Happy Birthday My love.เพิ่งจะตีห้าครึ่ง ไฟในห้องนอนก็สว่างจ้า
“อะไรน่ะฟาง” ตาลาไตถาม เมื่อเห็นหนุ่มตัวผอมยืนยิ้มอยู่ข้างเตียง
“ไปวัดกัน”
“ไปทำไมตั้งแต่...” พี่หันไปมองนาฬิกาที่โต๊ะข้างหัวเตียง “ตีห้าครึ่งเนี่ยนะ”
ฟางดึงมือพี่ให้ลุกขึ้น “กว่าพี่จะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เกือบหกโมงแล้ว ลุกขึ้นเถอะ ไปวัดกัน”
“ไปทำไม” พี่ถามอีกครั้ง ขณะที่ลุกตามคำสั่งของน้อง
“ไปทำบุญ วันนี้วันเกิดพี่ไง สุขสันต์วันเกิดครับ”
“เหรอ...เออ..ใช่”
ที่ดูงุนงงนี่ไม่ใช่ว่าเพิ่งตื่นนอนหรอก แต่เพราะตั้งแต่เกิดมา เพิ่งมีคนที่บอกสุขสันต์วันเกิดกันแต่เช้าแบบนี้
ที่ผ่านมา ก็แค่แวะใส่บาตร
แต่มันก็เออ...ดีเหมือนกันนะ...
คนตัวผอมเขย่งตัวหอมแก้มพี่
“สุขภาพแข็งแรง มีความสุขทุกวัน ฟางรักพี่นะครับ”
“ขอบใจ” ตาลาไตทำท่าจะหันไปหอมแก้ม แต่ฟางกลับดันหลังให้ไปห้องน้ำ
“ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวไปทำงานสาย”
ฟางจัดอาหารเช้าสำหรับใส่บาตรเสร็จแล้ว พร้อมด้วยสังฆทานชุดใหญ่ เหลือเพียงไปซื้อดอกไม้ที่วัดใกล้บ้าน
ใส่บาตรทำบุญเสร็จ ก็ออกมายืนเถียงกันอยู่ข้างรถพี่
“ไปกินข้าวที่มหาวิทยาลัยของฟางก็ได้ใกล้กว่ามหาวิทยาลัยพี่” พี่บอกจากฝั่งคนขับ
“ไปมหาวิทยาลัยพี่เหอะ พี่จะได้เข้างานได้เลย” ฟางเถียงด้วยท่าทางจริงจังมาก จากฝั่งตรงข้าม
“ได้ยังไง กินเสร็จพี่ก็ต้องกลับมาส่งฟางที่มหาวิทยาลัย”
“จะมาส่งทำไม ฟางนั่งรถตู้กลับมาได้”
“ไม่ได้ พี่จะกลับมาส่ง ไม่งั้นก็กินที่นี่”
“ไม่ได้ ก็นี่มันวันเกิดพี่ แล้วจะมากินที่นี่ได้ไง”
“ได้สิ วันเกิดพี่ พี่ก็ต้องเลือกสิ”
ยิ่งเถียงกันเสียงก็ยิ่งดังจนคนที่เดินผ่านหันมามอง
“ไม่ให้เลือก ต้องไปกินที่มหาวิทยาลัยพี่เท่านั้น”
“วะ ไอ้คนนี้”
“อย่ามาวะ ไอ้คนนี้นะ ไม่งั้นก็ต่างคนต่างไปเลย เจอกันตอนเย็น จบ”
ตาลาไตชี้หน้ามาจากอีกด้าน “พูดใหม่เลยนะ วันนี้วันเกิดพี่ อย่าพูดอะไรแบบนั้น”
...ไม่รู้หรอกว่าเขาห้ามหรือเปล่า แต่พักนี้ฟางเถียงเก่งขึ้นกว่าเดิม จนเริ่มจะ....เอ่อ..นั่นแหละ...พี่เริ่มเถียงสู้ไม่ได้....
ฟางทำหรี่ตา “แถวมหาวิทยาลัยพี่มีอะไรเป็นความลับหรือไง ฟางถึงไปไม่ได้”
...นั่นไง กูว่าแล้ว...
“จะมีอะไร แค่ไม่อยากให้เทียวไปเทียวมา กินที่นี่เสร็จก็นั่งรอเข้าเรียนสบาย ๆไม่ดีกว่าหรือไง”
หนุ่มตัวผอมใช้วิธีมองหน้านิ่ง ๆพี่ก็...
“เออ ไปก็ไป”
ตาลาไตบอกแล้วเข้าไปนั่งในรถ ฟางก็เข้าไปนั่งบ้าง
หันไปมองหน้าคนมาฟอร์มเงียบอีกที “คนเขาไม่อยากให้นั่งรถไป ๆมา ๆ กลับคิดไปถึงเรื่องอะไรก็ไม่รู้”
ฟางทำย่นจมูกไม่พูดกับพี่จนมาถึงร้านอาหารแถวหน้ามหาวิทยาลัย
กินเสร็จจ่ายเงิน เดินกลับมาที่รถก็รีบบอกก่อน
“ทุ่มนึงที่บ้าน สายได้ไม่เกินครึ่งชั่วโมง”
“อะไรวะ นี่มันวันเกิดใครวะเนี่ย สั่งจัง” พี่บ่นไม่จริงจัง ออกจะขำด้วยซ้ำที่วันนี้คนที่มักจะตามใจพี่ กลับออกคำสั่งมาตั้งแต่เช้า
“วันเกิดพี่ เพราะฉะนั้นพี่ต้องตามใจฟาง”
ฟางบอกทั้งทำหน้าตาข่มขู่
ถ้าตรงนี้เป็นในบ้าน คงได้จับฟัดสักรอบ แต่มองซ้ายมองขวาแล้วท่าจะไม่ดี ได้แต่...พยักหน้า..
แถมก่อนที่จะลงจากรถพี่ไปขึ้นรถตู้ ฟางยังไม่ลืมหันมาย้ำกับพี่อีกครั้ง
“ทุ่มนึงนะ อย่าลืม”
“เออ ไม่ลืมหรอกน่า”
นึกรู้ได้ทันที ย้ำแล้วย้ำอีกแบบนี้คงต้องเตรียมอาหาร เตรียมงานเลี้ยงแน่ ๆ
สิ่งที่พี่ต้องทำตอนนี้ก็คือ ปฏิเสธทุกนัดหลัง 5 โมงเย็นสินะ
ฟางหอบข้าวของเข้าบ้านตั้งแต่บ่าย เซอร์ไพร้ซ์วันเกิดพี่ตามคำแนะนำของผองเพื่อน เป็นสิ่งที่ได้แต่ลังเล ของพี่เดลจัดมาให้ยังแขวนอยู่ที่ไม้แขวนเสื้อหน้าห้องน้ำ เอาเครื่องดื่มเข้าตู้เย็น ทำความสะอาดบ้านเสร็จ เตรียมหมักหมูย่างและอาหารอื่น ๆเสร็จมายืนมอง ก็ยังทำใจไม่ได้
“ห่าเดล แค่เห็นกูก็อายแล้ว จะให้กูใส่ไอ้นี่น่ะนะ ไอ้ฟางคงต้องไปเกิดใหม่แล้วล่ะ”
ทำอาหารเสร็จแล้ว หันไปมองนาฬิกา หกโมงครึ่ง ฟางไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วมานั่งรอพี่บังคับมือตัวเองไม่ให้โทรศัพท์ไปตาม
ไอ้ที่สั่งเขาไปตั้งแต่เช้านั่นมันก็มากเกินไปแล้ว
เราเป็นคนรักของเขานะ ไม่ใช่เจ้านาย....
เริ่มต้นงานตอนเช้าทุกอย่างยังคงราบรื่น จนกระทั่งก่อนจะออกไปกินข้าวเที่ยง คณบดีเรียกพบด่วน แล้วมอบงานกิจกรรมให้ดูแล
“ขอเล่มโครงการภายในบ่ายวันนี้นะอาจารย์”
ตาลาไตกับเพื่อนอาจารย์รับคำสั่งแล้วก็รีบไปกินข้าว กลับมาเร่งมือทำงาน บ่ายรีบไปสอนแล้วกลับมาทำงานต่อ โดยมีเพื่อนอาจารย์ช่วยหาข้อมูลให้ หันไปมองนาฬิกาอีกที สี่โมงกว่าแล้ว
“คณบดีเอางานกี่โมงน่ะตาล” เพื่อนถาม ขณะที่เร่งมือทำงานจากคอมพิวเตอร์ส่วนตัว
“ก่อน 5 โมงเย็น”
เพื่อนพยักหน้ารับรู้ “ผมส่งไฟล์งานส่วนของผมให้อาจารย์เลยนะ”
ตาลาไตรวมเล่มงาน แล้วสั่งพิมพ์
“ทำไมวันนี้คุณดูรีบผิดปกติ” เพื่อนหันมาถาม
“มีนัดตอนทุ่มนึงน่ะ”
“ร้านไหนหรือ”
“ที่บ้าน”
เพื่อนอาจารย์หันมายิ้มขำ “เวลาเหลือเฟือ ยังไม่ห้าโมงเย็นเลย”
“บ้านผมอยู่อีกฟากของเมือง ต้องเผื่อรถติดน่ะ”
“เออ นั่นสิ บ้านผมอยู่ใกล้ ๆเลยใจเย็น”
แต่งานที่ส่งคณบดียังไม่ดีพอ อาจารย์ทั้ง 2 คนต้องเอากลับมาแก้ไขเพิ่มเติม หันไปมองนาฬิกาอีกที ใกล้ห้าโมงครึ่งแล้ว ตาลาไตสั่งพิมพ์งานอีกครั้ง แล้วแทบวิ่งไปส่งงาน
...ผ่าน...
อาจารย์ 2 คนถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ตาลรีบไปเร็วเดี๋ยวไม่ทันนัด”
“อ้อใช่ ขอบคุณนะ”
แต่พอสตาร์ทรถ โทรศัพท์จากเพื่อนตำรวจอีกคนก็เข้ามา
“ตาล มึงเลือดกรุ๊ปเอบีใช่มั้ย”
“ใช่ มีอะไร”
“มาที่โรงพยาบาลหน่อย ไอ้เบิร์ดโดนยิง มันเลือดกรุ๊ปเดียวกับมึง”
ในแวดวงของตำรวจ คนที่มีเลือดกรุ๊ปเดียวกันมักจะติดต่อกันไว้เสมอ ยิ่งเป็นเลือดกรุ๊ปพิเศษด้วยแล้ว ยิ่งต้องบอกเบอร์โทร ฯ ไว้กับครอบครัวเผื่อในกรณีแบบนี้
พอมาถึง มีนายตำรวจรุ่นพี่อีกคนที่เลือดกรุ๊ปเดียวกันเดินทางมาถึงก่อน ตาลาไตรีบวิ่งตามไป เพียงแค่ยกมือสวัสดี ยังไม่ทันได้ทักทายอะไร พยาบาลก็รีบพาทั้งคู่เข้าไปในห้องบริจาคโลหิต
อาการของเพื่อนตำรวจสาหัสกว่าที่คิด
ทางโรงพยาบาลและครอบครัวพยายามติดต่อคนที่มีเลือดกรุ๊ปเดียวกัน แต่หลายคนอยู่ห่างไกลเกินกว่าจะมาให้เลือดได้
ตาลาไตนอนมองเพดาน ทั้งที่ใจคิดถึงคนที่รออยู่ที่บ้าน จนกระทั่งพยาบาลมาถอดเข็มออกไปแล้วขอให้นอนต่ออีกสักพัก
อดีตนายตำรวจขออนุญาตโทรศัพท์กลับไปบ้าน แต่ยังไม่ทันจะกดโทรออก ภรรยาของเบิร์ดก็เข้ามาหา
“หนูขอบคุณพี่ทั้ง 2 คนมากนะคะ” เธอขอบคุณทั้งน้ำตา จนตาลาไตเกรงใจไม่กล้าหยิบโทรศัพท์
หันไปมองหน้ากับตำรวจรุ่นพี่ ที่เดาตรงกันว่า การรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินคงทำให้เธอเครียด ก็เลยเลี่ยงมารอที่ห้องนี้
พักใหญ่ ๆพยาบาลก็เข้ามาขอเจาะเลือดเพิ่มอีก เพราะผู้บริจาคอีกคนยังอยู่ระหว่างการเดินทาง
“ขอบคุณนะคะพี่”
สุดท้ายตาลาไตกับตำรวจรุ่นพี่ต่างก็ต้องนอนมองเพดานแล้วหันมาหัวเราะกันเอง
“พยาบาลไม่ต้องบอกว่าให้นอนก่อน กูก็ลุกไม่ไหวแล้วว่ะ เวียนหัว”
“ผมกำลังโทษว่า เพราะวันนี้งานผมยุ่ง ไม่ใช่เพราะผมไม่แข็งแรง ก็เลยเวียนหัว”
“เออ ถูกต้อง เราไม่อ่อนแออยู่แล้ว รุ่นนี้ทำงานหนักมาก”
ต่างคนต่างไม่มีใครยอมรับเรื่องสุขภาพ ทำให้พยาบาลพลอยขำไปด้วย “งั้นต่ออีกสักคนละขวดดีมั้ยคะ เจาะที่แขนไปแล้ว ขวดต่อไปเจาะที่ข้อเท้าก็ได้”
ถึงหน้าที่ในฐานะผู้บริจาคจะเสร็จแล้ว แต่ตาลาไตกับรุ่นพี่ก็ยังกลับไม่ได้ เมื่อเพื่อนตำรวจดึงออกไปกินข้าวด้วยกันที่ร้านใกล้โรงพยาบาล.........
จอดรถหน้าบ้าน แล้วเดินลงไปเปิดประตูเอง เดินเข้าบ้านโดยไม่ต้องมองนาฬิกาที่ฝาผนัง
....นี่มันเข้าวันใหม่แล้ว....
แต่อาหารที่ตกแต่งสวยงามยังวางอยู่บนโต๊ะ
เทียนไขที่ยังไม่ได้จุด
คัพเค้ก สำหรับคนที่ไม่ชอบของหวาน
ยำหมูย่าง
กุ้งเผา
ข้าวผัดกระเทียม....อาหารที่พี่ชอบ
และไวน์แดง กับการ์ดใบน้อย
......สุขสันต์วันเกิด ที่รักของฟาง.......ตาลาไตยกมือดมแขนเสื้อ ยังมีทั้งกลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่
อายจนไม่กล้าเดินขึ้นไปหาที่ห้องนอน
ต้องหันไปอาบน้ำสระผมที่ห้องน้ำชั้นล่างก่อน แล้วนุ่งผ้าเช็ดตัวขึ้นไปที่ห้องนอน
โคมไฟในห้องนอนยังเปิดอยู่ และคนที่รออยู่ยังไม่นอน
ยิ้มที่มีให้พี่ไม่ได้ดูสดใสเหมือนเคย
“ไปดื่มกับเพื่อนมาหรือครับ”
ตาลาไตพยักหน้า ฟางก็พยักหน้าเหมือนกัน แล้ววางหนังสือเรียนไว้ที่ข้างเตียง เลื่อนตัวลงนอนหันหลังให้
ตาลาไต ได้แต่เดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ
“ฟาง พี่ขอโทษ”
“ครับ” ฟางบอกง่าย ๆแล้วหลับตาลง
“วันนี้มีงานด่วน แล้วมีตำรวจที่เขาได้รับบาดเจ็บ พี่ต้องไปให้เลือดที่โรงพยาบาล แต่พอดีเจอเพื่อนเก่าน่ะ ก็เลยไปดื่มกันต่อ”
“ครับ” ฟางพูดคำเดิม ทั้งยังหลับตาเหมือนเดิม
แล้วมันก็เป็นอีกครั้งที่ตาลาไตได้แต่นอนก่ายหน้าผากอยู่ข้าง ๆ
ตื่นเช้า มีคนออกไปเรียนก่อน ทั้งไม่ปลุก ไม่มีอาหารเช้าวางอยู่ อาหารเมื่อคืนนี้ก็ไม่มีอะไรเหลือ เพราะมันลงไปอยู่ในถังขยะแล้ว
“ซวยสิกู”
ตาลาไตกดโทรศัพท์หา ถึงฟางจะกดรับ แต่ที่พูดมาก็มีแค่คำว่าครับแล้วก็เงียบ
เป็นปฏิกริยาที่เข้าใจได้ เป็นเรา เราก็โกรธ
เลิกงานเย็นนี้ ตาลาไตตรงดิ่งกลับบ้าน แต่ระหว่างกลับบ้าน หันไปมองคู่รักในรถคันอื่น และที่เดินคู่กันอยู่ริมถนน แล้วนึกขึ้นได้อีกอย่าง
แวะร้านดอกไม้ซื้อกุหลาบช่อใหญ่กลับมาง้อคนที่กลับมาถึงบ้านก่อน
ฟางยังอยู่ในชุดนักศึกษา และดูสงสัยที่พี่กลับบ้านก่อนพระอาทิตย์ตกดิน
คนตัวโตส่งกุหลาบช่อใหญ่ให้
“ขอโทษที่พี่ผิดนัด”
ฟางรับมา แล้วก็เอาดอกไม้ไปวางไว้บนโต๊ะกินข้าวในครัว
ตาลาไตได้แต่เดินตาม
“ฟางครับ พี่ขอโทษ หายโกรธนะ”
ฟางตอบทั้งที่ยังเด็ดผักบุ้ง เตรียมอาหารมื้อเย็น “ฟางไม่ได้โกรธ”
“ไม่ได้โกรธก็หันมายิ้มให้กันสักนิดเถอะ”
ฟางหันไปล้างมือ แล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ในครัว ท่าทางดูเหนื่อยใจกับพี่เหลือเกิน
“เวลาเจอเพื่อนเก่า พี่คุยสนุกมากจนไม่มีเวลาสักนาทีที่จะโทรบอกฟางเลยหรือ”
ตาลาไตดึงเก้าอี้มานั่งติดกัน “พี่จะโทรตั้งแต่ตอนที่ให้เลือดเสร็จ แต่เมียของคนเจ็บมันเครียดมาก จะหยิบโทรศัพท์โทรหาฟาง ก็เสียมารยาท พอออกมาเจอเพื่อนก็....”
“ลืม”
ฟางพูดสั้น ๆ ตาลาไตได้แต่ก้มหน้า
“ขอโทษ”
“ถ้าฟางทำอย่างพี่ พี่จะเสียใจมั้ย”
ตาลาไตยอมรับ คงทั้งโกรธทั้งเสียใจ
“ฟาง..พี่..”
“พี่ไปกินเหล้ากับเพื่อนน่ะ เรื่องปกติ แต่เมื่อคืนนี้มันคือวันเกิดของพี่ เรานัดกันแล้ว แต่พี่หายไปเฉย ๆ ฟางก็มีคำถามว่า พี่ไปเจอคนไม่ดีหรือเปล่า มีอุบัติเหตุหรือเปล่า จะโทรหาก็คิดไปว่า ถ้าไม่มีเรื่องอะไร พี่จะมองว่าฟางโทรตามจิกพี่หรือเปล่า แค่นาทีเดียวที่พี่จะคิดถึงฟางบ้าง มันทำให้พี่คุยกับเพื่อนไม่สนุกเลยหรือ”
“ฟาง...”
“แล้วนี่ พี่ทำงานหนักมาทั้งวัน ไปให้เลือดคนเจ็บ แล้วยังไปกินเหล้าต่ออีก ทำไมพี่ไม่คิดถึงสุขภาพตัวเองบ้าง พี่ไม่คิดถึงฟาง ก็คิดถึงตัวเองบ้างได้มั้ย พี่ไม่ต้องขอโทษฟางหรอก พี่กลับมาก็ดีแล้ว แต่สิ่งที่พี่ทำมันจะอยู่ในใจฟางตลอดไป”
“ฟาง...”
“ฟางไม่ได้โกรธ แค่น้อยใจที่พี่ยังคงเลือกที่จะอยู่กับเพื่อนทุกวัน รวมถึงในวันเกิดของพี่ด้วย”
ตาลาไตก้มหน้าถอนหายใจหนัก ๆ
“ขอโทษ”
ฟางลุกขึ้นจะไปทำกับข้าวต่อ แต่ตาลาไตดึงมือไว้
“ขอให้พี่ไถ่โทษด้วยการทำงานแทนฟางวันนี้ได้มั้ย”
ฟางเลิกคิ้วขึ้นสูง
“นะ ขอให้พี่ทำงานแทนฟางนะ ฟางไปอาบน้ำแล้วไปดูโทรทัศน์ เดี๋ยวพี่จัดการงานบ้านเอง”
ฟางดูลังเลไม่แน่ใจ เพราะให้ยังไง ฟางก็ยังเป็นฟางที่หวงการทำงานบ้าน
“นะครับ ขอให้พี่ทำงานนะครับ” ตาลาไตอ้างเหตุผลสารพัดเพื่อขอทำงานบ้าน จนฟางต้องยอมขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดตัวเดิมลงมายืนมอง ตาลาไตก็บอกให้ไปดูหนัง
ครู่เดียวกลิ่นอาหารก็หอมไปทั่วบ้าน
ฟางเดินมายืนมอง อาหารมื้อค่ำง่าย ๆ ตาลาไตรีบตักข้าวแล้วดึงมือให้นั่งลง
“มาลองชิม กินได้มั้ย” คนตัวโตแทบจะตักป้อนให้ถึงปาก แต่ฟางส่ายหน้า
“พี่ไม่กินหรือ”
ตาลาไตรีบไปล้างมือ แล้วหันมาตักข้าวของตัวเอง
ท่าทางร้อนรนจนดูตลก
คนตัวโตหันมาเห็นรอยยิ้มพอดี เร็วเกินกว่าที่สมองจะสั่งการ จมูกคมก้มลงหาแก้มใส ที่กลายเป็นสีแดงเรื่อได้ทันที
“กินข้าวพร้อมกันนะครับ”
“พี่....”
“ครับ”
“ฟางเป็นห่วงพี่นะครับ”
มือใหญ่จับที่ศีรษะเล็ก ๆ “ครับ ขอบใจมาก กินข้าวกันนะ”
“แต่ฟางไม่ลืมหรอกนะ ที่พี่ลืมฟางน่ะ”
“โธ่ ไม่ลืมก็ไม่ลืม แต่คุยกันสักนิดเถอะ เงียบแบบนี้ พี่รู้สึกถึงเวลาที่พายุกำลังจะมาน่ะ”
ฟางส่ายหน้า “ฟางไม่ใช่พายุหรอก” เงียบไปอึดใจ ฟางก็พูดต่อ “หรือจะลองเป็นสักที”
“อย่า ๆ” คนตัวโตรีบเอาใจด้วยการตักชิ้นหมูให้ “ถ้าวันไหนพี่กลับบ้านเกิน 2 ทุ่มโทรตามได้เลย”
หนุ่มตัวผอมได้แต่ยิ้มขำ “แบบนั้นไม่ดีหรอก พี่ต้องมีเพื่อน ทำแบบนั้นเดี๋ยวเพื่อนพี่ก็ล้อสิ”
พอเห็นว่าเขาเริ่มอารมณ์ดีขึ้น ตาลาไตก็ชวนคุยต่อ “แล้วเคยคิดจะโทรตามมั้ย”
“เคยสิ แต่มันไม่ดีใช่มั้ยล่ะ พี่เป็นผู้นำ ถ้าฟางทำอย่างนั้นพี่ก็เสียการปกครองน่ะสิ”
....เออ...มันก็จริงอย่างที่เขาว่านะ..แต่ว่า....
“ไว้ลองโทรดูสักครั้งมันก็ไม่น่าจะเสียหาย พี่จะได้มีข้ออ้างกลับบ้านด้วย”
ฟางส่ายหน้าไม่เชื่อเลยสักนิด “อย่าเลย พี่เป็นผู้นำ พี่ต้องรู้ตัวเอง ไม่ใช่ให้ฟางคอยบอก”
ตาลาไตมองคนที่พยายามย้ำว่าตัวเองคือผู้ตาม
....ที่พูดมาเนี่ย แน่ใจนะว่าพี่คือผู้นำน่ะ....
...เออ เขาอยากตามก็ปล่อยให้ตามไปเถอะ
ปกติฟางก็ไม่ใช่คนคุยเก่ง แต่พอมันเหลือแค่คำเดียว แล้วคำที่พูดก็คือบอกว่าเป็นห่วงพี่ ที่รู้ตัวว่าทำผิดอยู่แล้ว มันก็ยิ่งรู้สึกแย่ลงไปอีก
“ฟางอยากไปดูหนังมั้ย”
คิ้วคมขมวดทันที “อย่านัดล่วงหน้าเลย ใว้ถ้าวันเสาร์พี่อยู่ ฟางไม่มีกิจกรรมเราค่อยคุยกันดีมั้ย พี่มีงานไม่ใช่หรือ”
“เมื่อวานคณบดีให้งานโครงการมาเขียนน่ะ แต่ก็มีอาจารย์ช่วยดูอีก 3 คน”
ฟางรับฟังพี่คุยเรื่องงานไปเรื่อย จนกระทั่งกินข้าวเสร็จจะลุกมาล้างจาน แต่พี่ก็รีบแย่งทำ
“ไปดูโทรทัศน์ดีกว่า พี่ทำเอง”
“พี่ทำกับข้าวแล้วไง”
“นั่นแหละ ขอพี่ทำเอง ฟางไปนั่งสบาย ๆดีกว่า”
พี่บอกให้ไปนั่งสบาย ๆก็จริง แต่ฟางก็ยังคอยมองตามพี่ล้างจาน กวาดบ้านอยู่ตลอด
...ดูแล้ว ทำเองน่าจะดีกว่า
ไม่ได้แปลว่าพี่ทำงานบ้านไม่เป็น
แต่ให้พี่ทำงานแล้วตัวเองมานั่งสบายนี่นะ
มัน..ไม่สบายใจเลยจริง ๆ
เขาทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน แล้วยังต้องมาทำงานบ้านอีก
เรางอนเกินกว่าเหตุหรือเปล่า เขาก็ผู้ชาย ผู้ชายเจอเพื่อนก็แบบนี้แหละ
แล้วที่ผ่านมาเขาก็ไม่คุ้นเคยกับไอ้การกินเลี้ยงวันเกิดด้วย ตั้งแต่เห็นมาวันเกิดก็คือตื่นเช้าไปใส่บาตร ตกเย็นแม่ใหญ่ก็จะทำอาหารเพิ่มขึ้นมาอีกสักอย่าง 2 อย่าง
ไม่เคยมีทั้งเค้ก ทั้งของขวัญน่ะแหละ
ฟางเดินไปดึงชายเสื้อคนที่กำลังกวาดบ้าน
“พี่”
“ครับ”
“หายน้อยใจ ไม่เสียใจแล้ว พี่ไปอาบน้ำเหอะ ฟางรู้สึกไม่ดีเลยที่พี่ทำงานแล้วฟางนั่งเฉย ๆน่ะ”
“แค่กวาดบ้าน”
“นั่นแหละ แค่กวาดบ้าน พี่ไปอาบน้ำแล้วลงมาดูโทรทัศน์ด้วยกันดีกว่า”
ตาลาไตส่งไม้กวาดให้ฟางแล้วหอมแก้มใสอีกที ถึงได้เดินขึ้นบ้านไปอาบน้ำ
แต่เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เห็นถุงใบใหญ่ซุกอยู่มุมตู้เสื้อผ้า
ของที่อยู่ในถุงมันแปลก ๆ....
“ฟาง ทำอะไรอยู่หรือเปล่าขึ้นมาหาพี่หน่อย”
“ครับ”
ทันทีที่ขานรับพี่ ฟางก็หันไปปิดโทรทัศน์ แล้วรีบวิ่งขึ้นไปหาตาลาไตที่เดินลงมารอที่ชั้น 2
“มีอะไรหรือครับ”
“พี่เจออะไรแปลก ๆ”
คนตัวโตเดินนำเข้าไปในห้องนอนชั้น 3 แต่ฟางวิ่งแซงไปคว้าถุงที่วางอยู่บนเตียง
“ไม่ ๆอันนี้ไม่เอาแล้ว”
ตาลาไตอมยิ้ม “อันนั้นของพี่ หรือของฟาง”
“ของไอ้เดล ไอ้เดลให้มา”
ก็บอกแล้วว่าฟางพูดไม่เก่ง ถนัดแต่รับคำสั่ง
“เดลให้ฟาง หรือเดลให้พี่” พี่ถามด้วยหน้าตาใสซื่อ ทั้งที่กำลังขำคนที่กำลังเขิน
“คะ...คือ...คือ...”
ฟางอึกอักหน้าแดงไปถึงหู พยายามซ่อนถุงไว้ข้างหลัง
“วันเกิดพี่ใช่มั้ย พี่ไม่คิดเยอะอยู่แล้วถ้าจะให้พี่ใส่ไอ้ของที่อยู่ในถุง แต่พี่ว่า มันไม่เข้ากับพี่สักเท่าไหร่” ยังคงทำหน้าตาซื่อ ๆต่อไป
“พี่ดูแล้วเหรอ”
“แน่ละสิ ถึงได้เรียกฟางไง เพราะถ้าซื้อมาให้พี่ใส่วันเกิดถึงจะผ่านไปแล้ว แต่พี่ใส่ให้ฟางดูก็ได้”
ฟางมองหน้าพี่แปลก ๆแล้วหลุดขำ
“บ้า”
“เอ้า จริงนะ ตกลงพี่ใส่หรือฟางใส่”
ฟางยิ้มขำ เมื่อหยิบของในถุงออกมา
ผ้ากันเปื้อนสีชมพูหวาน จีสตริงสีขาวกับหางฟูสีขาว และที่คาดผมหูกระต่าย
“วันเกิดพี่...ฟางใส่...” ฟางพูดพลางช้อนตามองพี่แล้วก็กัดปากตัวเอง ท่าทางลำบากใจมาก “พี่ห้ามขำนะ”
“ไม่เลย มีแต่ฟางน่ะแหละที่ขำ พี่ออกจะจริงจัง” ตาลาไตบอกทั้งที่ตัวเอง กำลังยิ้มสนุก
ที่จริงกำลังสงสัยอยู่ว่า ทำไมฟางถึงกล้าซื้อของพวกนี้ แต่พอบอกว่าเป็นเดล ก็ไม่แปลกใจแล้ว
“ทีแรกเดลมันบอกว่าฟางชอบทำงานบ้านก็..ใส่แต่...ผ้ากันเปื้อน...แต่พอเห็นไอ้ตัวนี้..” ฟางหยิบจีสตริงตัวจิ๋ว “ก็....หยิบ...มา แต่มันมีหางฟู ๆ...ก็หยิบไอ้หูนี่มาอีกอัน” ฟางหมายถึงที่คาดผมหูกระต่าย
…ดู ๆไป 3 ชิ้นนี้ ที่มันเป็นส่วนเกินคือผ้ากันเปื้อนนั่น แต่วินาทีนี้ ไม่ใส่อะไรเลย เอ้ย..ไม่ใช่ ..ใส่ทั้งหมดก็โอ’นะ
“จะต้องใส่ตั้งแต่เมื่อคืน แต่พี่กลับมาดึก ก็เลยกะว่าจะเอาไปทิ้งแล้ว”
“ทิ้งทำไม”
“ไม่ได้ใช้แล้ว ทิ้งไปดีกว่า”
“อย่าเลย ใส่ตอนนี้ก็ได้”
“ตอนนี้ไม่ใช่วันเกิดพี่แล้วนี่”
“ตอนนี้พี่อยากเห็น”
ฟางยิ้มแหย “จิงดิ”
ตาลาไตรีบพยักหน้า “นะ ใส่ให้ดูหน่อย”
หนุ่มตัวผอมยิ่งมีสีหน้าลำบากใจกว่าเดิม หมุนซ้ายหมุนขวา แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ
หนุ่มตัวผอมในผ้ากันเปื้อนสีชมพู กับหูกระต่าย เดินมาหาพี่ที่นั่งรออยู่บนเตียง
....ที่อยู่ในใจตลอดมา ฟางไม่ได้ใกล้เคียงกับอิมเมจของกระต่ายน้อยเลยสักนิด ค่อนไปทางลูกกวาง...
“พี่เคยคิดว่าฟางเหมือนแบมบี้”
“ใครคือแบมบี้”
“แบมบี้เป็นลูกกวางที่แม่มันตาย แล้วมันต้องไปอยู่กับพ่อ และเรียนรู้เพื่อที่จะเป็นราชา ไว้ค่อยหาหนังมาดูวันหน้าก็ได้ แต่ตอนนี้พี่กำลังคิดว่า ฟางเป็นกระต่ายน้อยก็น่ารักดี”
.....ผ้ากันเปื้อนสีหวานนั่น ดูไปดูมา มันก็เข้ากันกับหางกระต่าย หูกระต่ายนั่นเหมือนกัน....
ฟางดูตื่น ๆเมื่อเดินมาหา
“พี่อย่าขำนะ”
“ไม่หรอก”
ฟางยกหายใจเข้าลึก ๆ ยกมือเท้าเอว....แล้วร้องเพลง...
“......กระต่ายตัวน้อย สีขาวปุกปุย แก้มยุ้ย ๆ หางขาวเป็นพวง.....”
ตาลาไตใช้หลังมือปิดปากตัวเอง พยายามกลั้นหัวเราะเต็มที่ ฟางเองยิ่งร้องยิ่งเต้นก็ยิ่งหน้าแดง ตัวแดง
...อยากกินกระต่ายว่ะ ...เอ้ย ไม่ใช่ อยากฟัด ไม่ใช่อีก อยากกัด ไม่ๆๆๆ รักกระต่ายตัวนี้สุด ๆ
อยากกอดไว้ทั้งวันทั้งคืน ....
ฟางยืนนิ่งเมื่อร้องเพลงจบ
“จบแล้ว ไปเปลี่ยนแล้วนะ”
“เดี๋ยวสิ” ตาลาไตรีบดึงมือให้ฟางเข้ามาหา “ชุดพิเศษในวันเกิดแบบนี้ มันต้องไม่ใช่แค่ร้องเพลงให้พี่ฟังอยู่แล้ว” พี่ขยับท่าทางนั่งพิงหัวเตียง แล้วให้ฟางนั่งลงบนหน้าขา
“ก็...แค่นี้ก็อายจะแย่อยู่แล้ว”
มือใหญ่ลูบไล้ที่เอวบาง เรื่อยลงมาที่หน้าขา
“กระต่ายตัวนี้กินอะไรเป็นอาหาร”
“กิน.....”
ฟางก้มหน้างุด วินาทีไม่รู้แล้วว่า ที่หน้ามันร้อนไม่เลิก ที่ใจมันเต้นแรง เพราะสายตาหวานของพี่ เสียงต่ำ ๆของพี่ หรือมือใหญ่ที่มันเคลื่อนที่ไปทั่วตัว
“พี่อยากให้มันกินอะไรล่ะ”
ตาลาไตจูบแก้มแดง แล้วกระซิบที่ข้างหู
“ที่จริงอยากให้มันกินน้ำตาลเป็นอาหาร แต่เปลี่ยนใจแล้ว”
ฟางกลืนก้อนน้ำลายอย่างยากลำบาก
“พี่ตาล......”
“ครับ”
“ฟางรักพี่”
ตาลาไตยิ้มหวานขบฟันที่ลำคอขาวแล้วดูดแรง
...
“กระต่ายตัวนี้จะกินอะไรได้ มีแต่จะโดนเสือตาลกินน่ะสิ” ฟางสบสายตาหวานของพี่
“สุขสันต์ทุก ๆวันที่เป็นของเรา” ตาลาไตกระชับกอดฟางไว้ “ที่รักของพี่”
ฟางจูบปากพี่ “ฟางรักพี่” คนที่บอกรักพี่ทุกเช้าค่ำ บอกรักอีกครั้งแล้วขยับตัวซุกหลับไปในอ้อมกอดอุ่น
....จบตอนพิเศษ....
โปรดอย่าจิ้น พี่ไจฟ์ไม่เคยผิดนัดวันสำคัญเพราะเขาจะกินเหล้าที่บ้านน่ะ
ผมหรือพี่ไจฟ์ไม่มีไอ้ของ 3 ชิ้นนั่น ผมมั่วเอง
ผมเว้นที่ไว้ให้เขาเขียนฉากนั้น แต่เขาไม่เขียน ไปเติม ๆส่วนอื่น ๆแล้วก็มัวแต่นั่งหัวเราะอยู่นั่นแหละ
ชอบตอนพิเศษเพราะมันมั่ว ๆเหมือนคนเขียนใช่มะล่า.... 
พี่ไจฟ์กับนายน้ำชา