รักSMของหนุ่มดอกไม้ ตอนที่ 59 (จบ) p.12 (26/04/2558)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักSMของหนุ่มดอกไม้ ตอนที่ 59 (จบ) p.12 (26/04/2558)  (อ่าน 135908 ครั้ง)

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
สิทธ์ดูจะไม่ค่อยทันเดียร์เนอะะะ  :hao4: :hao4:

sunshinesunrise

  • บุคคลทั่วไป
แผนซ้อนแผน ไม่ธรรมดาแหะ!

ออฟไลน์ anuruk97

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-4
sm เรื่องนี้  เป็นเรื่องแรกเลยนะที่เราอ่านแล้วไม่สงสารนายเอกเลย :katai2-1:

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
งานนี้จะได้สมใจเดียร์ใหมเนี่ย จะMซักหน่อยมีคนขัดตลอด

ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
 :hao6: คุณสิทธิ์ ซึน อะ 555

ออฟไลน์ raviiib❁

  • คนเขียนนิยาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
อ้ายยยยยยยยยยยยย
คุณสิทธิ์ระวังหนูเดียร์ไว้555555555 :katai2-1:

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
ทำไม.....มันถึงได้ฮาขนาดเน้!!! 5555555555+

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore

ตอนที่ 12

อ๊า~ มีความสุขจังเลย

เนื่องจากสิทธิ์ลากเดียร์โดยจับเด็กหนุ่มหันหน้าออกจากตัว พอพ้นขึ้นมาชั้นสอง เดียร์ก็เผยรอยยิ้มกว้างหลังจากต้องทนอัดอั้นมานาน ขาทั้งสองที่ลากอยู่ระพื้นก็พยายามขืนหนีเพื่อให้อีกฝ่ายออกแรงให้หนักขึ้น มือก็พยายามดิ้นสุดแรงเพื่อให้อีกฝ่ายรัดร่างจนหายใจลำบาก และปากก็ไม่ลืมที่จะส่งเสียงกรีดร้องโวยวาย ให้อีกฝ่ายตายใจด้วย

“ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ…ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย!” เดียร์ไม่แน่ใจว่าร้องแบบนี้ใช้ได้หรือเปล่า เพราะความสุขมันทะลักล้นจนทำเอาหัวมึนตึบ แต่เขาก็พยายามแหกปากให้ดังเข้าไว้ก่อน อย่างน้อยมันก็น่าจะกลบเกลื่อนได้ “ไอ้คนใจยักษ์ใจมารถ้าคุณทำเรื่องบ้าๆ ผมไม่ให้อภัยคุณแน่”

“งั้นเหรอ กลัวจังเลยนะ” เสียงทุ้มเยาะกลับ ก่อนจะเปิดประตูห้องนอน ซึ่งสะอาดเรียบร้อยผิดกับครั้งสุดท้ายที่เขาเห็น ซึ่งจริงๆมันสะอาดเกินเหตุด้วยซ้ำ เพราะถ้าเดียร์นอนอยู่บนเตียงตลอด อย่างน้อย ก็ไม่น่าจะเปลี่ยนผ้าปูที่นอนได้หรอก แต่เพราะอารมณ์มันบังสติ เลยคิดออกแต่เรื่องข่มขู่เดียร์อย่างเดียว“ฉันอยากจะรู้นัก ถ้าลองโดนดีสักทีแล้วจะยังปากเก่งอยู่แบบนี้อีกไหม”

อืม…นั่นก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณว่ามันจะเร้าใจผมแค่ไหนน่ะนะ ยิ่งถ้าเป็นแบบระยะยาวล่ะก็ ผมก็คงแช่มชื่นจนพูดไม่ออกเลยล่ะ

“ค…คุณจะทำอะไรผม” เสียงสั่นระริกชวนให้คนฟังเข้าใจว่าเด็กหนุ่มกำลังกลัวสุดขีด โดยไม่ทันคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะกำลังตื่นเต้นจนตัวสั่นอยู่ก็ได้ เพราะเดียร์เลิกดิ้นตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว

สิทธิ์ไม่ตอบคำถามนั้น เขาโยนร่างบางลงเตียง แล้วขึ้นคร่อมอีกฝ่าย พลางจ้องคนตรงหน้าตาไม่กะพริบ

ด้วยความที่โดนจ้องนานเกินโดยที่ไม่โดนกระทำรุนแรงสักอย่าง เดียร์จึงเริ่มตื่นตระหนกเพราะคิดว่าชายหนุ่มอาจรู้สึกถึงความผิดปกติ เขาจึงแสดงสีหน้าให้ดูว่ากำลังกลัวเท่าที่จะทำได้ และพยายามนอนบีบน้ำตาที่ไม่ค่อยจะออกง่ายๆ อย่างน้อยเรื่องที่กลัวว่าสิทธิ์จะรู้ความจริงก็ช่วยให้ต่อมน้ำตาแตกได้ง่ายขึ้น

แต่อันที่จริง ที่สิทธิ์จ้องเดียร์หาใช่เพราะรู้สึกถึงเรื่องนั้นไม่ แต่เพราะเขากำลังชั่งใจว่าจะทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ดีหรือเปล่า

ทำแบบนี้มันจะดีจริงหรือ

ถึงจะทำใจไว้หลายตลบ คิดอยู่หลายร้อยรอบแล้วก็เถอะ แต่พอคิดได้ว่า ไอ้ที่ทำอยู่นี่ ไม่ใช่เรื่องที่มนุษย์ปกติควรจะทำเลยด้วยซ้ำ แถมคนที่จะทำด้วยยังเป็นผู้ชายด้วยกันอีกต่างหาก

“อั่ก!”

เพราะรอจนเงก เดียร์เลยกะเรียกสติ แต่ดูท่าทางจะเรียกแรงไปหน่อย หน้าเขียวเลยทีเดียว

“…ฤทธิ์เยอะนักนะ” สิทธิ์น้ำตาเล็ดก่อนจะกระชากมือบางที่เพิ่งบีบน้องชายตนมาหมาดๆ ดวงตาเรียวเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดจ้องมองหน้าเรียวขาวอมแดง มือหนาบีบแขนเล็กแน่นอย่างไม่ปรานีจนดวงตากลมรื้นไปด้วยหยาดน้ำใส สติและสำนึกทั้งหมดโดนโยนลงถังขยะเป็นที่เรียบร้อย

“อื้อ” เสียงหวานครางดังเมื่อโดนบีบเข้าที่คางจนระบม และยังไม่ทันได้ตั้งตัว ใบหน้าของอีกฝ่ายก็โหมเข้ามาหาหวังจะล่วงล้ำเข้ามาชิมรสริมฝีปากบางของตน

“โอ๊ย!”

แต่เข้ามาแรงและเร็วไปนิด เลยกระทบเข้ากับฟันแทน

“…” สิทธิ์ได้แต่ก้มหน้านิ่ง อยากจะร้องไห้เสียเหลือเกิน แต่ไม่ใช่เพราะเจ็บปากหรอก ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะเคยจูบพลาดได้น่าอับอายแบบนี้นี่ละ

เดียร์ก็ไม่แน่ใจว่าจะถามด้วยความสมเพชดี หรือจะเงียบต่อไปดี แต่ใจจริงก็รู้อยู่แล้วล่ะ ว่าจะต้องทำอย่างไร

“ฮึ สมน้ำหน้า”เสียงหวานเอ่ยเบาหวิว ก่อนจะเลียเลือดบนริมฝีปากของตน ดวงตากลมฉายแววเยาะเย้ยแบบไม่ปิดบัง จนคนที่กำลังเจ็บปากเริ่มหัวเสียอย่างหนัก

“ไว้หลังจากนี้เถอะ แล้วจะยังยิ้มออกอยู่อีกไหม” สิทธิ์ขู่พลางกระชากกระดุมเสื้อจนหลุดออก เผยให้เห็นผิวขาวเนียนใสภายในที่ชวนมองไม่รู้เบื่อ…

…แผลที่โดนเข็มขัดฟาดหายเร็วจังแฮะ…สงสัยเราคงเผลอออมมือไปมั้ง…ช่างเหอะ!

“อ๊ะ” ร่างบางสะดุ้งเมื่อไออุ่นจากริมฝีปากกระทบเข้าลำคอลิ้นร้อนแล่นลากไล้จนขนลุกไปทั่วร่างก่อนจะกัดเข้าเต็มแรงแบบไม่มีการเห็นใจ

ดีนะที่กัดเข้ามาด้วย ไม่อย่างนั้นผมคงเผลอบีบน้องชายคุณอีกรอบ คราวนี้อาจจะแรงจนเผลอใช้การไม่ได้ตลอดชีพเลยทีเดียว

สิทธิ์มองรอยฟันบนลำคอที่มีเลือดซิบออกมา แล้วเผยยิ้มกว้าง พวงแก้มขาวที่แดงระเรื่อชื้นเหงื่อ และน้ำตา ดูแล้วชวนน่าสงสาร หากแต่ตอนนี้ชายหนุ่มไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะเห็นใจแต่อย่างใด

“ฉันจะเอาคืนกับที่เธอทำให้อย่างสาสม!” เสียงทุ้มกระซิบข้างหูนั้นเบาบาง แต่เต็มไปด้วยแรงแค้นจนเดียร์ถึงกับสั่น…สั่นด้วยความตื่นเต้น…“ชอบความรุนแรงนักใช่มั้ย เดี๋ยวฉันจะจัดให้ถึงใจเลย”

แค่เรื่องที่สิทธิ์จะรู้ว่าเขาชอบความเจ็บปวดเท่านั้นล่ะ ที่ทำให้รู้สึกกลัวจริงๆจังๆ

“ไม่นะ!อย่านะ! ได้โปรดเถอะ…” โปรดรุนแรงอย่างถึงใจตามที่พูดเลยครับ เดี๋ยวผมจะดิ้นขัดขืนสุดตัว เพื่อที่คุณจะได้ทุ่มมาสุดแรงได้ง่ายๆเลย อา…จับแขนผมให้แน่นๆ แรงๆแบบนั้นละครับ มันช่างรวดร้าวถึงใจจริงๆ…ดีครับๆ…แบบนั้นล่ะ ไม่ออมแรง บีบให้กะเอาหักเลยนั่นล่ะ โอว…ช่างเป็นเรี่ยวแรงที่ไร้ความปรานีอะไรอย่างนี้ ไม่มีการแอ๊บแม้แต่น้อย มาจากใจจริงล้วนๆ ทำไมเราถึงได้มาเจอกันช้าขนาดนี้นะ แต่มันก็ช่างคุ้มค่าแก่การรอคอยเสียจริงๆ “อ๊ะ อื๊อ~~”

ก่อนหน้านั้นสิทธิ์ก็ชอนไชไล้เลียเก็บเกี่ยวไปเสียเยอะ แต่เดียร์ก็เพิ่งจะรู้สึกเสียวซ่านสุดใจจนเผลอร้องก็ตอนที่โดนร่างสูงขบกัดยอดอกเต็มแรงนั่นละ

“เสียงเพราะจังเลยนะ ชอบล่ะสิ”

ที่จริง เขาก็แค่พูดประชดหวังให้อีกฝ่ายได้แต่เจ็บใจโดยที่ต่อต้านไม่ได้ แต่ไม่ได้รู้จริงๆหรอกว่าตัวเองกำลังพูดแทงใจเด็กหนุ่ม เพราะฉะนั้น ตอนที่เห็นเดียร์หน้าซีดขมวดคิ้วใส่เขาจึงเข้าใจไปว่า อีกฝ่ายคิดค้านสิ่งที่ตนพูด แต่ไม่อยู่ในสภาพที่จะโต้แย้งได้ เพราะเจ็บปวดจากแรงบีบแขน อีกทั้งยังคงอับอายที่โดนย่ำยีถึงเพียงนี้ แค่นั้นไม่พอ ยังโดนมือที่ยังว่างของตนเล้าโลม คงไม่อยู่ในอารมณ์จะเถียงเท่าไหร่นักหรอก

“ใคร…ใครชอบกัน…พูด…อะไรของคุณ…” ส่วนหนึ่งก็กลัวเหลือเกิน ว่าจะเก็บเสียงกระสันเอาไว้ไม่อยู่ แต่ก็ตื่นเต้นเหลือเกิน หากสิทธิ์รู้ความจริงแล้วทำหน้าขยะแขยงแสลงใจแล้วด่าทอเสียๆหาย มันคงจะดีน่าดู...อ๊า…แต่ถ้าเป็นงั้นจริง เดี๋ยวหลังจากนี้คุณสิทธิ์คงหนีหายไปเลยน่ะสิ ไม่เอาหรอก…แต่ก็อยากเห็นจังเลย...ว่าคุณสิทธิ์จะทำหน้ารังเกียจใส่แบบไหนกันหนอ… “ไอ้คน…โรคจิต…”

“เฮอะพูดไม่ดูตัวเองเลยนะ ดูสิ โดนขนาดนี้ยังมีอารมณ์กับคนโรคจิตอย่างฉันอีก แบบนี้เธอเองก็โรคจิตไม่ต่างจากฉันน่ะสิ”

เอาจริงๆ ผมอยากเป็นคนพูดประโยคนั้นมากกว่านะ เพราะผมน่ะเป็นอยู่แล้ว นี่ถ้าไม่รู้จักมาก่อน ผมนึกว่าคุณเป็นพวกซาดิสม์ตัวพ่อไปแล้วล่ะ เล่นซะมาโซฯอย่างผมใจระส่ำหมดแล้ว

“ฮึก” เสียงหวานสะอื้นไห้ด้วยความเปี่ยมสุข แต่คนมองเข้าใจเป็นอย่างที่น่าจะเป็น

สิทธิ์เหยียดยิ้มกว้าง การได้เห็นร่างบางตรงหน้าสั่นระริก ใบหน้าหวานบิดเบี้ยว(ชวนให้เข้าใจว่า)เพราะเจ็บปวดเจียนตาย และดวงตากลมที่เอ่อไปด้วยหยาดน้ำใสนั้นทำเอาหัวใจเต้นรัว

ถ้าไอ้วินมาเห็นสภาพน้องชายมันในตอนนี้จะเป็นยังไงกันนะ คงตกใจจนเป็นบ้าไปเลยแน่ๆ

ชายหนุ่มล้วงมือถือจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดปุ่มเปิดหวังจะถ่ายรูปไว้ และเมื่อเดียร์เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร เขาก็พยายามดิ้นหนีสุดแรง

“จะไปไหนล่ะ ยังไม่ได้ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกก่อนเอากันเลยนะ” สิทธิ์เอ่ยเสียงนิ่มพร้อมกับกระชากร่างที่พยายามขืนหนีเข้ามาหาจนแนบอก “เอา ยิ้มหน่อยสิ เดี๋ยวฉันจะถ่ายให้สวยเลย”

โอ้วว นี่จะข่มขู่กันด้วยรูปถ่ายใช่ไหมครับ จะแบล็คเมล์ผมด้วยรูปหน้าอายแล้วสินะครับ เอาเลยครับ แต่ผมว่า แค่นี้มันดูน้อยไปหน่อยนะ คุณน่าจะทุบตีกรีดเล็บให้ทั่วร่างผม แล้วก็ถอดกางเกงผมให้หมดจดก่อนก็ดีนะ หรือถ้าให้ดี ย่ำยีจนเสร็จกิจเลยก็ได้ เดี๋ยวผมจะพยายามบีบน้ำตาทำหน้าละห้อยเหมือนลูกหมาน้อยที่กำลังจะโดนส่งเข้าโรงเชือดเอง แล้วจากนั้นคุณก็จะคอยขู่ให้ผมทำตามที่คุณสั่งใช่ไหม คุณจะสั่งให้ผมทำเรื่องน่าอาย ชวนให้ทรมานใจอะไรแบบนี้ใช่ไหม จัดมาเลย! เร็วๆ!

“คุณสิทธิ์ครับๆๆ”

สาดดดดดดดดดดดดดดดดด มันจะมีอุปสรรคขวากหนามอะไรนักหนาวะ!!!!

เดียร์เกือบชักสีหน้าไปแล้ว ยังดีที่ใบหน้าตื่นตระหนกของสิทธิ์ช่วยให้เขาได้สติเสียก่อน เด็กหนุ่มจึงออกอาการเพียงแค่ตกใจ เผยอยิ้มบางและถอนใจเหมือนคนโล่งอก แม้ใจจริงจะอยากกู่ร้องให้ก้องโลกเพื่อระบายความหงุดหงิดที่ต้องอัดอั้นความในใจอยู่เช่นนี้ ไอ้ความรุนแรงที่ได้รับก็ได้แต่แบบครึ่งๆกลางๆ ไม่สะใจเอาเสียเลย

ทีแรกสิทธิ์ก็ไม่อยากจะสนใจ แต่เล่นเคาะระรัวจนน่ารำคาญ และเขาก็กลัวอีกฝ่ายจะทนไม่ได้จนพังเข้ามาจริงๆเขาจึงจัดการพันธนาการเดียร์ไว้กับเตียง แล้วลุกขึ้นไปกระชากประตู

“อะไร” เสียงทุ้มเต็มไปด้วยความหงุดหงิดที่โดนขัดไม่เลิก เขามองเด็กหนุ่มหน้าหวานที่มีสีหน้าเหมือนเพิ่งเห็นผีมาก็ไม่ปาน

เนรู้สึกหนาวดึ๋งถึงเครื่องใน เขารับรู้ถึงแรงกดดันอำมหิตที่ทิ่มแทงเข้ามา ดวงตาเรียวไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเจ้านาย เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงโกรธสุดๆที่เข้ามาขัดจัดหวะเข้าด้ายเข้าเข็ม

แต่หากเขามองลอดเข้ามาในห้องก็จะได้เห็นเจ้าของรังสีอำมหิตตัวจริงที่กำลังจ้องจะกินเลือดกินเนื้อเขาอยู่บนเตียง

เนสำรวจสภาพของเจ้านายอย่างรวดเร็ว โชคยังดีที่ท่าทางจะยังไม่ถึงตอนเผด็จศึกเขาจึงเมินอารมณ์แรงของอีกฝ่ายแล้วลากคนตัวใหญ่กว่าออกมาจากห้องด้วยความไวก่อนที่สิทธิ์จะตั้งตัวทัน

“อะไรของนายวะ” เจ้าบ้านชักหมดความอดทนแต่ก็ยังมีสติพอที่จะไม่โวยวาย

แต่สีหน้าของเนทำเอาแรงโกรธของสิทธิ์ดับวูบและออกอาการกังวลตาม

“คุณสิทธิ์รู้ตัวหรือเปล่าครับ ว่าคุณเกือบพลาดไปตลอดทั้งชีวิตแล้วนะ” ไม่ใช่เพียงสีหน้า แต่น้ำเสียงยังหวาดหวั่นเคร่งเครียดเสียยิ่งกว่าราวกับเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเสียอย่างนั้น “แค่ขู่ ไม่เห็นต้องข่มขืนเลยนี่”

“…แต่ นั่นเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุดนี่ รับรองว่าหมอนั่นต้องไม่กล้าขัดขืนฉันแน่”

“แต่หมอนั่นเป็นผู้ชายนะครับ ผู้ชาย!!!ผู้ชายยยยย”

เน้นหนักเสียจนก้องที่ยืนเช็ดพื้นอยู่ที่ครัวขำพรืด

สิทธิ์สะดุ้งโหยงเมื่อเนตบไหล่ทั้งสองและบีบเสียแน่น ดวงตาเรียวที่จ้องมองมา จริงจังและน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก

“เอ่อ…ก็แค่ขึ้นเตียงครั้งเดียว มันไม่เป็นอะไรหรอกน่า ก็เหมือนๆกับนอนกับผู้หญิงนั่นแหละ…”

“ไม่เหมือน!!!ไม่เหมือนเด็ดขาดครับ!!” เนค้านเสียงแข็ง “ลองเผลอไปสักที รับรองว่ากู่ไม่กลับ โงหัวไม่ขึ้นแน่นอนครับ”

“…ทำไมนายถึงมั่นใจขนาดนั้นล่ะ ไปรู้อะไรมาหรือไง”

คิดอยู่สามวิ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงน่ากลัวเหมือนเดิม “ตัวอย่างมันก็มีให้เห็นเยอะแยะไม่ใช่หรือไงครับ…ด…ดูอย่างพี่ก้องสิครับ!”

คนโดนพาดพิงที่ยืนฟังไปทำงานไปถึงกับกระตุก

“พี่เขาเล่าให้ผมฟัง ว่าทีแรกเขาก็เป็นมนุษย์เพศชายเฉกเช่นปุถุชนทั่วไปนั่นล่ะครับ แต่เมื่อได้ลองกับผู้ชายด้วยกันเท่านั้นละครับ ติดใจจนกู่ไม่กลับเลยทีเดียว จนวันๆใฝ่แต่ผู้ชาย กลับมาหาผู้หญิงไม่ได้อีกต่อไปเลยนะครับ”

ก้องฟังแล้วอยากจะวิ่งไปเตะเจ้าคนเล่า…ไอ้ตอแหลเอ๊ย! ฉันเป็นแบบนี้ของฉันมานานแล้วโว้ย แล้วฉันเคยไปเล่าเรื่องบ้าบอพรรค์นั้นให้แกฟังตั้งแต่เมื่อไหร่ฟะ!แล้วที่แกแถๆออกมานั่นน่ะ แค่อยากจะพูดกล่อมคุณสิทธิ์ หรือเอาเรื่องจริงของใครมาพูดหรือเปล่าวะ น้ำเสียงมีน้ำหนักชอบกล อย่างกับคนมีประสบการณ์จริงเลยว่ะ

“ง…งั้นจะทำยังไงกันดีล่ะ” ดูท่าจะได้ผลจัด สิทธิ์ถึงกับหน้าซีดเป็นกระดาษเลยทีเดียว

“ก็เอาอะไรก็ได้ที่เป็นของสำคัญของเขา…เขาทำงานที่ร้านดอกไม้นั่นตั้งสามปีแล้วนี่ครับ น่าจะผูกพันกันพอสมควร เราก็บอกไปสิครับ ว่าถ้าไม่ทำตาม จะพังร้านนั่น…หรือไม่ก็ทำร้ายเจ้าของร้านก็ได้”

“หา ฉันว่าไม่ดีมั้ง”

“ก็ไม่ได้ทำจริงๆหรอกครับ แค่ขู่ไง” เนร้องอย่างเหนื่อยใจ ทีแบบนี้คิดว่าไม่ดี ทั้งๆที่น่าจะคิดว่าไอ้เรื่องเอาเดียร์มาเอี่ยวด้วยมันเป็นเรื่องไม่ดีพอๆกัน “คุณสิทธิ์ก็ลองทำหน้าโหดๆเสียงเหี้ยมๆหน่อย เขาจะได้เชื่อง่ายๆไง เห็นไหม ไม่ต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวอะไรสักนิด จริงไหมละครับ”

สิทธิ์เลิกคิ้วมองอีกฝ่ายด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยจะแน่ใจนักก่อนจะพยักหน้า “ก็จริง…ของนายนะ เออว่ะ ทำไมฉันคิดไม่ถึงนะ ฮะๆๆๆๆ ขอบใจนายมากเลยนะ นี่ฉันเกือบทำผิดพลาดครั้งใหญ่ไปซะแล้วนะเนี่ย”

“ฮะๆๆๆ ดีแล้วละครับ”

ทั้งเจ้านายลูกน้องหัวเราะเกินเหตุกันเสียจนชวนขนลุก

“ถ้างั้นฉันขึ้นไปก่อนก็แล้วกัน…ไม่มีอย่างว่าแน่ ฉันเองก็ไม่ได้อยากมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันอยู่แล้ว ถึงจะสวยเหมือนผู้หญิงแค่ไหนก็เหอะ” สิทธิ์เอ่ยทิ้งท้าย แล้วเดินขึ้นบันไดด้วยก้าวย่างที่มั่นคง แต่ไม่ช่วยให้ลูกน้องมั่นใจเท่าไหร่นัก

 

คนบนเตียงเบิกตาเมื่อเห็นร่างสูงที่อยู่ในอารมณ์นิ่งกว่าก่อนหน้านั้น ดวงตากลมเต็มไปด้วยความสงสัย…และตื่นเต้นสุดขีด ว่าต่อจากนี้สิทธิ์จะทำอะไรต่อ

“…ปล่อยผมนะ” ตื่นเต้นจนลืมร้องโวยวายกันเลยทีเดียว แต่ดูเหมือนสิทธิ์จะไม่ได้เอะใจเลยสักนิด คนโดนจับบ้าอะไร ไม่ร้องขอความช่วยเหลือตอนที่อยู่คนเดียวสักแอะ

สิทธิ์กลืนน้ำลาย ถึงปากจะพูดไว้แบบนั้น แต่พอเห็นผิวขาวเนียนชวนให้เข้าใจผิดอารมณ์ที่โดนกล่อมให้สงบมันก็เริ่มวกกลับเข้ามาอีก จนต้องท่องบทสวดทุกบทที่นึกออกหวังช่วยให้ใจสงบลงได้

“ก็ได้” ตอบง่ายจนเดียร์กลัวว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างที่พูดจริงๆ แต่ใบหน้ายิ้มพรายนั้นช่วยให้เด็กหนุ่มใจชื้นขึ้นมาบ้าง “ไว้คราวหน้าเราค่อยมาสนุกแบบนี้กันใหม่ดีกว่านะ”

วันไหน…เอ๊ย “พูดบ้าอะไรของคุณ ใครจะอยากมาเจอหน้าคุณอีกกัน”

“เธอต้องอยากแน่” สิทธิ์พูดด้วยท่าทีเหนือกว่า “เธอคงไม่อยากให้ใครมาเดือดร้อนเพราะเธอหรอก…ใช่ไหม”

อืม นั่นก็ใช่อยู่หรอก เพราะผมคงทนไม่ได้ ถ้าต้องเห็นใครได้ความทุกข์ทรมานเจ็บปวดไปมากกว่าผม ความเจ็บปวดต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น~~

“คุณคิดจะทำอะไร” น้ำเสียงหวานเต็มไปด้วยความกังวล…แน่นอนว่าไม่ได้กลัวเรื่องที่คนอื่นจะเดือดร้อนเพราะตัวเองซักนิด

“ก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอก…” สิทธิ์ทำเป็นอมพะนำหวังให้อีกฝ่ายทรมานเพราะความอยากรู้ “เจ้าของร้านดอกไม้คนนั้นน่ะ…รู้สึกว่าจะสนิทกับเธอน่าดูนี่ ใช่ไหม”

ดวงตากลมเบิกโพลงราวกับจะหลุดจากเบ้า นั่นยิ่งทำให้คนพูดรู้สึกพึงใจเป็นอย่างยิ่ง ที่จี้ถูกจุดของอีกฝ่าย…เพียงแต่เขาไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงก็เท่านั้น

“ไม่นะ” เสียงร้องโหยหวนมาก จนชวนให้เข้าใจได้อย่างเดียวว่า ไม่อยากให้น้อยต้องเดือดร้อนเพราะตน “ผมจะยอมทำตามที่คุณว่าทุกอย่าง แต่อย่าทำอะไรพี่น้อยเลยนะ”

แต่ถึงคุณไม่ขู่ ผมก็รอต้อนรับให้คุณมาตบตีผมถึงห้องอยู่แล้ว

“ก็ดี”

ส่วนหนึ่งเพราะกลัวว่าถ้ากักขังอีกฝ่ายไว้นานๆ เจ้าของร้านดอกไม้จะไปแจ้งความคนหายนี่ล่ะ

“อ๊ะ”

“เอาไว้เป็นที่ระลึก และจะได้แน่ใจว่าเธอจะทำตามที่พูดไว้จริงๆ” สิทธิ์เก็บมือถือกลับ หลังจากถ่ายรูปเรือนร่างของเดียร์เสร็จ “เธอคงไม่อยากให้รูปนี้ไปถึงพี่ชายเธอหรอก ใช่ไหม”

ที่ทำเนี่ย ไม่ได้ถ่ายเพราะอยากเก็บไว้ดูอะไรเป็นการส่วนตัวหรอก แค่เผื่ออีกฝ่ายนึกกลัวจนไม่สนน้อยก็เท่านั้นเอง

“ถ้าพี่วินเห็น เขาไม่อยู่เฉยแน่” ที่พูดเนี่ย ไม่ได้ขู่หรอกนะ แค่พูดตามความจริงเท่านั้นละ ขนาดแค่จับมือ พี่วินยังเตะส่งโรงพยาบาลมานักต่อนักเลย

“ก็เอาสิ คิดว่าฉันจะอยู่เฉยๆรอให้มันมาทำอะไรฉันหรือไง” ร่างสูงแค่นเสียงหัวเราะใส่ มั่นใจมากว่าถ้าต้องประมือกันจริงๆ ตัวเองต้องเป็นฝ่ายมีชัยแน่ๆ ทั้งที่สมถภาพและรูปร่างต่างสูสีกันจนยากจะบอกว่าใครเก่งกว่ากัน “แต่รูปสวยๆแบบนี้ ฉันคงไม่คิดจะแบ่งให้ไอ้วินดูคนเดียวหรอก”

“อย่านะ!” เอาจริงๆ ผมก็ไม่แคร์หรอกนะ กับไอ้แค่รูปถ่ายในตอนวาบหวิวของตัวเองน่ะ ดูแล้วไม่เห็นจะน่าอายตรงไหน ท่อนล่างก็ยังมีบ๊อกเซอร์ใส่อยู่เลย หรือต่อให้นู้ดเต็มตัวก็เท่านั้น แต่เอาเถอะ ก็ต้องทำมึนเล่นไปตามเกมหน่อย

จริงๆถ่ายแค่รูปเดียวก็น่าจะพอแล้วแต่กันเหนียวไว้เขาจึงถ่ายรูปเพิ่มอีกสองสามใบ และดูท่าทางจะรู้ตัวว่ารูปที่ถ่ายไปก่อนหน้านั้นมันดูอ่อนเกินกว่าจะนำมาใช้ข่มขู่ให้อีกฝ่ายกลัวอย่างจริงจัง เลยทำการเปลือยร่างคนบนเตียงจนหมดจด

“…”

ทีแรกสิทธิ์คิดว่าต่อให้เห็นเต็มตาขนาดไหนเขาก็ไม่มีทางรู้สึกอะไรเป็นแน่ แต่พอเห็นร่างบางขาวนวลชวนให้มองหัวใจมันก็เต้นรัวจนรู้สึกแน่นอก ยิ่งเลื่อนมองเบื้องล่างที่เหมือนกับของตน…แถมดูไปดูมาเกือบจะเท่าของตนด้วยซ้ำ แต่กลับไม่มีความรู้สึกรังเกียจขยะแขยงแสลงใจอะไรเลยสักนิด ยังจะรู้สึกกลับกันเสียมากกว่า

เดียร์รู้สึกหวั่นใจขึ้นมาแทน ก็ถ้าพ่อคุณหมีจะจ้องกันด้วยสายตาตื่นตะลึงและเป็นประกายขนาดนั้น มันพอจะทำให้เขาเดาได้ว่าสิทธิ์กำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้

“ไม่ม่ายยยพอซักที!! อย่ามองผมนะ” อย่าเอาสายตาปิ๊งปั๊งเหมือนเห็นของรักมามองผมแบบนั้นนะ!! อย่าแผ่ออร่าสีชมพูใส่ผม มันทำให้ผมขนลุกชูชันไปหมดแล้ว!

เสียงกรีดร้องทำเอาชายหนุ่มได้สติ เขากลับมาตีหน้าเหี้ยมและฉีกยิ้มกว้าง…จากนั้นก็เอาผ้าแถวนั้นมาปิดร่างอีกฝ่ายเพราะกลัวใจตัวเองจะเตลิดเปิดเปิงไปในทางที่ไม่อยากให้ไปถึง

“แค่ดูเองไม่สึกหรอหรอก” สิทธิ์ว่าโดยพยายามบังคับมือตัวเองไม่ให้เอื้อมไปลองลูบผิวขาวเนียนนั้น ไม่งั้นได้หน้ามืดอีกแน่ “ทำตัวดีๆก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นฉันไม่รับประกันว่าเรื่องนี้จะเป็นแค่ความลับของเราสองนะ”

เสียงขู่นั่นทำให้น้ำตาหยุดไหล…ด้วยความโล่งอกที่อีกฝ่ายกลับมาใจร้ายใส่เหมือนเดิม เดียร์รีบพยักหน้าหงึกๆ โดยยังหวั่นไม่หายกลัวหมีดุจะกลายเป็นเท็ดดี้แบร์ นั่นน่ากลัวเหมือนกับเห็นเฟรดดี้ครูเกอร์โผล่ออกมาจากใต้เตียงก็ไม่ปาน

“ดีแล้วอย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเย็นแล้วลูบใบหน้าหวาน “ไม่อย่างนั้นเธอได้เสียใจแน่”

ถึงจะเสียดายเมื่อตอนขึ้นเตียงก่อนหน้านี้ไปหน่อย แต่โดนแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันแฮะ เอาเถอะ ผมจะรออย่างลุ้นระทึกก็แล้วกัน ว่าคุณจะเอาความเจ็บปวดแบบไหนมาประเคนผม…อา…คิดแล้วมันชวนให้ตื่นเต้นจนหยุดสั่นไม่ได้จริงๆ…อย่าทำให้ผมผิดหวังนะครับ ไม่อย่างนั้นคุณจะเสียใจหนักกว่าผมแน่

_____________________________________________

ยังๆ =[]=!!

ออฟไลน์ teatimes

  • ไม่อยากให้เปลี่ยน...... เพราะแค่นี้ก็ดีพอแล้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-1
ตลกเดียร์อ่ะ. เมื่อไหร่จะพบเจอความโหดให้สมใจเดียร์นะ

shockoBB

  • บุคคลทั่วไป
จะสงสารเดียร์ดีมั๊ยเนี่ยโดนขัดตลอดเลย  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ andear

  • ยาราไนก๊ะ ??
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1
เดียร์น่าสงสาร ค้างมาหลายรอบแระ :m20: :m20: :m20:

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1691
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
นึกว่าจะเสร็จซะละ สิทธิ์น่ะนะ ไม่ใช่เดียร์ ฮ่าๆ

ออฟไลน์ whipcream

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
เดียร์ค้างงงงงงงตลอดๆ 555
ค้างยิ่งกว่าคนอ่าน น่าเห็นใจพ่อหนุ่มSMจุงเบย

ออฟไลน์ Thyme103

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0

ออฟไลน์ ~ณิมมานรฎี~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1070
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-2
น่าสงสารจริงๆเบยยยยยยย โดนขัดจังหวะตล้อดๆๆๆๆ

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
555+ เห็นตัวเล็กๆแบบนี้ขนาดเกือบเท่ากันเลยเหรอค๊า....แบบนี้ก็ผลัดกันจิ้มได้อ่ะดิ  อิอิ

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
55555+.... ป่วงดีอ่ะ ชอบๆ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ไม่รู้จะสงสารใครดีระหว่างสิทธิ์กับเดียร์ :m20: :m20: :m20:

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore

ตอนที่ 13

“ไงจ๊ะ ไปเที่ยวมาเป็นไงบ้าง”

ทันทีที่พนักงานหนุ่มเดินเข้ามาในร้าน น้อยก็รีบปรี่เข้าไปถามและจับมือไว้แน่นเหมือนกลัวอีกฝ่ายจะชิ่งหนีไม่ยอมตอบ

สีหน้าของคนโดนซักดูจะอ้ำอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะตอบเสียงหวาน “ก็ดีนะครับ”

“ฮั่นแน่ ท่าทางรอบนี้จะโดนใจเดียร์น่าดูเลยล่ะสิ”

เด็กหนุ่มถึงกับสะดุ้ง “ทำไมพี่น้อยคิดแบบนั้นล่ะครับ ก็เหมือนๆเดิมนั่นล่ะ”

“แหม คิดหรือว่าจะปิดพี่ได้ ไม่มีทางซะหรอก” เธอหยิกต้นแขนบางด้วยความหมั่นเขี้ยว “ที่ผ่านมาน่ะ เธอจะตอบเสียงนิ่งๆ ทำหน้ายิ้มฝืนๆ แต่รอบนี้เสียงเธอระรื่นเชียวนะ แถมยังหุบยิ้มไม่อยู่อีก แสดงว่าเธอต้องชอบคุณสิทธิ์เขาน่าดูน่ะสิ”

เขาก็พยายามเก๊กนิ่งแล้วนะ แต่ใบหน้ามันดันแดงฉ่าขึ้นมาจนปิดไม่อยู่นี่น่ะสิ

“ไม่ต้องปิดพี่หรอก พี่รู้ พี่รับรองว่าพี่จะไม่บอกพี่เธอแน่ว่ากำลังเลิฟๆอยู่กับคุณสิทธิ์” ส่วนหนึ่ง เดียร์เข้าใจว่าเพราะเจ๊เขาอยากเห็นอาหารตา แต่อีกส่วนหนึ่ง คงเพราะวินเคยสำแดงเดชให้ประจักษ์มาแล้ว เล่นเอาเธออกสั่นขวัญแขวนไปเป็นอาทิตย์เลยทีเดียว “เพราะฉะนั้น สบายใจหายห่วงได้เลยจ๊ะ”

เดียร์พยักหน้ารับเล็กน้อย ก่อนจะขอตัวเข้าไปเก็บกระเป๋าในห้องด้านใน ดวงตากลมเต็มไปด้วยความสงสัยระคนแปลกใจ มือเล็กยกขึ้นลูบพวงแก้มแดงหวังช่วยคลายความร้อนรุ่มที่รุมเร้าจนเวียนหัว

ก็นานแล้วที่ไม่ได้เจอความรุนแรงถึงใจขนาดนี้ จะให้เก็บอารมณ์อยู่ได้ยังไงกัน อ๊า~~

พอสงบอารมณ์ของตนได้ เดียร์ก็เดินกลับออกมาหวังจะทำงานของวันนี้ต่อ…

“เดียร์!”

ซะเมื่อไหร่กัน เขาก็คาดไว้แล้วละว่าอีกฝ่ายต้องมาหาทันที แต่ไม่คิดว่าจะมาตั้งแต่แปดโมงครึ่งนี่ล่ะ

“พี่วิน” เดียร์พยายามทำสีหน้าให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ กลัวเหลือเกิน ว่าจะเผลอหงุดหงิดใส่เจ้าพี่แสนดีคนนี้ “มีอะไรหรือครับ”

พอได้ยินคำถาม ชายหนุ่มก็ทำท่าเหมือนกับจะเป็นลม แต่คนที่อยู่ข้างหลังก็รอรับไว้อยู่แล้วหากวินจะเป็นลมใส่จริงๆ หนุ่มแว่นมองน้องชายด้วยความประหลาดใจ คำถามที่อัดอั้นอยู่ในหัวกลับไม่ออกมาอย่างที่ตั้งใจไว้ ยิ่งเห็นสีหน้าสงสัยไร้ความวิตกใดๆของเดียร์ วินก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจ

“…เมื่ออาทิตย์ก่อนไปไหนมาเหรอ พี่โทรหาเดียร์ไม่ติดเลย”

“ไปเที่ยวกับเพื่อนน่ะครับ” ยิ้มแป้นสดใสและเบิกบานจนละลายสิ่งที่หนุ่มแว่นปักใจเชื่อไปเสียสิ้น “ทำไมเหรอครับ”

ถามจบก็มองข้ามไหล่พี่ชาย เด็กหนุ่มเห็นชาหน้าบึ้งมาแต่ไกล ท่าทางเหมือนอยากจะประกาศความจริงเต็มที่ แต่เดียร์ก็รู้ว่าคงไม่ทำหรอก ไม่อย่างนั้นก็คงเข้าแผนธานิทร์สิ

“เอ่อ…” ทีแรกคิดว่าจะได้ฟังเรื่องตามที่ตนเข้าใจ แล้วจะโวยวายหาเรื่องเอาตัวเดียร์ไปซ่อนให้พ้นจากสิทธิ์แท้ๆ แต่พอเจออย่างนี้จึงทำได้แต่อ้ำอึ้งไปไม่ถูกทางเลยทีเดียว “พะ…พี่เป็นห่วงน่ะ เห็นเดียร์ไม่ติดต่อมาเลย แล้วพี่ก็ติดต่อไม่ได้ด้วย”

“อ๋อ พอดีผมลืมชาร์ตแบตมือถือ แล้วลืมเอาที่ชาร์ตไปด้วย แบตหมดตั้งแต่วันแรกที่ไปเที่ยวน่ะครับ ผมขอโทษพี่จริงๆนะ ที่ทำให้เป็นห่วง”

ตอแหลมากเลยนะครับ แล้วไอ้ข้อความวันก่อนที่ผมได้รับมันคืออะไรกันละ

ชาก็ได้แต่นึกด่าหนุ่มน้อยอยู่ในใจ แม้อยากเถียงใจจะขาด

“ขอโทษที่ขัดนะครับ แต่ไม่มีเวลาแล้ว” ลูกน้องหน้านิ่งเอ่ยขัดพร้อมกับชี้ไปที่นาฬิกาที่ติดอยู่ข้างผนัง

วินออกอาการเหมือนอยากจะกระทืบคนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมายิ้มลาให้เดียร์อย่างโศกาอาดูร “งั้นพี่ไปก่อนนะ ช่วงนี้พี่คงมาหาไม่ได้ แต่จะส่งคนมาหาเธอแทนละกัน”

ไม่เอาโว้ย ถ้าเอามาผมจะหาเรื่องให้โดนตำรวจซิวเหมือนพี่ดรอีกคนเลยนะ อย่าขัดขวางเส้นทางหนามกุหลาบของผมนักเลย ผมอยากโดนตบตีด่าทอล้อเลียนเสียดสีให้ชอกช้ำทั้งกายใจจะแย่อยู่แล้ว

“ครับ ผมว่าพี่เป็นห่วงตัวเองดีกว่านะ ดูท่าทางพี่เหนื่อยๆ ขอบตาก็คล้ำเชียว” เดียร์เอ่ยคำเป็นห่วงหวังจะช่วยให้พี่ชายนึกถึงตัวเองบ้าง และก็ลืมๆเรื่องน้องชายคนนี้ไปบ้าง “ผมน่ะไม่เป็นไรหรอกครับ”

ถ้าจะเป็นก็เพราะพี่มาขัดขวางผมนี่ล่ะ

“ลาก่อนนะครับคุณเดียร์ แล้วเจอกันใหม่เร็วๆนี้”

วินก็ได้แต่ยัวะตามปกติที่โดนชาชิงลาเดียร์ก่อน แต่เด็กหนุ่มรู้ดีว่า ชาพูดด้วยเหตุผลอะไร

“เห็นแล้วสงสารคุณชาจังเลยนะ ถึงพี่จะไม่ค่อยเห็น แต่เขาโดนคุณวินใช้กำลังบ่อยๆแน่เลย พี่เคยเห็นหน้าเขาช้ำบ่อยมากเลยนะ ดูสิ หน้าตาดีๆเสียหมด”

“ก็เขาเป็นคนคุ้มกันพี่วินนี่นา ช่วงนี้พี่วินโดนเพ่งเล็งเยอะจะตาย อาจจะเป็นเพราะแบบนั้นก็ได้” เดียร์ก็ไม่ได้อยากแก้ต่างให้วินนักหรอก เพราะการแสดงออกมันก็ฟ้องให้เห็นอยู่แล้ว แต่เพราะอยากปิดความลับของเพื่อนร่วมอุดมการณ์ต่างหาก “พี่น้อยไม่ต้องสนใจหรอกครับ ผมว่ารีบทำงานดีกว่า…นะ”

เจ้าของร้านแบะปากค้าน แต่ก็ยอมทำตามอย่างเสียมิได้ ทำเอาเดียร์ชักไม่แน่ใจว่าตกลงใครเป็นเจ้าของร้านกันแน่

เด็กหนุ่มหันมองไปนอกร้านอย่างพิจารณา เขากวาดสายตาไปจนทั่ว และก็เจอพิรุธอย่างที่คาดไว้

“มีอะไรหรือเดียร์” น้อยทักเมื่อเห็นเด็กหนุ่มเอาแต่จ้องออกไปด้านนอก

“แค่กำลังคิดว่า อากาศไม่ค่อยจะดีเลยน่ะครับ กลัวฝนจะตก เดี๋ยวไปส่งดอกไม้ลำบาก” เขายิ้มหวาน “วันนี้ต้องไปส่งหลายที่ด้วยนี่”

“อ๊ะ นั่นสิ อย่าตกเลยก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่คงต้องขอตาหนูช่วยด้วยแน่ๆ รอบก่อนก็เกือบไปส่งไม่ทันแล้ว” น้อยเอ่ยเสียงตื่น “งั้นเดี๋ยวเดียร์จัดการตามออเดอร์นี้ทีนะ ของอยู่ในตู้แล้ว”

“ได้เลยครับ” ว่าจบก็จัดการนำของตามรายการออกมาทันที พอเตรียมตัวเสร็จก็เดินออกไปจากร้านไปยังรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ข้างร้าน

ดวงตากลมเหลือบมองไปยังตึกฝั่งตรงข้ามซึ่งด้านนั้นเป็นร้านกาแฟ แล้วยิ้มที่มุมปาก

แค่นั้นหยุดผมไม่ได้หรอกครับ คุณชา

 

“คุณวัฒน์ครับๆ…คุณวัฒน์”

เจ้าของชื่อเพียงแต่หันไปมองชายร่างท้วมด้วยใบหน้าที่นิ่งสนิทจนดูสยองขวัญ คนเรียกยืนอึกอักอยู่ตรงหน้าประตูห้องทำงานของรองประธานครู่หนึ่ง ก่อนจะกลั้นใจพูดต่อ

“คุณสิทธิ์ล็อกห้องครับ ผมเคาะเท่าไหร่ก็ไม่เปิด…”

ลุกพรวดและวิ่งด้วยความไวแสง รวมทั้งเนที่อยู่ในห้องด้วย

ทันทีที่รองประธานบริษัทโผล่ออกมา เหล่าบรรดาพนักงานที่พากันยืนมุงอยู่หน้าห้องประธานก็รีบหนีกลับโต๊ะกันทันที วัฒน์ตรงเข้าไปบิดลูกประตูและได้ผลอย่างที่ฟังมา

“คุณสิทธิ์ ได้ยินไหมครับ คุณสิทธิ์” หนุ่มใหญ่เคาะประตู “คุณสิทธิ์…”

“คุณสิทธิ์ครับ! ผมเนเองครับ!” เนตะโกนลั่นเมื่อเห็นคนในห้องไม่ยอมเปิดสักที เล่นเอาคนข้างหน้าสะดุ้งเพราะไม่ทันตั้งตัว “เปิดประตูเถอะครับ”

ถึงหนุ่มใหญ่จะอยากหันไปด่าสักห้าชุด แต่เพราะผลลัพธ์ดันออกมาดี เขาเลยปล่อยผ่านไป

“มีอะไรหรือเปล่าครับ” เจ้าของห้องทำหน้าเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวจนคนมองได้แต่เลิกคิ้ว แต่ความกลัดกลุ้มที่ยังเจืออยู่บนใบหน้าของสิทธิ์ก็ทำให้พอจะเดาได้

“ขอเข้าไปคุยด้านในได้หรือเปล่า” วัฒน์ถามเมื่อเห็นเจ้านายเอาแต่ยืนบังประตู พอโดนทัก ชายหนุ่มจึงรีบถอยเข้าไป เพื่อให้อีกฝ่ายเข้ามาได้

“คุณสิทธิ์เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ตั้งแต่กลับมาจากกระบี่ คุณสิทธิ์เอาแต่ถอนหายใจ นั่งเหม่อลอยเป็นพักๆ กินข้าวเหลือ ทำเหมือนกับคิดไม่ตก เพราะเรื่องเด็กคนนั้นใช่ไหม” เนโพล่งขึ้นก่อนที่ผู้อาวุโสจะได้อ้าปาก

สิทธิ์ทำหน้าเหวอเหมือนไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้ ก่อนจะออกอาการอึกอักเหมือนอยากจะพูดแต่พูดไม่ออก แต่พอหลุดจากปากเท่านั้นล่ะ อย่างกับเขื่อนแตก

“ถ้าเกิดเดียร์เขาหนีไป หรือเขาไปเล่าความจริงให้ไอ้ผีแว่นนั่น หรือเขาไปแจ้งความ ไปบอกคนอื่น บอกว่าผมโรคจิตวิปริตที่จะพยายามข่มขืนเขา แล้วผมจะทำยังไงดีครับ แล้วถ้าเกิดเป็นข่าว โดนซักทอดสืบสวน แล้วเกิดผม หรือก้อง หรือเน หรืออาวัฒน์หลุดปากไป แล้วผมจะโดนประณามเป็นไอ้ชาติชั่วที่หน้ามืดตามัวไปเอาผู้ชายด้วยกันทำเมียหรือเปล่าครับ…”

ประโยคที่แวบเข้ามาในหัวของลูกน้องทั้งสองคือ ‘ถ้าจะกังวลขนาดนั้น แล้วจะทำไปทำไมกันเล่า อุตส่าห์ห้ามจนปากเปียกปากแฉะแล้วแท้ๆ’

“เอ่อ ใจเย็นๆก่อนครับ” วัฒน์รีบปรามก่อนที่เจ้านายจะจิตตกไปมากกว่านี้ “เมื่อเช้าก่อนมาทำงาน คุณสิทธิ์ก็ตามไปดูจนแน่ใจแล้วนี่ครับว่าเขาจะไม่บอกใคร ถ้ากังวลนัก เดี๋ยวผมจะใช้คนไปตามประกบเขาเลยดีไหม”

แต่อันที่จริงก็ทำไปนานแล้วน่ะนะ อย่างน้อยก็ต้องกันเหนียวไว้ก่อน

สิทธิ์ยังคงเต็มไปด้วยความกังวล ก่อนจะส่ายหน้าให้ “ไม่ต้องดีกว่าครับ…” แต่ก็ยังคงกังวลอยู่ “ผมคิดว่าไม่น่าจะต้องทำถึงขนาดนั้น…” แต่กระนั้นก็ยังกังวลไม่เลิก “…มันคงจะไม่มีอะไรหรอกมั้งครับ…” แต่คิ้วก็ยังมุ่นเข้าหาจนเป็นเส้นเดียวกัน “ผมคงวิตกไปเอง…”

“ใช่ครับ วิตกไปเอง เพราะงั้นไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงครับ อย่าไปสนใจเลย มันไม่มีทางเป็นอย่างที่คุณสิทธิ์กังวลแน่นอนครับ ผมสัญญา” ก่อนที่สิทธิ์จะกังวลไปมากกว่านี้ วัฒน์ก็รีบให้กำลังใจอย่างรวดเร็ว และยังหันไปหาเนราวกับต้องการให้อีกฝ่ายช่วยเสริมด้วย

“ใช่ครับ ก็คุณสิทธิ์มีรูปน่าอายของเด็กคนนั้นอยู่นี่ครับ แถมยังส่งมาให้ผมกันมือถือคุณหายด้วย” เนกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อเมื่อเห็นอาการอีกฝ่ายยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ “เพราะงั้นอย่าห่วงเลยครับ เขาไม่กล้าไปบอกใครหรอกครับ น่าอายจะตาย ใครที่ไหนจะกล้าเปิดปากพูดกัน มันเป็นความอัปยศที่ไม่มีทางลบเลือนได้ตลอดชีวิตกันเลยนะครับ แบบนั้น ยอมโดดตึกตายเสียดีกว่า”

พูดได้มีน้ำหนักและน่าเชื่อถือมากจนคนวิตกจริตเริ่มมีกำลังใจ…แต่ก็แค่สามวินาที

“ละ…แล้วถ้าเกิดเขาคิดมากจนฆ่าตัวตาย แล้วฉันจะทำไงดีล่ะ”

คราวนี้กังวลทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง เพราะนึกตามแล้วมันก็เป็นไปได้อยู่

“ตะ…แต่ใช่ว่าเรื่องแบบนั้นมันจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆนะครับ ฆ่าตัวตายมันใช่ว่าจะทำกันง่ายๆนี่ จริงไหมล่ะครับ เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอกครับ” เนรัวใส่ก่อนที่เรื่องจะแย่ไปมากกว่านี้ ทั้งกับสิทธิ์และตนเอง เพราะวัฒน์จ้องเขาตาขวางตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว “อีกอย่าง ท่าทางของเขาก็ดูเป็นคนขยัน สู้ชีวิตออกขนาดนั้น โดนแค่นี้ไม่มีทางทิ้งชีวิตตัวเองง่ายๆหรอกครับ ไหนเขาเองก็ยังมีคุ…พี่ชายเขาด้วย…”

“แต่ก็ยังมีโอกาสเกิด…”

กู่ไม่กลับแล้วตอนนี้

ปัง

วัฒน์และเนพากันสะดุ้งเมื่ออยู่ๆสิทธิ์ก็ทุบโต๊ะเสียงดัง แต่พอได้เห็นสีหน้าเจ้านายกลับมาสดใสขึ้นก็พากันใจชื้น แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้น เมื่อเห็นสิทธิ์ลงไปรื้อของในลิ้นชักโต๊ะทำงาน เซ็นเอกสารที่วัฒน์ไม่อยากเห็นที่สุด

“ผมฝากอาวัฒน์ละกัน เดี๋ยวชื่อพยานก็ให้เน กับใครอีกคนก็แล้วกัน” สิทธิ์ยื่นใบมอบอำนาจของประธานบริษัทมาให้ “เรื่องเดียร์ ผมจะไปจัดการเอง”

“เดี๋ยวสิครับ!” หนุ่มใหญ่รั้งเสียงตื่นก่อนที่อีกฝ่ายจะพุ่งออกจากห้อง “ผมว่ามันไม่ดีหรอกมั้งครับ คุณสิทธิ์ช่วยคิดให้ดีกว่านี้ก่อนเถอะ”

“ผมคิดดีแล้ว” หน้ามุ่งมั่นตั้งใจจนคนห้ามพากันผงะ “ถ้าต้องวิ่งวุ่นไปมาแบบนี้ มีหวังไม่จบเรื่องสักที แบบนี้ล่ะดีแล้ว ถ้าให้อาวัฒน์ทำแทน ผมก็หายห่วง”

“แต่…แต่ว่า…” อาการของสิทธิ์มันฟ้องชัดเลยว่า ห้ามอย่างไรก็ไม่ฟังแล้ว แต่กระนั้นเขาก็หาได้ล้มเลิกความตั้งใจไม่ “แต่ถ้าทำแบบนั้น เกิดต้องไปคุยงานกับบริษัทอื่น มันจะดูไม่ดีนะครับ”

สิ่งที่ได้รับคือ สีหน้าละเหี่ยใจแทน “ปกติก็ไม่มีใครคิดว่าผมเป็นประธานอยู่แล้วนี่ครับ ไปงานไหนทีไรเขาก็เข้าใจว่าอาวัฒน์เป็นประธาน ส่วนผมเป็นคนขับรถควบตำแหน่งคนสวนอยู่แล้วนี่ครับ เพราะงั้น ต่อให้ผมไม่อยู่ก็ไม่มีใครเอะใจหรอก”

ดันไปสะกิดแผลใจเข้าซะงั้น

“ถ้าอย่างนั้น ก็น่าจะเอาเนไปด้วย ผมไม่ยอมให้คุณไปคนเดียวหรอกนะครับ” เมื่อหมดหนทางกล่อม วัฒน์จึงได้แต่ขอแกมบังคับ “ไม่อย่างนั้นผมไม่ยอมจริงๆด้วย”

“ได้ครับ” ตอบรับง่ายจนชวนโล่งใจ “แต่ไม่เอาเนนะครับ ผมว่าอาวัฒน์จัดการงานทางนี้คนเดียวไม่ไหวหรอกครับ ช่วงนี้งานเยอะมากเลยนี่”

เถียงไม่ออกกันเลยทีเดียว

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เดี๋ยวผมให้พี่ก้องกับพี่ฤทธิ์มาทำหน้าที่แทนก็ได้”

วัฒน์นิ่วหน้า เป็นการบอกว่าไม่เห็นด้วยอย่างแรง แต่ก็ไม่รู้จะหาคำค้านอะไรอีกแล้ว

“แล้วงานตอนกลางคืนล่ะครับ” เนโพล่งขึ้นเมื่อเห็นท่าไม่ดี “คุณวัฒน์กับผมทำไม่ไหวหรอก จริงไหมคุณวัฒน์”

แต่นั่นกลับทำให้หนุ่มใหญ่หน้าซีดแทน และเนก็ไม่ต้องสงสัยนานนัก

“เดี๋ยวงานพวกนั้นฉันคงฝากให้อาเดชทำละกัน เท่านี้ก็หมดเรื่อง”

ถ้าทำได้ วัฒน์คงอยากจะเป็นลมล้มลงไปกองซะตรงนี้เลย

“งั้นตกลงตามนี้นะ” สิทธิ์บอกอย่างแช่มชื่น ก่อนจะกลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง “เดี๋ยววันนี้เลิกงาน อากับเนช่วยไปกับผมหน่อยนะครับ”

“คุณสิทธิ์จะไปไหนหรือครับ” เนื่องจากวัฒน์ไม่อยู่ในอาการที่จะพูดได้อีกต่อไป เนจึงต้องเป็นคนถามเอง

“เดี๋ยวก็รู้” ไม่ตอบในทันที แสดงว่าไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ “งั้นไปทำงานต่อเถอะ ขอบใจอาวัฒน์กับเนมากเลยนะที่ช่วยให้ผมเจอทางสว่าง”

นั่นมันก็ดีอยู่หรอกครับ แต่ผมรู้สึกว่าทางที่คุณสิทธิ์เห็น มันไม่ใช่ทางที่น่าเดินเลยนะครับ…


_____________________________________

มีเพจแล้วนะก๊า เข้าไปชมได้ อาจจะมีลงรูป(สั่วๆ)ที่คนเขียนวาดไว้ ไม่ก็มุก(แป๊กๆ) นะงับ =3=
ขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามอ่านทุกคนงับ

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:รอออออออออออ่านตอนต่อไป :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ teatimes

  • ไม่อยากให้เปลี่ยน...... เพราะแค่นี้ก็ดีพอแล้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-1
คุณสิทธ์คิดดีแล้วใช่ไหมมมม o18

sunshinesunrise

  • บุคคลทั่วไป
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :hao5: :katai2-1: สุดยอดเลยเดียร์ เอาโล่ไปเลยยยยยยยยย

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
ยินดีต้อนรับสู่กับดักที่จะกระตุ้นความเป็น S ของคุณ เหอเหอ

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore

ตอนที่ 14

“ว่าไง เป็นไงบ้าง”

พอสบโอกาสปลีกตัวจากวินมาได้ ชาก็รีบโทรไปถามหาความคืบหน้าด้วยความร้อนรน เขากลัวเหลือเกิน ว่าเวลาที่หายไปถึงหกชั่วโมงจะทำให้อีกฝ่ายเดินเกมไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

“ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ เห็นออกไปส่งดอกไม้ แล้วก็กลับมาตามปกติ”

“แล้วระหว่างที่ไปส่ง นายได้ไปด้วยหรือเปล่า ดร”

เจ้าของชื่อเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเจือสงสัย “ตามครับ แต่ก็ไม่มีอะไรเลย ไม่ได้คุยกับใคร แล้วก็ไม่มีใครคุยด้วยเลยครับ”

“หรือ งั้นก็ดีแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างโล่งใจ “งั้นก็เฝ้าให้ดีๆละกัน อย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาดเลยนะ…ไม่งั้นคุณวินเดือดร้อนสุดๆแน่ แต่เขาคงไม่โทษนายหรอก”

ที่พูดเนี่ย ให้กำลังใจหรือด่าทอคดีที่แล้วก็ไม่รู้

“ผมจะไม่มีวันพลาดเหมือนครั้งนั้นเด็ดขาด” แต่พอคิดแล้วก็ยิ่งแค้น ที่ดันเสียท่าให้ไอ้เด็กหน้าติ๋มนั่น “เอาหัวผมเป็นประกันได้เลย”

“ดี ฉันหวังให้เป็นแบบนั้น” เพราะตอนนี้ฉันไม่มีทางเลือก “แค่นี้ก่อนละกัน”

ชารีบวางหูทันที ดวงตาเรียวหันไปหาหนุ่มแว่นที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ ท่าทางอิดโรยเหมือนคนไม่ได้พักผ่อน

“เมื่อกี้นายคุยกับใครหรือเปล่า” วินนิ่วหน้าเหมือนกำลังจับพิรุธลูกน้องตน

คนโดนซักยิ้มค้าง “เปล่านี่ครับ อ๊ะ”

“เห็นฉันโง่หรือไง” หนุ่มแว่นกระชากมือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทของอีกฝ่าย แล้วเปิดดูเบอร์ด้านใน พอเห็นว่าไม่ใช่เบอร์ของมาริสา ก็กระแทกใส่อกคืน “โทรหาดรก็บอกตรงๆสิวะ จะโกหกหาอะไร”

“ถึงบอก คุณก็ไม่เชื่ออยู่ดีนี่ครับ” บอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่พอ ยังมีการยิ้มเยาะใส่ชวนให้ของขึ้น

แต่เพราะตอนนี้อยู่ในบริษัท วินเลยไม่ได้ประเคนความรุนแรงให้อย่างที่หวังนัก

“อย่ามาต่อปากต่อคำนะ เรื่องก่อนหน้านี้ฉันยังโมโหนายไม่หายอยู่นะ” วินเอ่ยเสียงเหี้ยม แม้จะไม่ดังมาก แต่ก็เล่นเอาคนที่อยู่ใกล้ห้องประธานพากันหน้าซีดปากสั่นเพราะกลัวจะโดนลูกหลง ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาพวกเขาจะไม่เคยโดนวินพาลใส่กันเลยก็ตาม “ถ้าไม่ใช่เพราะแก ทุกอย่างก็คงไม่พังแบบนั้น”

หึ ผมว่าคุณน่าจะไปโทษไอ้น้องชายตัวดีนั่นมากกว่านะครับ ที่เรื่องทั้งหมดมันวุ่นวายขนาดนี้ก็เพราะมันนั่นแหละ ถ้าไม่เห็นแก่คุณ ผมจะไปลากคอมันมานอนไว้บนเตียงน้ำ ในห้องที่อบอวลไปด้วยกลิ่นกุหลาบ แล้วเปิดหนังหวานซึ้งไร้ความรุนแรงไว้ให้ตลอดทั้งวัน เอาให้กระอักตายไปเลย

อยากบอกความจริงใจจะขาด แต่การโดนเข้าใจผิดแล้วถูกโมโหใส่แบบนี้มันรู้สึกดีชะมัดเลยแฮะ อา…ความทรมานที่ไม่อาจบอกความจริงได้มันชวนให้อึดอัดดีจริงๆ…แต่ที่บอกไม่ได้จริงๆก็เพราะขืนบอก มีหวังได้ทำสงครามกับคุณสิทธิ์จริงๆนี่ล่ะ นอกนั้นผลพลอยได้ล้วนๆ

“ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว เพราะคนที่ผมภักดีมีแต่คุณคนเดียวเท่านั้น” ซึ่งนั่นเป็นความจริงจากใจล้วนๆ…และถ้าคุณจะไม่เชื่อ ผมคงจะรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวราวกับหัวใจจะแตกสลาย…และทำให้ความสุขของผมพุ่งทะยานจนหยุดไม่อยู่ด้วย

“เฮอะ ไม่ต้องทำเป็นปากดี” วินแค่นเสียงใส่พร้อมกับมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม ที่กระแทกโดนใจจนชาเนื้อเต้น “วันนี้เดี๋ยวฉันจะไปหาเดียร์ เคลียร์งานให้ฉันก่อนหกโมงด้วย”

“เอ๋ แต่เมื่อเช้าก็เพิ่งจะ…”

“ฉันจะไป มีปัญหาหรือไงวะ ถ้าพูดมาก ฉันจะไม่ใจเย็นแล้วอัดแกตรงนี้เลยดีมั้ย”

ดีครับ!! เอาเลยครับ! จะแก้มขวา แก้มซ้าย แสกหน้า ครึ่งปากครึ่งจมูก ลิ้นปี่ ท้องน้อย ชายโครง อยากจะชกตรงไหนก็เอาเลยครับ ผมพร้อมแล้ว!!!

“ขอโทษครับ ผมจะไปจัดการให้” แต่ขืนทำจริง มีหวังพวกพนักงานคนอื่นพากันมาขัดขวางแน่ แถมเวลาใช้ความรุนแรงต่อหน้าสาธารณชนของคุณวินก็มีประสิทธิภาพด้อยลงด้วย เพราะฉะนั้น อยากแค่ไหนก็ต้องอดทน

“อีกเรื่อง” วินเอ่ยก่อนจะเดินเข้าห้องทำงาน “เที่ยงนี้ฉันกินในห้อง เอาอะไรก็ได้ที่ไม่เผ็ด”

ประโยคช่วงหลังเอ่ยเบาหวิวเหมือนไม่อยากให้ใครได้ยิน ทั้งที่เขารู้กันทั้งบางแล้วว่าวินกินเผ็ดไม่เป็น

“ครับๆ ไม่เผ็ดนะครับ” แน่นอนว่าชาจงใจพูดให้ชัดถ้อยชัดคำและดัง เพราะเขารู้ดีว่านั่นจะทำให้เขาได้รับรางวัลหลังจากนำมื้อเที่ยงมาให้วิน

 

เดียร์เดินกลับอพาร์ทเม้นท์ด้วยใบหน้านิ่ง หูคอยฟังเสียงเดินที่ดังตามหลังตน เมื่อเดินใกล้จะถึงที่พัก เขาก็ทำตามแผนที่วางไว้

“หืม” เขาจงใจส่งเสียงก่อนจะหันไป และก็ได้เห็นเงาที่วิ่งเข้าไปหลบอยู่หลังรถกระบะสีเงินที่จอดไว้ข้างทาง เด็กหนุ่มย่างเข้าหา และโผล่เข้าไปจ๊ะเอ๋อีกฝ่าย จนคนซ่อนโดดโหยง “อ้าวพี่ดร มาทำอะไรตรงนี้ล่ะครับ”

“ฉันบอกกี่ครั้งแล้ว วะ…ว่าอย่ามาเรียกฉันว่าพี่นะ” มาถึงก็เอ่ยประโยคติดปากใส่หน้าเดียร์ทันที ก่อนจะออกอาการลุกลี้ลุกลนเพราะกลัวจะโดนจับได้ว่าตอนนี้กำลังแอบตามติดดูพฤติกรรมเดียร์ตามคำสั่งของชา “ฉะ…ฉันจะมาทำอะไรก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับนาย ฉันไม่ได้มาหานายสักหน่อย”

ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเกลียดกัน กับไม่รู้มาก่อนว่าคุณชาส่งคุณมา ผมคงคิดไปแล้วว่าพี่แค่ปากกับใจไม่ตรงกันนะเนี่ย…

“งั้นหรือครับ ผมก็นึกว่าพี่โดนสั่งให้มาตามดูผมอะไรแบบนั้นเสียอีก” เดียร์ยิ้มหวานแต่คำพูดแทงใจดำจนดรกระตุก “…ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนละกัน ลาละครับ”

“เดี๋ยวก่อน” ดรเอามือปิดปาก ไม่อยากจะเชื่อว่าตนจะเอ่ยรั้งอีกฝ่าย แต่น้ำเสียงหงอยช่วงท้ายชวนให้รู้สึกสงสัยขึ้นมา “แก…เป็นอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ…” บอกแบบนั้นแต่น้ำเสียงไปคนละทาง ทำเอาข้องใจหนัก

“เดี๋ยวสิ มันต้องมีอะไรแน่ๆใช่มั้ย” ชายหนุ่มรั้งแขนบางไว้ “คุณสิทธิ์…ทำอะไรนายหรือไง”

ดรรู้ว่าสิทธิ์ไม่ถูกกับวิน แต่เขาก็รู้ด้วยว่าสิทธิ์ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เอาเข้าจริงออกจะเป็นคนดีด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่คนที่มีความแค้นอะไรกันจริงๆ สิทธิ์ไม่มีทางทำร้ายก่อนเด็ดขาด แต่นั่นไม่นับจากตอนที่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายนั่นล่ะนะ…บางทีนั่นอาจจะทำให้คนดีแตกก็ได้ ใครจะไปรู้

ใบหน้าหวานเผยความกลัวออกมา จากนั้นก็เบือนหนีราวกับไม่ต้องการให้ชายหนุ่มเห็น

ทั้งที่เป็นคนที่ไม่ชอบเลยแท้ๆ แต่กลับไม่อาจปล่อยเดียร์ไปทั้งอย่างนี้ได้

ดวงตากลมหลุบต่ำ ใบหน้ายังคงหมองหม่น หากแต่ดูกลัดกลุ้มมากกว่าจะดูโศกเศร้า ปากบางเผยอออกเล็กน้อยคล้ายจะพยายามพูด ท่าทีนั้นดูทรมาน ราวกับเรื่องที่กำลังจะเอ่ยนั้น มันเป็นเรื่องรุนแรงและทำให้เจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก

“คนที่ทำไม่ใช่คุณสิทธิ์หรอกครับ” เสียงหวานเอ่ยสั่นระริก “แต่คนที่ทำน่ะ…คือ…”

เว้นช่วงไปนานจนคนฟังที่กำลังระทึกยิ่งลุ้นหนักจนอยากจะตะคอกถาม ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงทำไปแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม พอเห็นท่าทีเหล่านั้น ความรู้สึกชิงชังที่เคยมีมาหายเกลี้ยงไปจากใจ คงไว้แต่เพียงความรู้สึกเห็นใจอย่างที่ตนไม่เคยคิดอยากให้มี

“ใครล่ะ” เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่เงียบ ดรจึงต้องเอ่ยคาดเค้น ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง “ใครทำเธอกันแน่…” เขาเอยเพียงเท่านั้นแล้วก็เงียบไปเพื่อรอให้อีกฝ่ายตอบ ในใจก็นึกสงสัยตัวเอง

เมื่อกี้ เรา…เราจะพูดอะไรกันแน่

เขารู้ตัวดีว่าเมื่อครู่ หากยั้งปากไม่ทัน ตนคงเผลอออกตัวเสนอช่วยไปแล้ว ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยนึกอยากทำมาก่อนเลยสักนิด เขาเกลียดคนตรงหน้ามาตลอด เพราะเด็กคนนี้ ทำให้เจ้านายเอาแต่หัวปั่นวิ่งวุ่นจนเกือบเสียการเสียงานอยู่หลายต่อหลายครั้ง ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ตลอดเวลา

ไอ้เกลียดก็ส่วนเกลียด แต่ถ้าเดือดร้อนหนักจะปล่อยไว้เฉยๆก็กระไรอยู่ เขาเองก็ไม่ใช่คนใจร้ายใจดำอะไรด้วย

“คือ…ถ้าบอก…พี่ดรอย่าบอกใครนะ” ดวงตากลมที่เอ่อไปด้วยน้ำตาช้อนมองมาชวนให้ใจระส่ำแปลกๆ “ผมไม่อยากให้ใครเดือดร้อนไปมากกว่านี้อีกแล้ว เพราะงั้น พี่สัญญากับผมได้ไหม ว่าจะไม่บอกใคร”

“…” ชายหนุ่มอ้าปากค้าง ปกติเขาต้องว้ากกลับเรื่องที่อีกฝ่ายเอาแต่เรียกตนว่าพี่เป็นประจำ แต่มารอบนี้ คำด่ามันกลับไม่ยอมหลุดจากปากเสียได้ “…ได้ บอกมาสิว่าใคร”

เด็กหนุ่มยังคงมีท่าทีหนักใจ ก่อนจะยอมเอ่ยออกมาด้วยเสียงเบาหวิวราวกับจะกลืนไปกับสายลม “…พี่วินน่ะครับ”

“หา” ถึงกับยั้งเสียงไม่อยู่เลยทีเดียว “นายหมายความว่าไง คุณวินเนี่ยนะ ทำนาย?”

เดียร์ผงกหัวให้เล็กน้อย ก่อนจะเริ่มเล่าต่อด้วยสีหน้าปวดใจจนคนมองรู้สึกเจ็บไปด้วย “ผมรู้ ที่พี่ดรกับคนอื่นๆไม่ชอบหน้าผม ก็เพราะพี่วินคอยแต่จะเอาอกเอาใจ คอยมาเป็นห่วงผมจนเกือบเสียการเสียงาน ใช่ไหมครับ”

แทงเข้ากลางใจเลยทีเดียว เพราะตอนนี้เองเขาก็โดนใช้งานเพราะเหตุนั้นจริงๆ

“ผมเองก็ไม่ชอบหรอกครับ ที่เห็นพี่เป็นแบบนั้น” ร่างบางส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยเสียงเบาบางเหมือนกลัวใครจะได้ยิน “ผมพยายามทุกอย่างให้พี่วินเลิกเป็นห่วง ทั้งออกจากบ้านมาหางานทำเอง ทั้งพยายามบ่ายเบี่ยงเวลาเขาจะพาผมไปเที่ยวหรือไปซื้อของแพงๆ แต่เขาก็ดึงดังคอยจะเลี้ยงผม เอาใจผมอยู่เรื่อย ที่จริงผมก็ดีใจนะ แต่มันมากเกินไป ผมกลัวเหลือเกินว่าถ้าผมไปมีชีวิตของผม แล้วพี่จะสามารถมีชีวิตโดยไม่มีผมได้หรือเปล่า ผมไม่อยากให้พี่ต้องทิ้งชีวิตตัวเองเพื่อผมสักนิด…”

ฟังแล้วดรแทบจะร้องไห้ ที่ผ่านมาเขามักจะคิดอยู่เสมอว่าเดียร์เป็นคนที่ไม่ยอมพึ่งพาตัวเองและคิดหวังแต่จะพึ่งวินมาตลอด และที่เดียร์ออกมาทำงานแบบนี้เพราะเขาเข้าใจว่าโดนมาริสาบังคับทั้งนั้น แต่กระนั้นก็ยังคอยขอร้องพี่ชายให้มาช่วยอยู่เป็นครั้งคราว(ตามที่เข้าใจเองและฟังจากมาริสาบ่น) ไม่เคยคิดเลยว่าที่จริงแล้วเดียร์เองก็พยายามจะพึ่งพาตนเอง และพยายามที่จะให้พี่ชายเลิกมาช่วยตัวเองเกินควรสักที

“ที่ผมคบกับคุณสิทธิ์ทั้งที่พี่ไม่ชอบ ก็แค่คิดว่าถ้าเป็นเขา พี่คงไม่กล้าทำอะไรรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา” เดียร์เล่าต่อด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่หม่นหมอง “และถ้าพี่เห็นว่ามีคนดูแลผมได้ดี พี่อาจจะยอมตัดใจ”

เพราะความซึ้งมันบังตา ดรเลยลืมไปเสียสนิทว่า ผู้ชายน่ะ ไม่จำเป็นต้องได้รับการดูแลจากผู้ชายด้วยกันหรอก

“ตกลง…คุณสิทธิ์ไม่ได้ทำอะไรนายงั้นหรือ” ดรเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก

“ครับ เขาดีกับผมมากเลย ทั้งคอยเอาใจ ดูแลผมสารพัดอย่าง” ใบหน้าขาวออกสีแดงเรื่อ “เขาเป็นคนที่ผมคิดจะฝากชีวิตไว้เลยล่ะครับ”

และดรก็ลืมไปแล้วว่าความสัมพันธ์ที่ดูหวานชื่นนี่เป็นของผู้ชายด้วยกัน

“แต่ปัญหามันอยู่ที่พี่ไม่ยอมรับน่ะสิครับ” เด็กหนุ่มกลับมาหนักใจอีกครั้ง “แถมคุณชาเองก็เอาแต่ตามใจพี่วิน คอยกีดกันผมกับคุณสิทธิ์ตลอด จนผมก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”

เดียร์ก้มหน้างุดตัวสั่นระริกคล้ายกับกำลังร้องไห้แต่ก็พยายามฝืนกลั้นเสียงไม่ให้สะอื้นออกมา ร่างสูงมองคนตัวเล็กกว่าด้วยความรู้สึกเห็นใจ

“…ผมขอโทษนะครับ ที่พูดเรื่องไม่เป็นเรื่องให้พี่ฟัง” เสียงหวานเอ่ยออกมาหลังจากเงียบอยู่นาน “ทั้งๆที่พูดไป มันก็ไม่ทำให้เรื่องดีขึ้นเลยแท้ๆ…”

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก!” พูดเสร็จก็เผลอเอามือปิดปากตัวเอง เพราะไม่คิดว่าตนจะเอ่ยประโยคนั้นออกมาได้ แต่เมื่อหลุดออกไปแล้ว จึงตัดสินใจพูดต่อ “ถ้าเธอคิดจะทำอย่างที่พูดจริง ฉันก็จะช่วยด้วย…แต่ที่ทำไปก็เพื่อคุณวินนะ ของนายมันก็แค่ของแถม ถือว่าได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย ตกลงนะ”

ใบหน้าหวานสดใสขึ้นมาทันตา เล่นเอาชายหนุ่มเผลอจ้องตาค้าง ยิ่งโดนจับมือด้วย หัวใจที่ไม่ควรจะเต้นแรงเกินควรก็ดังโครมครามเหมือนเสียงกลองก็ไม่ปาน

“พี่ดรจะช่วยผมจริงๆหรือครับ ผม…ผมขอบคุณพี่จริงๆนะ” ดวงตากลมรื้นไปด้วยน้ำตาแห่งความปิติ เด็กหนุ่มถอนใจด้วยความโล่งอก ราวกับได้ยกเรื่องหนักหนาออกจากใจได้เสียที แต่ก็เพียงไม่นานนัก ความกังวลก็เข้ามาเจืออยู่บนใบหน้า “แต่ว่า…มันจะดีหรือครับ ถ้าเกิดพี่วินหรือคุณชารู้เข้า พี่ดรจะไม่เดือดร้อนหรือครับ”

“ถึงเวลานั้นจริง ฉันหาทางเอาตัวรอดได้น่า ไม่ต้องให้เด็กอย่างแกมาเป็นห่วงหรอก” ชายหนุ่มสะบัดเสียงใส่อย่างรำคาญ “ฉันไปล่ะ แล้วเรื่องคุณวินกับคุณชาฉันจะจัดการเอง แกเองก็ทำอย่างที่พูดเถอะ ถ้าไม่ใช่ได้เห็นดีกันแน่ คราวก่อนที่แกทำให้ฉันต้องไปนอนซังเต ฉันยังไม่ลืมนะโว้ย”

ดรวิ่งหนีไปอีกทางด้วยความเร็วแสงเพราะไม่อยากจะอยู่นานไปมากกว่านี้ ส่วนหนึ่งเพราะไม่ชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อีกส่วนหนึ่งที่เป็นเหตุผลสำคัญคือความอึดอัดในอกที่ทำเอาหายใจแทบไม่ออกเมื่อได้มองหน้าเดียร์นี่ล่ะ หากอยู่นานไปมากกว่านี่คงได้หน้ามืดเป็นแน่

ก็เกลียดมากเลยนี่นา แล้วยังต้องทำใจช่วยโดยที่ต้องขัดคำสั่งคุณชากับคุณวิน ซึ่งถ้าความแตกเมื่อไหร่มีหวังโดนเล่นงานหนักแน่ ไม่ว่าใครก็ต้องอึดอัดแบบนี้เหมือนกันทั้งนั้นล่ะ

ร่างบางยืนมองอีกฝ่ายจากไปจนลับตา จากนั้นจึงเดินขึ้นห้อง แล้วถอนหายใจยาว มือเล็กหยิบมือถือขึ้นมาตรวจดูข้อความเข้า แล้วกดโทรออก

“ว่าไงครับพี่ก้อง” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงหวาน “ทางนั้นเป็นไงบ้าง”

คนในสายเงียบอยู่พักใหญ่ เหมือนต้องใช้เวลาทำใจ ถึงจะพูดออกมาได้ “เป็นไปตามที่เธอวางแผนไว้แล้ว ฝั่งเธอล่ะ”

“ของผมมันต้องต่อจากนี้ต่างหาก” เดียร์หัวเราะในลำคอ “มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณสิทธิ์จะใช้แผนไหนด้วยล่ะนะ ผมจะได้ปรับใช้ถูก”

“เรื่องนั้น…ฉันคิดว่าคงได้แบบถูกใจเธอแล้วล่ะ” ก้องถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “เมื่อตอนเย็นได้ยินว่าคุณสิทธิ์เที่ยวหาบ้านเช่าละแวกที่ทำงานเธออยู่ แต่เหมือนจะยังหาไม่ได้มั้ง ก็คงจะหาที่ทรมานเธอได้สบายๆล่ะนะ เพราะที่บ้านคนขัดเยอะไปหมด ส่วนคอนโดหรือที่พักที่อื่นมันก็ไกลจากที่ทำงานเธอด้วย”

“งั้นหรือ” เสียงหวานออกอาการตื่นเต้น “แล้วมีใครไปเฝ้าอยู่กับเขาบ้างล่ะครับ คนที่ชื่อเนกับวัฒน์หรือเปล่า”

“เรื่องนั้นเธอก็สบายใจได้ว่าไม่ใช่ เพราะสองคนนั่นต้องรับผิดชอบงานที่บริษัทเต็มตัว มาข้องแวะทางเธอไม่ได้เด็ดขาด แถมยังต้องรับศึกกับไอ้เดชด้วย” หนุ่มใหญ่เอ่ยต่อ “เพราะฉะนั้น คนที่จะไปอารักขาให้คุณสิทธิ์คือฉันกับแฟน เพราะฉะนั้น…สบายใจได้ ไม่มีใครวิ่งขึ้นไปห้ามเหมือนวันก่อนแน่”

“ครับ ผมเชื่อว่าพี่ก้องไม่ทำแบบนั้นหรอก” เสียงหวานเย็นเยียบจนชวนขนลุก “แต่แฟนพี่น่ะ เขาจะไม่ขึ้นมาขัดผมจริงๆเหรอ”

เงียบไปครู่ใหญ่กว่าจะตอบ

“รับรองว่าไม่แน่นอน” เสียงทุ้มเต็มไปด้วยความหงุดหงิด “เผลอๆอาจจะร่วมผสมโรงกับคุณสิทธิ์ด้วยมากกว่า”

“ผมจะได้เล่นแบบหมู่หรือ”

“ไม่ใช่โว้ย แล้วฉันก็ไม่ยอมด้วย!” ก้องว้ากเสียงเบา “ฉันรู้ว่าเธออยากโดนฟาดใจจะขาด แต่ช่วยเห็นใจฉันบ้างสิ พอแฟนฉันรู้เรื่องเธอ เขาก็โมโหยกใหญ่ แล้วก็หาเรื่องจะไปแกล้งเธอด้วย!”

“โถ ผมไม่ได้ตั้งใจเลยนะครับ” ไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ แต่ผมห้ามตัวเองไม่ให้ดีใจได้เหมือนกัน “แต่นั่นก็ทำให้คุณได้ผลประโยชน์เหมือนกันไม่ใช่หรือครับ”

“ถึงไม่ต้องมีเธอ ฉันก็ได้รับความรักอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว” หนุ่มใหญ่ยังคงหัวเสียไม่หยุด

“เอาน่า ถ้าผมไม่ยุ่งกับพี่เสียอย่าง เขาก็เลิกแกล้งผมเอง…หรือไม่งั้นพี่ก้องก็เป็นฝ่ายมายุ่งกับผมก่อนสิ เดี๋ยวผมจะช่วยให้พี่ได้รับความรักจนถึงสวรรค์เลย เอาไหม”

คราวนี้เงียบไปอีกพักใหญ่ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นลง “เออ จริงของเธอ…แต่เธอก็อย่าอ่อยแฟนฉันละกัน ไม่งั้นฉันจะไม่ร่วมมือกับแผนของเธอแน่”

“แหม เห็นอย่างนี้ผมไม่แย่งของคนอื่นหรอกครับ อย่าห่วงไปเลย”

จะไปรู้เรอะ แกอาจจะติดใจรสความรุนแรงของแฟนฉันจนหน้ามืดขึ้นมาก็ได้นี่หว่า รายนั้นยิ่งเป็นพวกชอบใช้อารมณ์เป็นใหญ่ด้วย

“น่า ผมไม่ทำหรอก” เด็กหนุ่มพูดราวกับอ่านความคิดได้ “ผมอยากโดนคุณสิทธิ์ทำรุนแรงมากกว่า เขาเป็นคนแรกเลยนะครับ ที่ทำเอาผมซาบซ่านวูบวาบไปหมด พี่ก้องไม่เคยโดนเขาทำร้ายเหรอครับ ไม่ยั้งเลยนะ”

“ไม่รู้สิ พอดีฉันมันเป็นประเภทถ้าไม่ใช่คนที่ชอบหรือถูกใจ ก็ไม่ยอมให้ทำรุนแรงด้วยน่ะ” ก้องเอ่ยพลางนั่งนึกถึงภาพสิทธิ์เวลาไปต่อยตีกับคนอื่น…ซึ่งดูๆไปก็แอบน่าสนใจอยู่หรอก “แล้วเรื่องบ้านเช่าน่ะ เธอมีที่อยากจะเสนอไหมล่ะ เอาแบบสองห้องนอนก็ดีนะ ถ้าอยู่ห้องติดๆกันจะดีมาก เวลาเกิดเรื่องฉุกเฉิน พวกฉันจะได้ไปคุ้มครองคุณสิทธิ์ได้ไวๆ”

“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะช่วยหาให้ คุ้นๆอยู่ว่าในซอยมีบ้านว่าง แต่ไม่แน่ใจว่าขายหรือให้เช่า ไว้เดี๋ยวผมจะส่งข้อความไปให้อีกทีช่วงพรุ่งนี้เย็นๆละกันครับ”

“ก็ได้…งั้นฉันวางก่อนละกัน เดี๋ยวแฟนฉันจะอาบน้ำเสร็จแล้ว ขืนเห็นเราคุยกันแผนเจ๊งพอดี แค่นี้นะ”

ว่าจบก็รีบวางลงอย่างรวดเร็วจนไม่ปล่อยให้เดียร์ได้บอกลา เด็กหนุ่มจึงคิดจะปิดมือถือ หากแต่มันกลับดังขึ้นอีกครั้ง และเป็นเบอร์ของก้อง

“ครับ มีอะไรหรือพี่ก้อง”

แต่ทักเสร็จกลับวางหูไปเสียอย่างนั้น

เดียร์เลิกคิ้วมองโทรศัพท์ตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถึงบางอ้อ

เมื่อกี้ สงสัยจะเป็นคุณแฟน ป่านนี้พี่ก้องคงโดนเล่นงานยำใหญ่ไปเสียแล้วมั้ง

“บ้านเช่าหรือ…” เด็กหนุ่มทวนคำก่อนจะเดินไปยังระเบียง แล้วทอดมองทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากตึกรามบ้านช่อง ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้น “จะทรมานกันทั้งที ยังจะใจดีหาแถวนี้อีกนะ รึกลัวผมจะไปทำงานสายหรือไงครับ”

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore

ตอนที่ 15

          ก้องถอนใจมองสภาพห้องรับแขกในบ้านเช่าที่ตนเพิ่งทำความสะอาดเสร็จ ที่รู้สึกเหนื่อยไม่ใช่เพราะต้องมาจัดการบ้านสกปรกที่โดนทิ้งไว้เป็นเดือน แต่เป็นเพราะคุณแฟนกับเจ้านายที่ออกไปซื้อของกันตั้งแต่เช้า จนเย็นป่านนี้ยังไม่กลับมาอีกนี่ล่ะ ใช่ว่าเขาจะเป็นห่วงกลัวทั้งสองจะโดนอริดักตีหัวแต่อย่างใด แต่เพราะคนที่ตามสิทธิ์ไปด้วย เป็นคนที่เก่งกาจสามารถถึงขนาดในกลุ่มเองยังพากันขยาด ไม่อยากจะต่อกรด้วยนัก แล้วยิ่งไปกับเจ้านายบ้าพลัง ถ้าไม่ได้พกอาวุธมาครบเครื่อง จะมาหาเรื่องกันก็คงต้องคิดให้หนักหน่อยล่ะ

          แต่เพราะพอจะรู้ว่าไปซื้อของอะไรมาต่างหาก ถึงได้รู้สึกหวั่น นึกแล้วก็รู้สึกสงสารเนเหลือเกิน ที่อุตส่าห์ห้ามสิทธิ์ได้แล้วแท้ๆ แต่ทั้งหมดกลับต้องเสียเปล่าเพราะแฟนตัวเอง

          “โอ๊ย นี่มาผิดบ้านหรือเปล่าเนี่ย” เสียงร้องดังขึ้นจากทางหน้าประตูพร้อมกับขยี้ตาใส่คนในบ้าน ผู้มาเยือนเดินเข้ามาโดยไม่ถอดรองเท้า หอบถุงพะรุงพะรังเข้ามาทิ้งเอาไว้บนพื้นที่อุตส่าห์ขัดจนเงา ก่อนจะกลับออกไปเอาของที่เหลือต่อ

          “…ซื้ออะไรกันมาบ้างครับเนี่ย” ก้องมองดูด้านในถุงกระดาษถุงหนึ่งที่อยู่ใกล้ตาที่สุด เขาเห็นเพียงแต่กล่องที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาลอย่างมิดชิด ดูแล้วรู้สึกถึงไออันตรายชอบกล

          “ก็เสื้อผ้าของฤทธิ์ รองเท้าของฤทธิ์ ของใช้ในห้องน้ำของฤทธิ์ โดนัทของฤทธิ์ ส่วนของพวกนั้นก็ของฤทธิ์…แต่เป็นอะไรแกะดูเอาเองละกัน”

          …ตกลงที่ไปเนี่ย มีแต่ของหมอนั่นเหรอ คุณไปเป็นคนหิ้วของให้ลูกน้องตัวเองแทนเรอะ! แล้วถ้าถึงขนาดคุณไม่กล้าบอก แล้วผมจะกล้าเปิดหรือ

          “นี่ของคุณสิทธิ์” คนที่กลับไปเอาของมาโพล่งใส่อย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นสีหน้าของหนุ่มแว่น เขาหยิบถุงพลาสติกใสเขวี้ยงใส่ก้องเต็มแรง เล่นเอาเขาเกือบหงาย “ส่วนนั่นของนาย น้ำยาล้างห้องน้ำกับแปรงขัดส้วมที่ขอ”

          “…ขอบใจ” ก้องกุมท้อง เหมือนอยากจะคายของเก่าออกมาตงิดๆ แต่พอได้เห็นหน้าเนียนที่กำลังมองกลับมาตาขวาง ทำท่าเหมือนจะเข้ามาตบระบายอารมณ์แล้วมันชวนให้ชื่นใจ

          “มัวแต่ยิ้มอะไรอยู่ได้ รีบช่วยเอาของไปเก็บสิ” ยังมีตะคอกใส่พร้อมกับยัดถุงมากมายให้มาจนเต็มมือ ก่อนจะหันไปหาสิทธิ์ด้วยท่าทีที่สำรวม ผิดจากเมื่อครู่ลิบลับ “เดี๋ยวของพวกผมเก็บขึ้นไปให้เองครับ คุณสิทธิ์พักเถอะครับ”

          “ไม่เป็นไรหรอก แค่พี่ไปช่วยซื้อกับผมก็พอแล้ว”

          “อะไรกัน แค่นี้เอง อย่าคิดมากสิครับ ผมเต็มใจช่วยอยู่แล้ว” หนุ่มตาตกหัวเราะร่าแล้วเข้าไปช่วยแกมบังคับอีกฝ่าย ออกอาการสนุกสนานเต็มที่ “เดี๋ยวผมจะสอนวิธีใช้ให้ด้วย เอาให้แบบไม่มีติดขัดกลางอากาศเลย เรื่องแบบนี้ผมถนัดอยู่แล้ว”

          “ผมว่าผมไปลองดูก่อนดีกว่า ถ้าไม่ไหวยังไงเดี๋ยวผมค่อยมาถามพี่ทีหลังเอาก็ได้ครับ” สิทธิ์บอกด้วยท่าทีที่เกรงอกเกรงใจจริงๆ ไม่ได้รู้สึกขัดเขินหรือหวาดหวั่นอย่างที่คนไม่เคยใช้น่าจะมีอาการกันบ้าง

          “ถ้าคุณสิทธิ์ว่างั้น ก็ได้ครับ” ฤทธิ์ทำหน้าเสียดายอย่างโจ่งแจ้ง “ถ้างั้นคุณเอาของขึ้นไปเถอะครับ เดี๋ยวอาหารเย็นเสร็จเมื่อไหร่ผมจะไปเรียก”

          สิทธิ์พยักหน้าให้ก่อนจะหิ้วถุงขึ้นไปด้านบน ชายหนุ่มเหลือบมองของในมือพลางลอบถอนใจ เพราะไม่คิดว่าจะหลวมตัวซื้อมาได้เยอะขนาดนี้ นึกย้อนกลับไปแล้วก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจขึ้นมาชอบกล

          มาถึงขนาดนี้แล้วนี่หว่า จะให้ถอยคงไม่ทันแล้วล่ะ

 

          “แต่ว่านะครับ คิดดีจริงๆแล้วหรือ ถึงได้ทำน่ะ”

          สิทธิ์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อลูกน้องตาตกเอ่ยถามขึ้นกลางโต๊ะอาหาร โดยก้องเองก็สะดุ้งเช่นกันเมื่อได้ยิน และสีหน้าก็ออกจะซีดเซียวหนักกว่าคนโดนถาม

          “ผมก็ไม่ได้จะห้ามอะไรหรอกนะครับ” ฤทธิ์เอ่ยเสียงเรียบ ด้วยใบหน้าที่ไม่ได้ใส่ใจต่อสิ่งที่พูดเท่าไหร่นัก “แต่คุณสิทธิ์ไม่ได้คิดจะมาทางนี้เต็มตัวอยู่แล้ว ผมว่าทางที่ดี คุณให้ผมทำแทนดีกว่านะ”

          “ไม่ได้นะ”

          สิทธิ์เกือบจะร้องออกไปแล้ว แต่ยังดีที่ก้องว้ากออกมาเสียก่อน เขาเลยรอดจากการถูกถามว่า ‘ทำไม’

แต่เพราะฤทธิ์รู้อยู่แล้วว่าหนุ่มแว่นร้องทำไม เขาจึงแค่ยิ้มเยาะใส่ให้เท่านั้น เมินอาการฮึดฮัดของอีกฝ่ายเสียสิ้น

          “ที่พูดเนี่ย เพราะผมกลัวคุณสิทธิ์อาจจะกลับมาเดินสู่เส้นทางปกติไม่ได้อีกนะครับ” น้ำเสียงของฤทธิ์ไม่ได้ขู่แต่อย่างใด แต่คนฟังกลับสั่นไปทั้งตัว เพราะก่อนหน้าก็โดนเนขู่มาแล้ว

          “แค่คนเดียว ไม่ถึงขนาดนั้น…”

          “คนเดียวเปลี่ยนชีวิตเลยล่ะครับ” หนุ่มตาตกสวนกลับโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันจะได้พูดจบ “ผมเห็นมาเยอะ ปากก็บอกปาวๆว่าไม่เป็นๆ พอลองเข้าไปเท่านั้นล่ะ ได้หลังลืมหน้ากันหมด”

          “ผมเองก็เห็นมาเยอะเหมือนกัน” พอเห็นเจ้านายกำลังขวัญผวา ก้องจึงรีบเสริมเข้า อย่างน้อยที่สุดเขาก็อยากให้สิทธิ์นึกยั้งชั่งใจ ก่อนจะตกหลุมพรางปีศาจ “อย่างน้อย ก็คิดให้ดีๆก่อนละกันครับ”

          เจอรุมเข้า สิทธิ์จึงได้แต่นั่งอ้ำอึ้ง ท่าทีลังเลอย่างชัดเจน จนก้องเผลอนึกดีใจไปว่าเจ้านายคิดจะเปลี่ยนใจ…แต่พอคิดว่าเขาอาจจะโดนเดียร์เล่นงานก็รู้สึกหวั่นขึ้นมา ไม่ว่าจะทางไหนก็แย่ทั้งนั้น

          “ครับ…ผมจะคิดให้ดี…ไม่สิ ผมคิดดีอยู่แล้ว” จากที่ลังเลจนเหมือนจะเปลี่ยนใจ กลับมาตั้งมั่นเหมือนเดิมเสียอย่างนั้น “ไม่อย่างนั้นผมจะซื้อของพวกนั้นมาทำไมล่ะ กับเด็กนั่น ผมไม่คิดจะจริงจังอะไรด้วยอยู่แล้ว แค่ผ่านมาผ่านไป ไม่มีอะไรเกินกว่านั้นสักนิด”

          ไอ้ออกอาการเลิกลั่กแบบนั้น เขาเรียกว่าแอบเผลอใจให้ไปแล้วนะครับ…ผมเข้าใจครับ สำหรับผู้ชายปกติทั่วไปคงมองว่าหมอนั่นน่ารักน่าจับทำแฟนอยู่นี่นะ

          “ผมแนะนำว่าคุณอย่าไปสงสารเด็กคนนั้นเลยนะ” ด้วยความที่ไม่อาจจะรั้งอีกฝ่ายไว้ได้อีกต่อไป สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่ ไม่ให้สิทธิ์หลวมตัวไปชอบเดียร์ “ผมไปลองถามคนแถวนี้ดู คุณรู้หรือเปล่าว่าหมอนั่น เห็นหน้าตาน่ารักอย่างกับนางฟ้าแบบนั้น ที่จริงร้ายกาจจะตาย ทำผู้ชายอกหักมานักต่อนักแล้ว นี่ยังไม่รวมที่ชอบควงผู้ชายไปให้พี่มันกระโดดถีบเล่นอีกนะ แถมแต่ละคนที่ผ่านนะ มีอันต้องสิ้นเนื้อประดาตัวเพราะโดนหมอนั่นปอกลอกหมด ขนาดพี่ชายมันแทบจะถวายทองให้แล้ว ยังไม่พอใช้มันเลย เห็นเด็กนั่นอยู่อพาร์ทเมนท์ท่าทางราคาถูก ไม่มีรถใช้ ไม่กินของแพง ไม่ใช้ของแบรนด์เนม แต่หมดเงินไปกับเรื่องเที่ยวกลางคืนนี่ล่ะครับ เชื่อไหมล่ะครับ ขนาดตอนมีแฟนอยู่ แต่พอแฟนเผลอก็เที่ยวออฟหนุ่มๆไปกกแถวม่านรูดประจำ มั่วไปทั่วแบบนี้ อาจจะมีโรคติดตัวอยู่สักโรคสองโรคก็ได้ คุณสิทธิ์ต้องระวังไว้ล่ะ เดี๋ยวติดโรคขึ้นมาแล้วมันจะแย่”

          ซัดใส่เป็นชุด เอาให้หดแบบไม่กล้าชูคอขึ้นมาเลย นี่ก็เพื่อความปลอดภัยของคุณหรอกนะ…ถึงอันที่จริง ไอ้เด็กนั่นจะไม่ได้มั่วอย่างที่ผมกล่าวหาเลยก็ตามเถอะ

          ปัง!!

          ทั้งสองพากันสะดุ้งสุดตัวก่อนจะมองไปยังต้นเสียง หนุ่มแว่นยิ้มแห้งกลืนน้ำลายเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงยัวะที่แผ่ออกมาจากแฟนของตน ใบหน้าเรียวของฤทธิ์ยังดูแจ่มใส แต่คนมองกลับรู้สึกหนาวไปถึงขั้วหัวใจ

          “ข้อมูลละเอียดยิบเหมือนเจอกับตัวเลยนะ ขนาดสายสืบที่ไปหาข้อมูลเด็กนั่นมายังได้ไม่ละเอียดเท่าของนายเลย” ไม่ว่าเปล่า มีลุกขึ้นเดินเข้ามายืนค้ำหัว ท่าทางเอาเรื่องเต็มที่ “ไปรู้เรื่องพวกนั้นมาจากไหน หรือเคยกิ๊กกันมาก่อน”

          “บ้าเรอะ ฉันไม่เคยกิ๊กกับไอ้เด็กนั่นสักหน่อย” แต่ก็สนิทสนมมากเสียจนถ้าตัดเรื่องความมาโซฯออกไป มีหวังนายได้ซ้อมฉันทั้งคืนแหงม…ก็น่าสนนะ…ไม่สิ น่าสนเป็นบ้าเลยโว้ย แต่ฉันทำแบบนั้นไม่ได้ ทรมานใจชะมัด “ที่รู้น่ะ ก็เพราะไปสืบจากพวกคนที่เคยซื้อดอกไม้จากร้านเอาต่างหาก ไม่ได้รู้จักอะไรเด็กนั่นสักหน่อย”

          ฤทธิ์ยังคงจ้องหน้าเหมือนไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก แต่เพราะเหตุผลฟังขึ้น บวกกับอยู่ต่อหน้าสิทธิ์ เลยไม่อยากคาดคั้นมากนัก
         
          “ก็ถ้าเป็นอย่างที่ก้องว่าจริง ผมว่าคุณสิทธิ์ยิ่งต้องระวังใหญ่” หนุ่มตาตกเอ่ยโดยที่ยังจ้องก้องไม่เลิก “เผลอๆ ตอนนี้ไอ้เด็กนั่นอาจจะกำลังหาทางเอาคืนอยู่ก็ได้”

          ก้องเกือบจะหลุดขำไปแล้ว ยังดีที่ยั้งทัน

          “แล้วลองว่าถ้าร้ายกาจขนาดนั้น ไอ้เรื่องจะมาคิดฆ่าตัวตายกะไอ้แค่โดนถ่ายรูปตอนเปลือยนี่ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ คนเห็นแก่ตัวพรรค์นั้น ถ้าไม่ใช่เพราะโดนไล่บี้จนไม่เหลืออะไร ก็ไม่คิดจะฆ่าตัวตายหรอกครับ”

          “…นั่นสินะ” จากที่เคยนึกกังวลอยู่นาน ดูเหมือนจะเริ่มคล้อยตามขึ้นมา ซึ่งนั่นก็ดีอยู่หรอกที่สิทธิ์เลิกคิดกลัวว่าเดียร์จะทำร้ายตัวเอง แต่นึกไปอีกทางแล้ว ก้องรู้สึกเป็นห่วงสิทธิ์จับจิต มีหวังคุณชายหมีได้จัดหนักอย่างที่ตั้งใจแบบไม่ติดเบรคแน่

          “แต่ถ้าคุณสิทธิ์ไม่กล้าลงมือ เดี๋ยวผมจะทำให้เป็นตัวอย่างก่อนก็ได้นะครับ” ที่พูดออกมาหาได้เป็นห่วงเจ้านายสักนิด อาการเหมือนอยากลงมือเองล้วนๆด้วยเหตุผลส่วนตัวมากกว่า “ผมล่ะเกลียดพวกแบบนั้นที่สุด รับรองจะจัดหนักให้สะใจเลย”

          สะใจใครกันแน่หรือครับ…คนฟังต่างได้แต่คิด ไม่กล้าเอ่ยถาม
         
          “ฉันไม่ยอมหรอกนะ” ก้องค้านเสียงหลง “ถ้านายเอาแต่ทำร้ายหมอนั่น ก็ไม่มีเวลาให้ฉันพอดีสิ”

          ขืนนายเกิดติดใจชอบทำร้ายมันเข้า ฉันก็แย่สิฟะ!! ยิ่งถ้ามันเป็นฝ่ายติดใจนายแล้วยิ่งแย่ใหญ่ ฉันไม่มีปัญญาไปเปิดศึกกับมันหรอกนะ ต่อให้ฉันทุ่มทั้งแรงทั้งสมองก็คงได้แต่เต้นอยู่บนฝ่ามือมันนั่นล่ะ!

          ทีแรกสิทธิ์นึกว่าฤทธิ์จะวิ่งไปตะบัน หน้าแฟนตัวเองแล้ว แต่พอเจอประโยคหลังเข้าไปเท่านั้นล่ะ ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นเลยทีเดียว

          “บะ…บ้าหรือไง มาพูดอะไรตรงนี้!”

          แต่ก็โดนอยู่ดีนั่นล่ะ แถมดูๆแล้ว น่าจะแรงกว่าหมัดที่จะปล่อยทีแรกด้วย

          “ผมเป็นคนเริ่ม ผมจะขอทำให้ถึงที่สุดก่อนก็แล้วกันครับ ขอบคุณพี่ฤทธิ์มากเลยนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยด้วยความดีใจกับความหวังดีที่อีกฝ่ายเสนอให้ ก่อนจะลุกขึ้น “ผมขอตัวขึ้นห้องก่อนละกัน ว่าจะเปิดเพลงดังๆ คงจะไม่ได้ยินเสียงพวกพี่นะ”

          เปิดทางให้ซะขนาดนี้ มีหรือจะพลาด

          สิทธิ์เดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนด้วยใบหน้านิ่ง เขาปิดประตูอย่างแน่นหนา และเปิดเพลงอย่างที่พูดไว้ ร่างสูงนั่งอยู่บนเตียงพักใหญ่ มือหนาล้วงเข้าไปในกางเกงเพื่อหยิบมือถือออกมา แล้วเปิดไปยังรูปถ่ายของร่างบางที่อยู่ในสภาพเปล่าเปลือย

          “อึก…”

          เขาไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าคนในรูปจะเป็นอย่างที่ก้องกล่าว คนเรานี่ดูกันจากภายนอกไม่ได้จริงๆ…

          แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ!

          “เฮ้ย!”

          โชคดีที่เปิดเพลงไว้เสียดังจนกลบเสียงร้องของตัวเอง ชายหนุ่มรีบอุดจมูกตัวเอง ก่อนจะล้มหงายลงไปนอน

          นั่นมันผู้ชายนะ! ถึงจะน่ารักบัดซบยังไง ไอ้ข้างล่างนั้นก็ตัวผู้ชัดๆ!...แล้วทำไมตูต้องเลือดกำเดาพุ่งเพราะดูรูปโป๊มันด้วยวะ!

          บ้าเอ๊ย!! เพราะมันดันเหมือนผู้หญิงนั่นล่ะ เป็นความผิดของมันคนเดียว!

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
จับกดเลยเร็วๆ!! เดียร์เค้ารอนานแล้วนะ 555+

ออฟไลน์ DoubleBass

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 448
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
ไม่เค๊ยยยไม่เคยอ่านเรื่องไหนแล้วทั้งเชียร์ทั้งลุ้น
ให้นายเอกโดนปู้ยี้ปู้ยำให้เละเทะขนาดนี้มาก่อนเลย
นี่มันมิติใหม่ของการอ่านจริงๆ  :hao6:

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore

ตอนที่ 16

“ไหวนะเดียร์…”

ดวงตากลมจ้องมองพนักงานของตนอย่างเป็นห่วง เพราะสีหน้าของเดียร์ในตอนนี้ดูแย่มาก ท่าทางเหมือนคนอดนอนเพราะต้องคร่ำเคร่งกับงานยังไงยังงั้น ซึ่งเธอมั่นใจว่าไม่ใช่เพราะตนสั่งงานมากเกินแน่นอน สองสามวันมานี้งานน้อยกว่าปกติด้วยซ้ำ และตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา เดียร์ไม่เคยหงุดหงิดเพราะเรื่องงานมาก่อนเลย ไม่ว่าจะ เพราะงานเยอะจนแทบไม่ได้พัก หรือเจอลูกค้าเรื่องมากจู้จี้ขี้บ่นจนน่าตบเรียกสติมากแค่ไหนก็ตาม

“ไหวครับ”

แม้แต่เสียงที่เคยหวานใส ยังกลายเป็นเสียงทุ้มต่ำและดุดันราวกับเป็นคนละคนก็ไม่ปาน นี่ถ้าลูกค้าหนุ่มๆที่เป็นขาประจำมาเจอเข้า มีหวังเปิดตูดแน่บชนิดไม่หวนกลับมาอีกแน่

เดียร์เดินหน้าถมึงทึงเข้ามา ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หน้าเคาท์เตอร์…ด้วยกิริยาท่าทางดิบเถื่อนเสมือนนักเลง จนน้อยรู้สึกเป็นห่วงหนักกว่าเดิม ใช่ว่าเธอจะไม่เคยเห็นอาการแบบนี้เสียเมื่อไหร่

นี่คงมีเรื่องอึดอัดคิดไม่ตกอยู่แน่ๆ

“วันนี้งานที่เหลือเดี๋ยวพี่จัดการเอง เดียร์กลับก่อนได้เลยนะจ๊ะ” ถึงจะอยากถาม แต่เมื่อท่าทางของอีกฝ่ายดูไม่อยากตอบนัก และต่อให้ถาม อีกฝ่ายก็ไม่ยอมตอบอยู่ดี น้อยจึงทำได้เพียงเท่านี้

“แต่ว่า…”

“ขืนให้เราทำหน้าแบบนั้น มีหวังลูกค้าพี่หนีหมดสิจ๊ะ” เธอติง ก่อนจะชี้ไปที่ประตูห้องพักด้านใน “วันนี้คงไม่มีงานเพิ่มแล้วล่ะจ๊ะ กลับเถอะ ถ้าเกิดมีอะไรฉุกเฉินจริงๆ พี่เรียกตาหนูได้”

“…แต่รายนั้นหน้าบูดหนักกว่าผมอีกนะ”

“ก็นั่นจุดขายเขานี่จ๊ะ แต่ของเรามันใช่เสียที่ไหน” น้อยสวนกลับด้วยความไวแสงจนเดียร์สะอึก “โน่นจ๊ะ เก็บกระเป๋าแล้วกลับห้องซะ ถ้าอยากทำงานนัก เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะให้ทำสมใจเลย”

เมื่อโดนไล่ อีกทั้งหัวหน้ายังให้รางวัลซะงามงด เขาจึงอดทำตามอย่างเสียมิได้ ส่วนหนึ่งเพราะกลัวว่าหากอยู่นานไปแล้วน้อยจะบังคับให้เขาหยุดงานพรุ่งนี้นี่ล่ะ

ใจจริงเดียร์ก็อยากจะระบายสิ่งที่อยู่ในใจให้อีกฝ่ายฟังอยู่หรอก เสียแต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เขาเอามาพูดกับน้อยได้นี่ล่ะ

เสี้ยนอยากโดนทำร้ายว้อยยยยยยยยยยยยยยยย

นี่ก็ปาเข้าไปสามวันมาแล้ว ที่พ่อหมีนั่นไม่มาหาเลย เขารึก็อุตส่าห์ทนไม่ไปหาเศษหาเลยที่ไหน ขจัดเห็บเหาที่ชอบมารังควาน กรุยทางไว้ให้พร้อม รออย่างใจจดใจจ่อ ว่าพ่อคุณจะมาประเคนความโหดโฉดให้เขาในรูปแบบไหนบ้าง แต่นี่ก็รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอจนผ่านไปสามวันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นซักนิดเดียว!

ไม่สนแล้วว้อย!! ไปหาที่ระบายดีกว่า

“เฮ้น้องช….ชาย”

คนทักถึงกับผงะเมื่อได้เห็นแววตาดุดันผิดกับหน้าตาน่ารัก แต่ก็ยังยิ้มสู้เพราะฝั่งตนมีมากกว่า และมีรูปร่างใหญ่โตกว่ากันเยอะ

เดียร์เบิกตาโพลง ก่อนจะรีบปั้นหน้าเครียด กลัวเหลือเกินว่าเมื่อครู่จะหลุดยิ้มออกไป ซึ่งมันต้องดูแปลกแน่ๆ ใครที่ไหนเขาจะยิ้มเมื่อได้เห็นกลุ่มคนหน้าเถื่อนท่าทางจะมาหาเรื่องกันบ้างล่ะ แต่พอเห็นท่าทางอย่างเป็นธรรมชาติของอีกฝั่ง เด็กหนุ่มก็แอบโล่งใจ

“มะ…มีอะไรหรือครับ” เดียร์ถามเสียงสั่นด้วยความดีใจอย่างไม่อาจห้ามอยู่ ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้มไปหมด อยากจะกระโดดเข้าไปรับฝ่าเท้าเสียเหลือเกิน แต่ก็ต้องอดทนไว้…

อีกฝ่ายไม่ตอบคำถาม คนยืนหน้าสุดซึ่งดูเหมือนหัวโจกเอาแต่ยืนจ้องเขาไม่เลิก ซึ่งมองจากสายตาเดียร์ก็พอจะเดาได้ว่า คงกำลังสับสนต่อสิ่งที่เห็นและข้อมูลที่ได้รับอยู่แน่นอน ดูท่าทางจะเป็นคนที่มาริสาไม่ก็ฝั่งธานินทร์ที่สั่งให้มาทำร้ายเป็นแน่…

“ก็อยากจะชวนน้องไปเที่ยวคลายเหงากันหน่อยน่ะจ้ะ พวกพี่ล่ะเง้าเหงา เนอะ”

หืม?

เดียร์เผลอมุ่นคิ้วเพราะเจอกับสิ่งไม่คาดคิด แต่ดูไปดูมาแล้วคนพวกนี้ไม่น่าจะทักเขาด้วยความบังเอิญแน่ เพราะเด็กหนุ่มไม่คุ้นหน้าสักคน แถมยังเข้ามาจีบโดยรู้ทันทีว่าเขาเป็นผู้ชายด้วยนี่ล่ะที่แปลก

แต่อย่างหนึ่งที่มั่นใจคือ ถ้ามีคนสั่ง ต้องไม่ใช่แม่มาริสาแน่นอน

“มะ…ไม่ล่ะครับ” เขาเอ่ยลองเชิงพร้อมกับถอยไปข้างหลังเล็กน้อย คอยดูท่าทีของอีกฝ่าย ซึ่งมีอาการเหมือนอยากทำอย่างอื่นมากกว่าเข้ามาทำร้ายตน นั่นยิ่งดูแปลกเข้าไปใหญ่ “ผม…ผมเป็นผู้ชายนะครับ”

“แหม เพราะรู้อยู่แล้วไงจ๊ะ พวกพี่ถึงได้ทัก” พอเห็นลูกกวางน้อยทำท่าจะหนี ก็รีบพากันเข้าไปล้อมกรอบ “มากันพวกพี่เถอะน่า รับรองน้องต้องสนุกจนกลับห้องไม่ถูกแน่”

ชวนแบบนั้น แถมหน้าโฉดโหดเถื่อนแบบนี้ หมาที่ไหนมันจะไปกันละครับพี่…ใจจริงก็อยากจะบอกว่ายกเว้นผมไว้คนละนะ แต่เพราะผมไม่สามารถสัมผัสถึงความซาดิสม์ในตัวพวกพี่เลยแม้แต่น้อย เพราะงั้นผมคงยอมไปดีๆไม่ได้หรอก

“ไม่ละครับ” เด็กหนุ่มยืนกรานคำเดิม พลางสอดส่ายสายตาหาทางหนี แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

คุณสิทธิ์?

เจ้าของชื่อยิ้มพรายอย่างมีเลศนัย แต่ยังคงยืนเฉยและมองมาทางเขา ในขณะที่คนเดินเท้าคนอื่นต่างพากันรีบเดินโดยไม่ยอมมองเขากันเลยแม้แต่น้อย

ความคิดที่ว่านี่อาจเป็นแผนของสิทธิ์พับกลับลง เมื่อหนึ่งในผู้มาจีบสะกิดลูกพี่ใหญ่ให้หันดูพ่อหมียักษ์

“เฮ้ย มองหาอะไรวะ”

“อ๋อ ผมมารอคนน่ะครับ ผมไม่ได้มองหรอกครับ พวกพี่อยากทำอะไรก็ทำเลยครับ”

จงใจรอไปมั้งครับ คนอะไรเขานัดกันกลางซอยเปลี่ยวๆมืดๆ ที่ไม่มีจุดเด่นแบบนี้กันล่ะ ดูยังไงก็เหมือนคุณกำลังรอให้ผมเรียกให้คุณช่วยมากกว่านะ

เมื่อเห็นสิทธิ์ไม่มีท่าทางจะเข้ามาก้าวก่ายแต่อย่างใด เหล่าชายฉกรรจ์จึงหันกลับมาสนใจกับเหยื่อต่อ โดยที่ยังคงเมียงมองมาทางชายร่างยักษ์อยู่เป็นครั้งคราวด้วยความหวั่นเกรงว่าสิทธิ์จะพุ่งเข้ามา หากพวกเขาเผลอ

ซึ่งอันที่จริงเฮียหมีแกก็อยากจะทำอย่างนั้นใจจะขาดอยู่แล้ว!

แต่เขาก็ต้องอดทน เพราะไม่เช่นนั้นแผนที่วางไว้คงเสียหมด

“จะได้ผลจริงเร้อ ท่าทางพวกนั้นดูเหมือนจะมาหาเรื่องคุณสิทธิ์แทนมากกว่านะ” ก้องถอนใจพลางส่งสายตาไปหาหนุ่มตาตกที่ยืนอยู่ไม่ห่าง ทั้งสองยืนหลบอยู่หลังรถกระบะที่จอดห่างจากสิทธิ์ออกไปอีกเกือบสามสิบเมตร

“ก็ดีซิ ถึงตอนนั้นพอเห็นตัวช่วยเพียงตัวเดียวกำลังจะหายวับไป ต่อให้ไม่อยากแค่ไหน ก็คงต้องยอมร้องขอให้คุณสิทธิ์ช่วยแน่ๆ” ฤทธิ์หัวเราะหึ “ไม่ว่ายังไงก็เข้าแผนเราอยู่ดี”

ครับ นั่นมันได้ผลกับคนธรรมดาเท่านั้นละครับ ใช้กับมนุษย์ดาวเอ็มอย่างพวกกระผมไม่ได้หรอกครับ

“แต่แปลกดีนะ ดูแล้วอย่างกับโดนใครจ้างมาเลยแฮะ” ฤทธิ์เริ่มตั้งข้อสังเกต “ตอนที่พวกเรารอไอ้เด็กนั่น ฉันเห็นพวกมันยืนรออยู่ตรงนั้นตั้งนานแล้ว มีคนเดินไปเดินมาก็เยอะ ไม่เห็นพวกมันจะเข้าไปหาเลย ดูเหมือนพวกมันตั้งใจรอไอ้เด็กนั่นมากกว่า ถึงจะขาดแคลนผู้หญิงยังไงก็เหอะ ช่วงนี้ไปหาเล่นแถวร้านคาราโอเกะยังจะมีโอกาสเจอเยอะเสียกว่า เหงาบ้าอะไรมาหาแถวนี้”

หนุ่มแว่นยอมรับว่ามันชวนสะกิดใจอย่างที่อีกฝ่ายว่าจริงๆนั่นล่ะ แต่ตอนนี้เขาไม่นึกสนใจนัก เพราะกำลังลุ้นกับสิ่งที่ฉายอยู่ตรงหน้ามากกว่า

“ไง ไปเถอะน่า พวกพี่ไม่ดุหรอก” ถึงจะยังระแวง แต่เมื่อเห็นสิทธิ์ไม่เข้ามาขวางแต่อย่างใดจึงกลับมาสนใจเดียร์ต่อ “พี่รู้จักที่ดีๆหลายที่เลยนะ”

ไม่ว่าเปล่า มีคว้าต้นแขนฉุดรั้งร่างที่พยายามขืนหนีจนเดียร์เกือบล้ม สิทธิ์กระตุกเล็กน้อย ความหงุดหงิดแล่นขึ้นมาจุกอก เขาสุดแสนจะเกลียดพวกชอบใช้กำลังฝืนใจคนอื่นแบบนี้ที่สุด…

…..

แต่ก่อนหน้านั้นเราก็ทำแบบนี้กับเดียร์นี่หว่า!

“เฮ้ยๆ…ทำอะไรของคุณสิทธิ์เนี่ย…”

ลูกน้องทั้งสองต่างพากันมองเจ้านายที่ออกอาการหดหู่ผิดเวลา ซึ่งพวกเขาก็พอจะรู้ว่าทำไม

“ให้ตายสิ ถ้ารู้สึกผิดขนาดนั้น แล้วจะทำไปทำไมก็ไม่รู้” ฤทธิ์โพล่งขึ้นอย่างฉุนเฉียว “รู้งี้หาโอกาสเหมาะๆ จับไอ้เดชยัดลงถังดรัมโบกปูนแล้วถ่วงอ่าวให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่า”

“ถ้าทำได้ง่ายๆขนาดนั้น มันคงลงไปอยู่ในอ่าวนานแล้วละ” ก้องบอกอย่างเหนื่อยใจ “แล้วนี่จะเอายังไง เดี๋ยวพวกนั้นก็ลากเดียร์ออกไปกันพอดี…”

หนุ่มแว่นชะงักค้างเมื่อโดนมองตาขวาง ก่อนที่ฤทธิ์จะกลับมาสนใจสถานการณ์ตรงหน้า “ก็ไม่เอาไงทั้งนั้น ปล่อยให้พวกนั้นลากๆไปนั่นล่ะ สมน้ำหน้า ทำเป็นมารยา ตอนนี้ทำเป็นไร้เดียงสา เผลอๆ กะไอ้แค่ห้าคนคงไม่พอ”

ทำไมปากคอเราะร้ายนั่น ถึงได้เอาไปด่าทอไอ้เด็กนั่นล่ะ เอามาด่าฉันสิ ฮือ…

เดียร์เริ่มตื่นตระหนกอย่างจริงๆจังๆเมื่ออยู่ๆสิทธิ์ทรุดลงเหมือนคนหน้ามืด ซึ่งแน่นอนว่าหาได้เป็นห่วงไม่ แต่ขืนทำงี้ มีหวังเขาได้ไปเริงรมย์กับหนุ่มฉกรรจ์เหล่านี้แทนจริงๆแน่

หรือคุณ…คุณไม่คิดจะมาทำร้ายผมอยู่แล้ว…ไม่เอานะ อย่าล้มเลิกเร็วแบบนี้สิ ผมยังอยากได้ความรุนแรงของคุณอีกนะ!

“คุณสิทธิ์ ช่วยผมด้วย!”

เสียงหวานนั่นดึงสติที่ลอยไปกลับเข้ามา ดวงตาเรียวเลื่อนมองร่างบางที่กำลังดิ้นพล่านอย่างน่าสงสาร และโดยไม่ทันได้คิด มือและเท้ามันก็ไปก่อนเสียแล้ว

“อ้าว”

ยังไม่ทันได้นับสิบก็น็อคเคโอหมด

กว่าจะคิดได้ว่าข้ามขั้นตอน ‘ให้อีกฝ่ายเอ่ยว่าจะยอมทำตามทุกอย่างเพื่อให้ตนช่วย’ ก็สายไปเสียแล้ว

เดียร์เองก็อึ้งพอกัน เขาได้แต่เบิกตามองสภาพร่างที่นอนสลบเหมือดอยู่ตรงหน้า

น่าอิจฉาง่า~~~~ บ้าเอ๊ย อุตส่าห์เนียนทำเป็นขวางกะจะให้โดนหมัดนั่นสักทีสองทีแล้วนะ แต่ไหงพ่อหมีแกเล่นหยุดทันก่อนทุกทีเลยสิ แง้!!

หยาดน้ำใสไหลลงอาบสองข้างแก้ม ทำเอาคนกำลังอึ้งผงะเพราะคิดว่าอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ แต่เมื่อมองดูดีๆแล้ว เดียร์ก็ไม่ได้บาดเจ็บแต่อย่างใด อีกทั้งใบหน้าเรียวนั่นกลับเต็มไปด้วยความโกรธเสียได้นี่

“…ถึงคุณจะช่วยผม แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้คุณช่วยหรอกนะ”

จากที่กำลังนึกสงสาร กลายเป็นความหมั่นไส้ทันใด ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเป็นคนออกปากขอเขาทั้งน้ำตาแท้ๆ

“อ้อเหรอ แหม ขอโทษที่ขัดขวางทริปไปสวรรค์ของเธอนะ” ชายหนุ่มยิ้มพรายก่อนจะฉุดแขนให้อีกฝ่ายลุกขึ้น

“โอ๊ย! ทำอะไรของคุณน่ะ ผมเจ็บนะ” เสียงหวานร้องก่อนจะพยายามทุบมือแกร่งของอีกฝ่ายอย่างไร้ประโยชน์

“คิดจะดื้อกับฉันหรือ ลืมไปแล้วรึไงว่าฉันอยากจะทำอะไรกับเธอก็ได้” เขากระชากเสียงใส่พร้อมกับดึงร่างเล็กเข้ามา “อ้อ ไม่เจอหน้ากันสามวัน เลยลืมสัญญาระหว่างเราไปแล้วสินะ”

ดวงตากลมเบิกกว้าง ร่างทั้งร่างสั่นระริกจนสิทธิ์สัมผัสได้ ริมฝีปากบางเม้มเน้นด้วยความขึ้งแค้น ก่อนจะขืนพูดออกมา

“คุณมันเลวที่สุด”

ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างไม่หยี่ระต่อคำพูดและอาการของอีกฝ่าย ทันทีที่คลายมือออก ร่างบางก็ถอยหนีราวกับเขาเป็นตัวเชื้อโรคก็มิปาน แต่กระนั้นก็ไม่ได้วิ่งหนีจากเขาแต่อย่างใด

“ไว้ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดต่อจากนี้ แล้วค่อยด่าก็ยังไม่สายหรอกนะ” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างเย็นเยียบ ขาทั้งสองค่อยๆเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่ม

“…คุณต้องการอะไร”

สิทธิ์นิ่งมองอีกฝ่าย พอนึกถึงเรื่องที่ก้องบอกให้ฟังแล้ว เขาก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี ว่าคนตรงหน้าจะเลวร้ายถึงขนาดนั้น ยิ่งเมื่อเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ ยิ่งดูขัดกันเข้าไปใหญ่

แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่ อยากเกิดมาเป็นน้องไอ้วินมันทำไม

 

“ไม่มีอะไรจริงๆนะ” ชาย้ำถามอีกครั้งด้วยความสงสัย หากเป็นไปได้ เขาอยากจะให้ดรมาพูดตรงหน้ามากกว่า จะได้จับพิรุธว่าอีกฝ่ายโกหกหรือไม่

“ไม่นี่ครับ ก็ทำงานตามปกติเหมือนเดิม” เสียงในสายเอ่ยอย่างเป็นธรรมชาติ “คุณชาคิดว่ามันควรจะมีอะไรหรือไงครับ”

“…เปล่า ถ้าไม่มีอะไรก็ดีแล้ว…” ชายหนุ่มตัดบท “ขอบใจมากนะดร”

“เอ่อ…ครับ…คุณชาครับ” ดรเรียกหลังจากคิดอยู่นาน “คือ ผมอาจจะพูดอะไรก้าวก่ายนะครับ แต่ผมว่าทำแบบนี้มันไม่ช่วยอะไรคุณวินเลยนะครับ”

“…อยากจะพูดอะไร”

“ผมแค่คิดว่า คุณชาตามใจคุณวินเกินเหตุไปแล้วน่ะสิครับ” เนื่องจากอัดอั้นมานาน เลยโพล่งใส่ทันที “ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป มิต้องจับสองคนนั่นมาแต่งงานกันเลยรึไงครับ…ฮัลโหลๆ…คุณชา”

“…ฟังอยู่…”

เสียงที่ตอบกลับมาทำเอาขนลุกเกรียว และทำให้ดรเพิ่งสำเหนียกขึ้นได้ว่าตนพลั้งปากในสิ่งที่ไม่ควรออกไป

“ฉันรู้ แต่จะให้ทำยังไงล่ะ ในเมื่อคุณวินรักเดียร์อย่างกับอะไรดี” ใช่ รักมากเสียจนฉันเริ่มสงสัยเหมือนกันว่าพ่อคุณเขาคิดอะไรเกินเลยกับไอ้เด็กเวรนั่นหรือเปล่า ให้ตายสิ ตั้งแต่รู้จักกันมา หมอนั่นก็เห็นเดียร์มาเป็นที่หนึ่งตลอด จนถึงขนาดโดนแฟนบอกเลิกเพราะเห็นน้องสำคัญกว่ามาไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้ว…ถึงอย่างหลังฉันจะได้ประโยชน์หน่อยๆก็เหอะ… “ตอนนี้ถ้าไม่อยากให้เป็นไปตามแผนไอ้ธานินทร์ เราก็ทำได้แค่อย่าให้เดียร์อยู่กับสิทธิ์จนกว่าเราจะหาทางเปิดโปงหมอนั่นได้ หรือไม่อย่างนั้นก็ขอให้มันตายๆไปซะก็ดี แล้วถึงตอนนั้น ฉันจะไม่ตามใจคุณวินแบบนี้แน่”

เอ่ยเสียงแข็งแฝงแค้นซะขนาดนั้น ผู้น้อยเลยได้แต่รับคำอย่างหวาดๆ นึกแล้วดรก็รู้สึกหวั่นไม่น้อย ถ้าหากชารู้ความจริงล่ะก็ มีหวังเขาคงได้กลายเป็นศพตามธานินทร์ไปด้วยเป็นแน่ เพราะเขาเลิกตามไอ้เด็กนั่นแล้ว และตอนนี้ก็กำลังนั่งแกร่วอยู่ในห้องของตนด้วย

“ถ้างั้นก็แค่นี้ก่อนละกัน ถ้ามีอะไรผิดปกติก็โทรมาทันทีนะ”

พอวางสายก็ถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนล้า ดวงตาเรียวเลื่อนมองนาฬิกาบนโต๊ะที่บอกเวลาสามทุ่มครึ่ง ชายหนุ่มจึงลุกออกจากห้องแล้วชะเง้อมองลอดผ่านไปยังประตูห้องทำงานของเจ้านาย เมื่อเห็นว่าวินกำลังคร่ำเคร่งอยู่กับงานตรงหน้า ชาเลยถอนหายใจอีกครั้ง ดูจากอาการคงไม่ต้องเข้าไปปลอบเรื่องเดียร์ได้พักใหญ่ๆ

ชาเดินออกไปทางบันไดหนีไฟหวังจะสูบบุหรี่แก้เครียด แต่ยังไม่ทันจะได้เปิดประตู ก็เจอเรื่องเพิ่มความเครียดเข้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ

“อะไรนะ พลาดเหรอ แล้วทีนี้จะทำยังไงละ”

ไอ้นิน?

เนื่องจากมัวแต่กลุ้มเรื่องเดียร์ เขาจึงลืมไปเสียสนิทว่าตอนนี้ธานินทร์ก็อยู่ทำโอทีที่บริษัทด้วย ดวงตาเรียวคมพยายามสอดส่องเข้าไปในช่องว่างของประตูที่แง้มออกเพียงเล็กน้อย เขาเห็นร่างที่กำลังยืนอยู่ทางเดินชั้นบน แต่ไม่อาจเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายเพราะธานินทร์หันหลังให้

“ไม่ได้หรอก แค่พูดปากเปล่า เดี๋ยวก็เสียเรื่องเหมือนคราวที่แล้วอีก” น้ำเสียงของธานินทร์ดูจะหงุดหงิดไม่น้อย “ต้องมีหลักฐานให้เห็นชัดๆนั่นล่ะ ไม่อย่างนั้นคุณวินไม่ยอมเคลื่อนไหวหรอก คราวก่อนก็เกือบจะสำเร็จแล้วแท้ๆ แต่ไอ้ชามันดันโทรไปบอกคุณนายซะก่อน จบเลย…เออ เอาเถอะ ตอนนี้คุณวินก็ไปหาเดียร์ไม่ได้ แถมเจ้านายคุณก็รุกเด็กนั่นเต็มที่เลยนี่ คงลงมือไม่ยากหรอก แค่นี้ก่อนละกัน”

ก่อนที่จะได้คิดสงสัยไปมากกว่านี้ ชาก็ต้องรีบหลบเข้าไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล เมื่อธานินทร์เดินกลับเข้ามา ชายหนุ่มรอจนอีกฝ่ายเข้าไปด้านใน ก่อนจะค่อยๆเดินออกมาด้วยสีหน้าข้องใจ

หมายความว่าไงกัน!

ชาถึงกับกุมขมับ ก็ในเมื่อดรบอกว่าไม่มีสิ่งผิดปกติอะไร แล้วสิ่งที่ธานินทร์พูดเมื่อครู่มันหมายความว่าอย่างไรกัน

“…ไม่จริงน่า…”

ชายหนุ่มหน้าซีด เผลอกำหมัดแน่น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะเสียท่าให้ไอ้เด็กบ้าความรุนแรงไม่เลือกหน้านั่น แต่ที่ชวนอึ้งกว่าคือ การที่ดรโกหกเขานี่แหละ ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไรก็เถอะ อย่างน้อยเขาก็มั่นใจว่า ที่ดรกล้าขัดคำสั่งเขา เพราะเดียร์เป็นแน่!

“…ไม่สิ อาจจะไม่ใช่ก็ได้”

ชายหนุ่มพยายามทำใจให้เย็นเข้าไว้ แม้ว่าตอนนี้จะอยากวิ่งไปจับไอ้เด็กผีนั่นมาขังไว้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยก็ตาม…

“ครับ? มีอะไรหรือครับคุณชา”

“แกโกหกเรื่องเดียร์อยู่ใช่ไหม”

ดรแทบจะขว้างมือถือทิ้งทันทีที่ได้ยิน แต่เพราะความกลัวที่แทรกเข้าเส้นเลือด เลยทำให้มือไม้มันแข็งทื่อไป

“อย่าโกหก ฉันรู้หมดแล้ว” ชายหนุ่มพูดข่ม “บอกมาให้หมดว่าไอ้เด็กเวรนั่นทำอะไร แกถึงได้ยอมทำตามมัน”

“ปละ…เปล่านะครับ ผมไม่ได้ทำตามหมอนั่นสักหน่อย” เสียงทุ้มลนลาน อาการเหมือนคนกำลังจะโดนโบกปูนถ่วงอ่าว “ทะ…ที่ผมทำไป ก็เพื่อคุณวินนะครับ”

ถ้าอยู่ต่อหน้า หมัดคงลอยเข้าหน้าดรไปแล้ว

“แล้วผมก็เห็นว่าไอ้เด็กนั่นมันก็ชอบคุณสิทธิ์ ก็ปล่อยให้พวกเขาไปมีความสุขเลยสิครับ จะไปกีดกันทำไมละครับ…”

“แต่ไม่ใช่ตอนนี้โว้ย!!”

แม้แต่คนพูดยังเผลอสะดุ้งเพราะดันลืมตัวตะคอกเสียดัง ชาหันไปมองทางห้องประธาน แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงนั่งปั่นงานอยู่บนโต๊ะ จึงหันกลับมาคุยต่อ

“นายรีบไปจับหมอนั่นกลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ จะรุนแรงแค่ไหนฉันก็ไม่ว่า ถ้าให้ดีโปะยาสลบเลย ไม่ต้องถามไถ่อะไรมันทั้งสิ้น”

ดรถึงกับอ้าปากค้างเพราะเขาไม่คิดว่าชาจะใช้วิธีโหดร้ายขนาดนั้นกับเดียร์ได้ ก็เห็นดูจะสนิทกันดีออก

“ครับ ได้ครับ” ว่าเสร็จก็รีบไปจัดการตามสั่งอย่างทันท่วงที

และเพียงยี่สิบนาทีก็โทรกลับมา

“…ผมว่าคงไม่ทันแล้วละครับ…” ดรเอ่ยเสียงค่อย

“ทำไม” ชาเผลอกัดฟันกรอดเพราะไม่คิดว่าจะได้ฟังสิ่งที่ไม่อยากได้ยิน “หมอนั่นมันหนีนายไปได้รึไง”

“แย่กว่านั้นอีกครับ…” ถ้ามุดดินหนีได้ ดรคงทำไปแล้ว “เพราะตอนนี้เดียร์กำลังอยู่กับคุณสิทธิ์ครับ…และกำลังไปกับคุณสิทธิ์แล้วครับ”

“ว่าไงนะ!”


_________________________
แหะๆ ที่หายไปไม่ใช่ว่าอู้หรอกนะงับ จริงจริ๊ง พอดีติดเรื่องทำหนังสือ ย้ายบ้าน พาแมวทำหมัน เลยไม่ได้เอามาลงซักที =3= แต่ก็ต้องขอโทษที่หายไปเสียนานด้วยงับ =_=

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
เย้ย เรื่องนี้หนุกอ่ะ ชอบ ๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด