ตอนที่ 4นั่งคุยกันได้พักใหญ่ ษมา ก็หันมาบอกเฟื่อง
“ข้อสงสัยแรกของเฟื่องเฉลยแล้วนะ คทาไม่ได้ถูกกักขังอยู่ในบ้านนี้”
เฟื่องทำหน้ามุ่ย แล้วพยักหน้ายอมรับ
“หรือคทาจะเกิดอุบัติเหตุ แล้วอยู่ที่ไหนสักที่ข้างนอกนั่น”
ดวงตาสีเข้มมองผ่านรั้วบ้านออกไปไกล “พี่หวังเช่นนั้นอยู่ตลอดเวลา ขอให้คทาอยู่ที่ไหนสักที่ และสักวันพี่จะต้องพบคทา” คนตัวโตหันกลับมามองคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ “ต่อไปก็เป็นข้อสงสัยที่ 2 เรื่องที่เฟื่องคิดว่าพี่ไม่พยายามพาพ่อไปโรงพยาบาล”
คนตัวโตลุกขึ้นก่อน แล้วเดินนำขึ้นมาที่ห้องนอน
เมื่อได้ยินเสียงเปิดปิดประตู พ่อก็ลืมตาขึ้น
“ไปไหนมา”
“เดินเล่นอยู่ข้างล่างน่ะครับ พ่อลงไปเดินเล่นข้างล่างมั้ยครับ”
“ไม่” พ่อบอกแล้วพลิกตัวนอนหันหลังให้ทันที
ษมายังคงพยายามต่อ “นะครับพ่อ หลายวันมานี้พ่อแข็งแรงมากขึ้นแล้ว ลงไปเดินเล่นข้างล่าง แล้วจะได้ไปหาหมอ...”
“ฉันไม่ไปหาหมอ หยุดพูดได้แล้ว ฉันอยากนอน”
พ่อหลับตา และไม่ยอมรับรู้อะไร ไม่ว่าษมาจะพูดอย่างไรก็ตาม
เฟื่องเห็นด้วยตา และได้ยินกับหูของตัวเอง ว่าพ่อคือคนที่ไม่อยากไปโรงพยาบาล ทั้งยังโกรธษมาที่พยายามจะพาออกไปนอกห้อง
.....นี่มันอะไรกัน....
เฟื่องเดินตามษมาออกมาข้างนอกห้องนอนพ่อ เห็นพยาบาลอีกคนเดินขึ้นมาพร้อมกับถาดยา
“มียาอีกหรือ”
“ค่ะ” พยาบาลตอบแล้วเดินนำเข้าไปในห้อง เฟื่องกับษมาเลยกลับเข้าไปใหม่
“ยาอะไรหรือ”
“พ่อปวดหลัง”
“ผมนวดให้นะครับ” เฟื่องนั่งลงบนเตียง เตรียมจะนวดให้พ่อ แต่พ่อส่ายหน้าแล้วหันไปรับยาจากพยาบาล กินเสร็จก็นอนต่อ
เมื่อออกมานอกห้อง เฟื่องก็พูดขึ้น
“พี่อุ้มพ่อขึ้นรถไปโรงพยาบาลได้มั้ยครับ”
ษมาถึงกับหันมามองหน้า คนเสนอความเห็น “ทำอย่างนั้น พ่อคงโวยวายตั้งแต่พี่อุ้มแล้วหล่ะ ไปไม่ถึงโรงพยาบาลหรอก”
เฟื่องได้แต่ส่ายหน้า “อาทิตย์หน้า พวกอาของพี่ก็จะกลับมาแล้ว ผมคงต้องไปก่อนที่พวกเขาจะมา”
เมื่อเฟื่องพูดมาถึงตรงนี้ ษมารีบแตะที่ริมฝีปากห้ามพูด แล้วดึงลงไปที่ชั้น 2 ตรงไปที่ห้องใหญ่ด้านในที่เป็นห้องของษมาเอง
“พูดในบ้าน เดี๋ยวคนรับใช้หรือพยาบาลได้ยิน”
“ขอโทษครับ ผมลืมไปว่าพวกเขาเป็นคนของอา”
คนตัวโตถอนหายใจแรง ๆ “นั่นแหละ แล้วทำไมต้องไป”
“ถึงพี่ พ่อ คุณลลิล กับคุณบัญชรจะบอกว่าผมคือคทา แต่พวกอาเขาต้องบอกว่าผมไม่ใช่คทาแน่ ๆ”
“แต่พี่จะบอกกับพวกเขาว่า พ่อเรียกเฟื่องว่าคทา แล้วพ่อก็อาการดีขึ้นมาก เมื่อเฟื่องดูแลท่าน”
เฟื่องเหลือบตามองคนตัวโต
“ตำรวจเล่าประวัติของผมให้พี่ฟัง พี่รู้ว่า ผมไม่มีพ่อใช่มั้ยฮะ”
ษมาพยักหน้า ทำให้เฟื่องพูดต่อ
“คทาชอบเล่าเรื่องของพ่อ กับพี่ให้ผมฟัง บอกตามตรงว่าเรื่องของพี่ก็...งั้น ๆแหละ แต่เรื่องของพ่อน่ะ....”
“พี่เข้าใจ”
เฟื่องสบตาสีเข้ม “ผมไม่ได้ถึงขนาดที่อยากเป็นลูกอีกคน แต่คิดว่า คทามันมาดูพ่อ บอกว่าพ่อป่วย แล้วมันหายไป ผมอยากตามหามันก็จริง แต่พอมาเห็นพ่อป่วยแบบน่าสงสัย ก็อยากทำในสิ่งที่คทามันทำค้างคาอยู่ให้เสร็จ ทั้งคิดว่า ต้องมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น แล้วที่เห็นเมื่อกี้ ผมรู้สึกว่า พ่อเองไม่อยากหายป่วย”
ษมายอมรับ “พี่ก็เคยคิดอย่างนั้น แล้วที่ผ่านมา ทุกครั้งที่พี่ขึ้นไปหาพ่อก็จะนอนอยู่อย่างนั้น แต่พยาบาล กับคุณลลิล บอกว่า พ่อกินข้าวได้เอง หรือเดินไปห้องน้ำเองได้ ฟังแล้วเหมือนเขาป่วยทางจิต คืออยากป่วย อยากให้มีคนเอาใจเขาบ้างหลังจากที่เขาทำงานหนักเพื่อทุกคนมาตลอด”
หนุ่มตัวเล็กส่ายหน้า และยังคงสบตาสีเข้มคู่นั้น “จากที่ผมเห็นตั้งแต่ครั้งแรกที่พี่พาผมมาหาพ่อ ผมคิดว่ามีคนอยากให้พ่อป่วย ส่วนเมื่อกี้ ผมคิดว่าพ่อเองก็อยากป่วย”
“เฟื่อง”
ษมาเดินไปนั่งบนเตียงแล้วตบที่ข้างตัวให้เฟื่องตามมานั่ง
“ทำไมถึงคิดว่ามีคนอยากให้พ่อป่วย”
“ผิวหนังของพ่อฮะ มันดำ ๆด่าง ๆ ตามตัวก็มีจุดสีดำ ทีแรกผมคิดว่าที่เขาดูซีดเซียวมากเพราะเขาอยู่ในห้องที่ปิดทึบ แต่ต่อมาผมเห็นว่าเขาจะเบื่ออาหาร แล้วก็คลื่นไส้ อาการของเขาจะดีขึ้นแล้วก็ทรุดลงไปอีก ผมเลยเปลี่ยนอาหารเปลี่ยนยา เขาก็ค่อย ๆดีขึ้น”
“เปลี่ยนยา” ษมาทวนคำพูดของเฟื่อง
เรื่องอาหารนี่ พอจะเห็นอยู่ว่า เฟื่องทำอาหารเช้าไปให้พ่อ แต่เรื่องยากลับไม่เคยคิดสงสัยมาก่อน
“ฮะ ผมเอายาเดิมทิ้งชักโครกแล้วเอาวิตามินที่ฟ้ามันจัดมาให้ เอามาให้พ่อกินแทน”
คนตัวโต ถึงกับพยักหน้าด้วยความทึ่ง
“เฟื่องคิดว่าพ่อโดนวางยาอะไร”
“ Warfarin หรือ coumarin ที่เป็นยาเบื่อหนูน่ะฮะ ผมคิดว่าพ่อได้รับทีละน้อย แต่ได้รับมานาน เหมือนเกษตรกรที่ได้รับสารนี้ทีละน้อยน่ะฮะ ไม่ถึงกับตาย แต่อาการจะเรื้อรัง ที่จะค่อย ๆกินพ่อไปทีละนิด ผมถึงอยากให้พี่พาพ่อไปหาหมอ ไปตรวจดูให้แน่ใจ”
“ลำพังแค่นั้น มันยืนยันสิ่งที่เฟื่องพูดไม่ได้หรอกนะ”
“ผมแอบเอาข้าวต้มของพ่อ เล็บ แล้วก็ฉี่ส่งไปให้ตรวจแล้ว แต่มันเป็นห้องแล็ปของมหาวิทยาลัย มันอาจมีข้อผิดพลาด” เฟื่องพูดแล้วนึกขึ้นได้ “ผมจะลงไปที่หน้าบ้าน พี่อย่าตามผมไปนะ”
“ทำไมล่ะ”
“พี่ตามไป คนรับใช้ก็ต้องตามไป เป็นเรื่องแน่ ๆ ผมมีเวลาไม่มากนัก หาไอ้คทาไม่เจอ แต่ได้ช่วยพ่อก็ยังดี”
แต่ษมาก็ยังเดินตามมาห่าง ๆเห็นเฟื่องเรียกแม่ค้าขายขนม แล้วยามที่หน้าบ้านก็มาจ่ายเงินให้
.....เข้าใจความรู้สึกของเฟื่องเป็นอย่างดี แม้มันอาจจะดูเกินเลยไปในสายตาของใครบางคน เพราะเฟื่องรู้จักกับคทาได้เพียงปีเดียว แต่เพราะนิสัยชอบเล่าเรื่องของคทา ทำให้เข้าใจได้ว่าเฟื่องต้องฟังเรื่องที่คทาเล่าจนเกิดความรู้สึกผูกพัน
ก็เท่าที่ดูจากท่าทีของเฟื่องกับพี่ ตั้งแต่เห็นกันครั้งแรก จนถึงตอนนี้ แม้เฟื่องจะมีท่าทีไม่ค่อยไว้ใจให้เห็นเป็นครั้งคราว แต่พอเผลอก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง เดินตามไปทั่วบ้าน ไม่ได้ระแวงว่าพี่จะหันมาทำร้าย เป็นความไว้วางใจที่เชื่อว่า มาจากการที่คทากับเฟื่องสนิทกันมาก
ส่วนที่ไม่อยากขัดใจพ่อ มันก็เหมือนกับที่ไม่อยากขัดใจบรรดาอาทั้ง 3 คนน่ะแหละ
เหนื่อยกับงาน น้องก็มาหายสาบสูญไป จะให้มาบังคับพ่อให้เลิกนอนป่วยอยู่แบบนั้น และบังคับให้อาไปทำงานตอนนี้น่ะหรือ มันสายเกินไปหรือเปล่า
แต่มันคนละเรื่องกับที่เฟื่องสงสัยว่าพ่อถูกคนวางยา
นี่เป็นข้อสงสัยที่พลิกกลับทุกเรื่อง และทุกคนที่ไว้วางใจมาตลอด
เฟื่องเดินถือถุงขนมกลับมา ษมาก็ถาม
“ซื้อขนมอะไรมา”
“ใส่ใส้”
“ซื้อขนมเจ้านี้กินทุกวันเลยค่ะ ต้องมาเลือกเองด้วยนะคะ” แม่บ้านบอก
เฟื่องหยิบห่อขนมส่งให้ “ให้อันนึง”
“โห ใจดีมากนะเนี่ยให้ตั้งห่อ”
เฟื่องหรี่ตามอง รู้ทันว่าษมาเจตนาชวนคุยให้พูดเยอะ ๆเพราะเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น เฟื่องจะไม่พูดอะไรเลย
มือขาว ๆคว้าขนมคืนมาจากมือแล้วหันไปส่งให้แม่บ้าน “ให้”
พูดเสร็จเฟื่องก็เดินผ่านขึ้นไปที่ชั้นบน ขณะที่ษมาหัวเราะเสียงดังลั่นอยู่ด้านหลัง
…คนประสาท ก็รู้อยู่ว่ายิ่งพูดเยอะ ก็ยิ่งหลุดง่าย ยังจะมาชวนคุยต่อหน้าคนอื่น ..
...ห่าคทา กูควรไว้ใจพี่มึงมั้ยห๊ะ...
เฟื่องเปิดประตูห้องอย่างเบามือ แล้วค่อย ๆก้าวเข้าไปในห้อง พ่อยังหลับอยู่ ก็เลยเดินไปเปิดม่านหน้าต่างครึ่งหนึ่ง
พ่อลืมตาขึ้นมอง
“พ่อกินขนมกัน”
พ่อพยักหน้า แต่พอษมาเข้ามาช่วยพยุงให้พ่อนั่ง พ่อก็ทำท่าจะอาเจียน พยาบาลรีบหยิบถังใบเล็กมารอง
“พ่อครับ ไปหาหมอเถอะ” ษมาบอกกับพ่อ แต่พ่อส่ายหน้า
“เมื่อครู่พ่อยังดีอยู่เลย แต่ตอนนี้พ่ออาเจียนอีกแล้ว”
พ่อยังคงส่ายหน้าอยู่เหมือนเดิม แต่หันไปบอกกับเฟื่อง
“พ่ออยากกินขนม แต่พ่อไม่ค่อยดีเลย”
“ครับ” เฟื่องตอบรับพ่อ รอจนพ่อนอนหลับตาอีกครั้งก็เดินตามษมาออกมาจากห้องนอนพ่อ มาจนถึงห้องของษมา
“ยากจริง ๆด้วย”
ษมาหันมามอง “ใช่มั้ยล่ะ เพราะว่าเป็นพ่อ ปล่อยตามใจเขาก็ไม่ได้ บังคับก็ไม่ดี ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีเหมือนกัน สุดท้ายก็เลยปล่อยไปเรื่อย ๆ”
แต่ที่มันคาใจ ก็คือเรื่องที่มีคนวางยาพ่อนี่แหละ
“พี่จะเปลี่ยนพยาบาล”
เฟื่องพยักหน้า นี่คือเรื่องที่สามารถทำได้ทันที เพราะในกรณีนี้ ผู้ต้องสงสัยคนแรกคือพยาบาลอยู่แล้ว
แต่เมื่อพยาบาลคนใหม่มาถึงในวันถัดมา พ่อก็กลับท้วง
“แล้วอาแกเขาจะโกรธมั้ย”
ษมาไม่ตอบคำถามพ่อ เพียงแต่หันไปขอบใจพยาบาลคนเดิมที่ดูแลพ่อมาตลอด แล้วก็ออกไปทำงาน ส่วนลลิล ได้แต่รอจนษมาออกไปทำงานแล้วถึงได้หันมาถามเฟื่อง
“พยาบาลเขาทำอะไรขัดใจษมาหรือ ถึงต้องเปลี่ยนคน แล้วนึกจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนปุบปับ”
คนตัวเล็กได้แต่ส่ายหน้า และเลือกที่จะไม่พูดอะไรเหมือนเดิม
พอสายจัด เฟื่องก็เอาตัวอย่างปัสสาวะของพ่อส่งให้ฟ้า
“แกปริ๊นท์ผลเอามาให้ฉันเลยนะ ฉันจะได้ไปจากที่นี่เสียที”
“อ้าว คิดว่าอีกหลายวันเสียอีก”
หนุ่มตัวเล็กส่ายหน้า “เขารู้แล้ว เปลี่ยนพยาบาลแล้ว เอาผลทดสอบที่ได้มายืนยันกับเขาอีกทีก็หมดหน้าที่ฉันแล้ว”
“แล้วพี่คทาล่ะ” ฟ้าท้วง เพราะการตามหาคทาคือเหตุผลแรกที่ทำให้วางแผนเรื่องทั้งหมด
เฟื่องถอนหายใจ จับสร้อยข้อมือที่คทาซื้อให้ด้วยความเคยชิน “มันไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก ฉันเดินไปทั่วบ้านแล้ว ปล่อยให้ตำรวจเขาตามหามันเถอะ”
น้องสาวมองหน้าพี่ชาย แล้วถาม
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ ๆก็หมดไฟ”
“เออ ออกไปจากที่นี่เหมื่อไหร่ จะเล่าฉบับเต็มให้ฟัง”
เมื่อษมาไม่อยู่ ก็ไม่รู้ว่าจะคุยกับใคร แม้แต่พยาบาลที่มาเฝ้าดูแลพ่อ
หนุ่มตัวผอมได้แต่นั่งมองพ่อที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง
“ทำไมพ่อถึงทำอย่างนี้ คทามันห่วงพ่อมากเลยนะฮะ แล้วพ่อรู้มั้ยว่าคทาไปไหน”
เฟื่องถามพ่อแล้วก้มหน้าแนบหน้าผากลงกับที่นอน
ดวงตาอ่อนล้าลืมขึ้นช้า ๆมองด้านหลังศีรษะของคนที่เฝ้าอยู่
หยาดน้ำตาไหลรื้นผ่านริ้วรอยเหี่ยวย่น ลงสู่หมอน
ฟ้าเอาผลการทดสอบสารพิษมาให้ตั้งแต่บ่าย คทาเก็บไว้อย่างดีแล้วรอจนษมากลับมาจากทำงาน
“มีทั้งยาเบื่อหนูแล้วก็ยานอนหลับ แล้วก็มอร์ฟีนอ่อน ๆ”
ษมาอ่านข้อความและตัวเลขในกระดาษด้วยสมองที่มึนงง
“เขาไปเอาของพวกนี้มาจากไหน” คนตัวโตได้แต่ส่ายหน้า “พี่ถามตัวเองมาหลายวัน ว่าพวกอาทำอย่างนี้ทำไม ทั้งพ่อและพี่ดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี”
เฟื่องพลอยส่ายหน้าตามไปด้วย
“ดีเกินไปด้วยซ้ำ”
ษมาพับกระดาษใส่กระเป๋าเสื้อ “ไว้พี่จะจัดการเรื่องนี้เอง แต่อาจต้องโทรปรึกษากับผู้กองหมอกก่อน คนที่เรียกพี่ไปชี้ตัวเฟื่องไง จำได้มั้ย”
“จำได้ฮะ”
เฟื่องบอกแล้วก้มหน้ามองพื้น ทำให้ษมาดึงเข้ามากอดไว้
“มันอาจฟังดูแปลก ๆ เรื่องที่ทำงาน พี่รับรองว่าพี่มีความมั่นใจที่จะจัดการ ทำให้ดีที่สุด แต่เรื่องของพ่อ เรื่องของคนในบ้าน พี่ไม่มีความมั่นใจเลย”
“นั่นก็พ่อ นี่ก็อานี่ฮะ เปลี่ยนเป็นผม ก็ลำบากใจเหมือนกัน”
ษมากดจมูกลงที่ผมนิ่ม เฟื่องทำได้แค่หดคอหนี เพราะลำตัวถูกกอดรัดอยู่
“จะไปแล้วใช่มั้ย”
“ฮะ ผมทำได้แค่นี้เอง”
“ไม่ใช่แค่นี้หรอก เฟื่องมาแค่ไม่กี่วัน ก็ทำให้พี่รู้ว่า พี่ไว้ใจคนผิดมาตลอด”
คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นสบตา “เพราะพี่ไม่เคยคิดระแวงพวกเขาต่างหาก แล้วที่จริงที่ผมมาก็เพราะผมเป็นห่วงคทา”
ษมาพยักหน้าเข้าใจ “พี่แจ้งกับทางตำรวจไปตั้งแต่หลายวันก่อน ว่าขอให้คทายังอยู่ในบัญชีคนหายต่อไป ส่วนเฟื่อง....จะเป็นอะไรมั้ย ถ้าหลังจากนี้พี่จะ....”
ดวงตาสีเข้มที่มองมาทำให้เฟื่องใจเต้นแรง จนต้องก้มหน้ามองที่ปกเสื้อทำงาน
“ถ้าพี่จะขอ....คุย...กับเฟื่องต่อไปได้มั้ย”
“ฮะ”
เฟื่องรับคำสั้น ๆ มือใหญ่ดันคางสวยให้เงยหน้าขึ้นรับริมฝีปากประกบจูบ
“ขอบใจมาก”
“ก็แค่คุยกันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่ฮะ”
เฟื่องบอกทั้งที่ใบหน้าร้อนผ่าว
“ตอนนี้พ่อคงหลับอยู่ ผมไปลาพ่อตอนนี้เลยดีมั้ยฮะ”
“นัดให้ฟ้ามารับหรือ”
“บอกไว้ว่า อาจต้องไปคืนนี้ เพราะเดี๋ยวพวกอาก็จะกลับมาแล้ว ผมไม่ได้อยากทิ้งปัญหาไว้ให้พี่ แต่คิดว่ายังไงผมก็คนนอก ตอนนี้พี่เป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว”
“พี่ไม่ควรเอาแต่ทำงาน จนละเลยครอบครัวของตัวเองใช่มั้ย”
เฟื่องยิ้มกว้าง แล้วหลับตาเมื่อพี่ก้มลงจูบอีกครั้ง
“ไปลาพ่อแล้วพี่ขับรถไปส่งที่บ้านเอง จะได้รู้จักบ้าน”
“พี่ไม่เหนื่อยหรือไง”
“ไม่หรอก เห็นผลการทดสอบออกมาอย่างนี้ ทั้งเฟื่องบอกว่าจะไป ก็รู้สึกเหมือนตาค้างแล้ว”
แต่เมื่อเฟื่องนั่งคุกเข่าลงที่พื้นข้างเตียงแล้วก้มลงกราบ พ่อก็กลับลืมตาตื่น
“พ่อครับ ผมมาลา”
“ลาไปไหน”
“พ่อรู้ว่าผมไม่ใช่คทา ผมมาที่นี่เพราะอยากมาดูแลพ่อ แล้วก็หาคทาด้วย แต่ตอนนี้พวกอา ๆกำลังจะกลับมา ผมควรต้องไป ก่อนที่พวกเขาจะโวยวายแล้วก็ทำให้พ่อไม่สบายใจ”
พ่อยกมือจับศีรษะเล็ก ๆ “อยู่รอพวกณรงค์ก่อน พ่อมีเรื่องอยากบอกกับทุกคน”
เฟื่องโทรศัพท์ไปบอกฟ้า ว่า พ่อขอให้อยู่รอพบกับพวกอาทั้ง 3 คนก่อน น้องสาวแสดงความเป็นห่วงทันที แต่เฟื่องก็บอกว่าไม่เป็นไร เพราะในวันนั้น ษมาจะอยู่ด้วย
“หนูว่า พี่บอกตำรวจคนนั้นเผื่อไว้ก่อนดีกว่ามั้ย พวกเขาวางยาพี่ชายของตัวเองได้ ดีไม่ดี พวกเขาน่ะแหละอาจอยู่เบื้องหลังการที่พี่คทาหายไป”
“เรื่องนั้นก็คิดอยู่ แต่มันไม่มีหลักฐานอะไร ที่รู้ก็คือเรื่องพ่อ”
“เออนั่นแหละ กันไว้ดีกว่าแก้ไงพี่ เราอุตส่าห์วางแผนกันขนาดนี้แล้ว อย่าให้ต้องมาตกม้าตายตอนจบ”
“ขอบใจที่เตือน วันพรุ่งนี้พวกเขาก็จะกลับมากันแล้ว แล้วฉันจะโทรหาแกอีกที”
คุยโทรศัพท์กับน้องสาวเสร็จ ก็หันมาหาษมาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“ฟ้ามันบอกว่าให้แจ้งผู้กองหมอกไว้ด้วย”
“คิดอยู่เหมือนกันว่าจะบอก แต่โทรไปหาหลัง 2 ทุ่มมันไม่เหมาะ ไว้โทรพรุ่งนี้เช้าดีกว่า”
เฟื่องหันไปมองนาฬิกาที่ผนัง “จะ 5 ทุ่มแล้ว พี่ไปพักเถอะฮะ”
“อ้าวเหรอ” ษมาหันมาจูบริมฝีปากบางอีกครั้งก่อนที่จะออกไปจากห้องนอน
แต่ในอีกครึ่งชั่วโมงถัดมา ก็กลับมาเคาะประตูห้องนอนเล็กอีกครั้ง
เฟื่องที่เพิ่งอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนเสร็จรีบมาเปิดประตู “มีอะไรหรือฮะ”
คนตัวโตยิ้มแปลก ๆขณะที่ก้าวเข้ามาในห้อง
“คืนนี้ พี่นอนห้องนี้ได้มั้ย”
“เอ่อ.....”
เฟื่องนึกคำพูดไม่ออก แต่รู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าว ขณะที่มือใหญ่แตะที่ปลายคางดันให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา ปลายนิ้วหัวแม่มือไล้ที่ริมฝีปากล่าง
“นะครับ ขอพี่นอนห้องนี้ได้มั้ย”
“งั้นพี่นอนบนเตียง ผมนอนหน้าเตียงก็ได้”
“ได้ไง” แขนใหญ่รัดรอบเอวบางดึงให้ก้าวเข้ามาหา
เฟื่องเบี่ยงตัวหลบริมฝีปากหนาที่ก้มลงมา
“พี่เพิ่งขอคุยกับผมเมื่อสักชั่วโมงนี่เอง ตอนนี้จะขอนอนห้องเดียวกันเลยหรือฮะ”
ษมาหอมแก้มใส
“เร็วไปใช่มั้ย”
“มากเลยหล่ะ”
“แต่พอพี่คิดว่า ต่อไปพี่จะไม่เห็นเฟื่องทุกเช้าเย็น ใจพี่ก็ร้อนจนไม่อยากอยู่เฉย”
“เพราะเรื่องมันคลี่คลายลงไปเปลาะหนึ่งแล้วด้วยมั๊งฮะ”
“งั้น เฟื่องจะอนุญาตให้พี่นอนห้องนี้มั้ย”
ฟันซี่สวยกัดริมฝีปากล่าง เป็นท่าทีที่เห็นทุกครั้งยามที่เจ้าตัวกำลังคิดหนัก
เฟื่องพยักหน้าช้า ๆ
“ที่นี่เป็นบ้านพี่นี่ฮะ”
ษมาก้มจูบริมฝีปากสวย เบียดลิ้นชิมลิ้นหวานที่ตอบรับอย่างลังเล กลิ่นหอมอ่อน ๆของผิวเนื้อชวนให้หลงไหล
มือใหญ่สัมผัสร่างกายผอมบางผ่านเนื้อผ้าแล้วถอดชุดนอนเนื้อนิ่มให้ เฟื่องได้แต่ก้มหน้างุด เมื่อมือใหญ่รั้งขอบกางเกงนอนลง
“พี่ฮะ...”
“พี่ถอดให้นะ”
มือผอมพยายามปกปิดร่างกายของตัวเอง แต่ษมากลับช้อนมือใต้ก้นกลมดันเข้ามาเบียด ทั้งอุ้มไปจนถึงเตียงนอน แล้วพรมจูบปาก จูบแก้ม ไล่ไปที่ใบหู ลากลิ้นที่ลำคอที่กลายเป็นสีชมพู
เฟื่องส่งเสียงครางแผ่ว ษมายิ่งขบจูบไล่ไปทั่วร่างกายผอมบางเปลือยเปล่า ทั้งเน้นย้ำที่เม็ดยอดอกสีอ่อน
จูบเรื่อยลงมาถึงหน้าท้องที่เกร็งรับริมฝีปากพี่ มือใหญ่ยกต้นขาขึ้นแล้วช้อนใต้สะโพก แตะริมฝีปากที่ส่วนปลายแก่นกายอุ่น ที่แข็งตัวรับสัมผัสพี่ แล้วเปลี่ยนเป็นมือใหญ่ที่กอบกุมแล้วขยับช้า ๆ ปลายลิ้นแตะเรื่อยไปจนถึงช่องทางด้านหลังที่เจ้าตัวพยายามเบี่ยงหลบ
ษมากลับมาใช้ปากที่แก่นกายอีกครั้ง ปลายนิ้วกรีดที่รอยจีบด้านหลังแล้วกดทีละน้อย เฟื่องต้องผ่อนความเจ็บไปที่ปลายเล็บที่จิกลงที่ไหล่หนา
คนตัวโตยกตัวขึ้นจูบไซ้ที่ลำคอจนคนตัวเล็กเกร็งไปทั้งตัว
เสียงครางหวานดังใกล้หู ปลายนิ้วอาบครีมสอดลึกเตรียมความพร้อมให้ช่องทางอ่อนนิ่มแล้วค่อยเพิ่มนิ้ว จนกระทั่งช่องทางอ่อนนุ่มพร้อมสำหรับพี่
ษมาขยับตัวนั่ง เปิดขาเรียวออกกว้าง สบตาสีอ่อน ขณะที่กดแก่นกายช้า ๆผ่านช่องทางรัดแน่น
“พี่รักเฟื่อง”
เฟื่องยิ้มรับคำบอกรักทั้งที่น้ำตาคลอ
สะโพกแกร่งขยับช้า ๆแล้วเร่งเร้า เสียงหอบหายใจพี่กระชั้น หยาดเหงื่อซึมทั่วแผ่นหลัง เมื่อความต้องการเพิ่มขึ้น ก็เปลี่ยนมารูดให้จนเสร็จไปก่อน แล้วถึงเร่งสะโพกแล้วดึงออกมาปล่อยข้างนอก
“พี่รักเฟื่อง” ษมาบอกอีกครั้งแล้วจูบขมับที่มีเหงื่อซึม
เฟื่องยิ้มกว้างแล้วซุกหน้าลงกับไหล่หนา “ผมก็รักพี่ฮะ”
-=-=-จบตอนที่ 4-=-=-=คุณไม่ได้มองตัวเลขด้านบนผิด ผมผิดเองเพราะในตอนที่เขียนโครงเรื่องมี 5 ตอน แต่เพิ่งสังเกตว่า ตอนที่ 3 กับตอนที่ 4 มันถูกขยายความและแบ่งตอนใหม่ ทำให้เรื่องนี้มีทั้งหมด 6 ตอนครับ
ดังนั้นจึงเหลืออีก 2 ตอนก็จะจบ (คิดว่าจบ ถ้าตัวซนเขาไม่ได้คิดอะไรบางอย่างออก แล้วเติมเรื่องเข้าไปอีกนะครับ)
ขอบคุณที่ชอบเรื่องนี้ และไม่ต้องกังวลว่าจะโหดร้ายเหมือนเรื่องก่อนหน้า
ตอนที่ 5 มาวันพฤหัสบดีครับ
ไจฟ์ กับ ทีครับอิอิอิ 