รักSMของหนุ่มดอกไม้ ตอนที่ 59 (จบ) p.12 (26/04/2558)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักSMของหนุ่มดอกไม้ ตอนที่ 59 (จบ) p.12 (26/04/2558)  (อ่าน 135977 ครั้ง)

ออฟไลน์ Cockroach

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
หึๆๆ พระเอกไม่รอดแล้วละ หนทางเเห่ง S รอคุณอยู่ 55555 ส่วนชานางฟินแล้วสินะ :hao7:

ออฟไลน์ DoubleBass

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 448
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
รู้สึกใกล้ได้เสพความฟิน sm แบบจัดเต็ม ฮิ้ววววว~~~~  :mc4:


ปล.สวัสดีปีใหม่คนเขียนเช่นกันนะค๊าาาา  :กอด1:

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore
         
ตอนที่ 49

          “นายว่ามันแปลกๆหรือเปล่า”

          ก้องหันมองเจ้าของเสียงที่กำลังครุ่นคิดอย่างหงุดหงิดบนโต๊ะทานอาหาร โดยไม่ยอมแตะแพนเค้กช็อกโกแลตตรงหน้าเลยสักนิด ซึ่งเขาก็ไม่แปลกใจนัก ถ้าเขาจำไม่ผิด ฤทธิ์น่าจะไม่ได้นอนมาสองวันได้แล้ว เพราะช่วงนี้มีศัตรูจากไหนก็ไม่รู้กรูกันมาไม่ขาดสาย ถึงจะไม่ได้มากันเยอะหรือพกอาวุธหนักอะไร แต่ก็มากันทั้งวันทั้งคืนจนฤทธิ์แทบจะไม่ได้กินข้าวด้วยซ้ำ กระนั้นแล้วแรงก็ยังดีไม่มีตก แถมยังเผื่อแผ่มาถึงก้องอีกด้วย แต่ท่าทางเหมือนหงุดหงิดจนอยากหาที่ระบายมากกว่าจะสนองความต้องการของก้อง

          “ก็คงจะเป็นคนจากทางฝั่งของคุณวินละมั้ง” ก้องบอกความจริงออกไป “คุณวินแกคงทนไม่ไหว อยากได้น้องชายคืนใจจะขาดแล้วละมั้ง”

          “หวา” หนุ่มตาตกส่งเสียงประหลาด ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน “เบื่อๆๆๆ ฉันอยากกลับไปทำงานที่บาร์แล้วอะ หมกตัวตั้งรับแบบนี้น่าเบื่อจะตายชัก อยากไปเหล่หนุ่มว้อย”

          ก้องเกือบกลั้นหัวเราะไม่ทัน ปากบอกแบบนั้น แต่เห็นหาเรื่องลวนลามพวกที่บุกเข้ามาในบ้านไปซะทุกคนที่โดนใจเลยทีเดียว ถึงหนุ่มแว่นจะไม่แน่ใจว่าที่ฤทธิ์ทำเพราะเบื่อจริงๆ หรือแค่อยากให้เขาหึงกันแน่ก็ตามที

          “เอาน่าๆ จบเรื่องนี้เมื่อไหร่เราก็กลับไปใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขแล้วไง…แล้วเราก็จะได้มีเวลาให้กันยิ่งกว่าเดิมด้วย ใช่ไหมล่ะ” ก้องปลอบแฟนเสียงหวาน ก่อนจะเข้าไปกอดคออีกฝ่ายจากด้านหลัง “…ถ้าคุณวัฒน์แกไม่คิดอะไรกับเรื่องที่คุณสิทธิ์ทำอยู่น่ะนะ…”

          จากที่กำลังซึ้ง ถึงกับหน้าเบี้ยวเลยทีเดียว

          เสียงตึงตังจากชั้นสองดังขัดจังหวะการทุบตีขึ้น สิทธิ์ลงมาด้วยใบหน้านิ่งเรียบแต่แก้มชมพูระเรื่อบ่งบอกว่ากำลังแช่มชื่น ส่วนเดียร์ที่โดนลากลงมาด้วยนั้นแสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน...แต่หน้าก็แดงไม่แพ้กัน

          “ช้าจังเลยนะครับ” ก้องทักพลางสำรวจเจ้าเด็กมาโซอย่างละเอียดทุกกระเบียดนิ้ว ถึงปกติจะทำท่าทางแบบนั้น แต่เขาก็พอจะดูออกว่าอย่างไหนแกล้ง อย่างไหนจริง และนั่นทำเอาเขาอมยิ้มออกมา...ซึ่งหลักๆคือสะใจเสียมากกว่าดีใจกับเจ้านาย

          “คนมีปัญหาก็ช้าแบบนี้ล่ะครับ” สิทธิ์ว่าด้วยน้ำเสียงติดตลก ก่อนจะเบนสายตากลับไปดูปฏิกิริยาของเหยื่อในมือ “ต้องให้ลงมือ”

          ซึ่งก็ลงมือเสียเป็นดวงแดงชัดเจนบนคอเลยทีเดียว

          เดียร์เอามือยกปิดคอ ใบหน้าแดงหนักกว่าเมื่อครู่ ดวงตากลมเหลือบมองอย่างไม่พอใจก่อนจะสะบัดหน้าใส่อีกฝ่าย...เพราะปลาบปลื้มจนทำหน้านิ่งไม่ไหว ซึ่งดูเหมือนจะหันช้าไปนิด สิทธิ์ถึงยิ้มออกเสียกว้าง

          “ถ้าจะไปก็รีบไปสักที ผมเบื่อแล้วนะ” เสียงหวานสั่นเครือในลำคอและเบาจนแทบจะหายไปกับอากาศ กระนั้นคนฟังก็ได้ยินชัดทุกคำ

          “อย่าเพิ่งรีบเบื่อสิจ๊ะที่รัก ยังต้องอยู่กันอีกนานเลยนะ” รายนี้ก็รับมุกเก่งขึ้นเสียจนก้องขนลุก “ยังมีของขวัญที่ฉันเตรียมไว้ให้เธอตั้งเยอะแยะเลยนะ”

          จากการที่ฤทธิ์ถึงกับสำลัก ท่าทางไอ้ของขวัญที่ว่าคงจะไม่พ้นอุปกรณ์เล่นเสียวแบบเฉพาะทางเป็นแน่

          “พูดบ้าๆ” เดียร์สะบัดเสียงใส่แล้วดึงมือตัวเองออก แต่ทำไม่ได้ “คนลามก”

          ณ จุดนี้ ฉันว่าแกควรจะใช้คำว่า โรคจิตมากกว่านะ...แต่คงกระทบตัวเองด้วยล่ะสิ...เออ ก็กระทบกันหมดนั่นละ

          “เห็นอย่างนี้ฉันก็เลือกนะ ถ้าไม่รักไม่ทำด้วยหรอก” ไม่วายยังหยอดคำหวานใส่พร้อมกับใช้มือบีบแขนเล็กแน่น เท่านั้นยังไม่พอ มีการดึงเข้ามากัดอีก

          “อึก”

          คราวนี้เด็กหนุ่มกระชากมือออกสำเร็จ...ซึ่งว่ากันตามตรงก็ควรจะดึงออกก่อนที่จะโดนกัดแล้วแท้ๆ แต่คงหวังจะโดนแบบนี้เสียมากกว่า กว่าจะรู้สึกตัวนี่ ปล่อยให้สิทธิ์กัดจนเป็นรอยชัดเชียว

          “เอ้อ…นี่ก็สายมากแล้ว ผมว่าเราน่าจะรีบกันหน่อยดีกว่าไหมครับ” ใจจริงก็ขี้เกียจจะขัด แต่เพราะเบื่อจะดูภาพบาดตา ก้องเลยเร่งเจ้านาย ซึ่งสิทธิ์เองก็ดูเหมือนจะเพิ่งนึกได้ ถึงได้ซัดอาหารเช้าเสียไวจนเกือบติดคอ

 

          สถานที่เดทในวันนี้ไม่ใช่ที่สวยงามหรูหราอย่างที่ควรจะเป็นหรือมักจะเป็น ก้องจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่มาที่นี่คือเมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆคือ ถ้าอายุปูนนี้แล้ว คงไม่มากับแฟนหรอก คงจะมากับลูกหรือไม่ก็หลานมากกว่า

          เดียร์ถึงกับทำหน้าไม่ถูกเมื่อเห็นป้ายทางเข้าสวนสัตว์ในตัวเมือง คือมันไม่ใช่สถานที่แย่ แต่มันก็ไม่ใช่ที่ๆคนเป็นแฟนในวัยประมาณเขาจะมาเที่ยวกันเลยสักนิด ถ้าเป็นนักเรียนมัธยมก็ว่าไปอย่าง ทำอย่างนี้เหมือนกับหลอกด่ากลายๆว่าอย่างเดียร์ ก็เหมาะกับอะไรเด็กๆแบบนี้ยังไงยังงั้น

          “ยืนเหม่ออะไร เข้าไปสิ” สิทธิ์ผลักหลังเด็กหนุ่ม ก่อนจะเดินนำและลากคนตัวเล็กเข้าไปอย่างไม่สนว่าอีกฝ่ายจะสมัครใจหรือไม่ “ทำหน้าแบบนั้น อยากไปที่ที่ดีกว่านี้หรือไง”

          เดียร์เกือบจะดีใจจนเกือบไม่ทันสงสัยกับเรื่องแปลกๆแล้ว

          “ไหนคุณบอกว่ารักผม...แล้วทำไมถึงพูดแบบนั้น...” ถ้าอยากทำให้เขาประทับใจจริง ตามปกติก็น่าจะพาไปที่ดีๆกว่านี้สิ

          “นั่นมันรางวัลตอนทำตัวดีกว่านี้สิ” ฟังแล้วเดียร์รู้สึกโชคดีเป็นอย่างยิ่ง “ถ้าอยากไปนัก วันนี้ก็ลองทำให้ฉันพอใจสิ”

          แหม พูดให้เหมือนกับว่าตัวผมเองเป็นคนอยากไปกับคุณเสียเองแบบนี้ มันจี๊ดได้ใจจริงๆ!

          “คะ...ใครอยากจะไปกันเล่า...ยิ่งกับคุณด้วยแล้ว...” ผมคิดว่าน่าจะไปคลับSM ไม่ก็แหล่งทรมานผมจะเวิร์คกว่าครับ!!

          “เหรอ” ไม่ว่าเปล่ามีโอบเอวเข้ามากอด จนเดียร์สะดุ้ง “กลัวอะไรล่ะ เราเป็นแฟนกันนี่ จริงไหม...”

          “บ้าอะไรของคุณ...หยุดนะ...หยุด...” หยุดออมมือแล้วปล่อยมาเต็มแรงเลยครับ! นั่นล่ะๆ! “อื๊อ”

          เด็กหนุ่มรีบปิดปากตนทันทีที่เผลอครางออกมา ดวงตากลมตวัดมองอีกฝ่ายอย่างตื่นกลัว แต่สิทธิ์แค่ดูประหลาดใจนิดหน่อยเท่านั้น ก่อนจะยิ้มพรายชวนใจเต้นระส่ำ และยิ่งเต้นโครมครามหนัก

          “ชอบล่ะสิ อยากให้ทำแรงกว่านี้ไหมล่ะ”

          เชี่ย!!!! ทำไมทำตาเยิ้มแบบนี้ฟะ!! มันหมายความว่าอะร้ายยยยย

          เพิ่งจะมีคราวนี้ที่รู้สึกสับสนอย่างหนัก แน่นอนว่าอยากตอบรับใจจะขาด แต่ครึ่งหนึ่งก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะแค่พูดเพื่อกลั่นแกล้ง หากเผลอหลุดบอกความจริงออกไป สิทธิ์อาจจะนึกขยาดก็เป็นได้ แม้จะหวังลึกๆว่าพ่อหมียักษ์อาจจะเริ่มชอบใช้ความรุนแรงขึ้นมาบ้างแล้วก็ตามที แต่เดียร์ก็ไม่คิดว่าสิทธิ์จะข้ามขั้นไปสู่ระดับอาชีพเอาทันทีหรอก

          “ไม่อยากสินะ”

          ว่าจบก็ปล่อยร่างบางออกไปทันที จากนั้นก็เดินเข้าไปต่อราวกับไม่สนใจเด็กหนุ่มเลยสักนิด

          อะไรกัน...

          ดวงตากลมมองอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทิ้งกันแบบนี้ ความรู้สึกโหวงเหวงปนเสียดายก่อตัวขึ้นในใจ และกว่าจะรู้สึกตัว ร่างกายก็เคลื่อนไหวเองตามใจชอบเสียแล้ว

          “เดี๋ยวสิ”

          ร่างสูงหันมามองคนด้านหลังที่ดึงชายเสื้อเชิ้ตสีกรมท่าของตน ใบหน้าหวานแดงระเรื่อคล้ายกับไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นนัก มือเล็กเด้งกลับหาเจ้าของ ก่อนที่สติจะเริ่มกลับมาเข้าที่

          “พาผมมาแล้วจะทิ้งกันแบบนี้ได้ยังไงล่ะ...” เสียงหวานดังขึ้นอย่างแผ่วเบา คล้ายกับจะร้องไห้ ซึ่งกลับทำให้คนฟังอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง

          “ใครมันจะคิดทิ้งของเล่นแสนรักของตัวเองได้ล่ะ” สิทธิ์เอ่ยด้วยใบหน้าเหมือนคนมีชัย ยิ่งทำให้เดียร์ใจเต้นรัว “ไหนลองอ้อนวอนขอโทษที่ไม่ยอมตอบฉันเมื่อกี้ดีๆหน่อยสิ ฉันอาจจะยอมยกโทษให้ก็ได้นะ”

          ถ้าเป็นเมื่อก่อน เดียร์ก็คงดื้อแพ่งเพื่อรางวัลที่อยากได้มากกว่าอยู่แล้ว แต่ในตอนนี้กลับไม่กล้าทำเสียอย่างนั้น คล้ายกับว่าถ้าไปฮุบเบ็ดอันแรก เขาอาจจะต้องเสียเหยื่อที่ดีกว่าก็เป็นได้

          เด็กหนุ่มยื่นทื่อหน้าแดงระเรื่อ ไอ้เรื่องเอ่ยคำขอโทษนี่มันไม่ใช่เรื่องยากนัก เพียงแต่จะต้องทำเหมือนไม่อยากขอโทษ แต่ก็ต้องยอมอย่างเสียไม่ได้นี่แหละที่มันยาก เลยต้องบิ๊วอารมณ์ให้น้ำตาคลอหน่วย พร้อมกับเม้มปากแน่นใส่ ก่อนจะสะบัดหน้าไปอีกทาง

          “ขอโทษครับ...”

          “ขอโทษเรื่องอะไร”

          เดียร์ชักเริ่มหอบกระเส่า “เรื่อง...ที่ผมไม่ตอบคุณ...”

          “ไหน ขออีกทีสิ” ว่าแล้วก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้คล้ายกับจะจูบ “อีกที”

          ถ้าไม่ติดว่ากลัวคุณจะหนีผมไป ผมคงก้มไปเกาะขาคุณตรงนี้แล้วล่ะ

          “ผมขอโทษเรื่องที่ผมไม่ตอบคุณ” คราวนี้พูดรวดเดียวจบเหมือนไม่อยากจะพูดซ้ำ ซึ่งเดียร์ก็ไม่อยากจะพูดซ้ำจริงๆ เพราะถ้ามากไปกว่านี้ มีหวังความดันขึ้นจนเป็นลมแน่

          “ก็แค่นั้น” โชคดีที่อีกฝ่ายพอใจ จึงจบการทรมานแสนหวานเพียงแค่เท่านี้ “งั้นก็ตามมา แล้วอย่าคิดปล่อยมือล่ะ”

          เดียร์มองมือหนาที่ยื่นเข้ามา ดวงตากลมรู้สึกดีใจและเสียดายอย่างน่าประหลาด แต่ก็ต้องกดอารมณ์เหล่านั้นเอาไว้ ทิ้งไว้แต่ความรู้สึกพ่ายแพ้ และยื่นมือไปจับอย่างสั่นไหว

          และก็อย่างที่บอกว่า เมื่อมาเที่ยวสวนสัตว์ ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเดินชมสิงสาราสัตว์ ยิ่งตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาโชว์การแสดง ก็ได้แต่เดินเอื่อยเฉื่อยไปเรื่อยเท่านั้น…เพียงแต่สิทธิ์ดูจะมีเป้าหมายในการเดินอย่างน่าแปลก หลังจากเดินเข้ามาได้สักพัก อยู่ๆก็ฉุดมาดูโซนลิงเสียอย่างนั้น

          “ดูสิ ชะนี”

          จากนั้นก็พาไปแถวบ่อสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ…

          “ดูสิ แรด”

          เลือกมาดูเหมือนจงใจอย่างไรชอบกล แถมยังพาไปดู เสือ เก้ง และกวางต่อแบบครบจบกระบวนความ เหมือนต้องการจะสื่ออะไรทางอ้อมเลยยังไงยังงั้น

          “…นี่คุณจงใจหรือเปล่า…” เดียร์ก็ค่อนข้างจะมั่นใจอยู่หรอก แถมคนที่จูงมือตนก็หยุดยืนนิ่งอยู่หน้ากรงเก้งตั้งนานแสนนานอีกต่างหาก

          “จงใจอะไร้ ไม่มี้” เสียงสูงปรี๊ดกันเลยทีเดียว “ไง สนุกไหม”

          น้ำเสียงนั้นห้วนและดูไม่แยแส แต่แน่นอนว่าคนฟังก็ใจเต้นไม่เป็นส่ำราวกับโดนกระซิบอย่างอ่อนโยนที่ข้างหู และแถมงับทิ้งท้ายแสดงความกระหายมาให้ด้วย

          “…ส…สนุกบ้าอะไร…” เด็กหนุ่มพูดติดขัด หายใจหอบกระเส่าอย่างกับเพิ่งโดบจูบแบบไม่ให้พักเป็นเวลาห้านาที “ผม…ไม่ใช่เด็กนะ ที่จะมาสนุกกับอะไรแบบนี้…”

          “จริงหรือ” แรงบีบที่มือรุนแรงขึ้น แต่โทนเสียงกลับหวาบหวามชวนปลุกอารมณ์ที่ไม่ควรกระทำในกลางแจ้ง “แล้วอะไรที่สนุกสำหรับเธอหรือ”

          แล้วจะให้บอกเรอะว่าช่วยเอาเชือกมาจูงคอ แล้วสั่งให้ผมเดินสี่ขารอบสวนสัตว์น่ะ…แฮ่กๆ อย่างน้อย เอารอบบ้านก่อนก็ได้~

          เดียร์เพียงแต่หันหน้าไปอีกทางเพื่อซ่อนความอยากบนใบหน้า แต่กลับโดนมือหนารั้งไม่ยอมให้ขยับ จนเดียร์ได้แต่กัดฟันและอดทนเท่าที่จะทำได้ ซึ่งโชคดีที่สิทธิ์บีบหน้าอยู่ เลยทำให้อารมณ์บนใบหน้ากลมกลืนไปกับรอยย่นจนไม่ต้องพยายามปกปิดให้เหนื่อยนัก

          “จะหนีทำไม แค่ถามธรรมดา จะกลัวอะไร” สิทธิ์ยิ้มเยาะ “ว่าไง ถ้าไม่ตอบเอง เดี๋ยวฉันจะทำตามใจชอบนะ”

          ทำอะไรหรือครับ ตามใจชอบที่ว่าเนี่ย ถึงได้เอาอีกมือมาเลื้อยไปเลื้อยมาทั่วตัวผมน่ะ…โอ้ว

          “อ๊ะ ทำบ้าอะไรของคุณ” อยู่ๆก็โดนหยิกจนสะดุ้งและเผลอทำหน้าตื่นใส่ นึกว่าพ่อคุณแกจะหื่นในที่สาธารณะอย่างเดียวเสียอีก

          “เรียกสติไง เห็นเคลิ้มเชียวนะ” ไม่ว่าจะพูดจริงหรือไม่ คนฟังก็สะดุ้งเพราะเมื่อครู่ลืมตัวจริงๆ “ชอบเหรอ”

          เดียร์ยอมรับว่าเขาไม่แน่ใจจริงๆว่าอีกฝ่ายต้องการคำตอบแบบไหนกันแน่ ทั้งที่เมื่อก่อนละดูง่ายจนแทบไม่ต้องใช้สมองและพลังงานให้เปลืองแบบนี้เลยแท้ๆ

          “จะบ้าหรือ…ใครจะชอบกันเล่า” แต่สุดท้ายก็ตอบไปอย่างที่คนปกติควรจะตอบ ก่อนจะผละร่างออกจากอีกฝ่าย ซึ่งก็ห่างเท่าที่ช่วงแขนจะอำนวย เพราะสิทธิ์ยังคงจับมือเขาแน่นไม่เปลี่ยน…

          แต่แทนที่จะทำสีหน้าเหนือกว่า คราวนี้กลับดูนิ่งชอบกล

          ทำไมล่ะ เราทำอะไรผิดกัน?

          ก่อนที่จะได้คิดต่อ เสียงใสของเด็กหญิงตัวน้อยก็แล่นผ่านโสตประสาทชวนให้รื่นหู เมื่อหันไปดูก็พบสาเหตุที่ทำให้เด็กน้อยร้องไห้จ้า ก็คงเป็นลูกโป่งที่ลอยไปติดอยู่บนต้นไม้ กับการที่เธออยู่เพียงลำพังไม่มีผู้ปกครองอยู่ด้วยเลย

          เดียร์รู้สึกเหมือนโดนฉีก เพราะเจ้าหมียักษ์แกเล่นกระชากเขาเข้าไปหาเด็กหญิงอย่างลืมตัว ซึ่งเขาไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเปล่า ที่แม้สิทธิ์ต้องการจะช่วยคนอื่นมากแค่ไหน ก็ยังไม่ลืมเขาไปเสียทีเดียวเนี่ย

          “เอ้า ไม่ร้องนะคะ” ใบหน้าที่มักเคยเห็นในอดีตผุดออกมา พร้อมกับยื่นลูกโป่งรูปกระต่ายสีชมพูให้หนูน้อย หากไม่รู้นิสัยจริงกันมาก่อน เดียร์คงไม่คิดหรอก ว่าสิทธิ์จะยิ้มได้อ่อนโยนขนาดนี้ แม้จะทำให้เขารู้สึกคันคะเยอเหมือนเป็นลมพิษเมื่อได้เห็นก็ตาม “พ่อแม่หนูไปไหนแล้วล่ะคะ”

          เด็กหญิงมองทั้งสองก่อนจะรับลูกโป่งมา ก่อนจะเริ่มร้องไห้อีกครั้ง

          “พ่อ...แม่หาย...ฮือ...”

          “โอ๋ ไม่ร้องนะ เดี๋ยวพี่ชายจะช่วยหาแม่ให้นะคะ” ชายหนุ่มปลอบเสียงนุ่ม “ชื่ออะไรหรือจ๊ะเรา”

          “น...นัทค่ะ” เด็กตัวน้อยบอกเสียงสะอื้นพลางปาดน้ำตา ดูจากความสูงแล้ว เธอน่าจะอายุราวสี่ห้าขวบได้ “พี่ชายกับพี่สาวจะช่วยหาพ่อกับแม่ให้จริงๆหรือคะ”

          เดียร์ไม่แปลกใจสักนิดที่สิทธิ์หลุดหัวเราะออกมา

          “…จริงสิจ๊ะ เกี่ยวก้อยสัญญาเลย” ท่าทางพ่อหมียักษ์จะรับมือกับเด็กได้ดีอย่างน่าประหลาด “ถ้างั้นไปหาพ่อแม่กับพี่กันนะ”

          ว่าแล้วก็อุ้มเด็กหญิงขึ้นมาด้วยมือเพียงข้างเดียว ซึ่งไม่รู้ว่าเพราะเด็กหญิงตัวเบา หรือเพราะไม่อยากปล่อยมือจากเดียร์กันแน่ แต่เด็กหนุ่มคิดว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า…ก็ดูสิ ทั้งที่อุ้มเด็กอยู่แท้ๆ แต่กลับใช้สายตาเร่าร้อนปรายมองมาเป็นระยะ เหมือนกำลังสังเกตการณ์ตนอยู่ยังไงยังงั้น

          แน่นอนว่าเดียร์ก็รู้ดีว่าสายตานั้นมันหมายความว่าอย่างไร แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือการกระทำที่สวนทางกันนี่สิ ถึงเขาอยากจะคิดเข้าข้างตัวเองอย่างไร ก็ทำใจคิดไม่ได้หรอกว่าสิทธิ์จะเปลี่ยนกันไวแบบนี้หรอก

          ถ้าคุณเป็นอย่างที่ผมหวัง มันอาจจะดีสำหรับเราทั้งคู่ก็ได้

          ตามหลักเมื่อเจอเด็กหลงทาง แน่นอนว่าก็ต้องพาไปยังประชาสัมพันธ์เพื่อประกาศหาผู้ปกครองอยู่แล้ว แต่ปัญหาก็คือ ทั้งที่ประกาศไปตั้งสามสี่รอบ และรออยู่ราวครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่กลับไม่มีวี่แววของผู้ปกครองของนัทเลยแม้แต่เงา ทำเอาทั้งสิทธิ์กับเดียร์และพนักงานสาวเริ่มอึกอักหวั่นใจ และที่แย่กว่าคือ เด็กหญิงตัวน้อยเริ่มบ่อน้ำตาแตกอีกแล้ว

          “โอ๋ ไม่ร้องนะๆ เดี๋ยวพ่อกับแม่ก็มาแล้วน้า” สิทธิ์พูดประโยคนี้เป็นรอบที่ยี่สิบสอง และท่าทางมันจะใช้ไม่ได้ผลเสียแล้ว

          “พ่อกับแม่…ทิ้งนัทใช่ไหมคะ…”

          “ไม่ได้ทิ้งหรอกจ้ะ” เมื่อเห็นพ่อหมียักษ์หมดมุก บวกกับทนเห็นสภาพสมเพชของสิทธิ์ไม่ได้ เดียร์เลยช่วยปลอบใจเด็กหญิงอีกแรง “ไม่มีพ่อแม่คนไหนจะทิ้งเด็กน่ารักอย่างหนูลงหรอก บางทีพ่อกับแม่อาจจะไม่ได้ยินเสียงประกาศก็ได้นะ”

          พูดจบ พนักงานก็สะดุ้งเหมือนโดนเข็มจิ้มก้น และเริ่มประกาศอีกครั้งทันที

          “นั่นสิ อย่าคิดแบบนั้นเลยนะ” สิทธิ์ช่วยเสริม “จริงสิ อยากกินอะไรไหม เดี๋ยวพี่ชายซื้อให้”

          นัทมองหน้า แล้วปาดน้ำตาตัวเอง “ไอติม”

          “จ้า” พ่อหมียักษ์รับเสียงใส ก่อนจะหันมาหาเดียร์ด้วยสีหน้ากังวล และทำท่ากระอักกระอ่วนจนเดียร์เลิกคิ้ว แต่เพียงไม่นานเขาก็เก็ท “ฝากดูเขาที…แล้วอย่าหนีไปไหนนะ”

          แหม เอาจริงๆก็กลัวผมจะหนีล่ะสิ

          “ผมไม่มีทางทิ้งเด็กเอาไว้แบบนี้หรอกครับ” เด็กหนุ่มอดหลุดขำออกมาไม่ได้ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควร “คุณไปเถอะครับ…รีบไปละกัน ผมไม่ทิ้งเด็กก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ตรงนี้จนกว่าพ่อแม่เข้าจะมาหรอกนะ”

          นี่ไม่ได้แกล้งนะ แค่ทำเป็นขู่ให้ดูเหมือนไม่เต็มใจเท่านั้นเอง


_______________________________________
ต้องขอโทษที่เว้นไปอาทิตย์นึงงับ พอดีเดือนนี้ไม่ว่างอย่างแรง ;w; หลังจากลงตอนนี้แล้วอาจจะลงอีกทีไม่สิ้นเดือนก็ต้นเดือนกุมภาเลยนะงับ  TT[]TT

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
โว้ว...ว.ว......แดดิ้น  :z3: คู่นั้นก็ดี คู่นี้ก็แจ๋ว  :hao6: นักเขียนรีบมาต่อนะคะ ฮุฮุ

ออฟไลน์ Maria_safe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
สิทธิ์เอ้ย ความเป็นsในตัวนายมันคงไม่ไปไหนแล้วล่ะ เนียนไปกับนิสัยละนี่
เดียร์นี่ไม่รู้จะพูดยังไง ยิ่งอ่านยิ่งฮาปนสงสารนาง สับสนละสิเทอ
นิยายเรื่องนี้อ่านทีไรมันฮาแตกทุกที

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
อ่านเเล้วฮาาาาา

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore
         
ตอนที่ 50

          เดียร์มองคนที่รีบร้อนออกไปซื้อไอศกรีมราวกับเป็นเรื่องฉุกเฉินแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกลัวเขาหนีขนาดนั้น ซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาที่เห็นตัวเองดูสำคัญสำหรับอีกฝ่ายเสียเหลือเกิน

          ที่เป็นแบบนี้ เพราะรักอีกฝ่ายอย่างนั้นหรือ

          นึกแล้วก็อดประหลาดใจตัวเองไม่ได้เหมือนกัน เพราะทุกครั้งที่มีใครเห็นความสำคัญของตัวเอง ความรู้สึกแรกที่พุ่งออกปากคือขยะแขยงแสลงใจแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับไม่เหลือความรู้สึกนั้นเอาไว้เลยสักนิด กลับกัน อยากจะเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ…และถ้าให้ดีมาพร้อมกับโซ่ แส้ กุญแจมือด้วยล่ะยิ่งแจ่ม!!!...แต่ถ้าไม่มี…ถ้าเป็นเขาก็คงไม่เป็นไรมั้ง…

          เด็กหนุ่มสะดุดกึกกับความคิดของตัวเอง พอคิดว่าถ้าต้องมีชีวิตต่อไปโดยไม่ได้รับความรุนแรงอีกก็ชวนให้ใจหายวาบ ถึงเมื่อครู่จะเผลอนึกไปก็จริง แต่เดียร์มั่นใจว่า ไม่เกินสามเดือน เขาต้องออกอาการลงแดงแน่นอน ความกลัวที่แทรกขึ้นมาในใจนั้นเป็นหลักฐานอย่างนี้ ของแบบนี้ใช่ว่าจะเลิกกันได้ง่ายๆเสียหน่อย ยิ่งสำหรับเขาที่อยู่กับความเจ็บปวดมาตั้งแต่จำความได้ ถ้าอยู่ๆให้เลิกเลย มันก็ไม่ต่างอะไรจากให้หยุดหายใจหรอก

          แต่พอนึกว่าจากนี้ไปจะไม่มีสิทธิ์ในชีวิต มันก็รู้สึกว่างเปล่าอย่างน่าแปลก…จะให้ตัดใจไปก็ทำไม่ลง..

          ถ้าเขารู้ เขาต้องรับไม่ได้อยู่แล้ว...แน่ล่ะคนธรรมดาจะมารับกับเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกันล่ะ

          ความรู้สึกเจ็บแปลบจี้ขึ้นในอก ความขมขื่นปนสุขสมปนกันอยู่ในใจ นี่อาจจะเป็นครั้งแรกก็ได้ที่เด็กหนุ่มรู้สึกแย่มากกว่าดี...ถึงตอนนี้ใบหน้าจะยิ้มเพราะเหตุประจำอยู่ก็ตาม

          ไม่คิดเลยว่าการมีความรักมันจะมีความรู้สึกแย่ปนมาด้วยแบบนี้

          “พี่สาวเป็นแฟนกับพี่ชายหรือคะ”

          เด็กหนุ่มหลุดจากห้วงคิดเมื่อมีเสียงใสกระทบเข้าโสตประสาท เดียร์มองเด็กตัวน้อยที่มองเขาอย่างสงสัยใคร่รู้ ก่อนจะก้มลงไปลูบหัวอย่างเอ็นดู

          “ทำไมคิดแบบนั้นละจ๊ะ”

          เด็กหญิงทำแก้มป่อง “ก็พี่ชายกับพี่สาวดูรักกันเหมือนพ่อกับแม่ของหนูนี่คะ”

          ฟังคำตอบแล้วถึงกับกระตุก เพราะเอาเข้าจริงๆ เขาดูไม่ค่อยออกหรอกว่าสิทธิ์รักตนจริงหรือเปล่า แต่ที่ช็อกยิ่งกว่าคือ การที่ตนแสดงออกจนเด็กรู้สึกได้ด้วยนี่สิ

          นี่เรารักคุณสิทธิ์จนขนาดเก็บอาการไม่อยู่เลยหรือ…

          ความรู้สึกกลัวก่อเกิดขึ้นมาในใจอย่างไร้สาเหตุ ทั้งที่คิดเอาไว้แล้วแท้ๆว่า หากสิทธิ์กับตนไม่อาจร่วมทางตะปูหนามกันได้ ก็คงต้องแยกทางอย่างเสียมิได้

          ไม่หรอก เขาเองก็ออกจะใช้ความแรงรุนได้ดีขนาดนี้ เราจะกลัวไปทำไม ยิ่งตอนนี้ด้วยแล้ว บางทีเขาอาจจะติดใจก็ได้…

          แต่ถ้าไม่ล่ะ?

          “มาแล้วจ้า”

          เด็กหญิงตาโตกับไอศกรีมโคนรสวนิลาในมือของสิทธิ์ เดียร์เองก็เผลอนิ่วหน้าเพราะอีกฝ่ายไม่ได้ซื้อมาแค่อันเดียว

          “ค่อยๆกินนะ” สิทธิ์บอกเมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้วงซะเลอะรอบปาก ก่อนจะลอบถอนใจเมื่อเห็นหนูน้อยร่าเริงขึ้น

          “ขอบคุณค่ะพี่ชาย” นัทเอ่ยขอบคุณก่อนจะก้มลงกินอย่างเอร็ดอร่อย

          เมื่อเด็กหญิงสนใจอยู่กับไอศกรีม สิทธิ์ก็เปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นมิตร กลับมาเหยียดยิ้มกว้าง ดวงตาเรียวดูคล้ายกับกำลังมองเห็นของเล่นยังไงยังงั้น

          “เอ้ากินสิจ๊ะ” ว่าแล้วก็ยื่นไอศกรีมรสเดียวกับของนัทมาจ่อปากเดียร์ “ไม่ต้องเขินหรอก กินเลยๆ”

          และสิทธิ์ก็ไม่รอฟังคำตอบแต่อย่างใด จิ้มแปะจมูกเลยทีเดียว

          “คุณนี่!” เดียร์แววใส่ ก่อนจะถอยหนี “เล่นเป็นเด็กๆไปได้”

          “ฮะๆๆ” แลดูจะสะใจเสียเหลือเกิน ถึงได้หัวเราะออกนอกหน้าขนาดนี้ “เห็นทำหน้ากลุ้มมาแต่ไกลนี่”

          ร่างบางกระตุกเล็กน้อยเมื่อโดนทัก สีหน้าแสร้งหงุดหงิดหายไป เหลือไว้เพียงความรู้สึกหวาดหวั่น จนทำเอาคนแกล้งหน้าเสียและลืมตัว

          “เป็นอะไรหรือเปล่า” เพราะกลัวอีกฝ่ายจะทนรับกับการแกล้งไม่ไหว เลยลนลานถามไปอย่างลืมเก็กเลยทีเดียว “ฉะ…ฉันขอโทษนะ แค่ได้ใจมากไปหน่อย…”
         
          ใบหน้าขาวนวลเงยมองขึ้นมา คนมองถึงกับเจ็บในอก นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเลยสักนิด

          นั่นสินะ…ถึงยังไง ไอ้เรื่องจะให้อีกฝ่ายมีรสนิยมเข้ากับเราเลยน่ะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก…

          ดวงตากลมตกเบิกกว้างเมื่อเห็นท่าทีของร่างสูง ริมฝีปากบางอ้ากว้างหมายจะพูด แต่บางอย่างในใจกลับดึงคำที่อยากจะบอกกลับลงคอจนสิ้น

          “…ไม่เป็นไร…” เสียงหวานเบาจนแทบจะกลืนไปกับอากาศ เดียร์ก้มลงหลุบต่ำเพราะทนมองไม่ไหว โชคดีเหลือเกินที่นัทยังคงสนใจไอศกรีมอยู่ จึงไม่เห็นใบหน้ากลัดกลุ้มของเดียร์

          ก่อนจะมีใครได้พูดต่อ เสียงวิ่งที่ดังเข้ามาก็ดึงความสนใจของพวกเขาเสียก่อน และนั่นทำให้เด็กน้อยถึงกับยิ้มกว้าง
         
          “พ่อจ๋า แม่จ๋า” เสียงใสร้องดังก่อนจะโผเข้ากอดแม่และปล่อยโฮลั่น อีกฝ่ายเองก็กอดกลับโดยไม่สนว่าไอศกรีมและน้ำมูกน้ำตาของเด็กหญิงจะเลอะหน้าหรือเสื้อผ้าแต่อย่างใด สิ่งเดียวที่อยู่บนใบหน้าคือความปิติที่ได้พบกับลูกอีกครั้ง

          “นัท แม่ขอโทษนะลูก” หญิงสาววัยสามสิบต้นๆบอกเสียงสั่น “ไม่เป็นไรใช่ไหม”

          ในขณะที่ผู้เป็นแม่กำลังสำรวจสวัสดิภาพของลูกสาว คนพ่อที่เพิ่งโล่งใจจากการพบลูกก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดมองมาทางสิทธิ์ ก่อนจะทำท่าเหมือนนึกออก

          “อ้าว ไอ้สิทธิ์นี่”

          เดียร์เผลอเลิกคิ้ว... ‘ไอ้’ เลยหรือ

          สิทธิ์ดูจะประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้โกรธแต่อย่างใด ท่าทางเหมือนจะนึกไม่ออกว่าคนตรงหน้าเป็นใครอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะแสดงอาการไม่ต่างจากอีกฝ่ายนัก

          “อ้าวพี่ ไม่เจอกันนานเลยนะ” ดูท่าทางจะเป็นคนรู้จักในทางบวก และสนิทสนมกันมากทีเดียว เพราะสิทธิ์ถึงกันตบไหล่อีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจเช่นกัน เล่นเอาคู่สนทนาเซไปกับแรงควายที่เข้ามาอย่างกะทันหัน “เป็นไงบ้างล่ะพี่ ไอ้หน้าตายนั่นสบายดีหรือเปล่า”

          “ฮ่าๆ ก็เรื่อยๆล่ะ ลองไปเยี่ยมมันสิ แล้วแกจะสะพรึง รู้หรือเปล่าว่ามันมีแฟนแล้วนา”

          “หา จริงง่ะ ยังมีผู้หญิงที่ไหนตาบอดไปชอบมันด้วยหรือ ฮะๆๆ…”

          เดียร์มองอีกฝ่ายที่คุยกันอย่างเป็นมิตรและสนุกสนาน จนเขากลายเป็นส่วนเกิน แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกโหวงเหวงไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น แต่เป็นสิ่งที่เขาเพิ่งจะสำนึกได้เมื่อเห็นภาพตรงหน้าต่างหาก

          นั่นสินะ...ก็เขาน่ะ...

 

          “อ้าว ว่าแต่นั่นแฟนใหม่แกเหรอ” หลังจากคุยย้อนความหลังกันจนสมใจอยาก ชายหนุ่มผู้เป็นพ่อของนัทก็เอ่ยทักทายเดียร์ขึ้นมา แต่พอเห็นใบหน้าหมองของหนุ่มหน้าหวาน น้ำเสียงต่อมาจึงเจื่อนลงอย่างชัดเจน “เอ่อ...เป็นอะไรหรือเปล่า”

          สิทธิ์เองก็หันกลับมามองเดียร์ ความรู้สึกกดดันก่อนหน้าคุขึ้นมาอีกครั้ง ชายหนุ่มมั่นใจว่าอีกฝ่ายยังคงรู้สึกแย่จากการแกล้งของตนเมื่อครู่แน่

          “เอ่อ เขาไม่ค่อยสบายนิดหน่อย...ถ้ายังไงผมขอตัวก่อนละกันนะครับ เที่ยวให้สนุกนะ” เนื่องจากไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นห่วงนัก พ่อหมียักษ์จึงรีบโกหกและพาตัวเดียร์ออกไปอย่างรวดเร็ว “...ไม่เป็นอะไรนะ”

          ทีแรกเขาคิดว่าจะต้องโดนต่อว่ากลับอย่างที่มักเป็น แต่คราวนี้กลับไม่ใช่เลยสักนิด ยิ่งเห็นสีหน้าสลดของอีกฝ่าย ความกลัวก็ยิ่งเพิ่มพูนจนเริ่มสั่น

          “ฮึก”

          และถึงกับกระโดดถอยหนีทันทีเมื่อเห็นน้ำตาไหลอาบแก้มเดียร์

          “เฮ้ย เป็นอะไรกัน ถ้าเป็นเรื่องเมื่อกี้ล่ะก็ฉันขอโทษนะ” สิทธิ์ร้องเสียงหลงและเข้ามาปลอบอย่างกระวนกระวาย

          เด็กหนุ่มเงยมองสีหน้ากลัดกลุ้มของร่างสูง เขาไม่คิดแม้แต่จะเช็ดน้ำตาออกจากแก้มของตนแม้แต่น้อย ริมฝีปากสีหวานเผยยิ้มบาง มันดูดีใจแต่กลับแฝงไว้ด้วยความเศร้าเหลือคณา

          “แบบนี้สิถึงจะเป็นคุณ” ได้ยินเสียงหวานทัก หมียักษ์ถึงกับสะดุ้งโหยง “ทำไมถึงชอบฝืนทำทั้งที่ไม่ชอบด้วยล่ะ”

          “มะ...ไม่ใช่สักหน่อย...ฉันชอบจะตาย...” สิทธิ์พยายามจะค้าน แต่กลับโดนอีกฝ่ายยกมือห้าม

          “ชอบ แต่ถ้าไม่ใช่ศัตรูก็ไม่ทำใช่ไหมล่ะครับ” คำนั้นเล่นเอาคนฟังใบ้กิน “หรือคุณเห็นผมเป็นศัตรูกันละ”

          “ไม่ใช่เลยนะ ฉันรักเธอต่างหากล่ะ” พูดแล้วก็ต้องด่าตัวเองในใจ เพราะนั่นทำให้คำแก้ตัวที่ว่า เขาทำรุนแรงแค่กับเดียร์เพราะชอบตกไปอย่างเป็นทางการ

          “ใช่ไหมล่ะ” เสียงหวานเอ่ยอย่างอ่อนโยน ซึ่งเป็นสิ่งที่สิทธิ์อยากฟังมานานเหลือเกิน เสียแต่ในตอนนี้ เขากลับไม่อยากได้ยินมันเลยสักนิด ยิ่งฟัง เขาก็ยิ่งรู้สึกเจ็บในอก “คุณน่ะ เหมือนพี่วินจะตาย”

          ซึ่งนั่นเบรกความรู้สึกเจ็บของสิทธิ์ ชนิดหัวทิ่มเลยทีเดียว

          “ถึงคุณจะไม่ยอมรับยังไง คุณกับพี่วินก็นิสัยเหมือนกันมากเลยนะ...” เดียร์เอ่ยต่อด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตา “กับศัตรู ร้ายมายังไงก็ร้ายกลับอย่างนั้น แต่จะทำเพื่อพวกพ้องจนเกินตัวเลยใช่ไหมล่ะ”

          ตรงเสียจนเถียงไม่ออก

          “ไม่...เอ๊ย ใช่สิ ฉันน่ะเป็นอย่างนั้นก็จริง แต่กับเธอมันไม่เหมือนกันนะ” สิทธิ์ค้านเสียงสั่น ก่อนจะจับไหล่อีกฝ่ายแน่น ราวกับกลัวจะสูญเสียไป “ฉันเป็นแบบนี้แค่กับเธอคนเดียวเท่านั้นล่ะ”

          ดวงตากลมเบิกกว้างมอง ก่อนจะหรี่หลับลง และเข้าใจไปว่าสิทธิ์หมายถึงเขารักตนคนเดียว “ผมรู้...แต่เรารักกันไม่ได้หรอกครับ แค่ความรักมันไม่อาจผูกให้เราอยู่ด้วยกันได้ตลอดไปหรอกครับ ผมกับคุณต่างกันเกินไป”

          “ไม่นะ เรื่องนั้นมันไม่จริงสักหน่อย...” สิทธิ์ชะงักไปเล็กน้อย และเริ่มเอะใจในประโยคสุดท้ายของเดียร์

          หรือเขาจะรู้เรื่องที่เราเป็นพวกซาดิสม์...

          สิทธิ์ถึงกับหน้าเสีย ทั้งที่ตั้งใจแล้วว่าจะรอให้อีกฝ่ายนึกชอบก่อนแท้ๆ แต่ในเมื่อรู้ไปแล้ว สิ่งเดียวที่ทำได้คือเดินหน้าต่อเท่านั้น

          “แต่ถึงแบบนั้น มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะรักกันไม่ได้สักหน่อย” สิทธิ์ว่าต่อเสียงขุ่น ไม่เคยเลยที่จะต้องมาคาดคั้นขอความรักจากคนอื่นแบบนี้ “ใจจริงฉันก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้สักหน่อย แต่มันรักไปแล้วนี่นา ทำยังไงได้ล่ะ ถึงฉันจะพยายามยังไง มันก็ทำไม่ได้...ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง...หรือเรื่องที่ต้องเลิกรักเธอ”

          เดียร์รู้สึกเหมือนมีบางอย่างจุกอยู่ที่คอ ปากเล็กทำได้เพียงแค่อ้าค้าง ไม่กล้าจะเอ่ยสิ่งใดออกมา ความกลัวเกิดรุมเร้าขึ้นภายในใจ ไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้

          พูดแบบนั้น...เขารู้เรื่องที่เราเป็นมาโซฯหรือ

          จะให้คิดเป็นอย่างอื่นในตอนนี้ก็คิดไม่ค่อยจะออก นอกจากว่าสิทธิ์พยายามทำตัวเป็นชาวซาดิสม์เพื่อให้เข้ากับตน แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ และจะให้เลิกรักก็ทำไม่ได้

          น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ทะลักเขื่อนจนได้ เด็กหนุ่มทั้งดีใจและเสียใจปะปนกัน เขาไม่คิดเลยว่าจะมีคนรักตนถึงขนาดพยายามเปลี่ยนรสนิยมเพื่อเข้ากับเขาแบบนี้ แต่อีกใจก็รู้สึกแย่เหลือกำลัง...เพราะเขาทำให้สิทธิ์ต้องรู้สึกทรมานเพราะ ความชอบของเขา

          ถึงเริ่มแรกทุกอย่างจะเป็นเพราะอีกฝ่าย แต่หากไม่ใช่เพราะความกระสันอยากโดนทำร้ายของตน มีหรือที่สิทธิ์จะต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้

          “ผมขอโทษ...” ในขณะที่สิทธิ์กำลังช็อกกับน้ำตาที่ไหลเป็นสาย เสียงหวานก็ดังขึ้นอย่างเบาบางและสั่นเครือ มันแฝงไปด้วยความรู้สึกผิดมากเสียจนคนฟังยังรู้สึกไปด้วย “แต่คุณไม่ควรจะทำแบบนี้...มันแย่เกินไปแล้ว...”

          แน่นอนว่าเป็นใครก็คิดได้อย่างเดียวว่าอีกฝ่ายปฏิเสธตน

          “อย่าพยายามอีกต่อไปเลยครับ” เสียงหวานเอ่ยคำขาด “ผมไม่อยากให้คุณทำแบบนี้เพื่อผม...มัน...ไม่ดีต่อทั้งผมและคุณเลย...”

          “ไม่เอานะ! ฉันน่ะ...ฉันไม่อยากให้เราจบกันนะ...” สิทธิ์รู้สึกเหมือนมีใครมาทุบหัว แม้จะพยายามคิดหาทางพูดกล่อมอีกฝ่ายแทบเป็นแทบตายอย่างไรก็ไม่ออก มีเพียงความดื้อดึงเท่านั้นที่คอยกระตุ้นให้เขาเอ่ยรั้งสุดชีวิต “ฉันรักเธอนะ ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็รักเธอ...”

          ฟังแล้วยิ่งทำให้น้ำตาแห่งความปิติหลั่งไหลไม่หยุด แต่ความรู้สึกผิดในใจก็คอยเตือนสติให้ห้ามตนยื่นมือไปหาความรักที่แสนจะบริสุทธิ์(?)นั้น ถึงจะชอบมากแค่ไหน แต่ถ้าต้องทำให้คนที่รักนั้นทรมานไปตลอดชีวิต ใจเขาก็ทนไม่ได้เช่นกัน ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่ไม่อยากให้คนอื่นเจ็บกว่าตัวเองเพราะรู้สึกแย่ ไม่ใช่เพราะความอิจฉาแบบนี้

          “อย่าฝืนตัวเองเลยครับ” น้ำเสียงนั้นเหมือนคนจะขาดใจ แน่นอนว่าคนฟังก็เช่นกัน แต่คนละสาเหตุ “ผมดีใจนะ แต่ผมคงทำตามใจตัวเองไม่ได้หรอก”

          “อะไรนะ? เดี๋ยวสิ” แม้จะงงกับคำพูดในช่วงท้าย แต่ความตื่นตระหนกก็กลบความสงสัยไปเสียหมดเมื่อเห็นร่างเล็กวิ่งหนีไปด้วยความเร็วแบบไม่เคยพบเคยเห็น สิทธิ์พยายามวิ่งตามไป แต่ทั้งที่พยายามวิ่งสุดแรง ระยะห่างกลับไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย “เฮ้!”

          ชายหนุ่มถึงกับร้องเสียงหลงเมื่ออีกฝ่ายหนีไปยังประตูทางออก และพอตามออกไป เขาก็เผลอหน้าเบี้ยว เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นแบบพอดิบพอดี

          ไม่นะ!

 

          “ว่าแต่นะ เราไม่ตามไปจะดีหรือ”

          ก้องมองหน้าคนสะลึมสะลือ แต่มือก็จ้วงข้าวตรงหน้าไม่หยุด จนไม่แน่ใจว่ากำลังง่วงหรือหิวมากกว่ากันแน่ แต่ดูอาการแล้วน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า

          “ไม่ต้องหรอก แถวนี้ไม่มีอันตรายอยู่แล้ว ใครมันจะกล้ามาตีกันแถวนี้ล่ะจริงไหม” หนุ่มแว่นบอกเสียงเรียบ ซึ่งโชคดีที่ฤทธิ์เองก็ง่วงจะแย่อยู่แล้ว เลยไม่ค่อยจะดื้อดึงหรือมีสติมากพอจะสงสัย “ฉันว่าทำใจให้สบายผ่อนคลายกันดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะหาที่นอนก็ได้ ฉันเอาเสื่อมาด้วยนะ”

          “โถ่ ให้มาสวนสัตว์ มีแต่สัตว์ ไม่เห็นจะมีหนุ่มโสดสักคน” ฤทธิ์บ่นพลางมองไปรอบๆ ซึ่งมีแต่ครอบครัวที่มีลูกเล็กเต็มไปหมด ก่อนจะเหล่กลับมายังคนตรงหน้าด้วยความหมั่นไส้เต็มทน ยิ่งเห็นอีกฝ่ายดูอารมณ์ดีแบบนี้ด้วยแล้ว ก็รู้สึกคันไม้คันมือตงิดๆ แต่ก็ไม่ได้ทำอย่างที่คิด

          “ถึงหนุ่มโสดจะไม่มี แต่ก็มีหนุ่มหน้าตาดีที่รักนายอยู่ตรงนี้น้า”

          ถ้าเป็นตามปกติ เขาคงหัวเราะใส่หน้าก้องไปแล้ว เสียแต่วันนี้หนุ่มแว่นไม่ได้มาในสภาพอย่างที่เคยเป็นนี่น่ะสิ ถึงจะใส่แว่นอยู่ก็จริง แต่ไม่รู้วันนี้ผีอะไรเข้าสิง ถึงได้โกนหนวดหวีผมเสียดิบดี แถมยังใส่เสื้อผ้าตัวใหม่ที่รีดเรียบอย่างที่ถ้าไม่ถึงเวลาสำคัญจริงๆจะไม่มีทางใส่เด็ดขาดอีกต่างหาก เท่านั้นยังไม่พอ มีการพรมน้ำหอมได้อย่างพอดิบพอดีจนกระตุ้นอารมณ์มืดในใจจนอยากจะกระโดดปล้ำเสียตรงนี้เลยทีเดียว

          “เชอะ ขี้โกงนี่หว่า แบบนี้ฉันจะไปกล้าชกนายได้ไงเล่า”

          ก้องได้แต่หัวเราะในใจ ก่อนจะปลอบอีกฝ่ายที่ฟุบลงไปงอแงกับโต๊ะอย่างไม่สมอายุเลยสักนิด...ซึ่งถ้าให้ดี เขาอยากให้ฤทธิ์ฟุบหลับไปเลยเสียด้วยซ้ำ จะได้ไม่ต้องมากังวลกลัวแผนจะเสียเอาตอนสำคัญแบบนี้…และคราวนี้ก็ดูเหมือนจะราบรื่นไร้กังวลเสียทีเมื่อเห็นหน้าจอมือถือของตนแสดงชื่อของเจ้านายขึ้น

          “แย่แล้วครับ มีคนจับเดียร์ไป”



___________________________________________


หายไปนานมาถึงก็ดราม่า(?) กันเลยทีเดียว ฮา ช่วงนี้คนเขียนยังเป็นหวัด หน้ามืดตามัว อากาศก็เปลี่ยนแปลงไปมา รักษาสุขภาพกันด้วยเน้อ ^^

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
เดียร์โดนจับตัวซะแล้ว รีบมาต่อนะคุณนักเขียน

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ oilzii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
เข้าใจไปคนละทางเล้ยยย :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ nonnon04

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai1: โอ๊ย เมื่อไหร่จะรู้กันซักกะที ว่าเข้ากันได้สุดๆ  อยากได้ฉาก SM แบบรู้กัน  :z1: 

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
รสนิยมตรงกันแท้ๆ  :hao4:

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore
         
ตอนที่ 51

          “อารายนะ” ฤทธิ์ร้องถามทั้งที่ยังไม่ตื่นดี ก่อนจะแย่งโทรศัพท์ออกมาจากมือก้อง ทำเอาหนุ่มแว่นแอบแปลกใจ ทั้งที่เขาไม่ได้เปิดลำโพงแท้ๆ แถมยังง่วงจนจะฟุบได้ทุกเมื่อ แต่กลับหูผีจนน่ากลัว “คุณสิทธิ์ว่าอะไรนะ”

          ก้องเพียงแต่มองสีหน้าของอีกฝ่าย ซึ่งท่าทางคุณเจ้านายจะตื่นตระหนกจนพูดอะไรไม่ถูก เพราะดูฤทธิ์จะไม่เข้าใจเลยสักนิด

          “เอ่อ ใจเย็นๆนะครับ ค่อยๆคิด ค่อยๆเรียบเรียง ค่อยๆพูดนะครับ” ฤทธิ์กล่อมอีกฝ่ายพลางขยี้ตา และดูท่าทางจะตื่นเต็มตาเมื่อได้ยินเรื่องราวอย่างชัดเจน “อะไรนะ จริงหรือครับ เดี๋ยวสิๆ เมื่อไหร่…แล้วคุณอยู่ที่ไหนตอนนี้…เข้าใจล่ะ”

          เข้าใจอะไรก็ไม่รู้ล่ะ แต่พอวางสายปุ๊บก็ลากคอก้องออกไปแบบไม่ถามไถ่สุขภาพและความสมัครใจสักคำ แต่แน่นอนว่าคนโดนกระทำนั้นแสนจะสุขใจจนยิ้มแก้มปริเลยทีเดียว

          สิทธิ์ยืนหน้าเสียอยู่ที่หน้าทางเข้าสวนสัตว์ พอเห็นหน้าลูกน้องทั้งสอง ก็รีบปรี่เข้ามาด้วย ความเร็วหมายจะเขย่าใครก็ได้ที่อยู่ใกล้ที่สุด และฤทธิ์ก็ไม่ยอมเป็นฝ่ายโดนแน่ เพราะอย่างนั้นจึงรีบเหวี่ยงแฟนตัวเองไปเป็นเหยื่อแทน...ซึ่งเอาจริงๆก็วินๆ ทั้งสามฝ่าย

          “ทำไงดีล่ะครับ อยู่ๆมีใครก็ไม่รู้จับตัวเดียร์แล้วก็ขึ้นรถตู้หนีไปเลย ผมจะตามไปแต่ก็ไม่ทัน ทะเบียนรถมันก็ไม่มี ไอ้คนจับมันก็ใส่โม่งไว้อีก โอ๊ย” ชายหนุ่มบ่นอย่างหัวเสีย เขย่าไหล่ก้องอย่างลืมตัว “รอบคอบขนาดนี้ มันต้องวางแผนมาอย่างดีแน่”

          ก้องไม่อยากจะแซวเลย แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าโชคดีจริงๆที่อีกฝ่ายรอบคอบ ไม่อย่างนั้นอะไรที่ต้องเกิด ก็คงไม่ได้เกิดพอดี

          “เดี๋ยวก่อนสิครับ จะไปไหนน่ะ” ฤทธิ์รีบรั้งพ่อหมียักษ์ที่ทำท่าจะพุ่งออกไป “ตามไปตอนนี้ก็ไม่ได้อะไรแล้วล่ะครับ ถ้านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ อีกฝ่ายก็ไม่พ้นโจทย์ของคุณสิทธิ์...หรือไม่อย่างนั้นก็ของพี่ชายเขา...”

          ฤทธิ์ไม่แน่ใจว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป แต่ที่แน่ๆ สิทธิ์กลับมาพิโรธได้น่ากลัวจนฤทธิ์ถึงกับสั่น

          “ต้องเป็นไอ้หมาสี่ตานั่นแน่ๆ!” ข้อสันนิษฐานที่ออกจากปากของเจ้านาย ทำเอาหนุ่มแว่นแอบสะดุ้ง “จะมีใครอีกล่ะที่ไม่อยากให้ผมกับเดียร์อยู่ด้วยกัน”

          ว่าแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมากดรัวๆ จากนั้นก็กัดฟันแน่น

          “นั่นไง ไอ้หมานั่นมันไม่อยู่บ้าน พี่พิมพ์ไลน์มาบอกเองเลย”

          ก้องได้แต่นิ่วหน้า...ไม่คิดเลยว่าสาวใช้บ้านวินจะเล่นไลน์กับเขาด้วย แล้วยังจะแอดเจ้านายตนเป็นเพื่อนอีกต่างหาก

          “ถ้าอย่างนั้นผมว่าใจเย็นๆก่อนนะครับ อย่างน้อยถ้าเป็นคุณวิน เราก็มั่นใจได้ว่าเดียร์ต้องปลอดภัยแน่ๆ” ก้องพยายามปลอบให้อีกฝ่ายใจเย็น แต่กลับไม่เป็นผลเลยสักนิด

          “จะให้ใจเย็นได้ไงล่ะครับ พี่พิมพ์บอกผมว่า ไอ้แว่นนั่นไม่กลับบ้านมาสามวันแล้ว...” สิทธิ์เว้นช่วงกลับไปพิมพ์ในมือถืออยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “แถมพี่ศิวะเองก็บอกว่ามันไม่เข้าบริษัทมาเหมือนกัน มันต้องวางแผนเพื่อทำเรื่องนี้แน่!”

          และยังสงสัยได้ไม่เท่าไหร่ เสียงเตือนของไลน์ก็ดังขึ้น พอเห็นข้อความแล้วก็ยิ่งทำให้สิทธิ์หน้าเบี้ยวกว่าเดิม เพราะมันเป็นข้อความจากธานินทร์

          ‘ขอโทษนะครับคุณสิทธิ์ คุณวินให้มาบอกคุณว่าตอนนี้เดียร์อยู่กับพวกเราแล้วน่ะครับ’

          ตอนเห็นชื่อคนส่ง ก้องถึงกับนิ่วหน้า แน่ล่ะ ใครจะไปคิดว่าเจ้าต้นเรื่องตัวจริงมันจะมาเป็นคนบอกกันล่ะ

          “แล้วจะเอายังไงล่ะครับ จะบอกคุณมาริสาดีหรือเปล่า”

          ก้องแทบจะกระอักเลือดตอนที่ได้ยินคำแนะนำของฤทธิ์ ลองทำแบบนั้นดูสิ แค่คำว่าแผนล่ม ยังน้อยไปด้วยซ้ำ...แต่จะให้ห้ามก็ทำไม่ได้อีก

          สิทธิ์ยืนชั่งใจอยู่นานมาก ก่อนจะส่ายหน้าให้ เล่นเอาก้องเกือบจะถอนหายใจออกมา

          “ถึงจะบอกน้ามาริสา เรื่องก็คงไม่จบหรอกครับ” น้ำเสียงทุ้มนั้นเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและเด็ดขาด “ถ้าไม่จัดการให้เด็ดขาด เรื่องแบบนี้ก็คงไม่จบหรอกครับ”

          คนฟังได้แต่เงียบและมองหน้ากัน ซึ่งก้องก็พยายามทำสีหน้าให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาล่ะนึกไม่ออกเลยว่าถ้าความมันแดงขึ้นมาแล้วจะโดนอะไรบ้าง...ถึงลึกๆแล้วจะอยากโดนก็เถอะ

          “แล้วคุณธานินทร์บอกว่ายังไงต่อล่ะครับ” ก้องถามต่อโดยพยายามทำน้ำเสียงให้ตื่นเต้นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อย การที่โดนฤทธิ์จ้องมองด้วยความสงสัยก็ทำให้หนุ่มแว่นแสดงอาการออกมาได้สมจริงทีเดียว

          “...ดูเหมือนเดียร์จะปลอดภัย” ทั้งที่พูดแบบนั้น แต่สีหน้ากลับดูเคร่งเครียด “เขาบอกว่าให้รอก่อน แล้วไอ้วินจะติดต่อกลับไปเอง ไม่ต้องเป็นห่วง...โธ่เว้ย จะไม่ให้เป็นห่วงได้ไงเล่า!”

          “เอ่อ...ใจเย็นๆนะครับ ถึงตอนนี้จะร้อนใจขึ้นมาก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกครับ” ฤทธิ์พยายามปลอบไปหาวไป “ถ้ายังไง เรากลับกันก่อนดีกว่าไหม”

          “เอ้อ...แล้วต้องบอกคนอื่นด้วยหรือเปล่าครับ” ซึ่งใจจริงก้องก็ไม่ได้อยากให้บอกนักหรอก แต่ถ้าเงียบอย่างเดียวมันก็ดูไม่เข้าทีเท่าไหร่ด้วย

          “...อย่าเลยครับ” สิทธิ์ตอบเสียงเครียด ก่อนจะกำหมัดแน่น “ในเมื่อมันต้องการตัดสินแค่กับผม ก็อย่าเอาคนอื่นมาเกี่ยวด้วยเลย...ยิ่งถ้าอาวัฒน์กับไอ้เนรู้นะ มีหวังเรื่องใหญ่โตกันพอดี อย่าให้มันถึงขั้นนั้นเลยครับ”

          จากที่ฤทธิ์ตั้งท่าจะค้าน พอได้ยินชื่อวัฒน์เข้าไปเท่านั้นล่ะ ถึงกับรีบเม้มปากเลยทีเดียว



          วินนั่งหน้ามุ่ยอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นในบ้านพักของตน พอมองเวลาแล้วก็ทำเอานั่งไม่ติด ต้องลุกขึ้นมาเดินวนไปวนมา ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ได้ช่วยให้ความกังวลหายไปจากใจเลยสักนิดเดียว

          “ใจเย็นๆเถอะครับ เดี๋ยวพวกนั้นก็พาคุณเดียร์มาแล้ว” ธานินทร์ว่าเมื่อเริ่มตาลายเพราะมองอีกฝ่ายเดินวน

          “ฉันไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น” เสียงทุ้มว่าอย่างเป็นกังวลและหวาดกลัว “เดียร์จะโกรธฉันไหม”

          คนฟังเกือบจะหลุดหัวเราะ

          “แหม มันก็ต้องมีกันบ้างละครับ แต่อย่าห่วงไปเลย รับรองว่าคุณเดียร์จะต้องเข้าใจในสิ่งที่คุณทำครับ” ธานินทร์พยายามปลอบเสียงสั่น “คุณน่ะต้องใจแข็งเข้าไว้นะครับ ไม่อย่างนั้นคุณได้น้องเขยเป็นคนๆนั้นแน่”

          จากที่กำลังกลุ้มๆ ถึงกับหงุดหงิดจนหน้าเบี้ยวเลยทีเดียว

          “มาแล้วครับ”

          เสียงลูกน้องที่ดังมาจากประตูทางเข้าทำเอาหนุ่มแว่นหันไปหาทันที ทีแรกเขาก็ตีหน้านิ่งค่อนไปทางเหี้ยมและเตรียมใจโดนน้องชายแสนรักดุด่าต่อว่าแล้ว แต่เมื่อเห็นท่าทางเหงาหงอยและสงบนิ่งของอีกฝ่าย ก็เริ่มสงสัยและหาตัวการ

          “พ...พวกผมเปล่าทำอะไรรุนแรงหรือแกล้งอะไรเลยนะครับ คุณเดียร์เขาเป็นของเขาอยู่แล้วนะ” คนที่จับไหล่เดียร์เอาไว้ถึงกับรีบดึงมือออกแล้วร้องบอกเสียงสั่นเหมือนกลับจะโดนคุณชายกัดหัว “ช...ใช่ไหมครับ...”

          ทั้งที่หวังว่าเด็กหนุ่มจะช่วย แต่สุดท้ายเดียร์ก็ทำแค่นิ่งราวกับไม่ได้ยินคำถามนั้น และนั่นทำให้เงามรณะเริ่มถามหาลูกน้องแสนดี

          “เขาไม่ได้ทำอะไรผมหรอกครับ” ก่อนที่วินจะอ้าปาก เดียร์ก็รั้งเรียกด้วยเสียงที่ฟังดูเศร้าสร้อยเสียเต็มประดา “ถ้าไม่ว่าอะไร ผมขอคุยกับพี่แค่สองคนได้ไหม”

          วินหน้าบึ้งมองน้องชาย ความรู้สึกสงสารระคนคับแค้นเอ่อล้นจนท่วมอก ไม่ว่าจะมองอย่างไรในตอนนี้เขาก็เห็นเพียงแค่ว่า เดียร์กำลังเสียใจกับเรื่องที่ตนทำ

          “ถ้าอย่างนั้นตามพี่มาสิ” หนุ่มแว่นบอกเสียงเรียบ ก่อนจะเดินนำไปยังห้องนอนด้วยสีหน้าเหมือนคนกำลังเดินไปแท่นประหาร

          หลังจากปิดประตู วินก็เหลือบไปมองน้องชายด้วยหางตา เมื่อเห็นเดียร์ยังคงมีอาการเหมือนก่อนหน้า ชายหนุ่มก็เริ่มกลัวขึ้นมา เขาพยายามนึกถึงคำพูดของธานินทร์ก่อนหน้า แล้วทำใจแข็ง หันไปหาน้องด้วยใบหน้าที่ดูโกรธที่สุดเท่าที่จะกล้าทำ

          “ที่พี่ทำไปก็เพื่อตัวนายเองนะ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง “หมอนั่นน่ะไม่ใช่คนดีเลยนะ งานการก็ทำเรื่องสกปรก นายกับหมอนั่นไปกันไม่ได้หรอก”

          “แล้วงานที่พี่วินทำๆอยู่นี่ ดีกว่าเขาตรงไหนหรือครับ”

          ย้อนแบบนี้แล้วจุกเลยทีเดียว

          “พะ...พี่ ก็ไม่ได้อยากทำนะ แต่นายก็รู้ว่าพี่ต้องทำ ไม่อย่างนั้นคนอื่นๆก็จะเดือนร้อนกันหมดนี่...แต่พี่ก็พยายามทำให้มันดีขึ้นแล้วนะ อย่างน้อยก็ทำให้มันถูกต้องเท่าที่จะทำได้แล้ว แต่มันได้แค่นี้จริงๆนี่”

          “...ผมได้ยินจากลูกน้องคุณสิทธิ์ว่า ทางโน้นเองก็พยายามทำให้งานเบื้องหลังมันสะอาดเท่าที่จะทำได้ หรืออย่างมากก็ให้มันเป็นสีเทา...”

          วินได้แต่อ้าปากค้าง ถึงจะคิดแล้วว่าเดียร์น่าจะรู้เรื่องการงานของสิทธิ์ แต่ก็ไม่คิดว่าจะรู้ลึกรู้จริงขนาดนี้ นึกแล้วก็ได้แต่สงสัยว่าลูกน้องคนไหนของเจ้าหมียักษ์เป็นคนบอกกัน

          “พี่กับเขาก็เหมือนกันนั่นล่ะ ทั้งเหตุผลที่ต้องสืบทอดงานสกปรกจากพ่อตัวเอง ทั้งเรื่องนิสัย”

          “ไม่จริง!” หนุ่มแว่นเผลอขึ้นเสียงใส่เมื่อได้ยินช่วงท้ายสุด “พี่กับไอ้บ้านั่นไม่เหมือนกันสักหน่อย”

          “ไม่หรอก เหมือนกันจนน่าขำเลยล่ะ” และแม้จะมีเสียงหัวเราะออกมาจากริมฝีปากบาง แต่กระนั้นใบหน้ากลับดูเศร้าและชวนให้คนมองปวดใจเหลือเกิน “พี่เองก็รู้ตัวถึงได้ไม่ชอบใจเขาขนาดนั้นนี่”

          วินกัดฟัน เขาไม่อยากยอมรับเลยสักนิด แต่ก็ไม่สามารถหาเหตุผลดีๆมาค้านได้เลย แถมยิ่งคิดก็ดันมีแต่เรื่องที่สนับสนุนคำพูดของน้องชายเสียงมากกว่าอีก

          “ตะ...แต่เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับนายตอนนี้ ก็เพราะหมอนั่นต้องการแก้แค้นฉันเท่านั้นนะ มันไม่ได้รักนายสักหน่อย” เพราะอย่างนั้นแล้ว เลยต้องเอาเรื่องอื่นมาอ้างแทน “เดียร์อย่าไปรักมันเลยนะ”

          “ถ้าทำแบบนั้นได้ง่ายๆก็ดีสิครับ”

          จากที่กำลังจะสรรหาคำด่าทอต่อถึงกับชะงัก เพราะไม่คิดว่าเดียร์จะเห็นด้วยโดยดีเสียขนาดนี้ ทั้งที่ก่อนหน้ายังดื้อแพ่งไม่ยอมจนถึงที่สุดแท้ๆ และวินก็ต้องช็อกยิ่งกว่า เมื่อได้เห็นน้ำตาของคนตรงหน้า

          “บ้าจังเลยนะ...ทั้งที่ไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้แท้ๆ...” เสียงหวานดังขึ้นอย่างแผ่วเบาและสั่นเครือ ใบหน้าหวานเอ่อล้นไปด้วยความเศร้าอย่างยากจะหยั่งถึง “ถ้าเขาไม่มารักคนอย่างผมก็คงจะดี...”

          วินได้แต่ใบ้กิน เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนที่น่าจะโดนกระทำถึงได้พูดเหมือนเป็นฝ่ายผิดเสียอย่างนั้น แต่ถึงขั้นร้องไห้ออกมามากมายขนาดนี้ ถ้าไม่รักจริงคงไม่มีทางเป็นแบบนี้แน่

          “...ว่าแต่พี่กับคุณชาเป็นยังไงบ้างละครับ”

          คนฟังถึงกับผงะเพราะไม่คิดว่าอยู่ๆอีกฝ่ายจะเปลี่ยนเรื่อง แถมยังเป็นเรื่องที่ตอนนี้เขาไม่ค่อยจะอยากให้ใครรู้เท่าไหร่ด้วย

          “ถึงยังไงเขาก็เป็นเพื่อนผมนะครับ” เมื่อเห็นพี่ชายทำหน้าซีดปากสั่น เด็กหนุ่มก็เอ่ยออกมา “...เขาน่ะ รักพี่มากนะ”

          วินอ้าปากค้างคล้ายกับอยากจะพูด แต่สุดท้ายก็สะบัดหัวแล้วถอนหายใจสุดแรง

          “...ก็เข้าใจแล้วล่ะ...” หนุ่มแว่นตอบด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน “เอาน่า พี่ไม่ได้โกรธเจ้านั่นแล้ว นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

          “แล้วรักไหม”

          ไอ้นี่แหละที่เขาไม่อยากตอบ...แต่ถ้าจะเล่นช้อนตากลมๆที่เอ่อไปด้วยน้ำตาแล้วมองมาแบบนี้ล่ะก็...จะให้แข็งใจไหวได้อย่างไรกันเล่า!

          “ไม่ใช่แบบเจ้านายลูกน้อง หรือเพื่อนนะครับ” เดียร์เอ่ยดักคอพี่ชาย และนั่นทำให้วินออกอาการอ้ำอึ้งหนักกว่าเก่า “แบบเหมือนของผมกับคุณสิทธิ์น่ะ”

          “พี่...” เสียงทุ้มดังเพียงแค่นั้นแล้วก็หายไป ส่วนหนึ่งเขายอมรับว่าเขิน แต่อีกเหตุผลที่ไม่ตอบเพราะมันมีผลต่อเหตุการณ์ในตอนนี้สุดๆเลยนี่ล่ะ

          “งั้นหรือครับ...น่าเสียดายแทนคุณชานะครับ บางทีเขาคงไม่อยากฟังจากปากของพี่...”

          “เออ พี่รักมัน!”

          จริงๆ ถ้าทำได้ก็ไม่อยากจะตอบหรอก แต่พอเห็นน้องชายคนดีหยิบมือถือขึ้นมา เขาก็ลืมตัวตะโกนใส่และรีบคว้ามือถือของอีกฝ่ายทันที ทำเอาวินหน้าแดงออกมาทั้งที่พยายามเก็บอาการสุดฤทธิ์

          “แล้วถ้าคุณแม่มาริสาเขาไม่ยอมล่ะครับ”

          หนุ่มแว่นได้แต่โทษตัวเองที่พ่ายแพ้กับความกลัวจนหลุดปากแล้วมาเจอกับคำถามที่อุตส่าห์เลี่ยง ตอบก็แย่ไม่ตอบก็แย่...ทางไหนก็แย่ทั้งนั้น

          “มันไม่เหมือนกันสักหน่อย” ท้ายที่สุดก็ได้แต่เลี่ยง

          “เหมือนสิครับ” เดียร์สวนกลับเสียงเรียบ “คุณชาเขารักพี่ ส่วนคุณสิทธิ์เขารักผม ทั้งที่รู้ว่าไม่ควร...มันต่างกันตรงไหนล่ะครับ...อย่าบอกว่าเพราะคุณสิทธิ์ อยากแก้แค้นมากกว่านะครับ ถ้าแค่นั้นพี่ก็รู้ว่าไม่จำเป็นต้องถึงขนาดป่าวประกาศให้ใครต่อใครรู้ก็ได้...ไม่ต้องมาทำเป็นคนรักกันด้วยซ้ำ”

          ถ้าจะดักคอกันหมดเสียอย่างนั้น แล้วจะให้เถียงกลับยังไงล่ะนี่

          “ก...ก็ ฉันไม่รู้นี่ว่ามันรักนายจริงๆหรือแค่เพราะเรื่องความแค้น” วินชักเริ่มมึนหัว จะเดินไปทางไหนก็โดนดักได้หมดทุกที “ถ้ามันรักจริงๆนั่นก็อีกเรื่อง...”

          ตอนหลุดปาก วินนึกว่าน้องชายจะร่าเริงขึ้นมาแล้ว แต่ผลที่ได้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

          “แต่ผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น...” น้ำเสียงนั้นเหมือนจะขาดใจให้ได้ “ผมไม่อยากให้เขาฝืนเปลี่ยนแปลงหรือฝืนทำเพื่อผมแล้ว...”

          เสียงหวานขาดหายไป แทนที่ด้วยเสียงสะอื้น หนุ่มแว่นรีบเข้าไปจับไหล่ด้วยความเป็นห่วง เมื่อได้เห็นใบหน้าของน้องชาย คำปลอบประโลมที่หมายจะพูดถูกกลืนกลับลงไปเสียสิ้น

          “นายไม่รักหมอนั่นแล้วหรือ”

          ทั้งที่ตัวเองเกลียดไอ้บ้านั่นใจจะขาด และหวังให้น้องชายอยู่ห่างจากสิทธิ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่พอเห็นเดียร์ต้องมาเป็นแบบนี้แล้ว เขาแทบจะลืมเรื่องที่ตนเหม็นขี้หน้าอีกฝ่ายเสียสิ้น...ในตอนนี้ขอแค่ความสุขของน้องชาย ที่เหลือจะเป็นยังไงก็ช่างแล้ว

          “รักสิครับ” เด็กหนุ่มตอบเสียงเบา ท่าทางคล้ายกับจะแหลกเหลวคามือวิน “แต่ถ้ารักแล้วต้องทำให้เขาทรมาน...ผมก็ทนไม่ได้หรอก...ไม่ใช่แค่เพื่อเขา...แต่ก็เพื่อผมด้วย...”

          แม้จะไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่น้องชายพูดนัก แต่ตอนนี้วินก็นึกอะไรไม่ออกเท่าไหร่อยู่แล้ว การที่ต้องเห็นอีกฝ่ายเจ็บปวดแบบนี้ มันทรมานเสียยิ่งกว่าโดนมีดกรีดเสียอีก

          “แต่ผมก็ดีใจนะครับ...แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่การได้รักกับเขาก็เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ...และมันก็จะเป็นสิ่งที่ดีตลอดไปในใจผมด้วย”

          แน่นอนว่าเดียร์ไม่บอกต่อหรอก ว่ามันดีตลอดไปเพราะอะไร...

          “ไม่นะ! ฉันไม่ยอมหรอก” ตอนนี้ลืมมันทุกอย่างแล้ว ความแค้นอะไรนั่น “นายรักหมอนั่นไม่ใช่หรือไง ก็อย่ายอมแพ้ง่ายๆสิ ลองปรับความเข้าใจกันแล้วช่วยกันไม่ดีกว่าหรือ”

          “ผมลองแล้ว...แต่ไม่ไหวหรอก ถ้าจะต้องทำให้เขาต้องเปลี่ยนไปแค่เพราะความเห็นแก่ตัวของผม...” เด็กหนุ่มส่ายหน้า ก่อนจะหัวเราะเสียงเบา “หึ...แปลกดีนะ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นผมยังอยากให้เขาเปลี่ยนเพื่อผมแท้ๆ...แต่พอมาตอนนี้กลับรังเกียจความคิดนั้นเหลือเกิน...”

          “ทำไมล่ะ ทำไมต้องเกลียดด้วย” ลองว่าถ้าวินรู้เหตุผลจริงๆ เขาอาจจะพูดไม่ออกเลยก็ได้ “ก็มันรักไปแล้วนี่ จะให้ทำยังไงล่ะ แล้วหมอนั่น...มันก็รักนายด้วยใช่ไหมล่ะ ต่อให้คิดว่าผิดแต่มันก็ทำให้ความรู้สึกกลับเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว มันมีแค่ทางเดียวคือเดินต่อไปข้างหน้าเท่านั้น แล้วผลจะเป็นยังไงก็ค่อยกว่ากันอีกทีสิ หมอนั่นบอกแล้วหรือว่าฝืนใจน่ะ! อย่าเพิ่งยอมแพ้อะไรง่ายๆเพียงแค่เพราะหมอนั่นจะต้องทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบสิ ทำไมนายไม่ให้โอกาสหมอนั่นลองพยายามดูก่อนล่ะ”

          ดวงตากลมจ้องมองพี่ชาย หยาดน้ำใสไหลรินลงอีกครั้ง สีหน้าของเดียร์เต็มไปด้วยความสับสนและหวาดหวั่น แต่กระนั้นก็ยังคงมีความหวังเจือจางอยู่ด้วย

          “แต่...มันจะดีหรือครับ”

          “จะดีหรือไม่ดี ก็ให้หมอนั่นเป็นคนตัดสินใจสิ” ในตอนนี้ วินลืมไปแล้วว่ากำลังพูดถึงใคร “นายไปตัดสินใจแทนไม่ได้หรอก ไม่อย่างนั้น ทั้งนายและหมอนั่นก็จะเสียใจทั้งคู่นะ”

          เดียร์ทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกออก...นั่นสินะ...ในเมื่อถลำลึกมาถึงขนาดนี้ จะมานึกถอนใจเพราะเสียใจต่อความผิดของตัวเองมันก็คงสายไปหลายขุมแล้ว...ในเมื่อรักกันแล้ว...เขาก็ควรจะให้โอกาสทั้งกับสิทธิ์และตนก่อน...ไม่ใช่หนีออกมาแบบนี้

          “...ถ้าเกิดไม่ไหวจริงๆ พี่ก็ช่วยปลอบผมหน่อยนะ...”

          วินทำท่าจะยิ้ม แต่พอนึกได้ว่าไอ้คนรักของน้องชายเป็นคนที่ตัวเองเกลียดที่สุดก็กลับมาหน้าบูดอีกครั้ง และแม้อยากจะกลับลำแทบตาย แต่ก็ดันพูดไปเสียขนาดนั้นแล้ว แถมพอได้เห็นใบหน้าเปี่ยมสุขของเดียร์ เขาก็ได้แต่กัดลิ้นด้วยความแค้นต่อความบ้าของตัวเอง

          “ตะ...แต่นั่นหมายถึงว่าเรื่องที่หมอนั่นรักนายเป็นเรื่องจริงเท่านั้นนะ” วินพยายามทำน้ำเสียงดุใส่ “อย่างน้อยมันก็ต้องทำให้พี่เห็นก่อนว่ารักนายจริง ไม่อย่างนั้น ให้ตายก็ไม่ยอมหรอก”

          ดวงตากลมจ้องมองพี่ชาย...และพยายามแสดงสีหน้าให้ดูสงสัยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้...แม้จะรู้หมดไส้หมดพุงอยู่แล้วก็ตาม

          เอาเถอะ ถึงใจจริงก็ไม่ได้หวังเอาแผนนี้มาใช้แบบนี้ แต่ก็ถือว่าผลพลอยได้ละกัน…


_____________________________

>,.<  ช่วงนี้ก็คงไม่หายไปไหนแล้ว  ถ้าไม่เจองานเข้าหรือหวัดกินอีกนะ ฮา กำลังคิดว่าอากาศจะร้อนขึ้นละ ข่าวก็บอกว่าเย็นลงอีก...ก็แอบดีอยู่นะ ปกติเข้าเดือนกุมภาแล้วไม่ค่อยได้หนาวเท่าไหร่เลย =3=


ออฟไลน์ nonnon04

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เดียร์จ๊ะ อารมณ์นั้นคุณน้องยังอุตส่าห์มีแผนได้อีกนะ สุดยอดดดด

ออฟไลน์ lovegoldfish

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
แหมวินแนะนำซะดิบดี ถ้ารู้ความจริงจะเป็นไงเนี้ย :z2:
 :hao7:

ออฟไลน์ oilzii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
มาแล้ววว :hao7:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ pearl9845

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
วินเริ่มยอมรับแล้วใช่ป่ะ?

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
แหม่ๆๆๆ ยอมรับใจตัวเองซักทีนะ ที่นี้ก็เหลือเรื่องเคลียร์ปัญหาล่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore
         
ตอนที่ 52

          “อ้าว คุณสิทธิ์ล่ะ”

          หลังจากหลับไปได้พักใหญ่แล้วออกมาจากห้องอย่างเบลอๆ ฤทธิ์ก็เอ่ยถามขึ้นเมื่อพบว่ามีก้องคนเดียวที่อยู่ในห้องนั่งเล่น และเริ่มแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าของหนุ่มแว่นที่ดูเคร่งเครียดปนเหนื่อยแปลกๆ

          “ฉันรู้นะว่ามันน่าเบื่อ...แต่ช่วยทีเถอะ ฉันยอมแพ้แล้ว” ก้องเอ่ยเสียงอ่อนแล้วเลื้อยไปอ้อนอีกฝ่าย...เหมือนจะน่าเอ็นดูแต่ไม่รู้ทำไมฤทธิ์กลับอยากถีบแทน “คุณสิทธิ์ไม่รู้เป็นอะไร อยู่ๆกลับมาก็จิตตกแล้วหมกตัวอยู่ในห้องซะงั้น”

          จากที่กำลังเมาขี้ตาถึงกับหายง่วงทันที

          “อะไรอีกวะ” จากที่กำลังอารมณ์เสียอยู่แล้ว ยิ่งหงุดหงิดหนักกว่าเดิมจนถึงกับสบถออกมา “ทำไมถึงมาจิตตกอะไรเอาตอนนี้อีกวะ ก็เห็นเมื่อเช้ายังดูดีๆอยู่เลยนี่ แล้วนายได้ถามหรือยังว่าเป็นอะไร”

          พอเห็นก้องส่ายหน้าอย่างชื่นมื่นเท่านั้นละ ถึงกับปล่อยหมัดตรงใส่เลยทีเดียว

          “แกนี่ จริงจังหน่อยสิวะ ถ้าอยากนักก็ไว้ทีหลังสิ” ฤทธิ์โวยใส่ก่อนจะลากอีกฝ่ายขึ้นชั้นสองไปอย่างไม่มีปรานี “คุณสิทธิ์ครับ”

          เสียงเคาะประตูดังรัวตามประสาคนอารมณ์เสีย แต่ทั้งที่เคาะจนหนวกหู กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆออกมาเลยสักนิด จนฤทธิ์หมดความอดทนเปิดประตูเข้าไปทันที

          หนุ่มตาตกนิ่วหน้าเล็กน้อยเพราะไม่เห็นใครในห้องเลย แต่พอเหลือบไปมองตรงขอบเตียงก็พบหัวของเจ้านายโผล่แพลมออกมา ชายหนุ่มกระทืบเท้าเข้าไปอย่างมีอารมณ์แม้คุณเจ้านายแกจะนิ่งสนิทเลยก็ตาม

          “...” จากที่กำลังจะอ้าปากด่า พอเห็นสภาพห่อเหี่ยวหม่นหมองของสิทธิ์ ฤทธิ์ถึงกับค้างไปพักใหญ่ “...คุณสิทธิ์...”

          ใบหน้าซีดเซียวและดูเหมือนคนใกล้ตายเงยขึ้นมามอง เล่นเอาทั้งฤทธิ์ทั้งก้องพากันสยอง ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงยังดูดีอยู่แท้ๆ...

          “เป็นอะไรไปอีกล่ะครับ” แต่ด้วยความหงุดหงิดมากกว่า ฤทธิ์จึงเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะนึกเห็นใจนัก

          สิทธิ์มองค้างไปพักหนึ่งก่อนจะหันกลับไปก้มหน้างุด ทำเอาฤทธิ์เริ่มออกอาการหงุดหงิด จนก้องเผลอกอดขาไว้เพราะกลัวคุณแฟนแกจะวิ่งไปตะบันหน้าเจ้านาย

          “มันจะดีจริงๆหรือครับ...”

          “ดีครับ” ฤทธิ์ไม่รอให้สิทธิ์พูดจบด้วยซ้ำ แถมยังส่งเสียงเดาะลิ้นใส่อีกต่างหาก “ขอเหอะครับ มาถึงขนาดนี้แล้ว จะมาป๊อดอะไรอีก”

          “ผมไม่ได้ป๊อดนะ” หมียักษ์หันมาคำรามเสียงอ่อยจนไม่ชวนให้กลัวแม้แต่เสี้ยวเดียว ยิ่งสีหน้าห่อเหี่ยวนั่น ยิ่งทำให้คนมองรู้สึกสังเวชปนเหนื่อยใจแทน “...ก็เขาร้องไห้เสียขนาดนั้นนี่”

          ก้องถึงกับนิ่วหน้า “ร้องไห้...เรื่องอะไรครับ”

          “เขา...ไม่ชอบที่ผมทำ...” สิทธิ์ค้างไปเมื่อหนุ่มแว่นสำลักใส่ แต่เพราะกำลังเศร้า เลยไม่มีอารมณ์จะถามนัก “ทั้งที่เขาเจ็บปวด...ทนไม่ได้จนร้องไห้...แล้วจะให้ผมทนทำต่อได้ยังไงล่ะครับ...แบบนั้นมันจะเรียกว่ารักได้ยังไงกัน”

          สิ้นเสียงจนเหลือเพียงแต่ความเงียบ ก้องได้แต่สงสัยสุดๆ...แน่ล่ะ เขารู้อยู่แก่ใจว่านั่นต้องไม่ใช่สาเหตุจริงๆแน่...แต่ปัญหาคือเจ้าเด็กบ้านั่นมันคิดอะไรถึงได้ร้องไห้ใส่สิทธิ์นี่ล่ะ...ทั้งที่ดูออกจะไปด้วยกันได้ดีแล้วแท้ๆ ทำแบบนี้ก็เท่ากับเสียผลประโยชน์ทั้งคู่นั่นล่ะ...แต่จะโทรไปถามตอนนี้ก็ไม่ได้อีก เลยได้แต่ข้องใจอยู่แบบนี้แทน

          แต่ดูฤทธิ์จะไม่เห็นใจสิทธิ์เลย...แบบโหดร้ายด้วย

          ก้องเผลอเบิกตามองภาพตรงหน้าที่ไม่คิดว่าจะเกิด ฤทธิ์เดินดุ่ยเข้าไปตบสิทธิ์เสียเต็มฉาดใหญ่จนแม้แต่สิทธิ์เองก็ยังมึนๆงงๆ

          “ถ้ายังไม่ได้สติ จะเอาอีกสองฉาดไหมครับ” ฤทธิ์ว่าพลางสะบัดมือไปมาพร้อมจะรัวมือมากกว่าสองที จนสิทธิ์ถึงกับส่ายหน้าตอบอย่างไว “คุณจะบ้าหรือไงครับ นี่คุณยังกล้าพูดได้อีกหรือว่ารักเขา เจอแค่นี้ก็ถอยแล้วเนี่ยนะ จะไม่ให้ด่าว่าป๊อดได้ไงละครับ”

          “ตะ...แต่ว่าเขา...ร้องไห้นี่ครับ...” ชายหนุ่มยังคงอ้างเหตุผลเดิม แต่ก็ต้องเงียบปากและเตรียมหลบมือที่ตั้งท่าจะพุ่งเข้ามา

          “แล้วคุณก็ยอมเนี่ยนะ” ฤทธิ์ย้อมถามเสียงขุ่น “ถ้างั้นก็เลิกๆไปเถอะครับ ลืมๆเจ้าหนูนั่นไปแล้วไปหาใหม่เลย ผมรู้จักเยอะ ให้พาไปหาตอนนี้เลยก็ยังได้”

          ก้องถึงกับสะดุ้งโหยง...ขืนมาเลิกตอนนี้นี่ไม่ใช่แค่เจ๊งธรรมดา แต่เป็นเจ๊งระดับพระกาฬแน่ คิดแล้วก็อดแค้นเจ้าต้นเรื่องที่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ถึงได้ทำให้เรื่องมันยุ่งยากแบบนี้เสียได้

          สีหน้าของสิทธิ์คัดค้านอย่างเห็นได้ชัด แต่กระนั้นกลับไม่มีเสียงค้านออกมาแต่อย่างใด พอเห็นเจ้านายนั่งนิ่ง ก้องก็กลัวว่าฤทธิ์จะเสิร์ฟลูกตบอีกรอบ แต่หนุ่มตาตกก็ทำเพียงแต่แสดงอาการไม่พอใจเท่านั้น

          “ถ้าตัดใจไม่ได้ ก็อย่ามาล้มเลิกง่ายๆแบบนี้สิครับ คุณไม่ใช่คนแบบนี้นี่” ฤทธิ์ว่าแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “...อย่างน้อยเขาก็ยังร้องไห้ไม่ใช่หรือไงครับ...”

          สิทธิ์เงยหน้ามองเป็นเชิงถาม

          “ถ้าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณ เขาไม่มีทางเสียใจให้เห็นหรอกครับ กลับกันซะด้วยซ้ำ” เมื่อบื้อเสียเหลือเกิน ฤทธิ์จึงจำยอมตอบอย่างเสียไม่ได้ “ถ้าต้องเลิกหรือหนีห่างจากคนที่เกลียด ใครเขาจะร้องไห้กันบ้างล่ะครับ ถ้าเป็นผมนะ ปิดซอยฉลองไปเลยจะบอกให้”

          กระนั้นแล้วก็ยังค้างเหมือนคิดไม่ออก...แต่ดูๆไปแล้วเหมือนจะยังไม่อยากเชื่อเสียมากกว่า

          “คุณเองก็รู้สึกไม่ใช่หรือไงครับ ถึงได้รุกเอาๆน่ะ” ฤทธิ์ย้ำต่อด้วยท่าทางคาดคั้น “เลิกคิดเล็กคิดน้อยเป็นห่วงจิตใจคนอื่นสักทีเถอะครับ...โอเค มันก็เป็นข้อดีของคุณ...แต่ไอ้เรื่องความรักน่ะ หัดเห็นแก่ตัวซะบ้างเถอะ ไม่อย่างนั้นคุณได้โสดยันลงโลงแน่”

          ไม่รู้ว่าเพราะน้ำเสียงหรือเพราะคำพูด สิทธิ์ถึงได้ออกอาการหวาดหวั่นเสียขนาดนั้น

          “กว่าจะเจอคนที่รักน่ะ มันยากนะครับ แล้วยังคิดจะปล่อยไปง่ายๆได้ยังไงกันล่ะ” หลังจากตบหัวทิ่ม ฤทธิ์ก็ลูบหลังต่อ “ช่วยรู้จักรักษาสิ่งที่สำคัญของตัวเองให้มากกว่านี้หน่อยสิครับ...โอเคความรักของคุณมันอาจจะดูเหมือนไม่รักษาของเท่าไหร่...แต่ก็ช่วยหวงมันหน่อยเถอะครับ”

          สิทธิ์มองฤทธิ์ตาแป๋ว ซึ่งคนมองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ แต่พอก้องเห็นฤทธิ์หน้าแดงแปลกๆ หนุ่มแว่นก็เริ่มผวา

          ก่อนที่ก้องจะเอ่ยห้าม หรือสิทธิ์จะพูดขึ้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน พอเห็นชื่อคนโทรเท่านั้นละ สีหน้าหมาหงอยของสิทธิ์ก็ละลายหายเกลี้ยงเปลี่ยนเป็นความแค้นโดยพลัน

          “ไอ้ชั่ว ไอ้สัมภเวสี ไอ้หมีควายหน้าหม้อ ไอ้พ่อทิ้ง ไม่มีปัญญาหาผู้หญิงแล้วหรือไงวะ ถึงได้มาเอาน้องชายฉันน่ะ หา ไอ้#@&!%_%@!_”

          มาถึงก็ด่าเอาๆจนสิทธิ์ถึงกับยกไอโฟนหนีทันที ถึงจะเสียงทุ้ม แต่วินเล่นตะโกนใส่เต็มแปดหลอด ทำเอาสิทธิ์หูชา

          “ไอ้สัตว์ หยุดได้แล้วโว้ย แกก็โดนพ่อทิ้งเหมือนกับฉันนั่นละวะ!” สิทธิ์ตะโกนกลับด้วยระดับเสียงที่ลั่นพอกัน จนฤทธิ์ถึงกับปิดหู ในขณะที่ก้องไม่แสดงอาการสะทกสะท้านสักนิด “ถ้าจะแค่โทรมาด่า ฉันจะวางนะโว้ย”

          “เดี๋ยว” คนในสายเอ่ยเสียงเฉียบ “ฉันจะคุยเรื่องเดียร์”

          “ก็ว่ามาสิ...หนอย แกนี่มันมารหัวขนจริงๆเลยว่ะ คนเขารักกันดีๆ มาหาเรื่องแยกกัน แกยังมีความเป็นคนอยู่มั้ยวะ ไอ้แว่นสี่ตาชิงหมาเกิด”

          ไปๆ มาๆก็ดันเป็นฝ่ายด่าเขาฉอดๆแทนเสียอย่างนั้น แถมยังทำอย่างกับว่าลงเอยกันเรียบร้อยแล้วเสียได้...ทั้งที่ก่อนหน้ายังปอดแหกกลัวเดียร์ไม่รักอยู่เลย

          “เฮอะ อย่ามาอวดเก่งไปหน่อยเลย เดียร์น่ะไม่ได้รักแกหรอก” เจอวินปล่อยไม้ตายทีเดียวถึงกับสะอึก “เลิกยุ่งกับเดียร์ได้แล้ว ฉันไม่ยอมมีน้องเขยเลวทรามหน้าหมีอย่างแกหรอก ไปเอาคนอื่นเลยไป”

          “ไม่มีทาง” สิทธิ์สวนลั่น “ฉันไม่มีวันรักใครนอกจากเดียร์”

          ปลายสายเงียบไปนานมาก กว่าจะตอบกลับ

          “ฉันไม่เชื่อหรอกโว้ย อย่างแกก็แค่เหงา อยากหาใครก็ได้เท่านั้นละวะ” วินกระแทกเสียงใส่

          “แกจะไปรู้ได้ยังไง เป็นฉันเรอะ” หมียักษ์เถียงกลับอย่างไม่ลดละ “เออ ทีแรกฉันก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกว่ะ แต่มันรักไปแล้วนี่หว่า ฉันตัดใจไม่ได้หรอกว้อย”

          ฤทธิ์เกือบสำลักแล้วตอนที่ได้ยิน แต่ก้องนี่ถึงกับตัวสั่นเพราะต้องกลั้นหัวเราะ

          “...แกรักเดียร์จริงๆเรอะ...”

          “ก็เออสิวะ ย้ำอะไรนักหนา ไปบอกตรงหน้าแกเมื่อวันก่อนยังไม่พออีกเรอะ ฉันรักเดียร์ ชัดมั้ย ถ้าไม่พอฉันจะไปตะโกนที่หน้าแกอีกรอบเลยดีมั้ย แล้วเดี๋ยวจะแสดงหลักฐานให้เห็นมากกว่าวันนั้นอีก เอาไหม”

          “แม่ง พอเลยไอ้สัตว์” วินรีบห้ามเพราะไม่อยากเห็นภาพบาดตาอีกแล้ว “ได้ ถ้าแกรักเดียร์จริง วันเสาร์ตอนสองทุ่ม แกมาหาฉัน...มาคนเดียวนะว้อย แต่มาหาที่ไหนเดี๋ยวฉันจะส่งที่อยู่ไปอีกที ถ้าตุกติกล่ะก็ อย่าหวังว่าจะได้เจอเดียร์อีกเป็นครั้งที่สองเลย”

          ว่าจบก็กดตัดสายใส่เลย ปล่อยให้สิทธิ์ได้แต่อ้าปากค้างเพราะด่าไม่ทัน

          “ไอ้เวรเอ๊ย” สิทธิ์สบถใส่มือถือก่อนจะปาลงบนที่นอน “อย่างกับฉันอยากจะนับญาติกับแกอย่างนั้นล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะเดียร์ ฉันก็ไม่ยอมหรอกโว้ย”

          “เหรอครับ”

          หมียักษ์สะดุ้งเหมือนโดนผึ้งต่อยก่อนจะยิ้มเจื่อนให้ลูกน้องของตน

          “ดูท่าพวกผมจะเป็นห่วงเสียเปล่านะครับ” ฤทธิ์ยิ้มกลับ แต่ใบหน้าเบื่อหน่ายเต็มทน “เอาเถอะ แล้วจะเอายังไงต่อละครับ ยังไงก็ไม่มีวันยอมพรากไปจากเดียร์อยู่แล้วนี่”

          ไม่วายยังหาเรื่องกัดไม่เลิกจนสิทธิ์เริ่มน้ำตาคลอเบ้า

          “หมอนั่นบอกให้ผมไปหามันวันเสาร์นี้...คนเดียว...”

          “ไม่นะ” คราวนี้ฤทธิ์โวยหนักกว่าเดิม “ผมรู้ว่าคุณจัดการได้ แต่ถ้าคุณวัฒน์รู้ว่าพวกผมปล่อยให้คุณไปเสี่ยงคนเดียว พวกผมได้ตายจริงๆแน่”

          “อา...นั่นสิครับ” ใจจริงก้องก็อยากจะโวยแรงๆ แต่เพราะตามแผนมันไม่ใช่ เลยออกอาการแบ่งรับแบ่งสู้ออกมาแทน “ผมว่า...คุณให้พวกผมแอบตามไปดีกว่า...”

          “ไม่ได้หรอกครับ” สิทธิ์ตอบขัดความสงสัยของฤทธิ์ ซึ่งถ้าช้ากว่านี้ก้องคงโดนซักเรื่องท่าทีประหลาดออกมาแล้วเป็นแน่ “ไอ้เรื่องอันตรายมันก็อีกเรื่อง แต่ถ้าผมเล่นตุกติก ไอ้แว่นนั่นคงไม่มีทางเห็นว่าผมจริงใจกับเดียร์หรอก”

          ฤทธิ์ถึงกับหน้าเบี้ยว เพราะไม่ติดวัฒน์แล้ว เขาไม่อยากจะเอ่ยห้ามเลยด้วยซ้ำ แต่พอมาคิดถึงสวัสดิภาพของตัวเองแล้วก็อดผวาไม่ได้จริงๆ

          “น่า ก็นายบอกให้เขาเห็นแก่ตัวเพื่อความรักเองไม่ใช่เหรอ ก็ยอมๆหน่อยละกัน” ก้องปลอบเมื่อเห็นฤทธิ์เอาแต่คิดไม่ตก “ไม่ต้องห่วง ไม่ได้มีนายคนเดียวที่โดนฝังทั้งเป็นหรอก”

          นั่นไม่ได้ช่วยให้คนฟังตัดสินใจง่ายขึ้นเลยสักนิด

 

          วินนิ่วหน้ามองมือถือที่ตนเพิ่งปาใส่ที่นอนไปอย่างเจ็บแค้น ถึงจะพยายามใจเย็นแล้วแต่พอได้ยินเสียงมันก็พานนึกถึงหน้าของหมียักษ์ แล้วไม่วายลามไปถึงตอนที่มันกล้าลวนลามน้องชายต่อหน้าตน จนกระทั่งเรื่องที่วินโดนต่อยอีก จะไม่ให้ของขึ้นได้อย่างไรไหว

          “เป็นไงบ้างครับ”

          แต่เสียงใสที่ดังอย่างมีความหวังดับอารมณ์ร้อนลงเสียสิ้น ใบหน้าของเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนขอบเตียงเต็มไปด้วยความสงสัย แต่กระนั้นก็ปะปนไปด้วยความหวาดกลัวที่จะต้องรับฟัง

          “มันบอกว่าจะมา...” วินกัดฟันพูด แต่พอเห็นน้องชายดูอาการไม่ค่อยสู้ดีก็อดถามไม่ได้ “...ไม่เป็นไรใช่ไหม”

          “คิดว่าไม่เป็นมั้งครับ...” เดียร์ส่ายหน้าให้ แต่มีหรือที่พี่ชายจะไม่รู้

          “เลิกกังวลได้แล้วน่า” หนุ่มแว่นร้อง “ก็บอกแล้วไง ถ้าเกิดผลมัน...เอ่อ...ไม่เป็นอย่างที่หวัง...พี่ไม่มีทางทิ้งนายแน่ แล้วก็จะอัดไอ้หมีควายนั่นให้น่วมเลย”

          เด็กหนุ่มยกยิ้ม หากแต่ความเศร้ากลับยังไม่จางหาย แม้จะรู้ว่านั่นจะทำให้พี่ชายยิ่งเป็นห่วง แต่ในตอนนี้เขาฝืนปั้นหน้ายิ้มไม่ออก อยากจะมีความสุขกับความรู้สึกนี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะกลัวว่าอาจจะไม่ได้รู้สึกอย่างนี้อีกต่อไปแล้ว

          “ว่าแต่...งานนี้คุณแม่ไม่รู้เรื่องเลยเหรอครับ”

          วินหน้าซีดปากสั่นทันที

          “ขืนรู้ ป่านนี้ฉันไม่มีทางได้อยู่ที่นี่หรอก” หนุ่มแว่นว่า ยังตัวสั่นไม่เลิก “เห็นพี่ศิวะบอกว่าแม่ดันไปรู้เรื่องเมียน้อยคนอื่นของพ่อเข้า...ก็คนเก่าๆเดิมๆ แต่ที่แม่ยังไม่รู้นั่นล่ะ เลยไม่ว่างมาสนใจทางฉันเท่าไหร่ คนที่แม่ให้มาตามดูฉันก็เป็นคนของพี่นินทร์ด้วย ก็ถือว่าโชคดีมากเลยล่ะ ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน...แต่ก็แปลกดีนะ ฉันคิดว่าแม่ไม่น่ารู้เรื่องเมียน้อยที่เหลือของพ่อแล้วซะอีก เรื่องมันก็ตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ...”

          “งั้นหรือครับ” ต้นเหตุทั้งหมดเอ่ยถามดั่งไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย

          “นี่ ถามจริง นายอยากให้มันเป็นยังไงกันแน่”

          เดียร์มองหน้าพี่ชายที่มานั่งลงตรงข้างตน ก่อนจะก้มลงเล็กน้อย เด็กหนุ่มนั่งคิดอยู่นานมาก กว่าจะเอ่ยออกมา

          “ถ้าเขาเป็นในแบบที่ผมชอบตั้งแต่แรก บางทีเรื่องมันอาจจะง่ายกว่านี้...” ใบหน้านั้นดูนิ่ง หากแต่น้ำเสียงกลับดูเศร้าและอึดอัด “ถ้าเขาต้องกลายมาเป็นแบบที่ผมชอบจริงๆ…มันก็ดีอยู่ แต่มันไม่ใช่แค่นั้น…ผมกลัวว่าถ้าเขาเปลี่ยนไป...มันอาจจะทำให้คนอื่นที่อยู่รอบตัวเขาต้องเดือดร้อนไปด้วย...”

          “...นายจะบอกว่า ถ้าหมอนั่นมันเปลี่ยนนิสัย มันจะทำแบบนั้นกับคนอื่นหรือ” แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่วินก็จับใจความได้ประมาณนี้ เมื่อเห็นน้องชายพยักหน้าให้ จากที่กำลังกลุ้มๆ ถึงกับยิ้มกว้าง...แต่ก็รู้สึกหงุดหงิดปนมาด้วย “เฮ้ย ไม่เอาน่า หมอนั่นมันไม่เป็นแบบนั้นหรอก...”

          ว่าแค่นั้นก็เงียบไปเหมือนไม่อยากพูดต่อ แต่แน่นอนว่าเดียร์ไม่มีทางยอมหรอก

          “อ่า...เอ่อ... โอเค ถึงพี่จะเกลียดมันโคตรๆ แต่เพราะรู้จักกับมันมานาน พี่รู้ดีว่าสันดานมันเป็นยังไง เพราะงั้นเชื่อพี่เถอะ มันอาจจะเปลี่ยนไปเพื่อนาย แต่รับรองว่ากับคนอื่นมันก็ยังเหมือนเดิมนั่นล่ะน่า” วินบอกอย่างขัดเขินปนรำคาญใจที่จะต้องเอ่ยถึงคนที่แค่เศษเล็บก็ยังไม่อยากจะมอง “นายบอกว่ามันเหมือนกับพี่นี่ ถ้างั้นนายก็รู้ใช่ไหมว่าถึงพี่จะโวยวายทำร้ายไอ้ชามัน แต่พี่ก็ไม่เคย แล้วก็ไม่ชอบทำร้ายลูกน้องหรือคนอื่นๆที่ไม่ใช่ศัตรูสักหน่อย ใช่ไหมล่ะ ก็มีแค่มันนั่นล่ะที่พี่จะทำแบบนั้นด้วยอย่างเต็มใจ...”

          ดวงตากลมช้อนมองพี่ชาย ทำเอาวินชักหวั่นๆกลัวน้องจะไม่เชื่อ ยิ่งถึงกับน้ำตาไหล หนุ่มแว่นแทบจะยืนไม่อยู่

          “นั่นสินะครับ พี่กับเขาเหมือนกันมากเลยล่ะ” เสียงหวานหัวเราะออกมา “...ในเรื่องน่ารำคาญด้วย...”

          “อะไรนะ”

          “เปล่าครับ ผมแค่สะอื้น” เดียร์ยิ้มให้ทั้งน้ำตา “ว่าแต่พี่ชอบทำร้ายคุณชาเขาหรือ ถึงทำแค่แต่กับเขา...แต่พี่บอกว่ารักเขานี่ครับ”

          วินตัวแข็งค้างไปในบันดล

          “ทำไมล่ะครับ...ทำแบบนั้นแล้วคุณชาไม่เสียใจแย่หรือครับ” เด็กหนุ่มถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็อยากจะให้อีกฝ่ายสารภาพออกจากปากเอง

          ใจจริงเขาก็ไม่ได้ชอบดูคนทรมานนักหรอก แต่ใบหน้าของวินในตอนนี้มันตลกจนเดียร์หยุดแกล้งไม่ได้จริงๆ

          “คือ...มันออกจะเป็นเรื่องที่อธิบายยาก...” คนฟังได้แต่ทำหน้านิ่งเพราะพยายามกลั้นขำสุดชีวิต “แต่นายรับรองว่าที่ฉันทำไป มันมีความสุขแน่...สุขแบบสุดๆเลยล่ะ”

          โอ๊ย ไม่ไหวแล้ว~~~~~~~ ฮ่าๆๆๆๆๆ

          “...หรือครับ...” เสียงหวานสั่นเครือแต่ใบหน้านิ่งและก้มต่ำทำให้คนมองเข้าใจเป็นอย่างอื่นแทน “เอาเถอะครับ ผมไม่ถามต่อแล้ว จะรอจนกว่าพี่วินจะพร้อมบอกผมก็แล้วกันครับ”

          ฟังแล้วก็โล่งอก แต่อีกใจก็รู้สึกหวั่นแปลกๆ เพราะเหมือนโดนคาดคั้นกลายๆ

          “แต่ขอบคุณนะครับที่ช่วยปลอบผม” เด็กหนุ่มกลับมาตีหน้าเศร้าอีกครั้ง ยิ่งทำให้วินเข้าใจผิดคิดว่าเดียร์เสียใจที่พี่ชายไม่ยอมบอกเหตุผลที่ทำร้ายชา “ถ้าทุกอย่างเป็นอย่างที่พี่บอกก็คงจะดี...”

          แน่นอนว่าไม่ได้หมายถึงเรื่องของตัวเองอย่างเดียวหรอก

          วินบึ้งหน้า ทั้งที่ใจจริงแล้วอยากจะให้มันจบอีกอย่างแท้ๆ แต่ลองมาซะขนาดนี้แล้ว เขาก็ได้แต่ทำใจยอมรับที่จะต้องนับญาติกับเจ้าหมีนั่นอย่างเดียวแล้ว


___________________________

อา...คุณพี่ชายถึงจะไม่อยากยอมรับก็ได้แต่กัดฟันยอมล่ะนะ...เพื่อน้องชายสุดที่รัก (ก็คงกัดฟันจนเลือดอาบกันเลยทีเดียว อารมณ์พ่อตากับลูกเขยก็มิปาน XD

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ nonnon04

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ๊ย ทั้งอยากให้เข้าใจกัน และก็อยากให้เข้าใจผิดไปเรื่อย (จะได้ฮาอีก)

ออฟไลน์ lovegoldfish

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
วินสารภาพมาซะขนานนี้แล้ว อยากให้ชามีบทแล้วอ่ะ :serius2:

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
กำลังเข้มข้นเลยอ่ะ  :call:

ต่อเร็วๆนะ

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
เข้ามาสวัสดีวันตรุษจีนงับ XD ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้จ้า ใครรอรับอั่งเปาก็ขอให้ได้กันเยอะๆเน้อ ส่วนใครต้องแจกแล้วก็ขอให้มีเงินมาแจกเยอะๆนะงับ ฮา

และขอบพระคุณนักอ่านทุกท่านมากงับ จากนี้ไปก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยงับ >v<


เผารูปเดียร์มาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ฮา


[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore
         
ตอนที่ 53

          ธานินทร์สะดุ้งนิดหน่อยเมื่อเสียงมือถือของตนดัง ชายหนุ่มปั้นหน้ายิ้มและขอตัวออกจากห้องนั่งเล่นของบ้านพักไปนอกบ้าน เขาหันมองจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีลูกน้องของวินอยู่แถวนั้น ถึงรับโทรศัพท์ขึ้น

          “แปลกนะครับที่คุณเป็นฝ่ายโทรมาหาผมเองเนี่ย คิดถึงจัง” ธานินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาท “เอ๋ อะไรกันครับ มากล่าวหาผมได้ยังไง คุณวินเขาก็ยังอยู่ดีมีสุขอยู่เลยนะ...หมายถึงตอนนี้น่ะนะ”

          ใบหน้าของชายหนุ่มเปี่ยมไปด้วยความสุข นึกแล้วอยากจะเห็นอาการของคนในปลายสายเสียจริงๆ ในตอนนี้คงจะคลั่งไม่ต่างจากน้ำเสียงแล้ว

          “แหม มีหลักฐานอะไรว่าผมจะทำแบบนั้นล่ะครับ ที่ผมพูดไปเมื่อกี้ก็แค่เปรียบเปรยเท่านั้นเอง ก็ทำงานแบบนี้จะเสี่ยงอันตรายทุกวันก็ไม่แปลกนี่นา” เขาพูดทั้งที่ตัวเองก็ปล่อยให้อีกฝ่ายรู้เรื่องที่ตนทำทั้งหมดแท้ๆ “หมอนั่นอาจจะโกหกคุณก็ได้นี่นา คุณก็รู้ว่าคนที่เกลียดผมก็มีเยอะพอๆกับที่เกลียดคุณเดียร์นั่นล่ะ”

          ธานินทร์ยื่นไอโฟนออกจากหูเพราะอีกฝ่ายด่าใส่รัวๆ

          “ผมไม่เคยสัญญาแบบนั้นกับคุณ อย่าเมาไปหน่อยเลย คุณทึกทักเอาเองทั้งนั้น” หนุ่มตาตกยังคงย้อนอย่างไม่ยี่หระ “...คิดว่าผมจะยอมอยู่ให้คุณมาริสาจิกหัวใช้แบบนี้ตลอดไปหรือครับ ยิ่งกับคุณวินยิ่งแล้วใหญ่เลย ผมรอโอกาสนี้มานานแล้ว ยิ่งคุณอยู่ห่างขนาดนี้ด้วย ผมไม่ลงมือก็บ้าแล้วเนอะ”

          ว่าจบก็กดตัดสายเสียดื้อๆแล้วปิดเครื่องทันที ชายหนุ่มอดยิ้มออกมาไม่ได้ แม้จะขลุกขลักในทีแรกไปบ้าง แต่ในที่สุดแผนก็ดำเนินลุล่วงมาได้ดีอย่างที่หวัง อีกแค่ไม่นานเท่านั้น สิ่งที่เขาเฝ้ารอมานานก็จะประสบผล เหลือก็เพียงแค่รอเวลาเท่านั้น...

          “พี่ธานินทร์ครับ”

          เจ้าของชื่อถึงกับกระโดดจนตัวลอยเมื่อมีเสียงหวานทักมาจากด้านหลัง พอเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มซึ่งดูเหมือนเด็กสาวเสียมากกว่า ชายหนุ่มถึงกับหน้าซีด เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเดินมาโดยที่ตนไม่รู้ตัวเสียได้

          “อะ...มีอะไรหรือครับคุณเดียร์...” ธานินทร์เอ่ยพลางกลบอาการตื่นตระหนกด้วยรอยยิ้ม “แปลกนะครับ อยู่ๆคุณมาเรียกผมว่าพี่เนี่ย”

          “มันจะได้ฟังดูไม่ห่างเหินยังไงล่ะครับ” แม้น้ำเสียงจะร่าเริง แต่การก้มมองพื้นนั้นทำให้คนมองเห็นตรงกันข้ามแทน “พี่เองก็ไม่จำเป็นต้องเรียกผมสุภาพแบบนั้นก็ได้ มันฟังดูเขินๆน่ะครับ”

          “อ้อ...อย่างนั้นหรือครับ...แต่ผมเรียกจนชินแล้วล่ะครับ อย่าสนใจเลย...ว่าแต่ทำไมออกมาข้างนอกล่ะครับ เดี๋ยวคุณวินก็เป็นห่วงหรอก” ธานินทร์พยายามกลับเข้าเรื่องเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่มีท่าทีที่จะยอมตอบนัก

          “เห็นคุณไม่อยู่เลยเป็นห่วงนะครับ” ฟังคำตอบแล้วยิ่งงงกว่า แน่ล่ะ คุยกันแทบจะนับครั้งได้ จะมาเป็นห่วงอะไรกันตอนนี้ล่ะ “แล้วก็อยากขอบคุณกับขอโทษด้วย”

          คราวนี้ความสงสัยถึงกับพุ่งออกทางสีหน้าเลยทีเดียว

          “ก็ทั้งที่ถ้าคุณแม่รู้เข้า พี่ต้องตายแน่ๆ” และคำว่า ‘ตาย’ ของเดียร์นั้นก็ไม่ใช่ความหมายโดยนัยด้วย “แต่ก็ยังยอมช่วยพี่เพื่อผม ทั้งที่คุณก็ไม่ได้อะไรตอบแทนเลยแท้ๆ...ต้องขอบคุณจริงๆนะครับ...แล้วก็ขอโทษด้วยที่พี่กับผมทำให้คุณเดือดร้อน”

          “ฮะๆ อย่างนั้นหรือครับ...ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเต็มใจ” ธานินทร์แอบโล่งใจ แต่ก็แอบรู้สึกผิดไปด้วย...ยิ่งเห็นดวงตาที่ดูใสซื่อนั้นแล้วก็ยิ่งรู้สึก เหมือนมีอะไรมาจุกคอ

          “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนละกันครับ หายไปนานคงจะไม่ดี ตอนนี้พี่วินเองก็อารมณ์ไม่ค่อยจะดีอยู่ด้วย”

          ธานินทร์ เพียงแต่พยักหน้าให้ เขามองด้านหลังของอีกฝ่ายจนหายเข้าบ้านไป ใจจริงแล้วธานินทร์ก็รู้สึกไม่ดีเท่าใดนักที่ดึงเดียร์เข้ามาเอี่ยวด้วย แต่ชายหนุ่มเองก็ไม่มีทางเลือกมากเท่าไหร่ เขาจึงได้แต่นึกขอโทษเด็กหนุ่มอยู่ในใจแทน

          สถานที่นัดหมายคือโกดังเก่าของวินที่อยู่แถวชานเมืองของชลบุรี ซึ่งเมื่อก่อนเคยเป็นโรงงานนรกทำเสื้อผ้าควบเปิดบ่อนไปในตัว แต่เพราะวินเลิกทำกิจการนี้แล้ว เลยเหลือแต่บ่อนที่เปิดไว้ แต่เพราะวันนี้จำเป็นต้องใช้สถานที่ เลยปิดบ่อนชั่วคราวเอาไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นในวันนี้จึงไม่มีใครอยู่แถวนี้เลยนอกจากพวกของวินเท่านั้น

          วินออกอาการหงุดหงิดเหมือนจะขวิดใครก็ตามที่อยู่ใกล้ๆ ยิ่งมองเวลาที่ใกล้จะถึงตามนัดเข้าทุกที แต่ยังไม่เห็นวี่แววของอีกฝ่าย ชายหนุ่มก็ยิ่งหงุดหงิดหนักจนลูกน้องที่เหลือพากันถอยห่างเพราะกลัวจะโดนลูกหลง มีเพียงเดียร์เท่านั้นที่ยังคงอยู่ใกล้ๆพี่ชายด้วยเหตุผลที่ว่าเขาโดนมัดไว้อยู่กับเก้าอี้ และพร้อมเต็มใจรับลูกหลงที่ว่าอยู่แล้ว

          “น่าครับ บางทีเขาอาจจะหาว่าเราอยู่โกดังไหนก็ได้” เนื่องจากมีโกดังหลายสิบหลัง อีกทั้งยังกินพื้นที่กว่าสิบไร่ แล้วโกดังที่วินอยู่ก็เลือกเสียกลางๆจนลึก เหมือนไม่อยากจะให้หาเจอ ก็ไม่แปลกถ้าสิทธิ์จะมาช้าเพราะมัวแต่หา “พี่เองก็ผิดที่ไม่ยอมบอกเขาว่าเราอยู่โกดังหลังไหนนะครับ”

          “ไม่ได้บอกที่ไหน พี่บอกไปแล้วไงว่าโกดังหลังคาแดงตรงกลางๆ” ซึ่ง ทุกหลังล้วนหลังคาสีแดง และกลางๆที่พี่ชายว่าก็สุดแสนจะจำเพาะเจาะจง แถมยังนัดมาซะตอนมืด ไฟตามทางข้างนอกเองก็มีน้อยจนมองเห็นแค่สลัวๆ น่ากลัวกว่าซอยเปลี่ยวเยอะ “ไอ้หมอนั่นต่างหากที่ผิด ถ้ามันรักนายจริง มันก็ควรจะมาก่อนสิ ฉันเองก็บอกมันก่อนตั้งหลายชั่วโมง

          ‘หลาย’ ที่คุณพี่ชายว่าคือแค่สองชั่วโมงก่อนถึงเวลานัดนะครับ แค่ขับรถมาจากกรุงเทพก็หนึ่งชั่วโมงแล้ว ไหนจะต้องขับออกมาทางชานเมืองมายังโกดังอีก ก็เหลือเวลาให้หาว่าอยู่โกดังหลังไหนก็ราวๆครึ่งชั่วโมงต่อโกดังห้าสิบสองหลังในที่มืดสลัวก็เท่านั้นเอง

          ในที่สุดก็สองทุ่มแล้ว ไม่มีแม้แต่วี่แววของหมี วินเผลอยิ้มออกมา เพราะทีแรกก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะให้เดียร์เห็นว่าสิทธิ์ไม่มาเพราะไม่ได้รักเดียร์ แต่พอเหลือบไปมองน้องชายที่ทำท่าเหมือนกับโลกจะสลาย ใจก็ร่วงลงมาอยู่กับตาตุ่มแทน

          “มะ...ไม่เอาน่า นายก็บอกเองไม่ใช่หรือไงว่ามันอาจจะเสียเวลาหาอยู่ มันอาจจะกำลังใกล้มาถึงแล้วก็ได้” แทนที่จะได้ประกาศก้องเพื่อย้ำสิ่งที่น้องชายคิด คุณชายกลับปลอบแทนจนเหล่าลูกน้องเองก็ชักงงๆว่าตกลงที่ลักพาตัวเดียร์มานี่ อยากเห็นว่าสิทธิ์ไม่รักเดียร์ หรือกลับกันมากกว่า “หมอนั่นมันรักนายจริงๆนะ...”

          “ไม่ต้องปลอบหรอกครับ...แค่นี้ก็เกินพอแล้ว” ซึ่งส่วนหนึ่งก็ยอมรับว่าเสียใจจริงๆ แต่ไอ้ความสุขแปลกๆที่แทรกเข้ามานี่ ทำเอาน้ำตาไม่ยอมไหลออกมาเสียนี่ เลยได้แต่ปั้นหน้ามึนตึงใส่ตัวเองแทน “บางที...จบแบบนี้อาจจะดีกว่าก็ได้...”

          “ไม่มีทาง”

          วินไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรตอนได้ยินเสียงของสิทธิ์ แต่ให้ตายเขาก็ไม่ยอมดีใจให้อีกฝ่ายเห็นหรอก

          สิทธิ์ยืนหอบอยู่ตรงหน้าทางเข้าโกดังซึ่งเปิดทิ้งไว้เพื่อรอรับแขก ร่างของชายหนุ่มเปียกโชกไปด้วยเหงื่อจนเหมือนตกน้ำมาเสียมากกว่า ใบหน้าเรียวแดงก่ำจนน่ากลัว แต่เพียงไม่นานก็กลับมาหายใจเป็นปกติ แล้วเดินเข้าไปลำพังอย่างไม่เกรงกลัว

          “ไง ฉันมาแล้ว มาคนเดียวด้วย” หมียักษ์คำรามลั่น “คืนเดียร์ให้ฉันได้หรือยัง”

          เดียร์แทบอยากจะด่าตัวเอง แค่น้ำเสียงดุดันนั่นก็ทำเอาระทวยแล้ว ยิ่งจ้องมองมาทางนี้ด้วยสายตาแรงกล้าแล้วก็ยิ่งทำให้ความรู้สึกดีใจที่กดเอาไว้อยู่ภายในทะลักล้นออกมาทางหน้า แต่เพราะยังคงรู้สึกผิด จึงไม่กล้าจะให้อีกฝ่ายเห็นความรู้สึกของตน

          สิทธิ์เม้มปากแน่น ถ้าทำได้ก็อยากจะเดินไปฉุดกระชากลากถู ถามซักไซ้ให้รู้ความไปเสียเลย ยิ่งเห็นใบหน้าคล้ายกับดีใจแต่สุดท้ายก็เสียใจแบบนั้น เขาก็ยิ่งคาใจเป็นที่สุด

          เธอรักฉันจริงๆหรือเปล่า...

          ประโยคที่ได้แต่เก็บงำเอาไว้ในใจ ไม่กล้าจะเอ่ยถามเพราะกลัวคำตอบจะไม่เป็นดังหวัง แต่ในตอนนี้เมื่อได้เห็นใบหน้านั่น ชายหนุ่มแทบจะไม่สนสิ่งใดนอกจากความจริงจากปากของอีกฝ่ายแล้ว

          “แล้วคิดว่าฉันจะยอมง่ายๆเรอะ” วินคะตอกสวนกลับเรียกสติด้วยความหงุดหงิดที่น้องชายกับนายหมีเอาแต่ทำซึ้งกัน แบบไม่สนใจชาวบ้าน ก่อนจะหักนิ้วเสียงดัง แล้วหันไปหาลูกน้อง “ไปดูว่ามันมาคนเดียวจริงหรือเปล่า”

          ลูกน้องสี่ห้าคนเดินหายออกไปด้านนอก ก่อนที่จะกลับมาหาวินเพียงคนเดียวเพื่อให้คำตอบที่ตรงกับคำพูดของสิทธิ์

          “ไง จะเอาอะไรอีก จะดูด้วยไหมว่าฉันพกอาวุธมาหรือเปล่า เอาเลย” ว่าจบก็ถอดเสื้อเปียกๆแล้วโยนลงไปคลุกฝุ่นที่พื้น “หรือต้องให้ถอดกางเกงด้วย”

          “อย่านะเฮ้ย! พอเลย” วินร้องเสียงหลงพร้อมออกอาการขยะแขยงเต็มทน เมื่อเห็นคนตรงหน้าตั้งท่าจะปลด “แม่งไม่อายก็กลัวคนอื่นจะเป็นตากุ้งยิงหน่อยเหอะว่ะ”

          “แล้วตกลงแกจะว่ายังไงล่ะ จะคืนเดียร์มาให้หรือยัง”

          หนุ่มแว่นเพียงแต่บึ้งหน้าใส่ ก่อนจะเดินเข้าไปหา เหล่าลูกน้องที่เหลือทำท่าจะเข้าไปสมทบหากแต่วินยกมือห้ามเอาไว้

          “นี่ จะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ฉันจะทำด้วยความตั้งใจของฉัน” วินว่าพลางถอดแว่นฝากไว้กับลูกน้องใกล้ตัว “ก่อนหน้านั้นเพราะเดียร์เข้ามาขวางเลยยังไม่รู้ผล แต่คราวนี้มาต่อให้รู้กันไปเลย”

          เดียร์สะดุ้งสุดตัว...อย่าบอกนะ...

          สิทธิ์เบิกตามองอย่างสงสัยนิดหน่อย ก่อนจะเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะพูด

          “ดี ฉันเองก็อยากจะรู้มานานแล้ว ว่าแกจะทนมือฉันได้ในกี่นาทีกัน”

          “เก็บปากหมาๆนั่นไว้หยอดน้ำข้าวต้มเหอะ”

          “ไม่นะ” เสียงหวานร้องลั่น...ถึงเขาจะเดาเอาไว้แล้วว่าอาจจะเกิดเหตุแบบนี้...แต่ถ้าจะให้ นั่งขอบเวทีดูคนทำร้ายกันแบบนี้ล่ะก็ ฆ่ากันให้ตายเลยดีกว่า!

          แน่นอนว่าทั้งสองไม่ฟังเสียงห้ามนั่น สำหรับพวกเขาแม้จะรู้ว่าเดียร์ไม่ต้องการให้เกิดเหตุแบบนี้ แต่ถ้าไม่ตัดสินให้รู้ดำรู้แดง เรื่องทุกอย่างก็คงไม่จบ

          เหล่าลูกน้องพากันมองเด็กหนุ่มที่โดนมัด ท่าทางของเดียร์เหมือนจะขาดใจตายเสียให้ได้ ชวนให้รู้สึกเห็นใจขึ้นมานิดๆ...หากแต่เพราะคำสั่งของเจ้านาย จึงได้แต่ทำใจดำเมินอาการเหล่านั้นแทน

          “พอเถอะ หยุดสักที!” เดียร์ พยายามร้องห้ามสุดเสียง แต่ไม่มีใครฟังเลยสักนิด...นี่มันโหดร้ายเกินกว่าเขาจะทนมองไหว ร่างเล็กพยายามดิ้นหนีออกจากเชือดสุดตัว แต่เชือกนั้นก็รัดแน่นเกินไปทำให้เขาได้แต่ดิ้นไปมาอย่างไร้ประโยชน์ “ไม่นะ...หยุดเถอะ...”

          ไอ้เรื่องอยากไปยืนเป็นกระสอบทรายแทนจนตัวสั่นน่ะมันแน่อยู่แล้ว...เพียงแต่มันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ...

          ความปวดร้าวที่ไม่อาจทานทนเอ่อล้นทุกคราที่เห็นสิทธิ์เจ็บตัว มันทรมานเกินกว่าจะทนมองไหว และชวนให้เจ็บปวดมากจนเหมือนโดนกรีดหัวใจ...

          ไม่นะ...คุณไม่สมควรจะเจ็บปวดแบบนี้เลย...มันต้องเป็นผมสิ...คุณไม่ได้ชอบโดนกระทำนี่...จะมาเจ็บตัวเพื่อผมทำไมกัน...ผมชอบความเจ็บปวด แต่ผมเกลียดการเห็นคนมาเจ็บปวดตรงหน้าผมนะ...ยิ่งพอเป็นคุณ...มันเจ็บปวดเหลือเกิน...

          เดียร์เหลือบมองภาพตรงหน้าอย่างอ่อนแรง...เขาจะต้องทนดูภาพนี้อีกนานเท่าไหร่กันนะ...

          กินเวลาเกือบยี่สิบนาทีที่สิทธิ์กับวินยืนแลกหมัดกันอย่างไม่ลดละ และไม่มีการหลบหมัดของกันและกันแต่อย่างใด กระนั้นสภาพของทั้งคู่ก็ไม่ได้เละเทะอย่างที่น่าจะเป็นมากนัก...ถึงตอนนี้จะตาปูดแก้มเขียวกรามเบี้ยวไปนิดๆก็ตาม แต่เหล่าคนดูก็รู้ดีว่าถ้าเป็นคนปกติ คงยืนทนหมัดพวกนั้นได้ไม่ถึงหนึ่งยกแน่ ทั้งอย่างนั้นทั้งสองต่างพากันแลกหมัดได้ตั้งนานสองนานโดยไม่มีใครยอมใครสักคน

          “เฮอะ”

          วินถ่มเลือดในปากออกมา ดวงตาคมจ้องมองคนตรงหน้าเขม็ง สิทธิ์เองก็ทั้งปากทั้งหางคิ้วแตก สภาพไม่ต่างจากตนนัก กระนั้นสีหน้าของหมียักษ์กลับไม่มีท่าทีจะยอมแพ้เลยสักนิด กลับกันยิ่งดูดุดันและฮึกเหิมกว่าเดิมด้วยซ้ำ และนั่นทำให้ชายหนุ่มเผลอยิ้ม...อีกฝ่ายเองก็เช่นกัน

          เด็กหนุ่มก้มหน้างุด คอยภาวหน้าให้เรื่องตรงหน้าจบลงสักที...ดูจากเวลาก็ควรจะจบได้แล้ว จะครบชั่วโมงแล้วโว้ยยยย พวกคุณเอ็งจะอึดอะไรกันนักหนาฟะ! มาลงที่ฉันนี่!!! ไม่ก็ไปลงกับคุณชาโน่น จะมาตีกันเองให้เสียเปล่าทำบ้าอะไรเล่า!!!

          “เลิกเถอะครับ คุณสิทธิ์! ยังไงผมกับคุณก็ไปด้วยกันไม่ได้หรอก” เมื่อไม่จบสักที เดียร์ก็หมดความอดทนแล้ว เลยตะโกนความในใจออกไปสุดเสียง “ผมรู้ว่าคุณรักผม...แต่เลิกเถอะครับ...อย่าเสียเวลาไปมากกว่านี้เลย”

          คราวนี้ทั้งคู่หยุดชะงัก สิทธิ์มองมาคล้ายกับไม่อยากจะเชื่อหู แต่เมื่อเห็นน้ำตาของเด็กหนุ่มก็นึกถึงคำพูดของลูกน้อง จากนั้นก็กัดฟันแน่น

          “เธอไม่รักฉันเลยหรือ”

          เด็กหนุ่มค้างนิ่ง ไม่คิดว่าจะเจอคำถามนี้ตอกกลับมา

          “ตอบสิ...ถ้าเธอตอบ ฉันจะหยุด” สิทธิ์ถามอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่อมพะนำ “ว่าไง ไม่อยากนั้นฉันจะต่อยพี่เธอต่อนะ”

          “หนอย ไอ้หอยหลอด อย่างกับฉันจะยอมเรอะ” แม้จะรู้ตัวว่าขัดจังหวะแต่ก็อดโมโหใส่ไม่ได้อยู่ดี

          “รักสิครับ”

          จากที่หมัดของพี่ชายจะไปประทับบนใบหน้าก็หยุดเฉียดปลายจมูกทันที แม้จะรู้อยู่แก่ใจ แต่เอาเข้าจริงวินก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย แต่ก็ได้แต่เจ็บใจเงียบๆ แล้วถอนหมัดออกจากสิทธิ์แทน...ถึงแม้ว่าหมียักษ์จะทำหน้าชื่นบานน่าหมั่นไส้ยังไง วินก็ได้แต่กัดฟันทน

          “ถ้าอย่างนั้น ทำไมเราต้องเลิกกันล่ะ” สิทธิ์รู้สึกเหมือนหัวใจจะเต้นออกมาข้างนอก “ถ้าเธอไม่ชอบในสิ่งที่ฉันทำล่ะก็...ฉันเลิกก็ได้นะ”

          “ชอบสิครับ!”

          ในขณะที่วินได้แต่งง คนตอบกับคนถามได้แต่อึ้งกับประโยคก่อนหน้า

          “...มาถึงขนาดนี้แล้ว คุณเองก็รู้ไปแล้ว...ผมเองก็ไม่อยากจะปิดบังเหมือนกัน” เดียร์หัวเราะอย่างอ่อนแรงเต็มทน การต้องทนมองคนโดนทำร้ายมันหนักหนาเกินกว่าเขาจะรับไหว “...ผมชอบมานานแล้วครับ...ไม่ใช่แค่เพิ่งมาชอบเอาตอนที่คุณทำกับผมหรอกนะ...”

          และแน่นอนว่าก็ยังคงปล่อยให้วินงงต่อไป ในขณะที่สิทธิ์ได้แต่อ้าปากค้างจนแมลงวันสามารถเข้าไปบินเล่นได้สามตลบ

          “ผมดีใจนะที่คุณทำแบบนั้น...เพียงแต่...ผมไม่อยากให้คุณเป็นแบบนี้เพราะผม...” ใบหน้าหวานก้มต่ำ ไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นความเสียใจของตนอีกต่อไป “ผมไม่อยากให้คุณฝืนใจ...”

          “ฉันเปล่านะ!”

          ซึ่งวินก็ยังเป็นคนดีที่งงและเงียบต่อไปเพราะไม่อยากจะขัดคนรักคุยกัน แม้จะสงสัยเป็นที่สุดก็ตามว่าเจ้าน้องชายกับนายหมีกำลังพูดถึงอะไรอยู่กันแน่

          “...ฉันยอมรับว่าแรกๆฉันไม่ชอบเลย...” น้ำเสียงทุ้มฟังดูเจ็บปวดเหลือทน ใบหน้าคล้ายกับไม่อยากจะพูด หากแต่ยังคงลังเล สิ่งที่อยากคว้าไว้มีหวังได้หลุดมือเป็นแน่ “แต่...ฉันก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เริ่มชอบทำแบบนั้น...และเมื่อไหร่ก็ตามที่ทำลงไป…ฉันชอบ…จนหยุดตัวเองไม่ได้…”

          “ไม่จริง” เสียงหวานสั่นระริก “ผม...ผมทำให้คุณเป็นแบบนี้...ทั้งที่คุณไม่ชอบแท้ๆ...เป็นความผิดของผม...”

          “แต่มันไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ตอนนี้ฉันชอบแล้วนี่นา ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องเลิกกันแล้วนี่” สิทธิ์พยายามเว้าวอน “ฉันรักเธอ แล้วก็เป็นอย่างที่เธอต้องการแล้วไง”

          “เพราะอย่างนั้นไงละครับ ที่ผมกลัว!” เดียร์สวนลั่น “ผมชอบที่คุณทำกับผม...แต่ถ้ามันทำให้คนรอบตัวคุณต้องโดนไปด้วย...ผมคงทนไม่ได้...ผมไม่อยากให้ใครเดือดร้อนแล้วก็มองคุณเปลี่ยนไป...”

          สิทธิ์อ้าปากค้างไปพักใหญ่ก่อนจะกัดฟัดแน่น ร่างสูงเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มอย่างไม่สนใจเจ้าพี่ชายที่เอาแต่ยืนอึ้ง และทำในสิ่งที่เรียกสติวินเหมือนเอาน้ำมาฉีดใส่หน้า...ก็ใครมันจะไป คิดว่าอยู่ๆไอ้หมีบ้านั่นมันจะเข้าไปจูบปากน้องชายตัวเองกันเล่า!

          ค้างไปนานทีเดียวจนวินอยากจะตะโกนด่า แต่อีกส่วนก็ไม่อยากจะขัดความสุขน้องชายเท่าไหร่นัก เลยได้แต่เลี่ยงภาพบาดตาด้วยการมองไปทางอื่นแทน

          เดียร์ยังคงอึ้งตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนความ ดวงตากลมค้างมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย และหัวใจระส่ำ

          “สำหรับฉัน ของแบบนี้...หรือแบบนั้นที่ทำกับเธอประจำ...ก็เอาไปทำกับใครไม่ได้หรอก นะ...ถ้าไม่ใช่เธอ” เสียงทุ้มดังแผ่วก่อนจะเข้าสวมกอดแน่นจนเดียร์หายใจไม่ออก “บ้าเอ๊ย เธอนี่มันจริงๆเลยนะ...ถ้ารู้ตั้งแต่แรกก็ไม่เป็นแบบนี้แล้ว กังวลอะไรไม่เข้าเรื่องจริงๆ”

          “คุณ...” เสียงร้องห้ามในลำคอเหือดหายไป อยากจะให้เวลาในตอนนี้หยุดเสียเหลือเกิน... “มันเป็นแบบนี้แล้วคุณรับได้หรือครับ”

          “ก็รักไปแล้วนี่นา รับไม่ได้ก็ต้องรับให้ได้นั่นล่ะ” สิทธิ์ว่าแล้วกอดแน่นยิ่งขึ้น “เธอล่ะ รับฉันที่เป็นแบบนี้ได้หรือเปล่า”

          น้ำตาที่หยุดไหลเจิ่งนองอีกครั้ง “ก็เห็นๆกันอยู่นี่นา”

          ซึ่งแม้วินอยากจะขัดใจเพราะความสงสัยและหงุดหงิดจะขาด แต่พอเห็นเดียร์ดูมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ชายหนุ่มก็ได้แต่ส่งเสียงไม่พอใจ และเรียกลูกน้องให้ออกจากโกดังไปหวังจะให้ทั้งสองอยู่เพียงลำพัง แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาออกไปก็เกิดเสียงระเบิดดังลั่นขึ้น และมันใกล้มากจนหูแทบหนวก อีกทั้งพื้นดินก็สั่นสะเทือนจนเกือบยืนไม่อยู่

          “เฮ้ย!”

          และกว่าจะรู้สึกตัว ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว


________________________


หลังตรุษจีนปุ๊บ หวัดกินปั๊บรับปีใหม่สุดๆ =3= ตอนปีใหม่สากลก็เป็น T^T รักษาสุขภาพกันด้วยนะงับ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
อีตาธานินทร์จะฮุบกิจการหรอคะ  :katai1:

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
เข้าใจกันแล้วในที่สุดดดดด

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด