ตอนที่ 14
ฝุ่นกับฝ้ายรับหน้าที่หุงหากับข้าวมื้อเย็นให้พ่อกับแม่พร้อมไปกับการรายงานเรื่องหมี่ให้ฟางฟังไปด้วย
“พูดกันตรง ๆ นะพี่ หมี่น่ะมันจริงจังมากนะเรื่องที่มันจะเป็นเมียพี่ตาล” ฝุ่นพูดทั้งที่น้องสาวอยู่ใกล้ ๆ “พวกผู้ใหญ่น่ะชอบพูดกันแต่ว่ายังเด็กอยู่ แต่ที่จริงมันไม่เด็กแล้ว”
“แล้วที่โรงเรียนหมี่เป็นไงบ้าง” ฟางหันมาหาน้องสาวที่อยู่ ม.3 โรงเรียนเดียวกัน
“มันเงียบนะพี่ ไม่ค่อยคุยกับใคร เว้นแต่อยู่กับฉันอยู่กับพี่ฝุ่นจะพูดไม่หยุด”
“แต่ไม่ได้มีใครเขม่นใช่มั้ย”
“ไม่หรอก พี่ก็รู้ว่า พี่วันชาติน่ะนักเลงขนาดไหน ไปข่มไว้ว่านี่หลานกู ถ้าไม่ชอบมันก็อยู่ห่าง ๆ อย่าสร้างเรื่องไม่งั้นถึงตำรวจแน่”
ฟางไม่ได้แปลกใจกับคำขู่ของวันชาติเลยสักนิด
ก็ตั้งแต่แรกมา ทุกคนเชื่อว่าหมี่คือลูกของตาลาไตมาตลอด
ยังไม่ทันจะตั้งสำรับให้พ่อกับแม่ ตาลาไตก็เดินมาตามให้ไปบ้านใหญ่ด้วยกัน
“เดลก่อเรื่องหรือครับ”
ตาลาไตยิ้มขำ “ไม่ใช่หรอก เพื่อนเรามันตัวสร้างเรื่องขนาดนั้นหรือไง”
“ฉันห่วงว่าจะทะเลาะกับพี่วันชาติจนพ่อใหญ่กับแม่ใหญ่ปวดหัวน่ะสิ”
“ก็เกือบ ๆนะ คนงานเล่าว่าเมื่อเย็นจะเอาไม้ฟาดหัวไอ้วันชาติ”
พ่อกับแม่ที่เก็บของที่ตากไว้ที่ลานบ้านถึงกับหันมาทำเสียงประหลาดใจ
“ตอนฟางพามาที่สวัสดี ไม่เห็นว่าจะอารมณ์ร้อนอย่างนั้น มันอะไรกันล่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน ยังไม่มีโอกาสได้ถาม แต่ตอนนี้แม่ให้มาตามฟางไปหา”
“เออ ๆ รีบไปเสียก่อน” พ่อที่เป็นคนขี้เกรงใจรีบบอก “พรุ่งนี้วันอาทิตย์ จะให้เตรียมของไปวัดหรือเปล่า”
“เออ นั่นสิ ข้าก็ลืมไป ไม่ได้รู้วันรู้คืนเลยว่านี่มันวันอะไรแล้ว” แม่ทำท่าจะบ่นต่อ ฟางก็เลยหันไปจูงจักรยานคันเดิมแล้วหันมามองหน้าคนตัวโต
“พี่จะซ้อนฉันมั้ย หรือจะขี่เอง”
“ซ้อนแล้วกัน”
ตาลาไตพูดพลางเหวี่ยงขานั่งซ้อนท้ายจักรยาน
เพิ่งรู้ตัว
ว่านี่คือครั้งแรกที่ตาลาไตซ้อนท้ายจักรยานที่ฟางเป็นคนขี่ แล้วเมื่อนึกทบทวนอีกที ฟางเองก็ไม่เคยซ้อนท้ายจักรยานของตาลาไตเหมือนกัน
พอพ้นเขตบ้าน แขนใหญ่ ก็โอบรอบเอวบาง
ฟางมองมือแล้วก็มองตรงไปข้างหน้าเหมือนเดิม
“ดูเหมือนเรื่องที่ทะเลาะกัน จะเป็นเรื่องที่พวกมันไปเจอแฟนเก่าวันชาติ”
หนุ่มตัวผอมแค่พยักหน้า ไม่ได้ท้วงว่าเมื่อครู่พี่เพิ่งบอกกับแม่ว่าไม่รู้ว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร
“พี่เพิ่งรู้ว่าวันชาติเคยมีแฟนเป็นผู้ชายด้วย”
ฟางแค่หันมามองแล้วก็ขี่จักรยานต่อไป
“ที่ผ่านมา ถึงจะรู้ว่าวันชาติมันจีบสาวไปเรื่อย แต่ทุกคนเพิ่งรู้ว่ามันมีแฟนเป็นผู้ชายเพราะ 2 คนนี้ทะเลาะกันแล้วมีคนงานเห็น ก็เอาไปคุยกันสนุกพูดกันไปใหญ่ว่ามีเมียทั่วเมือง หญิงชายได้หมด แม่ใหญ่เลยให้พี่มาตามฟาง คงอยากซักถาม”
ฟางกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกว่าการที่ตาลาไตมาตามด้วยตัวเอง แทนที่จะให้คนอื่นมาตาม ก็เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวกับตาลาไตและฟางเหมือนกัน
เมื่อจอดจักรยานที่หน้าบ้าน ตาลาไตถามฟางดวยน้ำเสียงหนักๆ
“ถ้าแม่ซักถามเรื่อง....เรา...ฟางอยากให้พี่บอกแม่ยังไง”
ฟางก้มหน้ามองพื้นไม่ได้ตอบคำถาม
มือใหญ่จับศีรษะเล็กโยกเบา ๆ “เรามันก็เป็นเสียอย่างนี้”
“ก็ที่จริง พี่ก็เป็นเจ้านาย ฉันเป็นคนทำงานบ้านไง”
“ฟางคิดอย่างนั้นจริง ๆหรือ”
“ครับ”
“พี่จำได้ว่าฟางเคยบอกว่า รักพี่”
ฟางเงยหน้าขึ้นมอง สีหน้าไม่ใช่ขัดเขินที่พี่รู้ความในใจ แต่มันคือความแปลกใจจนตาลาไตสงสัย
“ทำไม มองหน้าอย่างนี้แปลว่าอะไร”
“ฉันแปลกใจที่พี่พูดแบบนี้”
ตาลาไตกอดคอหนุ่มตัวเล็กเดินไปหาแม่ที่เดินลงจากบ้านมารอที่หน้าครัว
“ฟาง มาช่วยข้าตำน้ำพริกหน่อย”
ฟางช่วยแม่หาเครื่องแกงอยู่ในครัว ขณะที่ตาลาไตฟอร์มอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ใกล้พอที่จะได้ยินเสียงพูดคุยกันในครัว
ส่วนหมี่ก็รีบหยิบหนังสือนอกเวลาเรียนมานอนอ่านอยู่ใกล้ ๆตาลาไต
ขณะที่วันชาติกับเดล ถูกพ่อเรียกไปช่วยทำบัญชีของในโรงปุ๋ย
“เอ็งรู้จักเพื่อนเอ็งคนนี้มานานขนาดไหน” แม่ใหญ่เข้าเรื่อง ท่าทางจริงจังไม่เหมือนที่ผ่านมา
“ก็ตั้งแต่รับน้องน่ะครับ เรียนคณะเดียวกัน”
“แล้วรู้จักกับวันชาติเมื่อไหร่”
“ตอนงานพี่บุ๋มครับ มันตามผมมาช่วยที่วัด”
แม่ใหญ่พยักหน้า ตอนนั้นก็เห็นหนุ่มคนนี้แล้ว แต่ไม่ได้ติดใจอะไร แล้วก็ไม่คิดว่าวันชาติจะให้ความสนใจหนุ่มคนนี้เป็นพิเศษ
แม่ใหญ่ถามอะไรมา ฟางก็ตอบไปทุกคำถาม
ทุกคำถามที่แม่อยากรู้ ถามลูกชายทั้ง 2 คนก็ได้ แต่ตาลาไตเชื่อว่า แม่คงเห็นว่าฟางเป็นคนซื่อแล้วก็รู้จักกับเดลถึงได้ให้ไปตาม เพื่อถามทุกเรื่องซ้ำอีกครั้ง
“งั้นก็แสดงว่ามันเพิ่งคบกัน”
มาถึงคำถามนี้ ฟางกลับเงียบ เพราะไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ตกลงคู่นี้คบกันหรือกันลักษณะไหน
...ก็เขาไม่ค่อยเหมือนคู่รักสักเท่าไหร่....
พอไม่รู้ว่าจะต้องตอบยังไง ดวงตากลม ก็เหลือบมองคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่แคร่สารพัดประโยชน์หน้าครัว มีหมี่นอนหนุนตักอ่านหนังสืออยู่ แล้วก็เห็นว่า พ่อใหญ่ วันชาติ และเดลกำลังเดินมาที่บ้าน
แต่แม่กำลังหันหน้าให้เตาแก๊ส และหันหลังให้ทุกคน
“ที่ผ่านมา วันชาติมันบอกว่าโสด แต่มันก็ย่องออกจากบ้านไปหาอีนั่นอีนี่ข้าก็ไม่ได้ติดใจ แต่ถ้ามันจะมีเมียเป็นตุ๊ดแบบนี้ ให้มีเมียเป็นกะหรี่ในเมืองยังดีเสียกว่า”
แม่ใหญ่พูดไปเรื่อย ขณะที่ฟางมองหน้าเพื่อนที่เจื่อนไปทันที
เมื่อมองไปที่วันชาติ หมี่ จนถึงตาลาไต ทุกคนกำลังโดนคำพูดของแม่ด้วยกันทั้งหมด
รวมถึงฟางเอง
“แม่เอ็ง ทำอะไรใส่บาตร”
“แกงหมูใส่มะเขือ” แม่บอกแล้วหันกลับมา
แม่ชะงักไปเพียงเสี้ยววินาที เมื่อมองมือของวันชาติที่จับมือของเดลไว้แน่น
“เดลไม่ใช่กะหรี่ ไม่ใช่อีนั่นอีนี่ แต่เป็นคนที่ฉันบังคับให้เขาคบกับฉัน” วันชาติพูดกับแม่ตรง ๆ “แล้วเวลาที่ฉันจะชอบใครสักคน ฉันไม่เคยมองว่า เขาเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ฉันแค่ไม่เคยบอกกับแม่ ว่าคนที่ฉันไปหาเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเท่านั้น”
“วันชาติ เอ็งเป็นแบบนี้ได้ยังไง ทำไมเอ็งถึงชอบผู้ชาย”
“เป็นได้ไงไม่รู้ รู้แต่ว่าเวลาคุยกับผู้ชายแล้วไม่ต้องแปล ไม่ต้องเดาว่า ที่พูดมาแปลว่าใช่หรือไม่ใช่ และเดลก็เป็นได้ทั้งเพื่อน และคนรักของฉัน”
แม่ใหญ่มองวันชาติเหมือนไม่เชื่อหู
ส่วนเดลจ้องมองวันชาติ ขณะที่เสียงในหัวใจร้องบอก ว่าคนที่วันชาติพูดถึงคือคนที่พบกันที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในเมือง....
....กูน่ะหรือ เพื่อนและคนรัก....ไม่ใช่หรอก คนที่เขาพูดถึงไม่ใช่กู...
“เอ็งคิดอย่างนี้ได้ยังไง”
“ก็บอกว่าไม่รู้”
หมี่มองผู้ใหญ่คุยกัน แล้วก็แทรกขึ้นมา “ยายไม่เห็นต้องโกรธ น้าวันชาติเจ้าชู้จะตาย เดี๋ยวก็โดนทิ้งอีกแหละ”
พ่อใหญ่หัวเราะหึหึ รับมุกหลานนอกไส้ “วันนี้มันจะเป็นอะไร ชอบใคร ยังไง แต่ถ้ามันไม่เปลี่ยนนิสัยรักไปเรื่อย ลงท้ายก็เหมือนเดิม..ไปหมี่ ปู่พาเข้านอน”
หมี่ที่กำลังเป็นวัยรุ่นตอนต้นหันมามองหน้าตาลาไต แล้วเดินตามพ่อไปด้วยดี ทั้งที่อยากคุยกับแม่ใหญ่เรื่องที่แม่ใหญ่ไม่เห็นด้วยที่น้าวันชาติจะมีแฟนเป็นผู้ชาย
ก็ถ้าแม่ใหญ่ไม่เห็นด้วยเรื่องน้าวันชาติ แล้วที่หมี่จะเป็นเมียน้าตาลแม่จะเห็นด้วยได้ยังไง
ที่ผ่านมาเวลาพูดเรื่องนี้ แม่ใหญ่จะดุว่าพูดจาแก่แดดก็จริง แต่ไม่เคยจริงจังเหมือนคราวนี้
หมี่กับพ่อใหญ่ยังไม่ทันจะก้าวบันไดพ้นขั้นสุดท้าย วันชาติก็พูดขึ้น
“สรุปว่า ที่แม่ไม่พอใจก็เพราะว่าฉันทะเลาะกับเดล จนคนงานเห็นแล้วเอาไปนินทากันถูกมั้ย งั้นถ้าฉันกับเดล จะไม่ทะเลาะกัน ไม่ทำอะไรออกนอกหน้า แม่จะพอใจมากกว่าหรือเปล่า”
แม่กอดอกแน่น
ยอมรับกับตัวเองว่า การที่วันชาติเป็นลูกคนเล็กที่มีรักไปเรื่อยเปื่อย แล้วก็มีเพื่อนของฟางคนนี้แหละที่พาเข้าบ้านเป็นคนแรก กำลังทำให้ความรู้สึกไม่พอใจมันคลายลงไป
“แล้วเอ็งว่าไงล่ะตาล” แม่หันไปถามความเห็นลูกชายคนโต
ตาลาไตพยายามคิดโดยวางตัวเป็นคนนอก แต่พอมองน้องชาย แล้วหันไปมองคนที่อยู่ในครัว มันยากที่จะวางตัวเป็นกลาง
“วันชาติกับเดลเพิ่งเริ่มคุยกัน อนาคตจะเป็นยังไงก็ยังไม่รู้ ถ้าแม่ห้ามจะกลายเป็นยิ่งยุหรือเปล่า”
“ก็นั่นแหละที่ข้าถึงได้ถามจากไอ้ฟางก่อน เพราะเอ็งมันเข้าข้างน้องชายตลอด แต่ไอ้นี่ก็ไม่เคยได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับใครเขาเลย” แม่หันไปหาคนในครัว
คุยกันไปคุยกันมา แม่ใหญ่ก็สรุป “ถ้าพวกเอ็งจะไม่ประเจิดประเจ้อ ไม่ทำให้คนเขาดูถูก ข้าก็พอจะเออ ๆ ออ ๆ แล้วแต่พวกเอ็ง เพราะวันชาติยังมีไร่มีสวนให้ต้องดูแล มีคนงานที่ต้องเลี้ยงดู แต่ถ้าเป็นพ่อตาล ข้าคงรับไม่ได้ เอ็งคือคนที่เป็นหน้าเป็นตาของข้า”
แม่หันมาหาลูกชายคนโต
“ข้ารู้ว่าเอ็งไม่เหมือนไอ้วันชาติ เพราะเอ็งเพิ่งเสียเมียไป ทั้งมีเรื่องจนต้องออกจากงาน ก็อย่าได้ใจร้อนวู่วามคว้าผู้หญิงที่ไหนมาเป็นเมียโดยที่ไม่ได้ดูให้ดีเสียก่อนล่ะ”
ทั้งวันชาติและเดลมองเห็น ว่าตาลาไตไม่ได้พยักหน้ารับคำแม่ ทั้งไม่ได้ส่งเสียงขานรับ มีแค่รอยยิ้มไม่เปิดปากเมื่อแม่พูดจบเท่านั้น
แต่ฟางไม่กล้าหันไปมอง
ทุกคำพูดที่แม่พูดมา ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากที่เคยคุยกับตาลาไตก่อนหน้านี้เลยสักนิด
แล้วเราล่ะ
.....ได้เป็นคนที่อยู่ใกล้แบบนี้ก็ดีแล้ว....
มีมอเตอร์ไซค์แล่นเข้ามาจอด วันชาติหันไปมอง
“โรจน์มา”
มือที่จับไว้ตั้งแต่ได้ยินที่แม่พูดจนถึงประโยคสุดท้ายที่สั่งตาลาไตคลายออกทันที
เป็นการคลายมือที่เดลรู้สึกว่า โดนสะบัดมือออก
...ทั้งที่ไม่ได้คิดอะไร แต่กลับรู้สึกว่าหัวใจโดนเหวี่ยงลงกับพื้น....
คนตัวหนาก้าวยาว ๆ ไปหา
“ทำไมมาตอนค่ำ อันตราย”
โรจน์ยังไม่ลงจากรถก็ยกมือไหว้แม่ใหญ่ แล้วหันไปหาวันชาติ
ทั้งท่าทางการพูดและน้ำเสียง แตกต่างจากตอนที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง กลายเป็นครูโรจน์ผู้ใจดี
“มันไม่สบายใจ อยากคุยกับต่อ”
วันชาติหันมามองกลุ่มคนที่ยืนมองมาแล้วหันมาหาโรจน์
“พรุ่งนี้ผมไปหาที่บ้านพักแล้วกัน”
โรจน์ลดเสียงลง กลายเป็นโรจน์คนที่อยู่ที่บ้านพัก “โรจน์เลิกกับเขาแล้ว... โรจน์บอกกับเขาว่า โรจน์รักต่อ โรจน์เพิ่งรู้ตัวว่ารักต่อมากขนาดไหน ก็ตอนที่เห็นว่าต่ออยู่กับคนนั้น”
แม่หันมาหาตาลาไต
“อย่าบอกนะ ว่าโรจน์คือคนที่ทำให้วันชาติอกหัก ไม่ใช่แม่ลีลาลูกสาวแม่ค้าห่อหมก ที่ตลาดอำเภอ”
“ใช่” ตาลาไตบอกสั้น ๆ
แม่ทำหน้าเหวอ “อ้าวเฮ้ย มันยังไงกัน ทำไมข้าเพิ่งรู้”
“ฉันก็เพิ่งรู้เมื่อเช้า ที่ผ่านมาวันชาติมันเล่าแค่ไหนก็แค่นั้น เรื่องส่วนตัวของมัน ไปเซ้าซี้ถามมันมาก ๆ มันจะยิ่งดันทุรัง อย่างที่แม่เป็นห่วงน่ะแหละ”
“เอ็งรู้หรือเปล่าเดล” แม่ถาม
“เพิ่งรู้เมื่อบ่าย ตอนที่พี่เขาพาไปเที่ยวแล้วเจอกัน แต่เขาบอกว่า ไม่มีอะไรแล้ว”
“ผู้ชาย 2 คนเลยเหรอ” แม่ทวน “ข้าคิดว่ามีเอ็งอยู่คนเดียวที่เป็นผู้ชาย”
เดลก้มหน้ามองมือตัวเอง แม่ใหญ่ก็พูดต่อไป
“เพราะไปเจอ พวกเอ็งกลับมาเลยทะเลาะกัน จนคนงานมันได้ยิน” แม่สรุปเรื่องพลางพยักหน้า “แล้วเอ็งคิดยังไง”
เดลหันไปมองคนที่ยืนคุยกันห่างออกไป “ฉันเองก็สงสัยมาตลอด ว่าทำไมถึงเป็นฉัน” หนุ่มเหนือใช้สรรพนามเรียกตัวเองตามทุกคน “ฉันก็คิดไปร้อยเรื่อง จนกระทั่งเห็นพวกเขา แล้วเขาเล่าเรื่องให้ฟัง ว่าคนนั้นเขาก็มีคนที่คบอยู่ มาตอนนี้ ฉันเชื่อว่า เขาคงอยากหาทางออกจากความสัมพันธ์แบบหลบ ๆซ่อน ๆนั่นก็ได้ เขาไม่ได้ชอบฉันหรอก”
“ก็มันบอกว่า มันบังคับให้เอ็งคบกันมัน” แม่ใหญ่ทำหน้าสงสัย
.....ทำไมยิ่งคุยกัน ข้าก็ยิ่งไม่เข้าใจความคิดและความรักของลูกชายคนเล็กของข้านะ....
ตาลาไตเป็นคนตอบ “เท่าที่คุยกัน มันเองก็ยังไม่รู้ว่าจะตัดสินใจยังไงกับชีวิตตัวเองดี เรื่องการทำงานน่ะ มันมีแนวทางของมัน แต่เรื่องความรักน่ะมันตามใจตัวเองมาตลอด มาถึงตอนนี้ มันคงมีอะไรให้หยุดคิดน่ะ แล้วอายุมันก็ไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว”
แกงที่เตรียมใส่บาตรตอนเช้าเสร็จแล้ว เหลือเพียงแค่ใส่มะเขือตอนที่อุ่นก่อนตักใส่บาตรอีกครั้งเท่านั้น ฟางเก็บเครื่องครัวล้าง ขณะที่หูได้ยินทุกคำพูดที่หน้าครัว
มันเป็นเรื่องของวันชาติที่ทุกคนแทบไม่เคยรู้มาก่อนเลยก็จริง
แต่ที่มันเป็นกังวลอยู่ก็คือ การที่แม่ใหญ่มีแนวโน้มจะยอมรับเรื่องคนรักของลูกชายคนเล็ก แต่กลับห้ามตาลาไตนี่สิ
...มันไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายไม่ใช่หรือ แล้วเราจะกังวลไปทำไม...
“เฮ้ย 2 คนนั่น มาคุยกับข้าสิ” แม่เรียกวันชาติกับโรจน์ให้มาหา
“เล่าเรื่องให้ข้าฟัง”
โรจน์เหลือบตามองวันชาติเชิงถาม แต่วันชาติหันไปมองเดล
“ฉันกับโรจน์จบกันไปแล้ว” วันชาติตอบต่อหน้าทุกคน
โรจน์ได้แต่ยืนหน้าชา พยายามควบคุมตัวเอง “จ้ะ ฉันก็แค่อยากคุยกันให้เข้าใจ ว่าฉัน....บอกเลิกกับทางนั้นไปแล้ว ก็...แค่นั้น” ครูหนุ่มหันมาบอกกับเดล “แล้วตั้งแต่ตอนที่ต่อไปที่บ้าน จนถึงเมื่อบ่าย เรายังพูดไม่เข้าใจว่า ทำไม เพราะอะไร ฉันแค่รู้สึกไม่สบายใจ”
“แล้วตอนนี้คุยกันเข้าใจหรือยัง” แม่ใหญ่ถาม “วันชาติมันมีคนรออยู่ที่บ้านแล้ว มันไม่ไปหาเอ็งแล้ว”
โรจน์พยักหน้ายอมรับ “ฉันกลับละจ้ะ”
ครูหนุ่มยกมือไหว้แม่ แล้วเดินกลับไปที่รถ วันชาติทำท่าจะขยับตาม แต่แม่ใหญ่เรียกให้หยุด
“ตาลเอารถไปส่งเขาด้วย ขี่รถตอนกลางคืนมันอันตราย แล้วคนที่เพิ่งผิดหวังแบบนี้ มันทำอะไรก็ได้เพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบ”
พ่อใหญ่กลับลงมาดู แล้วเรียกทุกคนให้ขึ้นไปคุยกันบนบ้าน แต่ให้ฟางรออยู่ข้างล่าง จนกว่าตาลาไตจะกลับมา
ดูท่าทางการพูดคุยคืนนี้ยังไม่จบลงง่าย ๆ
ฟางปิดไฟในครัว แล้วนั่งรออยู่ที่แคร่ตัวใหญ่ประจำบ้าน นานเกือบชั่วโมงตาลาไตก็กลับมา
“พี่ขับรถเร็วไปหรือเปล่า” ฟางถามยิ้ม ๆ
“ไม่หรอก ไปถึงยกรถมอเตอร์ไซค์ลง ก็กลับมาเลย แล้วทำไมเราอยู่ตรงนี้”
“พ่อใหญ่ให้รอพี่”
ได้ยินเสียงเปิดประตูบ้าน เดลก้าวลงมาก่อน ตามมาด้วยวันชาติ
“กูไปนอนบ้านมึง” เดลบอก
ฟางพยักหน้าง่าย ๆ หันมาบอกกับตาลาไต “ฉันไปแล้วนะ”
“เออ พรุ่งนี้กินข้าวเที่ยงเสร็จค่อยกลับ”
รถจักรยานของฟางยังไม่ทันจะห่างออกไป ตาลาไตก็หันมาหาน้องชาย
“ความลับเยอะนะมึง”
“ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นความลับ” น้องชายลูบท้ายทอย เหลือบตามองคนที่นั่งซ้อนท้ายจักรยานของฟาง “พี่เองก็รู้ดีว่าเป็นโฮโมน่ะมันพูดยาก แล้วยิ่งไปแทรกคู่คนอื่นแบบนั้น ใช่ว่าฉันจะไม่คิดอะไร แต่ก็ไม่อยากถอนตัวถอนใจออกมา ส่วนเรื่องที่พูดกันว่าฉันจีบไปเรื่อยน่ะ เพราะฉันเองก็รู้ตัว ว่าไม่ได้ดีพอที่จะเป็นสามีหรือพ่อของใครได้ ไม่อยากพาใครมาลำบากด้วย คือตอนจีบน่ะ มันก็ความรู้สึกหนึ่ง แต่พอไปบ้านเขาครั้ง 2 ครั้งก็เริ่มมีคำถาม แต่งเมื่อไหร่ อะไร ยังไง ฉันก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย”
พี่ชายได้แต่ส่ายหน้า “งั้นกูถามมึง วันที่มึงอายุ 60 มึงกำลังทำอะไรอยู่”
วันชาติมองสวนท่ามกลางความมืด “ก็คงกำลังเก็บมะม่วงลงเข่งอยู่มั้ง”
“แล้วใครที่อยู่ข้าง ๆมึง”
วันชาติหันมามองหน้าพี่ชาย และตอบตรงกับใจ “ไม่มีใครเลย ฉันอยู่ในสวนนี้เพียงคนเดียว”
ตาลาไตกอดคอน้องชายพาขึ้นบนบ้าน “ถ้ามึงไม่เปลี่ยนตัวเอง มึงจะอยู่ที่นี่เพียงคนเดียวจริง ๆ แล้วมึงก็ไม่ควรเที่ยวไปดึงใครต่อใครให้ต้องมาเสียใจไปกับมึงอีก”
ขณะที่เดลซ้อนจักรยานของฟางกลับไปบ้านท้ายสวน จู่ ๆเดลก็พูดขึ้นในระหว่าง
“คนที่พี่วันชาติพูดถึงไม่ใช่กู แต่เป็นครูคนนั้น”
“มึงรู้ได้ไง”
เดลพูดด้วยนำเสียงจริงจัง ผิดจากที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง “รู้สิ ตอนแรกกูแค่สงสัย แต่ทันทีที่เขาปล่อยมือจากกู กูก็รู้ตัวแล้ว” คนที่นั่งซ้อนท้ายอยู่พูดต่อไป “เรื่องบางเรื่องดูจากการกระทำมันชัดกว่าคำพูด ยิ่งคนที่สักแต่พูดไปเรื่อยอย่างมันด้วยแล้ว....ทุกคนต่างก็ทำตัวลึกลับซับซ้อนปากไม่ตรงกับใจ มีแต่มึงที่คบง่าย ดูง่าย”
“มึงดูเขาไปก่อนเถอะเดล”
“ไม่ล่ะ เสียเวลาเปล่า คนโลเลไม่แน่นอนแบบนี้ ไม่ต้องเป็นคนรักหรอก ให้เป็นเพื่อนยังมีแต่เรื่องหนักใจ”
----จบตอนที่ 14----
มีคนรอบตัวที่ถนัดจัดการเรื่องชาวบ้าน แต่เรื่องตัวเองยุ่งหยิงวุ่นวายมั้ยครับ วันชาติเป็นแบบนั้น
พบกันวันพฤหัสบดีครับ
ไจฟ์กับที