ตอนที่ 15ธันว์“น้องธันว์ไหวแน่นะ” สายตาแสดงความห่วงใยมาพร้อมคำถามจากคนข้างตัว
“ครับธันว์ไหว วันนี้ธันว์ไม่ยอมพลาดหรอก เจ๊เหมยอิงชวนเองทั้งที” ผมจึงรีบตอบอย่างหนักแน่นพร้อมใช้แววตามุ่งมั่นส่งคืน ด้วยกลัวว่าเฮียหลี่ผิงจะห้าม และแอบส่งสายตาอ้อนๆสำทับ แถมด้วยการยื่นมือไปเกาะท่อนแขนแล้วเขย่าเบาๆเป็นการปิดท้าย
“ครับ ไหวก็ไหว แต่ถ้ารู้สึก ‘ไม่สบายตัว’ ขึ้นมาให้รีบบอกเฮียนะครับ” ผมคลี่ยิ้มเต็มหน้าด้วยดีใจกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ต้องร้องเสียงหลงและเหลียวมองรอบตัวอย่างตกใจ
จะไม่ให้ผมตกใจได้อย่างไรล่ะครับ ในเมื่อเฮียหลี่ผิงลงมือลูบก้นผมประกอบคำพูด ให้ผมได้รู้ว่าจุดที่ ‘ไม่สบายตัว’ แล้วต้องรีบบอกน่ะมันเป็นส่วนไหน
“เฮ้ย!....เฮียลูบก้นทำไมเนี่ย พูดอย่างเดียวก็ได้เหอะ...พัวะ!” ผมคอยโล่งอกเมื่อไม่มีใครเห็นกับช็อตเด็ดเมื่อครู่ จึงหันมาเล่นงานคนขี้แกล้งด้วยหมัดหนักๆที่ไหล่สักที แต่คนโดนชกไม่ยักเดือดร้อน เพราะเฮียหลี่ผิงยังยืนส่งยิ้มตาวาวให้ผมได้อยู่
เมื่อผมสะบัดหน้าหนีแววตาเจ้าเล่ห์ไปอีกด้าน ก็ต้องชะงักเพราะได้สบสายตารู้ทันของพี่อู๋และพี่เป๋าบอดี้การ์ดของเราที่กำลังยืนประกบอยู่ ผมจึงรีบก้าวยาวๆออกจากจุดเกิดเหตุทันที ไม่สนแม้เสียงเรียกชื่อผมอย่างตกใจของเฮียหลี่ผิง และอาการขัดนิดๆที่สะโพกตัวเอง ถึงผมจะโดนพี่ทั้งสองเห็นว่าถูกเฮียหลี่ผิงลวนลาม ซึ่งครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก และพี่เค้าก็น่าจะชินกับพฤติกรรมหน้าไม่อายนี้ของเจ้านายตัวเองแล้วก็ตาม แต่ผู้โดนกระทำอย่างผมมันไม่ชินนี่ครับ คนอะไรหน้าไม่อาย มาลูบๆคลำๆก้นผมอยู่กลางห้าง!?
ใช่แล้วครับ ตอนนี้ผมกำลังเดินอยู่กลางห้างดังบนถนนสายช้อปปิ้งของฮ่องกง อยากรู้แล้วสิว่าผมมาทำไม คุณจะเดาได้ไม่ยากถ้าฟังบทสนทนาที่ผ่านมาดีๆ และจะรู้ว่าการมาห้างของผมครั้งนี้ต้องเกี่ยวกับเจ๊เหมยอิงอย่างแน่นอน ซึ่งผมจะไม่ยอมพลาดงานในวันนี้ เพราะถึงขั้นลงทุนออดอ้อนท่านมาเฟียใหญ่เพื่อให้ได้มา ทั้งๆที่เมื่อวานผมแทบเดินไม่ไหวด้วยสาเหตุอะไรนั้นคุณก็คงรู้ดี
ส่วนงานที่ว่านี้ก็คืองานเปิดร้านเบเกอรี่สาขาที่สองของเจ๊เหมยอิงนั่นเองครับ คงไม่มีใครอยากพลาดงานนี้หรอก คิดดูสิครับรอบตัวที่มีแต่กลิ่นเนยนม และละลานตาไปด้วยของหวานนานาชนิด ยิ่งวันเปิดร้านใหม่เนี่ย ต้องมีขนมให้ได้ชิมเพียบแปล้อย่างแน่นอน
แถมวันนี้ไอ้นนและไอ้นลินก็ได้รับเชิญมาด้วย ผมจะถือโอกาสสอบถามถึงผล ที่พวกเราลงทุนแอบตามไอ้พี่เบสเข้าผับในวันนั้นด้วย ตั้งแต่เกิดเรื่องผมยังไม่ได้คุยกับพวกมันเลย เพราะมีท่านมาเฟียใหญ่คอยตามประกบ และไม่ยอมให้ผมติดต่อใคร ทำได้เพียงแค่กินและนอนพักเท่านั้น
“จะรีบเดินทำไมครับ หืม” มาแล้วครับท่านมาเฟียใหญ่ มาถึงก็คว้าเอวผมดึงเข้าหาตัวทันที
แม้ผมจะแอบเขินสายตาผู้คนรอบตัวที่มองมาที่เราด้วยสายตาหลากหลาย แต่ผมก็ไม่คิดจะห้ามหรอกครับ ไม่ใช่อยากโชว์นะ แต่ผมก็รู้สึกดีต่อการกระทำนี้ด้วยต่างหากล่ะ
ผมจึงปล่อยให้เฮียหลี่ผิงได้ทำตามใจ เพราะสายตาหรือความคิดของคนอื่นไม่มีผลต่อผม ได้เท่ากับความสุขในการแสดงออกถึงความรักเล็กๆน้อยๆของคนที่ผมรักหรอกครับ ผมจึงเลือกที่จะเฉยและออกเดินตามการโอบประคองของเฮียหลี่ผิง
จนเรามาถึงหน้าร้านเบเกอรี่ขนาดใหญ่ที่กั้นหน้าร้านด้วยกระจกใสทั้งแถบ และตกแต่งด้วยโทนสีส้มอมชมพูเป็นแนววินเทจทั้งร้าน ให้อารมณ์อบอุ่นและอ่อนหวาน เหมือนบุคลิกเจ้าของร้านไม่มีผิด
วันนี้คนแน่นร้านเชียวครับ มีทั้งลูกค้าที่กำลังนั่งทานขนม และคนที่เดินเลือกขนมเพื่อซื้อกลับบ้าน ดูท่าร้านเจ๊เหมยอิงจะได้รับความนิยมไม่น้อย ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและหน้าตาน่ารักทั้งนั้นเลย
หากผมและคนข้างตัวเดินเข้าร้านจะไม่กลายเป็นจุดสนใจแย่หรือเนี่ย เพราะเฮียหลี่ผิงเองก็หน้าตาไม่ได้ขี้เหร่ เรียกว่าเกินระดับความขี้เหร่มามาก บวกกับออร่าของหนุ่มมาเฟียมาดขรึมดูน่าค้นหาเข้าไปอีก แล้วไหนจะมีชายหนุ่มกล้ามโตอีกสองคนที่เดินตามเรามาด้วยนี่สิ ผมกลัวก็แต่สาวๆจะไม่เป็นอันทานขนมกันน่ะสิครับ
เหตุการณ์เป็นไปตามที่ผมคิดจริงๆด้วย เพราะทุกสายตาในร้านจับจ้องมายังเฮียหลี่ผิงเป็นตาเดียวทันทีที่เราก้าวขาเข้าร้าน ผมเหลือบมองคนข้างตัวด้วยต้องการจับสังเกต นึกอยากรู้ว่าเฮียหลี่ผิงจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ต่อสายตาแสดงความสนใจของหญิงสาว แต่ผมก็ต้องรีบเสหลบตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทันที เมื่อหันไปเจอดวงตาคู่คมที่จับจ้องมายังผม ด้วยแววตารู้เท่าทันอยู่ก่อนแล้ว
“ฮึๆ ในนี้ไม่มีใครน่ารักเท่าแฟนเฮียหรอกครับ.....‘มัน’ มาที่นี่ได้ไง” ผมที่กำลังทำหน้าไม่ถูกก็ต้องรีบเงยหน้าหา ‘มัน’ ที่เฮียหลี่ผิงพูดถึงทันที
พอได้เห็นว่าเป็นใคร ผมก็รีบคว้ามือเฮียหลี่ผิงมากุมไว้ ทำให้สายตาดุดันค่อยๆคลายความร้อนแรงลง ก่อนผมจะรีบส่งยิ้มหวานๆเป็นการเอาใจ และดึงให้เจ้าของมือได้ออกเดินตาม เพื่อเข้าไปหาเจ๊เหมยอิงและเฮียไรอัน!
ผมหนักใจเรื่องของเฮียไรอันมาตั้งแต่คืนวันเปิดร้านของเฮียเค้าแล้ว ด้วยอ่านออกว่าเฮียไรอันต้องคิดกับเจ๊เหมยอิงมากกว่าคำว่าน้องสาว เพราะสายตายามที่เฮียไรอันมองเจ๊เหมยอิงนั้น แสดงความชื่นชมเปิดเผย ขนาดผมยังดูออกเฮียหลี่ผิงก็คงไม่ต้องพูดถึง ซึ่งอาเฮียขี้หวงก็แสดงออกชัดพอกันว่าหวงเจ๊เหมยอิง จนผมกลัวว่าเฮียหลี่ผิงจะเข้าไปเอาเรื่องเฮียไรอัน ยังดีที่วันนั้นมีเฮียพอลและเฮียโจเซฟอยู่ด้วย เรื่องจึงไม่บานปลาย
ส่วนความรู้สึกของเจ๊เหมยอิงที่มีต่อเฮียไรอันนั้น ผมเดาว่าอาเจ๊คนสวยของผมคงต้องมีใจให้บ้างล่ะ ไม่เช่นนั้นคงไม่ยอมใกล้ชิดกับเฮียไรอันหรอกครับ แถมแด๊ดและมี้ของเฮียไรอันเองก็เอ็นดูเจ๊เหมยอิงไม่น้อย ถ้าทั้งคู่ลงเอยกันได้อนาคตต้องเป็นคู่รักที่น่าอิจฉาคู่หนึ่งเชียวล่ะ
หลังจากคืนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าเฮียๆเค้าได้เคลียร์กันรึยัง แต่จากสถานการณ์ตรงหน้าก็บอกอะไรผมได้บางอย่างล่ะครับ ว่าทั้งคู่อาจจะไม่ได้เคลียร์หรืออาจจะได้คุยแต่ไม่เคลียร์ เพราะเจ้าของมือหนาในอุ้งมือผมนั้น ยืนหน้านิ่งจ้องเพื่อนสนิทตัวเองเขม็ง ส่วนเฮียไรอันเองก็มีท่าทางไม่ต่างกัน ทำให้ผมกับเจ๊เหมยอิงได้แต่มองกันเงียบๆ
จนผมนึกสงสารคนกลางอย่างอาเจ๊คนสวย เพราะเจ๊เหมยอิงแม้จะทำหน้านิ่งแต่แววตากลับแสดงถึงความหนักใจชัดเจน และสุภาพบุรุษอย่างนายธันว์จะไม่ยอมให้สุภาพสตรีที่น่ารักต้องยืนหนักใจนานไปกว่านี้
“เจ๊เหมยอิงครับ ธันว์ยินดีด้วยกับการเปิดร้านใหม่ในวันนี้นะครับ แต่ธันว์ชักหิวแล้วสิ มีอะไรให้ธันว์ทานมั่งอ่ะ” หลังจากประโยคของผมแล้ว สายตาทั้งสามคู่ก็หันมามองผมเป็นจุดเดียว
ผมจึงแจกยิ้มโชว์เพื่อลดแรงมาคุของสองหนุ่มซะเลย ซึ่งมันก็ได้ผลเมื่อหนึ่งในสองหนุ่มที่กำลังจะมีเรื่องกัน หันมามองผมด้วยแววตาขอโทษขอโพย เหมือนว่าเค้ารู้สึกว่าได้ละเลยคนรักแบบผมเข้าแล้ว
“ธันว์อยากทานอะไรล่ะจ๊ะ เลือกได้ตามใจชอบเลย วันนี้เหมยอิงเลี้ยงเอง” เมื่ออาเจ๊คนสวยเอ่ยปากอนุญาต ผมจึงฉีกยิ้มกว้างและกระตุกมือใหญ่ เพื่อให้เจ้าของได้ออกเดินตามผมมาเลือกขนม
ระหว่างที่ผมเดินผ่านเจ๊เหมยอิงนั้น ผมจึงได้รับคำขอบคุณเบาๆข้างหูจากเจ๊เหมยอิง ก่อนอาเจ๊จะขยิบตาใส่ผมได้อย่างน่ารัก จนผมอดหัวเราะคลอเบาๆให้กับความขี้เล่นของเจ๊เหมยอิงไม่ได้
“เจ้าเล่ห์นักนะเรา หืม” เสียงเข้มดังขึ้นเหนือหัว ระหว่างที่ผมกำลังคีบทาร์ตไข่ของโปรดวางลงบนจาน
เมื่อเงยหน้าก็เจอกับสีหน้าที่เข้มไม่แพ้น้ำเสียง และถ้าผมตาไม่ไวพอ ผมคงกลัวเฮียหลี่ผิงโกรธแล้วล่ะครับ แต่แววตาอ่อนโยนที่ผมได้เห็นชั่วแวบ ทำให้ผมใจกล้าพอที่จะส่งยิ้มกว้างจนตาหยี ให้กับเฮียหลี่ผิงที่ยืนซ้อนหลังผมอยู่
“ธันว์ยังไม่ได้ครึ่งของเฮียเลยเหอะ คิกๆ...อื้อ ไม่เอาอย่าขยี้หัว แค่นี้สาวๆในร้านก็ไม่มองธันว์แล้ว เพราะมัวแต่มองเฮียหลี่ผิงคนหน้าบึ้ง” ผมเอียงหัวหลบมือใหญ่ที่เตรียมยื่นมายีหัวกันด้วยความมันเขี้ยว พร้อมยู่หน้าใส่คนเจ้าเล่ห์ที่กระตุกยิ้มน้อยๆทันทีที่ผมประชดเล็กๆออกไป
“ดีแล้วที่ไม่มีใครมองน้องธันว์ และใครจะมองเฮีย ธันว์ก็อย่าไปสนใจ แค่รู้ไว้ว่าในสายตาเฮียมีน้องธันว์คนเดียวก็พอแล้ว” ผมหลบสายตาอ่อนหวานทันทีที่จบประโยค และหันกลับมาใส่ใจกับการคีบขนมใส่จานต่อ
ตอนนี้ผมไม่รู้นะว่าตัวเองจะมีสีหน้าแบบไหน แต่ที่รู้คือผิวหน้านั้นร้อนผ่าวแทบไหม้ พร้อมหัวใจที่ฟูฟ่องกับคำหยอดหวานๆของท่านมาเฟียใหญ่กลางร้านเบเกอรี่ นี่ยังดีที่เราอยู่ท่ามกลางผู้คน เพราะผมเชื่อว่าหากเราอยู่กันลำพังผมคงโดนเฮียหลี่ผิงลวนลามมากกว่าคำพูดแล้วล่ะ
“เฮ้ยธันว์! มึงตักไปกินหรือถมที่วะ หวัดดีค่ะเฮีย” ผมชะงักมือที่กำลังคีบขนมทันทีที่ได้ยินประโยคของไอ้นลิน และเมื่อมองจานขนมในมือก็ให้ตกใจ เพราะมีทาร์ตไข่จำนวนมากกองอยู่บนจาน จะคีบคืนกลับไปวางบนถาดก็ดูน่าเกลียด
เมื่อเหลือบมองสีหน้าแสดงความสงสัยของไอ้นลิน และใบหน้ากรุ้มกริ่มของเฮียหลี่ผิงแล้ว ผมก็เลือกที่จะหลบตาทั้งคู่ ก่อนหาเหตุผลที่ทำให้ตัวเองไม่เสียหน้า ด้วยการแถว่าตักเผื่อพี่อู๋และพี่เป๋า ซึ่งไอ้นลินมันแค่เลิกคิ้วใส่และยักไหล่เบาๆ ก่อนปลีกตัวไปตักขนมของตัวมันเอง ผมจึงได้แต่ส่งค้อนและกระแทกจานในมือใส่มือหนาที่ยื่นมาช่วยถือได้รับไป
ผมเดินเลือกพวกเค้กและมาการองอีกนิดหน่อย ก่อนเดินกลับไปทางโต๊ะที่มีเฮียไรอัน ไอ้นน และไอ้พี่เบสนั่งรออยู่แล้ว ส่วนเจ๊เหมยอิงไม่ได้อยู่ที่โต๊ะด้วย คงเดินไปดูหลังร้านล่ะมั้งครับ เมื่อถึงโต๊ะไอ้นนและแฟนมันก็ทักทายคนที่เดินตามหลังผม ก่อนจะหันมายกยิ้มให้ผมที่นั่งลงบนเก้าอี้ที่พี่อู๋เลื่อนให้ เมื่อนั่งดีแล้วผมจึงแบ่งขนมบนจานให้พี่อู๋และพี่เป๋าเพื่อให้ทานเล่นรอเราบนโต๊ะใกล้ๆกัน
“มึงมาถึงนานรึยัง” ไอ้นนเป็นคนที่ผมส่งคำถามให้ มันก็ตอบว่าเพิ่งถึงตอนที่ไอ้นลินไปทักผมที่กลางร้านนั่นแหละ ด้วยมันสามคนมาพร้อมกัน
เมื่อได้คำตอบแล้วผมก็หันมาเชิญทุกคนบนโต๊ะ ได้ชิมขนมของร้านเจ๊เหมยอิงที่ผมได้ตักมา และผมจึงตักทาร์ตไข่ของโปรดใส่จาน ก่อนยื่นจานนั้นให้คนข้างตัว ทำให้ได้รับรอยยิ้มอบอุ่นเป็นการขอบคุณ
“เบส นนอยากกินเค้กส้มชิ้นนั้นอ่ะ” ผมเหลือบมองเจ้าของประโยคดังกล่าวและต้องกลั้นยิ้ม เมื่อเจอเข้ากับไอ้ล่ำดำถึกกำลังอ้อนแฟนหน้าหล่อ ด้วยน้ำเสียงอ้อนๆและกระพริบตาปริบๆ ไม่เหลือมาดหนุ่มห้าวที่ประกาศปาวๆว่าไม่กลัวแฟน
“อยากกินก็ตักสิครับ มือนนก็มี ไม่ใช่!?” ไอ้พี่เบสก็นิ่งใช้ได้แฮะ ขนาดโดนไอ้นนอ้อนกลางโต๊ะ ยังทำหน้านิ่ง และคุมโทนเสียงเหมือนปกติ แถมไม่มีหลุดคำหยาบคายทำให้ไอ้นนต้องยิ่งเกรงใจ
ผมถึงกลับกลั้นยิ้มไม่อยู่ เมื่อไอ้นนทำหน้าเง้างอนอย่างน่าหมั่นไส้ออกมา และยอมตักเค้กส้มที่มันอยากกินด้วยตัวเอง ซึ่งผมต้องฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม เมื่อพี่เบสหันมาส่งยิ้มยักคิ้วให้ผม แสดงให้ผมรู้ถึงศักยภาพที่เหนือกว่าไอ้นน แต่ผมก็ต้องหุบยิ้ม เมื่อทาร์ตไข่ชิ้นพอดีคำถูกยื่นมาจ่อปาก พอไล่สายตาจากช้อนเงินเงาวับไปตามท่อนแขนแกร่ง จนถึงสายตาดุๆที่กำลังมองผมอยู่
ผมถึงกลับต้องรีบอ้าปากงับของโปรดเข้าปาก ด้วยอ่านสายตาคู่นั้นออกว่าไม่พอใจที่ผมส่งยิ้มให้ไอ้พี่เบส เฮียหลี่ผิงนี่ก็แปลกครับ ไม่รู้จะหึงผมกับไอ้พี่เบสทำไม แม้แต่ก่อนพี่เบสจะเคยตามจีบผม แต่ตอนนี้ไอ้พี่เบสก็เป็นแฟนกับไอ้นนแล้ว เรื่องของผมกับพี่เบสจึงไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน ผมก็เคยถามหาเหตุผลจากเฮียหลี่ผิงนะครับ ซึ่งคำตอบของเฮียก็ทำให้ผมนึกปลงและไม่คิดจะถามอีกเลย
‘ก็คนมันหึง...เฮียไม่มีเหตุผลจะบอกน้องธันว์หรอก รู้แค่ว่าเฮียหึงทุกคนที่ใกล้ชิดน้องธันว์นั่นแหละ ถ้าไม่อยากให้เฮียทำอะไรเกินเลย ธันว์ช่วยอยู่ใกล้ๆเฮียไว้ และอย่าไปให้ความสนใจใครเท่านั้นพอ’
“หลี่ผิงอย่าทำหน้าดุใส่น้องสิว้า ดูสิ หน้าจ๋อยๆไม่เหมาะกับน้องธันว์เลย” ผมเบนสายตาจากคนตาดุมาที่เฮียไรอัน ก่อนยิ้มน้อยๆแทนคำขอบคุณ
ยิ้มมากไม่ได้ครับ เดี๋ยวมาเฟียขี้หึงจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้ ก่อนจะรีบหันมากุมมือหนาไว้ใต้โต๊ะ เพราะดูเหมือนว่าถ้อยคำธรรมดาของเฮียไรอัน จะทำให้มาเฟียขาใหญ่ของผมอารมณ์ไม่ดีเกินปกติเข้าแล้ว
“ไรอัน เราต้องคุยกัน” น้ำเสียงนิ่งๆบวกสายตาจริงจังที่เฮียหลี่ผิงใช้กับเฮียไรอัน ทำเอาผม ไอ้นน และพี่เบสมองกันเลิ่กลั่ก ก่อนผมจะหันมามองใบหน้าด้านข้างของเฮียหลี่ผิง
ผมแอบกังวลเล็กๆ เมื่อรู้ว่าครั้งนี้เฮียหลี่ผิงจริงจังเรื่องเฮียไรอัน ที่มาชอบเจ๊เหมยอิงจริงๆเข้าแล้ว ผมจึงบีบมือหนาเบาๆเป็นการเตือน ทำให้เฮียหลี่ผิงหันมามอง
“น้องธันว์ทานขนมกับเพื่อนๆไปก่อนนะครับ เดี๋ยวเฮียมา”
“แต่...” ผมหลุดคำค้านได้แค่คำเดียวครับ ด้วยเจ้าของในประโยคต่อไปส่งสายตาดุกึ่งปรามมาให้
“ไม่มีแต่ครับ รอเฮียในร้านนี้นะ อาอู๋จะอยู่เป็นเพื่อน” เมื่อค้านแล้วไม่ได้ผล ผมจึงได้แต่นั่งมองตามหลังเฮียหลี่ผิงและเฮียไรอันที่มีพี่เป๋าเดินตามกันจากไป
“หูยยย กูรอตั้งนาน เฮียหลี่ผิงเวอร์ชั่นนี้น่ากลัวชิบ!” ไอ้นลินส่งเสียงขยาดๆออกมาทันทีที่มันหย่อนตูดนั่ง แถมหน้าตาก็แสดงออกชัดว่ามันรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ
แต่ตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกตามไอ้นลินนะครับ ที่ผมรู้สึกคือเป็นห่วงและกังวลมากกว่า กลัวว่าเพื่อนสนิทจะทะเลาะกันจนถึงขั้นตัดเพื่อน
“น้องธันว์อย่ากังวลเลยครับ พี่เชื่อว่าเพื่อนกัน ยังไงซะก็คงปรับความเข้าใจกันจนได้ล่ะครับ” ผมยอมพยักหน้าน้อยๆให้พี่เบส ที่เอ่ยปลอบให้ผมได้เบาใจ
“นั่นสิ มึงอย่ากังวลไปเลย กินขนมเถอะ หน้ายุ่งๆของมึงจะพาลให้แฟนกูกังวลไปด้วย....อูยยย เบสอ่ะ นนเจ็บนะ” เสียงลากยาวแสดงความเจ็บของไอ้นน ทำให้ผมละสายตามาจากทางเดินหน้าร้าน ที่เพื่อนสนิทสองคนเพิ่งเดินจากไป ทำให้พบกับไอ้นนที่กำลังทำปากจู๋ใส่คนที่มันเรียกว่าแฟนเต็มปากเต็มคำ จนผมเริ่มจะยิ้มออกกับท่าทางรั่วๆของมัน
“อย่าให้มันมากไปนะครับนน สะกดคำว่าพอดีให้เป็นด้วย” จากแค่ยิ้มผมเปลี่ยนมาเป็นหัวเราะเลยครับ เพราะคำพูดตักเตือนไอ้นนจากแฟนหน้าใสของมัน
ได้เห็นแบบนี้ผมก็ยิ่งมั่นใจครับว่าคู่นี้เหมาะสมกันมาก ไอ้นนต้องเจอพี่เบสในคราบคุณชายมาดนิ่งอย่างนี้แหละถึงปราบมันอยู่ ดูสิครับมันไม่มีปริปากเถียงแฟนมันสักนิด ถ้าเป็นพวกผมปรามมันน่ะเหรอ คงโดนมันสวนทั้งๆที่ยังไม่จบประโยคซะล่ะมั้ง นอกจากไอ้นนจะไม่เถียงไอ้พี่เบสแล้วนะครับ มันยังบรรจงตักเค้กส้มชิ้นพอดีคำทำท่าป้อนพี่เบสอีกด้วย แต่แค่เจอพี่เบสจ้องนิ่งๆเหมือนปราม ไอ้นนก็ยิ้มแหยเสเอาเข้าปากซะเอง ได้เห็นมันแบบนี้แล้วก็ฮาครับ
“ฮึๆ ไอ้นน มึงเข้าสมาคมเกลียมัวแล้วสิ” คงไม่ต้องบอกนะครับว่าใครพูด ขอให้คุณสนใจแค่ว่าคนที่โดนผลกระทบจากประโยคนี้เป็นอย่างไรดีกว่า
คนแรกที่มีชื่ออยู่ในประโยคอย่างไอ้นน ไม่มีโมโหหรือต่อว่าที่โดนกระแนะกระแหน มันกลับยิ้มกว้างปากแทบฉีกอย่างถูกใจ จนเห็นฟันสีขาวตัดกับผิวหน้าคล้ำๆของมันชัดตา ก่อนมันจะเหล่มองคนข้างตัว พร้อมส่งสายตาหวานเยิ้มให้อีกคนที่ได้รับผลกระทบได้หน้าแดงก่ำแทบระเบิด
ผมเห็นพี่เบสนั่งตัวแดงหน้าแดงแบบนี้แล้วก็ได้แต่เห็นใจ เพราะพี่แกคงไม่กล้าโวยวายต่อปากกับไอ้นลินหรอก ด้วยขืนโวยออกไปแทนไอ้นนก็เท่ากับยอมรับล่ะครับ ว่าที่ไอ้นนมันกลัวน่ะคือตัวพี่เบสเอง ผมจึงพยายามช่วยพี่เบสด้วยการสะกิดเรียกไอ้นลิน และถามถึงเหตุการณ์ในผับคืนนั้นว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง หลังจากที่ผม ‘เมา’ ไม่ได้สติ
เหตุการณ์ก็ไม่มีอะไรมาก ไอ้นลินเล่าว่าหลังจากผมโดนหิ้วกลับบ้าน มันที่โดนไอ้นนขอร้องให้เข้าไปแยกไอ้พี่เบส ออกมาจากสาวหมวยอึ๋มที่คลอเคลียไอ้พี่เบสไม่ห่าง ด้วยการแกล้งเข้าไปยื้อยุดพี่เบสออกมา และมันก็แสบที่ไม่ได้แยกสองคนออกจากกันเท่านั้น มันยังสวมบทบาทเป็นแฟนสาวขี้หึง และต่อว่าผู้หญิงคนนั้นซะผับแทบแตก เพื่อให้ไอ้นนได้ขโมยตัวไอ้พี่เบสที่ยืนเอ๋อกลับคอนโด
ส่วนเหตุการณ์ระหว่างไอ้นนและพี่เบสที่คอนโดต่อจากนั้น ผมและไอ้นลินก็พยายามซักไซ้ว่าทั้งคู่เคลียร์กันยังไง ด้วยอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แล้วทำไมไอ้พี่เบสถึงสนิทสนมด้วยนัก ซึ่งเราก็ได้แต่ขัดใจเพราะทั้งคู่ไม่มีปริปากบอก และแกล้งไม่สนใจเราก่อนหันไปคุยกันกระหนุงกระหนิงสองคน จนผมและไอ้นลินหมั่นไส้และเลิกตอแย ก่อนหันมาสนใจขนมละลานตาหน้าตาน่ากินตรงหน้าแทน
“อ้าว เฮียกลับมาแล้ว” ผมเงยหน้ามองไปทางหน้าร้านทันทีที่ไอ้นนมันพูดจบ
เฮียหลี่ผิงที่เดินมาพร้อมเฮียไรอันนั้นทำให้ผมโล่งใจ เมื่อสำรวจสภาพภายนอกของทั้งคู่แล้ว พบว่าไม่ต่างจากขาไป ไม่มีแววว่ามีการใช้กำลังเกิดขึ้น แต่ผลของการพูดคุยจะเป็นอย่างไรนั้น คงต้องขอเวลาให้ผมได้สืบก่อนนะครับ
...............................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
มาเฟียขี้หึงก็ยังเป็นมาเฟียขี้หึงอยู่วันยันค่ำ กับแฟนของเพื่อนน้องแท้ๆก็ยังหึง
ทำใจนะคะคุณผู้อ่าน ไม่งั้นคงไม่ใช่มาเฟียขี้หึงตัวจริงหรอกเนอะ

ส่วนใครที่อยากรู้เหตุการณ์ในผับวันนั้น ก็มีมาเฉลยในฉบับย่อ!?
ฉบับเต็มจะมาในคู่นนเบสอีกทีค่ะ และคงลงลึกถึงเหตุการณ์ต่อจากนั้นด้วย
สำหรับตอนหน้า ใครที่ถามถึงครอบครัวตระกูลหยางคงสมใจ
เพราะมากันครบทั้งปาปา ปะป๋า และลูกๆค่า
แถมด้วยบทสนทนาของว่าที่น้องเขยกับพี่ชายขี้หวงด้วย

+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
เจอกันวันสีฟ้าน้า
ปล.หน้าฝนอากาศเย็นและชื้นเสี่ยงต่อการไม่สบาย ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ
ใครที่ต้องเดินทางก็ระวังด้วยน้า เป็นห่วงค่า^^
