หรือจะให้เป็นแค่ความทรงจำ โดย ภัคD เพิ่มตอนพิเศษในรวมเล่ม P.14
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หรือจะให้เป็นแค่ความทรงจำ โดย ภัคD เพิ่มตอนพิเศษในรวมเล่ม P.14  (อ่าน 392207 ครั้ง)

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
ให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่า

---------------
นิยายเรื่องนี้ได้รับอนุญาตจากคุณภัคD แล้ว ขอขอบคุณคุณภัคD มากๆค่ะ  :m13:  :m13:

++++++++++++++++++++++++

หรือจะให้เป็นแค่ความทรงจำ


หนังสือเล่มหนึ่งเคยบอกว่า
สิ่งที่ดีที่สุดของมนุษย์คือความทรงจำ
ไม่ว่าสุข หรือ ทุกข์
เมื่อเวลาผ่านไป
สิ่งเหล่านั้นจะกลายเป็นความทรงจำ
ยามนึกถึงความสุขจะอิ่มเอม
ยามนึกถึงความทุกข์ก็ทำให้ดื่มด่ำ

แต่สำหรับผม...
แค่ความทรงจำไม่เพียงพอ
ผมเคยถามคนที่ผมรักว่า
จะปล่อยเรื่องของเราให้เป็นแค่ความทรงจำหรือ
ทั้งที่เราช่วยกันสานต่อปัจจุบันได้
เขาตอบผมว่า...
เรื่องบางเรื่อง ก็ไม่อยากเก็บไว้แม้แต่ในความทรงจำ
และหนึ่งในเรื่องบางเรื่องนั้นคือ เรื่องของผม.....

......................................
.................................................

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-08-2012 09:44:30 โดย THIP »

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ผมชื่อเป็นเอก ใครๆมักเรียกผมสั้นๆว่าเอก ผมเป็นลูกโทน แม่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษชั้นประถม ส่วนพ่อเป็นครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์ชั้นมัธยมต้น เพราะทั้งพ่อและแม่เป็นครู ผมจึงมักถูกเคี่ยวเข็ญให้เรียนหนังสือ และถูกดุทุกครั้งหากคะแนนไม่ดี และสำหรับพ่อกับแม่นั้น แค่ผมมีเกรด3โผล่มาเพียงตัวเดียวก็ถือว่าเรียนแย่แล้ว

บ้านผมเป็นอาคารพาณิชย์อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งในตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ตอนเป็นเด็กผมเคยอิจฉาเด็กๆในหมู่บ้านที่ได้อยู่ในบ้านสวยๆมีพื้นที่ ผิดกับผมที่โดนแม่ดุทุกครั้งถ้าวิ่งออกนอกเขตบ้านด้วยเกรงว่าผมจะโดนรถชน เพราะบ้านมีพื้นที่เหลือด้านหน้าเพียงเล็กน้อยก็ติดถนน

พ่อเล่าว่าพอปู่เสีย ย่าก็ขายบ้านหลังเดิมแล้วมาซื้อบ้านหลังนี้ด้วยเหตุผลว่าจะได้เปิดร้านขายของให้คนในหมู่บ้าน หารายได้พิเศษดีกว่าที่จะอยู่บ้านไปวันๆ ผมเกิดและโตที่บ้านหลังนี้ ดังนั้นผมจึงไม่เคยพบปู่ และตั้งแต่ผมจำความได้ บ้านหลังติดกันกับผมก็เปลี่ยนเจ้าของมา 3 คนแล้ว ด้วยเหตุผลเดียวกันหมดคือถูกธนาคารยึด ยกเว้นคนสุดท้ายคือ อาเจ็กพงษ์ ซึ่งได้ชิงขายบ้านให้แก่เพื่อนคนหนึ่งก่อนธนาคารจะยึด เจ้าของบ้านคนปัจจุบัน ซึ่งนับเป็นคนที่ 4 ชื่อ ทอม เป็นฝรั่งตัวโต แม่พูดว่า ทอมน่าจะเป็นทหารมากกว่าพ่อค้า และ ผมก็เห็นด้วยกับแม่

ทอมเป็นพ่อค้าที่ไม่มีร้านค้า วิ่งไปมาระหว่างกรุงเทพและเชียงใหม่ ผมเห็นทอมเพียงแค่วันเสาร์และอาทิตย์เท่านั้น พ่อบอกผมว่าทอมมีบริษัทส่งออกอยู่ที่กรุงเทพ แต่สินค้าที่ทอมส่งออกเป็นงานหัตถกรรมซึ่งล้วนเป็นของมีชื่อของจังหวัดเชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเงิน หรือ ไม้แกะสลัก ทอมจึงใช้เวลาอยู๋ที่เชียงใหม่เพียงอาทิตย์ละ 2 วัน จนกระทั่งวันหนึ่งผมก็เริ่มสังเกตเห็นว่า ทอมใช้เวลาอยู่เชียงใหม่นานขึ้น จนในที่สุด ก็ไม่เห็นหน้าทอมเพียงแค่ 2 วันเท่านั้นในหนึ่งอาทิตย์

แม้ผมไม่รู้ว่าความรักของผมเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่รู้ว่ามันเริ่มขึ้นเมื่อไหร่

วันนั้นก็เป็นวันธรรมดาวันหนึ่งไม่มีอะไรพิเศษไปกว่าวันอื่นๆที่ผ่านมาแล้วร่วม 10 ปีของผม ผมโดนบังคับให้อ่านหนังสือเตรียมสอบไร่อยู่ในห้องนอนขนาดเล็กที่แสนน่าเบื่อของผม แต่เพราะช่วงนั้นเป็นปลายหน้าหนาว อากาศแสนจะน่านอน และผมก็ยังเป็นเพียงเด็ก 10 ขวบ ผมจึงนอนหลับสบายอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา จนกระทั่งแม่มาเคาะประตูเรียก

“เอก ทอมกลับมาแล้ว มีจดหมายส่งถึงทอมไหมลูก?” แม่ตะโกนถามจากอีกด้านของประตู นี่ถ้าแม่รู้ว่าผมนอนอยู่ น้ำเสียงแม่คงไม่ใช่แบบนี้แน่ ผมรีบลุกจากเตียง ขยี้ตาให้สว่างก่อนเปิดประตูห้องออกไป

“ทำไมลูกต้องเก็บจดหมายทอมไว้ด้วย น่าจะวางไว้บนโต๊ะ แม่จะได้เอาให้เขา ไม่ต้องให้เขาเสียเวลาคอย”แม่บ่น แต่ผมไม่สนใจจะฟังเพราะแม่บ่นเหมือนเดิมทุกครั้ง และการบ่นของแม่ก็ไม่จริงจังนัก

ทอมยืนคอยจดหมายอยู่หน้าบ้าน กำลังคุยอย่างออกรสออกชาติอยู่กับพ่อ ผมรีบเอาเก้าอี้ปีนขึ้นหยิบจดหมายที่ซ่อนไว้หลังตู้

...‘ค่าขนม ค่าขนม’... ผมร้องเป็นเพลงเบาๆ มันเป็นค่าขนมที่หาได้ง่ายมาก เพียงแค่ผมเก็บจดหมายไว้ให้ทอม ผมก็จะได้ค่าขนมเป็นการแลกเปลี่ยน พ่อกับแม่ไม่รู้เรื่องนี้หรอกครับ เมื่อก่อนผมก็ไม่เคยเก็บจดหมายไว้ให้ทอม จนกระทั่งวันหนึ่งมี จดหมายแบบ EMS ส่งมา มันจำเป็นต้องมีคนเซ็นรับและผมก็อยู่หน้าบ้านพอดี แม้ตอนนั้นผมจะอายุแค่ 9ขวบ แต่ผมก็รับปากกับบุรุษไปรษณีย์ว่าจะเก็บจดหมายไว้อย่างดี ทอมขอบอกขอบใจผมยกใหญ่แถมส่งตังค์ให้ผมเป็นรางวัล โชคร้ายที่แม่อยู่ตรงนั้น แม่รีบปฏิเสธพร้อมตีมือผมที่กำลังจะรับเงินเบาๆ แต่นั่นก็ทำให้ผมรู้ว่าทอมเป็นคนน่าคบคนหนึ่ง เพราะพอลับตาแม่ ทอมก็ขยิบตาและแอบส่งตังค์ให้ผม ผมรีบรับไว้และไม่ลืมที่จะขอบคุณ ทอมตบหัวผมเบาๆก่อนจะเดินจากไป ตั้งแต่นั้นมา เวลาทอมไม่อยู่ ผมจะเก็บจดหมายไว้ให้ทอมทุกฉบับไม่เว้นแม้แต่จดหมายธรรมดา และทอมก็แอบให้ตังค์ค่าขนมผมเป็นการตอบแทนทุกครั้ง

วันนี้ก็เช่นเดียวกัน ผมฝันหวานถึงค่าขนมโดยไม่รู้ว่า นี่เป็นวันสุดท้ายแล้วที่ผมจะได้ค่าขนมด้วยวิธีง่ายๆเช่นนี้ ผมหยิบซองจดหมายมาให้ทอมที่หน้าบ้าน แต่ตอนนี้คนที่ยืนอยู่กับพ่อไม่ใช่ทอม แต่เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งแทน

“เอก นี่พี่จื้อเหยา”พ่อแนะนำแต่ดูเหมือนจะผิดเพราะเจ้าของชื่อหันมาแก้เบาๆ พ่อหัวเราะ ผมไม่ได้สนใจฟังเพราะมัวแต่มองหาทอม

“เอาจดหมายให้พี่เขาสิ”พ่อสั่ง แต่เมื่อผมทำหน้างง ทั้งยังยืนเฉย พ่อจึงอธิบาย

“พี่เขาจะมาอยู่กับทอม ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องเก็บจดหมายให้เขาแล้วนะ มีคนเก็บแทนแล้ว”

ผมส่งจดหมายให้คนตรงหน้าแบบงงๆ นั่นหมายความว่าต่อไปนี้ ผมก็อดได้ค่าขนมพิเศษน่ะซิ เด็กผู้ชายคนนั้นเดินออกไปโดยไม่ได้พูดอะไรกับผมสักคำเดียว ส่วนผมก็ไม่ได้สนใจเขามากนัก คิดถึงก็แต่ค่าขนมที่หายไปเท่านั้น

ผมมารู้ภายหลังว่านั้นคือครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ที่ผมได้เห็นพี่เหยาซึ่งยังคงสภาวะของเด็ก เมื่อผ่านคืนนั้นไป พี่เหยาถูก ทอมบังคับให้เปลี่ยนสภาพจากเด็กเป็นผู้ใหญ่ทั้งที่อายุยังไม่เต็ม15 ผมเสียดายที่ไม่ได้สังเกตและจดจำภาพของพี่เหยาในวันนั้นไว้

+ + + + + + + + + + + + + + + +



อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
เปลี่ยนสภาพจากเด็กไปเป็นผู้ใหญ่..   :a5: :a5: ว่าเปลี่ยนยังไงน่าคิดนะ

ลงชื่อเป็นสมาชิกเรื่องนี้ด้วยคน  :oni2: :oni2:

เป็นกำลังใจให้นะครับ
:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
ทิพย์เอานิยายมาลงกะเค้าด้วย กี๊ซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ :laugh:

ต้องหาเวลามาอ่านให้ได้แระ อิอิ
  :m4:

ออฟไลน์ ErosAmor

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 851
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2

แต่สำหรับผม...
แค่ความทรงจำไม่เพียงพอ
ผมเคยถามคนที่ผมรักว่า
จะปล่อยเรื่องของเราให้เป็นแค่ความทรงจำหรือ
ทั้งที่เราช่วยกันสานต่อปัจจุบันได้
เขาตอบผมว่า...
เรื่องบางเรื่อง ก็ไม่อยากเก็บไว้แม้แต่ในความทรงจำ
และหนึ่งในเรื่องบางเรื่องนั้นคือ เรื่องของผม.....

......................................
.................................................


ทำไมอ่านเเล้วเศร้าจังเลย ถ้ามีคนบอกไม่อยากจะจำเรื่องของเรามันคงจะเศร้าน่าดู

ว่าแต่สงสัยนิดนึงคร้าบบ เปลี่ยนจากเด็กเป็นผู้ใหญ่เป็นยังไงเนี่ย เปลี่ยนแบบไหนหว่า o12


snowblack

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ววววววววววววววววววว.... o7

ชอบคร้าบบบบบบบบเรื่องนี้ o13 (เป็นแฟนนิยายของคุณ ภัคD ด้วยอ่ะ  :o8: ก็จากเรื่องนี้อ่ะแหละ)

สุดยอดอ่ะเรื่องนี้ถึงเนื้อหาจะแรงๆเคลียดๆหน่อย

แต่ให้แง่คิดและคำคมเยอะดีครับ(แอบสปอย)

เป็นกำลังใจให้คนลงนิยายด้วยนะครับ

ปล.เคยคิดจะขอเจ้าของมาลงบ้างเหมือนกันอ่ะเรื่องนี้  :o8:

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
 :oni1:

นิยายใหม่อีกแย้ววว

ท่าทางจะน่าติดตามอีกเรื่อง   อิอิ

Gussohigh

  • บุคคลทั่วไป
งะ หมายความว่า ไง อะ

"ทอมบังคับให้เปลี่ยนสภาพจากเด็กเป็นผู้ใหญ่ทั้งที่อายุยังไม่เต็ม15" :o :o :o

ต้องติดตามต่อไปแล้ว งิงิ

รีบมาต่อน้าๆๆๆ งิงิ

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
 :oni2:เรื่องนี้ชอบมากกกกกก เข้ามาเชียร์ให้อ่านค่ะ

เพื่อนเคยคิดจะขอมาลงเหมือนกัน......อยากให้ได้อ่านกัน o13

ออฟไลน์ ( = ___ = )

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 605
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1


เข้ามาอ่านด้วยคน

ท่าทางจาเศร้าป่ะเนี่ย :undecided:

รอติดตามต่อปาย :a1:




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






abcd

  • บุคคลทั่วไป
อ่านจบแย้วววว เย่ๆๆ  :m4:


พี่เหยาถูก ทอมบังคับให้เปลี่ยนสภาพจากเด็กเป็นผู้ใหญ่ทั้งที่อายุยังไม่เต็ม15
ประโยคนี้คิดได้อย่างเดียวคือ..พี่เหยาถูกทอม....ขมขืน   :m29:
:a5:   :a5:  :a5:  :a5:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
 :o

ทิพ!


ต้องตามอ่านอย่างต่อเนื่องซะแว้วววววววววววววววววววววววววววววววววว  :oni2:

Hickey405

  • บุคคลทั่วไป
 o13
มาให้กำลังใจนักเขียนใหม่

ออฟไลน์ panari

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
ในที่สุดก็มีคนเอาเรื่องนี้มาลง หุหุ  :m4:

ขอบอกว่าเรื่องนี้มันสุดยอดจริงๆ ค่ะ  :m15: อ่านแล้วมันช่างรันทด บีบคั้น กดดัน อึดอัด หดหู่  o7 ยิ่งอ่านยิ่งเครียด กว่าจะอ่านจบต้องพักไปสองสามรอบ ไม่งั้นทนอ่านไม่ไหวค่ะ มันอึดอัดสุดๆ  :o12:

เชีรย์ให้อ่านเรื่องนี้นะคะ รับรองไม่ผิดหวัง ทั้งภาษาและสำนวนการแต่งของคุณภัคD :oni2: ขอยกนิ้วให้ค่ะ  o13

nananon02

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องใหม่ๆๆ   :mc4:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ขอบคุณทุกคนแทนคุณภัคD ด้วยนะคะ   :m13:  :m13:
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประทับใจอีกเรื่องหนึ่ง และตั้งใจไว้นานแล้วว่าจะเอามาเก็บไว้ในเล้าเป็ด  :oni2:  :oni2:
อ่านต่อเลยค่ะ

----------------------------------

เด็กผู้ชายคนนั้นคือหัวข้อสนทนาของเราบนโต๊ะอาหารมื้อเย็นวันนั้น ดูเหมือนพ่อจะจำไม่ได้ว่าเด็กคนนั้นชื่ออะไรแน่ระหว่าง จื้อเย้า และจื่อเย้า

“น่าจะจื้อเย้า คนจีนน่าจะต้อง จื้อ จื้อนี่แหละ”แม่ออกความเห็นทั้งที่พูดภาษาจีนไม่ได้สักคำเดียว

“แต่พ่อเคยได้ยินแต่ จื่อนะ อย่างจื่อเหวย จื่อหยาง”ดูเหมือนชื่อของพ่อจะฟังเข้าท่ากว่าเพราะเอามาจากหนังจีน

“เคยได้ยินแต่ตือโป๊ยก่าย ซือหยวน ตือฮวน ก็น่าจะเป็นจือเย้านะ” ย่าออกความเห็นบ้าง

เรารู้ทีหลังว่าจริงๆเด็กคนนั้นชื่อ จึเหยา และใช้เวลา2-3วันจึงจะเรียกถูกว่าเหยา ไม่ใช่ เย้า แต่เพราะเป็นภาษาที่ไม่คุ้นเคยและตอนนั้นผมยังเด็ก ผมจึงจำไม่ได้และเรียกเด็กผู้ชายคนนั้นว่า ‘พี่เย้า’ทุกครั้งที่เจอกัน แรกๆ พี่เหยาก็ปล่อยให้ผมเรียกอย่างนั้น จนวันหนึ่งที่พี่เหยาคงทนไม่ไหว

“พี่เย้า พี่เย้า”ผมตะโกนเรียกจากในร้านเมื่อเห็นพี่เหยาเดินผ่านหน้าร้านไป ผมวิ่งออกมาหน้าร้านเห็นพี่เหยายังเดินไม่สนใจ

“พี่เย้า ไปไหน?”ผมตะโกนดังขึ้น

“ตะโกนอะไรวะเอก หาเย้าตกดอยหรือไง?”พี่วิน เจ้าของร้านตัดผมตะโกนถามผมขณะขี่มอเตอร์ไซด์เข้ามาจอดที่ใกล้ๆบ้านผม

พี่วินเป็นเจ้าของร้านตัดผมที่อยู่ถัดไป4คูหา พี่วินเพิ่งกลับจากการไปเยี่ยมบ้านที่เชียงราย จึงยังไม่รู้จักพี่เหยาและ ดูเหมือนจะไม่ต้องการคำตอบ พี่วินเดินเข้าไปในร้านตนโดยไม่ได้สนใจพี่เหยาที่ยืนห่างออกไปเพียงเล็กน้อย พอพี่วินเดินเข้าร้าน พี่เหยาก็เดินกลับมาหาผม

“ไม่ใช่เย้าแต่เป็นแม๋วรู้จักไหม? แม๋วน่ะแม๋ว!”พี่เหยาพูดพร้อมใช้มือโตๆตบที่หน้าผากผม จนหน้าผมหงาย

“รู้จักซิ แม๋วที่ไม่ชอบอาบน้ำ ตัวเหม็นๆ” ผมพูดตามที่เคยได้ยินจากคนอื่นอีกที มือก็ลูบที่หน้าผากตัวเองแบบงงๆ

“พูดไม่ดี ตัวเองสิตัวเหม็น!” พี่เหยาว่าพลางใช้มือโตๆข้างเดิมตบลงหน้าผากผมอีกครั้งแล้วเดินจากไปไม่สนใจผมอีก


ผมเล่าให้พ่อฟัง พ่อก็หัวเราะ

“พี่เขาชื่อเหยา ห-ย-เอา เหยา เป็นภาษาจีนไม่ใช่เย้า”พ่อสอนโดยวิธีการสะกดให้ฟัง ทั้งยังสำทับ

“แล้วที่พี่เขาตบหัวเอกอีกหน ก็เพราะเอกพูดไม่ดี...เอกไม่รู้จักแม๋วเลยสักคน แล้วเอกพูดถึงเขาแบบนั้นได้ยังไง?”พ่อยังอธิบายต่ออีกยาว แต่ผมไม่ได้สนใจฟังมากนัก สนใจก็แต่ลองสะกดชื่อที่พ่อสอนในใจ

หลังจากนั้นเวลาเจอพี่เหยาผมจะเรียก พี่ แล้วเงียบไป 3 วินาทีจึงต่อด้วยเหยา ผมปล่อยให้พี่เหยาสงสัยอยู่ได้ไม่กี่วัน พอวันหนึ่งผมก็หลุดปากเรียก “พี่ หอ ยอ เอา เหยา”พี่เหยายืนหัวเราะอยู่นานจนผมอายระคนแปลกใจ เพราะตั้งแต่พี่เหยาย้ายมาอยู่ร่วมเดือน ผมแทบไม่เคยเห็นพี่เหยายิ้มหรือหัวเราะเลย นั่นเป็นครั้งแรกที่เห็นพี่เหยาหัวเราะ และหลังจากนั้นพี่เหยาก็ให้ความสนิทสนมกับผมเป็นพิเศษกว่าคนอื่นๆ แต่ก็เฉพาะเวลาอยู่กันตามลำพังสองคนเท่านั้น

พ่อเล่าว่าพี่เหยาเป็นลูกของเพื่อนทอม อายุ15 กำลังจะเข้าม.ปลายที่เชียงใหม่จึงมาอาศัยอยู่กับทอม

“เอ แต่ช่วงนี้ยังไม่ปิดเทอมเลยนี่ แล้วไม่เรียนหนังสือเหรอ?”แม่สงสัย แต่ไม่มีใครตอบแม่ได้ จนกระทั่ง7ปีผ่านไป ผมจึงรู้คำตอบ

เพราะบ้านผมเป็นร้านขายของร้านเดียวในหมู่บ้าน พี่เหยาจึงกลายเป็นลูกค้าคนหนึ่งของร้าน ผมเจอพี่เหยาก็เฉพาะเวลาที่พี่เหยามาซื้อของที่ร้านในวันที่ผมไม่ต้องไปโรงเรียนเท่านั้น โดยปรกติพี่เหยาจะไม่ค่อยออกไปไหน ไม่พูดคุยหรือเข้าไปทำความสนิทสนมกับใคร จึงไม่มีใครรู้จักพี่เหยามากไปกว่าที่ทอมแนะนำ

และอย่างที่ผมเล่าให้ฟังไปแล้ว ว่าพี่เหยาให้ความสนิทสนมกับผมเป็นพิเศษถึงแม้บางครั้งผมจะไม่ชอบใจนัก เพราะบางเวลาที่ผมอยู่ที่ร้านคนเดียวเนื่องจากย่ามักแอบไปเอนหลังที่ในบ้าน หรือไปนั่งคุยกับเพื่อนบ้าน พี่เหยาชอบเดินหยิบโน่นหยิบนี่มาเต็มโต๊ะ พอผมใช้หัวเล็กๆของผมคิดตังค์เสร็จ พี่เหยาก็หยิบนี่เข้า หยิบโน่นออก ผมต้องคิดตังค์อยู่หลายครั้ง แล้วในที่สุดพี่เหยาก็หยิบเป๊บซี่ไปกระป๋องเดียว สุดท้ายก็เป็นหน้าที่ผม ที่จะต้องวิ่งเก็บของที่พี่เหยารื้อออกมา

“ทอนตังค์ผิดนี่!”พี่เหยาท้วงเมื่อผมส่งตังค์ทอนให้ในครั้งหนึ่ง

“ไม่ผิด 56บาท ก็ทอน44บาทไง” ผมชินกับการแกล้งของพี่เหยาจนไม่รู้สึกตกใจอะไรแล้ว

“งั้นคิดตังค์ผิด!”พี่เหยาพูดในสิ่งที่ผมเดาไว้ถูกแป๊ะ

“ไม่ผิด มาม่า 5 ห่อ 20 เป๊บซี่ 2 กระป๋อง 20 เป็น 40 ขนม 2 ห่อ 10 บาท เป็น50 กับไอติม อีกหนึ่งอัน 6 บาท เป็น56บาทก็ทอน 44บาท”ผมทวนถูกต้องทุกรายการ เพราะโดนแกล้งบ่อยๆ

“ผิด” พี่เหยายืนยัน

“ไม่ผิด”ผมมั่นใจ

“ผิดสิ !”แต่พี่เหยาดูจะมั่นใจกว่า

“ผิดตรงไหน?”ความมั่นใจผมเริ่มหาย ทั้งที่มั่นใจว่าคิดเลขไม่ผิดแน่ๆ

“ไม่มีไอติม...เอามาอีก 6 บาท”พี่เหยาบอกพร้อมแบมือหลามาที่ผม


“ก็พี่กินเมื่อกี้ไง ตอนเดินไปเดินมา”ผมยืนยันเพราะเห็น พี่เหยาเดินกินไอติมไปทั่วร้านขณะแกล้งหยิบโน่นหยิบนี่ให้ผมคิดตังค์ไปพลางๆ

“ไม่ได้กิน!”พี่เหยาเถียง

“พี่ขี้โกง กินแล้วไม่จ่ายตังค์!”ผมเถียง พร้อมเดินไปดูที่ถังขยะ แต่ไม่มีห่อ หรือ ไม้ไอติมเลย

“ก็บอกแล้วว่าไม่ได้กิน... เร็ว 6 บาท ไม่งั้นฟ้องน้าสุนะ”พี่เหยาขู่ ผมจำใจหยิบเงินให้อีก6บาท พี่เหยารับแล้วก็หิ้วของออกจากร้านไป ผมหวังจะให้พี่เหยาเดินกลับเข้ามาแล้วบอกว่าล้อเล่น แต่พี่เหยาก็ไม่กลับมา

“6บาทเองย่าไม่รู้หรอก เราก็เอามากินเองบ่อยๆ” ผมบอกกับตัวเอง

“แล้วถ้าพี่เหยาเอาอีกล่ะ”ผมถามตัวเอง นึกขอโทษย่าที่ต้องขาดทุนอีกครั้งละ6บาทถ้าพี่เหยามาอีก

เย็นนั้นย่าบอกว่าพี่เหยาเอาตังค์มาให้ 6 บาทเพราะผมลืมคิดค่าไอติม ผมโดนแม่ดุเรื่องไม่รอบคอบ แต่ก็โล่งใจที่ได้เงินคืน

ถึงแม้พี่เหยาจะแกล้งผมเกือบทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ถ้าบางครั้งที่ผมนั่งทำการบ้านอยู่ พี่เหยาก็จะช่วยสอนและตรวจทานให้เสมอ

กลางเดือนพฤษภาคมปีนั้น ขณะที่ผมขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พี่เหยาก็ได้เข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งของจังหวัด แม่ดูจะชื่นชมพี่เหยามากกว่าใครๆ เพราะโรงเรียนแห่งนั้นได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนอันดับต้นของจังหวัด แต่ไม่ว่าแม่จะใฝ่ฝันให้ผมได้เรียนที่นั่นหรือแม้ผมจะมีปัญญาสอบติด ทั้งแม่และผมต่างก็รู้ดีว่าผมไม่มีโอกาส เพราะนอกเหนือจากจะมีชื่อเรื่องการคัดแต่เด็กหัวกะทิแล้ว โรงเรียนแห่งนั้นยังมีชื่อเรื่องฐานะทางการเงินของผู้ปกครองอีกด้วย ดังนั้นเป้าหมายโรงเรียนระดับมัธยมที่แม่ตั้งเป้าไว้ให้ผมจึงเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนรัฐบาลประจำจังหวัดแทน

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
แม่ได้ความคิดดีๆคือเอ่ยปากกับทอมขอให้พี่เหยามาติวหนังสือให้ผมโดยที่ผมไม่รู้มาก่อน และทอมก็รับปากแม่แทนพี่เหยาเช่นกัน


ผมกับพี่เหยามักติวหนังสือกันในห้องนอนของผมหรือไม่ก็ที่บ้านของทอมเวลาที่ทอมไม่อยู่ นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่ผมมีโอกาสเข้าไปในบ้านทอม แต่โดยส่วนใหญ่แล้วพี่เหยาเลือกที่จะติวที่ห้องผมมากกว่า

การติวหนังสือของพี่เหยาส่งผลให้ผมกลายเป็นคนขยันอ่านหนังสือขึ้นจนผิดตาขนาดแม่ยังเอ่ยปากถามว่า พี่เหยาใช้วิธีไหนจึงทำให้ผมขยันอ่านหนังสือได้ พี่เหยาแค่ยิ้มรับคำชมนั้น แต่ก็ไม่ตอบอะไรเช่นเคย

“แล้วอยุธยาก็ต้องเสียกรุงให้พม่าปี 2210 รวมแล้วก็470ปีที่เป็นราชธานี”ผมนั่งท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองอยู่บนพื้นข้างเตียง ในขณะที่คนติวนอนอยู่บนเตียงโดยมีหนังสือเรียนผมปิดหน้าอยู่

“ต่อสิ”พี่เหยาเร่งเมื่อเห็นผมหยุดท่อง

“พอแล้ว ครูบอกออกถึงอยุธยา”

“ออกอะไร ?”พี่เหยายกหนังสือขึ้นจากหน้า

“สอบไง พรุ่งนี้สอบ ก็...”ผมยังพูดไม่จบ พี่เหยาก็ลุกพรวด นั่งมองหน้าผม

“ผมบอกพี่แล้วน้า...”ผมรีบแก้ตัวก่อน เริ่มรู้แล้วว่าต้องมีอะไรแน่ๆ

“เวลาเหลือเฟือน่า..”พี่เหยาว่าพลางดูนาฬิกาข้อมือ แต่ผมมองฟ้านอกหน้าต่างแทน

“ ฟ้าเริ่มมืดก็อ่านไม่จำแล้ว แล้วผมก็เริ่มง่วงแล้วด้วย”ผมเริ่มโอดครวญทั้งที่ฟ้าเพิ่งมืดไปไม่กี่ชั่วโมง

“ขี้เกียจ!... ฟ้ามืดๆนี่แหละสมาธิดี”

“ผมต้องอ่านตอนไหนใหม่?”ผมเข้าเรื่อง ไม่อยากเสียเวลา

“สอบอันไหนก็อ่านอันนั้นสิ !”พี่เหยาโยนหนังสือให้ผม ผมรีบคว้ามาดู

“โอ้โห...ชื่อก็ผิด! ปีก็ผิด!... แล้วผมจะทำไง ตั้งเยอะแยะ”ผมโวยวาย ตาเริ่มร้อนผ่าว

“ก็อ่านสิ โวยวายอยู่ได้”พี่เหยาไม่สำนึกผิด ยังดุส่ง

“วันหลังพี่ก็ให้ผมอ่านเองสิ”ผมเริ่มโมโหจริงๆ

“ถ้าอ่านเอง ก็ไม่ได้ติวนะสิ”

“อันนี้ก็ไม่ติว ติวมันต้องสอนที่ถูกสิ พี่ชอบทำแบบนี้เรื่อยเลย”น้ำตาผมเริ่มไหล เมื่อนึกไม่ออกว่าจะอ่านให้ทันสอบพรุ่งนี้ยังไงดี แล้วถ้าคะแนนไม่ดีก็จะโดนแม่ดุอีก

“น่า...สอบย่อยเอง คะแนนออกเราก็ไม่ต้องบอกแม่เอกไง”พี่เหยาปลอบด้วยข้อเสนอที่ผมอยากให้แม่มาได้ยิน

“น่า ...เสาร์นี้พี่พาไปดูหนัง”พี่เหยาเริ่มหลอกล่อเมื่อเห็นผมไม่หยุดร้องไห้

“ไม่!คืนนี้พี่ต้องอยู่กับผม อยู่เป็นเพื่อนผม !”ผมตะโกนเสียงดังจนพี่เหยาตกใจ

“ไม่ได้หรอก วันนี้ทอมอยู่บ้าน”พี่เหยาทำท่าอึกอัก

พี่เหยามักมีทีท่าเช่นนี้ทุกครั้งถ้าแม่หรือใครรั้งไว้ให้อยู่ดึกหน่อย ทั้งที่บางครั้งแม่แค่ชวนคุยธรรมดา แต่ตอนนั้นก็ไม่มีใครสังเกตหรือสนใจท่าทีนั้น

“ผมจะฟ้องทอม”ผมไม่เลิกราง่ายๆ

“ก็ได้แต่ว่า...”พี่เหยาทำท่าสำนึกผิดเป็นครั้งแรก จนผมคิดว่าชนะแล้ว

“แต่อะไร?”

“แต่เอกต้องฟ้องเป็นภาษาอังกฤษน่ะสิ!”ท่าทีสำนึกผิดหายไปหมด เหลือแต่รอยยิ้มที่ทำให้ผมได้แต่อึ้ง ทำอะไรไม่ได้นอกจากเช็ดน้ำตาตัวเอง

“น่านะ...ไม่กี่หน้าเอง อ่านไปเถอะ ถ้าคะแนนออก พี่จะไม่บอกน้าสุ แล้ววันเสาร์นี้จะพาไปดูหนัง แถมซื้อการ์ตูนให้ด้วย”พี่เหยาใช้2มือท้าวเข่าคุยกับผม ผมไม่ตอบอะไร ใช้มือเช็ดน้ำตาแล้วเอาหนังสือมานั่งที่โต๊ะไม่สนใจพี่เหยาอีก แล้วพี่เหยาก็ออกจากห้องไป

วันรุ่งขึ้นคุณครูเลื่อนสอบ แต่ผมก็ไม่ได้บอกพี่เหยา วันเสาร์นั้นพี่เหยาพาผมไปดูหนังตามสัญญา พร้อมการ์ตูนอีก2เล่มเป็นของแถม แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ก็กลายเป็นเรื่องปรกติของเรา2คน พี่เหยาแกล้งติวหนังสือแบบผิดบ้างถูกบ้างให้ผม ผมจึงจำเป็นต้องมาเปิดอ่านเองอีกรอบเพื่อตรวจดูว่าอันไหนถูกและอันไหนผิด ดังนั้นผมจึงกลายเป็นคนขยันอ่านหนังสือขนาดที่แม่ต้องออกปากชม แล้วพอวันเสาร์อาทิตย์ พี่เหยาก็ใช้ค่าสอนพิเศษที่แม่ผมให้ พาผมไปดูหนังและ บางครั้งก็ซื้อการ์ตูนให้ด้วย

จนผมขึ้นชั้นมัธยมแล้ว พี่เหยาก็ยังมาสอนหนังสือให้ผม ซึ่งแน่นอนว่าผมก็เต็มใจเพราะนั่นย่อมหมายถึงผมจะได้ดูหนังและอ่านการ์ตูนด้วย ห้องนอนเล็กๆของผมกลายเป็นที่ส่วนตัวของผมกับพี่เหยา บางวันเราก็แทบไม่แตะหนังสือเรียนกันเลยและ บางวันถ้าพี่เหยามีสอบ แทนที่พี่เหยาจะอ่านหนังสือที่บ้านตัวเองเงียบๆ พี่เหยาก็มานั่งอ่านที่ห้องผมแทน และคอยดุผม ถ้าผมส่งเสียงรบกวน... ช่วงเวลานั้น ผมรู้สึกว่าตัวเองมีพี่ชายหนึ่งคน

ความสัมพันธ์แบบพี่น้องนั้นดำเนินอยู่หลายปี จนกระทั่งเมื่อผมรู้ความลับของทอมกับพี่เหยา ผมก็เป็นคนเริ่มที่จะเปลี่ยนความสัมพันธ์นั้นโดยที่พี่เหยาไม่มีโอกาสเลือก ขัดขืนหรือแม้กระทั่งรับรู้เลย



----------
จบตอนที่ 1

abcd

  • บุคคลทั่วไป
เมื่อความสัมพันธ์เริ่มแปรเปลี่ยน เข้าสู่โหมดเครียดแล้วชิมะ  :serius2: ความลับที่ว่าของพี่เหยากับทอมก็คือ...พี่เหยาเปงรับ เหอะๆ

sun

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ะโอ.. นิยาย ของคุณ ภัค D  บุกเล้าเป็ด แว้ว

เรื่องนี้ยกนิ้วให้ เจงๆ   o13   

kongkilmania

  • บุคคลทั่วไป
 :pig2:     :m4:   มีน้องเอาเรื่องนี้มาลงในเล้าแล้ว
ว่าจะไปขอมาโพสต์อยู่เหมือนกัน  แบบว่าชอบมากมาย   
เป็นกำลังใจให้คนโพสต์จ้า   สู้ๆๆๆ :a1:


ขอเป็นหน้าม้าแบบออกนอกหน้าทีเหอะ    :m13:
ขอเชียร์เรื่องนี้สุดลิ่มทิ่มประตู
ถ้าใครอ่านแล้วไม่อิน ไม่อึ้ง ไม่ประทับใจ
มาตื๊บเราได้เลย   :laugh: 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
เมื่อความสัมพันธ์เริ่มแปรเปลี่ยน เข้าสู่โหมดเครียดแล้วชิมะ  :serius2: ความลับที่ว่าของพี่เหยากับทอมก็คือ...พี่เหยาเปงรับ เหอะๆ

เห็นด้วยกับป้าแน๋ว........ o13 o13 o13



เป็นกำลังใจให้คนโพสผู้น่ารักนะครับ
:L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5
โย่วววว มาเป้นหน้าม้า แบบไม่มีใครเชิญ เรื่องนี้สุดยอด  o13

แต่เราทนอ่านได้ถึง ตอน 5 เอง ยังทำใจอ่านต่อไม่ไหว แต่ของเค้าดีจริงๆนะเออ  :m23:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หรือจะให้เป็นแค่ความทรงจำ # 2

พอพี่เหยาขึ้นม.5 ผมก็เลื่อนขั้นจากเด็กประถม ขึ้นเป็นเด็ก มัธยมต้น และแน่นอน ผมสอบเข้าเรียนได้อย่างดีที่สุดก็คือโรงเรียนรัฐบาลประจำจังหวัดเท่านั้น ไม่ใช่โรงเรียนเอกชนชื่อดังอย่างโรงเรียนพี่เหยาที่แม่ปลื้มนักปลื้มหนา

ตอนนั้น ถึงจะเป็นแค่เด็กม.1 แต่ ผมรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้น และไม่ใช่ด้วยเพราะส่วนสูงที่เริ่มจะสูงเกินเพื่อนๆจนเห็นได้ชัด จนกระทั่งผมถูกเรียกว่าไอ้โหย่ง ซึ่งแทนที่จะทำให้ผมภูมิใจ ผมกลับพยายามค่อมตัวลงเพื่อให้ดูเตี้ยลง จนกลายเป็นคนเดินหลังค่อมและไหล่งุ้มแต่ก็แค่ช่วงสั้นๆเท่านั้น เพราะเมื่อพี่เหยาสังเกตเห็น ผมก็ต้องเลิก

“ทำไมเอกต้องเดินอย่างนี้ล่ะ?”พี่เหยาไม่พูดเปล่า ยังอุตส่าห์ทำท่าล้อเลียนที่ผมรู้สึกว่าน่าเกลียดให้ดูด้วย

“ก็ทำไมล่ะ?”ผมไม่ยอมบอกเหตุผล เพราะผมก็รู้ว่ามันไม่ใช่เหตุผลที่ดีนัก

“อยากเตี้ยหรือไง?”

“ไม่ใช่!”ผมรีบปฏิเสธเสียงดัง เพราะตกใจที่พี่เหยารู้สาเหตุ

“งั้นทำไม?”

“ไม่รู้ ก็มันเดินของมันเอง”ผมแก้ตัว นึกสงสัยว่า ทำไมพี่เหยารู้

“เสียบุคลิกนะ เดินไปไหนก็เดินแบบนี้”พี่เหยาเดินให้ผมดูอีกรอบด้วยท่าทางที่น่าเกลียดกว่าเดิม

“ก็ช่างมันสิ!”ผมเริ่มหงุดหงิดที่พี่เหยามายุ่งเรื่องของผม

“โดนเพื่อนล้อว่าสูงใช่มั๊ย?”พี่เหยาถามตรงเป้า จนผมไม่กล้าปฏิเสธ

“เมื่อก่อนเพื่อนพี่คนหนึ่ง เขาก็สูงเร็วกว่าคนอื่นเลยโดนเพื่อนเรียกว่าไอ้โย่ง มันเลยเดินให้หลังค่อมๆ จะได้สูงเท่าคนอื่น แล้วเป็นไงรู้ไหม?” พี่เหยาถามและผมส่ายหัวแทนคำตอบ

“ก็พอเดินแบบนี้นานๆ กระดูกที่หลังมันก็งอ แล้วตรงหัวไหล่มันก็งุ้ม ยืดไม่ขึ้น พอคนอื่นเริ่มสูงมันเลยเตี้ยสมใจ แล้วเป็นไงรู้ไหม?”พี่เหยาถามและผมส่ายหัวอีกครั้ง

“เพื่อนเลยเรียกมันว่าไอ้ค่อมบ้าง ไอ้งุ้มบ้าง”

แน่นอนว่า ระหว่างไอ้โย่ง กับ ไอ้ค่อมหรือไอ้งุ้ม อย่างแรกน่าจะดีกว่า พี่เหยายังสอนอีกว่า

“มันเรียกเราไอ้โย่ง ก็เรียกมันไอ้เตี้ยสิ! ”

“ผมก็โดนตีนพวกมันน่ะสิ ทั้งห้องเลย!”ผมแย้ง แต่ก็ทำตาม

พอผมเรียกพวกมันกลับว่าไอ้เตี้ย บางคนก็หัวเราะแล้วก็ยังเรียกผมเหมือนเดิมซึ่งผมก็ไม่เดือดร้อนเพราะถือว่าได้ด่ามันกลับว่าไอ้เตี้ย แต่สำหรับบางคนที่มีความเตี้ยต่ำกว่ามาตราฐาน มันกลัวผมเรียกมันว่าไอ้เตี้ย เลยเลิกเรียกผมว่าไอ้โย่ง หลังจากนั้น ผมเลยเลิกเดินหลังค่อมซึ่งก็พบว่ายากพอดู เพราะพอเผลอทีไรผมก็กลับไปเดินเหมือนเดิม ใช้เวลานานพอควรจึงเลิกนิสัยนั้นขาด

ต่อมาผมยิ่งพบว่าความสูงนั้นมีประโยชน์ เมื่อโดนรุ่นพี่ชวนให้เล่นบาส นอกจากผมจะมีทักษะทางด้านกีฬาที่ดีแล้วผมยังมีข้อได้เปรียบตรงความสูงที่สูงจนทันพี่ๆม.ปลาย ผมจึงได้เล่นเป็นนักกีฬาตัวจริงของโรงเรียนเสมอและพบว่าเพื่อนๆพากันอิจฉา เพราะนอกจากจะได้เบี้ยเลี้ยง สิทธิพิเศษในฐานะนักกีฬา ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ไม่ทำให้พวกมันอิจฉาเท่าไหร่ ที่ทำให้พวกมันตาร้อนผ่าว คือสาวๆที่คอยส่งเสียงเชียร์ทั้งในและนอกสนาม ถึงสาวๆที่ว่าจะตัดผมหน้าม้าสั้นเด๋อด๋า เห็นติ่งหูผลุบๆโผล่ๆ เพราะยังเป็นแค่เด็กมัธยมต้นกันก็เถอะ ซึ่งก็ผิดกันลิบกับสาวๆที่มาแอบชำเลืองตามองพี่เหยาถึงหน้าบ้าน แบบที่แม่ชอบค่อนแคะว่า

“เป็นสาวเป็นนาง หน้าไม่เหลือยาง ตามมาดูผู้ชายถึงหน้าบ้าน”

“เขาตามมาดูเสียที่ไหน! ก็เขาเรียนพิเศษกันที่ในหมู่บ้าน เรียนเสร็จเขาก็เดินผ่าน” พ่อแก้ตัวให้สาวๆที่ว่า เพราะจริงตามที่พ่อว่า พี่สาวพวกนั้น พอเรียนพิเศษกันเสร็จก็เกาะกลุ่มกันเดินผ่านทางมา จะมีบ้างก็เกาะกลุ่มคุยหัวเราะต่อกระซิบกันเสียงดังเป็นพิเศษที่หน้าบ้าน ชะเง้อชะแง้ตาแลไปที่ระเบียงบ้านด้านบนบ้าง

ระเบียงบ้านทอมไม่เหมือนบ้านอื่นๆ ที่ปล่อยไว้เฉยๆ จะมีบ้างก็แค่เอากระถางต้นไม้มาตั้งๆไว้ ให้พอสดชื่น ซึ่งระเบียงบ้านทอมเมื่อก่อนก็ไม่ต่างกัน แต่พอพี่เหยาย้ายมาอยู่ด้วย ระเบียงเก่าๆก็ถูกตกแต่งเสียใหม่ ระแนงไม้ตีตารางทาสีขาวถูกนำมาตกแต่งคล้ายฉากกั้น พวงชมพูออกดอกสวยแตกเถาไปทั่วระแนงไม้ขาว พื้นที่แคบๆของระเบียงถูกตกแต่งเป็นสวนเล็กๆที่มุมหนึ่ง ส่วนอีกมุมมีเก้าอี้โยกไว้สำหรับนั่งตากลมน่าสบาย แต่พี่เหยากลับชอบมาคลุกอยู่ที่ห้องของผม หรือบางวันอากาศดี เราก็เอาเสื่อมาปูนอนเล่นบ้างอ่านหนังสือบ้างกันที่ระเบียงเปื้อนๆของห้องผมเสียมากกว่าระเบียงไม้สวยๆนั่น จะมีก็แต่ช่วงเย็นที่พี่เหยาจะพกหน้าบอกบุญไม่รับของตัวเองออกมายืนรดน้ำต้นไม้ทุกๆวัน ให้สาวๆชะเง้อชะแง้คอตั้งมองกันทุกเย็นก่อนมาสอนหนังสือผม

“แต่วันนี้ ตาเหยาท่าจะอารมณ์ไม่ดี ปิดประตูใส่หน้าแม่สาวๆพวกนั้นเสียสะเทือนไปทั้งตึก”แม่เล่า ซึ่งผมไม่เห็นว่าจะแปลกตรงไหนสำหรับพี่เหยา เพราะที่แล้วๆมาสิ ผมว่าแปลกกว่า ที่พี่เหยาไม่ปิดประตูโครมเสียตั้งแต่วันแรกที่ได้ยินเสียงของ...แม่สาวๆพวกนั้น...ตามที่แม่เรียก

“สาวๆเดี๋ยวนี้ก็แปลก”ย่าออกความเห็นแค่นั้นไม่พูดต่อ เพราะเป็นอันรู้กันว่า ย่ามองไม่ค่อยออกว่าพี่เหยามีตรงไหนให้น่ามอง

ถึงแม่จะเคยพูดถึงสรรพคุณพี่เหยาว่า...หน้าตาคิ้วคางค่อยๆแต่ง แก้มแดงปากแดงค่อยๆแต้ม...ซึ่งผมก็ไม่ค่อยซาบซึ้งกับสำบัดสำนวนของแม่เสียเท่าไหร่ แต่ย่ากลับขัดคอแม่ว่า...ตัวซีดอย่างกับไก่ต้มเสียมากกว่า

“เขาเรียกว่าขาว เหยาเขาเป็นคนจีน ผิวคนจีน”พ่อแก้ตัวแทนตามนิสัยที่แก้ตัวให้กับทุกคน

“ขาวเป็นไก่ไหว้เจ้าวันตรุษจีนนะสิ!”ย่ายังยืนยันความคิดตัวเอง เพราะพระเอกหนังสมัยย่า ต้องรูปหล่อ ล่ำบึก และผิวคร้าม ไม่ใช่ขาวจนผู้หญิงอิจฉาแบบพี่เหยา

“แม่ก็พูดไป! ผิวเขาออกจะละเอียด แก้มแดง ปากแดง ใครว่าซีด!”พอแม่เลิกสำบัดสำนวนแล้ว ผมเลยค่อยฟังรู้เรื่องหน่อย

พี่เหยาเป็นอย่างที่แม่ว่าจริงๆ คือปากแดง แก้มแดง ยิ่งวันไหนอากาศหนาวหรือร้อนจัดๆ อย่างช่วงเดือนเมษาด้วยแล้ว ปากกับแก้มพี่เหยาจะแดงจัด จนเมื่อแรกๆ ผมต้องวิ่งไปขอครีมทาผิวกับแม่ด้วยความหวังดี เพราะคิดว่าปากกับผิวพี่เหยาแตก แบบที่ผมประสบบ่อยๆตอนหน้าหนาว ผลตอบแทนของความหวังดีคือฝ่ามืออรหันต์ที่พี่เหยาบรรจงซัดเข้าให้ที่กลางกระหม่อมของผม ตั้งแต่นั้น ผมเลยไม่ค่อยอยากจะยุ่งกับเรื่องส่วนตัว หรือจะเรียกให้ถูก ก็คือเรื่องเนื้อตัวของพี่เหยาเขาเท่าไหร่

พอฟังแม่กับย่าเถียงกัน ผมเลยได้แต่นั่งยิ้ม เพราะต่อให้ลับหลัง ผมก็ขยาดที่จะพูดถึงเรื่องเนื้อตัวของพี่เหยา แล้วจะเพราะหาข้อสรุปของการถกเถียงกันไม่ได้หรือยังไงก็ไม่รู้ ทั้งแม่และย่าถึงหันมามองผมที่ยังยิ้มค้างอยู่

“ไม่ต้องยิ้มเลย! เราก็ดำยังกะถ่าน เป็นคนเชียงใหม่เสียเปล่า ผิวขาวสู้คนกรุงเทพไม่ได้!”แม่ว่า

“ใช่ น่าจับมารวมกันแล้วเขย่าๆ”ย่าช่วยเสริมอีกแรง

“แล้วถ้าสีมันไม่กลืนกัน กลับกลายเป็นดำๆขาวๆล่ะ?”พ่อถามแล้วหัวเราะ ... ทีคนอื่นล่ะแก้ตัวแทนหมด ทีกับลูกชายตัวเองพ่อกลับช่วยถมทับ...ผมคิด

“พี่เหยาเขาเด็กเอกชน นั่งเรียนก็ในห้องแอร์ แต่ละตึกก็เชื่อมกันซะแดดไม่รู้จะเจาะเข้ามาทางไหน ส่วนผมมันเด็กโรงเรียนรัฐ ต้นไม้สักต้นไว้หลบแดดยังต้องแย่งกัน”เมื่อแม้แต่พ่อยังไม่ช่วยออกรับแทน ผมเลยต้องช่วยแก้หน้าให้ตัวเอง

“แล้วดำๆแบบนี้...ขอโทษนะครับ ที่โรงเรียน ผมเนี่ยป๊อบสุดแล้ว สาวๆข้างสนามน่ะ แฟนๆผมทั้งนั้น”ผมอวดสรรพคุณซึ่งก็ไม่ได้โม้ หรือ แต่งเติม เพียงแต่สาวๆที่ว่า ยังผมม้า หน้าเด๋อด๋า เห็นหางเต่าเขียวๆกันอยู่ก็เท่านั้น แต่ไว้ผมขึ้นม.ปลาย สาวๆที่ตามกรี๊ดผม ก็น่าจะโตเป็นสาวสวย ถักหางเปีย มัดหางม้า เหมือนสาวๆของพี่เหยาบ้างล่ะ

“ใช่...ดำๆนี่แหละดี...ดำดีสีไม่ตก ขาวสกปรกซักไม่ออกไง!”พ่อหันมาเข้าข้างผมบ้าง แต่ผมว่า พ่อเงียบไว้น่าจะดีกว่า...

แต่ไอ้เรื่องสูง ดำ ต่ำ ขาว หรือ แฟนคลับใครคือสาวหางเปีย หรือยายผมม้าหน้าเด๋อด๋านั่นไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นแต่อย่างใด

ส่วนที่ผมบอกว่าผมรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นนั้น ก็เพราะผมได้เริ่มลองทำอะไรใหม่ๆหลายอย่างที่ผู้ใหญ่ทำกัน ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรมาก และเป็นสิ่งที่เด็กผู้ชายทุกคนต้องลองเพราะมันทำให้เรารู้สึกว่าเราโต เราเท่ห์ การไม่ทำหรือไม่ลองนั้นจะทำให้กลายเป็นไอ้แหยในสายตาเพื่อนๆ

pseudoboy

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาอย่างว่องไว  เมื่อเห็นชื่อเรื่อง

confirm  จริง ๆ  ค่ะ  เรื่องนี้สนุกมากๆๆๆๆๆๆ

จงมาอ่าน ๆๆ :oni3: :oni3: :oni3:  555

ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ment  ครั้งแรกในบอร์ดนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องเป็นราวอะไร

ดีไจอ่ะ  ที่คนอื่นจะได้อ่านเรื่องนี้   :oni2: :oni2: :oni2:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
มาแล้ว เม้นได้แล้ว อยากอ่านต่อแล้วจ้า  :oni2: :oni2:

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
เตรียมน้ำตาไว้รออ่านเรื่องนี้เลยค่ะ  :o12:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เรื่องที่เด็กผู้ชายทำกันพออยากเป็นผู้ใหญ่ก็มีอยู่แค่ 2 เรื่อง คือบุหรี่กับหนังสือโป๊ และการริลองทั้งสองอย่างนี้ทำให้ผมค้นพบอะไรบางอย่าง

ไอ้วิทย์ เป็นเพื่อนสนิทของผมซึ่งพยายามทำตัวแก่แดดเกินอายุกว่าเพื่อนๆ การได้มันเป็นเพื่อนสนิท ทำให้ผมแก่แดดไปตามมัน มันเป็นคนแอบเอาบุหรี่มาให้เพื่อนๆลองสูบโดยทำเป็นคุยว่ามันเป็นคนเดินเข้าไปซื้อเองกับมือ ไม่มีใครเชื่อแต่ก็ไม่รู้จะขัดคอมันไปทำไม

แน่นอนว่าสถานที่ยอดนิยมที่เด็กผู้ชายใช้เป็นที่แอบสูบบุหรี่ จนแทบจะเดินชนกันตายแต่ครูไม่ยักจับได้คือห้องน้ำ ส่วนสาเหตุที่ผมค้นพบด้วยประสบการณ์ตรงของตัวเองว่าทำไมต้องเป็นห้องน้ำนั้นก็เพราะว่ามันเป็นที่ส่วนตัว เราเข้าไปหนึ่งห้องต่อหนึ่งคน สาเหตุที่เราไม่เข้ากันเกินนี้นั้นไม่ใช่อะไร แต่เราต้องการรักษาหน้าของตัวเอง บ่อยครั้งที่ผมเกิดอาการสำลักควัน แม้การใช้มือปิดปากตัวเองจะทำให้ทรมานจนหน้าแดง น้ำตาไหล แต่ย่อมดีกว่าส่งเสียงไอออกมา เพราะนั้นย่อมหมายถึงตราบาป ที่จะโดนล้อไม่จบไม่สิ้น จนเรามั่นใจแล้วว่าจะไม่มีการสำลักควันแล้วเราจึงเริ่มแบ่งปันห้องน้ำกันใช้

ผมไม่เคยถูกครูจับได้เรื่องสูบบุหรี่ รวมทั้งพ่อแม่ก็ไม่เคยสังเกต แต่คนที่รู้เป็นคนแรกว่าผมริอ่านสูบบุหรี่คือพี่เหยาซึ่งจับได้ตั้งแต่ผมยังไม่เลิกสำลักควันด้วยซ้ำ

เย็นวันนั้นพี่เหยามาติวหนังสือให้ผมเหมือนเคย ขณะที่ผมกำลังนั่งทำโจทย์เลขอยู่อย่างขะมักเขม้น พี่เหยาก็มายืนอยู่ด้านหลัง ก้มตัวลงทำจมูกฟุดๆฟิดๆที่ตัวผม

“แอบสูบบุหรี่มาใช่ไหม?”

“เปล่า”ผมปฏิเสธเสียงแข็ง ทั้งนึกสงสัยว่าทำไมต้องเป็นพี่เหยาทุกที ที่รู้ความลับของผม

“เปล่าอะไร กลิ่นหึ่งเลย!”พี่เหยาทำจมูกฟุดฟิดอีกครั้ง ผมรีบดึงเสื้อตัวเองขึ้นมาดมแต่ก็ไม่ได้กลิ่นอะไร

“ไม่เห็นมี!”ผมเถียง

“ไม่มีแล้วดมทำไม?”เจอคำถามแบบนี้ ผมเลยได้แต่เงียบ ใจเต้นโครมๆกลัวพี่เหยาจะฟ้องแม่ แต่พี่เหยากลับพูดในสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง แต่ถ้าตอนนั้นผมคิดดีๆล่ะก็ คำพูดของพี่เหยาก็ไม่น่าทำให้ผมแปลกใจนัก เพราะนอกจากเรื่องเรียนเก่งซึ่งทำให้ได้เครดิตอยู่โขจากสายตาผู้ใหญ่ เรื่องอื่นๆพี่เหยาก็อยู่ห่างจากคำว่าเด็กดีอยู่พอสมควร

“เดี๋ยวพี่ไปเอาที่ดับกลิ่นให้ รับรองไม่มีใครจับได้”พี่เหยาว่า แล้วก็เดินออกนอกห้องไป ทิ้งให้ผมนั่งงง ถึงแม้จะดีใจ แต่อีกใจผมก็อยากให้แม่มาได้ยินเสียเหลือเกิน ว่าเด็กดีของแม่กำลังช่วยส่งเสริมให้ลูกชายแม่ทำสิ่งไม่ดีแถมช่วยกลบเกลื่อนร่องรอยอีกต่างหาก ไม่นานพี่เหยาก็กลับมาพร้อมอะไรบางอย่างในมือ

“ลุกขึ้นสิ เอก”พี่เหยาสั่ง ผมลุกขึ้นยืน ตามองขวดแก้วใสๆในมือพี่เหยา

พี่เหยาฉีดของเหลวจากขวดใสๆนั่นที่ตัวผม กลิ่นฉุนขึ้นจมูก

“อี้! เหม็น”ผมพูดเอามือบีบจมูก พี่เหยามองหน้าผมและคิ้วขมวด

“ถามน้าสุไหมว่ากลิ่นบุหรี่กับไอ้นี่ อันไหนเหม็นกว่ากัน”พี่เหยาขู่

“ ขวดนึงตั้งแพงมาหาว่าเหม็น หัวต่ำ!”พี่เหยาพูดพลางเอาขวดใสๆนั่นขึ้นมาดมพลาง

“หอมจะตาย”พี่เหยายืนยัน

แม้กลิ่นมันจะยังไม่บางลงนัก แต่ผมเริ่มคุ้นๆ

“กลิ่นเหมือนพี่เลย แต่ทำไมของพี่ไม่ฉุน”ผมพูดพร้อมดึงเสื้อพี่เหยามาดม

“ก็พี่ฉีดตั้งแต่เช้าแล้ว...เอ๊ะ...หรือว่าฉีดเยอะไปหน่อย”พี่เหยาพูด ดึงเสื้อผมไปดมบ้าง

“ไม่ฉุนนี่ เดี๋ยวกลิ่นมันก็อ่อนลง”พี่เหยาคว้าสมุดเลขบนโต๊ะมาพัดให้ผม กลิ่นตลบขึ้นมาเข้าจมูกผมอีกรอบ จนผมต้องเงยหน้าหนี

“ก่อเตาเหรอพี่?”ผมแซว เพราะท่าทางของพี่เหยาเหมือนย่าเวลาก่อเตาไม่มีผิด

“กลิ่นนี้ อ่อนสุดแล้ว ถ้าจะให้อ่อนกว่านี้ เอกต้องเอาไปผสมน้ำเอง”พี่เหยาเลิกก่อเตาแล้ว เอาขวดใสๆนั่นไปวางไว้ให้ผมในตู้เสื้อผ้า

“พี่เอาใส่ตู้ผมทำไม?”

“อ้าว ก็เอาไว้ใช้ไง”

“แต่ว่ามันแพงนี่!”ถึงผมจะยังไม่โตพอที่จะรู้จักขวดใสๆนั่นเท่าไหร่นัก แต่ก็พอรู้ล่ะว่าไม่ใช่ของถูก

“เงินแม่เอกนั่นแหละ”พี่เหยาบอก ผมจึงไม่ปฏิเสธอีก แต่เมื่อคิดทบทวนดูทีหลัง เงินที่แม่ให้พี่เหยาก็ไม่ได้มากนัก แล้วเกือบทั้งหมดก็หมดไปกับค่าดูหนัง ค่าการ์ตูนบ้าง เกมส์บ้าง ซึ่งบางทีก็แถมด้วยไอติมอีกต่างหาก พี่เหยาจึงไม่น่ามีเงินเหลือพอซื้อ โดยเฉพาะ อีกหลายขวดที่ตั้งเรียงรายอยู่บนโต๊ะกระจกที่บ้านพี่เหยา แต่ตอนนั้นผมก็ยังเด็กเกินที่จะคิดอะไรมากไปกว่าเรื่องที่เห็นอยู่ตรงหน้า

เรื่องในวันนี้ทำให้ผมพบว่า พี่เหยามักเป็นคนแรกที่รู้เรื่องเกี่ยวกับตัวผมโดยบางครั้งผมก็ไม่ต้องเอ่ยปากบอก และบางครั้งก็รู้โดยที่พ่อกับแม่ไม่มีโอกาสรู้ด้วยซ้ำไป ตอนนั้นผมคิดแค่ว่าการมีพี่ชายเป็นแบบนี้เอง เพราะในตอนนั้นทั้งผมและพี่เหยายังมีความบริสุทธิ์ใจให้กันและกันจริงๆ โดยเฉพาะพี่เหยาที่คงไม่มีวันเห็นผมเป็นมากกว่าน้อง ถ้าผมไม่เป็นฝ่ายทำลายความสัมพันธ์เช่นนี้ลง

การค้นพบเรื่องแรกนั้น ไม่มีอะไรพิเศษ จะเรียกว่าการสังเกตธรรมดาก็คงไม่ผิด แต่การค้นพบเรื่องที่สองนั้นมีผลกับผมมาก

หนังสือโป๊ที่ถูกเอามาเวียนกันดู ซึ่งแน่นอนว่าสถานที่ยอดนิยมก็ไม่พ้นหลังห้องน้ำแน่นอน ไอ้วิทย์ ตัวแก่แดดของกลุ่มมันยังคงความแก่แดดโดยเป็นคนหาซื้อและพกพามาให้เพื่อนๆ มันยังคุยโวด้วยการพูดจาทะลึ่งตึงตังแต่ก็ไม่มีใครขัดเพราะต่างก็ชอบฟังกัน

มันเล่าประสบการณ์พิสดารพันลึกโดยอ้างว่าเป็นประสบการณ์จริงที่ไม่มีใครการันตีให้มันได้ มีหลายคนร่วมวงเล่าประสบการณ์ของตัวเองที่บางเรื่องน่าเชื่อ บางเรื่องก็เกินจะเชื่อได้ เราต่างพูดกันด้วยความคะนองปาก และฟังกันอย่างคะนองหู ส่วนผมนั้นเป็นอย่างหลังเพราะหมดปัญญาที่จะปั้นเรื่อง

พอกลับบ้านผมก็เล่าต่อให้พี่เหยาฟัง พี่เหยาแค่รับฟังแต่ไม่พูด หรือแนะนำอะไรเหมือนเรื่องอื่นๆ เรื่องที่ผมว่าตลก พี่เหยาก็ไม่ได้หัวเราะ เมื่อผมเริ่มสังเกตเห็น ผมจึงเลิกเล่าให้พี่เหยาฟัง

หนังสือโป๊เริ่มกลายเป็นสิ่งไม่ท้าทาย ไอ้วิทย์หาสิ่งที่ท้าทายกว่ามาให้เพื่อนๆ

“กูดูแล้วงี้เลย!”มือหนึ่งมันถือม้วนวิดีโอ อีกมือมันชูนิ้วโป้งเป็นการยืนยันคำพูด

เรามองวีดีโอม้วนนั้นแล้วทำตาปริบๆ กลืนน้ำลายกันคนละเอื๊อกสองเอื๊อก เหมือนหมามองเครื่องบิน

“เป็น ห่าอะไรกันวะ?”ไอ้วิทย์ถาม เพราะแทนที่จะเห็นเพื่อนๆตื่นเต้น กลับทำท่าหมดอาลัยตายอยากกันแทน

“แม่กูเอาตาย ถ้าไปดูที่บ้าน แล้วมึงจะให้กูตื่นเต้นอะไรวะ? นั่งมองอย่างนี้แล้วตื่นเต้นได้หรือเปล่า? วันหลังมึงยกเครื่องเล่นมาด้วยสิวะ”ไอ้ชัยด่า ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

วีดีโอม้วนนั้นถูกเก็บลงกระเป๋าอย่างแสนเสียดาย แล้วเราก็หันมาสนใจของที่ตื่นเต้นน้อยกว่าแต่ไม่ยุ่งยากแทน

“นี่มันเล่มเก่านี่หว่า!”ไอ้ชัยโวย เมื่อ หนังสือโป๊ ที่ไอ้วิทย์หยิบขึ้นมาคือเล่มเก่าเก็บเมื่ออาทิตย์ก่อน

“มึงเอาเงินพวกกูไปไหนวะ ไอ้วิทย์?”

“ก็ซื้อวีดีโอนี่ไง”

เป็นอันว่าอาทิตย์นั้นเราต้องนั่งดูม้วนวีดีโอม้วนใหม่ กับหนังสือเล่มเก่า เพราะความที่ยังเป็นแค่เด็ก ม.2 เงินค่าขนมเราจึงน้อยนิด เมื่อช่วยกันเจียดๆไปซื้อจึงได้มาเพียงอาทิตย์ละเล่มเท่านั้น

แต่พอเช้าวันศุกร์ ไอ้วิทย์ก็เอาข่าวดีมาบอกเพื่อนๆ

“พรุ่งนี้ไปบ้านกูกัน”

“ไปทำไมวะ?”

“ดูวีดีโอไง”

“แม่มึงไม่อยู่เหรอ?”

“อยู่!” ไอ้วิทย์ยังไม่ยอมตอบอะไรให้กระจ่าง แต่เพื่อนๆก็ชินเกินที่จะมานั่งด่ามันแล้ว

“มึงบอกมาเลยดีกว่า แบบที่กูไม่ต้องเปลืองน้ำลายถามมึงอีก”

“ไปดูห้องพี่โอ๋... พี่โอ๋เขาอนุญาตแล้ว”

พี่โอ๋ที่ไอ้วิทย์พูดถึง คือสปอร์นเซอร์รายใหญ่ของเรา ที่คอยจุนเจือหนังสือเล่มเก่าๆมาแบ่งเราผู้มีทุนทรัพย์น้อยได้อ่าน ได้เรียนรู้ พี่โอ๋เป็นนักศึกษามาจากต่างจังหวัดและเป็นลูกของเพื่อนสนิทของแม่ไอ้วิทย์ จึงมาเช่าหอพักซึ่งแม่ไอ้วิทย์เป็นเจ้าของอยู่ ไอ้วิทย์กับพี่โอ๋จึงซี้กันมาแต่เด็ก ส่วนผมนั้นยังไม่เคยพบพี่โอ๋ที่ไอ้วิทย์พูดถึงบ่อยๆ จนกระทั่งวันที่เราไปรวมตัวกันเพื่อศึกษาวีดีโอม้วนนั้น ผมจึงมีโอกาสได้รู้จักกับพี่โอ๋

เย็นวันนั้นผมนั่งคิดหาเหตุผลที่จะขอให้พี่เหยาไม่ต้องมาสอนหนังสือผมในวันเสาร์

“พรุ่งนี้ผมจะไปทำรายงานบ้านเพื่อน”เหตุผลผมดีพอใช้ แต่หน้าผมคงไม่น่าเชื่อถือ

“วิชาอะไร?”

“สังคม”

“เรื่องอะไร”พี่เหยาถามเรื่อยๆ แต่ผมอึกอัก เพราะไม่คิดว่าพี่เหยาจะถามอะไรให้มากความ... รายงานก็คือรายงานสิ จะสนใจอะไรนักหนา...ผมคิด

“เรื่องการประชุมอาเซี่ยนที่เพิ่งจัดที่กรุงเทพ”หัวข้อเรื่องผมน่าเชื่อถือ เพราะผมเพิ่งทำส่งไปอาทิตย์ที่แล้ว แต่หน้าผมคงไม่ตาย

“ไม่ใช่เรื่องมะเร็งในปอด หรือว่าเพศศึกษาเหรอ?”พี่เหยาดักได้ถูกทาง จนผมหน้าเสีย

“ก็ ไอ้วิทย์ มันชวนไปดู”

“อ้าว ไม่อยากดูเอง แล้วไปทำไม?”พี่เหยาถามหน้าตาย

“อยากสิ ของมันไม่เคยนี่นา”

“แก่แดด อยู่แค่ม.2 ริอ่านดูวีดีโอโป๊”พี่เหยาดุแต่ไม่จริงจังนัก

“ศึกษาไว้เป็นวิทยาทานไง”ผมเล่นมุข แต่พี่เหยาไม่ขำด้วย

“โตพอรู้แล้วนี่ ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี อันไหนที่มันไม่ดีก็อย่าไปลอง”




--------------------

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
“แล้ววีดีโอโป๊นี่ดีหรือไม่ดีล่ะ?”ผมถามหน้าซื่อ เพราะมองไม่เห็นความดีของมัน แต่ก็ไม่เห็นว่ามันจะไม่ดีตรงไหน

“ก็...ไม่ใช่ไม่ดี แต่ก็หาประโยชน์ไม่ได้ แต่ถ้าไปหมกมุ่นกับมันมากเกินไป มันก็ไม่ดี”นานครั้งที่พี่เหยาจะสอนอะไรที่จริงจังสักที

“แล้วอะไรบ้างละที่ไม่ดี”

“ไม่บอก เดี๋ยวหาว่าชี้โพรงให้กระรอก”

“ตกลงพรุ่งนี้ไม่ต้องมาสอนนะ”ผมสรุป

“ไม่มาอยู่แล้ว”

“อ้าว ทำไมล่ะ?”

“พรุ่งนี้ เพื่อนทอมมา ทอมจะพาไปเชียงดาว ทอมให้ไปด้วย”พี่เหยาอธิบาย

เกือบทุกครั้งที่ทอมไปเที่ยว ทอมจะพาพี่เหยาไปด้วย ยกเว้นว่าพี่เหยาจะติดสอบเท่านั้นจึงจะถูกทิ้งไว้ให้อยู่บ้าน และแทบจะทุกเดือนที่ทอมจะต้องขึ้นไปพักบนดอย พ่อบอกว่าทอมมีบ้านพักอยู่บนดอย จึงไม่แปลกอะไรที่จะไปบ่อยๆ หรือพาเพื่อนไปค้างทุกครั้งที่เพื่อนมาหา ผมรู้สึกอิจฉาพี่เหยามากที่ได้ไปเที่ยวบ่อยๆ ตัวผมเองเกิดและเติบโตที่เชียงใหม่แท้ๆ แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสไปพักค้างคืนบนดอยเลย ผิดกับพี่เหยาที่ป่านนี้คงเที่ยวทั่วเชียงใหม่แล้ว แต่พี่เหยาไม่เคยมีทีท่าตื่นเต้นหรือดีใจเลย ที่จะได้ไปเที่ยว ตรงกันข้ามพี่เหยากลับดูเหม่อลอย บางครั้งก็หงุดหงิด...พี่เหยาคงเที่ยวจนเบื่อมั้ง...ผมคิดตามประสาเด็ก

พอทุ่มนึงพี่เหยาก็กลับบ้าน วันนี้ผมไม่มีเวลามานั่งอิจฉาพี่เหยา ผมเฝ้าคิดถึงแต่วันพรุ่งนี้ด้วยความตื่นเต้น

ผมตื่นแต่เช้า กินข้าวเช้าแล้วรีบออกจากบ้าน โบกรถคันแรกที่ผ่านมา เสียงใครคนหนึ่งเรียกอย่างร้อนรนทำให้ผมหันไปมอง พี่เหยายังคงอยู่ในชุดนอน กำลังไขกุญแจบ้านออกมาอย่างเร่งรีบ แต่ผมกลัวไปไม่ทันนัดเพื่อนๆ ผมเลยทำเพียงโบกมือทักทายแล้วรีบกระโดดขึ้นรถไป เมื่อรถเริ่มแล่นออกไป ผมยังได้ยินเสียงพี่เหยาร้องเรียกและเมื่อหันไปมอง พี่เหยายืนมองผม จนเมื่อรถเริ่มแล่นห่างออกมา พี่เหยายังยืนอยู่เหมือนเดิมจนลับตา

“เปิดเลยๆ” ผมตะโกน เมื่อเปิดประตูเข้าไปเจอเพื่อนๆนั่งรอกันหน้าสะล่อน

“กูนึกว่ามึงจะมาพรุ่งนี้”ไอ้ชัยพูดก่อนกดม้วนวีดีโอ ที่เตรียมพร้อมไว้อยู่แล้วที่เครื่อง เข้าไปในเครื่องแล้วกดปุ่มเล่นทันทีไม่มีการเสียเวลา

ไม่มีใครว่าอะไรอีก ทุกสิ่งที่กำลังจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอคือประสบการณ์แปลกใหม่ของเรา ภาพแรกที่ปรากฏแทบจะทำให้เราลืมหายใจ

ไอ้ชัยอ้าปากค้างก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปเพิ่มเสียง

“เฮ้ย เดี๋ยวแม่กูได้ยิน...”ไอ้วิทย์ตะโกนเสียงค่อยๆ ก่อนเอื้อมมือไปลดเสียงลง

“ดังอีกปุ่มสิว่ะ” ไอ้รงค์ต่อรอง แต่คนที่เอื้อมไปกดคือไอ้ชัย

“ไม่ได้ เดี๋ยวแม่กูเอาตาย”ไอ้วิทย์ว่าแล้วเอื้อมไปลดเสียงลง

“อีกปุ่มเดียวเป็นไรไปวะ”ไอ้รงค์ว่า สะกิดไอ้ชัยที่อยู่ใกล้กว่าให้เพิ่มเสียง

“ที่นี่ระบบเสียงsurroundนะโว๊ย ดังทีได้ยินทั่ว”ไอ้วิทย์ว่า

พวกมันยังเถียงกันเรื่องเสียงไม่เลิก จนพี่โอ๋เปิดประตูเข้ามา

“พวกมึงเชียร์บอลกันหรือไงวะ! กูไม่เคยเห็นใครดูหนังโป๊กันหนวกหูเท่าพวกมึงเลย”พี่โอ๋พูดก่อนนั่งลงข้างๆผมพร้อมวางม้วนวีดีโออีก สอง สามม้วนลง

พวกเรามองดูวีดีโอพวกนั้นแทนคำถาม

“มีอีกเยอะแยะ ที่ดูอยู่นั่น ธรรมดาว่ะ”

“ผมก็ว่ามันจืดๆ”ไอ้วิทย์รีบพูดโอ่ถึงความแก่แดดของมัน ทั้งที่เพิ่งเริ่มดูไปไม่ถึงไหน

ไอ้ชัยขัดคอไอ้วิทย์อะไรสักอย่างแต่ตอนนี้ ผมเลิกฟังพวกมันแล้ว หูผมได้ยินแต่เสียงจากม้วนวีดีโอนั้น ตาผมก็จับอยู่แต่กับอวัยวะรูปร่างคุ้นตา จะต่างก็แต่ขนาดที่คงถูกคัดมาอย่างดี ที่โชว์ให้เห็นชัดๆตรงหว่างขาของนักแสดงฝ่ายชาย!

ใจผมเต้นโครมๆ ไม่ใช่ตื่นเต้นดีใจในสิ่งที่ได้เห็น แต่กลับเป็นตื่นตกใจในสิ่งที่รู้ว่าตัวเองสนใจ

นักแสดงหญิงทรงโต ไม่ดึงดูดสายตาผมเท่า มัดกล้ามของนักแสดงชาย เนินเนื้อที่ถูกบีบเคล้นไม่ชวนมองเท่าแผ่นท้องแบนราบ และอวัยวะรูปร่างแปลกตา ก็ไม่ทำให้คอผมแห้งผากเท่าแท่งเนื้อที่เคยเห็นจนชินตา

“เฮ้ย เอกเป็นไรวะ?” เสียงไอ้วิทย์ถาม ทำให้ผมรู้สึกตัว ผมรู้สึกถึงเม็ดเหงื่อบนหน้าตัวเองจึงยกมือขึ้นเช็ด

“กูกลับก่อนนะ!”ผมพูดก่อนคว้ากระเป๋าแล้ววิ่งออกจากห้องไม่กล้าสบตาใคร ไม่สนใจเพื่อนๆที่ตะโกนเรียกอย่างแปลกใจ

ระหว่างนั่งรถกลับบ้าน ผมเฝ้าคิดวนไป วนมาถึงภาพที่เห็น เสียงที่ได้ยิน คิดทบทวนถึงเหตุและผล

ผมโตพอที่จะรู้จักคำว่า เกย์ แต่ยังไม่โตพอที่จะยอมรับตัวตนของตัวเองได้อย่างไม่สะทกสะท้าน

ถ้าผมเป็นเกย์ แล้วภาพผู้หญิงโป๊ทำให้ผมมีอารมณ์ได้อย่างไร

“ไบเซ็กซ์ช่วล” ผมเปิดพจนานุกรมในหัวตัวเอง

แล้วทำไมตอนช่วยตัวเอง ผมจินตนาการถึงผู้หญิงล่ะ...ผมคิดหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง

ไม่ใช่ ที่ผมคิดคือภาพการร่วมรักต่างหาก สมองฝ่ายยุติธรรมค้าน

ยิ่งคิด ขอบตาผมก็ยิ่งผ่าวร้อน

เมื่อถึงบ้าน ผมไม่สนใจใครรีบวิ่งอ้าวขึ้นห้อง ไม่สนใจเสียงเรียกของย่า และแม่ เมื่อเปิดประตูเข้าไปผมก็ผงะ พี่เหยานั่งอยู่ที่เตียง สายไปเสียแล้ว น้ำตาผมไหลอาบสองแก้ม ทั้งอายทั้งโมโห ที่พี่เหยามาอยู่ในที่ไม่ควรอยู่

“ออกไป เข้ามาในห้องผมทำไม!”ผมตะโกนไล่ พร้อมฉุดพี่เหยาให้ลุกขึ้น

“เอกเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม?”พี่เหยาถามด้วยสีหน้าเป็นห่วงจริงๆแต่ผมไม่สนใจ

“ไม่ต้องยุ่ง!”ผมผลักพี่เหยาออกจากห้องไปสุดแรง ก่อนปิดประตูเสียงดัง

“เดี๋ยวเอก พี่ขออยู่ด้วยสิ”พี่เหยากึ่งตะโกน กึ่งกระซิบอยู่ที่หน้าประตู

“เอก...”พี่เหยาเรียกค่อยๆและผมทุบประตูให้พี่เหยารู้ว่าผมไม่พอใจ เสียงพี่เหยาจึงเงียบหายไป ผมล้มตัวลงนอนบนที่นอน และเริ่มร้องไห้ออกมา

ฟ้าเริ่มมืดแล้วเมื่อผมลืมตาตื่นขึ้นมา

เสียงแม่เรียกเบาๆอยู่หน้าห้อง...วันนี้ผมเมินเฉยกับเสียงเรียกชื่อตัวเองมาทั้งวัน...คงเป็นการบอกใบ้ของพระเจ้าว่า นับแต่วันนี้ผมต้องเมินเฉยต่อตัวตนของตัวเอง...ผมจะไม่เป็นเกย์...ผมบอกตัวเองก่อนลุกขึ้น

...นายเป็น ไบ ต่างหาก ผู้หญิงก็น่าสนใจสำหรับนาย...ผมบอกตัวเองเมื่อเดินไปเปิดประตูห้อง

...ใช่น้อยคนจะโชคดีอย่างนี้ นายมีตั้งสองทางเลือก...ผมคิดเข้าข้างตัวเองเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าแม่

“กินข้าวได้แล้ว แล้วค่อยกินยาแล้วนอนให้มากๆ มะรืนสอบไม่ใช่เหรอ...”เสียงแม่ถามผม แต่ผมยังคุยกับตัวเอง...ใช่มีสองทางเลือก นายไม่จำเป็นต้องเลือกทางที่ตัวเองชอบ ถ้านายคิดว่าทางนั้นไม่ใช่ทางที่นายอยากเลือก...เอ๊ะ!...เมื่อกี้แม่ว่าใครสอบวันมะรืนนะ?...แล้วใครต้องกินยา? ผมนึกอยากถามแต่ก็หาวขึ้นมาเสียก่อน แม่หันมามองแล้วขมวดคิ้ว คงเพราะผมหาวเสียงดัง ผมเลยเดินตามแม่ลงบันไดมาเงียบๆ

“รู้ว่าจะสอบ ก็ยังมาไม่สบายอีก...”ย่าเริ่มบ่นเมื่อเห็นหน้าผม

“แม่พูดเหมือนคนเราเลือก เวลาไม่สบายได้งั้นล่ะ”พ่อโต้แทนผม ผมนึกเห็นด้วย บางครั้งผมก็คิดว่า พ่อเหมาะจะเป็นพ่อผมเสียเหลือเกิน แต่ย่าสิ น่าจะเป็นแม่ของแม่เสียมากกว่า...แต่เอ๊ะ!ใครจะสอบ แล้วใครที่ไม่สบาย ผมเริ่มหันซ้าย หันขวา

“นี่ปวดหัว หรือ เป็นง่อยกันแน่ ต้องให้แม่ป้อนข้าวด้วยหรือเปล่า?”เสียงแม่บ่น ตอนแรกผมไม่เข้าใจ แต่ท้ายที่สุดก็เข้าใจเมื่อแม่วางจานข้าวลงตรงหน้า...ผมมานั่งประจำที่เสียเรียบร้อยโดยไม่ตักข้าวของตัวเอง

แม้จะยังนึกสงสัยว่าใครป่วย ใครสอบ แต่ผมก็ไม่ได้ถามเพราะเริ่มรู้ น่าจะเป็นผมที่ไม่สบายและผมอีกเหมือนกันที่สอบ...แต่เมื่อไร ทำไมผมไม่ยักรู้

ที่กลางโต๊ะปลาทูทอดวางเรียงกันอย่างสวยงามอยู่ในจาน ผมนึกสงสัยตัวไหนตัวผู้ ตัวไหนตัวเมีย วันนี้ผมไม่อยากกินปลาตัวผู้สักเท่าไร...แล้วปลาทูมีปลาเกย์หรือเปล่า?

ผมรีบจ้วงปลาเข้าปาก เมื่อเริ่มรู้ตัวว่าคิดอะไรเพี้ยนๆว่า หรือที่ผมเป็นเกย์ เพราะผมกินเจ้าปลาทูเกย์เข้าไป

“นี่ดีนะที่พี่เหยาเขาไปทัน”เสียงแม่เริ่มเข้าหูผมอีกครั้ง เมื่อผมพยายามกำจัดทฤษฏีปลาเกย์ออกจากหัว แล้วผมก็เพิ่งคิดได้ว่า เมื่อตอนผมวิ่งเข้าไปที่ห้อง พี่เหยารออยู่ที่ห้อง...แต่พี่เหยาบอกว่าจะไม่มา เพราะจะไปเชียงดาวกับทอมนี่นา

“ไปขอให้เขาติวให้ แล้วก็มาไม่สบาย เสียเวลาเขา”แม่ยังบ่นไม่จบ แต่เริ่มทำให้ผมเข้าใจอะไรลางๆ

“แล้วพี่เหยาล่ะ?”ผมถาม

“ก็เอกปวดหัว พี่เขาก็เลยกลับไป ก็พอดีทันทอมพอดี”พ่ออธิบาย

ผมเข้าใจทันทีว่าพี่เหยากุเรื่องสอบขึ้นมา อ้างว่าจะมาติวให้ผม...แต่ผมไม่เข้าใจว่าพี่เหยาทำทำไม...คงเพราะไม่อยากไปเที่ยวมั้ง...ผมคิด แล้วผมก็ตักปลากิน เลิกสนใจเรื่องพี่เหยา เรื่องปลาตัวเมียหรือปลาตัวผู้ เลิกคิดแม้แต่เรื่องปลาเป็นเกย์หรือตัวเองเป็นเกย์ คิดแต่เพียงว่า...วันนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ผมเป็นอะไร เมื่อไม่มีใครรู้ นั่นย่อมไม่สำคัญ




--------------------


จบตอนที่ 2

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
 :oni1: :oni1: พี่เหยา พี่เหยา พี่เหยา



มาดันพี่เหยา   จากแฟนคลับพี่เหยา :o8:

อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
ของเค้าดีจริงๆๆๆ ด้วย o13 o13 o13 o13 o13

เป็นกำลังใจให้คนโฟสต์นะครับบบบบบบ
:L2: :L2: :L2: :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด