ตอนที่ 9 หวางหลี่ผิง “ไงพอล ทำไมช่วงนี้มาบ่อยนักวะ ที่ทำงานฉันมีอะไรดีๆรึไง” หลังคำทักทายของผมที่มีต่อเพื่อนลูกครึ่งออสเตรเลียแล้ว ไอ้พอลก็แค่กลั้วหัวเราะและแกล้งกลอกตาไปมา ก่อนมันจะเดินมานั่งหน้าโต๊ะทำงานของผม
“ฮึๆ ก็คงงั้นว่ะ มันก็แค่ผลพลอยได้ แต่ที่ฉันมานี่เพราะโดนไรอันใช้ให้มาชวนนายต่างหาก” ผมเลิกคิ้วใส่ไอ้พอลและจ้องตามันอย่างรู้ทัน เพราะถ้าเป็นอย่างปากมันว่าจริง มันก็แค่โทรมาไม่เห็นต้องมาหาผมด้วยตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพราะมันอยากเห็นหน้าเลขาหน้าห้องของผม ไอ้นี่ชักจะยังไงแล้วสิ
แล้วดูสิครับมันยังมีหน้ามายิ้มตาใสทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ให้ผมอีกแน่ะ แต่เอาเถอะครับเรื่องแบบนี้เราเพื่อนกันไม่จำเป็นต้องถามเยอะ หากมันมีปัญหาหรือเป็นตัวสร้างปัญหาขึ้นมา ถึงเวลานั้นผมค่อยถามก็ยังไม่สาย ตอนนี้ปล่อยไปก่อนรอให้มันแน่ใจในตัวเอง ถึงเวลานั้นมันคงยอมรับโดยที่ผมไม่ต้องถามก็ได้
“เอาเถอะมีไรก็บอกแล้วกัน แล้วไอ้ไรอันให้มาชวนฉันไปไหนล่ะ” ผมนึกถึงหน้าไอ้เพื่อนลูกครึ่งเดนมาร์กขึ้นมา ไอ้นี่ก็เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของกลุ่มเรา ผมกับไรอันไม่ค่อยได้เจอหน้ากันนักตั้งแต่เรียนจบ อาศัยว่ามีอะไรเราก็โทรติดต่อกัน เพราะทั้งผมและมันก็ต่างยุ่งกับธุรกิจของตัวเอง
“ไรอันจะมีงานเปิดร้านของมันคืนนี้ มันโทรมาบอกตั้งแต่อาทิตย์ก่อนและฝากบอกนายด้วย แต่ฉันลืม ฮ่าๆ ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นเลย นี่ไงอุตส่าห์มาบอกถึงที่แล้ว เพราะรู้สึกผิดนะเนี่ยถึงมาด้วยตัวเอง มันฝากบอกว่าให้พาน้องธันว์ไปให้ได้ เพราะมันคิดถึง...เฮ้ย! ฮ่าๆ แค่นี้ก็ต้องหวง” ไอ้พอลนี่นะ รู้ทั้งรู้ว่าผมหวงเด็กของผม มันก็ยังจะมาแหย่ผมอีก ดีเท่าไหร่แล้วเจอแค่ปากกากระแทกหน้าผาก ไม่ใช่ที่ทับกระดาษใกล้มือ และเรื่องวันเปิดร้านไม่รู้มันลืมจริงหรือตั้งใจลืมสิน่า
ส่วนงานเปิดร้านของไรอันที่ไอ้พอลมันพูดถึงนั้น ผมก็รู้มาจากเจ้าของร้านแล้วล่ะครับ แต่ตอนนั้นมันยังไม่ได้ระบุวัน และจะเรียกว่างานเปิดร้านก็ไม่ถูกนัก ต้องเรียกว่างานเปิดอาณาจักรสถานบันเทิงครบวงจรจะเหมาะกว่า เพราะมีทั้งส่วนของร้านอาหารนานาชาติ ร้านอาหารกึ่งผับ ห้องคาราโอเกะสุดหรู หรือแม้แต่มินิคาสิโนที่รวบรวมเครื่องเล่นชั้นนำหลากหลายไว้ด้วยกัน ซึ่งแด๊ดที่เป็นคนฮ่องกงของมันลงทุนสานฝันให้ลูกชายคนเล็กอย่างเต็มที่ และคืนนี้ก็ถึงวันเปิดอาณาจักรสถานบันเทิงสุดล้ำแห่งใหม่ของฮ่องกงแล้ว ผมที่เป็นเพื่อนสนิทย่อมต้องไปแสดงความยินดีอย่างแน่นอน แต่อดหมั่นไส้ไอ้คนมาบอกข่าวไม่ได้ครับ
“หึ!...ฝูหรง ผมขอดูตารางงานหน่อยครับ และขอกาแฟให้เพื่อนผมสักแก้วด้วย” ผมหรี่ตามองใบหน้าระรื่นตาพราวของพอลนิด เพราะแค่มันได้ยินชื่อเลขาของผมก็เงยหน้าจากโทรศัพท์ในมือขึ้นมองตาระยับทันที ถ้ามันบอกว่าไม่คิดอะไรกับฝูหรง ผมไม่มีวันเชื่อมันเด็ดขาด
“ตารางงานครับนายน้อย...แกร๊ก!...กาแฟครับ” ผมเงยหน้าจากตารางงานแวบหนึ่ง หลังได้ยินเสียงจานรองแก้วกระทบพื้นโต๊ะ และก็ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนหันมาสนใจแฟ้มในมือตามเดิม แต่หูนี่แอบฟังเต็มที่ครับว่าทั้งคู่จะคุยอะไรกันบ้าง
แต่จนแล้วจนรอดห้องทั้งห้องก็ยังเงียบกริบ เมื่อผมเหลือบสายตาขึ้นมองก็เห็นว่าทั้งคู่ต่างไม่มีท่าทีสนใจต่อกันสักนิด อย่างไอ้พอลก็ก้มหน้าจิบกาแฟไม่สนใจคนชง ส่วนฝูหรงยืนนิ่งสายตามุ่งมั่นมองตรงมาที่ผม เตรียมตัวจดงานตามที่ผมจะออกคำสั่งอย่างเต็มที่
“คุณช่วยเชิญหัวหน้าฝ่ายบัญชีเข้าพบผมตอนบ่ายสามเลยแล้วกัน ส่วนตารางงานต่อจากนั้น ผมขอตัดออกและเอาไปอัดในช่วงเช้าพรุ่งนี้แทน วันนี้ผมออกเร็วหน่อยนะ และถ้าคุณไม่มีงาน ผมอนุญาตให้กลับก่อนเวลาได้” คนที่ตั้งใจจดงานตามคำพูดผมเงยหน้าขึ้นนิด และส่งยิ้มบางเบาพร้อมก้มหัวให้ผมทันทีที่ได้ยินคำอนุญาตปิดท้าย แต่ท่าทางที่แสนธรรมดาของฝูหรงนี้ กลับทำให้คนบางคนที่นั่งเงียบมานาน กระแอมกระไอขึ้นมาซะงั้น
“อะแฮ่มๆ...คนเค้ามีเจ้าของแล้ว อย่าหวังจะดีกว่า” ประโยคลอยๆที่ดังขึ้น แม้ไม่เจาะจงว่าไอ้พอลพูดกับใคร แต่ในห้องก็มีแต่ผมที่มีแฟนแล้ว ดังนั้นแปลได้ไม่ยากว่ามันจงใจพูดถึงใคร
ฝูหรงที่โดนไอ้พอลกระทบใส่นั้น หน้าซีดตาตื่นแต่พอผมสบตาด้วยก็ก้มหน้าหลบตาทันที จนผมนึกสงสารเลขาขึ้นมา จึงหันไปส่งสายตาปรามใส่ไอ้พอลอย่างดุๆ มันเองยักไหล่ใส่ผมและเหล่มองฝูหรงนิดหน่อย ก่อนทำเป็นไม่สนใจและก้มจิบกาแฟในมือต่อ ผมได้แต่ถอนใจและเอ่ยปากขอบใจฝูหรง ก่อนให้เลขาที่น่าสงสารได้ออกไปจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัด เมื่อในห้องเหลือเพียงแค่ผมกับไอ้พอล ผมจึงเอ่ยปากเตือนมันออกมาทันที
“ไอ้พอล มึงนี่นะทำเป็นเด็กไปได้ เรียกร้องความสนใจรึไง ระวังเถอะปากเสียแบบนี้ นอกจากเค้าจะไม่สนใจ แต่จะพาลเกลียดขี้หน้าเอา” ไอ้พอลทำเป็นไม่สนใจคำพูดของผม แต่ผมที่สังเกตมันตลอดเวลาที่พูดนั้น แอบเห็นมันชะงักนิดหนึ่งตอนที่คำว่า ‘เกลียด’ หลุดออกมาจากปากผม
“กาแฟหมดแล้ว ฉันกลับล่ะ แล้วยังไงเจอกันคืนนี้” อยู่ๆไอ้เพื่อนปากเสียมันก็พรวดพราดลุกขึ้น พร้อมประโยคบอกลาแบบง่ายๆเล่นเอาผมตกใจ และมันก็ก้าวพรวดเดียวไปจนถึงประตู แม้แต่หน้าเพื่อนสนิทอย่างผม ไอ้พอลก็แทบไม่มอง ท่าทางร้อนรนแบบนี้เดาได้ไม่ยาก ว่ามันต้องรีบออกไปง้อคนที่อยู่หน้าห้องอย่างแน่นอน
‘โธ่! นึกว่าจะแน่ที่แท้ก็แคร์เค้าล่ะนะ’ ผมก็ได้แต่ส่ายหัวพร้อมถอนใจเบาๆ แต่นึกขำไอ้พอลไม่ได้จริงๆ เพราะไม่เคยเห็นเจ้าพ่ออสังหาผู้เฟรนด์ลี่แต่ไม่เคยแคร์ความรู้สึกใคร จะมีท่าทางแบบนี้กับใครมาก่อน แต่ผมก็เข้าใจนะว่า ‘ความรัก’ นั้นสามารถทำให้คนเปลี่ยนไปได้ ขึ้นอยู่ว่าจะเป็นแง่ดีหรือแง่ร้ายเท่านั้น แต่สำหรับเพื่อนผมคนนี้ความรักคงเปลี่ยนให้คนที่ลอยไปลอยมาแบบมัน ได้รู้จักดูแลและให้ความสนใจใครสักคนอย่างจริงจังสักที
.................................................
“หล่อแล้วครับ ไม่ต้องแต่งให้หล่อไปกว่านี้แล้ว แค่น้องธันว์แต่งตัวธรรมดา เฮียก็ปัดแมลงหวี่แมลงวันไม่หวาดไม่ไหวแล้วครับ” คนในอ้อมกอดผมสะดุ้งนิดหน่อย ยามที่ผมรวบกอดเค้าจากด้านหลังแบบไม่ให้รู้ตัว ขณะที่น้องกำลังเซ็ทผมอยู่หน้ากระจก
“ธันว์ไม่ใช่อะไรแบบนั้นสักหน่อย ที่ต้องมีแมลงหวี่แมลงวันมาตอม เฮียหลี่ผิงนี่ชักจะยังไง แอบว่าธันว์รึเปล่าเนี่ย” น้องตวัดสายตาใส่ผมผ่านกระจกและจ้องตาอย่างเอาเรื่อง สำหรับผมท่าทางแบบนี้ไม่ได้ดูน่ากลัวสักนิด แต่กลับน่ารักน่าฟัดซะมากกว่า
ผมจึงทำตามใจคิดด้วยการฟัดแก้มใสแรงๆ พร้อมกลั้วหัวเราะในคอด้วยความถูกใจ จนเจ้าของแก้มส่งเสียงฮึดฮัดออกมา แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนผมสักนิดทำให้ผมยิ่งได้ใจ จึงฟัดแก้มอีกข้างเพื่อความเท่าเทียม ก่อนจับร่างบางให้หันมาเผชิญหน้ากัน และจับท่อนแขนกลมกลึงทั้งสองของน้องให้คล้องคอผมไว้
“ครับ แล้วใครว่าใช่ล่ะหืม น้องธันว์ของเฮียออกจะหอมและน่าลิ้มลองไปทั้งตัวแบบนี้ แต่ที่เฮียเปรียบเทียบไปก็แค่ให้เห็นภาพ ว่าตัวเราน่ะมีเสน่ห์และมีแต่คนให้ความสนใจ จนเจ้าของอย่างเฮียต้องทำงานหนัก เพื่อกีดกันพวกมันให้ไปไกลๆ...เฮียขอล่ะนะ น้องธันว์อย่าทำตัวน่ารักไปกว่านี้ได้มั้ย ช่วยสงสารเฮียหลี่ผิงคนนี้หน่อยนะครับคนเก่ง” น้องธันว์ฉีกยิ้มเต็มหน้าพร้อมยักคิ้วให้ผมอย่างภูมิใจ แต่ผิวแก้มใสกลับขึ้นสีระเรื่อได้อย่างน่ามอง
ที่ผมพูดไปคนเก่งของผมเค้าไม่เข้าใจใช่มั้ยครับ ดูสิพูดไปแหม่บๆ แต่น้องธันว์ยังจะทำตัวน่ารักน่าใคร่ให้ผมได้หลงหัวปักหัวปำเข้าไปใหญ่ ผมว่าผมเตือนแล้วนี่เนอะ ในเมื่อคนน่ารักเค้าไม่เชื่อก็ต้องมีบทลงโทษกันบ้าง ผมจึงก้มปิดปากแดงๆที่กำลังคลี่ยิ้มซะให้รู้แล้วรู้รอด และแกล้งกดจูบแรงๆบนปากสีสดอยู่หลายครั้ง ทำเอาน้องหัวเราะคิกคัก ผมจึงอาศัยจังหวะนี้สอดลิ้นเข้าโพรงปากอุ่น และกวาดลิ้นไปทักทายลิ้นน้อยๆทันที
เมื่อแรกสัมผัสน้องถึงกับหยุดหัวเราะและหดลิ้นหนี แต่ในเวลาต่อมากลับส่งมันยื่นเข้าหาผมด้วยตัวเอง ผมจึงตอบสนองด้วยการดูดแรงๆอย่างมันเขี้ยว จนได้ยินเสียงครางหวิวพร้อมแรงกดรั้งที่ท้ายทอย ก่อนน้องจะเปิดปากให้กว้างขึ้นและเอียงหน้าปรับมุมให้อย่างรู้ใจ พร้อมเป็นฝ่ายดูดลิ้นผมคืนแรงๆ เล่นเอาเสียววืดขนลุกเกรียว หลังจากนั้นเราก็ต่างตอบโต้กันอย่างดุเดือดไม่มีใครยอมใคร ผมเผลอรั้งสะโพกกลมเข้าหาตัวและออกแรงบีบแรงๆเต็มมือ เล่นเอาเจ้าของสะดุ้งสุดตัวขยับสะโพกหนีมือผม
“อื้อออ....ปึกๆ” หลังเสียงประท้วงหวานหูก็ตามมาด้วยเสียงกำปั้นหนักๆที่ทุบบริเวณหัวไหล่ เล่นเอาผมชาหนึบ แต่ผมก็ไม่คิดจะปล่อยเจ้าของก้นกลมให้หลุดมือ
ผมเปลี่ยนมาลูบไล้ซาลาเปาน้อยๆใต้ฝ่ามือเบาๆด้วยความทะนุถนอม และส่งมือมาลูบแถวท้ายทอยไล่มาจนถึงติ่งหู ก่อนบีบคลึงเบาๆให้เด็กที่กำลังโมโหได้ผ่อนคลาย จนได้ยินเสียงครางครือเบาๆในลำคอ ให้เบาใจว่าน้องเริ่มเคลิ้มและคลายอารมณ์ร้อนลงแล้ว ผมเปลี่ยนเป็นจูบที่อ่อนโยน ด้วยการกวาดลิ้นไปทั่วโพรงปากแตะผะแผ่วไปทั่ว และตวัดลิ้นหยอกล้อลิ้นเล็กอย่างอ่อนโยน ทำให้มือน้อยที่เคยออกแรงทุบ กลับเปลี่ยนมาไล้ปลายนิ้วผ่านเส้นผมมายังผิวเนื้อแถวท้ายทอย
ก่อนที่อารมณ์เราทั้งคู่จะเตลิดจนกู่ไม่กลับ ทำให้ต้องพลาดงานเปิดร้านของไรอัน ผมพยายามตัดใจจากจูบหวานๆ และค่อยๆถอนปากออกจากริมฝีปากแดงฉ่ำที่ผมได้จูบเท่าไหร่ก็ไม่เคยเบื่อ แต่ผมแทบจะอดใจไม่ไหว เมื่อริมฝีปากคู่นั้นกลับพยายามยื่นเข้าหา เหมือนว่าน้องยังไม่เต็มอิ่มจากจูบของเรา ผมจึงยื่นปากไปแตะซ้ำๆอยู่หลายครั้ง พร้อมลูบแผ่นหลังบางผ่านเสื้อสูทเบาๆเป็นการปลอบโยน
“จุ๊บๆ จุ๊บ....ที่รัก~ เดี๋ยวเราค่อยมาต่อคืนนี้นะครับ เฮียจะให้น้องธันว์กินจนอิ่มเลย” ผมกระซิบชิดริมฝีปากที่เจ่อบวม พร้อมสบตาอ่อนเชื่อมเพื่อสื่อความหมายสำทับถ้อยคำที่พูดไป
หลังจากผ่านจูบที่ยาวนานระหว่างเราแล้ว น้องธันว์ที่หอบหายใจแรงเงยหน้ามองผมอยู่นั้น ค่อยๆเลื่อนสายตาลงต่ำเพื่อหลบตาผม ผิวแก้มที่แดงระเรื่ออยู่แล้วกลับแดงก่ำกว่าเดิม ก่อนน้องจะซบหน้าผากเข้ากับอกผม และลดท่อนแขนลงเหลือเพียงการคล้องเอว ผมรู้ว่าคนเก่งเค้ากำลังอายจึงไม่คิดจะพูดอะไรให้น้องได้อายไปกว่าเดิม เพราะขืนทำคืนนี้ผมคงไม่ได้ไปต่อจากจูบเมื่อครู่อย่างแน่นอน ที่ผมทำคือยืนกอดร่างบางไว้หลวมๆ พร้อมลูบหลังน้องเบาๆไปด้วย ผมปล่อยให้เวลาผ่านไปสักครู่ จึงดันไหล่บางออกจากอก และหมุนร่างน้อยให้หันกลับไปทางบานกระจกอีกครั้ง
ภาพที่สะท้อนในกระจกนั้นเป็นหนุ่มน้อยร่างบางผิวผ่อง ในชุดสูทลำลองสีบรอนซ์คลุมทับเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพร้อมกางเกงสีขาวสะอาดตา ส่วนใบหน้าน่ารักๆของน้องนั้น ประกอบด้วยผิวแก้มใสที่มีเลือดฝาด ริมฝีปากแดงสดที่บวมเป่ง และดวงตาหวานเชื่อมที่กำลังสบตากับผมอยู่ ‘แฟนของผมน่ารักน่ากินใช่มั้ย’ จนผมอยากจะเปลี่ยนใจยกเลิกไปงานเปิดร้านไอ้ไรอัน และเดินเครื่องต่อจากจูบแทบขาดใจ แต่สุดท้ายผมก็สามารถตัดใจจากร่างซาตานน้อยในคราบเทวดาได้ และจูงน้องธันว์ลงมาข้างล่าง จนเจอเข้ากับเหมยอิงที่ถูกไอ้ไรอันมันเชิญแกมขอร้องให้ไปงานนี้ด้วย
เมื่อแรกรู้ว่าไอ้เพื่อนสนิทมันแอบชวนน้องสาวตัวเองไปด้วยนั้น ผมก็อดจะหวงนิดๆไม่ได้และเกือบหลุดปากห้ามน้องไปแล้วด้วยซ้ำ แต่มาคิดได้ว่ายังไงซะไรอันก็เพื่อนสนิท และรู้จักเหมยอิงมาตั้งแต่เด็กด้วย มันคงไม่ได้คิดเกินเลยกับน้องสาวผมหรอก บวกกับหากปฏิเสธไปก็จะดูน่าเกลียด ไหนๆเหมยอิงก็รับปากไรอันว่าจะไปแล้วด้วย ผมจึงปล่อยผ่านยอมให้น้องสาวคนสวยได้ออกงานพร้อมกัน
วันนี้เหมยอิงก็แต่งตัวได้สวยพริ้ง ด้วยชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนสีเดียวกับเสื้อเชิ้ตของน้องธันว์ คอปาดแขนสั้น รัดรูปช่วงบนและปล่อยชายบานนิดๆ ส่วนความยาวของชายกระโปรงนั้นพอดีหัวเข่า โชว์ท่อนขาเรียวอย่างพองาม พร้อมชุดไข่มุกที่คอและข้อมือ และสวมรองเท้าส้นสูงสีขาวมุกเพิ่มความระหง ชุดนี้ในสายตาของผมทำให้น้องดูน่ารักและสง่าสมวัย ผมจึงส่งยิ้มให้เหมยอิงเมื่อเดินเข้ามาใกล้ ก่อนผายมือส่งให้น้องและก้มหัวให้นิดเป็นการหยอกเย้า ทำให้ทั้งเหมยอิงและน้องธันว์สบตากันและหัวเราะคิกคักออกมา ก่อนเหมยอิงจะจับชายกระโปรงและย่อตัวน้อยๆ พร้อมวางมือลงบนมือผม
ผมว่าคืนนี้คงมีแต่คนอิจฉาผมแน่ๆ ก็ดูคนที่ผมควงออกงานทั้งซ้ายและขวาซะก่อนสิครับ หนึ่งสาวนั้นก็สวยหวานเป็นสาวน้อยแรกแย้ม อีกหนึ่งหนุ่มก็น่ารักสดใสยิ้มทีพาใจสั่น เห็นทีผมคงต้องเตรียมตัวเตรียมใจเฝ้าระวังทั้งน้องสาวและแฟนตัวน้อยให้ดีแล้วล่ะครับ เพราะเชื่อเถอะว่าสายตาของคนทั้งงานจะต้องจับจ้องมาที่ทั้งคู่ เมื่อพวกเราก้าวเข้างานอย่างแน่นอน
“คืนนี้ทั้งน้องธันว์และเหมยอิงช่วยเฮียอย่างสิครับ...ช่วยอย่าไปไกลสายตาเฮียได้มั้ย ขอร้องล่ะนะ” ระหว่างทางที่เราเดินไปหน้าบ้านเพื่อขึ้นรถ ผมก็พูดประโยคดังกล่าวออกมา พร้อมส่งยิ้มให้คนทั้งคู่ที่คล้องมือกับท่อนแขนผมอยู่
“คิกๆ เฮียหลี่ผิงไม่ต้องห่วงเหมยอิงหรอก ดูแลคนน่ารักของเฮียเถอะค่ะ เหมยอิงไม่ได้สวยขนาดที่ว่าจะมีใครมาสนใจอะไรหรอกน้า ฮิๆ” ผมมองคนที่ไม่รู้ตัวว่าสวยหัวเราะเสียงพลิ้วด้วยรอยยิ้ม ก่อนหันมาอีกด้านซึ่งมีคนน่ารักของผมยืนอยู่ ทำให้พบกับน้องธันว์กำลังมองไปทางเหมยอิง และทำหน้าไม่ถูกจะยิ้มก็ไม่ใช่จะหน้าบึ้งก็ไม่เชิง พอน้องรู้ว่าผมมองอยู่ก็ยู่หน้าเข้าใส่ทันที จนผมนึกอยากกัดปากจู๋ๆนั่นให้จมเขี้ยวนักเชียว
“ใครว่าเจ๊เหมยอิงไม่สวยกันครับ การที่ไม่มีใคร ‘กล้า’ เข้าหา ไม่ได้หมายความว่าไม่มีคนสนใจนะครับ เพียงแต่มีคนบางคนแถวนี้ต่างหากที่ขี้หวงและคอยกีดกัน จริงมั้ยครับเฮียหลี่ผิง” สายตาคู่คมของเจ้าของความน่ารักตวัดมามองผมอย่างคาดคั้น ส่วนคนที่โดนผมคอยกันท่ามาตลอดแต่ไม่รู้ตัวสักนิดนั้น ก็หันมามองผมด้วยสายตาเป็นคำถามเช่นกัน
“ฮึๆ รู้จริงนะเราน่ะ เอาเป็นว่าเฮียยอมรับว่าเป็นคนขี้หวง แต่ก็หวงแค่น้องสาวแสนสวยและแฟนตัวน้อยแสนน่ารักเท่านั้นครับ เหมยอิงที่ผ่านมาอึดอัดรึเปล่าที่เฮียคอยกันท่าคนที่เข้าหาเราน่ะ” หลังจากผมรั้งต้นคอขาวของซาตานน้อนแสนฉลาดเข้าหาอกแล้ว ก็หันมาถามความเห็นน้องสาวฝาแฝดอีกทาง
ถึงคำตอบของน้องจะออกมาในทางลบ แต่ผมตั้งใจไว้แล้วล่ะว่าจะคอยกีดกันหนุ่มๆที่มีแววไม่น่าไว้ใจ ที่หวังจะเข้าหาเหมยอิงต่อไปอยู่ดี ผมจะทำจนกว่าจะเจอคนที่เหมาะสมและสามารถดูแลน้องสาวผมคนนี้ได้นั่นแหละครับ แต่คำตอบของเหมยอิงที่ผมได้ยินในเวลาต่อมา ก็ทำให้พี่ชายอย่างผมภูมิใจและยิ้มจนหุบไม่ลง
“เหมยอิงแค่ตกใจนิดหน่อยที่ได้รู้นะ แต่ที่ผ่านมาเหมยอิงก็มีความสุขดี ไม่ได้อึดอัดอะไร เหมยอิงรู้ว่าเฮียหลี่ผิงเป็นห่วง และเต็มใจมากค่ะ ที่มีพี่ชายแสนดีคนนี้คอยดูแลเหมยอิง”
ผมที่กำลังซาบซึ้งกับคำพูดของฝาแฝดและส่งยิ้มกว้างให้น้องสาวอยู่นั้น ก็ต้องก้มมองคนในอ้อมกอดอีกคนที่ไม่ยอมอยู่นิ่งๆให้ผมได้กอดดีๆ เพราะน้องธันว์ดิ้นขลุกขลักเป็นลูกลิง จนผมต้องคลายแรงกอดรัดลง จึงเป็นโอกาสให้น้องได้เงยหน้าสูดอากาศเฮือกใหญ่ ก่อนทำหน้ามู่ทู่ขึ้นมามองกันอย่างงอนๆ
“เฮือก!....ธันว์เกือบขาดอากาศหายใจแล้ว เฮียหลี่ผิงเล่นอะไรก็ไม่รู้ แต่...พี่ชายคนนี้ดูท่าจะรักน้องสาวมากเลยน้า” มันน่านักนะครับ คนน่ารักนี่ชักยั่วเก่งขึ้นทุกวัน แม้น้องธันว์จะทำหน้าบึ้งแต่แววตากลับแพรวพราวล้อเลียนผมชัดตาเชียวล่ะ
ผมอยากจะปิดปากช่างเจรจาคู่นี้นัก แต่ก็โดนน้องสาวอย่างเหมยอิงตัดบทด้วยรอยยิ้มและชักชวนกันขึ้นรถ เพราะได้เวลาเปิดร้านของไอ้ไรอันเข้ามาทุกที เมื่อเหมยอิงเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว ผมก็รั้งเอวคนน่ารักไว้ พร้อมโน้มตัวไปกระซิบข้างใบหูหอมกรุ่น
“ฝากไว้ก่อนนะครับคนเก่ง เดี๋ยวคืนนี้เฮียจะคิดบัญชีด้วย เอาทั้งต้นทั้งดอกให้คนช่างพูดหมดแรงเลยดีมั้ย...ฟู่ๆๆ”
“อ๊ะ! หึ้ย ใครเค้ารับฝาก ไม่เอาด้วยหรอก”
ปล่อยให้คนน่ารักได้โวยวายไปครับ เชื่อเถอะคืนนี้ผมจะเปลี่ยนประโยคปฏิเสธแสนโวยวายนี้ ให้เป็นประโยคอ้อนวอนด้วยเสียงหวานๆเชียวล่ะ ฮึๆ
.............................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
ซาตานน้อยตนนี้ดูท่าจะฤทธิ์เยอะน่าดู ร่ายมนต์ใส่มาเฟียใหญ่ซะหลงหัวปำ
และดูท่าคืนนี้จะรอดยาก 555 แต่ไม่ใช่ตอนหน้านะคะ ใจเย็นๆ

อยากเห็นเหมยอิงถูกฉกจากอก
น่ารักทั้งครอบครัว ^^
อยากอยู่ในเหตุการณ์ด้วยจริงๆ อยากซึมซับบรรยากาศ 
แล้วเหมยอิงจะมีแฟนกับเขาบ้างไหมคะนี่
ตอนหน้าทั้งคุณวัวพันปีจะสมหวัง และคุณ cinquain จะได้รู้
ด้วยจะมาเปิดตัวชายหนุ่มผู้โชคดีคนนั้น (โชคดีหรา!?)
ส่วนจะเป็นใครติดตามได้ในวันศุกร์(สุข)สุดสดชื่นค่า

เจอฉากหวานๆ ของตระกูลหวางแล้ว...
อยากอ่านตอนพิเศษของตระกูลหยางบ้างจัง

จะมีโอกาสมั้ยนะ...อิอิ
มีโอกาสได้เจอตระกูลหยางยกตระกูลแน่นอนค่ะ
แต่คงไม่ได้มาเป็นตอนพิเศษน้า อยู่ในตอนปกตินี่แหละค่ะ
ส่วนเรื่องความหวานรับรองไม่แพ้คู่ไหนๆเลยล่ะ

+1และเป็ดแทนคำขอบคุณทุกเม้นท์ค่ะ
