ขอโทษด้วยนะคะที่หายไปนานเลย งานรุมเร้ามากมาย เพราะต้องส่งต้นฉบับถึงสองเรื่อง แล้วยังต้องแก้อีกเลยหาเวลาแต่งต่อไม่ได้ T^T
แต่ตอนนี้ว่างแล้วค่ะ >< สัญญาว่าจะพยายามอัพให้สม่ำเสมอค่ะตอนที่ ๗ (ต่อ)
“ผมขอยืมรถหน่อยนะครับ แล้วจะรีบกลับ”
“วันนี้วันหยุด เดี๋ยวผมขับรถให้ก็แล้วกัน”
ไม่ถึงชั่วโมงดีรถโตโยต้าโซลูน่าสีบรอนซ์ทองก็มาจอดอยู่หน้าเรือนไม้ไร่เคียงฟ้า ทันทีที่ลงจากรถคุณหมอตัวเล็กก็พบสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนักของน้องชายเจ้าของไร่ ข้างๆ กันนั้นมีเด็กชายตัวเล็กผิวขาวที่ทำหน้าเหมือนโดนบังคับให้กินยายืนอยู่ด้วย
“พี่มะรุมฮะ พ่อเป็นอะไรก็ไม่รู้ตัวร้อนเหมือนไฟเลย” พิกเล็ตรีบรายงาน
วรทย์ย่อกายลงจนระดับความสูงเกือบจะเท่ากับเจ้าตัวน้อย มือขาวสะอาดยกขึ้นลูบหัวทุยเบาๆ “พี่รู้แล้วครับ เอากระเป๋ายามาด้วยรับรองพ่อเสือของพิกเล็ตต้องหายแน่”
“จริงๆ นะฮะ”
“จริงซิ พี่เคยโกหกเราด้วยหรือ” เขายิ้มให้เด็กชาย ก่อนจะยืดกายเต็มร้อยเจ็ดสิบสองของตัวเอง ตากลมคู่หวานมองผู้ชายหน้าขาวผิดจากคนพื้นที่ของอาณกร “อยู่ในห้องใช่ไหมครับ”
“ครับ ผมเช็ดตัวให้แล้ว แต่…” อาณกรหยุดเสียง ใบหน้าเข้มขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับกระดากอาย “ไอ้ตรงนั้นมันบวมมากด้วย”
วรทย์หน้าซีดลงแต่คงเพราะสถานการณ์ตรงนั้นเลยไม่มีใครสังเกตเห็น เขาทำแค่พยักหน้ารับรู้หิ้วกระเป๋าพยาบาลไปยังห้องพักของพศินโดยไม่ต้องให้ใครพาไป
คิมหันต์ล็อครถเสร็จร่างเล็กๆ ของวรทย์ก็หายเข้าไปในตัวบ้านพอดี เขาไม่ได้มาเพื่อรักษานายเสืออะไรนั่นแค่ขับรถมาให้เท่านั้นเลยไม่คิดจะเข้าไปยุ่มย่าม ตั้งใจว่าจะเดินเล่นรออยู่แถวนี้ ยังไม่ได้ทันจะได้สำรวจความงามของไร่เคียงฟ้าอันโด่งดัง เขาก็พบกับผู้ชายตัวบางที่ยืนอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียวสดพร้อมกับเด็กชายตัวน้อยตัวขาวพอๆ กัน มองไปมองมาคุณอาณกรอะไรนี่น่าจะเป็นพ่อของเจ้าน่ารักคนนี้มากกว่า
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่รบกวนบ่อยๆ” อาณกรบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพพลางขยับเท้าจากที่เดิมเล็กน้อยคล้ายกับจะเดินกลับเข้าบ้าน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ วันนี้วันหยุดไม่ได้ธุระที่ไหนถือซะว่ามาพักผ่อน” เขาบอกอย่างอารมณ์ดี ยิ้มให้เด็กชายไปด้วยความเอ็นดู นึกเอะใจว่าคนเป็นแม่ทิ้งไปอย่างไรทั้งที่ลูกชายน่ารักขนาดนี้
อีกคนไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่ค้อมตัวลงเล็กน้อยเป็นเชิงชวนให้เขาเดินไปพร้อมกัน
“ลุงชื่ออะไรหรือฮะ”
คิ้วหนาของคิมหันต์ยกสูงยกมือชี้ตัว “ฉันน่ะหรือ”
“ฮะ” เจ้าตัวเล็กพยักหน้าหงึก ใบหน้าเล็กแหงนเงยมองอย่างรอคำตอบ
ชายหนุ่มยิ้มแห้งๆ สงสัยหมู่นี้เขาคงจะกินกาแฟมากไปหน่อยหน้าถึงได้แก่จนเจ้าตัวนี้เรียกเขาว่าลุง “ชื่อคีย์ครับ เราชื่อพิกเล็ตใช่ไหม”
“ฮะ” เจ้าพิกเล็ตยังไม่เลิกมองเขา “ลุงว่าพ่อผมจะหายไหม”
“หายซิ หมอมะรุมเก่งจะตาย” เขาพูดอย่างให้กำลังใจ “ลุงหิวจังบ้านหลังนี้มีขนมให้กินไหมน้อ”
ตากลมๆ ของพิกเล็ตเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย ผงกหัวจนผมปลิว “มีฮะ อาออยเพิ่งทำสละลอยแก้ว คุณลุงอยากกินไหมฮะ”
“อยากซิ”
พิกเล็ตยิ้มจนตาหยี กระตุกมือคุณอาตัวเล็ก “อาออยฮะ ให้ลุงคีย์กินสละกับเราได้ไหม”
“ได้ซิ”
อาออยของพิกเล็ตแสดงน้ำใจ ก่อนจะเดินนำขบวนเข้าสู่ห้องครัวที่หอมอวลไปด้วยผลไม้รสเปรี้ยวในน้ำเชื่อม กระตุ้นน้ำย่อยในกระเพาะของคุณหมอหนุ่มให้ทำงาน…
แม้จะเป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาในห้องพักส่วนตัวของนายเสือ ถึงจะพอสังเกตเห็นความสวยงามของการตกแต่งแต่เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะชื่นชมความงามใดๆ ได้ กระเป๋ายาใบใหญ่ถูกวางบนตั่งตัวใหญ่ทำด้วยไม้มะคร่าสีน้ำตาลแดงเคลือบเงา ตาคู่หวานมองไปยังเตียงกว้างโดยมีร่างของเจ้าของนอนหลับสนิทอยู่บนนั้น
ผ้าห่มลายสวยไม่เข้ากับคนนอนห่อจนถึงช่วงอกกว้าง เขาพอจะมองออกว่าพศินซูบผอมลงกว่าเดิมแต่กระนั้นก็ยังคงพึ่งผายเอาไว้ได้ไม่น้อย กล้ามอกที่น่าอิจฉาสะท้อนขึ้นลงตามจังหวะหายใจ เขาทอดมองแพขนตายาวที่ปิดเลยลงมา มันสวยยิ่งกว่าของผู้หญิงเสียอีก จมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากสีเข้มได้รูป มันไม่ได้หนาหรือบางจนเกินไป เขาไม่ปฏิเสธหรอกว่านายเสือหล่อเหลาเอาการ แต่ถ้าเทียบกับนิสัยแย่ๆ มันทำให้ความหล่อลงระดับลงไปมากทีเดียว
วรทย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ใบหน้าคมสันซีดเซียวด้วยพิษไข้ที่รุมเร้า เขาเชื่อว่าอาณกรคงให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นไปบ้างแล้ว สังเกตจากอ่างแก้วที่บรรจุน้ำอยู่ในนั้นพร้อมกับยาแก้อักเสบที่วางอยู่ใกล้ๆ กัน และผ้าขนหนูชื้นๆ บนหน้าผากสูงของคนป่วย แต่อาการของนายเสือคนจะหนักเกินกว่าจะรักษาได้ด้วยการกินยากับเช็ดตัว ถึงต้องรีบโทรตามเขาให้มาดู เขาไล่สายตาไปตามเรือนกายแข็งแกร่งภายใต้ผ้าห่มสีหวาน คุณหมอหยุดสายตาที่กลางลำตัวมันนูนขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าก็ยังพอเห็นได้ว่ามันผิดปกติ
ลมหายใจถูกถอนทิ้งอีกครั้ง ไม่อยากจะโทษหรอกว่ามันเป็นความผิดของเขาเอง ก็เพราะไอ้หมอนี่มันดันมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขาก่อน เลยได้การตอบแทนที่สาสมกลับไป แต่เขาดันลืมคิดไปว่าไอ้ที่ตามมาคือการอักเสบอย่างรุนแรงเพราะบริเวณนั้นมันบอบบางไม่น้อย และเพราะสำนึกผิดเขาถึงต้องมาอยู่ที่นี่ ร่างเล็กนั่งลงบนเตียงกว้างใช้หลังมือแตะที่แก้มสากเบาๆ เพื่อวัดอุณหภูมิแล้วก็รู้ว่ามันอุ่นจัดจนร้อน ผ้าที่หน้าผากเริ่มจะแห้งเพราะไอร้อนจากร่างกายคนป่วยดึงเอาน้ำไปหมด เขายกมือใหญ่วางบนตักแล้ววัดชีพจรหัวใจ โชคดีที่มันยังเต้นเป็นปกติ จากนั้นก็ดึงเอาเครื่องมือวัดความดันออกมา เขาวัดความดันให้นายเสือ มันสูงกว่าปกตินิดหน่อยคงเพราะมาจากอาการเจ็บป่วย
เรื่องการเป็นไข้คงไม่น่าห่วงเท่านั้นสัดส่วนสำคัญที่ทั้งบวมและอักเสบ ต้องเร่งรักษาโดยเร็ว เขาสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะเลิกผ้าห่มผืนสวยออก แล้วจัดการรักษาเจ้าเสือน้อยตัวบวมทันที…