ตอนที่ 10 หวางหลี่ผิง“ไฮ หลี่ผิง ขอบใจที่นายมา” ผมโดนเจ้าของเสียงสดใสที่เอ่ยทักทาย เข้ามาสวมกอดพร้อมตบไหล่อยู่หลายที หลังจากที่ผมพาคู่ควงทั้งสองก้าวเข้างาน มาถึงส่วนโถงของอาณาจักรสถานบันเทิงแห่งนี้
“ยินดีด้วยไรอัน ฉันจะพลาดมาแสดงความยินดีกับเพื่อนสนิทได้ไง” ผมส่งยิ้มพร้อมกระชับมือเข้ากับเพื่อนสนิท เพื่อแสดงความยินดีกับมันอย่างจริงใจ แต่แล้วรอยยิ้มที่มีก็ค่อยๆเลือนหาย เมื่อไอ้ไรอันมันฉวยจังหวะที่ผมเผลอเข้าไปสวมกอดคนน่ารักของผม
“ไฮ น้องธันว์ ขอบใจที่มาแสดงความยินดีกับเฮียนะครับ ยังน่ารักเหมือนเดิมนะเรา เฮ้ย!...ไรวะหลี่ผิง แค่นี้ทำหวงไปได้” จะให้ผมนิ่งเฉยดูแฟนของตัวเองโดนผู้ชายอื่นกอดต่อหน้าได้ไงครับ ดีเท่าไหร่แล้วผมไม่ชกหน้าเจ้าของงานเข้าให้ แต่ทำแค่ดึงเอวแฟนตัวน้อยเข้าหาอก แล้วดูสิครับน้องธันว์กลับไม่ทุกข์ร้อน ดันอมยิ้มใส่ตากันได้อีก
“อ่า สวัสดีครับเหมยอิง เอ่อ เฮีย....” เสียงแว่วๆข้างตัวบวกสัญชาตญาณของคนขี้หวง ทำให้ผมรีบเงยหน้าจากใบหน้าน่ารักขึ้นมองเจ้าของเสียงทันที จึงทันได้เห็นไอ้ลูกครึ่งเดนมาร์กผมทองกำลังส่งยิ้มหวาน และทำท่าจะยื่นมือออกไปตรงหน้า
“อย่าคิดจะทำกับเหมยอิงแบบที่ทำกับน้องธันว์นะโว้ยไรอัน เพื่อนก็เพื่อนเถอะ!” ผมดึงข้อมือน้องสาวเข้าหาตัวทันที หลังจากกดเสียงต่ำใส่ไอ้เพื่อนมือไว พร้อมส่งสายตาขู่กรรโชกมันแล้ว
“ฮึๆ ขี้หวงไม่เปลี่ยนเลยนะนายน่ะ ฉันแค่จะขอบคุณเหมยอิงที่มางานก็เท่านั้น” ผมไม่เชื่อคำพูดของไอ้ไรอันหรอกครับ เพราะหากผมไม่ขวาง เชื่อได้เลยว่ามันต้องแอบแตะอั๋งน้องสาวของผมแน่ๆ
“เหมยอิงยินดีกับเฮียไรอันด้วยนะคะ ที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝัน” เสียงใสๆหน้าสวยๆยิ้มหวานๆของเหมยอิง หากใครได้เห็นคงต้องเคลิ้มกันบ้างล่ะครับ และคนที่ได้รับมันโดยตรงอย่างไอ้ไรอันมีรึจะไม่เคลิ้ม
ลูกครึ่งผมทองตาฟ้าเพื่อนสนิทของผม ถึงกลับอึ้งค้างจ้องเหมยอิงตาไม่กระพริบ เหมยอิงเองก็ยังยืนยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ความสวยใส่ไอ้ไรอันอย่างไม่รู้ตัว จนน้องธันว์ยังหัวเราะคิกคักให้กับเจ้าพ่ออาณาจักรสถานบันเทิงที่กำลังหมดสภาพไม่ได้เลย เมื่อผมกวาดสายตาไปรอบตัวก็ให้รู้ตัวว่ากลุ่มเรากำลังถูกจับจ้อง ผมจึงกระแอมกระไอให้คนสติหลุดได้รู้สึกตัว แม้จะยังติดใจกับคำพูดบางคำของน้องสาวคนสวยอยู่บ้าง ว่าทำไมเหมยอิงถึงรู้ว่าการสร้างสถานบันเทิงครบวงจรแห่งนี้เป็นความฝันของไอ้ไรอัน คำถามคือทั้งคู่แอบคุยกันตอนไหน
“เอ่อ อะแฮ่ม....หลี่ผิงขอโทษทีเพื่อน ชวนคุยซะนาน มาครับน้องธันว์ เหมยอิง ตามเฮียมาทางนี้ดีกว่า แด๊ดกับมี้ของเฮียรออยู่ หลี่ผิง...โจเซฟกับพอล และพวกน้องๆมาแล้ว พวกมันกำลังคุยอยู่กับแด๊ดและมี้ พวกท่านถามหาแต่นายว่าเมื่อไหร่จะมา” ผมพยักหน้าให้ไรอันพร้อมสบตามันนิดหน่อย มันเองก็ไม่มีหลบ เห็นทีงานนี้ผมกับมันคงมีเรื่องต้องคุยกันแล้วล่ะครับ แต่ตอนนี้ผมคงต้องเข้าไปทักทายผู้ใหญ่ก่อน
เมื่อไอ้ไรอันออกเดินนำ ผมก็คว้ามือของเหมยอิงควงเข้ากับท่อนแขน และกระชับฝ่ามือน้อยในอุ้งมืออีกข้างให้แน่นขึ้น พร้อมส่งยิ้มให้ทั้งคู่ ก่อนเดินตามเจ้าของอาณาจักร ท่ามกลางสายตาชื่นชมและสายตาอยากรู้อยากเห็นมากมาย แถมด้วยแสงแฟลชวิบวับ ไม่ต้องมีใครบอกก็รู้ว่า พรุ่งนี้คงมีรูปพวกเราสามคนบนหน้าข่าวสังคมอย่างแน่นอน งานนี้เราเลี่ยงนักข่าวไม่ได้เพราะเป็นการเปิดตัวสถานบันเทิง ที่เจ้าของต้องการโปรโมทออกทุกสื่ออยู่แล้ว
เรื่องออกสื่อนั้นผมกับเหมยอิงน่ะไม่เท่าไหร่ ด้วยเราเคยชินและรู้จักที่จะวางตัวต่อหน้าสื่อ เพราะตระกูลหวางหย่งกังก็เป็นที่รู้จักในวงสังคมอย่างกว้างขวาง ประกอบกับธุรกิจด้านโรงแรมและรีสอร์ทที่ต้องอาศัยสื่อด้วยแล้ว ทำให้เราต้องออกงาน แม้ไม่บ่อยแต่ก็เลี่ยงไม่ได้ บวกเข้ากับเราเป็นกลุ่มแก๊งมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลต่อฮ่องกงในหลายๆด้านแบบลับๆมาตลอด แม้ปัจจุบันงานด้านมืดจะลดลงมากแต่ก็ไม่หมดไปซะทีเดียว ด้วยต้องใช้มันคอยหนุนธุรกิจในด้านสว่างของตระกูล เพราะเราหลีกเลี่ยงการปะทะจากกลุ่มที่ไม่หวังดี พร้อมอยากฉกฉวยผลประโยชน์จากเราตลอดเวลาไม่ได้ ทำให้หวางหย่งกังยังมีกำลังและอำนาจมืดอยู่ไม่น้อย เพียงแต่ไม่ได้ใช้มันไประรานใครก็เท่านั้น
แต่สำหรับน้องธันว์นั้นไม่เหมือนกัน เพราะผมนั้นเก็บตัวคนน่ารักคนนี้ไว้เบื้องหลังตลอด และใช้อิทธิพลที่มีซ่อนตัวน้องออกจากสื่อที่สอดรู้ทั้งหลาย ไม่ใช่ว่าผมต้องการปกปิดความสัมพันธ์ของเรา แต่เป็นเพราะผม ‘หวง’ ไม่อยากให้ใครได้มาขุดคุ้ยประวัติของน้องมากกว่า ทำให้ตลอดมามีข่าวซุบซิบว่านายน้อยหวางหลี่ผิงของตระกูลหวางนั้น มีพฤติกรรมของชายรักชายเพราะเลี้ยงเด็กผู้ชายไว้กินลับๆ ข่าวนี้ผู้ใหญ่รอบตัวเรารับรู้ แม้แต่เจ้าตัวเองเค้าก็รู้เรื่องด้วย แต่ก็ไม่มีใครให้ความสนใจนัก ด้วยทุกคนนั้นรู้ว่าอะไรคืออะไร มันจึงกลายเป็นเรื่องโจ๊กของครอบครัวเราไป แต่ถ้ามีข่าวลือเรื่องผมกับผู้หญิงหรือหนุ่มน้อยคนอื่นก็ว่าไปอย่างล่ะครับ
วันนี้จึงเป็นครั้งแรกที่น้องธันว์ออกสื่อพร้อมผมเต็มตัว ทุกคนจึงให้ความสนใจเต็มที่ แต่ยังดีที่ไม่มีใครกล้ารุกประชิดถึงตัว อาจจะเป็นเพราะบอดี้การ์ดทั้งสามที่เดินตามหลัง หรือเพราะหน้าตาจริงจังที่ผมแสดงออกอยู่ตอนนี้ก็ได้ ผมมีสองชีวิตที่ต้องดูแลนี่ครับ จะให้ยิ้มแย้มต้อนรับแขกก็ใช่ที่ ทั้งคู่ยิ่งดูน่ารักมีเสน่ห์แบบที่กินกันไม่ลงอยู่ด้วย
แม้จะมีเพียงสายตาที่จับจ้องแต่ก็ทำเอาคนน่ารักของผมประหม่ามือเย็นอยู่เหมือนกัน แต่ท่าทางที่น้องธันว์แสดงออกคือการก้าวย่างอย่างมั่นคงเพื่อเดินเคียงข้างผม พร้อมระบายยิ้มน้อยๆรักษามาดว่าที่นายหญิงแห่งหวางหย่งกังอย่างดีเยี่ยม และดูเหมือนจะดีเกินไปด้วยซ้ำ เพราะหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มองคนของผมตาปรอยเชียวล่ะ วันนี้น้องธันว์ของผมยิ่งน่ารักน่าฟัดอยู่ด้วยสิ แต่ก็ดีเอาให้รู้กันไปเลยว่าเด็กน่ารักคนนี้น่ะมีผมเป็นเจ้าของอยู่แล้ว
“อ้าว ตาหลี่ผิงมาแล้ว เราคนกันเองไม่ต้องพิธีรีตองอะไรมากมาย อืม นี่สินะ ‘คน’ ที่เค้าพูดถึงกัน แด๊ดไม่แปลกใจแล้วล่ะว่าทำไมนายน้อยตระกูลหวางถึงหวงนักหวงหนา ฮึๆ” คนที่โดนผมโอบเอวรีบก้มหัวทำความเคารพแด๊ดของไอ้ไรอันทันที หลังจากท่านเหลือบมาเห็นน้องธันว์เข้า และแด๊ดก็พิจารณาน้องด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ก็ทำเอาคนเก่งของผมที่แสดงท่าทางมั่นใจมาตลอดทางนั้น เขินจนแก้มสุกปลั่งไม่กล้าสบตาใครเลยทีเดียว ทำให้ระดับความน่ารักของน้องในสายตาผมเพิ่มขึ้นอีกเยอะเชียว
“แด๊ดครับ มี้ครับ คนนี้น้องธันว์ ‘คนรัก’ ผมเองครับ” หลังจากการแนะนำตัวคนรักของผมอย่างเป็นทางการแล้ว แด๊ดนั้นหัวเราะเสียงก้องพุงกระเพื่อมอย่างถูกใจ พร้อมยื่นมือมาตบไหล่จนน้องเซนิดๆ แต่น้องก็ยังยิ้มกว้างตาหยีให้ท่านได้อยู่ ส่วนมี้สาวสวยหุ่นดีชาวเดนมาร์กส่งยิ้มหวานเฉียบให้น้อง ก่อนเข้ามาสวมกอดด้วยความเอ็นดู
“มี้อย่ากอดน้องธันว์นานเกินไปนะครับ เจ้าของจ้องตาไม่กระพริบแล้ว...โคตรหวง” ผมตวัดสายตามองไอ้พอลทันที ก็เจอมันส่งยิ้มกวนพร้อมยักคิ้วให้อย่างท้าทาย แต่ผมไม่คิดเถียง ด้วยเรื่องที่มันพูดนั้นเป็นเรื่องจริง!
ผมเลือกทำเพียงตบไหล่มันแรงๆเป็นการทักทายจนมันหน้าเหย ก่อนหันไปจับมือและสวมกอดโจเซฟลูกครึ่งอินเดียเพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่มเรา มันเองก็เหมือนแกล้งหรือจะแก้แค้นแทนไอ้พอลก็ไม่รู้ เพราะแรงตบไหล่ของมันเล่นเอาผมเซอยู่เหมือนกัน พอผละออกมันก็ยิ้มกว้างโชว์เขี้ยวเสน่ห์ใส่ผมและทำไม่รู้ไม่ชี้ซะงั้น ผมจึงเลิกสนใจบรรดาเพื่อนสนิท ก่อนหันมาทักทายน้องนลินและนายนนที่ยืนฉีกยิ้มรอผมอยู่แล้ว
แต่เสียงตื่นเต้นของมี้คนสวยของไอ้ไรอันทำให้ผมต้องหันกลับมามอง และพบว่าน้องสาวของผมกำลังตกอยู่ในอ้อมกอดของมี้ โดยมีแด๊ดอารมณ์ดีและไอ้ไรอันยืนยิ้มกว้างตาระยับอยู่เคียงข้าง แม้จะเป็นเพียงภาพธรรมดาที่พ่อแม่เพื่อนสนิทจะเอ็นดูน้องสาวของตัวเอง แต่สำหรับผมกลับคิ้วกระตุกและนึกตงิดใจ รับรู้ถึงสัญญาณเตือนภัยที่ดังเบาๆขึ้นในหัว
“เฮียหลี่ผิงครับ อย่าทำหน้าเครียดสิ ใจเย็นๆนะครับ เรามางานฉลองนะ ทำคิ้วขมวดหน้าบึ้งหมดหล่อแล้วเหอะ” คนที่กล้าต่อว่าผมน่ะมีแค่คนเดียว แล้วดูหน้าคนกล้าที่แสนน่ารักสิครับ อมยิ้มตาปิดไม่มีเกรงกลัวสักนิด แถมมือน้อยๆนั่นก็ลูบเบาๆที่ท่อนแขนผม ให้ใจเย็นๆดังปากจิ้มลิ้มนั่นว่าอีกด้วย ความสนใจที่ผมเคยมีต่อน้องสาวกลับเทมายังน้องธันว์จนหมด สมใจเจ้าของรอยยิ้มเค้าแล้วล่ะครับ
“เอ้า ดื่มนี่ก่อนจะได้ใจเย็นๆ แต่จริงๆคงไม่ต้องแล้วมั้ง มียาดีที่น่ารักอยู่ใกล้ตัวทั้งคนแล้วนี่หว่า” ผมรับแก้วเครื่องดื่มทรงเตี้ยที่บรรจุน้ำสีอำพันมาไว้ในมือ พร้อมเงยหน้ามองคนที่ยื่นมาให้ เจอเข้ากับไอ้พอลที่ยืนยิ้มน้อยๆแต่กลับมีแววตาล้อเลียนเต็มหน่วยตา พอสบตาผมเข้าก็เสหลบและก้มจิบเครื่องดื่มในมือ ผมเห็นแล้วโคตรน่าหมั่นไส้เลย
ส่วน ‘ยาดี’ ที่ไอ้พอลว่าเมื่อเห็นผมมีไอ้พอลและไอ้โจเซฟยืนคุยด้วยแล้ว น้องธันว์ก็หันไปพูดคุยกับเพื่อนสนิทของตัวเอง โดยมีผมเกาะเอวน้องไว้ไม่ห่าง ด้วยไม่อยากให้คนน่ารักไปไกลตัวนักครับ เพราะคนสวยอีกคนที่ควงมาด้วยถูกฉกไปต่อหน้าต่อตาเลยทีเดียว ผมยังมีความเกรงใจและให้ความเคารพแด๊ดและมี้ไอ้ไรอันอยู่มาก ไม่เช่นนั้นเหมยอิงไม่มีทางอยู่ไกลตัวผมขนาดนี้หรอก ถ้าลำพังมีเพียงไอ้ไรอัน ผมก็ไม่มีทางปล่อยน้องสาวให้ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างแน่นอน
‘ผมพลาดอะไรไปบางอย่างซะแล้ว ก่อนหน้านี้แค่ผมยุ่งเรื่องฝึกงานของคนรักตัวเล็กเท่านั้น แต่ช่วงเวลานั้นกลับทำให้น้องสาวและเพื่อนหัวทองของผมดูสนิทสนมกันได้มากขนาดนี้เชียวเหรอครับ’ ทำไมผมถึงรำพึงรำพันกับตัวเองอย่างนั้น ก็ดูไรอันสิครับทำไมถึงพูดคุยกับเหมยอิงได้สนิทสนมขนาดนี้กัน แม้สองคนเค้าจะรู้จักกันในระยะเวลาเท่ากับผมรู้จักไรอัน แต่ท่าทางก่อนหน้าของทั้งคู่ไม่ได้ดูสนิทสนมกันเท่านี้ หรือว่าไอ้ไรอันมันตีท้าย(ครอบ)ครัวผมในจังหวะที่ผมเผลอวะ
“หลี่ผิง ใจเย็นๆสิวะเดี๋ยวแก้วก็แตกคามือหรอก” เสียงเรียบๆที่เรียกเตือนสติผมดังขึ้นจากไอ้โจเซฟ ทำให้ผมพึ่งรู้ตัวว่าเผลอบีบแก้วระหว่างใช้ความคิด ถึงความสัมพันธ์ของเพื่อนสนิทและน้องสาว จนคนข้างตัวที่กำลังคุยกับเพื่อนเพลินๆถึงกลับหยุดเสียงลง และหันมามองผมด้วยความตกใจ มีสายตาเป็นคำถามส่งมาให้ด้วย ผมจึงยกมือลูบหัวน้องธันว์เบาๆก่อนยกแก้วสาดน้ำสีอำพันลงคอ
“ไรอันก็เพื่อนสนิทของพวกเรา ฉัน ไอ้พอล หรือแม้แต่นายก็รู้จักมันดี” ไอ้โจเซฟเจ้าเดิมครับที่เป็นคนพูดประโยคนี้ ทำให้ทุกคนในกลุ่มที่ยืนอยู่ได้หันไปมองมันเป็นจุดเดียว แม้ประโยคดังกล่าวมันจงใจพูดกับผมก็ตาม
“สิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้ ไม่ใช่ว่าจะเข้าข้างหรือเป็นพวกเดียวกับไรอัน เพราะนายรู้ดีว่าเราสี่คนเป็น ‘พวกเดียวกัน’ ฉันจึงอยากให้นายลองให้โอกาสไรอันบ้าง ที่ผ่านมานายอาจจะไม่รู้ว่าสายตามันน่ะ มองตามเหมยอิงมาตลอด แต่ที่มันปล่อยให้เวลาผ่านมาจนถึงเดี๋ยวนี้ เพราะรู้ว่านายรักและหวงน้องสาวมาก และไม่ใช่ว่าไรอันไม่มีความกล้า แต่มันเข้าใจและรู้ใจเพื่อนสนิทอย่างนายมากกว่า ว่าต้องออกแนวโวยวายและกีดกัน จนทำให้เหมยอิงที่ไม่รู้อะไรเลยต้องลำบากใจตามไปด้วย ส่วนเหตุการณ์ในวันนี้ที่พวกเราได้เห็น ฉันว่ามันคงพร้อมแล้วล่ะที่จะเผชิญหน้าขอโอกาสจากนาย ทั้งหมดก็คงขึ้นอยู่กับนายแล้วล่ะหลี่ผิง ว่าจะให้โอกาสไอ้ไรอันคนที่เป็นเพื่อนสนิทของพวกเราที่คบกันมาสิบกว่าปีคนนี้มั้ย”
คำพูดของโจเซฟทำให้ใจผมสงบลงได้บ้าง แม้จะไม่ทั้งหมดเพราะความหวงและการยึดติดต่อน้องสาวคนเดียวก็ตาม แต่จะให้ผมยอมรับเลยก็ใช่ที่ เพราะไอ้ไรอันที่เป็นตัวต้นเหตุมันยังไม่ได้เปิดอกคุยกับผมนี่ครับ ผมคงต้องรอดูท่าทีของมันและคนของผมก่อนแล้วล่ะ แต่ผมก็อดใจหายไม่ได้จริงๆ นี่ขนาดเรื่องมันเพิ่งเริ่มก็ดูเหมือนผมจะทำใจลำบากซะแล้วล่ะครับ
“เฮียหลี่ผิงครับ” เสียงหวานๆที่ดังขึ้นข้างตัว ทำให้ผมต้องละความสนใจจากภาพของน้องสาว ที่ตกอยู่ในวงล้อมของครอบครัวไอ้ไรอัน และกำลังพาน้องสาวของผมไปทักทายแขกคนอื่นๆในงาน มาสนใจเจ้าของวงหน้าขาวที่ปรากฏริ้วรอยหนักใจให้ได้เห็น ผมจึงส่งมือไปเสยเส้นผมที่ร่วงปิดหน้าผากน้องธันว์ออก และส่งยิ้มหวานเพื่อให้คนน่ารักได้สบายใจ
“ครับ น้องธันว์หิวรึยังหืม” เด็กน่ารักของผมพยักหน้าน้อยๆ พร้อมรอยยิ้มสดใสเป็นการตอบรับ ผมเห็นแล้วก็ชื่นใจและคลายใจเรื่องหนักๆลงได้ ‘คนนี้สิ! ถึงจะเป็นคนของผมอย่างแท้จริง’
ผมจึงตัดใจและหันไปชวนทั้งเพื่อนตัวเองและเพื่อนน้อง ให้เข้าไปนั่งยังบริเวณที่ถูกจัดโต๊ะเก้าอี้ไว้เพื่อหาอะไรทาน และปล่อยให้น้องธันว์กับน้องนลินนั่งรอ ก่อนสุภาพบุรุษทั้งหลายจะไปสรรหาทั้งอาหารและเครื่องดื่มมาให้ เมื่อผมเดินกลับมายังโต๊ะที่ปล่อยคนน่ารักไว้อีกครั้ง ผมจึงพบว่าคนสวยที่ถูกขโมยตัวไปตั้งแต่เข้างาน กำลังนั่งคุยกับน้องธันว์และน้องนลินอยู่ พอเหมยอิงเงยหน้าเห็นผมเข้าก็ส่งยิ้มหวานให้ทันที ไอ้อารมณ์ที่เคยไม่พอใจก็มีอันปลิวหาย แต่ยังพยายามทำหน้าขรึมมองตอบน้องสาวไป ทำเอารอยยิ้มหวานมีอันเจื่อนลง ก่อนเจ้าของรอยยิ้มจะรีบลุกเข้ามาช่วยถือจานในมือ
“มาค่ะเหมยอิงช่วย เฮียหลี่ผิงมานั่งข้างธันว์ดีกว่า เมื้อกี้นะมีหนุ่มๆมาชะเง้อมองทำท่าจะเข้าหาธันว์ด้วยล่ะ ดีน้าที่มีทั้งเหมยอิงและน้องนลินอยู่ด้วย แต่พอหนุ่มๆพวกนั้นเจอตาเขียวๆของน้องนลินเข้าหน่อย เผ่นไม่เหลียวหลังเชียวค่ะ คิกๆ”
“อึ้ยยย เจ๊เหมยอิงพูดอะไรกันครับ มีซะที่ไหน” ผมหันมามองคนน่ารักข้างตัวทันที ฟังเสียงปฏิเสธก็รู้แล้วครับว่าเรื่องที่น้องสาวพูดเป็นเรื่องจริง แถมตาหลุกหลิกที่ผมมองนี่อีกที่เป็นหลักฐานชั้นดี
“มีน้อยซะที่ไหนล่ะมากกว่าค่ะ ดีนะคะที่งานนี้มีนลินมาด้วย” พยานคนสำคัญอย่างน้องนลินส่งเสียงค้านขึ้นมาทันที เล่นเอาแฟนตัวน้อยของผมหันขวับไปมอง ก่อนต่อว่าเพื่อนสนิทออกมา
“ไอ้นลินหุบปากไปเลย! หึ้ย! เฮียอ่ะ มองไรเล่า อ่ะ...ธันว์ป้อน อ้ำ...อร่อยเนอะ” คนที่กำลังเบี่ยงเบนประเด็นพยักพเยิดกับผมทั้งๆที่ตัวเองเคี้ยวแก้มตุ่ย และทำท่าจะป้อนซูชิเข้าปากผมอีกชิ้น
ผมจึงส่ายหน้าปฏิเสธเพราะอยากให้คนตัวเล็กได้ทานอย่างเต็มที่ ทำเอาน้องธันว์ยิ้มแก้มป่องและส่งซูชิชิ้นนั้นเข้าปากตัวเองแทน แต่พอผมหันมาอีกข้างดันมีแซนวิชชิ้นเล็กยื่นจ่อมาถึงปาก จะฝีมือใครถ้าไม่ใช่แม่น้องสาวคนสวย
“ไงเรา ว่างมานั่งเอาใจเฮียแล้วสิ มันไปไหนแล้วล่ะ” ปฏิกิริยาของน้องสาวต่อคำพูดของผมไม่เหมือนแฟนตัวน้อยของผมครับ เพราะเหมยอิงที่โดนผมประชดเล็กๆพร้อมส่งสายตาดุๆเข้าใส่ กลับยิ้มระรื่นแถมหัวเราะน้อยๆ ไม่ใส่ใจสายตาและท่าทางของผมเลย
“คิกๆ ถ้า ‘ มัน’ ที่เฮียถามหาคือเฮียไรอันล่ะก็ เค้าก็ไปกับแด๊ดและมี้สิคะ แต่จะไปตรงไหนเหมยอิงไม่ได้สนใจ คนที่เหมยอิงสนใจคือคนหน้าดุนี่ต่างหาก ไหนเฮียว่าจะไม่ให้เหมยอิงห่างตัวไงคะ พอเหมยอิงหันมาอีกทีเฮียก็พาคนน่ารักของเฮียหนีเหมยอิงมาเลยนะ นี่ดีเท่าไหร่แล้วที่น้องสาวคนนี้ไม่ขี้งอนน่ะ” คนที่บอกว่าตัวเองไม่ขี้งอนดันทำปากยื่นนิดๆและเบือนหน้าหลบซะได้ ทำเอาผมยังแอบขำ เพราะคนสวยดันพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นต่อจนได้ แถมผมเองก็อดรู้สึกดีใจกับคำพูดของน้องไม่ได้เช่นกัน แต่ก่อนที่ผมจะได้ง้องอนน้องสาวก็มีเสียงแทรกจากไอ้พอลดังขึ้น
“โว้ อิจฉานายชะมัดว่ะหลี่ผิง นายอย่ามาสร้างฮาเร็มในนี้ให้เพื่อนอิจฉาสิวะ ได้อยู่ท่ามกลางคนน่ารักและคนสวยถึงสามแน่ะ” เพื่อนขี้อิจฉาอย่างไอ้พอลแม้มันจะปากมากไปหน่อย แต่ก็ทำเอาบรรยากาศที่เคยอึมครึมเปลี่ยนเป็นสดใสไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ จากคนน่ารักและคนสวยรอบตัวผมจนได้
หลังจากนั้นทั้งโจเซฟและนนก็ตามมา พร้อมกับเด็กเสิร์ฟที่เข็นรถใส่จานอาหารหลากหลายชนิดมาด้วย และเป็นไอ้โจเซฟที่เฉลยข้อข้องใจแก่ทุกคนว่าเป็นอภินันทนาการจากไอ้ไรอัน ที่ให้เด็กจัดอาหารมาให้กลุ่มเราโดยเฉพาะ จะได้ไม่ต้องเดินไปตักให้ลำบาก ทั้งอาหารคาวและขนมหวานจัดมาเต็มที่ จึงเป็นที่ถูกอกถูกใจแก่สาวๆในกลุ่มอย่างเหมยอิงและน้องนลิน ที่พอเห็นเค้กชิ้นน้อยสีสันหลากหลายหน้าตาน่าทานถึงกับกรี๊ดกร๊าดขึ้นมา โดยเฉพาะเจ้าของร้านเบเกอร์รี่อย่างเหมยอิงถึงกับตักชิมทุกชิ้น ไม่แลอาหารคาวให้เสียพื้นที่ในกระเพาะเลยทีเดียว
ส่วนน้องธันว์เองแค่ทำตาโตกวาดตามองอาหารบนโต๊ะแบบเงียบๆ ก่อนลงมือตักชิมทุกจาน คนที่อยู่ในสถานะของพี่ชายและแฟนอย่างผม เพียงแค่ได้เห็นทั้งคู่ยิ้มได้และมีความสุขแบบนี้ ผมก็มีความสุขตามจนไม่ต้องกินอะไรแล้วล่ะครับ
งานเปิดอาณาจักรสถานบันเทิงของไรอันในค่ำคืนนี้ก็จบลงอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการเปิดแชมเปญและเทลงบนแก้วใบสูงที่สุดที่ตั้งเรียงเป็นรูปปิรามิด ท่ามกลางแสงสีและเสียงปรบมือกึกก้องแสดงความยินดีกับเจ้าของคนใหม่ หลังจากที่ไรอันขึ้นไปกล่าวขอบคุณแขกและสื่อมวลชนแล้ว ผมและทุกคนในกลุ่มต่างยืนร่วมแสดงความยินดีกับมันแบบติดขอบเวที ก่อนแก้วที่บรรจุแชมเปญจะถูกแจกจ่ายไปทั่ว แต่มีไม่กี่คนที่เจ้าของอาณาจักรเป็นคนมอบให้ด้วยตัวเอง ซึ่งแก้วแรกนั้นถูกยื่นให้แก่แด๊ด แก้วต่อมาเป็นของมี้และพี่ชายทั้งสองคนของมัน ตามด้วยพวกแขกผู้ใหญ่อีกสี่ห้าคน และจึงเป็นผมที่มันยื่นส่งมาให้ด้วยรอยยิ้มจริงใจและหนักแน่นไม่แพ้แววตาที่ผมได้สบ
“สำหรับนาย หลี่ผิงขอบใจนายจริงๆที่มาแสดงความยินดีกับฉันในคืนนี้” ผมรับแก้วพร้อมส่งรอยยิ้มจริงใจและสบตาไรอันแน่วแน่
“ฉันขอแสดงความยินดีกับนายอีกครั้งจากใจจริง ยินดีด้วยเพื่อน....แต่หลังจากนี้เราคงต้องคุยกันอีกยาวว่ะ” ผมตบไหล่ไรอันแรงๆและแสยะยิ้มที่คิดว่าเหี้ยมเกรียมที่สุดใส่มัน ไอ้ไรอันชะงักนิดหน่อยก่อนกระตุกยิ้มใส่ตาผมด้วยสีหน้าจริงจังเช่นกัน
ท่ามกลางเสียงหัวเราะและเสียงชื่นชมของแขกในงาน มีเพียงผมและไรอันที่ต่างจ้องตากันนิ่งไม่ขยับ ปล่อยรังสีกดดันไปรอบตัวและไม่มีแม้แต่รอยยิ้มให้กัน ทำให้คนในกลุ่มเราเข้ามาห้อมล้อมเราทั้งคู่ไว้ และต่างจับจ้องมาที่เราสองคนเป็นตาเดียว ก่อเกิดบรรยากาศที่แสนอึดอัด จนน้องธันว์ที่ยืนเคียงข้าง ขยับเข้ามากุมมือผมไว้จนแน่น แต่ผมก็ไม่ได้หันไปมองเพราะมัวแต่จ้องตาไรอันอยู่ และคงไม่มีใครรู้ดีเท่าผมสองคนว่าการจ้องตากันคราวนี้ ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวอย่างที่คิด เพราะผมแค่อยากลองใจไอ้ไรอันเท่านั้น และมันก็เหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร ถ้าขืนมันหลบตาผมก่อนนั่นหมายความว่ามันไม่แน่จริง และผมอาจจะตีความไปว่ามันแค่คิดล้อเล่นกับความรู้สึกของเหมยอิงเท่านั้น แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครหลบตาใครก่อน จะมีก็เพียงรอยยิ้มจริงใจและเสียงกลั้วหัวเราะเบาๆของเราทั้งคู่ตามมาเท่านั้น
“ฮึๆ เอาเถอะหลังจากนี้แล้วค่อยว่ากัน”
“ฮึๆ ฉันหวังว่านายจะยอมฟังสิ่งที่ฉันพูดนะหลี่ผิง”
มันคงต้องเป็นอย่างที่ไอ้ไรอันมันพูดล่ะครับ ผมคงต้องยอมฟังมันก่อน เพื่อความสุขของน้องสาวฝาแฝดอย่างเหมยอิง และมิตรภาพแห่งความเป็นเพื่อนของผมกับไรอัน
......................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
ไรอันนี่เองที่เป็นผู้กล้าเตรียมฉกตัวนางฟ้าประจำตระกูลหวาง
และเกือบเกิดศึกในงานแล้วเชียว นี่ถ้าไรอันไม่ใช่เพื่อนสนิทหลี่ผิงล่ะก็
ไม่อยากจะคิด บรื๊อออ!!! สยอง
เห็นคู่นี้เค้ายิ้มๆตอนจบตอนก็ใช่ว่ามาเฟียขี้หวงน้องสาวจะปล่อยวางได้นะคะ
แต่จะมีฤทธิ์เดชอย่างไรคงต้องติดตามกันยาวๆ 555
แม้ตอนนี้เด็กน้อยของท่านมาเฟียใหญ่จะโดนขโมยซีน ไม่มีบทสักเท่าไหร่
แต่ตอนหน้านี่บอกเลยว่าเป็นของน้องเต็มๆ จะไม่เต็มไงไหวในเมื่อ.....
ลิงน้อยช่างกล้าเอ่ยปากบอกรักมาเฟียจอมหื่นบนเตียง!!

+1และเป็ดเหลืองตัวน้อยๆแทนคำขอบคุณค่ะ
เจอกันวันสีชมพูค่ะ อย่าลืมเลือดสำรองด้วยน้า 555