ะ p.k.a ค่ะ
ห่างหายจากการโพสต์นิยายไปนาน
แต่ก็...ขอฝากนิยายเอาไว้ด้วยนะคะ

นิยายเรื่องนี้ เราตั้งใจเขียนเพราะอยากลองดูสิว่าตัวเองคนเดียวจะเขียนนิยายได้เหมือนตอนเด็กๆไหม(เมื่อก่อนเขียนแฟนฟิค)
ส่วนตัวสไตล์ของเราคือการบรรยาย อาจทำได้ไม่ดีนักแต่จะพยายามค่ะ
เนื้อเรื่องอาจไม่หวือหวานะคะ อารมณ์ล้วนๆ

ขอบคุณค่ะ

(จะโพสต์ใน รีพลายถัดไปนะคะ)

p.k.a
14/5/2013


ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2018 01:15:02 โดย goldfishpka »

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
บทนำ

   “ ไอ้บ้า...ไอ้งี่เง่า ไอ้ควาย....”

เสียงตะโกนด่าทอดังลั่นพร้อมกับสองมือที่กระหน่ำตีลงไปบนไหล่กว้าง เสียงสะอื้นไห้ระคนกับเสียงฝ่ามือที่กระทบกับผิวเนื้อตามแรงอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน พลันสองมือเรียวหยุดลงเปลี่ยนเป็นโอบกอดร่างสูงเข้ามาใกล้

    “แต่ก็รักนะ” เสียงนุ่มดังแผ่วเบาที่ข้างหูทำเอาคนฟังหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ มือแกร่งยกขึ้นเก้ๆกังๆจะกอดหรือก็ไม่กอดเสียทีเดียว




    “คัท.......!!!!!”


พลันเสียงของ โชติ หนึ่งในสมาชิกชมรมการแสดงก็ดังขึ้นฉุดกระชากนักแสดงที่กำลังอินอยู่ในบทบาทให้สะดุ้งตื่นจากภวังค์

    “อีกละ?....พี่โชติ นี่รอบที่สิบแล้วนะ....ผมก็เหนื่อยนะเว้ย” จูนเด็กหนุ่มร่างสูงที่รับบทตัวเอกอีกคนของเรื่องก็โวยวายไม่แพ้กัน เขาผละออกห่างจาก เคน นักแสดงนำอีกคน อย่างไม่สบอารมณ์ที่โดนสั่งคัตซ้ำๆและให้แสดงเหมือนกันซ้ำๆมาสิบรอบ

    “แกไม่ต้องบ่นเลย จูน แกอ่ะตัวดี ใส่อารมณ์แค่ตอนด่าไอ้เคน ทีไอ้ประโยคหลังแม่งไม่เห็นมีอารมณ์ร่วมวะ แข็งยังกับเอาไม้มาตั้ง ไอ้เคนแม่งแกก็อีกคน จูนมันแข็งทื่อ แกนี่ก็แทนที่จะช่วยมันต่อบท ถ้าลืมบทก็บอกดิ่ มัวแต่ขยับแขนขึ้นๆลงๆนึกบน ทำตัวเป็นหุ่นยนต์อยู่ได้ นี่ถ้าเขาให้ไปเล่นสตาร์วอร์แกคงได้ออสการ์บท R2 D2 พอดี โอ้ย...ความพอดีมีไหมในชีวิตเนี่ย” โชติว่าพลางเดินบ่นไปมาอย่าหงุดหงิด สองมือขยี้หัวของตัวเองจากที่พองฟูเพราะเซ็ทผมเอาไว้อยู่แล้ว ยิ่งดูผมฟูมากขึ้นไปอีก

    “อ้าว...นี่ฉันเก่งระดับออสก้าร์แกก็จะด่าฉันเหรอ สาด....”เคนหันไปด่าเพื่อนรุ่นน้องอย่างโชติ ถึงเคนจะอายุมากกว่าแต่เพราะเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยรุ่นเดียวกันเลยไม่ได้ถือสาให้เรียก “พี่” หรืออะไรกันสักเท่าไร

    “พวกแกรีบซ้อมกันได้หรือเปล่า ฉันหิวข้าว...”เสียงดังมาจากอีกทาง ยุทธ์พระเอกของเรื่องกำลังนอนกลิ้งอยู่บนพื้น อ่านหนังสือการ์ตูนเล่มโปรดที่เพิ่งซื้อมาเมื่อตอนบ่าย ก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งทำหน้ามุ่ย ยุทธ์เป็นผู้ชายหน้าสวยใบหน้าเล็ก ตากลมโตถ่ายรูปขึ้นแถมยิ้มสวยทำให้ทุกคนไม่ลังเลตอนเลือกเอายุทธ์มาเล่นเป็นพระเอก ถึงเจ้าตัวจะโอดครวญว่าตัวเองตัวเตี้ยแถมแสดงไม่เก่ง และเหมาะจะอยู่ฝ่ายฉากมากกว่า เพราะมั่นใจในฝีมือและหัวครีเอทของตนเองมากเสียจนลั่นวาจาว่าถ้าเป็นเรื่องสร้างฉาก กับเรื่องกินแล้วยุทธ์ขอสู้ไม่ถอย.

    “เออๆ ...ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็เลิกกองก่อน....พรุ่งนี้มาซ้อมใหม่ เหลืออีก สองเดือนจะส่งหนังสั้นประกวดของมหาวิทยาลัยแล้ว ถ้ายังเล่นกันได้แบบนี้แล้วคนดูจะอินไหม ....จูน แกต้องไปทำความเข้าใจบทใหม่นะ เวลาจะบอกรักมันก็ต้องจริงใจหน่อยซิ่”

    “บอกรักผู้ชายเนี่ยนะพี่โชติ ไม่สิ บอกรักพี่เคนเนี่ยนะพี่โชติ ...” จูนน้องเล็กที่สุดในกลุ่ม เจ้าของยาวประบ่าที่มาพร้อมสีผมแสบทรวงสีทองข้างซ้ายสีดำอีกครึ่งซีกขวาว่าพลางหันมาทำหน้าเหย

    “นี่แกไม่ได้อ่านบทใช่ไหมไอ้จูน....บทแกอ่ะ กับบทฉันเนี่ยมันเป็นบทฝ่ายรับ บทประหนึ่งผู้หญิงเว้ย ไม่งั้นในเนื้อเรื่องแกจะท้องได้เรอะ”โชติเกาหัวแกรก เริ่มเหนื่อยใจว่าทำไมเขาต้องเขียนเรื่องแบบนี้ขึ้นมาด้วยทั้งๆที่รู้ก็รู้ว่ากลุ่มของตัวเองเป็นกลุ่มชายล้วนสี่คน ...

    “ก็อ่านครับ แต่พี่โชติ ในบทมันบอกว่า เป็นผู้ชายนี่ แล้วมันจะท้องได้ไงอ่ะ...........” จูนเอียงคอถาม

    “เพราะมันเป็นโลกในจิตนาการเว้ย อีกอย่าง สี่ตัวแม่งมีแต่ตัวผู้นี่หว่า จะให้ทำไงได้วะ”

    “แล้วทำไมต้องให้ท้องอ่ะ “ จูนยังถามไม่เลิก

    “ก็แค่อยากสะท้อนสังคมเข้าใจป่ะ ....”

    “แต่มันไม่เมคเซ้นส์นะพี่........”

    “มันเมคเซ้นส์ของกูเว้ย....เอาเป็นว่าไปอ่านบทซะ แล้วทำไมวันนี้เล่นได้ห่วยขนาดนี้เนี่ย ทีเล่นกับฉันไม่เห็นเป็นอะไร” โชติชักหงุดหงิด กะอีแค่พล็อตผู้ชายท้องได้แค่นี้ทำไมเข้าใจยากนักเขาก็ไม่เข้าใจ

    “ก็..........” จูนอ้ำอึ้งใบหน้าแดงก่ำ สองมือลูบด้านข้างคอของตัวเองไปมาเบาๆ พลาง เหลือบไปมองหน้าของเคนก่อนจะนิ่งเงียบ “เวลาพี่เคนลืมบท พี่เคนชอบทำหน้าหล่อเกินไป....ผมเขิน” คำพูดของจูนทำเอาคนที่กำลังยกน้ำขึ้นดื่มอย่างเคนสำลักพรวดออกมา

    “แค่กๆ.....หา?!” เคนหันมามองหน้าน้องเล็กของกลุ่มด้วยความประหลาดใจ ถึงจะรู้ตัวอยู่ว่าตัวเองหน้าตาดี แต่ไม่เคยคิดว่าใบหน้าของเขาจะมีผลกระทบกับคนเพศเดียวกันมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออีกฝ่ายเป็นรุ่นน้องผู้ชายในชมรมเดียวกันแบบนี้ด้วยแล้ว ยิ่งไม่เคยคิดเข้าไปใหญ่  ร่างสูงหันมองหน้าโชติเลิกลั่ก ก่อนจะชี้หน้าตัวเอง

    “สรุปนี่กูหล่อ กูก็ผิดอีกใช่ไหมเนี่ย...จะให้กูทำยังไงวะ ทำหน้าแบบนี้ตลอดเลยดีไหม...”ไม่พูดเปล่าเคนทำหน้าบูดเบี้ยวแลบลิ้นปลิ้นตาจนหน้าตาคมคายนั้นดูแย่ลงไปถนัดตา
 
    “เออ ทำให้ได้ทั้งวันก็แล้วกัน” เสียงยุทธ์ดังมาอีกทาง “ถ้าแกหล่อน้อยลง กูจะได้เด่นไง”  ยุทธ์ว่าพลางยิ้มมุมปากหัวเราะเบาๆในลำคอ 

    “สรุปนี่ความจริงแกอยากเป็นพระเอกคนเดียวใช่ป่ะ แต่ทำโอดครวญไปอย่างนั้นเอง” โชติหันไปมองหน้ายุทธ์อย่างระอา เพื่อนเขาที่คบกันมาตั้งแต่ ม.ปลายคนนี้ความจริงแล้วเป็นพวกหลงตัวเองแบบไม่เปิดเผยมาแต่ไหนแต่ไร

    “ฮ่ะๆ ก็แล้วแต่จะคิดน้า...” ยุทธ์ว่าพลางหัวเราะ เสียงหัวเราะในแบบที่บางครั้งก็ทำเอาอีกสามคนในกลุ่มอดจะหมั่นไส้ไม่ได้


    “เออ....ไอ้คนหน้าตาดี” ทั้งสามคนแทบจะประชดออกมาพร้อมๆกัน


..................................
    

               โชติ ยุทธ์ จูน และเคน ทั้งสี่คนอยู่ชมรมการแสดงของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง โชติและยุทธ์เข้าขมรมมาตั้งแต่ปี 1 เหตุก็เพราะรุ่นพี่ที่คณะชักชวนแกมบังคับหลังจากเห็นความกล้าแสดงออกตอนที่ทั้งสองคนจับคู่กันแสดงตลกให้เพื่อนๆทั้งคณะได้ดูกันในช่วงรับน้อง...แต่หลังจากที่รุ่นพี่จบกันไปพร้อมๆกับที่เคนเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่...ก็ยังไม่มีใครหน้าไหนหลงมาสมัครชมรมของพวกเขาอีกเลย...จนสถานการณ์ตอนนี้อาจเรียกได้ว่าใกล้เข้าวันสูญพันธ์ของชมรมไปทุกที
    
        โชติ เป็นหนุ่มรูปร่างสันทัดไม่ได้จัดว่าตัวสูงมากแต่สิ่งที่ทำให้ใครต่อใครจำได้แม่นคือทรงผมที่เซ็ทจนพองประกอบกับขนาดศีรษะที่ใหญ่อยู่แล้วเลยยิ่งจำได้ง่ายเข้าไปใหญ่ ปรกติแล้วเป็นพวกเอาจริงเอาจังซีเรียสกับสิ่งที่ทำเกือบจะทุกอย่าง แต่พอมาอยู่กับคนที่ทำเป็นเล่นไปเสียทุกเรื่องอย่าง ยุทธ์ แล้วก็ทำให้ดูเป็นสองคู่หูที่เข้ากันได้ดีอย่างประหลาด
    
         สมาชิกคนที่สองคือ ยุทธ์เด็กหนุ่มหน้าตาดี เขาเป็นคนง่ายๆสบายๆ กินเก่งและบ้าพลัง บางทีก็โหวกเหวกโวยวาย ปากไว เหมือนไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไร หลายคนถึงกับบอกว่านิสัยกับหน้าตาสวนทางกันอย่างเห็นได้ชัดแต่ยุทธ์ก็ไม่เคยจะสนใจ เขาเป็นตัวของตัวเองเสมอ จะมีบางครั้งที่จะสำนึกผิดบ้างก็ตอนที่ทำเรื่องชวนปวดหัวจนโชติเอ่ยปากต่อว่าเท่านั้น 
     
         ส่วน เคน ที่ถึงจะเรียนอยู่ ปี3 เท่ากันกับยุทธ์และโชติแต่เขาก็อายุมากกว่าทั้งสองคนที่อายุ20 อยู่ 4 ปี เคนเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ เขาสูงเกิน 180 เซนติเมตร ใบหน้าคมคายได้รูป จัดได้ว่าเป็นคนหน้าตาดีอยู่ไม่น้อย แต่ทะลึ่งทะเล้นในแบบที่ใครหลายคนเห็นอาจจะเบือนหน้าหนี เช่น การลงโทษแผลงๆของเอกพละศึกษาที่หากเป็นบางคนคงจะเขินอายที่จะต้องถอดเสื้อเปลือยท่อนบนเดินไปตามถนนในมหาวิทยาลัย แต่สำหรับเคนนั้นไม่เลย เขาเป็นคนแรกที่ถอดจนเหลือแค่กางเกงบอกเซอร์แล้วเดินไปตามถนน ไม่พอยังม้วนชายกางเกงขึ้นมาเหน็บประหนึ่งนุ่งผ้าเตี่ยวจนแทบจะนุ่งลมห่มฟ้าเสียด้วยซ้ำ.....ยุทธ์กับโชติเจอเคนครั้งแรกตอนไปเข้าค่ายรวมของพวกนันทนาการสำหรับรับน้องใหม่พวกเขาคุยกันถูกคอและสุดท้ายเคนก็ถูกชวนเข้ามาอยู่ในชมรมเป็นสมาชิกอีกคนของหลังจากที่จูนเข้ามาสมัครที่ชมรมไม่กี่เดือน
    
           และน้องเล็กสุดของกลุ่ม จูน เด็กหนุ่มจากเอกภาษาญี่ปุ่นที่เรียกความสนใจจากใครต่อใครได้ด้วยผมสีบลอนด์ทองและแฟชั่นการแต่งตัวของเขาที่ราวกับหลุดมาจากย่านช็อปปิ้งในโตเกียว จูนเข้าชมรมมาด้วยเหตุผลที่ว่าอยากจะกล้าแสดงออกให้เหมือนโชติกับยุทธ์ที่เคยไปแสดงมุกตลก และละครสั้นต่างๆให้พวกรุ่นน้องดูตอนเขาเข้ามารับน้องใหม่รวมของมหาวิทยาลัย แต่จนแล้วจนรอดก็ยังโดนติเรื่องแสดงแข็งเป็นท่อนไม้อยู่บ่อยครั้ง สิ่งที่เขาพอจะทำได้ดีเวลาอยู่ในกลุ่มของพี่ชายทั้งสามคนก็คงจะเป็นการพยายามสรุปทุกคำพูดของทุกคนให้ฟังรู้เรื่องให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้ตัวเองบางทีเวลาตื่นเต้นมากๆก็จะควบคุมคำพูดของตัวเองไม่อยู่ก็ตามที
    
              ทั้งสี่คนหอบข้าวของออกจากห้องซ้อมของชมรมระเห็จไปหาของกินกันที่ร้านขายข้าวที่หลังมหาวิทยาลัยที่ยังเปิดกันอยู่จนดึกดื่นเอาใจพวกนักศึกษามหาวิทยาลัยที่นอนดึกกันเป็นชีวิตประจำวัน
    
              “พี่ครับ ขอโค้กขวดใหญ่หนึ่ง น้ำแข็งสี่ ...” โชติตะโกนสั่งในขณะที่ยุทธ์รีบคว้าเมนูมาเปิด
    
            “พี่ครับ ขอกระเพราไก่หนึ่งครับ ผัดผักบุ้งหนึ่ง แล้วก็เอ็นไก่ทอด ต้มยำปลาแล้วก็....”
    
           “เฮ้ยๆ เดี๋ยวยุทธ์จะสั่งอะไรนักหนาวะมากันสี่คน” เคนหันไปมองหน้าหนุ่มร่างเล็กแทบจะดึงเมนูออกจากมือของอีกฝ่ายด้วยกลัวว่ายุทธ์จะสั่งอาหารไม่หยุด
    
           “ใครว่าฉันจะสั่งมาให้พวกแกกิน นี่ฉันจะกินคนเดียวเว้ย บอกแล้วว่าฉันหิว....”  ยุทธ์ว่าพลางมองหน้าทุกคนเหมือนจะถามว่าเขาพูดอะไรผิดตรงไหน ทำเอาทุกคนส่ายหน้า
    
             “สั่งเองกินเองจ่ายเองด้วยนะแก พวกฉันไม่มีใครหารนะ” โชติว่า
    
            “พี่ยุทธ์ผมว่ากินขนาดนี้เดี๋ยวได้ป่วยหรอก....” จูนหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะสะกิดเคนที่นั่งอยู่ข้างๆกัน “พี่เคน ขอดูเมนูหน่อยดิ่...ผมว่าจะรีบกินรีบกลับเนี่ย”
    
           “รีบกลับ? ทำไม กลัวมองหน้าฉันนานๆแล้วจะเขินอีกหรือไง” เคนยังไม่วายแหย่น้องเล็กของกลุ่มพลางขยับหน้าเข้าไปหา จูนเหลือบมองหน้าของอีกฝ่ายผ่านปอยผมสีอ่อนของตัวเองที่ตกลงมาปรกหน้า ก่อนดวงตาที่ใส่คอนแทกเลนส์สีน้ำเงินจะหลบสายตาไปที่เมนู
    
         “พรุ่งนี้ผมมีสอบหรอก...“   
 
            “สอบอีกละ เอกภาษาญี่ปุ่นนี่ก็มีสอบบ่อยเหมือนกันเนอะ” เคนว่า แต่ยังไม่ถอยออกห่างจากอีกฝ่าย ในใจนึกขำกับท่าทีของจูนที่เบนสายตาหลบแบบนั้น
    
          “ไม่ได้ทำตัวว่างเหมือนพี่เคนนี่นา..” จูนถามแต่ก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสบตา รุ่นน้องผมสองสียังคงมองหารายการอาหารที่อยากจะกิน
     
          “อ้าว วิชาพวกพี่มันเอาตัวปฏิบัตินี่หว่า เคยไหมสอบชกมวย สอบตัดสินมวย” สองมือกำหมัดแย็บจนจูนต้องเบี่ยงหลบ
    
          “ใครจะไปเคยเล่า...ผมเรียนภาษานะ ไม่ได้เรียนพลศึกษา”
    
          “ฮ่าๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ ตัวซีด ไม่ฟิตเอาซะเล้ย ”  ว่าพลางก็ยกมือขยี้ผมของอีกฝ่ายเบาๆ แต่จูนกลับปัดมือของเคนออก
    
          “อย่าเล่นหัวดิ่....ผมยุ่งหมด.... “จูนอ้อมแอ้มพลางหันไปสั่งอาหาร “พี่ครับ ข้าวกระเพราหมูกรอบจานนึงครับ ขอด่วนๆเลยนะครับ”
 
            “เอาเหมือนกันเลยครับพี่ แต่ขอเป็นพิเศษนะครับ” เคนหันไปสั่งเพิ่มพลางยิ้มให้กับแม่ค้าที่ยืนรอออเดอร์จากสี่หนุ่มอยู่นานสองนาน “เฮ้ย โชติแล้วแกสั่งอะไรยังวะ พี่เขารอนานนะเนี่ย... “
    
         “พี่ครับขอข้าวเปล่ามาสองจานนะครับ.... เดี๋ยวฉันกินกับไอ้ยุทธ์ว่ะ ลืมไปว่าถ้าปล่อยแม่งกินคนเดียวมันจะอ้วนเป็นหมูก่อนเป็นพระเอกให้ฉันแน่ อ้อ พี่ครับ แล้วต้มยำกับเอ็นไก่ไม่เอาแล้วนะครับ “ โชติตอบพลางจัดแจงเปลี่ยนรายการอาหารให้ยุทธ์เสร็จสรรพ
    
        “ฉันกลัวแค่ว่าพวกแกกินข้าวแบบนี้กันบ่อยๆจะพาลเป็นหมูกันไปก่อนได้ถ่ายจริงอ่ะดิ่” เคนว่าพลางส่ายหน้า  “แค่นี้ล่ะครับพี่ ด่วนๆเลยนะครับ เดี๋ยวผมจะไปส่งน้องกลับหอ” ว่าพลางก็ยกมือโยกหัวจูนที่นั่งอยู่ข้างๆไปมา
     
         ไม่นานอาหารมื้อใหญ่ก็ถูกนำมาเสริฟ ทั้งสี่คนคุยกันไปพลางทานอาหารกันไปพลางจนอิ่มก็หอบกระเป๋า อุปกรณ์ที่ใช้ซ้อมใส่ท้ายรถของยุทธ์
    
         “แล้วเจอกันพรุ่งนี้ อย่าลืมไปซ้อมบทนะจูน...ไม่ผ่านฉากนี้ฉันไม่ให้ซ้อมต่อฉากอื่นนะเว้ย” เสียงโชติกำชับขณะที่พาตัวเองเข้าไปนั่งข้างคนขับ ยุทธ์เองก็ส่งเสียงตามมาเช่นกัน
    
         “เคน แกก็เหมือนกันขืนยังจำบทไม่ได้ล่ะแกตาย ”
    
         “พวกแกอย่าแกล้งกันดิ่วะ... ไม่ได้หัวดีอ่านปุ๊บจำได้ปั๊บนี่หว่า“
    
         “ก็อย่าหัวขี้เลื่อยของตัวเองไปให้เขาเตะเขาต่อยมันมากนักสิ แทนที่จะมีแต่ขี้เลื่อย คงได้กลวงเข้าสักวัน” ยุทธ์ว่าพลางยิ้ม เรื่องความสามารถในการจำบทที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินของเป็นเรื่องที่หยิบมาทับถมได้ตลอด แต่จะห้ามไม่ให้เคนเอาหัวไปกระแทกก็ไม่ได้ในเมื่องานอดิเรกอีกอย่างของเคนก็คือการชกมวย
    
          “นั่นดิ่ พวกพี่โชติ พี่ยุทธ์โคตรโกงอ่ะ” จูนประท้วงแต่ดูเหมือนทั้งสองคนจะทำหูทวนลม
    
           “เคน แกขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งมันดีๆล่ะ “ ไม่วายโชติยังหันมาสั่งคนอายุมากกว่า
    
          “เออน่า บอกไอ้ยุทธ์ก่อนเหอะไม่ใช่หนังท้องตึงหนังตาหย่อนนะ ไปกันเจ้าจูน”  พูดจบเคนก็ก็คว้าคอเสื้อของจูนให้เดินตามไปยังที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง
 

    ..............................................................


    ทางเดินไปยังที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ในย่านร้านค้าหลังมหาวิทยาลัยมืดสลัว ได้ยินเสียงเพลงเปิดดังมาจากร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกล เคนลากคอเสื้อของจูนให้เดินตามมา จนเด็กหนุ่มต้องสะบัดออก

           “พี่เคน ปล่อยเหอะ คอเสื้อมันรั้งหายใจไม่ออก....”
    
        “เออ โทษทีๆ” เคนหัวเราะออกมาเบาๆ “ก็เห็นว่าจะรีบกลับ”
 
          “แต่ก็ไม่เห็นต้องดึงนี่นา....เอ่อ... ถ้าพี่เคนรีบผมกลับหอเองก็ได้นะ เดินๆไปขึ้นรถข้างหน้านี่เดี๋ยวก็ถึง” เด็กหนุ่มดูมีท่าทีลังเลที่จะซ้อนมอเตอร์ไซค์ของอีกฝ่ายในวันนี้
    
       “เอ๊ะ เจ้านี่ จะเอาไงกันแน่นะ เมื่อกี้ว่าจะรีบกลับ นี่จะมาว่าจะกลับเองอีกละ หออยู่ตั้งไกล ให้ไปส่งนั่นล่ะดีแล้ว” เคนขมวดคิ้วกับคำพูดของอีกฝ่าย พลางโยนหมวกกันน็อคอีกใบหนึ่งให้ “ใส่ซะ เดี๋ยวป๋าจะพาซิ่ง”
    
       “ฮ่ะๆ พูดเหมือนเฒ่าหัวงูจะพาอิหนูซ้อนท้าย” จูนหัวเราะออกมาเบาๆ แค่เห็นสีหมวกกันน็อคก็พอจะเดาออกว่าคงมีสาวๆมาขอซ้อนท้ายอยู่เนืองๆ

    
                             .....เลือกสีซะชมพูหวานคิตตี้มาเชียว....


               “งั้นเปลี่ยนเป็นแว๊นซ์กะสก๊อยซ์เอามะ ? “เคนว่าแล้วหันมามองจูนตั้งแต่หัวจรดเท้า จูนเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งแต่ถ้าเทียบกับเขาแล้วก็อาจจะเตี้ยกว่าซักสิบกว่าเซ็นต์เห็นจะได้ รูปร่างก็ไม่ได้ผอมกะหร่องเพียงแต่เพราะไม่ได้ออกกำลังกายอะไรมากเลยดูเหมือนคนไม่ค่อยมีแรงกับใครเขาสักเท่าไร ยิ่งกับเขาแล้วยิ่งเหมือนไม่มีแรงจะมาขัดขืนอะไรด้วยซ้ำไป

                  “แม่ง สก๊อยซ์ก็ตัวใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย” ว่าพลางมือแกร่งก็ตบลงบนไหล่ของเด็กหนุ่มร่างสูงดังปึก
     
               “โอยเจ็บ.... พูดอย่างกับตัวเองตัวเล็กนักล่ะ ไม่บอกจะนึกว่าควายขี่รถ” จูนพึมพำเบาๆ โชคดีทีอีกฝ่ายเหมือนจะไม่ได้ยินไม่งั้นคงโดนอีกสักป้าบที่หัวแน่ๆ มือเรียวพลิกหมวกกันน็อคในมือไปมา “...นี่ถ้าผมขับรถได้อย่างพี่ยุทธ์ ขี่มอเตอร์ไซค์เองได้แบบพี่เคนคงไม่ต้องรบกวนพวกพี่แบบนี้หรอก“
 
                  “กวนอะไรกันเล่า เอ้าเร็วขึ้นมา จะได้พาไปส่ง” ว่าพลางก็คร่อมมอเตอร์ไซค์คันโตของตัวเอง พลันเสียงเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ก็ดังกระหึ่มทั่วตรอกขนาดเล็กเรียกเสียงฮือจากคนเดินผ่านไปมาได้ไม่ยาก
    
               “เด่นซะ....”
    
            “รถคนหล่อ เครื่องแรงก็งี้...เอ้าขึ้นมาเร็วๆ ...จะได้รีบกลับไปอ่านหนังสือสอบไง ใส่หมวกกันน็อคด้วยเดี๋ยวตำรวจแม่งตั้งด่านจับอีก”
    
 
                หอพักของจุนอยู่นอกเขตมหาวิทยาลัยออกไป แถมยังต้องผ่านตรอกซอกซอยลัดเลาะไปเรื่อยก็ถึง มันอาจจะสะดวกสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็ก แต่สำรับมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ของเคนแล้วมันก็ออกจะลำบากอยู่ใช่ย่อย กว่าจะถึงหอของอีกฝ่ายได้ก็เกือบห้าทุ่มเข้าไปแล้ว เคนจอดรถมอเตอร์ไซค์ที่หน้าหอพักของจุน จะเรียกว่าหอเสียทีเดียวก็คงจะไม่ใช่ ดูลักษณะแล้วคล้ายกับเป็นเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์เสียมากกว่า ถึงจูนจะไม่เคยเล่าให้ฟังว่าที่บ้านพ่อแม่ทำการทำงานอะไรแต่จากลักษณะนิสัยกับท่าทางหลายๆอย่างแล้วก็คิดว่าจูนคงเป็นลูกชายของบ้านที่พอมีอันจะกินอยู่เหมือนกันไม่อย่างนั้นคงไม่มาหาที่หลับที่นอนให้ลูกได้อยู่ดีขนาดนี้ 
 
              “ขอบคุณที่มาส่งนะครับ “จูนว่าพลางส่งหมวกกันน็อคสีหวานคืนให้กับอีกฝ่าย สองมือจัดปัดผมของตัวเองให้เข้ารูปเข้าทรง “แล้วเจอกันพรุ่งนี้ที่ชมรม ....” ว่าพลางร่างสูงโปร่งก็ทำท่าจะเดินเข้าไป
    
            “เฮ้ย จูน....” เคนส่งเสียงเรียกอีกฝ่ายเอาไว้
    
            “ครับ?“ จูนหันกลับมาตามเสียงเรียก
    
            “วันนี้...ที่ฉันทำให้ต้องเทคบ่อยน่ะ โทษทีนะ รอบหน้าจะไม่ให้พลาดว่ะ” อยู่ๆเคนก็พูดถึงเรื่องการซ้อมบทหนังสั้นขึ้นมาทำเอาจูนงง
    
            “เฮ้ย พี่จะมาขอโทษผมทำไมอ่ะ ... ผมดิ่ ส่งอารมณ์ไม่ได้ ...” จูนพูดก่อนจะถอนหายใจยาว เขารู้ดีว่าตัวเองมีปัญหาในการแสดงอยู่ไม่น้อย เด็กหนุ่มเม้มปากเข้าหากันแน่น ก่อนจะจับมือของเคนเอาไว้หลวมๆ “แต่ ผมจะรักพี่ให้ได้ก็แล้วกัน”
 
              “หา? เฮ้ย....พี่ไม่ได้ชอบผู้ชายนะเว้ย” ร่างสูงแทบดึงมือออกไม่ทัน เคนทั้งส่ายหน้าโบกมือปฏิเสธพัลวัน จนจูนต้องมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง
 
               “พี่เคน....เมากระเพราหมูกรอบป่ะ....ผมพูดถึงในบทต่างหาก วันนี้พี่โชติบอกว่าผมยังไม่อิน ผมต้องพยายามทำให้ได้แบบพี่โชติบอกไง...” จูนว่าพลางมองหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง ดวงตาสีน้ำเงินเพราะคอนแทคเลนส์ที่มักจะใส่อยู่เป็นประจำนั่นเป็นประกายสะท้อนกับแสงไฟจากเสาไฟฟ้าหน้าหอพัก
     
              “อ่ะ....เออ....จริง....โทษที” เคนเสมองไปอีกทาง นึกอายอยู่ไม่น้อยที่ตีความคำพูดของอีกฝ่ายไปคนละเรื่องเดียวกัน
             
               “ นี่ขนาดยังไม่อินนะแม่งทำหน้าจริงจังจนกูขนลุกเลย....” เคนพึมพำ ก่อนเปลี่ยนเรื่อง“เอ้าไปอ่านหนังสือสอบได้แล้วไป แล้วเจอกันพรุ่งนี้ พี่กลับล่ะ”
             
               “ครับ...แล้วเจอกัน” จูนว่าก่อนจะหันหลังกลับเดินเข้าหอพักไป  ปล่อยให้เคนยืนงงอยู่กับปฏิกิริยาเมื่อครู่ของตนเอง
           
         
               “นี่ทำไมกูถึงคิดไปไกลขนาดนั้นวะ.....”




              .............................................................

              To be continued.....

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
 
                        -- 1 --

                          ไฟหลักในห้องดับลงแล้ว เหลือเพียงโคมไฟบนโต๊ะที่ยังส่องสว่าง จูนวางดินสอแล้วถอดแว่นอ่านหนังสือลงกับโต๊ะ สองนิ้วกดนวดคลายความเหนื่อยล้าของดวงตาก่อนเหลือบไปมองนาฬิกาเวลาก็ปาไปเกือบ ตี 2 เข้าไปแล้ว เด็กหนุ่มขยับกิ๊บติดผมที่ติดไม่ให้ผมลงมาปรกตาเวลาอ่านหนังสือให้แน่นขึ้นเล็กน้อย พลางกวาดสายตาไปทั่วหน้ากระดาษที่เต็มไปด้วยตัวอักษร ภาษาญี่ปุ่นที่คัดจนเต็มหน้ากระดาษ ความจริงก็ท่องจนขึ้นใจแล้วแค่อยากจะให้มั่นใจอีกรอบเท่านั้น ร่างเพรียวขยับบิดซ้ายขวาคลายความเมื่อยล้าจากการนั่งอ่านหนังสือเป็นเวลานาน หันซ้ายมองไปเห็นบทหนังสั้นที่วางไว้อีกทางก็หยิบมาอ่านพร้อมคว้าแว่นตามาใส่

                                           
   “ ความทรงจำของเราในฤดูร้อน”
[/b]


                    เรื่องราวความรักของหนุ่มสี่คน ที่มาพบเจอกันกลางฤดูร้อน ...ถึงมันออกจะแปลกที่ไหนๆทั้งกลุ่มก็มีแต่ผู้ชายแต่โชติกลับมีความคิดติสต์แตกสุดบรรเจิดว่ามันน่าจะน่าสนใจมากกว่า ถ้าจะให้ทั้งสองในสี่คนเล่นเป็นบทผู้หญิงในร่างผู้ชาย...ที่ดันท้องได้... กรรมใดที่เคยก่อมาในชาติปางก่อนเลยมาตกทีเขากับโชติที่จับฉลากได้บทแปลกๆนี้ด้วยกันทั้งคู่ ถึงเขาจะไม่ได้รังเกียจอะไรกับการจะต้องแสดง หรือถ้าโชติจะบอกให้เขาพูดจาด้วยภาษาแบบผู้หญิง หรือใส่ชุดผู้หญิงแค่ไหนก็รู้สึกเฉยๆ เพราะเขาก็ชอบวงดนตรีที่แต่งตัวแต่งหน้าอะไรแบบนี้อยู่แล้ว เลยเห็นเป็นเรื่องปรกติ ...แต่ที่ลำบากใจก็คงจะมีแต่ตัวบทเองที่เขารู้สึกว่าเป็นปัญหา
               
                 เนื้อเรื่องหลักของหนังสั้นจะเป็นเรื่องราวความรักครั้งแรกของสาวน้อย(ในร่างเด็กหนุ่ม) ที่ไม่เคยมีความรักอย่าง โชติ ที่ได้พบรักกับ ยุทธ์ เด็กหนุ่มหน้าตาดีระหว่างวันหยุดฤดูร้อน ส่วน จูน รับบทเป็น ....จูน.... เพื่อนคนสนิทของโชติ
จูนมีแฟนหนุ่มที่รักๆเลิกๆกันหลายต่อหลายครั้ง คือ เคน ล่าสุดจูนก็เลิกกับเคนอีกรอบ โชติที่เห็นว่าเพื่อนเศร้าใจมากเลยชวนจูนไปเที่ยวทะเล ทั้งสองไปเที่ยวทะเลกัน แต่เกิดอุบัติเหตุโชติจมน้ำ เคราะห์ดีที่ได้ ยุทธ์ เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันที่ไปเที่ยวแถวนั้นเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน โชติที่ไม่เคยมีความรักมาก่อนเลยได้เริ่มเรื่องราวความรักของตนเองในฤดูร้อนนี้เอง
    
             ส่วนเนื้อเรื่องของจูนนั้น เมื่อจูนกลับมาและตั้งใจว่าจะเลิกกับเคนให้เด็ดขาดไปเสียทีเพราะเคนมีพฤติกรรมนอกใจอยู่เรื่อยๆ จูนปฏิเสธที่จะพบหรือติดต่อกับเคนอีก จนวันหนึ่งรู้ตัวว่าตัวเองตั้งครรภ์ (ได้อย่างไรก็ยังไม่อาจทราบได้) จูนรู้สึกกังวลเรื่องลูกที่อยู่ในท้องและต้องเผชิญกับความรู้สึกที่สับสนของตัวเอง ว่าควรจะยกโทษให้เคนเพื่ออนาคตของตนเองกับลูกไหม หรือจะปล่อยให้เรื่องราวเป็นแบบนี้ต่อไป
    
            “ไอ้บ้า ไอ้งี่เง่า ไอ้ควาย....แต่ก็รักนะ....”
    
            เสียงนุ่มอ่านบทเบาๆ พลางยกมือขึ้นเกาหัวแกรก วางบทแล้วถอดแว่นโยนไปบนโต๊ะอ่านหนังสือ เงยหน้าขึ้นมองเพดานเอนตัวไปพิงพนักเก้าอี้ด้านหลัง พลางแกว่งขาไปมาพอให้เก้าอี้แกว่งซ้ายทีขวาที
    
           “จะไปเข้าใจได้ยังไง....คิดอะไรถึงพูดออกไปแบบนั้น....เจอนอกใจไปกี่ครั้ง เจอทิ้งไปกี่รอบ แถมทำท้องอีก...ทำไมถึงยังบอกรักได้นะ..... ผู้หญิง(?) นี่ก็แปลก” จูนคิดไม่ตกในฐานะที่เป็นนักแสดง...
    
    
           จูนชอบการแสดง ถึงไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนหน้าตาดีมากขนาดจะเป็นนักแสดงมืออาชีพออกทีวีมีผลงานอะไรได้...เขาแอบนึกอยากให้พ่อแม่ตัวเองหน้าตาดีกว่านี้อีกสักนิด เขาได้จมูกโด่งกับปากที่เข้ารูปมาจากพ่อก็จริงจะติดก็ตรงตาเล็กตามสไตล์คนที่มีเชื้อจีน นึกอยากจะตาโตดูดีบ้างต้องอาศัยคอนแทคเลนส์กับแอบเขียนอายไลน์เนอร์บางๆตามสมัยนิยมเข้าช่วยแต่การแสดงก็เป็นสิ่งที่เขาสนใจ และด้วยเหตุนี้ เขาก็อยากจะทำสิ่งที่เขาชอบและสนใจให้ดี อยากจะแสดงออกไปให้ดีและก็อยากจะทำให้โชติกับยุทธ์ที่อุตส่าห์รับเขาเข้ากลุ่มมารู้สึกภูมิใจกับการแสดงของเขาด้วย แต่เรื่องที่น่ากลุ้มใจในคราวนี้ คือเขาไม่สามารถเข้าใจบทได้ว่า คนท้องน่าจะมีความรู้สึกแบบไหนและเขาก็ยังไม่สามารถทำความเข้าใจประโยคกร่นด่าของ”จูน”ได้เช่นกัน
    
            ถึงเนื้อเรื่องที่อยู่ๆผู้ชายจะท้องจะไส้ขึ้นมานั้นก็พอจะเคยเห็นในหนังฮอลลีวู้ดมาบ้าง เขาก็พอจะไปหามาดูและพยายามทำความเข้าใจได้ แต่ในส่วนของความรู้สึกที่จะเรียกว่าเกลียดก็ไม่ใช่ จะรักหรือก็ยังลังเล ไม่รู้จะทำอย่างไรกับความรู้สึกที่มีอยู่ดี แต่ก็ทำอย่างอื่นไม่ได้เพราะรักไปแล้วจนหมดใจ...ความรู้สึกแบบที่ตัวละครที่ชื่อ จูน มีนั้น ความรักแบบนั้น... ไม่เคยเกิดขึ้นกับหัวใจของจูนเลยสักครั้ง

 
             “ก็คนมันไม่เคยมีความรักนี่หว่า.... จะให้ไปแสดงว่ารักคนอื่นได้ยังไงกันวะ”
    
         จูนหลับตาลง นึกถึงพระเอกของตัวเอง เคน รุ่นพี่ที่หน้าตาดีเข้าขั้นจัดได้ว่าหล่อเหลาจนแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังนึกอดชื่นชมใบหน้าได้รูปนั้นไม่ได้ บางครั้งเผลอมองนานเกินก็ถึงเข้าขั้นเขินเสียด้วยซ้ำ ยิ่งโดยปรกติเขาเป็นคนที่ชอบคนหน้าตาดีอยู่แล้ว เพราะอย่างยุทธ์เองก็เป็นอีกคนที่เขาแอบชื่นชม ความชื่นชมที่บางครั้งก็เป็นเพราะอิจฉาเล็กๆ แต่กระนั้นหน้าตาดีอย่างเดียวของเคนก็ไม่ได้ทำให้จูนนึกอินไปกับบทของ”จูน”ได้เลยยิ่งประกอบกับพฤติกรรมผีเข้าผีออก บ้าๆบอๆด้วยแล้วยิ่งหนักใจเข้าไปใหญ่

           “แต่ก็บอกไปแล้ว...ว่าพรุ่งนี้จะทำให้ดีขึ้น....เอาวะ รักอย่างอื่นไม่ได้ก็รักหน้าพี่เขาไปก่อนก็แล้วกัน “

    
            ........................................................... 

         
             ที่โรงอาหารคณะของจูนในช่วงเที่ยงมักจะคราคร่ำไปด้วยนักศึกษาที่ลงมาทานอาหารกลางวัน บ้างก็เป็นนักศึกษาในคณะเองบ้างก็มาจากต่างคณะ ยิ่งเป็นคณะที่รับผิดชอบกับการเรียนภารสอนภาษาอังกฤษให้กับทุกๆคณะที่จำเป็นจะต้องลงเรียนเป็นวิชาบังคับด้วยแล้วคนยิ่งมากันเยอะจนจำแทบไม่ได้ว่าใครเป็นใครมาจากไหน จูนกำลังยืนต่อคิวซื้ออาหารเที่ยงที่หน้าร้านประจำ ร่างสูงโปร่งนั่นดูจะสะโหลสะเหลอยู่ไม่น้อยเพราะกว่าจะข่มตาให้นอนได้ก็ปากเข้าไปดึกดื่น ตื่นก็สายจนเกือบจะมาสอบแทบไม่ทัน ไม่มีเวลาได้แต่งองค์ทรงเครื่องเหมือนอย่างทุกที จูนถอดแว่นที่ใส่อยู่ออกมาเช็ดเอาฝุ่นออกเบาๆ ระหว่างรอคิว
    
           “นี่ถ้าไม่เห็นหัวจะจำไม่ได้นะเนี่ย...” เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมมือใหญ่ที่วางลงบนเส้นผมสีบลอนด์
ของเด็กหนุ่มพลางโยกไปมา
    
            “อ้าว......”จูนหรี่ตาลงเล็กน้อยเพ่งมองใบหน้าของคนที่เพิ่งเดินมาเล่นหัวของเขา “อ้าว พี่เคน มาทำไร?” ว่าพลางก็ยกแว่นขึ้นมาใส่เหมือนเดิมแล้วปัดมือของอีกฝ่ายออก
    
          “เรียนอิงค์ตอนบ่าย... “ว่าพลางก็ยกหนังสือภาษาอังกฤษพื้นฐานโชว์ให้อีกฝ่ายดู “เลยแวะมาหาข้าวกินก่อน เลี้ยงหน่อยดิ่”
 
            “โห...บอกให้เลี้ยงล่ะไม่ถามคนเขาหน่อยหรอครับว่ามีตังค์ไหม” จูนอดไม่ได้ที่จะประชดพลางขยับเข้าใกล้หัวแถวไปอีกหน่อย
    
          “แกรวยกว่าพี่อยู่แล้วน่า....” เคนขยับเข้าไปต่อแถวสายตาสอดส่องอาหารหลากหลายชนิดที่วางอยู่ในถาด “ไก่ทอด กับแกงเขียวหวานก็น่าอร่อยนะ ฝากซื้อหน่อย เดี๋ยวพี่ไปจองโต๊ะให้”  ไม่พูดเปล่าหยิบแบงค์ห้าสิบยัดใส่มือจูนแล้วเดินไปอีกทางไม่ได้รอฟังเสียงทักท้วงจากจูนเลยแม้แต่น้อย
    
           “อ้าว เฮ้ย พี่เคน ถามเขาบ้างไหมว่าจะกินด้วยหรือเปล่าเนี่ย “หนุ่มผมสองสีหันหลังไปจะมองหา ร่างสูงของรุ่นพี่คนนั้นก็ก้าวฉับๆไปไกลเสียแล้ว สุดท้ายก็ต้องเป็นคนซื้อทั้งข้าวทั้งน้ำยกไปให้จนได้

              “มาแล้วครับคุณพี่สุดประเสริฐ แกงเขียวหวานกับไก่ทอด บวกน้ำอีกสิบสองบาท เงินทอนไม่ต้องเอานะ ถือเป็นค่าแรงน้อง” จูนพูดเองเออเองเสร็จสรรพ มือค่อยวางถาดที่มีข้าวราดแกงเขียวหวานกับไก่ทอดของเคน กับ เกาเหลาเนื้อกับข้าวสวยของตัวเองลงกับโต๊ะ
    
           “เฮ้ย อะไร เงินทอนด้วยดิ่”
    
          “งก เศษไม่กี่บาทก็ไม่ให้วุ้ย”
    
         “ทุกบาททุกสตางค์มีค่าใช้สอยอย่างประหยัด” เคนว่าพลางยิ้ม แล้วยกขวดโค้กที่อีกฝ่ายรู้ใจซื้อขวดใหญ่มาสองขวดกับแก้วน้ำแข็งออกจากถาดพลางรินให้
    
       “โห ทีไปกินเหล้ากันนะ เมาอ้วกแตก ไม่เห็นจะเสียดายของ”
    
       “คนมันเมานี่หว่า....ว่าแต่วันนี้เป็นไร ผมเซ็ตซะเนี้ยบแต่ตาไม่เขียนเนี่ย ตูบมาเชียว” ด้วยเห็นว่าแปลกไปจากทุกวันที่ดูจะแต่งองค์ทรงเครื่องเสียครบครัน เคนจึงเอ่ยปากถามไม่พูดเปล่ายกมือไปเล่นหัวอีกตามเคย อาจจะเป็นเพราะผมสีทองสะดุดตาที่อีกฝ่ายมักจะเซ็ทมาอย่างดีนั่นก็เป็นได้ที่เห็นแล้วหมั่นไส้อยากขยี้ให้มันยุ่งพันกันให้รู้แล้วรู้รอด
    
      “โอ้ย เล่นหัวอีกแล้ว....”จูนปัดมือของอีกฝ่ายออก รีบใช้นิ้วจัดให้ผมเข้ารูปเข้าทรง “ก็นอนดึกนี่ กว่าจะกลับ กว่าจะได้อ่านหนังสือ แล้วก็....อ่านบทอีก”
    
      “อ่านบท? ........อะโห....จริงจังนะเนี่ยๆ “ เคนทำเสียงล้อเลียน
     
        “...................” จูนเหลือบมองหน้าของอีกฝ่ายเล็กน้อย “ก็ผมไม่อยากเป็นตัวถ่วงนี่นา ผมเข้าชมรมมาเพราะเห็นพวกพี่โชติพี่ยุทธ์เขาได้ทำเรื่องสนุก ไหนๆก็ได้เข้ามาอยู่ชมรมด้วยกันแล้ว ก็อยากจะช่วยพี่ๆเขาด้วย พี่เคนเองก็ต้องจำบทให้ได้ล่ะ เพราะถ้าทำได้ไม่ดีก็ต้องซ้อมอีกหลายๆรอบ....พี่โชติกับพี่ยุทธ์จะได้ไม่ต้องปวดหัวกับพวกเราด้วย” จูนตอบไม่สบตาของอีกฝ่าย ยกถ้วยข้าวขึ้นพุ้ยข้าวเข้าปาก
    
         “สนใจแต่เจ้าสองคนนั้นนะ” เคนอดไม่ได้ที่จะแซว “แต่...ก็ดีแล้วล่ะ...ก็งานนี้มันงานของพวกเราก็ต้องช่วยๆกันอยู่แล้ว..รอบนี้ส่งหนังสั้นเข้าประกวดคงได้ฮือฮากันแน่....ผู้ชายบ้าอะไรท้องได้ ไอ้โชติมันก็ช่างคิด”
    
       “อื้ม พี่โชติเก่งเนอะ คิดพล็อต เขียนบท ทำสตอรี่บอร์ด เรื่องกำกับก็เก่ง ที่ห้องพี่โชติมีหนังดีๆเพียบอีกต่างหาก ผมว่าเดี๋ยวคราวหน้าจะไปยืม...”
    
        “นี่สรุปว่าแกปลื้มไอ้โชติตรงมันเก่ง หรือเพราะมันมีหนังให้แกยืมวะ” นั่งด้วยกันมาไม่กี่นาทีได้ยินแต่จูนพูดถึงชื่อของโชติอย่างชื่นชมอยู่หลายรอบเลยอดจะหมั่นไส้ไม่ได้
    
         “ทั้งสองอย่าง” จูนตอบมือก็พุ้ยข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ “พี่ยุทธ์ก็เท่มาก หัวครีเอทสุดๆ งานต่อฉากฝีมือก็ทำได้ ปีที่แล้วเห็นงานละครของคณะของพวกพี่โชติกับพี่ยุทธ์ไหมอ่ะ ฉากบนเวทีงี้อย่างเนี้ยบ...ไหนจะเรื่องซาวน์เอฟเฟคอีก คอมพิวเตอร์อีก...สุดยอดเหอะ หล่อก็หล่อ เก่ง แถมเกรียนอีกตะหากโคตรครบสูตรอ่ะ”  ดวงตาคมมองหน้าของเด็กหนุ่มตรงหน้า ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นจูนที่พูดถึงคนที่ตัวเองปลื้มออกมาได้ด้วยดวงตาเป็นประกายขนาดนี้มาก่อน แต่ก็น่าแปลกที่ในคราวนี้คนตรงหน้าดูจริงจังและ...น่าเอ็นดูอยู่ในที คิดแบบนั้นก็นึกสงสัยความคิดของตัวเอง เคนกระแอมไอออกมาเบาๆ
    
          “อะแฮ่ม...ปลื้มคนหล่อ ชอบเจ้ายุทธ์นักไม่ขอไอ้โชติมันสลับบทไปคู่กับเจ้ายุทธ์มันเลยว้า....”เคนอดจะแขวะไม่ได้
    
          “โอย ให้ผมไปเล่นเหรอ งานหนักพี่ยุทธ์ดิ่ ต้องมีบทอุ้มขึ้นจากน้ำอะไรด้วย พี่ยุทธ์หลังหักตาย” คำพูดนั้นทำเอาเคนแทบถลึงตาใส่ เพราะเขาเองก็มีบทต้องอุ้มเจ้าหนุ่มรุ่นน้องคนนี้เหมือนกัน
    
           “แล้วฉันไม่หลังหักเรอะ อย่างกับตัวเล็กนะแกน่ะ”
    
           “หรือพี่จะให้ผมอุ้มพี่อ่ะ...” จูนถามกลับทันควัน เคนกรอกตาเล็กน้อยพยายามนึกภาพตามหากว่าเขาจะต้องถูกเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งคนนี้อุ้มแบบเจ้าสาวบ้าง....มันคงดูพิลึกพิลั่นอยู่ใช่น้อย
    
          “โน โน โน......ฉันอุ้มแกล่ะโอเคละ แต่ช่วยลดข้าวบ้างก็ดีนะเผื่อจะเบาแรงขึ้นอีกหน่อย หนักมากก็กลัวหลุดมือว่ะ”     
   
          “พี่จะปล่อยให้ผมตกจริงๆเหรอ...” จูนทำเสียงคล้ายจะอ้อนมือเรียวยื่นมาจับมือของเคนเอาไว้ “เราออกจะเป็นแฟนที่รักมากกันไม่ใช่เหรอครับ” ไม่พูดเปล่ายื่นหน้าเข้ามาใกล้เห็นดวงตาสีน้ำเงินหลังกรอบแว่นสีดำนั่นเป็นประกาย ทำเอาอีกฝ่ายต้องหลบสายตา
    
          “เล่นอะไรอยู่ๆมาทำเสียงซะเลี่ยน แกตกก็ดีสิ หลังฉันจะได้ไม่หักไง...จะโยนทิ้งเลยล่ะ“ เคนชักมือกลับ น่าแปลกที่รอบนี้เป็นเขาเองที่รู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำกับท่าทีของเด็กหนุ่มผมสีบลอนด์ที่อยู่ตรงหน้า
    
         “เล่นตามบทต่างหาก....กลัวจะหาว่าไม่อิน” จูนพูดริมฝีปากหยักเป็นรอยยิ้มน้อยๆนี่คงนึกสะใจอยู่ไม่น้อยที่เอาคืนเขาได้เสียที
    
         “ไอ้ตัวแสบนี่ เย็นนี้เจอกันเลย ดูซิว่าใครมันจะอินกว่ากัน” ไม่พูดเปล่ามือใหญ่ขยี้ผมอีกฝ่ายอย่างมันมือ
   
         “โอ้ย พี่เคนเมื่อไรจะหยุดเล่นหัวผมซักทีเนี่ย”
    
        “ชิชะ อดนอนลืมเขียนตา แต่ผมเซ็ทมาเป๊ะ...น่าขยี้ให้เละจะตาย”เคนหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะตักข้าวราดแกงเข้าปากไปคำใหญ่
    
       “คนแบบพี่นี่มัน....” จูนปัดมือของอีกฝ่าย “น่า.....”
    
       “น่ารัก น่าคบ น่าไปซะทุกอย่าง......คนมันหล่อพี่เข้าใจ” รุ่นพี่ร่างใหญ่ว่าพลางยักคิ้วให้อย่างยียวน รอยยิ้มที่ทำให้จูนต้องเสมองไปอีกทาง

       
          ...ให้ตาย...หน้าตาดีสวนทางกับนิสัยโคตร.....


            “พี่รีบๆยัดเข้าไปเหอะข้าวแกงเขียวหวานไก่ทอดนะ มีเรียนไม่ใช่รึไง เลิกเรียนแล้วค่อยเจอกันก็แล้วกัน...”


              .................................

    
              “โทษทีฮะมาสายไปหน่อย มัวแต่ซ้อมพูดจะสอบกับเพื่อ........น..............” จูนเปิดประตูเข้ามาโดยไม่ได้มองซ้ายมองขวา เงยหน้าขึ้นมาก็เจอกับภาพที่ต้องทำให้กลืนคำพูดทุกอย่างหายลงคอไป
    
               “พี่โชติ...พี่ยุทธ์ พวกพี่ทำอะไรกันน่ะ.......” จูนเอ่ยถามเหมือนจะไม่เชื่อสายตามือเรียววางกระเป๋าไว้ที่ข้างประตูห้องอย่างหมดแรงกับภาพที่อยู่ตรงหน้า
    



               “อื้ม....อื้อ......อ้อ...จูน.....พวกพี่แข่งกินแตงโมกันอยู่ กินป่ะ” ยุทธ์กระเดือกแตงโมสีแดงสดลงคอไปคำใหญ่ ท่าทางที่กินนั้นเลอะเทอะใช่ย่อย มือที่เลอะน้ำแตงโมกวักเรียกรุ่นน้องหยอยๆให้เข้าไปร่วมวงไพบูลย์กันอีกคน

                 “อ่า.......” เด็กหนุ่มเหลือบไปมองโชติที่กำลังพยายามกินแตงโมซีกที่อยู่ในมือให้ได้ในการกดปากลงไปรอบเดียวแบบที่ยุทธ์เพิ่งจะทำไปเมื่อครู่แต่ก็ดูท่าจะไม่ไหว เพราะที่ยุทธ์เพิ่งจะกินแตงโมลงไปนั่นมันเหมือนกับเอาหน้าไปไถกับแตงโมเสียมากกว่าจะกินมันเข้าไป
    
             “อ่า...ไม่ล่ะ ผมขอผ่าน.....ว่าแต่.....ทำไมต้องแข่งกิน?” จูนว่าพลางเดินไปหยิบม้วนทิชชู่มายื่นให้ทั้งสองคนอย่างกล้าๆกลัวๆ ยิ่งเมื่อมองความเลอะของพื้นแล้วก็ยิ่งต้องส่ายหน้านี่คงจะไปซื้อแตงโมที่ไหนมาลงมือชำแหละแตงโมกันสดๆเป็นแน่ แม้จะเอาทั้งถุงดำและกระดาษหนังสือพิมพ์รองแล้วแต่มันก็ยังเละอยู่ดี
    
            “โชว์ใหม่ แข่งกินแตงโม ว่าจะเอาไปโชว์ด้วย เอ้อ มีงานใหม่เข้ามาเดี๋ยวจะไปเล่นละครสั้นๆโชว์ที่เวทีตลาดเปิดท้ายอาทิตย์นี้ แกกับเจ้าเคนก็ไปด้วยนะ มีบทๆ “ โชติว่าแต่จูนไม่ค่อยอยากจะเชื่อซักเท่าไร ถึงโชติจะเป็นคนจริงจังแต่บางวันก็ช่างอำเก่งอย่างหาตัวจับได้ยาก...ไอ้เรื่องว่ามีบทน่ะพอทำเนา แต่เรื่องกินแตงโมนี่สงสัยคงเพราะยุทธ์ยุให้เล่นพิเรนทร์อะไรกันอีกเป็นแน่
 
                 “ก็พวกชมรมดนตรีมันมาขอ..อื้ม...ขอให้ไปเล่นโชว์หน่อย เอ่อ...มันอยากได้แบบอารมณ์ฮาๆหลุดๆ ....แค่ก...อ่อก” ยุทธ์พยายามเสริมทั้งที่ยังมีแตงโมเต็มปาก 
    
             “หา อาทิตย์นี้? เร็วไปป่ะพี่ ผมยังไม่รู้เลยต้องทำอะไร” เด็กหนุ่มโวยแล้วยื่นกระดาษทิชชู่ให้ยุทธ์ไปอีกแผ่นเพราะเห็นท่าว่าใกล้จะสำลักแตงโมเต็มที
    
              “เอาน่า บอกว่ามีบท....” โชติตอบอย่างขอไปทีก่อนจะลงมือกินแตงโมในมือให้หมด


                 “โอ้วววววววว เคนมาแล้วจ้าที่รักทั้งหลายยย.......!!”
 
                เสียงดังลั่นมาพร้อมกับร่างใหญ่ที่แทบจะถลาเข้ามาในห้องนั้นแทบจะชนกับจูนที่ยืนอยู่
 
                “เหวอ....โอ้ยย....” จูนร้องเสียงหลง เด็กหนุ่มหลบทันแต่ก็ตั้งหลักไม่อยู่

 
                โครม!!


                “โอ๊ะ ไม่เจ็บแฮะ.....” จูนลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกว่าไม่เจ็บอย่างทิ่คิด
    
              “เมิงไม่เจ็บอ่ะ กูเจ็บ!! ไอ้จูนหนักเว้ย...ลุก!!....” ร่างเล็กกว่าของยุทธ์ที่รับจูนเอาไว้ได้พอดีทั้งดิ้นทั้งถีบรุ่นน้อง
    
             “เหวอ... ขอโทษพี่ยุทธ์ พี่ยุทธ์เป็นไรมากป่ะ หน้าเป็นแผลป่ะ ไม่หมดหล่อใช่ไหมอ่ะ” จูนตะลีตะลานลุกออกให้พ้นตัวรุ่นพี่สุดหล่อของตัวเอง สองมือประคองหน้าของยุทธ์มาดูใกล้ๆ หวังว่าเขาคงไม่ได้ทำให้ยุทธ์เป็นแผล
    
            “นี่แกห่วงพี่แกไม่หล่ออย่างเดียวใช่ปะ กระดูกกระเดี้ยวนี่ไม่คิดจะดู?” ถึงจะแขวะไปแบบนั้นแต่ก็ยื่นแขนให้อีกฝ่ายดูทำท่าเหมือนเจ็บมาก  “หักไหมเนี่ย แกดูทีสิ”
    
             “ขอโทษครับๆ โอ้ย แดงเลย มาผมเป่าให้ๆ” ว่าพลางทำท่าจะเป่าจริงๆ
 
                “ฮ่ะๆ...ล้อเล่นน่า ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ฉันกระดูกแข็งจะตาย ...” ยุทธ์ดันหน้าของจูนออกไป “โวยวายไปได้”

                 “น้องมันห่วงแกหรอกยุทธ์....ร๊ากกก แกอย่างกับอะไรดี” เสียงเคนแขวะ ร่างสูงปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาออกเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดที่มักเอาไว้ใส่ตอนวอร์มร่างกายก่อนเล่นกีฬา
    
              “ไม่เหมือนบางคนหรอก ถลาเข้าเป็นรถบรรทุกเบรคแตก ตาม้าตาเรือไม่ดูเล้ยยย น้องกับเพื่อนจะเจ็บตัวก็ไม่สน” จูนสวนกลับบ้าง เคนได้แต่รำพึงรำพันออกมา...ไม่เบาเท่าไร
 
                 “...........เอ้อ กูรถเบรกแตกลยเบรกไม่ได้ แถมไม่ใช่คนโปรด ทำอะไรก็ผิดโม๊ดดด......” เคนว่าพลางขยำเสื้อนักศึกษาของตัวเองโยนไปอีกทาง   “เอ้า จะเก็บของซ้อมได้ยัง แล้วโชติเมื่อกี้แกว่าอะไรมีบทๆนะ”
    
               “อื้อ...วันนี้มีสองเรื่องนะ เรื่องแรก คือว่าจะเพิ่มบทในหนังสั้นอ่ะ แล้วก็อีกเรื่องคือ เปิดท้ายอาทิตย์นี้ชมรมดนตรีมาขอให้พวกเราไปเล่นเปิดม่านให้ กับคั่นเวลาอ่ะ เลยว่าจะเอาเรื่องสั้นๆ ไปเล่น มีบทให้พวกแกสองคนด้วย” โชติว่าพลางหันมองหน้าจูนกับเคน

                  “แล้วเกี่ยวอะไรกับแตงโม?” เคนกอดอกมองสภาพห้องที่เละตุ้มเปะ เพราะทั้งโชติและยุทธ์ละเลงแตงโมกันจนมันมือ
    
                “ก็แค่อยากกินอ่ะ แต่กินเฉยๆมันไม่หนุกเลยแข่งกันกินกะไอ้โชติมัน”ยุทธ์ว่าพลางหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะแบบที่ไม่ยี่หระกับความเละเทะที่ตัวเองทำเอาไว้เลย   

                   “พวกแกนี่ล่ะนะ สรุปวันนี้จะซ้อมป่ะ อุตส่าห์รีบมา...”ว่าพลางยกแขนปาดเหงื่อออกจากหน้าผากแล้วมองจูนที่ยังไม่ห่างจากยุทธ์ คอยเช็ดรอยเปื้อนจากน้ำแตงโมออกจากหน้าออกจากแขนให้ยุทธ์อยู่แบบนั้นก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
     
                 “แตงโมแก้ร้อนก่อนไหมล่ะ...” โชติว่าพลางยื่นแตงโมให้
    
                 “....ไม่อ่ะ....” เคนมองแตงโมในมือโชติสลับกับแตงโมในมือของจูนที่โดนยุทธ์บังคับให้ป้อนให้กินก็ส่ายหน้า “ไม่มีอารมณ์กิน ... แล้วไอ้บทที่ว่าจะเพิ่มอ่ะ บทอะไร”
    

                “เลิฟซีน”


.................................. to be continued

ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
ติดตามด้วยคนค่ะ

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
แฮ่ มันจะสปาร์คกันก็เพราะเลิฟซีนเนี่ย

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
-2-

    “หา!”ทั้งๆที่เหมือนเมื่อครู่จะไม่ได้สนใจแต่กลับเป็นเสียงของจูนที่ร้องลั่นออกมาคนแรก ตรงกันข้ามกับเคนที่ดูจะไม่รู้ร้อนรู้หนาว

    “อาฮะ...ถ้าไม่มีบทพูดเพิ่มมากก็โอเค แล้ว...ให้ทำไง”

    “จูบ....จะเพิ่มบทให้แกจูบไอ้จูนมันสักสองสามที กับฉากนอนซบๆกันบนเตียงอ่ะ แบบ....อะฮ่า..เคนจ๋า...คุณยอดเยี่ยมที่สุดเลยนะ....”

     “อึ๋ยยยยย ไม่เอาอ่ะพี่โชติ ไม่เอาอ่ะ...พี่โชติกะแกล้งผมอีกเหรอ” จูนโวยวายผละจากยุทธ์มานั่งคุกเข่าข้างๆโชติแทบไม่ทัน สองมือจับขารุ่นพี่เขย่าไปมา

    “เฮ้ย แกไม่ได้เปลี่ยนคนเดียวนะเว้ย พวกฉันก็มีเหมือนกันเนอะยุทธ์” โชติว่าพลางยิ้มกว้าง “กะอีแค่เลิฟซีนนิดหน่อยเองจูน ไม่มีอะไรหรอก” ถึงโชติจะบอกแบบนั้นแต่เจ้าตัวกลับยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่

     “ไม่เอาอ่ะ ตอนนี้ในบทก็มีต้องกอดกับพี่เคนแล้วอ่ะ...แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วนะพี่โชติ” ไม่พูดเปล่าชี้นิ้วไปที่เคนที่กำลังยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ไม่ห่างออกไปนัก

    “อะไรวะ กอดกับฉันมันไม่ดีตรงไหนวะจูน ... ออกจะกล้ามใหญ่ใจดีมีเวลาให้ขนาดนี้ มามะมาซบอกพี่มานี่” เคนผายมือทั้งสองข้างออกก่อนจะตบลงบนอกกว้างของตัวเองเบาๆ ยิ่งเห็นจูนโวยวายแล้วยิ่งอยากจะแหย่

   “ ก็....ไม่ดีตรงที่......” จูนหันไปมองหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะนึกถึงคำพูดของตัวเองเมื่อตอนกลางวัน ถ้าเขาโอดครวญอะไรตอนนี้อีกก็จะกลายเป็นตัวถ่วงของกลุ่มไปจริงๆ เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาเบา ๆ เขาหันกลับไปมองหน้าของโชติและยุทธ์
“ไม่มีอะไรครับ.....เอาเป็นว่าถ้าพี่โชติกับพี่ยุทธ์ว่ามันจะดีก็เอาตามนั้นเลยละกัน ....ซ้อมกันดีกว่า...มาครับพี่ยุทธ์ผมช่วยเก็บ” ว่าแล้วก็เสนอตัวช่วยยุทธ์เก็บกวาด ทำเอาโชติต้องหันมามองหน้าเคนด้วยความประหลาดใจ

    “อะไรของมัน? เมื่อกี้ยังโวยวายอยู่เลย”  เคนเหลือบมองตามจูนเล็กน้อย เขายังจำสิ่งที่จูนพูดเมื่อกลางวันได้

    “มันก็คงแค่ไม่อยากเป็นตัวถ่วงของพวกแกล่ะมั้ง”

    “หืม? หมายความว่าไง.... “

    “ไมมีอะไรหรอก” เคนตัดบท ริมฝีปากหยักยิ้มน้อยๆ “บทเตรียมไว้แล้วใช่ป่ะ เดี๋ยวขอดูหน่อยนะ จะได้รีบจำให้ได้...จำไม่ได้ไอ้ยุทธ์ก็มาว่ากูอีก”

    “เออๆ... เดี๋ยวนะ”  โชติว่าพลางหันไปหยิบบทเวอร์ชั่นใหม่ที่เพิ่งปรินท์และเอาไปถ่ายเอกสารมาสดๆร้อนๆ เคนรับบทมาเปิดดูในส่วนที่โชติมาร์กเอาไว้ให้ ที่เพิ่มเข้ามาก็คือบทจูบในตอนสุดท้ายและบทเลิฟซีนนอนซบกันเล็กๆที่ยิ่งถ้าจูนเห็นบทบรรยายแล้วคงยิ่งจะโวยวายกว่าเดิมเป็นแน่


        
   ...ไฟห้องนอนดับลงมีเพียงแสงสลัวจากไฟหัวเตียงสาดกระทบลงบนไหล่ของจูนที่กำลังอิง
    แอบเอาไออุ่นจากร่างของเคน มือเรียวลูบเบาๆบนแผ่นอกแกร่งของอีกฝ่าย...

           “เมื่อกี้รู้สึกดีที่สุดเลย...”
[/i]

    “ฮ่ะๆๆ.....” เคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเมื่ออ่านบทบรรทัดนั้นเสร็จก็แทบรอไม่ไหวที่จะได้ยินจูนพูดบทพูดนี้ออกมาในใจนึกไปว่าอีกฝ่ายจะแสดงออกมาแบบไหนกัน  “เจ๋งมากโชติ ฮาสาดเลยว่ะ”

    “ฮาตรงไหนวะ บทออกจะโรแมนติค....” คนเขียนบทงงกับท่าทางของอีกฝ่าย

    “เอาเหอะ....เดี๋ยวก็รู้”

    “แล้วแกนี่ไม่มีปัญหาอะไรเลยรึไงวะ เห็นไอ้จูนมันโวยเอาโวยเอา นี่แกไม่มีประท้วงแบบนี้ก็พิกลว่ะ”

    “โวยแล้วแกจะแก้บทไหม” เคนถาม

    “ไม่” โชติตอบทันควัน

    “ก็นั่นล่ะ กูเลยไม่โวยถึงกูจะไม่ได้ชอบกอดผู้ชายก็เหอะ แต่นี่มันน้อง ให้กูโวยมากๆเดี๋ยวมันจะหาว่ากูรังเกียจมันอีก..” เคนพูด เขาคิดอยู่เสมอว่าจูนเป็นเด็กหนุ่มที่แตกต่างไปจากคนอื่นๆ นิสัยบางอย่างของจูนคงชวนให้ใครต่อใครเข้าใจผิดไปไม่น้อยว่าจูน....อาจจะ...ชอบผู้ชายด้วยกัน แต่เขาไม่คิดว่าควรจะเอาเรื่องนั้นมาพูดหหรือตั้งแง่อะไร ยังไงเสีย จูนก็เป็นจูน เป็นคนแบบนั้น เป็นรุ่นน้องคนนึงที่เขาเอ็นดูอยู่ไม่น้อย เขาไม่อยากทำให้เด็กหนุ่มคนนี้ต้องมาระแวงระวังอะไรกับคนที่ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ด้วยกันแบบนี้

    “อีกอย่าง ขอแค่ไม่มีบทอะไรให้กูจำเพิ่มก็โอเคละ...เรื่องจำๆท่องๆนี่กูไม่ถนัดจริงๆว่ะ”

    “แกก็เล่นแบบมุมกล้องก็ได้นะเว้ย ฉันกับไอ้ยุทธ์ก็กะจะทำแบบนั้น...” โชติกระซิบบอกเคนเบาๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายหันไปมองจูน
หน้าเครียดกว่าทุกที ทั้งที่ปรกติออกจะเป็นคนอารมณ์ดีกับทุกเรื่องแท้ๆ

    “หึๆ...เดี๋ยวไว้ค่อยว่ากันก็แล้วกัน ...ซ้อมกันดีกว่า...แกก็ไปล้างมือล้างปากซะไป กินเลอะชิบหาย”
 

                                                        ........................................................


    การซ้อมเริ่มต้นขึ้นตามปรกติ...ทุกฉากผ่านไปด้วยดี จะมีต่างออกไปก็คงเป็นบรรยากาศของจูนที่มักจะนั่งมองการแสดงของโชติกับยุทธิ์ด้วยสายตาเป็นประกาย วันนี้กลับดูตึงเครียดอยู่ไม่น้อย อาจจะเป็นเพราะใกล้จะถึงคิวฉากเจ้าปัญหาที่ต้องแสดงกันไปหลายสิบเทคเมื่อวานนี้ก็เป็นได้

    “เอ้า จูน ...ตาแกซ้อมแล้วนะ....จำไว้นะ อยู่กับบท อินกับมัน บทใหม่แกจะยอมยกโทษให้เคนเพราะหมอนี่ยอมทนยืนตากฝนขอโทษขอโพยแล้วก็สัญญาว่าจะดูแลแกกับลูกนะ....ต้องโดดเข้าไปหา ต้องรักมัน แล้วสองคนนะจะมีฉากจูบกันเพิ่มเข้ามาตอนท้าย....เหอะๆ...เตรียมใจไว้ด้วยนะ”ทั้งๆที่ไม่ต้อบอกก็รู้ว่าท่าทางกระสับกระส่ายของจูนนั้นคงเป็นเพราะกำลังตื่นเต้นมากแต่โชติก็ยังอดไม่ได้ที่จะแหย่น้องเล็กจอมตื่นเต้นประจำกลุ่ม 

    “คร้าบ คร้าบ....” เสียงจูนรับคำด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้ดูสดใส ร่างสูงโปร่งที่ตอนนี้เปลี่ยนมาใส่ชุดวอร์มลุกขึ้นกระโดดสลับขาอยู่กับที่เบาๆเหมือนจะวอร์มร่างกาย

    “เอาล่ะ ฉากที่ 25 เทค 1” เสียงโชติให้สัญญานเมื่อเห็นเคนเองก็อยู่ในสมาธิเป็นที่เรียบร้อย


   เคนอยู่ในบทบาทของตัวเองหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์โทรศัพท์ของจูน ก่อนยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู ได้ยินเสียงสัญญานโทรศัพท์ก็สูดลมหายใจเข้าลึก ตัวละครของเขาจะต้องกำลังรู้สึกตื่นเต้นและภาวนาให้ปลายสายกดรับโทรศัพท์ มือของเคนเริ่มสั่นเมื่อเขาจินตนาการไปว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายลงมากระทบร่าง

    “ จูน... “ ดวงตาคมสบมองใบหน้าของเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนที่เว้นไว้เพียงช่วงแขนนั้นดูเหมือนไกลกันมาก

    “ทำไม...ทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วย....” จูนเองก็สบตากลับไป บางอย่างในแววตาเจ็บปวดตามบทบาท จูนที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเอตั้งท้องหลังจากเลิกกับเคนได้ไม่นาน เขาควรจะยกโทษให้กับผู้ชายคนนี้ดีไหม ผู้ชายที่รีบกลับมาหาเขาทันทีที่รู้สึกผิด รีบกลับมาหาเขาทันทีเมื่อรู้ว่าในตอนนี้ได้มีอีกชีวิตหนึ่งเกิดขึ้นในร่างกายของเขาแล้ว และทั้งๆที่รู้ว่าเขาอาจจะไม่ยกโทษให้ แต่ก็ยังกลับมาอ้อนวอน ขอร้อง ยอมยืนเปียกอยู่ท่ามกลางสายฝนเป็นชั่วโมง นั่นทำให้เกิดคำถามมากมาย

    “ทำไม..ทำไมต้องทำขนาดนี้ ทำไมต้องกลับมาทำให้ฉันสับสนอีก”เด็กหนุ่มพูดไปตามบท น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นสั่นเครือ
    เคนหลับตาลงฟังเสียงสั่นเครือของจูน ความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมันซึมลึกลงไปข้างในวันนี้นักแสดงร่วมของเขาส่งอารมณ์ได้ดีทีเดียว ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก

    “............เพราะรักไงล่ะ....จูน...เพราะฉันรักนาย....ขอร้องล่ะให้โอกาสฉันเถอะนะ ให้ฉันได้ดูแลนาย..กับลูกของเราเถอะนะ...”


    “เฮ่ย...โชติ...”ในขณะที่สมาชิกอีกสองคนกำลังซ้อมบทจนใกล้จะถึงจุดไคลแมกซ์ของฉาก ยุทธ์ที่นั่งดูอยู่ก็สะกิดโชติเบาๆ

    “อะไรวะ คนกำลังดู....” โชติหันมามองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์นัก

    “เดี๋ยวมีฉากจูบใช่ป่ะ” ว่าพลางยกมือขึ้นมาแตะปากตัวเอง

    “เออ...เป็นฉากที่ไอ้จูนมันวิ่งลงมา บอกรักเคนอ่ะ แล้วก็จะให้จูบกัน” โชติกระซิบกลับ

    “แล้วแกว่า ไอ้เคนมันจะจูบจริงป่ะ ไอ้จูนมันโวยวายใหญ่เลย...แต่กูว่ามันเขิน...ผู้หญิงสวยแม่งก็เขิน ผู้ชายหล่อแม่งก็เขิน มันเขินหมดแบบนี้ มันจะแสดงได้ไงวะ ...” ยุทธ์ว่าเขารู้จักจูนดีว่าเป็นเด็กหนุ่มที่ชอบคนหน้าตาดีอยู่เป็นทุนเดิม แล้วตัวเองก็เป็นเด็กขี้อายอยู่แล้ว พอมาเจออะไรที่ชอบก็จะเขินจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ทุกทีไป

    “กูก็บอกเคนไปแล้ว...ว่าใช้มุมกล้องได้ แต่เห็นมาหัวเราะ เหอๆ ก็ไม่รู้มันเหมือนกัน” โชติว่าพลางเอียงคอ เขาเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่ามนุษย์ที่ไม่เคยบรรจุคำว่า “เขินอาย” ลงไปในพจนานุกรมของตัวเองแบบ เคน นั้นจะทำอย่างไรกับคนที่เขินง่ายแบบจูน

    “ 100 นึงว่าไอ้เคนจูบจริง” ยุทธ์ว่าพลางควักแบงค์ร้อยออกมายื่นให้

   “100 นึงว่าไอ้เคนมันมุมกล้องชัวร์” โชติก็ดึงแบงค์ร้อยมาชูให้อีกฝ่ายดูแต่ก็ยังระวังไม่ให้ทั้งเคนและจูนเห็น ทั้งโชติและยุทธ์ต่างสบตากันเมื่อรู้ว่าความเห็นไม่เหมือนกัน ดูท่าคราวนี้ไม่ใครก็ใครคงจะได้ฤกษ์เสียพนันเป็นแน่ กลับไปทางด้านทั้งสองคนที่กำลังซ้อมบท จูนทำท่าคล้ายกระหืดกระหอบเหมือนเพิ่งวิ่งมาไกล ดวงตากลมสีน้ำเงินสบตาของเคนนิ่ง ก่อนจะโผเข้าใส่ สองมือตบตีลงบนไหล่กว้างจนร่างสูงของเคนจนอีกฝ่ายเซ

   “ไอ้บ้า ไอ้งี่เง่า ไอ้ควาย!!” จูนพูดออกไปตามบท แต่ครั้งนี้อารมณ์ส่งผ่านมาได้เป็นอย่างดี ก่อนสองมือจะเปลี่ยนเป็นโอบร่างของเคนเข้าหา โอบกอดอีกฝ่ายเอาไว้แนบอก ก่อนจะพูดบทของตัวเองออกไป

    “แต่ก็รักนะ....” น่าแปลกเหลือเกินที่ในวันนี้จูนส่งอารมณ์ได้ดีจนเคนรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองจะพองโตจากคำพูดนั้น เขาคิดว่าตัวละครของเขาคงรับรู้ความรู้สึกนั้นได้เป็นแน่ สองมือแกร่งเลื่อนไปจับไหล่ของอีกฝ่ายเอาไว้ จมูกโด่งเผลอซุกเบาๆลงบนเส้นผมสีบลอนด์ทองของอีกฝ่ายสูดกลิ่นหอมอ่อนๆเข้าไปจนเต็มปอดอย่างลืมตัว


    สองไหล่ของจูนกระตุกเกร็งเมื่อมือของเคนยึดไหล่ของเขาเอาไว้แน่น ก่อนจะผละออกเล็กน้อยจูนเหลือบมองสายตาของเคน ดวงตาคมนั้นเป็นประกายเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่แตกต่างจากตัวเคนที่เคยเห็นเหมือนเช่นทุกที


     .........ชิบหายละ พี่เคน อินไปป่ะ.......    

     และยิ่งต้องเกร็งมากขึ้นเมื่อสองมือแกร่งเลื่อนมาจับใบหน้าของเขาเอาไว้มั่นก่อนจะโน้มหน้าลงมาใกล้ จูนมองหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง เขาไม่กล้าแม้แต่จะหลบตาเสียด้วยซ้ำตัวก็เกร็งจนไม่รู้จะเอามือไม้ไปไว้ที่ไหน ตอนนี้คำว่า “การแสดง” มันเด้งกระดอนออกนอกหัวออกไปจนหมดแล้ว


   .....เอาจริงดิ่!?......


    “ร้อยนึงเสร็จกูแน่ไอ้โชติ....”ยุทธ์สะกิดให้โชติดูเคนที่ดูจะอินกับบทจนน่าเหลือเชื่อในขณะที่จูนเกร็งจนตัวแข็งทื่อไปแล้ว

    “สาด อย่าเพิ่งแช่ง เดี๋ยวคอยดูก่อนดิ่...” โชติกระทุ้งศอกเข้าสีข้างของอีกฝ่าย ดวงตาจ้องมองการแสดงของเพื่อนกับรุ่นน้องของตัวเองด้วยใจระทึก ตอนที่เขาเขียนบทมาก็ไม่ได้คิดว่ามันจะต้องมานั่งลุ้นกันตัวเกร็งขนาดนี้

    “...................โอ้ยไม่ไหวแล้ว!!!!” จูนหลบสัมผัสของเคนได้ทันควัน เด็กหนุ่มทรุดตัวลงไปนั่ง สองมือมือยกขึ้นจับด้านข้างลำคอของตัวเอง ปฏิกิริยาของจูนทำให้ทั้งโชติและยุทธ์ที่นั่งลุ้นอยู่ได้หายใจหายคอทั่วท้องกันเสียที

    “อ้าว เฮ้ย จูนเป็นอะไรของแกอีกวะ ...” เคนเองก็ร้องออกมาด้วยความตกใจเหมือนกัน เสียงของจูนทำเอาเขาตื่นจากบทบาทของตัวเองแทบจะในทันที ว่าพลางก็ก้มลงไปเขย่าไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆ ถึงเคนจะมองเห็นหน้าอีกฝ่ายไม่ชัดเพราะจูนหลบหน้าไปอีกด้านแต่ใบหูที่แดงก่ำนั่นบอกให้รู้ได้ชัดเลยว่าอีกฝ่ายคงต้องกำลังหน้าแดงอยู่แน่ๆ  “นี่....แก...เขินพี่เหรอ”

    “เปล๊า ใครว่าผมเขิน!”จูนร้องเสียงสูง โบกมือส่ายหน้าพัลวัน “ผมจะไปเขินพี่ทำไม พี่มีอะไรให้ผมเขินกัน โด่... ผมเปล๊า... ไปเลยๆไม่ต้องสนใจผมหรอกเดี๋ยวผมลุกเอง” ว่าพลางก็โบกมือไล่ให้อีกฝ่ายเดินไปให้พ้นๆ

    “อ้อ...เหรอ” เคนเดินอ้อมไปนั่งลงตรงหน้าของอีกฝ่าย เท้าคางมองอย่างนึกสนุก   “ไม่เขินๆ....” ว่าพลางชี้นิ้วที่แก้มของตัวเองเป็นเชิงให้อีกฝ่ายหันไปสำรวจหน้าของตัวเองในกระจกบ้าง “แต่หน้าแดงโวยวาย แถมเข่าอ่อนยืนไม่ไหวเนี่ยนะ ไอ้โกหกไม่เนียนเอ้ย....”  ถึงจูนจะปฏิเสธแต่เคนดูเหมือนจะไม่เชื่อเช่นนั้นปฏิกิริยาโอเวอร์แอคติ้งซะขนาดนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนที่โดนด่าว่าแสดงได้ห่วยแตกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

    “คัททททททท.....” เสียงโชติตะโกนตัดบท นึกดีใจว่าวันนี้ตัวเองไม่ต้องเสียร้อยนึงไปกับการพนันบ้าๆของตนเองกับยุทธ์

“โอเค ดีมากจูน วันนี้เล่นได้ดี...เคน...วันนี้บทเป๊ะมาก เล่นดีอีกต่างหาก เยี่ยมเลย”

    “ดีจนน่ากลัว ไม่เอาแล้วพี่โชติ...พี่เคนเป็นอะไรปรกติลืมบทตลอด วันนี้แม่นเกินไปป่ะ...เมื่อกี้พี่เคนหน้าโคตรหื่นอ่ะขนยังลุกไม่หายเลย” จูนระล่ำระลักพูดออกมายกสองมือถูกแขนตัวเองไปมา ใบหน้าของเคนที่ดูจริงจังเมื่อครู่ทำเอาเขาลืมบทเลยทีเดียว

    “ช่วยไม่ได้พี่ถนัดวิชาปฏิบัตินี่หว่า ไอ้ตัวแสบโวยวายมากๆ เดี๋ยวพ่อจับจูบจริงขึ้นมาจะหนาวกว่านี้” เคนทำเป็นชี้นิ้วขู่

    “พี่ยุทธ์.....พี่เคนขู่ผมด้วยอ่า....”ได้ทีจูนรีบเดินไปอ้อนหวังว่าจะให้ยุทธ์ช่วย แต่คราวนี้ผลกลับตรงกันข้าม

    “เออ เคนแล้วไมไม่จูบๆไปเลยวะ เอาให้ละลายไปเลย ฮ่ะๆ” หนุ่มร่างเล็กพูดทำเอาจูนถลึงตามองจนตาแทบหลุด

    “อ้าวเฮ้ย พี่ยุทธ์ไหงพูดงั้นอ่ะ”  ยุทธ์ไม่ตอบเขาหันไปมองหน้าโชติอย่างเซ็งๆ

   ....อด ร้อยนึง เพราะแกดันหลบนั่นล่ะวะไอ้จูน.....

    “โอ้ย กูไม่จูบจริงหรอก จูน ถามจริงเหอะก่อนมาไปกินอะไรมาวะ....แหนมเนือง?” เคนทำหน้ายุ่งพลางเกาหัวอันที่จริงเขาไม่อยากจะทำแบบนี้เลยแท้ๆ

    “เฮ้ย พี่เคนรู้ได้ไง” อีกฝ่ายก็ทำหน้าตกใจว่าอีกฝ่ายรู้ได้อย่างไร

    “ไปเชิญคุณเจน ญาณทิพย์มามั้ง....ไอ้บ้า!... แม่งเลี้ยงกระเทียมไว้ในท้องหรือไงวะ หายใจออกมาเป็นกระเทียมเลย คราวหน้าคราวหลังหัดแปรงฟันบ้วนปาก กำจัดสายพันธ์กระเทียมในปากก่อนด้วยนะ ไอ้ปากเหม็น” ไม่พูดเปล่าเดินเข้าไปจับสองแก้มของรุ่นน้องตบซ้ายทีขวาทีเบาๆด้วยนึกหมั่นไส้

    “โอ้ยๆ ก็ใครจะไปรู้เล่าว่าวันนี้จะมีฉากนี้อ่ะ “ จูนเบี่ยงตัวหลบจากการกลั่นแกล้งของเคน รุ่นพี่คนนี้ชอบเล่นแรงๆกับเขาเสมอ บางครั้งก็อยากบอกให้หยุด แต่บอกไปกี่รอบก็เหมือนจะไม่เคยเข้าโสตประสารทเลยสักครั้ง

    “เอ้าๆ พอก่อน ขอเม้นต์ก่อน ...จูน สรุปว่า แกจะเล่นได้ไหมฉากจูบเนี่ย เพราะนอกจากจูบยังต้องมีซบอกเจ้าเคนด้วยนะ พี่จะให้ถอดเสื้อด้วยนะ เข้าใกล้แค่นี้ยังเขินจะเป็นจะตาย เจอของจริงกล้ามแน่นๆซิกซ์แพ็คเด็กพละลงน้ำมันมวยมาด้วยนี่แกจะเล่นได้ไหม” โชติกลับเข้าโหมดจริงจัง และทั้ง ยุทธ์และเคนก็หยุดรอคำตอบจากปากของรุ่นน้อง

    “โอย พี่ มันก็ใช่จะทำใจกันง่ายๆนะ....ผมเขินนี่ ....เพราะพี่เคนนั่นล่ะ ทำหน้าหื่นอ่ะ” ไม่วายยังโทษว่าเหตุเป็นเพราะใบหน้าคมของเคนอยู่ดี

    “อ้าว กูผิดอีกละ ไอ้เด็กนี่....” เคนส่ายหน้าพลางหัวเราะเบาๆ

    “.....งั้นก็ต้องซ้อมจนกว่าจะไม่เขิน เริ่มจากงานอาทิตย์นี้เป็นต้นไป..เอาให้มีบทจูบแม่งทุกรอบเลย” ยุทธ์สรุปเองเสร็จสรรพ

    “หา? ....”จูนอุทาน

   “อืม เอาตามนั้น” ตรงกันข้ามกับเคนที่ดูจะเข้าใจอะไรดีไปเสียทุกอย่าง

    “งั้นก็เอาตามนั้น จูน อาทิตย์นี้แกต้องแสดงด้วย บทเล่นคู่กับเคนเหมือนเดิม จะให้อยู่ใกล้ๆกันจนกว่าจะหายเขินไปข้างนึง” โชติเองก็เห็นดีเห็นงามตามไปอีกคน

    “เดี๋ยวๆๆ...ที่พูดมานี่มีใครถามผมสักคำไหม แล้วพี่เคน นี่ไม่คิดจะประท้วงอะไรเลยเหรอ” จูนว่าพลางหันไปมองหน้าของนักแสดงร่วมของตนเอง รู้สึกได้ชัดเจนว่าตอนนี้ตัวเองกำลังหน้าแดงไม่แน่ว่าเป็นเพราะความเขินอายหรือว่าความหงุดหงิดกันแน่

     “พี่ยังไงก็ได้....แค่จูบ พี่ไม่ถือหรอก” เคนตอบกลับหน้าตาเฉย

    “แต่ผมถือนี่นา!” เด็กหนุ่มแทบแยกเขี้ยวใส่ กับท่าทีแบบนั้น ดูท่าว่าสำนึกเรื่องความเป็นส่วนตัวของเคนนั้นจะต่ำกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก และนั่นมันก็กวนประสาทเขาอยู่ไม่น้อยจูนอดสงสัยไม่ได้ว่าอีกฝ่ายทำไมจะต้องสมัครใจที่จะทำอะไรแบบนั้นต่อหน้าที่สาธารณะขนาดนี้ด้วย

    “สรุปว่าต้นเหตุอยู่ที่เคนมันหล่อไปซิ่นะ...ไหนเคนทำหน้าอุบาทว์ๆสิ..”โชติว่า เคนก็รับคำด้วยการทำหน้าบูดเบี้ยวแลบลิ้นปลิ้นตา... ยุทธ์เดินเข้าไปกระชากหัวของเคนมาพิจารณาซ้ายขวาหน้าบูดเบี้ยวของเคน ยุทธ์ส่ายหัวก่อนผลักหน้าของอีกฝ่ายไปจนได้ยินเสียงดังกร็อบ

    “โอ้ยสาด เจ็บนะเว้ย” เคนร้องประท้วงแต่เหมือนยุทธ์จะไม่ได้ฟังเอาเสียเลย

    “แม่ง...ก็ยังอุตส่าห์มีมุมดูดี” ว่าพลางก็ถอนหายใจ “เรื่องนี้พอเข้าใจ คนมันหน้าตาดีทำยังไงก็หน้าตาดี ฉันก็เคยพยายามทำให้ตัวเองหน้าตาไม่ดีแล้วมันก็ทำได้แค่นี้ล่ะ” ทำท่าทางประหนึ่งชายหนุ่มที่อาภัพโชคชะตาในละครน้ำเน่าเคล้าน้ำตาช่วงหลังข่าว ก่อนที่จะเดินไปค้นอะไรมาจากในตู้ไม่ได้รู้เลยว่าสายตาเพื่อนทั้งสามคนนั้นมองมาด้วยความระอาใจขนาดไหน


    ....หน้าสวยๆอย่างเมิงก็พูดได้สิวะ....


     “แต่ถ้าปัญหามันอยู่ที่หน้าเจ้าเคนนะ ก็ทำแบบนี้ซะก็สิ้นเรื่อง.....” เสียงยุทธ์เอ่ยขึ้นเมื่อเดินกลับมา ก่อนจะโปะแป้งเด็กเข้าไปเต็มหน้าของเคน แถมไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งหลักร่างเล็กล็อคคอเคนลงมาละเลงแป้งลงบนหน้าจนขาวไปหมด
 
   “โว้ย ไอ้ยุทธ์เล่นบ้าอะไรวะ....” กว่าเคนจะดิ้นหลุดออกมาได้ ก็ไม่ทันเสียแล้วใบหน้าคมคายโดนปิดทับด้วยแป้งเสียจนมองไม่ออกว่าอันไหนคิ้วอันไหนตา

    “แบบนี้เขินไหม จูน....” ยุทธ์ว่าพลางดึงแขนของจูนให้เข้าไปยืนใกล้ๆกับเคน ตาประสานตาในระยะที่เรียกว่าเกือบจะหน้าชนกัน

    “......................................”เด็กหนุ่มมองหน้าขาวๆของร่างสูงนิ่ง ก่อนริมฝีปากจะค่อยคลี่เป็นรอยยิ้ม “อึก....อุวะฮ่าๆๆๆๆ “ ก่อนระเบิดหัวเราะออกมาแบบไม่ได้เกรงใจอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย “หน้าขาวอย่างกับผีตกถังแป้งแบบนี้ ฮ่ะๆ....” จูนเหมือนจะอธิบายต่อไม่ได้ได้แต่ยืนหัวร่อจนตัวงออยู่แบบนั้น

    “สรุปว่าไม่เขินแล้วสินะ ....ขอบใจนะไอ้เพื่อนเวร”เคนว่าพลางหันไปตบหัวของยุทธ์เสียดังป้าบ

    “ไม่เป็นไร....กูก็อยากทำแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน” ยุทธ์ว่าพลางยิ้มมุมปากท่าทางยียวนเหมือนทุกที 

    “เอ้อ เคน...รู้จักแป้งงิ้วป่ะ...” โชติมองหน้าขาวโพลนของเคน ก่อนจะตบมือเหมือนจะคิดอะไรได้

    “อืม...เคยได้ยิน ทำไม...จะให้ไปซื้อมาทาหน้า...กลบหน้าหล่อๆของกูใช่ปะ”

    “เออ เอาแบบนั้นล่ะ ขาวแบบเดียวไม่เอานะเว้ย ลงสีด้วยนะ คงฮาดีว่ะ ไม่ซิ คงเข้ากับสันดานแกดี” คำพูดของโชติทำให้เคนต้องหันมามองหน้า

    “ขอบใจ...หวังว่าคงจะเวิร์กนะ ...แล้วไอ้จูน แกช่วยเลิกหัวเราะได้ป่ะ นี่ลงทุนเพราะแกนะเว้ย” เคนถอยหายใจก่อนจะหันไปเห็นจูนยังคงหัวเราะปิดปากพยายามจะกลั้นหัวเราะเสียจนหน้าดำหน้าแดง แต่เมื่อเตือนก็แล้วจูนยังส่ายหน้าดูเหมือนว่าจะหยุดหัวเราะไม่ได้จริงๆ ร่างสูงปรี่เข้าไปหาดึงมือของจูนออกแล้วยื่นหน้าเข้าไปเสียชิด

    “หัวเราะมากๆ เดี๋ยวพ่อจูบจริงให้หัวเราะไม่ออกเลยนี่”

    “................................” ได้ผล จูนเม้มปากสนิทเสียงหัวเราะเงียบลงทันที

    “...หึ....” เคนหัวเราะออกมาเบาๆ “แบบนี้สิเด็กดี....” ก่อนจะตบหัวอีกฝ่ายๆเบาๆ จูนได้แต่มองรุ่นพี่ร่างสูงตาเขียวปัด แต่ในขณะเดียวกันก็หน้าแดงเป็นลูกตำลึง   

    “เอาล่ะ...พอๆ มาซ้อมกันต่อได้แล้ว” โชติหน้าน้อยๆกับการหยอกล้อของเคนกับจูน หลังๆมานี่มันเป็นแบบนี้มาเสมอจนโชติเองก็อดจะสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่าเคนไปติดใจอะไรจูนนักหนาถึงได้แหย่เอาๆในช่วงนี้


................................. to be continued

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ชอบเค้าปะเนี่ยพี่เคน แหน่ะๆๆๆๆ

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
ฮาหนูจูน5555

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
                                                                            - 3 -


                  การซ้อมจบลงเมื่อเวลาล่วงเลยไปจนหัวค่ำ ทั้งสี่คนตั้งใจว่าจะไปกินข้าวด้วยกันเหมือนเคย แต่เพราะอากาศที่ร้อนจัดทั้งๆที่ก็เป็นเดือนพฤศจิกายนเข้าไปแล้วทำให้เหงื่อออกจนแทบจะเป็นน้ำยังมีเศษแป้งเกาะผมเป็นก้อนอยู่บางส่วนเลยขอเดินไปล้างออกก่อน โชติเดินตามไปด้วย
 

                 “เคน....กูถามจริงนะ...สนุกไหม” โชติส่งเสียงไปถามขณะยืนเข้าห้องน้ำอยู่อีกทาง
                 
                “สนุกอะไรวะ...” เคนว่าพลางเงยหน้าขึ้นมามองกระจก เห็นผมพองๆของโชติแล้วก็อดยิ้มไม่ได้
    
                “ก็เห็นแกล้งไอ้จูนตลอดช่วงนี้....เลยถามว่าสนุกเหรอ?”  โชติว่าพลางเดินมาล้างมือที่อ่างล้างหน้า
    
                “อืม... “ เคนรับคำในลำคอเบาๆ “จะว่าสนุกก็สนุกน่ะนะ....” เคนว่าพลางเงยหน้าขึ้นมองกระจก “ก็ดูหน้ามันดิ่ เดี๋ยวโกรธหน้าแดง ตกใจหน้าซีด เห็นมันเงียบๆเลยอยากให้มันโวยวายบ้างน่ะ...อีกอย่างก็จะต้องเล่นบทแบบนี้ด้วยกันด้วยก็เลยอยากจะทำความรู้จักให้คุ้นเคยกว่าเดิมน่ะ” พูดไปก็ยิ้มไปการได้เห็นปฏิกิริยาของจูนต่อทุกคำพูดและการกระทำของเขานั้นมันเป็นเรื่องบันเทิงจริงๆ ส่วนโชติได้แต่หัวเราะแห้งๆ
 
                “เหอๆ.....”
    
              “หัวเราะแบบนั้นทำไม” เคนถามกลับด้วยความสงสัยก่อนจะหรี่ตามองหน้าของโชติอีกรอบและเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่โชติอาจจะกำลังคิด “เฮ้ย...เดี๋ยว เดี๋ยวๆ กูไม่ได้จะคิดกับไอ้จูนมันแบบนั้นนะเว้ย....มึงหยุดคิดเดี๋ยวนี้ไอ้โชติ...” เคนแทบคว้าไหล่ของโชติให้หันมามองหน้าเขาตรงๆแล้วบอกมาด้วยปากว่าจะเลิกความคิดอะไรก็ตามที่ดันผุดขึ้นมาในหัวพองๆนั่น
 
                 “อะไรวะ...ก็มันน่าคิดนี่หว่า ไม่ได้ชอบแต่ก็หยอกมันจัง...ทำเหมือนเด็กประถมไปได้”
     
               “กูก็บอกอยู่นี่ไงว่าทำความคุ้นเคย เพื่อบท สาด....หัวนี่คิดไกลไปไหน” ในใจนึกอยากจะขยี้ผมฟูๆนั่นให้สาแก่ใจ
    
               “งั้นถ้ามึงไม่คิด ก็ระวังไอ้จูนมันคิดนะเว้ย...มันยิ่งชอบคนหล่ออยู่ด้วย” แต่คำพูดของโชติเหมือนยิ่งทำให้เคนไม่พอใจเข้าไปใหญ่
 
                “มึงเลิกคิดไปเลย ถึงไอ้จูนมันจะชอบกรี้ดผู้ชายหน้าตาดีก็เหอะ มันไม่ได้เป็นแบบที่มึงคิดหรอกเว้ย...อย่ามั่วไปแค่นี้ที่คณะมันก็โดนแกล้งโดนล้อจะตายอยู่แล้ว... ถ้ามันไม่ออกปากเองล่ะก็ห้ามคิดเว้ย” เคนว่าพลางยกนิ้วเป็นเชิงห้ามไม่ให้โชติพูดอะไรต่อ “พวกเราก็เห็นว่ามันเป็นน้องไม่ใช่หรือไง...ก็ดูแลมันหน่อยก็แล้วกัน....ถึงส่วนใหญ่จะเป็นมันมาดูแลพวกเราก็เถอะ” เคนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
    
            “โห...พี่.....นอกจากหนังหน้าแล้วเพิ่งเคยได้เห็นว่าหัวใจพี่แม่งโคตรหล่อก็วันเนี้ยะ” โชติทำหน้าอึ้งเขาไม่คิดว่าเคนที่ปรกติแล้วดูเหมือนเป็นคนที่คิดอะไรลึกซึ้งไม่ค่อยเป็นกลับพูดอะไรเท่ๆแบบนี้ เคนยิ้มเขินๆไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะชมแต่ก็รีบเปลี่ยนเรื่อง “ไปดีกว่าเรา....ไอ้พวกนั้นหิ้วท้องรอละ”

              ...........................................................

 
             ทั้งสี่แยกย้ายกันกลับที่พัก เคนขี่มอเตอร์ไซค์คันโตมาส่งจูนที่หอพักเหมือนทุกที จูนก้าวลงจากรถพลางถอดหมวกกันน็อคสีชมพูคิตตี้ให้กับเคนที่ขยับจอดรถให้เข้าที่เดินมายืนตรงหน้าของรุ่นน้อง
 
              “ขอบคุณที่มาส่งครับ” จูนยังคงพูดเพราะกับอีกฝ่าย ทั้งๆที่วันนี้เคนก็แกล้งจูนไปหลายต่อหลายรอบ
    
            “ไม่เป็นไร...” เคนรับหมวกกันน็อคมา เขาทำท่าทีลังเลเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนเรื่อง “แกเองก็น่าจะไปหัดขับรถอะไรบ้างก็ดีนะ”
 
             “ก็ว่าจะหัดอยู่เหมือนกันล่ะ แต่พ่อกับแม่เขาไม่อยากให้ผมขับรถ ตาผมมองตอนกลางคืนไม่ค่อยเห็นน่ะ” พูดพลางทำหน้ายุ่ง “แต่....อ๋อ....ไล่ให้ไปหัดขับรถนี่ พี่เคนจะได้มีเวลาไปรับสาวคิตตี้ใช่ไหมล่า...รู้หรอกนะ” จูนกระเซ้าเรื่องหมวกกันน็อคสีชมพูที่อีกฝ่ายมักติดรถเอาไว้เสมอ
     
           “เออ จะไม่ได้ไปรับสาวคิตตี้ก็เพราะแกนี่ล่ะ....ป่านนี้คงงอนไปสามชาติแปดชาติแล้ว” มือแกร่งดันหน้าของจูนแทบหงาย
    
            “โอ้ย...หนอยแน่!” จูนร้องแต่ก็คว้ามือของอีกฝ่ายเอาไว้
   
            “ผมหึงนะ พูดแบบนี้ต่อหน้าแฟนได้ไง...”  ไม่ใช่เคนคนเดียวหรอกที่นึกจะแหย่เมื่อไรก็แหย่ได้...ริมฝีปากได้รูปหยักเป็นรอยยิ้มน้อยๆ
    
          “หา?แฟน? ” คราวนี้เป็นเคนที่งงเป็นไก่ตาแตก
    
          “ก็เราเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ...เคน” ไม่พูดเปล่าทำเสียงอ่อนเสียงหวาน เหมือนในบทพูดที่ซักซ้อมกันมาไม่มีผิดเพี้ยน ดวงตาสีน้ำเงินเพราะคอนแท็กเลนซ์นั้นเป็นประกาย ยิ่งเมื่อมือเรียวบีบเบาๆลงบนมือแกร่งของเคน
    
         “เอ่อ....เอ่อ.......” เคนอึกอัก บางอย่างในแววตาของอีกฝ่ายทำให้ใจของเขาสั่นไหวอย่างน่าประหลาด จะดึงมือออกหรือก็บังคับมือตัวเองไม่ได้ แต่จะหลบสายตาก็ทำไม่ได้เหมือนกัน ทันใดหัวที่มักบอกว่าคิดอะไรได้ช้าของเคนก็กลับทำงานดีกะทันหันเมื่อนึกถึงเรื่องที่คุยกับโชติไว้เมื่อก่อนหน้านี้ออก 

 
                .....เฮ้ย..... หรือไอ้จูนมันคิดจริงจังวะ........

           “..................ใช่ไหมครับ” จูนช้อนสายตามองตรงกันข้ามกับเคนที่เบิกตาโพลง

           “เอ่อ.....จูน..พี่ไม่ได้ชอบผู้ชายนะ” ในที่สุดก็ตัดสินใจพูดออกไปแบบนั้น ริมฝีปากของเด็กหนุ่มคลี่เป็นรอยยิ้ม ไหล่ทั้งสองข้างสั่นแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
    
         “ฮ่ะๆ... ทีนี้ใครกันล่ะที่เขิน.....”
    
        “ไอ้จูน....นี่แกแกล้งพี่เหรอ” เคนแทบแยกเขี้ยวใส่ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะงัดมุกเก่าตัวเองมาเล่นงานกันแบบนี้ แถมสีหน้าท่าทางการแสดงนั่นทำเอาหลงเชื่อไปชั่วขณะ...ไม่ใช่ว่าเพราะฝีมือดีขึ้นทันควัน แต่เพราะเรื่องที่โชติพูดเอาไว้มากกว่าที่ทำให้เขาหวั่นไหวกว่าปรกติ
    
           “ทีนี้จะได้รู้ไงว่า เวลาผมเขินแล้วพี่หัวเราะอ่ะ มันน่าขายหน้าแค่ไหน.... หน้าแดงเลยนะเมื่อกี้”  ไม่วายยังไปแหย่เคนซ้ำอีก

              “.........................” เคนเหลือบมองท้องฟ้าเล็กน้อยเหมือนจะพยายามยับยั้งความคิดบางอย่างในหัวของตัวเองอันที่จริงเขาอยากจะขอโทษจูนที่วันนี้แกล้งอีกฝ่ายตอนซ้อมมากเกินไปหน่อยแต่จากคำพูดของจูนเมื่อครู่ยิ่งเหมือนมายั่วควายตัวใหญ่ๆด้วยผ้าสีแดง ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่
     
           “โอเค งั้นถ้าเราเป็นแฟนกันนะ...จูน พี่ทำแบบนี้ก็ได้ใช่ไหม” เสียงทุ้มดังเพียงกระซิบเมื่อร่างสูงขยับเข้ามาประชิดรวดเร็วเสียจนจูนตั้งตัวไม่ติดเด็กหนุ่มยกสองมือหมายจะกันแต่ก็ไม่ทันเมื่อมือแกร่งของเคนรวบข้อมือทั้งสองข้างนั่นกดลงแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนรู้แทบรู้สึกได้ถึงลมหายใจของกันและกัน.....


     "................................"


        “อึ๋ยย....” จูนร้องพลางหลับตาแน่น พยายามจะเบี่ยงหน้าหนีไปอีกทาง
    
แม้จะมืดสลัวแต่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงกำลังเขินหน้าดำหน้าแดงอยู่แน่ๆ ยิ่งเห็นแบบนั้นยิ่งนึกอยากแกล้งเข้าไปใหญ่ ดวงตาคมพิจารณาใบหน้าของอีกฝ่ายริมฝีปากได้รูปใต้จมูกโด่งได้รูปนั่นมองใกล้ๆแบบนี้แล้วก็จัดว่าเป็นริมฝีปากที่สวยอยู่ไม่น้อย

          “ที่นี้ใครล่ะที่เขิน.....” เคนกระเซ้าแหย่ทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเขินจนตัวเกร็งและขืนปล่อยไว้อีกหน่อยคงได้เป็นตะคริวกันพอดีจึงคลายมือที่กุมมือของอีกฝ่ายออกช้าๆ แต่ก่อนจะละออกห่างกลับตัดสินใจขยับเข้าไปเพียงเพื่อจะแตะริมฝีปากแผ่วผ่านลงบนหน้าผากของอีกฝ่ายแทน
    
       “เฮ้ย....” จูนขยับออกแทบจะในทันทีใบหน้าแดงก่ำใจเต้นไม่เป็นส่ำ “พี่เคน!!!...” มือหนึ่งก็ยกขึ้นปาดหน้าผากตัวเองยังรู้สึกได้ถึงสัมผัสแผ่วผ่านบนผิวเนื้อ ดวงตาสีน้ำเงินนั้นดูตกใจอยู่ไม่น้อย “อย่ามาแกล้งอะไรพิเรนทร์ๆแบบนี้ดิ่...” 

         “ใครเขาเรียกแกล้ง... นี่เขาเรียกว่า ทำความคุ้นเคยกับบทต่างหาก....” เคนลอยหน้า ก่อนจะหยิบหมวกกัน
น็อคของตัวเองขึ้นมาใส่ยกขาขึ้นคร่อมมอตอร์ไซค์คันใหญ่ของตัวเอง  “แล้วเขาก็เรียกว่า สั่งสอนไอ้ตัวแสบที่ทำตัวต่อหน้าโชติกับยุทธ์ก็อย่างลับหลังก็อย่างอย่างแกต่างหากเล่า ”
      
         “........ “จูนสูดลมหายใจเข้าลึก ไม่แน่ใจว่าความร้อนที่รู้สึกบนใบหน้าตอนนี้นี่เพราะความยัวะ หรือความเขินของตัวเองกันแน่  “วันนี้พี่คงเมาน้ำแตงโม ...ผมว่าพี่รีบๆแว๊นซ์กลับหอไปเลยดีกว่า ....” จูนพูดเสียงแข็งขึ้นมาทันที
 
          “โอ๊ะ เดี๋ยวนี้มีไล่ด้วยนะเมียจ๋า...”
    
       “ใครเมียพี่!!?”  จูนถลึงตาใส่
    
       “แหม่...ก็เราทำกันเสียจนได้ลูกไม่ใช่เหรอ... ในบทน่ะ ในบท” เคนว่าพลางหัวเราะ เสียงหัวเราะดังอู้อี้อยู่ในหมวกกันน็อคอย่างน่าหมั่นไส้
    
       “พี่เคน!!” จูนแทบจะกระโจนเข้าไปหาอีกฝ่าย
    
       “มาเลย....คราวนี้พ่อจะจับจูบให้ปากบวมเลยคอยดู เรื่องจูบพี่ไม่ถือจริงๆนะ ปากแกก็สวยด้วย...คงรู้สึกดีใช่ย่อย...” เคนยกมือกระดิกนิ้วเรียก
    
      “อ่ะ....อ่ะ....” จูนชะงักแทบจะในทันที “ไอ้พี่เคน บ้าไปแล้ว ....ฮึ่ย... ” จนปัญญาจะต่อล้อต่อเถียงจูนชูนิ้วกลางใส่อีกฝ่าย

      “จะไปไหนก็ไปเลยไป ควายแว๊นซ์” พูดแล้วก็เดินกลับเข้าประตูหอพักไปอย่างหัวเสีย เคนได้ยินเสียงบ่นฟังไม่ได้ศัพท์ดังเรื่อยไปจนประตูด้านหน้าของหอพักปิดลง
    
      “ฝันดีน้า....” เคนส่งเสียงตามหลังอีกฝ่ายไปแล้วหัวเราะเมื่อนึกถึงสัมผัสแผ่วผ่านเมื่อครู่ ก่อนจะส่ายหัวเบาๆสองสามที แล้วบิดมอเตอร์ไซค์คันโตของตัวเองออกไปทันที


      .................................................. to be continued

ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
จะฝันดีค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
น่ารักจังแสดงกันจนอินแล้วจะได้รักกันจริงๆใช่ปะ





รออ่านต่อไปครับ

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
อุ๊ตาย.....แสดงดีไปแล้วนะอินเนอร์ล้วนๆ5555

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a


@@@ TALK@@@
 สวัสดีค่า p.k.a ค่า
วันนี้อัพช้าไปหน่อยขออภัยค่ะ พอดีเพิ่งนั่งรถกลับมาจากหัวหิน
ไม่ได้หนีเที่ยวนะคะ พอดีไปทำงานแล้วมันกลับมาถึงช้ากว่าที่คิด แฮ่ะๆ

...........................................................


-4-

    
      หอพักกลางเก่ากลางใหม่มีเพียงเตียงนอนโต๊ะเขียนหนังสือ และตู้เสื้อผ้าอยู่อีกทางคือสถานที่ที่เคนมุ่งหน้ากลับมาถึง เขาวางหมวกกันน็อคทั้งสองใบกับกระเป๋าเป้ของตัวเองลงบนโต๊ะ ดึงเก้าอี้มาทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง วันนี้นอกจากจะปวดหัวกับวิชาภาษาอังกฤษแล้วยังออกแรงไปเยอะกับการซ้อมการแสดงอีก เคนขยับคอไปมาเสียงดังกร็อบเหลือบมองสภาพรอบๆห้องของตัวเอง ขวดกระทิงแดงกลิ้งขลุกอยู่ทางหนึ่ง ถุงขนมเปล่าๆก็โยนทิ้งไม่ลงถังอยู่อีกทางหนึ่ง ไหนจะกระดาษทำรายงานที่เขียนได้แย่เกินกว่าจะนำส่งเมื่อวานก่อน เวทที่เอาไว้ยกออกกำลังกายก็นอนนิ่งอยู่ตรงมุมห้อง
    
     “อาบน้ำนอนดีกว่า...” เคนบิดขี้เกียจไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับสภาพรกๆของห้องตัวเองสักเท่าไร ร่างสูงคว้าผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ต้องรีบเดินกลับออกมาเพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของตัวเองดัง

    “ฮัลโหล...” มือนึงใช้ผ้าขนหนูเช็ดผม มือหนึ่งรับโทรศัพท์
    
“ไม่โทรหาเลยนะ.....” เสียงจากปลายสายนั้นหวานหู

    “นิด...โทรมาดึกจังยังไม่นอนเหรอ” เคนเผลอยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงจากอีกฝ่าย อันที่จริงพอได้ยินถึงนึกขึ้นมาได้ว่าไม่ได้คุยกับ นิด แฟนสาวของตัวเองมาหลาย.....วัน

    “ถ้านอนแล้วจะโทรมาหรือไงคะ นี่ พี่เคนหายไปเลยนะ อย่าบอกนะว่าหนีไปมีกิ๊กที่ไหน นิดไม่ยอมด้วยนะ” อีกฝ่ายทำเสียงขู่

    “โอ้ยๆว่าไปนั่น ไม่กล้าหรอกครับ...แค่ช่วงนี้พี่ยุ่งๆเรื่องซ้อมบทกับพวกที่ชมรมน่ะ...” เคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาหากแต่อ่อนโยนการได้ฟังเสียงของนิดสำหรับเขาแล้วเป็นเหมือนกับการชาร์จพลังงานให้กับตัวเขาเอง

    “ นิดล้อเล่นน่ะ ว่าแต่เมื่อไรนิดจะได้ไปดูพี่เคนแสดงล่ะคะ ไม่เห็นเคยให้นิดไปดูเลยสักครั้ง”

    “อ่า....ก็มันไม่ค่อยสนุกน่ะ พี่กลัวนิดจะเบื่อ” เคนโกหกไปคำโต เพราะรอบก่อนที่เขากับพวกโชติ ยุทธ์ และจูนได้แสดงในที่สาธารณะคือตอนที่เขาต้องแต่งตัวเป็นผู้หญิงใส่ชุดแดงพร้อมกับรองเท้าส้นสูงและชั้นในยัดทรงโตเสียจนน่ากลัวขืนให้นิดเห็นมีหวังว่ามาดนักกีฬาสุดเท่ที่อย่างน้อยก็พยายามคงไว้ให้อีกฝ่ายพอชื่นใจได้บ้างนั้นคงพังไม่เป็นท่าเป็นแน่ หากจะมีใครในโลกนี้ที่พอจะทำให้คนอย่างเคนเขินได้ก็คงจะมีไม่กี่คน คนหนึ่งก็คือนิด แฟนสาวของเขาเอง กับ....จูน...น่าแปลกที่อยู่ๆชื่อและใบหน้าของรุ่นน้องคนนั้นก็ผุดขึ้นมาในห้วงความคิด

     “พี่พูดเหมือนไม่อยากให้นิดดูอย่างนั้นล่ะ...หรือที่ชมรมแอบซ่อนสาวไว้จริงๆ” อาจะเป็นเพราะเคนที่มักจะปฏิเสธไม่ให้นิดไปดูการแสดงของตัวเองหลายต่อหลายรอบก็เป็นได้ที่ทำให้วันนี้ในน้ำเสียงหวานๆนั่นระคนความระแวงระวังอยู่ด้วย
    
   “โอ้ย ไม่มีจริงๆนะ... “เคนตอบพลันในห้วงความคิดก็มีหน้าของใครบางคนโผล่เข้ามาอีกรอบ หนุ่มแว่นที่เขาเพิ่งจะแหย่ไปด้วยวิธีการบ้าๆ

 
    ....ชมรมนี้ไม่มีผู้หญิงหรอก ก็มีแต่ตัวผู้บ้าๆสองตัว.....
    ....กับคนต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง ที่เพิ่งจะจุ๊บเหม่งมันไป.....อีกตัว...


    “สาบานให้ฟ้าผ่าตายเลย....” เคนสาบานว่าเขาไม่มีผู้หญิงคนไหนมาติดพันจริงๆ

    “ไม่ค่อยน่าเชื่อเลยน้า....” เสียงนิดกระเซ้าแหย่กลับมาทำให้เคนต้องถอนหายใจ

    “โอเคๆ....เสาร์นี้ที่ตลาดเปิดท้ายขายของถ้านิดอยากไปดูก็ไปดูได้นะ...พาเพื่อนไปเดินดูของก่อนค่อยแวะมาดูพวกพี่ก็ได้ คงแสดงกันช่วงสองทุ่มน่ะ” อีกฝ่ายคงได้ยินเสียงเคนตกหน้าผากของตัวเองเสียงดังเผี้ยะในที่สุดเขาก็ต้องยอมให้อีกฝ่ายไปดูการแสดงของพวกเขาจนได้

    “ เย...จะได้ดูพี่เคนเล่นละครแล้ว คบกันมาก็มีแต่คนบอกว่าพี่เคนไปเป็นพี่รับน้องเฟรชชี่ ตลกอย่างนั้นฮาแบบนี้ ไม่เคยเห็นเองกับตาสักที ได้ยินแต่เขาเล่ามา รอบนี้ให้ไปดูแล้วนะ”เสียงนิดตอบกลับมาตามสายท่าทางจะตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย

    “ถ้าดูแล้วเจออะไรแปลกๆก็อย่ามองพี่แปลกๆก็แล้วกัน” เคนหัวเราะออกมาเบาๆ

    “พี่เคน.....” อยู่ๆนิดก็เรียกชื่อเขาด้วยเสียงแผ่วเบา

    “หืม?...มีอะไรเหรอ”

    “ถ้าพี่เคนแสดงเสร็จแล้ว เราไปหาอะไรกินกันหน่อยไหมคะ ไม่ได้กินข้าวกับเคนมาหลายวันแล้ว...จนเพื่อนนิดจะหาว่านิดโดนแฟนทิ้งแล้วนะ”

    “ครับๆ แสดงเสร็จแล้วจะไปกินข้าวด้วยนะ” สุดท้ายก็แพ้ลูกอ้อนของอีกฝ่ายจนได้

     “จ้ะ งั้นวันเสาร์จะโทรหานะ...ไม่กวนพี่แล้วล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้นิดมีเรียนเช้า”

    “ฝันดีนะ” เคนบอกราตรีสวัสดิ์กับคนรัก

      ไม่มีถ้อยคำกวนๆ มีเพียงแต่ถ้อยคำอ่อนหวานด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่มีให้กับแฟนสาว นิด เป็นหญิงสาวร่างเล็กหน้าสวยคมแบบสาวไทยจากคณะวิทยาการจัดการ เขาบังเอิญได้คุยกับนิดในคืนหนึ่งที่ออกไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนในเอก บังเอิญว่าในคืนนั้นตอนกำลังจะกลับรถของนิดเสียเขาเลยอาสาเข้าไปช่วยดูเครื่องยนต์ให้จนใช้งานได้ โชคดีที่เพื่อนของเธอคนหนึ่งคงจะจำกลุ่มของเขาได้ว่ามาจากคณะอะไร สองสามวันถัดมาก็เห็นนิดมายืนรออยู่ที่ตึกคณะของเขา พร้อมกับขนมอีกหอบใหญ่บอกว่าอยากจะขอบใจที่ช่วยกลุ่มเธอกับเพื่อนไว้คืนก่อน...และวันนั้นก็เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของทุกอย่างในความสัมพันธ์ของพวกเขา
    

   “เฮ้อ .....” เคนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สองมือขยี้ผมที่ยังคงเปียกชื้นของตัวเองแรงๆ นี่เขาหลุดปากพูดอะไรออกไป เขาเพิ่งจะบอกให้แฟนที่คบกันมาเกือบจะครึ่งปีไปดูเขาแสดงบท...ชายที่รักผู้ชายอีกคนบนเวทีอย่างนั้นหรือ...มันเป็นการตัดสินใจที่ดีหรือไม่นั้นตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจนัก ในเมื่อเขาไม่อาจจะคาดเดาได้เลยว่าบนเวทีจะมีอะไรเกิดขึ้น มันเป็นไปได้เก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเปอร์เซ็นต์เลยว่าจะมีการนอกบท ถ้าไม่จากยุทธ์ ก็จากโชติ หรือบางทีจูนอาจจะเล่นชะงักอะไรขึ้นมาก็ได้...
    
    “ที่สำคัญ กูจะลืมบทม้ายยยยย “

    ...........................................................
    

     วันศุกร์มาเยือนอย่างรวดเร็ว อีกหนึ่งวันก่อนถึงวันแสดงที่งานเปิดท้ายขายของจูนเดินสะพายเป้หน้ามุ่ยมาถึงห้องชมรม
    
     “หวาดดีครับ....” เด็กหนุ่มยานคางคล้ายจะหมดแรง เป็นเพราะจูบที่หน้าผากเมื่อคืนแท้ๆที่ทำเอาเขาใจเต้นไม่เป็นส่ำเสียจนไม่ไหลับไม่ได้นอน ยังดีที่รอบนี้ไม่ได้ตาบวมมากเท่าคราวก่อนยังทำให้พอมีกระจิตกระใจลงอายไลน์เนอร์บางๆตามสไตล์ของตัวเองเซ็ทผมเสียดิบดีไปเรียนได้ อันที่จริงแล้ววันนี้เลิกเรียนเสร็จก็ง่วงมาจนวันนี้ไม่มีอารมณ์จะซ้อม อันที่จริงหากจะให้พูดให้ถูกคือไม่มีอารมณ์อยากจะเจอหน้า นักแสดงร่วมของตัวเองสักเท่าไรนัก

 “ทั้งๆที่คิดว่าจะชอบ...ให้ได้มากกว่านี้แท้ๆ...”

    “ชอบใคร” อยู่ๆก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังทำเอาร่างสูงโปร่งนั้นสะดุ้งเฮือก

    “โอ้ย พี่โชติอ่า ตกใจหมดเลย มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง” จูนยกมือแทบอกหัวใจเขาแทบจะหลุดออกมานอกอก

    “พี่จะมาจะไป ทำไมต้องบอกแกด้วยวะ ...ก็เห็นยืนขวางทาง ว่าแต่ ชอบใคร?...เจ้าเคนเรอะ” โชติได้ทีก็ลองแหย่ส่งๆ ไปอย่างนั้น

    “เฮ้ย จะบ้าเรอะ.... พี่โชติพูดอะไร” จูนปฏิเสธทันควัน

    “ก็เห็นได้ยินแว่วๆ ว่าชอบให้มากกว่านี้....เลยคิดว่าใช่เคนหรือเปล่า เห็นแกก็ชอบหน้ามันอยู่” โชติยิ้มจนเห็นฟันขาว

    “ทำไมพาเข้าเรื่องพี่เคนอีกละ ....”จูนหัวเราะกลบเกลื่อนเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องชมรม วางกระเป๋าก่อนทรุดตัวลงนั่งกับพื้นห้อง เด็กหนุ่มทำหน้ามุ่ย “แต่ก็.....ไม่เชิงว่าจะไม่เกี่ยวอ่ะนะ”

    “หมายความว่าไง.....” โชติขมวดคิ้วกับคำพูดของอีกฝ่ายแล้วเดินเข้าไปนั่งข้างๆ เห็นว่าวันนี้ทั้งยุทธ์และโชติจะมาช้ากว่าปรกติเพราะไปหาซื้ออุปกรณ์มาใช้ในการแสดงวันเสาร์นี้ด้วยกันเลยคิดว่า ถ้านั่งคุยตอนนี้อาจจะเหมาะที่สุด

    “เมื่อวาน....อยู่ๆ พี่เคนเขาก็พูดอะไรแปลกๆ บอกว่า ทำความคุ้นเคยกับบทแล้วก็...”จูนหยุดไม่มั่นใจว่าตัวเองควรจะพูดออกไปดีไหมมือเรียวยกขึ้นแตะหน้าผากของตัวเองเบาๆ “ผมว่าตั้งแต่จะทำหนังสั้นกันนี่ พี่เคนชอบแกล้งผมแปลกๆ...พี่โชติไปบอกอะไรพี่เคนเขาหรือเปล่าอ่ะ” จูนหันไปมองหน้าโชติ บางทีในฐานะผู้กำกับ คนเขียนบทหรืออะไรก็ตามโชติอาจไปแนะนำอะไรเคนก็เป็นได้

    “อ้าว เฮ้ย มาโยนอะไรแบบนี้วะ จะให้พี่ไปบอกอะไรมันวะ....”

    “....” จูนหรี่ตามองอย่างระแวงสงสัย

    “ไม่ต้องมองเลยเมิง ทำไมถามงี้อ่ะ”

    “ก็นึกว่าไปยุอะไรแบบที่พวก ผู้กำกับเขาทำกันน่ะ พี่เคนนะ ถึงจะหน้าตาดีแต่ก็ดีแต่บ้าพลัง สมองเท่าถั่วคิดอะไรไม่ค่อยออก ใครบอกอะไรมาก็ทำเลย... “ จูนเบะปากพฤติกรรมแบบนี้ เขาจะ “แสดง” ออกไปว่าชอบ ว่ารักอีกฝ่ายได้ยังไงกัน

    “ได้ยินนะเว้ย ว่าใครสมองเท่าถั่ว หะ ไอ้ตัวดี” เสียงทุ้มของเคนดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาในห้องหอบของพะรุงพะรัง

    “เมิงก็ได้ยินน้องมันพูดอยู่เต็มสองหู มันก็ด่าเมิงนั่นล่ะ สมองถั่ว” ยุทธ์เดินหัวเราะอย่างน่าหมั่นไส้ตามมา พร้อมกับถุงขนมหอบใหญ่ “ก็ว่ามันก็ถูกของมันนะ สมองถั่ว ตัวเท่าควาย”

    “ไอ้ยุทธ์ เมิงอย่าเสี้ยม...นี่เรื่องผัวเมียเขาจะคุยกัน” เคนหันไปชี้หน้าของยุทธ์พลางหันมามองหน้าของจูนแล้วยักคิ้วให้

    “พี่เคน! ...” จูนร้องหน้าแดงควันแทบออกหู เขาไม่อยากได้ยินคำว่า “ผัวเมีย” อะไรนั่นเลยมันทำให้รู้สึกจักกระจี้จนทำตัวไม่ถูกโดยเฉพาะจากปากของอีกฝ่ายยิ่งแล้วใหญ่  “เลิกใช้คำนี้ได้ไหมอ่ะ รับไม่ได้จริงๆว่ะครับ” ว่าพลางก็โบกมือพลางเบือนหน้าหนี

    “เขินอะไรอีกล่ะ จะพูดให้ฟังทั้งวันเลยก็แล้วกัน จริงไหม เมียจ๋า เมียจ๋า เมีย.....”


    ผั่วะ!!


     ลูกฟุตบอลที่เคยใช้เป็นอุปกรณ์การแสดงที่มักจะกลิ้งขลุกอยู่แถวนั้นกระแทกเข้าเต็มเป้าของเคน ทำเอาความเกรียนกระเด็นกระดอนหายไปเหลือแต่เพียงความเจ็บตรงกล่องดวงใจกับฝ้าเพดานที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวกับสีเหลือง ร่างสูงทรุดลงหุบปากเงียบทันตาเห็น

    “ไอ้....ไอ้...จูนน....แก.....จะฆ่ากันรึไงฟระ”

    “โอ๊ะ ขอโทษครับ ขว้างไปส่งๆไม่ทันมอง....เจ็บไหมนั่น ” ถึงจะถามแต่น้ำเสียงไม่ได้มีความเป็นห่วงเป็นใยเลยแม้แต่น้อย จูนกลับยิ้มที่มุมปากอย่างสะใจ

    “ถามมาได้ ....ไว้ลองโดนเองไหมเล่า ไม่ต้องเอาอะไรขว้างหรอกกูจะบีบให้แตกคามือเอง” ร่างสูงยันตัวลุกขึ้นจะกระโจนเข้าไปตระครุบร่างของจูนทันที ทำเอาโชติกระเด้งออกเพราะกลัวโดนลูกหลงแทบจะไม่ทัน

    “เฮ้ย พี่เคนปล่อย...ไม่เล่น ...” จูนร้องลั่นเมื่ออยู่ๆอีกฝ่ายกระโจนเข้ามาใส่ แถมสองมือแกร่งคว้ามือของเขารวบไว้เสียงอีก เด็กหนุ่มพยายามดิ้น เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะจับเป้าเขาบีบให้แตกคามืออย่างปากว่าจริงๆ

    “ตายแน่ไอ้จูน” เคนทำเสียงเหี้ยมริมฝีปากหยักเป็นรอยยิ้มอย่างนึกสนุก

    “ไม่...ปล่อยนะเว้ย!!” เมื่อเห็นแววตาแล้วดูท่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ล้อเล่นแน่ จูนร้องลั่นสองขาทั้งดิ้นทั้งพยายามจะเตะแต่ก็ไม่เป็นผลอีกฝ่ายทั้งตัวใหญ่ทั้งแรงเยอะอย่างกับควาย  แต่ดูเหมือนว่าเคนจะไม่ฟัง มือข้างที่ว่างเลื่อนลงไปหมายจะเกะหัวเข็มขัดของจูนออก ดูท่าไม่ได้เคนคิดจะ “บีบให้แตก”คามือ จากนอกกางเกงเป็นแน่แท้

    “พี่ยุทธ์ พี่โชติช่วยด้วววววย....” ความกลัววิ่งเข้ามาจับใจ ร่างของจูนสั่นสะท้าน เด็กหนุ่มร้องลั่น

    “เฮ้ย เคนพอเหอะ....” โชติเข้าไปจะช่วยห้ามทั้งที่ตัวเองก็ยังขำเสียงร้องโหยหวนของจูนอยู่

    “เคน พอได้แล้ว อย่าไปแกล้งมัน”

     “หยุดไมอ่ะ กูจะเอาคืนไอ้ตัวแสบสักหน่อย” ร่างสูงใหญ่ของหนุ่มพละว่าพลางสะบัดมือของโชติออก

    “ไม่เอา!!!  “ จูนร้องออกมาด้วยความหวาดหวั่น ยิ่งได้ยินแบบนั้นยิ่งต้องรีบดิ้นเมื่ออีกฝ่ายเลิกเสื้อเขาขึ้นมาจนเห็นหน้าท้องขาว

    “ไอ้เคน พอแล้ว กูบอกให้พอไง” เห็นรุ่นน้องร้องด้วยความกลัวแบบนั้นยุทธ์เข้าต้องรีบมาช่วยเสริมอีกแรงพลางดึงแขนของเคนขึ้นพอให้คลายมือที่รวบมือของจูนออก และไวเท่าความคิดกำปั้นของจูนที่หลุดจากการเกาะกุมนั้นกระแทกเข้าปลายคางของเคนเข้าอย่างจัง แรงนั้นมากพอที่จะหยุดทุกการกระทำของเคนลงได้ในทันที

    “บอกให้ปล่อยไงเล่า ไม่สนุกด้วยนะเว้ย !!” เด็กหนุ่มตวาดลั่น ช่วงขายาวยันตัวของเคนออกร่างสูงโปร่ง รีบผุดลุกขึ้นทันที เสื้อผ้ายับยู่ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดวงตาสีน้ำเงินจ้องมองกลับมาอย่างโกรธเกรี้ยว เด็กหนุ่มยืนสูดลมหายใจเข้าลึก รุ่นพี่ทั้งสามคนมองหน้าของเด็กหนุ่มนิ่งไม่กล้าแม้แต่จะปริปาก จนเห็นร่างเพรียวขยับ จูนเดินกลับมาคว้ากระเป๋าเป้

    “................ .. “ เขาหันกลับมามองหน้าของเคนด้วยแววตานิ่งไม่ได้บ่งบอกอารมณ์อะไรมากนัก ยกมือขยับแว่นของตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะหันไปหาโชติ และ ยุทธ์ “พี่โชติ พี่ยุทธ์ ....ผมกลับนะครับ” ว่าพลางก็ยกมือไหว้ ก่อนจะหันหลังให้เดินออกจากห้องชมรมไปทันที...

   “อ้าวเฮ้ย.....ไอ้จูน....ไอ้จูน...เดี๋ยวซิ่เว้ย” ยุทธ์ร้องเรียกแต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ยินเสียงแล้ว ร่างเล็กรีบวิ่งตามรุ่นน้องไปทันที แต่ในจังหวะเดียวกันนั้นก็เห็น ร่างสูงของเคนขยับเหมือนกัน “มึงอยู่นิ่งๆเลย.....ตามไปตอนนี้ ไอ้จูนได้สอยนักมวยร่วงแน่” ยุทธ์หันกลับมาชี้บอกให้อีกฝ่ายหยุด

    “อ่ะ...เอ้อ.....เออ....เอางั้นก็ได้”  เคนดูรับคำทันควัน อันที่จริงเขาเองก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน เขายังมึนงงกับแรงกระแทกเมื่อครู่ไม่หาย น้ำหนักหมัดของจูนนั้นไม่ใช่น้อยๆเลย....

    “เฮ้ย โชติ.......” เคนเรียกชื่อเพื่อนอีกคนที่ดูเหมือนจะยังอึ้งกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ เขาก็แค่ต้องการจะแหย่....ไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะ... 

    “อะไร....”

    “แบบนี้นี่เขาเรียก...โกรธของขึ้นใช่ปะ”

    “เออดิ่ ไอ้สมองถั่ว...เมื่อวานเพิ่งชมว่าใจมึงหล่ออยู่เลย...วันนี้แกล้งซะมันโกรธ” โชติเดินมายืนตรงหน้าของเคนพลางส่ายหัวกับพฤติกรรมของอีกฝ่าย โชติมองหน้าของเคนอย่างเอือมระอา “ทำอะไรคิดบ้างดิ ไม่ใช่ทุกคนที่อยากถอดโชว์ หรือ ยอมให้คนจับได้แบบมึงนะเว้ย”

    “...........................กูขอโทษ” เคนถึงกับคอตกรู้สึกเหมือนกำลังโดนโชติดุแต่ไม่สามารถโต้เถียงอะไรได้เนื่องจากการกระทำของเขานั้นมันก็ผิดจริงดังว่า

    “ไอ้โง่....” โชติแทบต้องเขย่งเพื่อตบหัวของอีกฝ่าย

    “โอ้ย เจ็บนะเว้ย...สาด”

    “มึงจะมาขอโทษกูหาพระแสงเหรอ ไปขอโทษไอ้จูนโน่น...” โชติว่าพยักเพยิดไปทางประตู

    “แต่ไอ้ยุทธ์มันไม่ให้.....”    เคนยังไม่ทันจะพูดจบประตูห้องชมรมก็เปิดออก พร้อมกับร่างสูงโปร่งของรุ่นน้องผมสีบลอนด์ทองกับยุทธ์ที่ดึงแขนอีกฝ่ายให้เดินกลับเข้ามานานใน
    
“พี่โชติ ขอโทษครับที่ผมเดินออกไปแบบนั้น.....” จูนว่าพลางยกมือไหว้ขอโทษ “เรา...ซ้อมกันเถอะฮะ...” เด็กหนุ่มพูดออกมาเบาๆ ไม่ได้หันไปมองหน้าของเคนเลยแม้แต่น้อย “รีบซ้อมกันดีกว่า จะได้รีบกลับ...”

    “เอ้อ...ซ้อมก็ซ้อม...”โชติเองก็รับคำอย่างงงๆ เขาไม่รู้ว่ายุทธ์ไปพูดอะไรอีกฝ่ายถึงยอมเดินกลับมา แต่ดูท่าวันนี้คงต้องรีบซ้อมรีบกลับอย่างจูนว่า ไม่งั้นคงได้มีเรื่องอะไรอีกแน่


..............................................to be continued

ออฟไลน์ shiawase

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
น้องจูนของขึ้น!!!!  ไอ้พี่เคนนี่ก็สมองถั่วจริงจังความรู้สึกก็ช้า  น่าจับโขกฝาพนัง

แต่น้องจูนคะ ความรับผิดชอบหนูยิ่งใหญ่ระดับโลกเลย..
??
แบบนี้น้องจูนจะรักพี่เคนได้แค่ไหนน้อออออ  หรือตอนนี้ก็รักไปซะแล้ว

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
อินกับบทชัวร์ กว่าจะแสดงจริงคงรู้ใจตัวเองเนอะ

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@Talk@@@
 p.k.a ค่า
อัพวันเดียวสองตอน  :katai4:
เก่งไหมล่ะคะ  :katai2-1:

.......................................


- 5 -

ตลอดการซ้อมจูนแทบไม่พูดกับเคนเกินเลยกว่าที่เขียนไว้ในบทเลย และไม่ยอมให้เคนแตะตัวอีกด้วย เด็กหนุ่มผมสีทองจะขยับตัวออกห่างเสมอ

    “เดี๋ยวถึงวันจริง ค่อยเล่นจริง” เป็นคำพูดที่ใช้เป็นข้ออ้าง เคนเองก็เหมือนจะหงุดหงิด อันที่จริงเขาก็รู้สึกผิด แต่จูนที่ทำตัวแบบนี้มันน่าหงุดหงิดเสียยิ่งกว่า


              ....อะไรจะโกรธจริงขนาดนี้วะ....


          ถึงอยากจะเอ่ยปากบอกคำว่า ขอโทษ เพราะการกลั่นแกล้งแบบเด็กๆของตัวเอง แต่จูนก็ไม่เปิดจังหวะให้เขาได้เอ่ยปากพูดจนกระทั่งซ้อมเสร็จ ทุกคนเก็บของเรียบร้อย เตรียมตัวเดินทางกลับ เคนรีบเดินตรงเข้าไปหาจูนที่กำลังจะปิดห้องชมรมทันที

          “เฮ้ย จูน กลับด้วยกันป่ะ”  ว่าพลางก็ยื่นหมวกกันน็อคสีชมพูหวานคิตตี้ให้กับอีกฝ่าย แต่จูนกลับหันมามองหน้าของเขาสลับกับหมวกกันน็อคสีหวานนิ่ง
    
        “ไม่ล่ะครับ วันนี้ผมจะกลับพร้อมพี่ยุทธ์” เด็กหนุ่มตอบกลับ สีหน้าเรียบเฉยจนน่าหงุดหงิด
    
        “บ้านไอ้ยุทธ์มันอยู่คนละทิศกับหอแกนะ....”
    
       “ผมรู้แต่วันนี้ว่าจะไปนอนบ้านพี่ยุทธ์...พี่ไม่ต้องไปส่งผมก็ได้ ...ผม...กลับล่ะ” จูนพูดพลางเดินเบี่ยงตัวจะหลบในเมื่ออีกฝ่ายมายืนจังก้าขวางทางกันแบบนี้
    
      “เฮ้ย จูน เดี๋ยวดิ่...”มือแกร่งคว้าแขนของอีกฝ่ายเอาไว้แต่เด็กหนุ่มกลับสะบัดแขนออกทันที
    
      “.................”   ดวงตาที่ใส่คอนแทคเลนส์สีน้ำเงินนั้นมองกลับมาด้วยความตกใจ เคนเห็นแบบนั้นทำให้ต้องรีบปล่อยมือออกก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นทันที
    
      “ไม่ได้จะทำอะไรนะเว้ย....ก็แค่อยากคุยด้วย”  จูนมองหน้าของอีกฝ่ายอย่างพิจารณา ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเล็กน้อย
    
      “....ผมต้องรีบไปแล้ว พี่ยุทธ์รออยู่” เด็กหนุ่มหลบสายตาก่อนจะเบี่ยงตัวเดินหลบไปอีกทาง ทิ้งให้เคนยืนมองตามหลัง ร่างสูงถอนหายใจออกมาเบาๆ ยกมือเกาหัวแกรก...

 
             ....แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้....
 

    .....................................................................


   
            ทั้งที่เหลือเวลาอีกไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็จะถึงวันที่จะต้องแสดงด้วยกัน แถมนักแสดงคู่กลับไม่ให้ความร่วมมือกับการต่อบทแต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เคนหงุดหงิดได้มากเท่ากับการที่เขารู้สึกว่าต้องขอโทษทั้งที่อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะเปิดโอกาสให้คุย ทั้งๆที่เขาก็รอจะคุยที่ชมรมเมื่อวานก็แล้ว จูนยังคงเกาะหนึบอยู่กับยุทธ์จนน่าหมั่นไส้    
 
           “เดี๋ยวผมจะไปเตะบอลกับพี่ยุทธ์”

        เคนทำเสียงล้อเลียนพลางเบะปากเมื่อนึกถึงคำพูดของจูนเมื่อวาน คนที่เล่นกีฬาจริงๆจังๆในกลุ่มก็มีแค่เขากับยุทธ์ คนอย่างจูนอย่างมากก็ออกกำลังกายเล็กๆน้อยๆ ไม่เคยเห็นจะไปเตะบอลเป็นจริงเป็นจังกับใครเขาสักที บ่อยครั้งที่เห็นนั่งอ่านหนังสือฟังเพลงรอระหว่างที่พวกเขาเตะบอลอยู่ที่ข้างสนามเท่านั้น  มือแกร่งขยับนิ้วเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นลงชั่งใจว่าควรจะกดโทรออกดีหรือไม่

           “จะโทรไปรึ.....มันก็ไม่ใช่เรื่องจะพูดกันได้ง่ายๆ....” แต่สุดท้ายแล้วก็โยนโทรศัพท์มือถือไปอีกทาง “ช่างแม่งวะ....จะให้ไปตามง้อตลอดก็ไม่ใช่...”  เคนว่าพลางยืดแขนขาบิดขี้เกียจล้มตัวลงนอนไปทั้งๆแบบนั้น



................................................


            และแล้ววันเสาร์ก็มาถึง เคนตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวตุบๆ ดูเหมือนว่าคืนนี้จะมีหลายเรื่องให้เขาเผชิญ ไหนจะการแสดง ไหนจะนักแสดงร่วม ไหนจะเตรียมตัวก่อนแสดง....และแล้วก็นึกขึ้นมาได้ทันทีที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู มีข้อความเข้าปรากฏหลาอยู่ที่หน้าจอ

               “วันนี้จะไปดูพี่เคนแสดงนะ”


             เป็นข้อความจากนิดที่ถูกส่งเข้ามือถือ ยิ่งทำให้รู้สึกกดดันมากขึ้นไปอีก....

       
          “วันนี้จะมีอะไรได้ดั่งใจสักเรื่องไหมเนี่ย”


             ตลาดเปิดท้ายขายของของที่มหาวิทยาลัย เป็นตลาดนัดเปิดท้ายขายของขนาดใหญ่ที่จะจัดทุกสิ้นเดือน มีของขายมากมายหลายประเภทจนเรียกได้ว่าตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ แค่ใช้เวลาเดินไปจากหัวตลาดไปท้ายตลาดต่อให้ไม่ได้แวะดูของอะไรก็ยังต้องเดินเกือบครึ่งชั่วโมง ไม่ต้องพูดถึงเลยหากจะแวะดูแวะลองแวะซื้อของอีกก็คงจะใช้เวลานานกว่านั้นอยู่ไม่น้อย และเพราะจำนวนนักศึกษา ทั้งประชาชนทั่วไปที่จะมาเดินจำจ่ายซื้อของกันตลาดเปิดท้ายขายของนั้นก็ไม่ต่างอะไรไปจากสถานที่ชั้นเยี่ยมในการประชาสัมพันธ์สินค้า การแสดงต่างๆของแต่ละชมรม สาขา คณะ และของมหาวิทยาลัยเอง ในแต่ละเดือนจะมีการเปิดการแสดงบนเวทีแทบจะเรียกได้ว่าทุกรูปแบบ ทั้งการแสดงพื้นบ้าน วงดนตรีหลากหลายแนว ทั้งจากในและนอกมหาวิทยาลัยที่เรียกความสนใจให้ผู้คนเข้ามาชมได้อย่างต่อเนื่อง
       
          บทบาทที่กลุ่มของโชติ ยุทธ์  จูน และเคนจะแสดงให้กับชมรมดนตรีนั้นเป็นการแสดงที่มีคนตามดูอยู่ไม่น้อย พวกเขามักจะมีบทละครสั้นๆที่ต่อเนื่องกับเนื้อหาและชื่อของเพลงมาแสดงให้ผู้ชมได้ดูกันคั่นเวลาในแต่ละเพลง จุดดึงดูดของกลุ่มก็คงเป็นนักแสดงทั้งสี่คนที่เป็นชายล้วนหน้าตาดีกับการแสดงแบบโอเวอร์แอคติ้งสุดกู่ ในเนื้อเรื่องเป็นแนวหวานใสโรแมนติดปนดราม่าเล็กน้อยตามสไตล์ของโชติ และอาจจะเป็นเพราะสมาชิกทุกคนเป็นชายล้วนนี่เองที่ทำให้ต้องอธิบายแนวทางการแสดงของพวกเขาอยู่เสมอ....

    
   
            “เพราะในกลุ่มไม่มีผู้หญิง พวกเราเลยจำเป็นต้องแสดงเป็นผู้ชายที่รักกับผู้ชาย หรือ แต่งหญิงกันบ้างในบางครั้ง ไม่ได้มีเจตนาล้อเลียนคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด และพวกเราก็ยังยืนยันว่าเราไม่ได้มีรสนิยมรักษ์ไม้ป่าเดียวกันนะครับสาวๆ.....สนใจเบอร์ของยุทธ์ติดต่อได้ที่เบอร์.....”

          แต่ก็เป็นทุกครั้งที่ยุทธ์ออกไปเตรียมจะแจกเบอร์ก็จะเจอโชติ หรือ จูนเข้าไปกระโดดแย่งไมค์ไปพูดต่อเสียทุกที....แต่ถึงกระนั้นแล้วก็มีคนเข้าใจผิดและต่อว่ากลุ่มของพวกเขาอยู่เรื่อยๆ ทำให้ก่อนขึ้นแสดงแต่ละครั้ง กลุ่มผู้ชายสี่คนจะนั่งเครียดกันอยู่ที่หลังเวที หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการแสดงของพวกเขาจะทำให้คนดูหลายคนยิ้มได้บ้างไม่มากก็น้อย...
 

            “จูน...เดี๋ยวฉันเซ็ทผมเองก็ได้ แกไปช่วยไอ้เคนมันลงแป้งไป เงอะงะงุ่นง่านอยู่โน่นเดี๋ยวก็ไม่ทันกินกันพอดี” ยุทธ์บุ้ยปากไปทางเคนที่กำลังนั่งค่อยๆบีบแป้งงิ้ววออกจากหลอด ถึงจะให้ทางร้านที่ชายช่วยสอนช่วยซ้อมทามาก่อนหน้านี้แล้วแต่ก็ยังเกร็งๆอยู่ดี จูนเบ้ปากเมื่อหันไปมองเห็นท่าทางเงอะงะของรุ่นพี่ร่างใหญ่ เขายังไม่มีอารมณ์อยากจะเสวนาอะไรกับบุคคลที่เพิ่งจะถูกเอ่ยถึงนัก
    
        “แต่ผมอยากช่วยพี่ยุทธ์แต่งหน้านี่นา .... ผมเขียนอายไลน์เนอร์ให้พี่นะ ตาพี่สวยดี ....”จูนพูดออกไปตรงๆ เขาไม่เคยปกปิดกับความชื่นชอบ “คนหน้าตาดี” ของตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งกับยุทธ์คงเป็น “คนหน้าตาดี”ไม่กี่คนที่เขามองหน้า เข้าใกล้ และพูดคุยด้วยได้โดยที่ไม่เคอะเขินเท่าไร
    
       “เออ...แกนี่ก็แปลก ทีอยู่กับฉันไม่เห็นเขินอายม้วนต้วนแบบตอนอยู่ใกล้เจ้าเคนวะ... เนี่ย... หน้าน่ะไม่ต้องใกล้มากก็ได้ จะจูบปากกันอยู่แล้ว” ไม่พูดเปล่ายุทธ์ใช้ปลายนิ้วจิ้มหน้าผากของจูนดันไปจนหน้าแทบหงาย แต่น่าแปลกที่จูนไม่ได้แสดงท่าทีโกรธไม่พอใจ เด็กหนุ่มยิ้ม
 
           “ถ้ากับพี่ยุทธ์ผมไม่ถือก็ได้นะ....” เด็กหนุ่มว่าฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายกำลังอึ้งกับคำพูดของตัวเองขโมยหอมแก้มอีกฝ่ายเบาๆแล้วถอยออกมา “เห็นไหม” จูนถามพลางยิ้มเสียจนตาหยี ยุทธ์หัวเราะเบาๆในลำคอจะเบือนหน้าหนีก็ไม่ได้เพราะจูนเองก็ยังจับหน้าเขาเอาไว้นิ่งๆเนื่องจากกำลังเขียนอายไลน์เนอร์ให้อยู่
    
          “เด็กเปรต เดี๋ยวนี้หัดฉวยโอกาสด้วยเรอะ....รอให้แต่งตัวเสร็จก่อนเหอะ พ่อจะเอาคืนให้เข็ดเลย”
    
         “ก็หน้าพี่ยุทธ์มองใกล้ๆแบบนี้มันทั้งหล่อทั้งน่ารักนี่ครับ...ผมอิจฉาคนหน้าตาดีนี่ เกิดมาแบบนี้ไม่ได้ก็ต้องขอชิมขอหอมหน่อยจะเป็นไรไปเน้อ....พี่โชติว่าไหม” เด็กหนุ่มยิ้มเสียจนตาหยีพลางหันไปหาความเห็นจากโชติที่กำลังคุยเรื่องคิวอยู่กับสมาชิกจากชมรมดนตรีอยู่อีกทาง
    
         “เอ้อ เอาเข้าไปไอ้พวกนี้....อย่ามาจับกดกันหลังเวทีนะเว้ย อยากทำอะไรก็ไปทำให้คนเขาดูโน่น อย่างน้อยคนเขาก็จะได้ดูด้วย” โชติพูดไปพลางหัวเราะไปพลางก่อนจะเตือนจูนอีกระลอก “จูน เลิกเล่นแล้วไปช่วยเจ้าเคนมันด้วย...เมื่อไรจะทาเสร็จก็ไม่รู้นั่น...” โชติย้ำเป็นรอบที่สอง เขารู้ว่าจูนคงยังไม่พอใจเคนกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อน แต่ในเมื่อจะต้องอยู่ชมรมด้วยกันต่อไปมันก็คงต้องอาศัยตัวช่วยหน่อยในการให้....พอจะพูดจากันได้ดียิ่งขึ้น
    
         “คร้าบ....” ถึงไม่ค่อยอยากจะเข้าไปใกล้บุคคลที่เพิ่งถูกเอ่ยถึงนักแต่ถ้าโชติกับยุทธ์ออกปาก รุ่นน้องแสนดีอย่างจูนก็ไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธ ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อกระโปรงยาวสีชมพูลายจุดสีขาวเดินไปหาเคนที่กำลังพยายามทาหน้าด้วยแป้งงิ้ว
    
          “ผมช่วย....” เด็กหนุ่มว่าพลางยื่นมือออกไปขอให้อีกฝ่ายส่งอุปกรณ์ที่ถืออยู่อย่างงกๆเงิ่นๆในมือมาให้
           
          “อ้าว..แล้วไม่ต้องไปแต่งหน้าเจ้ายุทธ์มันแล้วหรือไง” เคนหันกลับมาถามใบหน้าคมที่เพิ่งจะทาจนขาวไปได้แค่ครึ่งหน้านั้นดูน่าขันอย่างบอกไม่ถูก  จูนยกมือปิดปากพยายามที่จะไม่ขำออกมา
           
          “....ก็พี่เขาไล่ให้มาช่วย....” จูนตอบสั้นๆก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งลงตรงหน้าของอีกฝ่าย “เอ้า หลับตาสิครับ จะได้ทาแป้งให้....” จูนบอกเมื่อหันมาแล้วยังเห็นอีกฝ่ายยังมองหน้าเขาอยู่แบบนั้น
           
          “เออๆ หลับตาๆ “ เคนว่าก่อนจะหลับตาให้อีกฝ่ายลงแป้งลงบนใบหน้าของตัวเอง

         
            สัมผัสจากปลายนิ้วที่อีกฝ่ายค่อยๆแตะสีจากหลอดมาลงบนหน้าของเขาอย่างแผ่วเบานั้นทำให้รู้สึกดีอยู่ไม่น้อย เคนได้ยินเสียงอีกฝ่ายผ่อนลมหายใจเบาๆ ลมหายใจเป็นจังหวะ ถึงจะมีเสียงอึกทึกจากเวทีที่อยู่ด้านหน้า แต่ก็น่าแปลกที่ในตอนนี้การหลับตาแล้วให้ใครสักคนค่อยๆแตะปลายนิ้วลงบนใบหน้านั้นมันทำให้รู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก...จนแทบจะลืมความกลัดกลุ้มที่มีต่ออีกฝ่ายไปเลยทีเดียว
    
           
           “มือเบาเหมือนกันนะเรา....ไปหัดมาจากไหนเนี่ย “   
    
           “เพื่อนผมเป็นพวกแต่งตัวเลียนแบบการ์ตูนน่ะ ก็ไปนั่งดูมันแต่งตัวแต่งหน้า นานๆเข้าก็เลยช่วยมันแต่งด้วยมันก็สอนเลยพอทำได้บ้างน่ะ” เด็กหนุ่มตอบแบบไร้อารมณ์
    
          “เหรอ...น่าสนุกดีนะ...ว่าพลางก็ทำท่าจะลืมตามองหน้าคู่สนทนาแต่จูนจุปากเป็นเชิงห้าม
            
          “อย่าเพิ่งขยับสิ....”
            
          “ก็ยังไม่ทันขยับเลย....” เคนเถียงทันควัน ลืมตาขึ้นมาเจอดวงตาสีน้ำเงินของอีกฝ่ายจ้องเขม็งกลับมา
            
          “งั้น ก็หุบปาก” จูนสั่ง ทำเอาเคนขมวดคิ้วเข้าหากันทันที
           
          “เดี๋ยวนี้สั่งพี่?...”  จูนไม่ตอบแต่ยกตลับสีแดงกับสีดำพร้อมพู่กันขึ้นมา
            
          “ผมจะลงลายให้ เอาไหม หรือพี่จะทำเอง” พูดแล้วก็ทำท่าจะยัดตลับสีแดง กับสีดำพร้อมกับพู่กันใส่มือของเคนจริงๆ ท่าทางไม่พอใจแบบนั้นทำให้เคนยิ่งมวดคิ้วเข้าหากัน มือแกร่งคว้ามือของจูนเอาไว้แน่น
           
          “เดี๋ยวซิ่ แหม่ พ่อแสนงอน...จะมางอนผัวอะไรเอาวันนี้ล่ะ เมียจ๋า” ไม่พูดเปล่ายังทำท่าจะจูบหลังมือของอีกฝ่ายอีกต่างหาก จูนดึงมือหลบแทบจะไม่ทัน
           
          “พี่เคน ...จะหาเรื่องใช่ปะเนี่ย จะให้บอกอีกกี่ครั้งว่าผมไม่ชอบ ให้พี่พูดแล้วก็ทำแบบนี้ ” จูนมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง มือเรียวกำเป็นหมัดยกขึ้นทันที
         
         “หาเรื่องอะไรกันเจ้าหนู พี่ก็เล่นตามบทไง...วันนี้แกเล่นเป็นอะไร...”
         
        “เป็น แม่พี่โชติ” จูนตอบไปตามตรง
         
        “อาฮะ ...แล้วพี่เล่นเป็นอะไร....” ถามพลางชี้หน้าตัวเอง
         
        “ก็เล่นเป็นพ่อพี่โชติ....”
       
          “อาฮะ แล้วสรุป เราก็เป็นอะไรกัน” เคนว่าพลางยกนิ้วมาคู่กัน ยักคิ้วให้กับอีกฝ่ายเล็กน้อย “แล้วพี่พูดผิดตรงไหนล่ะเมียจ๋า...” ชายหนุ่มเอียงคอทำหน้าขาวโพลนของตัวเองให้ดูน่าเอ็นดูที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ได้สำนึกถึงความผิดที่ตัวเองเคยทำเอาไว้เลยแม้แต่น้อย
         
       “ผิดตรงที่ยังไม่ได้อยู่บนเวที” จูนพูดเสียงเข้มด้วยท่าทีจริงจัง
       
       “อาราย วันก่อนยังเล่นได้อยู่เลย....ที่ว่าเราเป็นแฟนกันน่ะ”รุ่นพี่ร่างสูงขยับเข้าไปใกล้กับอีกฝ่ายก่อนจะกระซิบเบาๆให้ดังพอให้ได้ยินกันแค่สองคน   “ที่พี่จุ๊บเหม่งราตรีสวัสดิ์เราคืนนั้นไง...”    เสียงทุ้มต่ำกระซิบที่ข้างหูทำเอาจูนขนลุกต้องยักไหล่หลบลมอุ่นๆเข้ามาแตะข้างหู มือเรียวคว้าพัฟแต่งหน้าได้ก็เอาคืนด้วยการโปะพัฟเข้าปากอีกฝ่ายทันที
       
       “อุ๊บ...แค่ก...แค่ก....แค่ก ไอ้จูน  แค่ก.... เล่นอะไรวะ แป้งเข้าปากเข้าคอหมดแล้ว แค่ก...”  เคนหันไปถ่มน้ำลายพยายามเอาแป้งที่อยู่ในปากออก
       
       “ผมบอกแล้วไง ว่าผมไม่ชอบให้มาเล่นแบบนี้  เขาเรียกใช้ปากไปในทางที่ไม่ถูก เก็บปากไปท่องบท เก็บสมองไปจำบทเก็บไปทำอะไรที่มันเป็นประโยชน์ต่อกิจกรรมในชมรมจะดีกว่าไหมครับ ถ้าไม่อย่างนั้นผมจะถือว่าพี่คุกคามทางเพศผมจริงจัง แล้วผมจะแจ้งตำรวจจริงๆด้วย” เด็กหนุ่มพูดรัวเร็วก่อนจะปั้นยิ้มให้กับอีกฝ่าย ก่อนจะเปลี่ยนมาทำหน้าดุทันควัน “เพราะฉะนั้นเลิกแหย่บ้าๆ หุบปากแล้วนั่งนิ่งๆจนกว่าจะแต่งหน้าเสร็จได้ไหมครับ”  คำพูดยาวเหยียดของจูนทำให้เคนได้แต่มองหน้าของอีกฝ่ายนิ่งก่อนจะเหยียดยิ้ม แล้วพยักหน้าลงช้าๆ
       
       “อาฮะ...ถ้าอย่างนั้น เก็บไปพูดไปทำบนเวทีได้สินะ....”
       
       “ครับ....” รับคำแล้วหันไปหยิบพู่กันไม่ได้สังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย  ก่อนจะหันกลับมาจับหน้าของอีกฝ่ายให้อยู่นิ่งๆ แล้วเริ่มลงมือวาดลายลงบนหน้าของเคน ถึงจะไม่เคยวาดหน้าตัวตลกมากก่อนแต่คิดว่าถ้าวาดลายคล้ายๆแบบนั้นลงไปก็คงพอจะช่วยชีวิตเขาเวลาต้องเข้าบทกับคนตรงหน้าได้บ้างไม่มากก็น้อย


 ......อย่างน้อยก็จะได้ไม่ต้องมองหน้ากันตรงๆ.....
     

 

 ................................................ to be continued

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
เมื่อไรจะชอบกันเนี่ยยยยยยย ผีผลักที5555555555
หมั่นไส้แกล้งกันไปมาอยู่ได้

ออฟไลน์ shiawase

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
อ๊ากกกกกกกกก  แอบจุ๊บพี่ยุทธ์ :impress2:

น้องจูนจ๋าาาาาา  ไปเปิดทางให้ตาหน้าขาวแบบนั้นแล้วจะรอดมั้ยหนู~~~

แต่น้องจูนไม่รอดจะเป็นผลดีต่อคนอ่านนะ  หุหุหุ   :laugh:

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@ Talk @@@
เห็นคนอ่านถามหา "ผีผลัก "
เรื่องนี้จะมีผีผลักไหมนะ
 :hao3:

.............................................

-6-

เสียงกรี้ดดังขึ้นเมื่อวงดนตรีขึ้นไปพร้อมแล้วสำหรับการแสดงประจำค่ำคืนนี้ ผู้คนแวะเวียนเข้ามาจับจองที่นั่งพร้อมของทานเล่นเหมือนทุกที เพลงแรกเล่นเปิดด้วยเพลง “กระเป๋าแบนแฟนยิ้ม” เป็นจังหวะสนุกๆ เรียกเสียงปรบมือดังเกรียวกราว คนดูเริ่มเยอะขึ้นเพราะเสียงเพลงนั้นเรียกความสนใจได้ไม่น้อย


 
หรือว่าความรักยิ่งใหญ่กว่าเงินในกระเป๋า
             ไม่เคยคิดเลยว่าดอกเบี้ยบานในธนาคารเท่าไหร่
             ถ้าเงินไม่มีสักบาท จะแต่งกันไหม
             กับรักที่ทรหดเกินไป โหดเกินไปกับหัวใจของคนๆ หนึ่ง


          “คน...คน....คน...เยอะเหมือนกันนะพี่ยุทธ์ “ จูนพูดติดๆขัดๆ พลางสะกิดให้ยุทธ์โผล่หน้าออกมสังเกตการณ์ด้วย
 
         “เออ เห็นแล้ว แกจะสั่นทำไมเนี่ย...” ยุทธ์ว่าก่อนจะเห็นว่ามือของจูนสั่นน้อยๆ “ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย”
 
          “โหย จะแบบไหนก็ตื่นเต้นนั่นล่ะพี่ผมไม่ได้หล่อล้ำหน้าตาดีเหมือนพี่นี่นา ทำอะไรคนก็จะได้กรี้ด ...คราวก่อนผมแสดงแข็งมากจนได้ยินเสียงคนบ่นอ่า....ทำไงดีล่ะ ถ้ารอบนี้คนดูไม่ชอบอีก ถ้าคนดูโห่อีก ทำไงดีล่ะ..” พอตื่นเต้นทีไรจูนก็มักจะพูดรัวเร็วจนจับความแทบไม่ทันเสียทุกทีไป ยุทธ์หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะทำหน้าดุ ตบไหล่ของจูนเสียงดังป้าบ
    
          “ไอ้บ้า มาถึงขั้นนี้แล้ว อย่ามางี่เง่า ตั้งสติแล้วก็เตรียมไปทำหน้าที่ของตัวเองซะไป”
    
          “....................ครับ” ทั้งความเจ็บ กับน้ำเสียงที่นานๆจะเอ่ยอย่างจริงจังของยุทธ์ทำให้จูนต้องพยักหน้าลงอย่างช่วยไม่ได้
    
          “โอเค เดี๋ยวเพลงแรกจะจบแล้ว เดี๋ยวไปเตรียมไมค์มา...เร็ว”
 
            “ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้าก่อนจะวิ่งไปเตรียมไมโครโฟน สี่ ตัวมาให้กับทั้งทีม โดยไม่ลืมกำชับกับทางฝ่ายเสียงให้เปิดซาวน์ประกอบก่อนเริ่มการแสดงของพวกเขาเหมือนทุกที
 

             ในครั้งนี้การแสดงเป็นเรื่องราวของ โชติ....นักศึกษาจบใหม่กำลังเตะฝุ่นหางานไม่ได้ที่อาศัยอยู่กับ ยุทธ์ แฟนหนุ่มที่คบกันมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยและกำลังเตะฝุ่นคลุ้งพอๆกัน ความรักของทั้งสองคนที่กำลังสุขงอมนั้นกำลังมีพายุแห่งโชคชะตารออยู่
      
     
          ไฟบนเวทีดับลงก่อนโชติจะเดินนำออกไปก่อนพร้อมไมค์ลอยที่ผูกเชือกแขวนเอาไว้ที่คอ ก่อนจะเริ่มบรรยายเกริ่นให้ผู้ชมได้รับฟัง
    
          “สวัสดีครับ ผมโชติ อายุ 24 ตกงานครับ...ตอนนี้อาศัยอยู่ห้องเช่าเดียวกับแฟน...ยุทธ์...ตกงานเหมือนกัน...อย่าเข้าใจผิดว่าพวกผมเป็นเกย์นะครับ...บังเอิญว่าที่ชมรมมีแต่ผู้ชาย เลยเล่นมันทั้งๆแบบนี้เลย...อย่าถือสานะครับ....วันนี้วันเสาร์ครับ พวกเราไม่มีงาน ไม่มีเงิน เลยนั่งเล่นต่อสามคำกันอยู่ที่ห้องไปพลางๆ...อย่างน้อยก็ไม่ต้องออกไปใช้เงินข้างนอก”
ทันใดไฟบนเวทีก็สว่างขึ้น โชติขึ้นไปยืนอยู่ตรงกลางเวทีพร้อมกับยุทธ์ที่ทำกำลังท่าเหมือนครุ่นคิด
    
          “ว่าง งาน จัง” ยุทธ์เริ่มต้นเกมส์ต่อคำสามคำก่อนเป็นคนแรก
    
          “ตังค์ ไม่ มี ”  โชติต่อ
    
           “หนี้ บาน เบอะ” ยุทธ์ตามมาด้วยประโยคถัดมาว่าพลางก็ล้วงกระเป๋าออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วเปิดโชว์ให้คนดูดูด้วยว่าไม่มีเงินอยู่เลยสักบาท เรียกเสียงฮาได้ไม่น้อย

              “เฮอะ คน จน ”    
   
            “คน มัน รัก” ยุทธ์รีบตอบพลางเดินตามไปคว้าเอวโชติไว้ เรียกเสียงกรี้ดจากสาวๆที่นั่งข้างหน้าได้ไม่น้อย
    
          “ชัก ลาม ปาม” โชติทำท่าเอียงอายแล้วดึงมือของยุทธ์ออก
    
          “ถาม หน่อย ซี” ว่าพลางก็สะกิดไหล่ของโชติ
 
            “มี อะ ไร” โชติหันกลับมามองหน้าแต่แล้วก็ต้องผงะเมื่อเห็นยุทธ์คุกเข่าลงพร้อมกับยื่นแหวนอมยิ้มอันโตมาให้
    
         “แต่งงานกันนะ”  โชติทำท่าตกใจแบบเกินจริงก่อนจะพยักหน้าลง
 
           “อะ คำเกินนี่ ...แต่....อะ...อื้ม.......” ก่อนจะหันไปยิ้มกว้างแล้วโชว์นิ้วที่มีแหวนอมยิ้มอันเขื่องให้คนดูดูด้วยท่าทางกระดี้กระด้าสุดๆจนเรียกเสียงฮาครืน และแล้วไฟบนเวทีก็ดับลงพร้อมกับทำนองเพลงดังที่คุ้นหูอย่างเพลง “น้ำผึ้งพระจันทร์” ก็ดังขึ้นเรียกเสียงกรี้ดจากคนดูได้ไม่น้อย
     

       
         “....รักฉันรักเธอ และรู้ว่าเธอรักฉัน
                จะมีแต่ความหวานคงอยู่ชั่วนิรันดร์
       ดั่งน้ำผึ้งพระจันทร์…”
   

              ที่ด้านหลังเวที ทั้งโชติ ยุทธ์ จูน และเคน กำลังเตรียมตัวสำหรับฉากต่อไป โชติและยุทธ์จะต้องไปพบกับพ่อแม่ของโชติ จูนที่รับบทเป็นแม่ต้องใส่วิกผมน้ำตาลยาวถึงหลังดูแตกต่างไปจากทุกที แถมยังแต่งหน้าทาปากให้ตัวเองเสียจนแทบจะจำหน้าเดิมไม่ได้
    
          “แต่งหน้าเก่งเหมือนกันนี่จูน....” ยุทธ์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชมในเมื่อจูนแต่งหน้าออกมาเสียสวยจากหนุ่มญี่ปุ่นแนวร็อคกลายเป็นสาวสวย....ยี่สิบเมตรไปได้แบบนี้ ...ที่คิดว่ายี่สิบเมตรก็คงเพราะดูใกล้ๆแบบนี้ยังไงก็ยังเป็นผู้ชายร่างสูงโปร่งในชุดเดรสอยู่ดีนั่นเอง
    
          “ขอบคุณครับ...” เด็กหนุ่มยิ้มร่ารับคำชมนั้นอย่างเต็มใจ โดยที่หารู้ได้ไม่เลยว่ารอยยิ้มของตัวเองได้ทำให้อารมณ์ของเคนที่ยืนอยู่ไม่ได้ห่างออกไปนั้นหงุดหงิดขึ้นมากะทันหัน
    
           “เหอะ....ทีกับยุทธ์ล่ะอี๋อ๋อกันจังวะ เปลี่ยนคู่แสดงเลยไหม”  ร่างสูงที่ทาหน้าขาวตัดกับสีแดงและสีดำแบบตัวตลกโบโซ่บ่นอุบอิบ

              “ว่าอะไรนะเคน “โชติเอียงหูมาฟัง แต่ก็เจอมือใหญ่ดันหัวออกไปเสียหน้าหงาย
    
            “ไม่มีอะไร...เดี๋ยวค่อยไปว่ากันบนเวที”

   ...... ไหนๆก็จะเล่นให้มันสมบทบาท.....
    ......เดี๋ยวกูจัดให้เอง....


 
              ไฟบนเวทีสว่างขึ้นอีกครั้งเมื่อเพลงจบลง ทั้งสี่คนขึ้นไปยืนอยู่บนเวที เคนยืนอยู่ใกล้กับจูนที่ดูเหมือนไม่ค่อยเต็มใจอยากจะยืนอยู่ตรงนั้นสักเท่าไรนัก
    
           “พ่อครับ แม่ครับ นี่แฟนผม ....ชื่อยุทธ์ “โชติแนะนำว่าที่เจ้าบ่าว(?) ของตัวเองให้พ่อกับแม่ของตัวเองได้รู้จัก
    
           “สวัสดีครับ คุณพ่อ คุณแม่ ผมชื่อยุทธ์ ครับ”
    
          “โฮะๆ แหม โชตินี่ก็เข้าใจเลือกแฟนนะ หล่ออวว มาเชียว...”จูนพูดบทของตัวเองพลางหัวเราะด้วยท่าทางคุณนายไฮโซไม่วายยังทำท่าจะเข้าไปลวนลานยุทธ์ตามบทที่ว่าให้จับมือถือแขนแบบไม่ปล่อย แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวไปไหนมือแกร่งของตัวตลกหน้าขาวที่ยืนอยู่ข้างๆก็คว้าเอวหมับแล้วดึงเข้าไปใกล้เสียจนเซ ด้วยความตกใจจูนพยายามจะดึงมืออีกฝ่ายออก แต่เคนกลับลอยหน้ากระชับเอวของจูนเข้าหาตัวแน่นก่อนจะพูดบทของตัวเองต่อ
    
           “แล้วเป็นลูกเต้าเหล่าใครมาจากไหนล่ะ ชื่อยุทธ์ใช่ไหม นามสกุลอะไรนะ” เคนพูดบทของตัวเองทั้งๆที่มือยังไม่ยอมปล่อยจากเอวของจูน ก่อนจะหันไปมองหน้าของอีกฝ่ายเล็กน้อยเป็นเชิงบังคับให้จูนยอมเล่นไปตามบทโดยดี
    
          “พ่อ...อย่าถามเรื่องครอบครัวยุทธ์เลย.... “ โชติแทรกขึ้นมา แต่ยุทธ์ยกมือห้ามเอาไว้ ก่อนจะเดินหันหน้าไปหาคนดู
    
          “ผมน่ะ...ไม่มีพ่อหรอกครับ มีแต่แม่ แม่ชื่อ พจมาน ดังงูเหลือม ...” สิ้นเสียงนามสกุลที่โชติสรรหาเขียนลงไปในบทคนดูก็พากันขำกันคิกคัก แต่ยุทธ์เองยังคงสมาธิไว้กับบท แม้ในใจจะอยากขำออกมามากก็ตามที
    
           “พ่อหนุ่ม เมื่อกี้ บอกว่า แม่ชื่ออะไรนะ ...... “ เคนทำเป็นคนแก่หูไม่ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้น
    
           “พจมาน...ดังงูเหลือม ครับคุณพ่อ”
    
           “..............ดังงูเหลือม...” เคนขมวดคิ้ว
 
             “พ่อ ...มีอะไรรึเปล่า” โชติเสนอหน้าเข้ามาเมื่อเห็นท่าทีของพ่อและแม่ที่มีสีหน้าเครียดอย่างเห็นได้ชัด
    
            “เปล่า ...ไม่มีอะไร “ เคนแสดงท่าทีกลบเกลื่อน จูนใช้จังหวะนั้นขยับหลบมือของเคนที่ยังเกาะเอวเขาอยู่ไม่ห่าง 
    
           “ พ่อครับ แม่ครับ! “อยู่ๆ ยุทธ์ก็โพล่งออกมาเสียงดัง ซึ่งเป็นไปตามบท ทั้งจูนและเคนก็แสดงกันได้เกินจริงเหมือนอย่างที่ซ้อมกันไว้คือสะดุ้งกันสุดตัว
    
          “อะไรจ๊ะ ยุทธ์.....อูว...ขาวจริง ” จูนทำเป็นกระซิบกระซาบไม่วายยังจะลวนลามยุทธ์ตามบทอีกต่างหาก
    
         “แม่ฮะ...ปล่อยแฟนผมนะ....” โชติกระโดดเข้าไปแงะมือปลาหมึกของแม่ออกพลางดึงตัวยุทธ์ออกมา เรียกเสียงหัวเราะได้ไม่น้อย
    
         “พ่อครับ แม่ครับ ผมรู้ว่ากะทันหัน แต่ผมมาขอโชติครับ ผมรักโชติอยากจะแต่งงานกับโชติครับ ลูกชายของพ่อกับแม่ขอให้ผมดูแลเถอะนะครับ”
    
        “ไม่ได้หรอก พวกเธอสองคนแต่งงานกันไม่ได้”  เคนส่ายหน้าขาวๆนั่นไปมาทำสีหน้าลำบากใจจนทะลุแป้งงิ้วออกมา จนจูนเกือบจะหลุดขำ

            “ทำไมอ่ะ พ่อ....ทำไมพวกผมแต่งงานกันไม่ได้” โชติกระโดดเข้าไปเกาะเอวของร่างสูงใหญ่ของเคนเขย่าหัวเคนไปมาอย่างคาดคั้น "ทำมายอ่ะ ทามมายยยยยย “
    
          “ก็เพราะ...พวกแกสองคนเป็นพี่น้องกันน่ะสิ” คำพูดของเคนและสีหน้าอึ้งตะลึงงันของโชติละยุทธ์ที่หันไปหาผู้ชมเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทุกคนเห็นก่อนที่ไฟบนเวทีจะดับลงอีกครั้ง พร้อมกับเสียงเพลง”ความจริงที่เจ็บปวด”


 
ก็รู้ว่ารักกันแค่ไหน แต่รักที่มีเพียงหัวใจคงไม่พอ
ยิ่งฉันทำให้เธอต้องเฝ้ารอ ก็ยิ่งท้อใจ
เสันทางของเรานั้นมันยังไกลเหมือนเคย
ที่ทำได้ก็เพียงแค่ฝัน ที่ดูไม่มีวันจะเป็นจริงได้เลย
มีแต่ความทุกข์ทน วกวนเช่นเคย
สุดท้ายก็ลงเอยกันที่น้ำตา
ตื่นขึ้นมาได้แล้ว นะเรา
จะมัวแต่คอยเฝ้าฝันไปถึงไหน
ตื่นขึ้นมาได้แล้ว หัวใจ
และเดินออกไปเศร้า เผชิญความเป็นจริง
ที่เจ็บปวดและแสน ว่าเราไม่ได้คู่กันเลย


              แต่เรื่องราวที่ด้านหลังเวทีนั้นคงจะเรียกได้ว่าเข้มข้นกว่านั้นอยู่มากโข เมื่อคนรับบทเป็นแม่เดินไปถลกกระโปรงนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ใกล้ๆ กับบันไดทางขึ้นเวทีด้วยท่าทางเซ็งสุดฤทธิ์ ดวงตาสีน้ำเงินมองหน้าขาวๆของตัวตลกร่างสูงนั่นไม่วางตา
 
             “พี่เคนเล่นไม่ตรงบท...”คือคำแรกที่จูนบ่นออกมา
    
         “เขาเรียกว่า ด้นสด ไม่เห็นเหรอว่าคนดูก็ชอบใจกันใหญ่...บทพ่อ ก็โอบแม่ เอาไว้ ก็น่าจะถูกแล้วนี่ จริงไหมโชติ” เคนตอบหน้าตาเฉยก่อนจะหันไปขอความเห็นจากโชติ
 
           “อื้ม...ก็ดีแล้วนี่ เล่นแบบนี้ต่อเรื่อยๆนะ” เพราะรู้ว่าที่เคนเล่นไปแบบนั้นก็เป็นเพราะต้องการจะให้สมบทบาท และเรียกความสนใจจากคนดู ...แต่ที่ไม่รู้ก็คงเป็นเจตนาของเคนว่าแท้จริงแล้วต้องการจะทำอะไรมากกว่า
    
        “พี่โชติ ทำไมเข้าข้างอ่ะ...เพราะพี่เคนมาทำแบบนั้นอ่ะ ผมเสียสมาธินะ” จูนโวยขึ้นมาทันที โวยไปนั่งชันเข่าถลกกระโปรงไปพลางแบบนั้นดูยังไงก็ไม่ได้อยู่กับ “บท” เอาเสียเลย
    
        “เอาน่าๆจูน เล่นๆไปเถอะนะ ....” โชติเห็นน้องเล็กของกลุ่มเริ่มจะหงุดหงิดก็เดินเข้าไปนั่งข้างๆตบบ่าตบหลังเบาๆพลางโบกมือไล่ให้เคนเดินไปอีกทาง เคนเห็นท่าทางแบบนั้นของเพื่อนก็เบะปาก ก่อนจะเดินไปอีกทาง
    
    
          ..........โอ๋กันจังวุ้ย.......

 
             “เคน...แกไปทำอะไรให้ไอ้จูนมันหงุดหงิดอีกวะ...” อยู่ๆยุทธ์ก็วิ่งเข้ามาดึงแขน
    
           “ไม่นะ กูก็แค่ “เล่นตามบท” “ เคนว่าพลางยิ้ม หน้าที่โดนทาเป็นหน้าตัวตลกยิ่งเมื่อยิ้มแบบนั้นมันยิ่งชวนให้หมั่นไส้มากขึ้นไปอีก
    
         “อ้อ....เหรอ มิน่ามันทำหน้าบูดเป็นตูดเชียว” ยุทธ์รับคำพลางยกมือขึ้นจัดทรงผมให้ตัวเอง ผิวปากเบาๆ
    
         “ส่วนมึงก็อารมณ์ดีนะ..” เคนแขวะ
    
        “แน่นอน...วันนี้กูหล่อที่สุดบนเวที กูโคตรแฮปปี้อ่ะ” ยุทธ์พูดไปพลางก็ส่องกระจกไปพลาง
    
       “แหงล่ะ ไอ้จูนมันบรรจงซะขนาดนั้น ... เห็นมันดีกับมึงอยู่คนเดียว ... ไม่เห็นมันดีกับกูบ้างเลย” เคนว่าพลางหันไปมองจูนที่คุยกับโชติอยู่อีกทาง
    
      “ก็ถ้ามึงไม่ไปทำเหี้ยๆกับมันก่อน มันคงไม่ทำหน้าบูดใส่มึงหรอก... “ยุทธ์พูดขึ้นมาเบาๆ “มันก็ชอบมึงอยู่....”
    
      “ชอบ?...มันจะมาชอบอะไรกู ...กูไม่ได้ชอบผู้ชายเว้ย....”  เคนรีบคว้าคอยุทธ์เข้ามากระซิบ เขากลัวว่าถ้าพูดดังไปแล้วทั้งเพื่อนจากชมรมดนตรีคนอื่นที่ยังสแตนบายด์อยู่ข้างหลังจะได้ยิน แต่ยุทธ์กลับส่ายหน้า
    
     “มึงนี่ล่ะนะ....แบบนี้จะเรียกว่าซื่อหรือควายดี ที่บอกว่า ชอบ มันน่ะชอบมึงในฐานะรุ่นพี่เว้ย” ยุทธ์พูด
    
     “เหรอ....” เคนรับคำในน้ำเสียงนั้นเหมือนจะดีใจก่อนจะสะดุ้งเพราะยุทธ์ดึงคอเสื้อของเขาให้ก้มลงมาจนสายตาอยู่ในระดับเดียวกัน
    
      “แต่....มันชอบรุ่นพี่แสนดีแบบกูมากกว่า” ยุทธ์พูดต่อ ใบหน้าสวยได้รูปนั้นมีรอยยิ้มเหมือนเยาะเย้ย ก่อนจะปล่อยมือออกแล้วเดินกลับไปสมทบกับโชติและจูนเพื่อเตรียมตัวจะขึ้นเวทีในคิวต่อไปซึ่งจะเป็นฉากสุดท้ายก่อนที่เรื่องราวจะคลี่คลายในที่สุด 
    
        ทั้งๆที่เมื่อครู่ยังรู้สึกว่าตัวเองดีใจที่ได้ยินว่าจูนบางทีนั้นอาจจะพอ”นับถือ”เขาอยู่บ้าง แต่ในตอนนี้ อารมณ์ทุกอย่างกลับถูกคำพูดของยุทธ์ฉุดลงไปอีกครั้ง เมื่อได้ยินว่ารุ่นน้องที่เขาก็ออกจะ...เอ็นดู...อยู่แบบจูนนั้นดูท่าจะสนิทสนมกับยุทธ์มากกว่าแบบนั้น

           “อะไรๆก็ไอ้ยุทธ์วะ.... หมั่นไส้เว้ย” เคนทำหน้าเบ้เชิงล้อเลียนจูนทั้งๆที่เจ้าตัวก็คงไม่ได้หันมาเห็นเสียด้วยซ้ำ

    
         ....แบบนี้มันต้องจัดให้หนัก....
             


............................... to be continued

ออฟไลน์ shiawase

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
โอ๊ะๆๆๆ  พี่เคนนอกบทน้องจูนงอนเลยยยยย

แต่ผียังไม่ผลักแหะ  หรือผีจะไม่มีจริง??

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
คนดีผีคุ้ม แฮ่
โดนแน่จูน555555555555555

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@Talk @@@
เรื่องมาถึงตอนที่เจ็ดก็แล้ว
แต่เหมือนจะไม่มีผีผลัก ฝนฟ้าเป็นใจให้ใกล้ชิด
ฤาคู่นี้มันจะผีคุ้ม?  :m16:
แต่อ่านไปอ่านมาอีกที ....อุแม่เจ้า :a5:
ใกล้จะหมดสต๊อกเต็มแก่ หลังจากโพสต์ตอนนี้เสร็จอาจหายหน้าหายตาไปสักสี่ห้าวันนะคะ
ขอไปตั้งสติปั่นต่อก่อนนะคะ :katai4: ...รบกวนเป็นกำลังใจให้ด้วยค่า

.......................................................

[-7-

              ไฟบนเวทีสว่างขึ้นอีกครั้งพร้อมร่างของนักแสดงทั้งสี่คนที่เข้าประจำที่เดิมราวกับว่าพวกเขาไม่ได้ขยับไปไหน โชติกระโดดกอดเอวของเคนเอาไว้พร้อมหันไปมองคนดูด้วยสีหน้าตกใจ ก่อนที่จะกระโดดลงมา

                “.....พ่อหมายความว่ายังไง ทำไมผมจะแต่งงานกับยุทธ์ไม่ได้ “ โชติแสดงเกินจริงทั้งสีหน้าและท่าทางเรียกเสียงหัวเราะได้อยู่ไม่น้อย

               “....ไม่ได้ก็คือไม่ได้ ” เคนทำหน้าจริงจัง

                “คุณก็บอกลูกมันไปสิคะ....” จูนจีบปากจีบคอมือเรียววางบนอกของเคนเบาๆ ถึงในใจจะไม่ได้นึกอยากจะทำแบบนั้นเลยก็ตามที “ว่าแต่ก่อน....คุณน่ะเคยนอกใจฉันไปหาผู้หญิงที่นามสกุล ดังงูเขียว....”

                  “ดังงูเหลือม!! “ ทั้งโชติ ยุทธ์ เคน แก้คำผิดพร้อมกัน

                 “เออๆ จะงูเห่า งูจงอาง งูอะไรก็ช่างเถอะ ตาโชติ พ่อแกน่ะ เคยนอกใจแม่ไปกับผู้หญิงคนนั้น....แม่ไม่รู้ว่าเขามี...ลูกชายด้วย” พูดมาถึงตรงนี้ก็ทำทาเหมือนจะสะอื้นออกมา   
              “พ่อนะพ่อ....ถ้าไม่ หล่อ...”พูดจบก็ทุบลงไปบนอกของเคนเสียงดังอักจนเสียงนั้นสะท้อนเข้าไมค์เสียงดัง   
              “ถ้าไม่ล่ำ....” และอีกครั้ง
              “ถ้าไม่เจ้าชู้ล่ะก็....” และอีกครั้งจนครั้งนี้เคนต้องจับมือของจูนเอาไว้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแรงกระแทกนั่นไม่ใช่การแสดงเลยแม้แต่น้อย

                “พ่อ....เจ็บ...จ้ะแม่......” เคนพูดนอกบท และเน้นคำให้เขารู้ว่าเจ็บจริงๆ ริมฝีปากที่เคลือบสีชมพูอมส้มของจูนคลี่เป็นรอยยิ้มเย็นแบบที่ไม่ได้มีในบทเช่นกัน เคนยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าจูนอย่างเอาเรื่อง เขาอาศัยจังหวะที่จูนบังสายตาจากผู้ชมขยับริมฝีปากช้าๆ


                 ....เดี๋ยว เจอ ดี แน่...


              แต่ดูเหมือนจูนจะไม่ได้เกรงกลัวคำขู่นั้นของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มทำหน้าเหมือนท้าทายก่อนจะหันไปสนใจกับบทของยุทธ์ที่กำลังจะพูดตามมา
    
          “แต่ คุณพ่อครับ.... “ ยุทธ์เอ่ยแทรกบทสนทนาของทั้งสองคน “ คุณพ่อแน่ใจนะครับ ว่า คนที่พ่อคบด้วยชื่อ พจมาน ดังงูเหลือม....”
     
          “ไม่....กิ๊กพ่อเยอะ” เคนตอบทันควัน “ถามทำไมแบบนั้น....”
         
            “ก็เพราะแม่พจมานของผม มีฝาแฝดนะครับ ชื่อ น้าพจนีย์ พจนีย์ ดังงูเหลือม มีไฝเม็ดใหญ่มากอยู่ที่......” ยุทธ์ว่าพลางทำท่ากระซิบกระซาบกับเคน ซึ่งเคนก็ขยับคิ้วขึ้นลง และแสดงสีหน้าพิลึกพิลั่นชวนให้คนดูคิดลึกตามไปด้วย
    
          “......ใช่ เขามีไฝอยู่...ตรงนั้น....ล่ะ”   
 
             “ถ้าอย่างนั้น ผมกับโชติก็ไม่ใช่พี่น้องกันใช่ไหมฮะ เพราะ......ถึงผมจะไม่เคยเห็นหน้าพ่อ แต่ถ้าดูจากหนังหน้าพ่อตอนนี้แล้วเนี่ย” ยุทธ์พูดพลางเดินไปหน้าเวที เก๊กหน้าหล่อแล้วขยิบตาให้สาวๆที่นั่งอยู่แถวหน้าเรียกเสียงกรี้ดกันเกรียวกราว
          “ผมหน้าตาดีกว่าพ่อเยอะ”
    
         “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็แต่งงานกันได้ใช่ไหมครับพ่อ” โชติเสริมพลางวิ่งมาจับมือของยุทธ์เอาไว้
    
        “จ้ะ ได้แต่งานแต่งนี้ ครั้งนี้หวังว่าคงไม่ทำพ่อแกถ่านไฟเก่าคุ ตอนแขกฝ่ายยุทธ์เขามาบ้านหรอกนะ” จูนเล่นไปตามบทคุณแม่ขี้หึงแสนงอน ทำแก้มป่องประหนึ่งว่าน่ารักหนักหนา
 
        
                                ....โอ้ย ไม่มีหรอก....พ่อน่ะมีแม่คนเดียวแล้วนี่ไง............


             เรื่องราวทั้งหมดมันควรจะจบลงด้วยประโยคนั้นของเคน แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของวงดนตรีที่จะเล่นดนตรีต่อไป แต่ก็หาได้เป็นแบบนั้นไม่เมื่อเคนกลับก้าวเข้ามาประชิดตัวของจูน ตาคมมองหน้าของอีกฝ่ายอย่างมีเลศนัย
 
         
            “  โอ้ย...ไม่มีหรอก พ่อน่ะรักกกกก แม่คนเดียว รัก....แม่ปานจะกินเข้าไปได้ทั้งตัวเลยล่ะ....”

 
              และไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว สองมือแกร่งรั้งหน้าของเด็กหนุ่มในชุดผู้หญิงนั่นเข้ามาใกล้ ริมฝีปากที่ถูกลงแป้งงิ้วเสียขาวโพลนประทับลงบนริมฝีปากของอีกฝ่ายด้วยสัมผัสที่ไม่ได้อ่อนโยนเท่าไร ยิ่งเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงขัดขืนจากร่างสูงโปร่งนั้นสองมือแกร่งยิ่งยึดใบหน้าของเด็กหนุ่มเอาไว้ให้อยู่นิ่งๆ ระยะที่ใกล้กันเพียงเท่านี้ทำให้ได้กลิ่นและรสผลไม้จาก
ลิปกลอสสีสดที่อีกฝ่ายบรรจงทาลงบนริมฝีปากได้รูป ...ถึงแม้ไม่เคยจินตนาการไว้ว่ามันจะเป็นแบบไหนหากต้องสัมผัสริมฝีปากกับจูนจริงๆ แต่ก็คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าสัมผัสที่ลองลิ้มนั้นทั้งหอมหวานและนุ่มนวลอยู่ไม่น้อย
 
           “อื้อ.......”

         จูนเบิกตาโพลง ร่างสูงโปร่งหมายจะขืนตัวผลักอีกฝ่ายออกตั้งแต่เสี้ยววินาทีแรก แต่เพราะเคนยังยึดหน้าเขาเอาไว้แน่น มือที่ตั้งใจว่าจะผลักอีกฝ่ายออกก็ทำได้เพียงแค่ยึดไหล่เสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยความตกใจ ปลายนิ้วจิกลงบนแขนของเคนก่อนจะรวบรวมสติทั้งหมดผลักอีกฝ่ายออกไป หลงเหลือไว้เพียงรอยแป้งสีขาวจากริมฝีปากที่เบียดลงมากับใบหน้าที่แดงก่ำของตัวเองในหัวมึนงงไปหมดรู้สึกเหมือนถูกอะไรบางอย่างวิ่งเข้าชนหน้าเข้าอย่างจัง
         จูนหันไปมองหน้าของโชติกับยุทธ์ที่ดูเหมือนจะกำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เท่านั้นวงดนตรีที่สแตนบายด์เตรียมจะเล่นดนตรีต่อเองก็ยืนอ้าปากค้างเช่นเดียวกัน ทันใดก็เหมือนจะนึกขึ้นได้ เด็กหนุ่มหันไปมองตรงหน้าเวที ผู้คนหลายสิบคนกำลังจ้องมองมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ บางคนเบิกตาโพลง บางคนอ้าปากค้างและดูจะตกตะลึงกับ “การแสดง” บนเวทีอยู่ไม่น้อย...
    

       “พี่เคน!!!”
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาบนเวทีท่ามกลางความเงียบนั้น ร่างสูงของเจ้าของชื่อหันไปมองตามเสียงด้วยความตกใจ เคนเห็นแฟนสาวของเขาลุกขึ้นยืนอยู่กลางกลุ่มคนดูเด็กสาวมีสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ร่างเล็กเดินออกจากที่นั่งไปพร้อมกับกลุ่มเพื่อน

    “อ้าว...เฮ้ย...นิด นิด เดี๋ยวก่อน!” เคนลืมตัวเรียกชื่อของแฟนสาวออกมาด้วยความตกใจ

         นั่นยิ่งเพิ่มความสับสนให้กับทั้งคนที่อยู่บนเวทีและคนที่อยู่ด้านล่างเวทีอยู่มากโข เหตุการณ์สองอย่างเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันจนตั้งสติรับมือไม่ทัน โชติกับยุทธ์เองก็ยังอ้าปากค้างในขณะที่จูนก็ยังคงตกใจเด็กหนุ่มมองตามร่างเล็กๆของหญิงสาวที่เขามองเห็นหน้าไม่ชัดสลับกับใบหน้าด้านข้างของเคนก่อนจะตั้งสติยกหลังมือขึ้นเช็ดปากของตัวเองแล้วกระแทกศอกเข้าใส่สีข้างของเคนไปเต็มแรง
    
       “โอ้ย....พ่อละก็ เล่นอะไรก็ไม่รู้ อายลูกมัน....โฮะๆๆ...” ว่าพลางก็นอกบทกลบเกลื่อน ก่อนจะดึงคอเสื้อของคนที่กำลังจุกเข้ามาใกล้ มองหน้าเป็นเชิงข่มขู่ ว่าให้เล่นตามบทเสียก่อนที่จะมีอะไรหนักหนากว่าศอกคมๆตามมา

            ......ถ้าไม่อยากเจอส้น....ก็รีบๆเล่นให้มันจบๆไปซะ.....

 
             “แหมๆ...ก็เป็นเครื่องยืนยันไงจ๊ะว่า พ่อน่ะร้ากกกกกก แม่คนเดียว ว่าแล้วเรารีบไปเตรียมเรื่องสินสอดทองหมั้นให้งานแต่งของเจ้าโชติกับพ่อยุทธ์กันเถอะ” เสียงที่ดังออกมาของเคนนั้นแหบแห้งเพราะเจอกระแทกเข้าที่ท้องอย่างแรง

             “เยส......” เสียงโชติกับยุทธ์ร้องขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะรีบส่งซิกให้กับทางวงดนตรีที่ดูจะอึ้งๆไปกับเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้น

 
          ....เอาวะ รีบๆจบจะได้รีบๆไป.....

         
             และแล้วเสียงดนตรีสำหรับเพลงสุดท้ายที่จะมีการแสดงจากชมรมการแสดงประกอบก็ดังขึ้น ท่ามกลางความงุนงงของทีมงานจากชมรมดนตรีและคนดู ทั้งสี่คนรีบวิ่งแจ้นลงจากเวทีโดยแทบไม่ต้องรอให้แสงไฟหรี่ลง...


             “เฮ้ย เคน เมื่อกี้ แกทำอะไรวะ ......” ยุทธ์เป็นคนแรกที่ปราดเข้าไปดึงไหล่ของเคนเอาไว้ก่อนที่ร่างสูงนั้นจะได้เดินหนีไปไหน ท่าทางเคนตอนที่จะเดินลงจากเวทีเมื่อกี้ก็ดูลุกลี้ลุกลนเหมือนกับมองเห็นใครบางคนในกลุ่มผู้ชม
    
          “เล่นตามบท...” เคนตอบส่งๆ ควานหาโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าขึ้นมาเปิดเครื่องทันที
    
         “เล่นตามบทบ้านพ่อแกสิ...ไอ้จูนแม่งอึ้งแดกอยู่โน่น....แล้วผู้หญิงคนนั้นใครวะ เคน เฮ้ย มึงฟังกูอยู่รึเปล่าเนี่ย....”ยุทธ์เข้าไปดึงไหล่ของร่างสูงเอาไว้ อยากให้อีกฝ่ายหันไปดูฝีมือของตัวเองเสียหน่อยที่ทำให้น้องเล็กของชมรมลงไปทรุดเข่าอ่อนอยู่กับบันไดเวทีทันทีที่เดินลงมาจากด้านบน
    
      “ยุทธ์ ...ขอโทษว่ะ กูต้องรีบไป...” เคนหันไปมองท่าทางของจูน โชติเองก็กำลังนั่งลูบหัวป้อยๆอยู่อีกทางก่อนจะถอนหายใจ ถึงจะรู้สึกสะใจเมื่อครู่ แต่ในตอนนี้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาตัดสินใจทำอะไรที่งี่เง่าที่สุดลงไปหรือเปล่า
    
      “มึงจะไปไหนวะ สาด มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
    
      “เอ้อ....เดี๋ยวกูกลับมาเอาของ กูแค่ขอไปคุยกับแฟนกูก่อนเดี๋ยวกูมา” ไม่พูดเปล่าร่างสูงวิ่งออกจากด้านหลังเวทีไปทั้งๆที่ยังไม่ได้ลบแป้งบนหน้าออกเสียด้วยซ้ำ

      “หา...แฟน?...” คราวนี้กลับเป็นยุทธ์เองที่ต้องอุทานด้วยความงุนงง เขาหันกลับไปมองหน้าของโชติ “มีคนเอาไอ้สมองถั่วนั่นเป็นแฟนด้วยเหรอวะ” โชติไม่ได้ตอบแต่ก็พยักหน้ารับ เขาเคยเห็นนิดอยู่สองสามครั้ง
    
      “เอาน่า ปล่อยมันไปเหอะ.....จูน....เป็นไงบ้างอ่ะ เอายาลม ยาดม ยาหม่อง ยาหอมไหม....เฮ้ยจูน....” โชติถามอาการของรุ่นน้อง แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อวางมือลงบนไหล่ของอีกฝ่ายแล้วรู้สึกได้ว่าไหล่นั้นกำลังสั่น
    
      “เฮ้ย จูน เป็นไรวะ ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า ยุทธ์มาดูไอ้จูนหน่อยดิ” โชติทำหน้าไม่ถูก แต่ก่อนที่ยุทธ์จะได้ปราดเข้ามามือเรียวของจูนก็ยกขึ้นเป็นเชิงห้าม
    
    “พี่โชติ พี่ยุทธ์....ไม่ต้องเป็นห่วงผม...”น้ำเสียงที่ดังขึ้นนั้นเย็นเยียบ จูนดึงวิกผมสีน้ำตาลออกจากศีรษะ ยกมือเรียวยกขึ้นขยี้ผมสีทองชื้นเหงื่อของตัวเองเบาๆ นัยน์ตาสีน้ำเงินนั้นทำเอารุ่นพี่ทั้งสองเสียวสันหลังวาบ
     “ทำให้ผมอายขนาดนี้.....คืนนี้ถ้าไม่เคลียร์กันให้จบๆล่ะก็ ผมนอนไม่หลับแน่....” จูนว่าพลางกัดฟันกรอดร่างสูงเพรียวผุดลุก ก่อนสะบัดชุดกระโปรงออกจากตัวเหลือเพียงเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสามส่วนที่ใส่ไว้กันลมเย็นๆที่จะพัดผ่านมา 
    “เดี๋ยวผมช่วยพวกพี่เก็บของตรงนี้เสร็จแล้วผมขอตัวนะครับ มีธุระต้องสะสางให้จบ” จูนเอ่ยด้วยเสียงเรียบๆจนทั้งสองรุ่นพี่ไม่กล้าจะขัด
    

   .....ขืนขัดตอนนี้แทนที่จะได้ตายคนเดียวมีหวังได้หัวแตกหมดสามคนแน่.....


……………………………….


              ทั้งสามคนช่วยกันเก็บเสื้อผ้าและอุปกรณ์ของตนเอง ยกไปเก็บไว้ที่รถของโชติที่จอดเอาไว้ตรงบริเวณที่จอดรถที่อยู่ห่างออกไปเป็นที่เรียบร้อย
    
         “เท่านี้ก็เสร็จแล้ว... แล้วของไอ้เคนนี่จะเอายังไงเนี่ย กระเป๋า กุญแจห้อง กุญแจรถแม่งก็ทิ้งไว้นี่หมด มันไปแต่ตัวกับหัวใจจริงๆนะนี่... “ โชติว่าพลางชูกระเป๋าเป้ของเคนให้ยุทธ์กับจูนดู
    
        “เดี๋ยวผมเอาไปให้เองก็ได้ ...อย่างน้อยก็เอามือถือไป คงต้องโทรกลับมาหาแน่ล่ะ คนรักรถอย่างพี่เคนคงไม่กล้าทิ้งรถไว้แบบนี้หรอก อีกอย่างผมยังมีเรื่องต้องคุยอีก”  ท้ายเสียงนั้นจริงจังจนทั้งยุทธ์และโชติต้องมองหน้ากัน
    
        “เออ.... ถ้าจะเอายังงั้นก็ตามใจ...แต่คุยกันนะเว้ย ไม่ได้ให้ไปฆ่ากัน” โชติกำชับกับจูนอีกครั้ง ถึงจะดูเย็นลงมาบ้างแล้วแต่ใครจะคาดเดาได้ว่าถ้าคนที่โวยวายเก่งจนน่าหนวกหูอย่างจูนกับควายยักษ์สมองถั่วที่ทำอะไรไม่เคยจะยั้งคิดมาเจอกันในสถานการณ์ชวนปวดหัวแบบนี้แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
    
          “ครับ...” จูนรับคำเบาๆ ก่อนจะสะพายกระเป๋าของเคนขึ้นบ่า “ผมไปล่ะ กว่าจะหาตัวเจออีก...” เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ หนักใจอยู่ไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    
         “เฮ้ จูน...” ยุทธ์เรียกรุ่นน้องผมทองเอาไว้
    
        “ครับ...”
    
        “ให้พี่ไปด้วยป่ะ...” ชายหนุ่มร่างเล็กเดินเข้าไปหา เห็นท่าทางหนักใจแบบนี้ของจูนแล้วก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
    
       “ไม่เป็นไรหรอกครับ....ผมต้องจัดการเรื่องนี้เอง”  เด็กหนุ่มปั้นยิ้มให้กับอีกฝ่ายก่อนจะโบกมือให้แล้วเดินลัดลานจอดรถที่มีรถยนต์และมอเตอร์ไซค์จอดหนาแน่นของตลาดเปิดท้ายขายของเดินไปอีกทาง

     
         ...ป่านนี้คงกลับไปตามหาของที่เต็นท์หลังเวทีนั่นล่ะ....

    
    
        คิดได้แบบนั้นก็รีบสาวเท้าเดินลัดเลาะเข้าไปด้านข้างของอาคารหอประชุมที่จะมีทางเดินเชื่อมไปจนถึงด้านหลังของเวทีกลางแจ้งที่ตั้งเต็นท์สำหรับทีมงานที่เข้ามาแสดง วงดนตรีสากลตอนนี้เปลี่ยนเป็นวงดนตรีพื้นบ้าน เสียงเมื่อฟังจากระยะไกลยังคงรับรู้ได้ถึงความครึกครื้น แต่รอบตัวระหว่างทางเดินเชื่อมนั้นกลับไม่มีใครได้ยินแค่เสียงแมลงร้องดังแว่วออกมาจากพุ่มไม้ที่ปลูกประดับไว้โดยรอบ
    
          “โทรหาแม่งเลยดีกว่า ....” พอคิดว่าถ้าเข้าไปหลังเวทีคงจะเสียงดังจนแทบไม่ได้ยินอะไรแน่ เด็กหนุ่มร่างสูงดึงเอาโทรศัพท์ออกมากดโทรหาคนที่กำลังตามหาตัวอยู่ทันที....เสียงสัญญาณดังขึ้นครั้งที่หนึ่ง ....ครั้งที่สอง.....ครั้งที่สามก็แล้วแต่ก็ยังไม่มีใครรับสาย จูนไม่แน่ใจว่าเขาหูแว่วไปเองหรือเปล่าแต่คล้ายจะได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังเป็นจังหวะเดียวกับสายที่เขากำลังพยายามจะติดต่ออยู่ในตอนนี้

    
          ....หืม?....เสียงอยู่....แถวนี้?.....


             เด็กหนุ่มก้าวข้ามพุ่มไม้เดินเข้าไปตรงบริเวณของสวนหย่อมของหอประชุมที่มีเพียงแสงไฟรำไรจากโคมไฟประดับสวนที่ตั้งห่างเป็นระยะๆ ตามปรกติแล้วแถวนี้จะไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน จะมีก็แต่คู่หนุ่มสาวที่อยากจะหาพื้นที่ส่วนตัวในการนั่งคุยกันท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกและแสงสลัวของโคมไฟเท่านั้น เมื่อก้าวเข้าไปใกล้เรื่อยๆจูนยังคงได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังแว่วมากับเสียงของคนกำลังพูดคุยกัน เสียงทุ้มต่ำนั้นคลับคล้ายจะเป็นเสียงของเคน ในขณะที่อีกเสียงนั้นเป็นเสียงของผู้หญิง

    
          ...หนอย....รีบเผ่นมาไอ้เราก็นึกว่าไปไหน มายืนสวีทกับแฟนอยู่แถวนี้นี่เอง....


            ด้วยความหมั่นไส้ที่พุ่งทวีเด็กหนุ่มก้าวยาวๆเข้าไปหมายจะเข้าไปขัดจังหวะ แต่แล้วเท้าก็จะหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงของผู้หญิงดังขึ้นมา ร่างสูงโปร่งรีบหลบเข้าไปอาศัยเงาของพุ่มดอกเฟื้องฟ้าขนาดใหญ่เป็นที่กำบังกาย เขาเหลือบมองผ่านช่องว่างระหว่างกิ่งไม้ เห็นชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าขาววาดลายตัวตลกแต่สีหน้าดูเคร่งเครียดไม่ชวนขัน...ไม่ผิดแน่คนๆนั้นจะต้องเป็นเคนอย่างแน่นอน ส่วนอีกคนเป็นเด็กสาวร่างเล็กแม้จะมองจากระยะห่างแต่ยังคงเห็นได้ว่าเป็นเด็กสาวหน้าคมแบบไทยและสวยอยู่ใช่ย่อย

          “พี่เคน ตัดสายโทรศัพท์สักทีจะได้ไหม....” เสียงหญิงสาวเอ่ยท่าทางหัวเสีย ทำให้คนที่หลบอยู่หลังพุ่มไม้รู้ตัวเขารีบกดตัดสายทันที ก่อนจะหันกลับไปมองสถานการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง
    
       “....สายตัดไปแล้ว....” ร่างสูงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะถอนหายใจ “นิด....ทำไมต้องโกรธพี่ขนาดนี้ด้วยล่ะครับ ถ้าเรื่องทาหน้าขาวๆแดงๆนี่ พี่ก็อธิบายไปแล้วนะว่า เป็นเรื่องของการแสดงน่ะ ก็เหมือนพวกตลกในทีวี พวกพี่แค่อยากให้คนขำ” เคนเอ่ยท่าทางลำบากใจอยู่ไม่น้อย
    
         “เรื่องทาหน้าประหลาดๆเนี่ย ถึงนิดจะรับไม่ค่อยได้ แต่ก็พอจะรู้ว่าที่พวกพี่ทำมันเป็นการเล่นตลก ...นิดก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรหรอกว่ามันตลกมากขนาดนั้นเลยหรือเปล่า...แต่ที่นิดไม่เข้าใจเลยคือ พี่เคนบอกว่าพี่เคนไม่มีผู้หญิงคนอื่นไม่ใช่เหรอคะ”
    
        “ก็ไม่มีน่ะสิครับ....อ่ะ....นิด ที่เห็นบนเวทีนั่นเห็นผมยาวแต่งหน้าทาปากนั่น จูน น้องในชมรม นั่นไม่ใช่ผู้หญิงนะ ถึงชื่อจะเหมือนกับดูไกลๆจะเหมือนผู้หญิงตัวควายๆก็เหอะ...นั่นผู้ชายน่ะ”ร่างสูงพูดเน้นย้ำคำสุดท้ายให้ชัดที่สุดเท่าที่จะทำได้

    
  ....ควาย?!... ถ้าอย่างกูควาย แกก็แรดแอฟริกาแล้ว....         จูนแอบกร่นด่ารุ่นพี่ร่างใหญ่คนนั้นอยู่ในใจ


    “กระเทยคนนั้นน่ะเหรอคะ” นิดเอ่ยขึ้นมาทันควัน 

               คำที่เด็กสาวย้ำนั้นดังพอที่คนที่ยืนอยู่หลังพุ่มไม้จะได้ยินเต็มสองหู และเป็นคำพูดที่จูนไม่ได้ชอบใจเลยแม้แต่น้อย เพราะพฤติกรรมของเขาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ใช่ผู้ชายที่เล่นอะไรพาดโผน เขาชอบการอ่านหนังสืออยู่กับบ้าน เขาชอบตุ๊กตาและของน่ารักมากกว่าจะชอบเล่นหุ่นยนต์ที่ดูแข็งกระด้าง....แต่เขาไม่เคยคิดว่านั่นทำให้ความเป็นผู้ชายที่พ่อและแม่สอนสั่งมามันลดน้อยถอยลงไป ......


             ...กูไม่ใช่กระเทยเว้ย.... เด็กหนุ่มอยากจะพุ่งออกไปพร้อมกับคำพูดนั้นและเขาเกือบจะก้าวขาออกไปแล้ว หากไม่ได้ยินเสียงตวาดของเคนที่ดังขึ้นมา

   “จูนไม่ใช่กระเทย!!!” ร่างสูงกับเสียงทุ้มที่เปล่งออกมาจากลำคออย่างหนักแน่นนั้นทำเอาเด็กสาวถึงกับสะดุ้ง 


....................... to be continued

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
เลิกเลย เลิกเลย เลิกเลยยยยย :m14:

ออฟไลน์ shiawase

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
อั้ยยะๆๆๆๆๆ  พี่เคนปกป้องน้อ

ส่วนแม่นิด  เทอหนะอย่าเพ้อเจ้อ นั่งเงียบๆไปเลยระ!!!!

ปล.ผีไม่ผลักแต่พี่เคนผลักเองงงงงง  อุกิ้ววววว

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
กว่ามันจะรักกันนี่คงแกล้งกันจนเบื่ออะ
ละไปตะคอกใส่ผญทำไม!!!เดี๋ยวตีปากเลยพี่เคน555555555555555
จูนได้จูบเคนแล้วอะ ฟินมะแกรชอบนิคนหน้าตาดีอะ ขำ

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
-8-

              “จูนไม่ใช่กระเทย!!!” ร่างสูงกับเสียงทุ้มที่เปล่งออกมาจากลำคออย่างหนักแน่นนั้นทำเอาเด็กสาวถึงกับสะดุ้ง

        
          “ทำไมพี่เคนต้องขึ้นเสียงกับนิดด้วยล่ะ ...นิดพูดผิดตรงไหน แต่งหน้าทาปากท่าทางก็ขนาดนั้น....หรือเดี๋ยวนี้ที่พี่เคนไม่ค่อยมาเจอนิดก็เพราะต้องอยู่กับคนนี้เหรอคะ... ที่พี่เคนบอกว่าไม่มีผู้หญิง...แต่มีกระเทยคนนี้ใช่ไหมคะ นิดเห็น เพื่อนนิดก็เห็น ว่าพี่จูบกระเทยนั่นจนเพื่อนนิดล้อนิดใหญ่เลย ว่าเดี๋ยวนี้พี่เคนเปลี่ยนใจไปชอบกระเทยแล้ว”

         เด็กสาวพูดต่อยาวเหยียด ใบหน้าสวยของนิดงอง้ำ เธอถูกเพื่อนล้อ ทั้งๆที่ความจริงแล้ววันนี้ที่ชวนเพื่อนมาด้วยหลายคนเพราะว่าอยากจะให้เพื่อนมาพบกับแฟนหนุ่มสุดหล่อแสนดีของตัวเอง ไม่ได้คาดหวังเลยว่าจะต้องมาเห็นคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนของตัวเองไปจูบกับ...ผู้หญิงในร่างชายแบบนั้น
 
          “เขาเป็นผู้ชาย....และที่สำคัญเขาเป็นเพื่อนของพี่ เพราะฉะนั้นถ้านิดจะพูดถึงจูนอีก พี่ก็อยากให้นิดช่วยให้เลือกใช้คำที่ดีกว่านี้หน่อย” เคนสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามจะอธิบายให้อีกฝ่ายได้เข้าใจในใจของเขาอยู่ๆก็มีความรู้สึกขุ่นมัวเกิดขึ้นเพราะคำพูดของแฟนสาว แต่ในขณะเดียวกันคำพูดของเคนก็ทำให้นิดเด็กสาวร่างเล็กถึงกับชักสีหน้า 
    
       “ห่วงความรู้สึกเขามากกว่านิดด้วยเหรอคะ นิดเห็นว่าพี่เคนน่ะจูบนานมากด้วย....หรือว่าพี่เคนอยากจะลองของแปลก

           “นิด...พูดเกินไปแล้วนะ” คิ้วคมของเคนขมวดมุ่น มองหน้าของแฟนสาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
    
       “เกินไปเหรอคะ...แล้วที่ไปจูบกับกระเทยนั่นบนเวทีต่อหน้าคนอื่น ต่อหน้านิด ไม่เกินไปเหรอคะ... ”นิดเองก็ใช้เสียงดังขึ้น

          “นิด...ไม่เข้าใจ มันก็แค่การแสดงน่ะ พี่เล่นนอกบท...ก็แค่หยอกกันเล่นทำไมต้องจริงจังด้วย”เคนส่ายหน้า เขารู้แล้วว่ามันไม่ใช่ไอเดียที่ดีเลยที่ยอมใจอ่อนให้อีกฝ่ายมาดูสิ่งที่เขาทำ

          “ใช่ค่ะ นิดไม่เข้าใจ! จะบอกว่าหยอกกันเล่นก็ไม่เข้าท่าแล้ว หรือถ้าพี่จะบอกว่าพี่เล่นนอกบท ก็ทำไมต้องเล่นนอกบทแบบนั้นด้วยคะ...เพราะถ้ามันเป็นแค่การแสดงแล้วทำไมพี่เคนไม่คิดล่ะคะ ว่าการแสดงของพี่เคนน่ะมันก็แกล้งทำได้เหมือนกัน! แล้วทำไมจะต้องจริงจัง ถึงขนาดจูบกันจริงอะไรจริงแบบนั้นด้วย!”

            ความรู้สึกหึงหวงมันสะท้อนออกมาให้คนที่แอบฟังอยู่หลังพุ่มไม้รู้สึกได้ชัดเจน แต่เขาไม่แน่ใจว่ารุ่นพี่หน้าขาวที่เจอผู้หญิงคนนั้นกำลังพูดใส่อยู่ตรงหน้านั้นจะรู้สึกได้หรือไม่ และจะรู้สึกอย่างไรบ้าง 

    
        คำพูดตรงๆนั้นเหมือนจะทำให้ส่วนหนึ่งในใจของเคนฉุกคิดขึ้นมาได้ ถ้าเขาเพียงแค่แกล้งทำเหมือนจูบจูนไปเขาก็ทำได้ แต่เพราะอะไรเขาถึงไม่ทำ....อาจต้องโทษความอยากเอาชนะเล็กๆของตัวเองก็เป็นได้
    
      “โอเค นั่นมันก็จริง แต่นิดก็เป็นคนบอกว่าอยากมาดูเอง...พี่คงขอให้นิดเข้าใจทุกอย่างก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นพี่จะทำอะไรบนเวที....พี่ก็คิดแค่ว่ามันเป็นการแสดงแล้วมันก็ไม่เกี่ยวกับนิดด้วย เพราะฉะนั้นก็อย่าใส่ใจให้มัน....”
    

      ...เผี้ยะ....


         เสียงฝ่ามือกระแทกลงบนหน้าของชายหนุ่มร่างสูง อันที่จริงมันแตะเพียงแค่ปลายคางเพราะร่างเล็กนั้นไม่ได้สูงอะไรมากมายแต่ก็คงเงื้อมือเต็มที่เลยทีเดียวเพื่อที่จะส่งแรงโกรธนั่นมาให้ถึง

       ...ตายโหง...  คนที่อยู่หลังพุ่มไม้ก็ถึงกับตะลึงเหมือนกัน เขาไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นเรื่องขนาดนี้

     
          “พี่เคน นิดเป็นแฟนพี่เคนนะ พูดแบบนี้นี่ไม่คิดถึงใจนิดบ้างเลยใช่ไหม ....นิดไม่อยากพูดกับพี่แล้ว” สองมือเล็กผลักอกกว้างของเคนเต็มแรงแต่เคนดูจะไม่สะดุ้งสะเทือนเท่าไรนัก ก่อนจะวิ่งไปอีกทาง...ดูท่าว่าคืนนี้นัดทานข้าวหลังแสดงเสร็จคงจะต้องเลื่อนออกไปอีกนาน
    
        ชายร่างสูงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ที่ปลายคางยังรู้สึกแสบเพราะรอยเล็บที่แฟนสาวฝากทิ้งเอาไว้ และมันยิ่งแสบมากขึ้นเมื่อสายลมในยามค่ำคืนพัดผ่านมา  เสียงดนตรีพื้นบ้านยังคงดังแว่วมาให้ได้ยินแต่ในใจตอนนี้ไม่ได้มีความรู้สึกอยากจะสนุกสนานไปตามจังหวะนั้นเลยแม้แต่น้อย


    ....มันอาจจะจริงอย่างที่นิดว่า....
    ....เราไม่ได้คิดถึงนิดเลย.... ทั้งๆที่เป็นแฟนกันแท้ๆ...
    ....อันที่จริง...ตอนที่ทำลงไป ก็ไม่ได้คิดถึงจูนด้วย....
    ....ไม่ได้คิดถึงใครเลย...



          พลันเสียงพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ห่างออกไปขยับ ร่างสูงสะดุ้ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าเงาตะคุ่มที่เดินออกมาจากพุ่มไม้นั้นเป็นใครเมื่อร่างนั้นก้าวเข้ามายืนอยู่ในแสงไฟ
    
         “.....ผม...เอาของมาให้” จูนกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ก่อนจะเอ่ยออกมาเป็นคำพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง พลางยื่นกระเป๋าเป้ให้กับอีกฝ่าย
    
      “อืม....ขอบใจนะ” เคนยิ้มให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมือแกร่งยื่นไปรับกระเป๋าเป้มาพลางเปิดกระเป๋าล้วงเอากุญแจรถออกมา
    
     “โชติ กับ ยุทธ์ล่ะ ...กลับไปแล้วเหรอ” ร่างสูงถามพลางควานหากุญแจรถจากก้นกระเป๋า
    
     “อื้ม กลับไปพักใหญ่แล้วล่ะ....ถ้างั้น...ผมก็กลับเลยก็แล้วกัน” เด็กหนุ่มว่าพยายามจะพาตัวเองออกจากบรรยากาศที่ชวนอึดอัดนี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
 
        “เดี๋ยวสิ...” แต่มือแกร่งที่ถือกุญแจเอาไว้กลับคว้าข้อมือของจูนเอาไว้
    
      “เดี๋ยว...พี่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งก็แล้วกัน.... โอเคนะ” เป็นคำถามเชิงบังคับอีกเหมือนทุกครั้งแต่จูนก็พยักหน้าตกลงที่จะกลับกับอีกฝ่ายโดยดี ระหว่างที่เดินไปยังที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ห่างออกไป ไม่มีบทสนทนาใดๆดังขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งคู่ จูนแค่เดินตามไปอย่างเงียบๆในขณะที่เคนเองก็เดินนำไปอย่างเงียบๆด้วยเช่นกัน
    
       ระยะทางการเดินมายังลานจอดรถมอเตอร์ไซค์นั้นไกลกว่าปรกติเล็กน้อยเพราะมอเตอร์ไซค์ของเคนเป็นมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ จะเอาเข้าไปเบียดกับมอเตอร์ไซต์คันเล็กแบบของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยทั่วไปก็ไม่สะดวก เลยต้องไปจอดไว้ห่างผู้ห่างคนเพราะอย่างน้อยจะได้ไม่ต้องกลัวว่ามีใครจะเอารถมาจอดเบียดด้วยหรือเปล่า
 
         จูนเดินตามริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น เขาไม่แน่ใจว่าควรจะต้องรู้สึกอย่างไร หรือ  ควรจะพูดอะไรกับอีกฝ่ายดี เขาอดแปลกใจว่าอารมณ์ฉุนเฉียวของตัวเองที่มีมาก่อนหน้านี้นั้นมันหายไปไหนหมด ความรู้สึกในตอนนี้มันแปลกประหลาด เขาไม่เคยเห็นใครตบกันมาก่อน ถ้าไม่นับในทีวีกับรายการจำพวกละครหลังข่าว ในหัวของจูนนั้นมีแต่คำถาม เขาควรจะพูดอะไรไหม หรือ เขาควรจะเงียบเอาไว้ ในเมื่อสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อีกฝ่ายโดนแฟนสาวตบมันก็มาจากตัวของเขาเอง
   
      “ เอ้า...หมวก...” หมวกกันน็อคสีชมพูหวานที่ยื่นมาตรงหน้าทำให้เด็กหนุ่มที่จมอยู่กับความคิดของตัวเองมาตลอดทางถึงกับสะดุ้ง
       
      “อ่ะ....อะไร?” ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเหลือบมองหน้าของอีกฝ่ายอย่างตกใจ
   
      “หมวกไงเล่า ...ทำหน้างงทำไม ....”
    
     “อ่ะ ขอบคุณครับ” จูนรับหมวกมา ดวงตาสีน้ำเงินพิจารณาหมวกสีชมพูหวานที่ถืออยู่ในมือ ความจริงคนที่น่าจะได้มาสวมหมวกใบนี้ในคืนนี้น่าจะเป็นเด็กสาวคนนั้นมากกว่า เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นความรู้สึกผิดวิ่งเข้ามาจับใจอย่างน่าประหลาด
    
     “ทำไมทำหน้างั้นเล่า รีบใส่หมวกซะ” ร่างสูงว่าพลางขยับรถถอยออกมาแล้วคร่อมเอาไว้ “วันนี้....อาจจะขี่รถเร็วหน่อยนะ...ถ้ากลัว...จะจับเอวพี่ก็ได้ ไม่ว่า” เสียงเคนพูดกลั้วหัวเราะเบาๆ เขารู้ว่าจูนไม่ใช่คนขี้กลัวขนาดนั้น
    
     “ใครกลัว...พี่ขี่ ผมซ้อน ก็เหมือนทุกทีล่ะน่า” จูนว่าพลางชกเข้าไหล่ของร่างสูงเบาๆ ก่อนจะขึ้นซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ของอีกฝ่ายเหมือนอย่างทุกครั้ง
    
      “ไปเลย.....” จูนว่าไม่ได้จับเอวของอีกฝายเหมือนอย่างที่อีกฝ่ายว่าเอาไว้
    
      “โอเค...”  เสียงเคนดังอู้อี้จากในหมวกกันน็อค


          เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มเคนบิดคันเร่งเต็มที่ รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่แล่นออกไปตามถนนที่เป็นทางตรงมุ่งหน้าออกไปยังถนนใหญ่ที่ตัดผ่านหน้ามหาวิทยาลัย สองข้างทางมีทิวสนสูงขึ้นเรียงราย แสงไฟที่สาดส่องมาจากฝั่งตลาดเปิดท้ายขายของทำให้เห็นเป็นเงาดำตระหง่านอยู่ทั้งสองข้างทาง  ความเร็วที่วิ่งแหวกอากาศนั้นเร็วมากเสียจนจูนได้ยินเพียงเสียงอื้ออึงที่สองข้างหูเขาไม่แน่ใจนักว่าเจ้าของแผ่นหลังตรงหน้ากำลังคิดอะไร แต่เคนคงกำลังรู้สึกอะไรบางอย่าง แรงอารมณ์บางอย่างที่อยากจะปลดปล่อยออกไปกับความเร็วและพลังของเครื่องยนต์ที่อยู่ในมือ และมัน....

    
       ....น่ากลัวใช่ย่อย....


 
         มือเรียวเผลอจับชายเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายเอาไว้อย่างช่วยไม่ได้ ปลายนิ้วของจูนที่ยึดเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้หลวมๆนั้นแตะกับเสื้อที่สัมผัสกับผิวของเคน เขารู้สึกได้ถึงความร้อนจากร่างนั้น เด็กหนุ่มก้มหน้าลงเล็กน้อยใช้ไหล่กว้างของอีกฝ่ายเป็นที่กำบังเลี่ยงลมที่จะปะทะเข้ามาในใจนึกอยากจะให้เคนรีบพาเขาไปถึงที่หอพักสักที....


....................................

 
            รถมอเตอร์ไซต์ของเคนพาทั้งคู่ผ่านการจราจรคับคั่งของคืนวันเสาร์มาถึงหอพักของจูน เด็กหนุ่มนั่งตัวแข็งทื่ออยู่อย่างนั้นจนสะดุ้งรู้สึกตัวรีบกระโดดลงจากรถทันที
    

         “โอ้ย....หัวใจจะวาย....”
 
          “พี่ขี่รถน่ากลัวขนาดนั้นเลย?....” เคนหัวเราะออกมาเบาๆพลางถอดหมวกกันน็อคเต็มใบของตัวเองออก สีขาวบนใบหน้าเปื้อนผ้าบุด้านในจนเห็นเป็นรอยขาว คำถามนั้นทำให้จูนที่กำลังก้มลงทำท่าเหมือนอยากจะอาเจียนอยู่นั้นต้องตวัดสายตาขึ้นมองทันที
    
        “มาก” จูนตอบเสียงดังฟังชัด
    
        “เหรอ...โทษทีนะ....” เคนเขามองหน้าของจูนก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง  “งั้นพี่กลับล่ะ...”
 
          “เดี๋ยวซิ่ “ มือเรียวเผลอยื่นออกไปคว้าแขนของอีกฝ่ายเอาไว้
    
        “หืม....” เคนเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าขาวๆที่เลอะตรงปลายคางและข้างแก้มนั้นทำให้จูนต้องกลั้นหัวเราะ
 
         “ฮ่ะๆ...พี่จะกลับทั้งๆแบบนั้นจริงๆเหรอ...ทาหน้าขาวแบบนั้นตำรวจที่ตั้งด่านขากลับคงไม่ให้พี่ผ่านหรอก....” เคนทำหน้าเหยเขาไม่อยากไปติดแหง็กอยู่แถวๆด่านที่มักจะตั้งจับคนไม่มีหมวก ไม่ก็ไม่มีใบขับขี่อยู่แถวๆทางเข้ามหาวิทยาลัย
     
      “แล้ว...ให้ทำไงล่ะ”
    
     “ล้างสิพี่ อ๊ะ อย่าแม้แต่จะคิดว่าเดินไปล้างน้ำแล้วจะออกนะ พวกนี้มันต้องเอาที่ล้างเครื่องสำอางล้างโดยเฉพาะ...พี่จะ...” จูนดูลังเล แต่เขาก็ปล่อยให้อีกฝ่ายกลับไปทั้งสภาพนี้ก็คงไม่ได้ “ขึ้นไปบนห้องผมก่อนก็ได้”
    
      “ชวนขึ้นห้อง...?” เคนเลิกคิ้วเตรียมจะส่ายหน้าแต่ก็ทำไม่ได้เพราะมือเรียวของจูนตะปบเข้าที่สองแก้ม
    
     “ไปล้างหน้า...ใช้คำพูดให้มันดีๆหน่อยเหอะ” จูนสบตาของอีกฝ่ายนิ่งน่าแปลกจริงที่ในตอนนี้บรรยากาศเดิมของการสนทนาระหว่างพวกเขาทั้งสองคนได้กลับคืนมา แต่ลึกๆแล้ว บางทีในใจของเขาและเคนเองก็อาจจะรู้สึกกระอักกระอ่วนไม่ได้ต่างกันเท่าไรนัก ทั้งในเรื่องที่ตัวตลกหน้าขาวตรงหน้านี่ทำไปเมื่อวันก่อน และเมื่อหัวค่ำ แล้วก็เรื่องที่เขาเป็นต้นเหตุให้อีกฝ่ายโดนตบแถมยังไปเห็นฉากนั้นเข้าอย่างจัง 

     “ไปเร็ว รีบๆล้าง ขืนทิ้งไว้นานๆหน้าพังพอดี”   จูนขมวดคิ้วก่อนจะเดินนำอีกฝ่ายเข้าไปด้านในหอพักของตัวเอง


........................................ to be continued


ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
เค้าเข้าห้องกันแล้ว กิ๊บกิ๊ววววววววว

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@talk@@@
เข้าห้องกันแล้ว รอบนี้จะมีผีผลัก ไหมนะ
 :hao3:



- 9 -


        ทั้งสองขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้นเจ็ดจากอาคารสูงแปดชั้น ระหว่างทางที่จะเดินไปถึงห้องของจูนอย่างสำรวจตรวจตรา อีกฝ่ายไม่เคยชวนเขาขึ้นมาบนหอพักเลยสักครั้ง
 
          “หรูซะ...แกนี่คุณชายจริงๆด้วยแฮะ” เคนเผลอพูดออกมาเบาๆ ในหัวของเขากำลังนึกเปรียบเทียบสภาพหอกลางเก่ากลางใหม่ของตัวองกับหอใหม่เอี่ยมของจูน
    
        “คุณชายอะไรกัน ก็คนธรรมดานี่ล่ะ....” เด็กหนุ่มพูดเบาๆ ก่อนจะเสียบคีย์การ์ดเพื่อเปิดประตูห้องเข้าไปด้านใน
    
        “พี่เคนหาที่นั่งไปก่อนนะ เดี๋ยวผมไปหาอุปกรณ์มาก่อน ท่าจะงานหนัก...” เด็กหนุ่มว่าพลางส่ายหน้าแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้ร่างสูงยืนสำรวจห้องนอนของตัวเองอยู่อย่างนั้น
    
          ห้องพักของจูนเป็นห้องพักแบบหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่น มีพื้นที่พอวางตู้เย็นและเตาไมโครเวฟชั้นวางจานอยู่มุมหนึ่งของห้อง โทรทัศน์หนึ่งเครื่องพร้อมชุดโซฟาและโต๊ะกระจกตัวเล็กๆอีกตัวหนึ่ง  กั้นเป็นห้องนอนอยู่ติดระเบียงด้วยประตูบานเลื่อนสีขุ่นทางด้านซ้ายมีประตูห้องน้ำ เคนมองเลยเข้าไปด้านในของห้องนอนที่บานประตูเปิดทิ้งเอาไว้ เห็นด้านหนึ่งของผนังมีโปสเตอร์วงดนตรีร็อคแบบญี่ปุ่นที่แต่งตัวจัดจ้าน ผิดแผกจากนักร้องเกาหลีที่เห็นตามโทรทัศน์เดี๋ยวนี้อยู่ไม่น้อย  ยังไม่รวมแผ่นซีดีที่วางอยู่บนโต๊ะร่วมกับหนังสือการ์ตูนอีกหนึ่งกองปนๆไปกับชีท สมุดโน๊ตและหนังสือเรียน และที่น่าสนใจก็คือตุ๊กตาขนปุยที่วางอยู่บนหัวเตียงแบบที่เรียกได้ว่าเป็นสวนสัตว์ย่อมๆ
 
          “อืมม...สมเป็นห้องเด็กญี่ปุ่นจริงๆ...” เคน ถือวิสาสะจะเดินเข้าไปดูด้านในเขตห้องนอน
    
       “เฮ้ย...ห้ามดูนะ!”  ทำเอาเจ้าของห้องที่มัวเดินเข้าห้องน้ำไปหาอุปกรณ์สำหรับล้างเครื่องสำอางแทบโยนของทุกอย่างออกมามือแล้ววิ่งมาปิดประตูห้องนอนของตัวเองแทบไม่ทัน เด็กหนุ่มปราดเข้ามาบังประตูหน้าห้องของตัวเองทันที แต่ใบหน้าขาวนั้นกลับมีรอยยิ้มกริ่มที่ชวนให้หงุดหงิดอยู่ไม่น้อย

          “เห็นหมดแล้ว...โปสเตอร์ ซีดี การ์ตูน ตุ๊กตาอีกหนึ่งฝูง กับกางเกงในที่ถอดทิ้งไว้....”
    
        “...ไม่ได้ถอดกางเกงในทิ้งไว้เว้ย....” จูนโวยหน้าแดงขึ้นมาทันที “กวนประสาทจริง....มานี่เลย รีบๆเช็ดพี่จะได้รีบๆกลับ”   ว่าพลางก็เดินกลับไปเก็บของที่โยนกระจุยไปเมื่อครู่ กลับมานั่งที่โซฟาตรงกลางห้อง
    
       “เออๆ ไล่จริง.....” เคนหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะเล็กมานั่งตรงข้างๆของอีกฝ่าย แล้วกันหน้าเข้าหา  “แบบนี้โอเค?...”
    
      “ครับ.... เอ้า หลับตาด้วย” จูนว่าพลางใช้สำลีที่ชุบโลชั่นล้างเครื่องสำอางค่อยๆเช็ดรอบดวงตาของอีกฝ่ายอย่างเบามือ แม้จะเรียกได้ว่าเช็ดง่ายกว่าที่คิดแต่ก็ดูท่าจะต้องหมดสำลีกันหลายแผ่นกว่าจะเช็ดสีออกจากบริเวณดวงตาทั้งสองข้างได้หมด
    

      เคนที่หลับตาลงสัมผัสได้ถึงสัมผัสเบาๆแต่อ่อนโยนที่เขาติดใจนักเมื่อตอนหัวค่ำ อีกฝ่ายมือเบามากเสียจนรู้สึกอยากจะหลับไปให้ได้เสียเดี๋ยวนี้ แต่ในใจยังเกิดคำถาม...ที่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าควรจะเอ่ยถามออกไปหรือเปล่า ท่ามกลางความมืดเคนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศในห้องของจูนกำลังทำงาน เสียงแผ่วๆจากคอมเพรซเซอร์ตู้เย็นก็กำลังทำงาน สรรพเสียงรอบด้านคล้ายจะบรรเลงสอดประสานได้ดีกับเสียงลมหายใจแผ่วๆของจูนที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงฟุต เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวนั้นมันสงบลงไม่น้อย เคนปล่อยให้จูนค่อยทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปอย่างเงียบๆ ก่อนที่จะตัดสินใจอะไรบางอย่าง รุ่นพี่ร่างใหญ่สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนที่จะกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่ 


           “.... ยืนอยู่ตรงนั้น....นานไหม?” เขาเอ่ยถามออกไปเสียงของเคนสั่นเล็กน้อย

            “อะ...อะไร...ตรงนี้จะเสร็จเมื่อไรน่ะเหรอ อีกแป๊บนึง นี่ก็ครึ่งหน้าแล้ว คิดถึงตอนทาดิ่ตั้งนาน...” จูนพยายามเฉไฉทั้งที่ได้ยินเต็มสองหู ดวงตาสีน้ำเงินเสมองไปอีกทาง ยังไม่รวมเสียงที่แหบพร่าจนน่าประหลาดใจ จูนนึกขำตัวเองอยู่ในใจถึงจะอยู่ชมรมการแสดงแต่ก็ใช่ว่าจะแสดงได้แนบเนียนเสมอไป ...เพราะอย่างไรเสียเขาก็เป็นคนที่ถูกสั่งเทคบ่อยที่สุดในชมรม
    
         “ตรงที่พี่กับนิดคุยกันน่ะ แกอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน” เคนถามซ้ำ
    
         “อ่ะ...เอ่อ...ก็ ...” จูนอึกอักจังหวะของสำลีที่เช็ดลงบนใบหน้าของเคนสั่นไหวเล็กน้อยเพราะมือที่กระตุก   
    
        “นี่...................” มือแกร่งยกขึ้นคว้าข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้ แม้จะยังหลับตาอยู่แต่ประสาทสัมผัสของเคนก็ทำงานได้ดีไม่น้อย เพราะถูกฝึกมาอย่างดีจากกีฬาหลากหลายประเภทในวิชาที่เรียน ดวงตาคมที่ตอนนี้เช็ดแป้งสีขาวและสีออกไปจนเกือบหมดแล้วลืมตาขึ้นสบตาของอีกฝ่ายนิ่ง
 
          “ก็...เอ่อ....ก็....” เด็กหนุ่มยิ่งอึกอักเข้าไปใหญ่ ยิ่งเจอดวงตาคู่นั้นมองมาแล้วเขาละสายตาไปไหนไม่ได้จริงๆ
 
      “ก็....ตั้งแต่ตอนที่โทรศัพท์เข้าไปนั่นล่ะ...ผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะ...แค่....ไม่รู้จะแสดงตัวยังไงก็เท่านั้น”เจ้าของผมสีทองพึมพำ เด็กหนุ่มหลุบสายตาลงต่ำไม่กล้าแม้แต่จะสบตาตอบ
    
      “ได้ยินเรื่องทั้งหมดเลยใช่ไหม....”
     
      "พวกพี่ก็ไม่ได้คุยกันเบาๆ นี่นา..." จูนตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบา รู้สึกได้ถึงความร้อนที่ส่งผ่านมาจากฝ่ามือแกร่งนั้น
 
         "นั่นสินะ..." เคนมองลงต่ำพลางแค่นเสียงหัวเราะเบาๆ มันช่างน่าขำเมื่อนึกย้อนไปแล้วคงไม่มีเรื่องใดที่ทำให้เขารู้สึกอายได้ไปมากกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้   "ก็โดนตบไปตั้งฉาดนึงเลยนี่นา..." เคนยิ้มฝืนๆ ถึงจะไม่ได้โดนเต็มๆฝ่ามือ แต่ในใจนิดตบโดนเขาอย่างจัง  "เจ็บเหมือนกัน.... "
    
      “ผมขอโทษที่ไปยืนฟังอยู่แบบนั้น” เสียงนุ่มของจูนเอ่ยขึ้นเบาๆ "ขอโทษ..." เด็กหนุ่มเอ่ยออกมาเบาๆ สองไหล่ห่อลงเล็กน้อยในแบบที่แม้แต่เจ้าตัวก็คงไม่รู้ตัว ปรกติจูนเป็นคนห่อไหล่น้อยๆอยู่แล้วเพราะความสูงของตัวเองเมื่อเทียบกับเพื่อนที่เรียนด้วยกันที่เป็นผู้หญิงร่างเล็กเสียส่วนใหญ่ทำให้ต้องค้อมตัวห่อไหล่เล็กน้อยอยู่ตลอดจนติดเป็นนิสัย สองคิ้วขมวดมุ่นด้วยความกังวล

          "เฮ้ย....ขอโทษอะไร" เคนอุทานพลางเงยหน้าขึ้นมามองหน้าของอีกฝ่าย
    
       "ก็...พี่โดนตบเพราะผม...." จูนหลบสายตา เด็กหนุ่มพูดเสียงเบาเสียจนใกล้จะกลายเป็นเสียงกระซิบ “แฟนพี่เข้าใจว่าผมเป็น....” จูนกำมือแน่นเขาเองก็ไม่อยากพูดถึงคำๆนั้น เขาได้ยินมันบ่อยเสียจนรู้สึกว่าควรจะชาชินกับมันได้แล้ว แต่ก็ยังทำใจยอมรับสรรพนามนั้นที่ตัวเองไม่ได้เป็นไม่ได้สักที

 
           เคนมองท่าทางของอีกฝ่าย จูนนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้า มือข้างที่เขากำข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้ถือสำลี อีกมือก็วางบนหน้าตัก ปลายนิ้วขยับเบาๆเหมือนไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหน  รุ่นพี่ร่างใหญ่ถอนหายใจออกมาเบาๆ จูนที่ปรกติเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ในตอนนี้กลับให้ความรู้สึกเหมือนตัวเล็กลงจนเหลือตัวกระจิดเดียว ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายผิดแล้วทำไมจูนจะต้องมารู้สึกผิดจนต้องเอ่ยปากขอโทษเขาขนาดนี้ด้วย
    
       “ฟังนะ.......” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะปล่อยข้อมือของอีกฝ่าย “ มันไม่ใช่เรื่องที่แกจะต้องมาขอโทษอะไรพี่หรอกนะ....แกก็แค่บังเอิญอยู่ตรงนั้น มันก็เท่านั้น.... ............และฟังพี่นะ” แต่คำพูดของเคนเหมือนจะไม่เข้าไปสู่โสตประสาทของเด็กหนุ่มตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย จูนกำลังดำดิ่งลงสู่ห้วงความคิดบางอย่างของตัวเองและเหมือนกับการมีอยู่ของจูนนั้นกำลังจะหายไปทั้งๆที่ยังนั่งอยู่ตรงหน้าของเขาแท้ๆ 
     
        “เฮ้ย...” มือแกร่งจับไหล่ทั้งสองข้างของจูนเอาไว้ เหมือนจะเรียกสติของจูนให้คืนกลับมา “ถ้าแกไม่ใช่ก็อย่าไปสนใจ.... “
 
          “พี่คิดแบบนั้นจริงๆเหรอ....” แต่ในดวงตาสีน้ำเงินที่มองกลับมานั้นกำลังเต็มไปด้วยคำถาม
    
      “เออสิวะ....แกก็.....” เคนอึกอักอยู่ๆก็รู้สึกเขินเมื่อนึกถึงคำพูดของตัวเองเมื่อหัวค่ำ “แก...ก็น่าจะได้ยินที่พี่พูดไปแล้วนี่... เอ่อ... เอาเป็นว่า...พี่ขอโทษแทนนิดด้วยที่เขาพูดอะไรแบบนั้น เขาแค่กำลังโกรธ” เคนพูด ดวงตาคมที่จ้องมองมานั้นแสดงให้เห็นถึงความขุ่นเคืองที่มีต่อแฟนสาวที่ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ “แล้ว...... “ ร่างสูงหยุดลดมือลงจากทั้งสองไหล่ของคนที่อยู่ตรงหน้า   
      “พี่ก็ขอโทษ ที่แกล้งแกไปเมื่อวันก่อน มันงี่เง่า ...ที่ทำให้แกกลัวแบบนั้น....” 
    
      “ถ้าเรื่องโดนแกล้งแบบวันก่อน แล้วก็เรื่อง กระเทย อะไรนั่น....ผม...ชิน...แล้วล่ะ” จูนแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ เขาเจอล้อเรื่องแบบนี้มาแต่เด็กจนโต เถียงจนเอ็นคอจะฉีกก็คงไม่มีใครบอกว่าฟังขึ้น “พี่ก็ดูผมทำตัวดิ่.....” ว่าพลางก็ชี้ไปทางห้องนอนของตัวเอง “ผมแค่ชอบอะไรที่มันเล็กๆ นุ่มๆน่ะ กอดแล้วมันสบายใจดี ....กรีดอายไลน์เนอร์ไปเรียน วันดีคืนดีก็ติดกิ๊บไปเรียน...ตัวไม่ค่อยดำเพราะชอบอ่านหนังสือดูหนังฟังเพลงอยู่ในบ้านมากกว่า มีกล้ามแต่ไม่ค่อยได้ใช้ ไม่เล่นกีฬาเพราะผมเป็นหอบตอนเด็กๆ โตมาเลยกลายเป็นขี้เกียจไป....แล้วอีกอย่าง” จูนหยุดเล็กน้อยก่อนจะหันมามองหน้าของเคน แล้วเบนสายตาไปอีกทาง ทำอย่างไรก็ไม่ชินกับดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นเสียที “ผมแค่ชอบคนหน้าตาดี ...จะผู้หญิงก็เถอะ ผู้ชายก็เถอะ ผมชอบหมดนั่นล่ะ เพราะผมรู้ว่าผมไม่ได้หน้าตาดีขนาดนั้น....ก็แค่ชื่นชมธรรมชาติของคนอื่น ...อืม...ผมคงแปลกจริงๆ”
    

       “ที่พูดๆมามันก็ไม่ได้เป็นข้อเสีย อ่านหนังสือแล้วหัวดีเรียนดีแบบแกมีคนอยากเป็นตั้งเยอะแยะไป หน้าตาก็ญี่ปุ่น เกาหลี ซะขนาดนี้....แล้วแกจะมามัวพูดว่าตัวเองทำไม....อีกอย่าง...เรื่องบางเรื่อง อย่าให้มีคนมาทำอะไรกับเราจนเคยชินสิ สู้เขาบ้าง...เหมือนที่แกดิ้นสู้ตายวันนั้น...หมัดหนักใช้ได้...” เคนจับศีรษะของอีกฝ่ายให้หันกลับมามองหน้ามือแกร่งขยี้ลงบนเส้นผมสีอ่อนนั่นเบาๆ ก่อนจะรีบยกมือออกเหมือนนึกขึ้นมาได้ “เออ...ขอโทษแกไม่ชอบให้เล่นหัวนี่นะ”  ชายหนุ่มยิ้มแห้งๆ ในใจแอบคิดว่ามันอาจจะดีกว่าถ้าเขาเพลาๆมือจากการแหย่อีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู เพราะไม่เพียงแต่อีกฝ่ายจะโกรธแล้วอาจจะยังโดนใครต่อใครเข้าใจผิดอีกก็เป็นได้
    
        คำพูดกับการกระทำของเคนทำเอาคนที่เจอแกล้งด้วยการขยี้หัวเป็นประจำอย่างจูนได้แต่กระพริบตามองปริบๆอย่างช่วยไม่ได้ ริมฝีปากได้รูปอมยิ้มน้อยๆ เขาหันไปหยิบสำลีชุบโลชั่นแผ่นใหม่ขึ้นมาพลางทำท่าให้อีกฝ่ายนั่งหน้าตรงๆ
    

       “....บางเรื่อง ถ้าจะทำตัวให้ชินบ้างก็คงไม่เป็นอะไรใช่ไหมล่ะ” จูนพูดเบาๆ
    
       “เหรอ... “ ได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้นก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้ “ขอบใจนะ..... “ 
     
      “พูดมากน่า....เอ้าจะเช็ดแล้วนะหน้าเนี่ย ...เดี๋ยวจะดึกไปมากกว่านี้...”   แต่ก่อนจะได้ลบแป้งบริเวณใบหน้า ดวงตาสีน้ำเงินของจูนก็สังเกตเห็นที่ผิวตรงปลายคางของเคนเห็นรอยแดงจากๆที่หญิงสาวร่างเล็กคนนั้นฝากทิ้งเอาไว้ เป็นรอยให้เห็นชัดเจนเพราะแป้งตรงส่วนนั้นเลือนหายไป  ปลายนิ้วเรียวยิ่งเบามือเมื่อต้องสัมผัสผ่านส่วนแผล เขารู้ว่ามันแสบเพราะได้ยินเสียงเคนสูดลมหายใจเข้าริมฝีปากเบาๆ
    
      “ทนหน่อยละกัน ....เช็ดพวกนี้ออกให้หมดแล้วเดี๋ยวผมทำแผลให้”
    
      “อืม.............” เคนรับคำในลำคอเบาๆ
 
           แป้งสีขาวค่อยๆถูกเช็ดอออกไปอย่างเบามือ เผยให้เห็นผิวเนื้อบนใบหน้าคม จูนกลั้นลมหายใจเล็กน้อยเมื่ออยู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขาแพ้ใบหน้าคมๆของเคนมากแค่ไหน
     
       “เป็นอะไรอีกล่ะ...หืม?...” เมื่อเห็นอีกฝ่ายเช็ดๆหยุดๆ ท่าทางแปลกๆจนต้องถามออกไป
     
       “เปล๊า... ไม่มี ไม่ได้เป็นอะไร” จูนส่ายหน้ารัวพลางอุทานเสียงสูง ยังโกหกไม่เก่งเหมือนทุกที

        เคนเห็นก็อดที่จะขำไม่ได้แค่ได้ฟังคำตอบไม่ต้องให้อีกฝ่ายอธิบายก็พอจะเข้าใจได้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ากำลังเขิน เพราะจากท่าทาง แววตาที่อีกฝ่ายมองหน้าของเขาทำให้เคนไม่แปลกใจเลยที่จะมีใครเข้าใจไปได้ว่าบางทีจูนอาจจะกำลังชอบเขาอยู่ เพราะถึงแม้ดวงตาคู่นั้นจะถูกขวางกั้นด้วยคอนแทคเลนส์สีสวย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสายตาที่มองมานั้นมันเต็มไปด้วยความรู้สึกชื่นชมบางอย่างที่อาจทำให้ใครต่อใครหรือแม้แต่ตัวเขาเองก็อาจจะสื่อความไปผิดได้..... และนั่นกระตุ้นต่อมนึกสนุกของเคนขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน ชายหนุ่มขยับหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย ใกล้เสียจนแทบจะกระซิบข้างหู
    
        “ขอโทษนะ.....” เคนเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ทั้งๆที่เมื่อครู่ตัดสินใจว่าจะไม่แกล้งอีกฝ่ายแล้วแท้ๆ แต่....คิดว่าข้อยกเว้นมีไว้บ้างก็คงจะดี 
    
         “เอ้ย...เล่นอะไรอีกแล้วเนี่ย....” จูนสะดุ้งเฮือก
    
        “ขอโทษ...ที่พี่หล่อไปหน่อย ... “เคนว่าพลางยิ้มกว้าง

         ทั้งๆที่หน้าอีกครึ่งนึงยังมีรอยแป้งทาเป็นวงขาวๆแดงๆอยู่รอบปาก แต่เพียงแค่ดวงตาเป็นประกายคู่นั้นที่มองมากับรอยยิ้มของรุ่นพี่ร่างสูงก็ทำเอาจูนพูดไม่ออก เด็กหนุ่มเผลอยกมือขึ้นมาแตะข้างแก้มจับข้างคอของตัวเองซึ่งเป็นท่าทางปรกติในยามที่จูนเขินพลางหลบสายตาไปอีกทาง  เห็นแบบนั้นมือแกร่งยกขึ้นขยี้ผมสีบลอนด์ซีดของอีกฝ่ายเอาๆ

        “ฮ่ะๆ เขินง่ายไปไหมเนี่ย เอ้า งั้นให้เวลาไปเขินก่อน ....ที่เหลือนี่พี่เช็ดออกเองได้ใช่ไหม...เดี๋ยว...ยืมห้องน้ำแป๊บนะ จะลองทำเองดู”
    
        “อ่ะ...ครับๆ.....โน่นห้องน้ำ เช็ดออกให้หมดแล้วก็ล้างหน้าก็ระวังแผลด้วยล่ะ....เดี๋ยวผมไปหาพลาสเตอร์มาปิดให้ก่อน” จูนรีบผละลุกไปอีกทาง เขารู้สึกว่าตัวเองเพิ่งจะโดนเคนแกล้งเข้าให้อีกดอก และก็เหมือนจะได้ผลเอาอย่างมากเสียด้วย


     ....ปล่อยให้เขาแกล้งเล่นแบบนี้ได้ไงวะ ไอ้จูน ....
    ....เมื่อไรจะเลิกบ้าคนหน้าตาดีได้สักที.....




            เด็กหนุ่มนึกโทษตัวเองไปพลาง ค้นลิ้นชักของตัวเองหายาสำหรับใส่แผลกับพลาสเตอร์ที่จำได้เลาๆว่าเคยซื้อมาเก็บเอาไว้ด้วยท่าทางว้าวุ่น แต่ก็ดูเหมือนว่าพลาสเตอร์ยากับขวดยาสีเหลืองเล็กๆนั่นกำลังเล่นกลกับเขาซึ่งเป็นเจ้าของห้อง
    
        “โอ้ย.....หายไปไหนล่ะ......”

         จูนอดจะแปลกใจกับตัวเองไม่ได้ว่าตัวเองกำลังรู้สึกเหมือนควบคุมสติของตัวเองไม่อยู่เพียงเพราะแค่ได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเคนใกล้ๆในรอบหลายวัน ...หมายถึงสองสามวันที่ผ่านมาเขาแทบจะไม่ใส่ใจที่จะมองใบหน้าคมนั้นเลยแม้แต่น้อย และถึงเคนจะทำให้เขาโกรธ แต่มันน่าหงุดหงิดมากกว่ากับการที่ต้องเมินหน้าหนีใบหน้าคมๆนั่นไป และเพียงแค่คิดว่าเจ้าของใบหน้าหล่อๆนั่นกำลังใช้ห้องน้ำในห้องของเขาอยู่ก็ทำเอาเขาเป็นไปได้ขนาดนี้ มันยากเหลือเกินที่จะรวบรวมสติและพยายามจะจำกัดความรู้สึกปั่นป่วนนี้ให้เป็นคำพูดได้สักคำ การง่วนหาพลาสเตอร์ยากับขวดยาของจูนใช้เวลามากกว่าที่เขาคิด แต่เมื่อเขาหามันเจอแล้วกลับมาในห้องนั่งเล่นก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเคนยังไม่ออกมาจากห้องน้ำเสียที
     
       “ เฮ้ย...พี่เคน....เสร็จยังอ่ะ.....”
    
        “เสร็จแล้วๆ.....” เสียงเคนตอบกลับพร้อมกับบานประตูที่เปิดออก ร่างสูงใหญ่ของเคนเดินออกมาจากห้องน้ำ หน้าล้างเสียจนเกลี้ยงเกลาไม่พอ ผมเผ้าเปียกโชกหยดน้ำไหลลงมาตามสันกราม ไล่เรื่อยลงมาจนแผ่นอกแกร่งกว้างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อจูนเผลอไล้ตามองตามจนไล่ลงมาเบื้องล่าง ไม่เพียงแค่ท่อนบนที่เปลือยเปล่า ท่อนล่างก็เช่นเดียวกัน เคนปล่อยให้เคนน้อยอวดสายตาจูนอยู่แบบนั้นไม่ได้คิดจะปิดบังตรงกันข้ามกับเจ้าของห้องที่รีบยกมือขึ้นบังพลางหันหน้าหลีกหนีความอุจาดไปแทบไม่ทัน
    
      “เฮ้ย พี่เคน....ไมโป๊แบบนี้อ่ะ ผ..ผมให้พี่ล้างหน้านะ มะ ไม่ ไม่ได้ให้อาบน้ำ”
    
      “ก็เหม็นตัวเองนี่หว่า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว อาบน้ำเลยละกัน ไอ้จูน ขอยืมผ้าเช็ดตัวกะเสื้อกางเกงได้ป่ะ ในห้องน้ำไม่มีอ่ะ แล้วก็ บรื๋อ...หนาวว่ะ หรี่แอร์ด้วยหรี่แอร์” ไม่พูดเปล่า ร่างสูงเดินโทงๆไปก้มหยิบรีโมทแอร์ทำเอาจูนแทบสำลักภาพตรงหน้า
    
      “เฮ้ยยยย แล้วจะมาหยิบอารายตรงเน้..... รู้แล้วๆ ผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าใช่ไหม เดี๋ยวไปเอามาให้ แล้วช่วยรีบไสหัวกลับเข้าไปในห้องน้ำเลย อุจาดว่ะ ไอ้พี่เคน.....” เจ้าของห้องโวยวายเสียงดังลั่นถลันลุกวิ่งไปเอาเอาผ้าขนหนูกับเสื้อกางเกงนอนมาให้อีกฝ่ายแทบจะไม่ทัน 
 
           “เอ้าๆ นี่กางเกง เสื้อ ผ้าเช็ดตัว ....” จูนรีบกลับออกมาพร้อมของสามอย่างที่อีกฝ่ายร้องขอ เขาเดินกลับออกมาจากห้องนอน โดยคิดว่ารุ่นพี่ร่างใหญ่ตัวดี คงจะกลับเข้าไปในห้องน้ำแล้วเรียบร้อย ตรงกันข้ามเห็นยืนยกขวดน้ำดื่มอยู่หน้าทีวีทั้งๆร่างกายเปล่าเปลือย ตรงเท้ามีร่องรอยน้ำหยดเป็นทางจากประตูห้องน้ำ หน้าทีวี แล้ววกกลับไปที่หน้าตู้เย็น เรียกได้ว่าคนตรงหน้าทำเอาห้องเขาแฉะไปหมด จูนได้แต่หลับตาลงสูดหายใจเข้าลึกพยายามตั้งสติ ....

 
         ....ไม่โกรธ...ไม่โกรธ....อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา.....
         ....ยิ่งคนสมองถั่ว บ้า หน้าด้าน ....ด้วยแล้วยิ่งไม่ว่า ไม่โกรธ ไม่โกรธ....

 

           “พี่เคน....ใส่ซะ ถือว่าทำบุญให้น้อง เดินโทงๆอยู่ได้ ....พี่ไม่อายล่ะผมอายแทน”  จูนว่าพลางโยนผ้าขนหนู เสื้อและกางเกงให้กับอีกฝ่าย
    
          “โอ้ ขอบใจ ขอบใจ.....” เคนยิ้มน้อยๆ “พี่ไม่ถือหรอกนะเรื่องโป้ ตามสบายเลยๆ”
    
         “ไม่ต้องมา ...ตามสบายเลย...นี่มันห้องผมนะ....ดูดิ่...พื้นเปียกหมดแล้ว...” จูนทำเสียงเข้มพลางเดินไปหยิบไม้ถูพื้นออกมาจากในตู้เก็บของมาถูพื้น เคนหัวเราะเบาๆกับท่าทางหัวเสียแบบนั้นก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำ จูนก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาถูพื้นจนแห้งสนิท ก่อนจะเดินกลับมาทรุดตัวลงนั่งกับโซฟา
         
          “เฮ้อ...เหนื่อย นี่กูดูแลเด็กเล็กอยู่รึไงวะนี่....”  คิดไปคิดมาอีกทีงานนี้อาจจะยังเบากว่าการต้องดูแลทั้งเคนและยุทธ์ในเวลาเดียวกัน แล้วมีโชตินั่งหัวเราะความปั่นป่วนทั้งหมดอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง
 
            เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมกับร่างสูงที่เดินกลับออกมาในสภาพที่มีเสื้อผ้าปกปิดร่างกายอยู่บ้าง แต่ภาพที่เห็นก็ทำให้จูนต้องหัวเราะออกมา
    
         “ฮ่ะๆ...พี่เคน ถ้ามันใส่ไม่สบายขนาดนั้นจะถอดก็ได้นะเสื้อน่ะ....”  คงเป็นเพราะขนาดของช่วงไหล่กับอกที่ต่างกันพอสมควรเสื้อยืดที่จูนใส่นอนได้สบายๆตัวถึงได้ดูคับเสียจนเคนทำหน้าอึดอัดเสียเหลือเกิน แต่เคนกลับส่ายหน้าแล้วเดินด้วยท่าทางไม่ต่างจากหุ่นยนต์ที่ช่วงบนลืมหยอดน้ำมันหล่อลื่น
    
        “มะ...ไม่เป็นไร...เอ้าทำแผลเถอะ เดี๋ยวหาไรรองท้องกันค่อยนอนก็ได้” ทำเอาจูนเลิกคิ้ว
     
        “ สรุปพี่จะนอนนี่?”
    
        “ทำไมอ่ะ....อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อซะขนาดนี้ นอนไม่ได้เหรอ....ทีกับยุทธ์แกยังนอนด้วยได้เลย” ชายหนุ่มร่างสูงทำหน้าเหมือนเด็กที่กำลังจะอ้อนทำเอาจูนต้องกรอกตาอย่างระอา
    
        “อยากนอนก็นอนไปดิ่....” เด็กหนุ่มตอบพลางพยิบขวดยาขึ้นมาเปิดฝาหยดลงไปบนสำลีที่เตรียมเอาไว้ แต่ในใจก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเรื่องที่เพิ่งจะพูดไปนั้นมันเกี่ยวข้องกับยุทธ์ตรงไหน
    
        “เหรอ...เยี่ยม...งั้นพี่นอนโซฟานี่ก็แล้วกัน...” ชายหนุ่มยิ้มกว้างเหมือนเด็กๆทำเอาจูนต้องเบือนสายตาหนี ...

    
           ...อย่ายิ้มแบบนั้นดิ่......

    
        “เอ้าๆ ทำแผลๆ....เงยหน้าขึ้นหน่อยละกัน” จูนว่าพลางจับคางของอีกฝ่ายให้เงยหน้าขึ้นให้เขาได้แต้มยาลงไปได้อย่างถนัดมือ มือเรียวค่อยแต้มยาลงไปเบาๆ ดวงตาสีน้ำเงินหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อพิจารณามองที่รอยข่วนเล็กๆที่ปลายคางนั้น “คงไม่เป็นแผลอะไรมากหรอก ปิดพลาสเตอร์เสียหน่อยคงโอเค” ว่าพลางก็กดพลาสเตอร์ปิดตามลงไปอย่างเบามือบนสันกรามนั้น
    
        “อ่ะ เรียบร้อย .....เฮ้ย...พี่เคน!?” จูนอุทานเป็นกี่ครั้งแล้วของคืนนี้ที่เขาต้องอุทานออกมาเป็นชื่อของอีกฝ่าย แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ยิ่งต้องตกใจเมื่อเห็นหน้าของเคนแดงก่ำ และดูเหมือนว่าร่างสูงกำลังอึดอัดและทรมานอยู่ใช่ย่อยเหมือนคนเลือดไหลเวียนไม่ทั่ว “พี่เป็นอะไร...”
    
       “อืม...อึดอัดนิดหน่อย....”มือแกร่งพยายามดึงคอเสื้อและแขนเสื้อที่ตึงเปรี้ยะให้พอมีพื้นที่ให้เลือดไหลเวียน
 
          “แล้วทำไมไม่ถอดออกเล่า เดี๋ยวเลือดก็ไม่เดินได้ตายก่อนพอดี” จูนว่าพลางดึงชายเสื้อขึ้นจะให้อีกฝ่ายถอดเสื้อก่อนจะที่เสื้อยืดสีขาวตัวนั้นจะฆ่ารุ่นพี่ในชมรมของเขาตายเสียก่อน
 
           “ก็แกบอกให้พี่ใส่เสื้อนี่หว่า...ถอดเดี๋ยวแกก็เขินพี่อีก...”  เคนพูดแต่เสียงที่ออกมานั้นเหมือนคนจะเป็นลมเอาเสียให้ได้
    
         “ทีแบบนี้ล่ะจริงจังนะ...” จูนอดไม่ได้ที่จะดุ แต่ก็ยื่นมืออกไปดึงชายเสื้อที่ร่างสูงใส่อยู่ “แต่ผมว่าพี่รีบๆ ถอดออกมาก่อนดีกว่า ไอ้ผมเขินน่ะไม่ถึงตาย แต่เลือดคั่งเนี่ย พี่นั่นล่ะจะตายเอา” ร่างสูงโปร่งยืนคร่อมร่างของรุ่นพี่ที่นั่งอยู่บนโซฟาพลางดึงชายเสื้อขึ้นพยายามดึงให้มันหลุดออกมาจากร่างของเคนให้ได้
    
         “เฮ้ย ก็พี่บอกว่าจะใส่ไง” เคนก็สู้ไม่ยอมให้อีกฝ่ายถอดเสื้อของเขาออกไป
    
         “ไม่เป็นไรหรอก ถอดออกมาดีกว่าให้พี่นอนแบบนี้มันไม่สบายนะ”จูนเองก็ไม่ยอมแพ้ ปล้ำจะถอดเสื้อออกให้ได้
    
         “ไอ้ตัวดีนี่ พูดไม่ฟังเว้ย....”
    
          “พี่นั่นล่ะพูดไม่ฟัง เดี๋ยวได้ตายก่อน...” เมื่อจูนยังไม่เลิกมือแกร่งรวบสองมือของจูนเอาไว้จนได้ และดึงเข้ามาใกล้เสียจนจูนเองก็ล้มลงไปนอนบนโซฟาด้วยกันทั้งคู่ เคนเองก็ตกใจไม่น้อยเมื่อใบหน้าของหนุ่มรุ่นน้องมาอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เซน ดวงตาคมสบกับดวงตาสีน้ำเงินที่ดูแปลกตานั่น ทันใดสายตาเผลอไล้มองไปที่ริมฝีปากได้รูปของอีกฝ่ายที่ตอนนี้ไม่มีร่องรอยของลิปสติกสีสวยเคลือบอยู่อีกแล้ว แต่กระนั้นริมฝีปากคู่นั้นของจูนก็ยังมีสีอ่อนสวย

            “..................” เคนเหมือนจะลืมหายใจไปชั่วขณะ อยู่ๆภาพตรงหน้าก็กระตุ้นความทรงจำให้เรียกคืนความนุ่มนวลหวานหอมที่เขาช่วงชิงมาจากอีกฝ่ายที่บนเวทีนั่นกลับมาที่ริมฝีปากอีกครั้ง

           “ม...มองอะไร....” สายตาที่จับจ้องมานั้นทำให้จูนรู้สึกเหมือนหัวใจของเขาขยับบีบตัวเองอย่างรุนแรง


................................................. to be continued

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
เดี๋ยวได้จูบกันรอบสองพี่เคนหลงลืมเลยคราวนี้ กรั่กๆๆๆ

ออฟไลน์ shiawase

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
อ๊ากกกกกกกกกกกกก  มาอ่านสองตอนรวดแบบนี้  เค้าฟินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

ตาพี่เคน  อย่ามารังแกน้องจูนแบบนี้เดะ  เดี๋ยวน้องหัวใจวายไปจะไม่มีแบบนี้ให้แกล้งแล้วนะเว้ย

ตอนต่อไปจะเป็นยังไงน้อออออ  น้องจูนของเจ้~~

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด