ตอนที่ 18ธันว์“ว้าววว สวยจังเลย สวยกว่าที่เฮียหลี่ผิงเล่าให้ธันว์ฟังซะอีก นี่ขนาดยังไม่เสร็จสมบูรณ์นะยังสวยขนาดนี้ ถ้าเสร็จจะสวยขนาดไหน” ผมกวาดตามองทิวทัศน์เบื้องหน้าด้วยความตื่นเต้น
ภาพที่เห็นประกอบด้วยท้องฟ้าสีสดไร้เมฆ และทะเลสีเขียวอมฟ้าไล่ระดับความเข้มสุดลูกหูลูกตา พร้อมกับภาพสวนสวยเบื้องล่างด้วยพื้นหญ้าเขียวขจี ที่แต่งแต้มด้วยดอกไม้หลากสี
ผมที่ยืนเกาะราวระเบียงมองทิวทัศน์รอบตัวอย่างตื่นตาตื่นใจอยู่นั้น กลับมีท่านมาเฟียใหญ่ยืนซ้อนหลังโอบเอวไว้ไม่ห่าง ด้วยใบหน้าหล่อเหลาที่ประดับยิ้มน้อยๆตลอดเวลา พร้อมดวงตาคู่คมที่ฉายแววแห่งความสุขนั้น จับจ้องไปยังทิวทัศน์เบื้องหน้าไม่ต่างจากผม
แต่เมื่อผมเงยหน้าขึ้นเพื่อส่งยิ้มถูกใจให้ เฮียหลี่ผิงก็ก้มลงมองกันพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นชวนใจละลาย ก่อนริมฝีปากสีสดที่ลอยอยู่ตรงหน้าจะประทับมาที่หน้าผากของผมแผ่วเบา เหมือนสายลมอ่อนๆที่กำลังพัดอยู่รอบตัวเราขณะนี้ ให้ความรู้สึกทั้งอบอุ่นและอ่อนหวาน จนผมเองไม่คิดจะห้ามใจไม่ให้หมุนตัวเข้าหาอ้อมกอดอันอบอุ่นของคนรัก
คุณคงอยากรู้แล้วสิครับว่าเราอยู่กันที่ไหน เหตุการณ์มันเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ของวันนี้ หลังจากผมลืมตาตื่นขึ้นมา ผมถูกเฮียหลี่ผิงเจ้ากี้เจ้าการให้อาบน้ำแต่งตัว และพาตัวออกจากบ้านมาแบบไม่บอกรายละเอียดว่าจุดหมายนั้นคือที่ใด แม้จะเพียรถามเท่าไหร่เฮียหลี่ผิงก็ไม่มีปริปากบอก จนกระทั่งรถที่พี่เป๋าขับพาเราออกนอกตัวเมืองเข้าสู่เขตกงอิน ผมถึงเริ่มเดาออกว่าเฮียหลี่ผิงต้องพามาที่นี่
สถานที่ที่เปรียบดั่งผลงานชิ้นเอก และเปรียบเป็นใบเบิกทางสู่ความเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวของนายน้อยตระกูลหวาง หากโรงแรมแห่งนี้สร้างเสร็จสมบูรณ์และเป็นที่นิยม ในหมู่นักธุรกิจและเศรษฐีของฮ่องกงที่เป็นกลุ่มเป้าหมายแล้วล่ะก็ เฮียหลี่ผิงของผมจะได้รับการยอมรับ จากปาปามามาและผู้ใหญ่ในแก๊งได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ผมที่ได้ชมห้องตัวอย่างที่เสร็จสมบูรณ์แล้วนั้น ยังอดชื่นชมไม่ได้ เพราะเท่าที่ผมเห็นด้วยสภาพแวดล้อมของตัวตึกก็ดูดีไม่มีที่ติ ไม่ว่าจะเป็นอ่าวฮ่องกงตรงหน้าและต้นไม้เขียวขจี ล้วนสร้างความสดชื่นและสบายตา คนที่เข้ามาพักผ่อนที่นี่คงรู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย เหมือนผมในยามนี้ไงครับ
ส่วนการออกแบบทั้งภายนอกและภายในก็ล้วนลงตัว ขนาดสายตาของวิศวกรรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างผม ยังอดชื่นชมสถาปนิกผู้ออกแบบไม่ได้ และอดรู้สึกเสียดายนิดๆที่ไม่ได้คุมงานก่อสร้างโรงแรมแห่งนี้ด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้นผมจะยิ่งรู้สึกภูมิใจมากกว่าที่เป็นอยู่นี้มากมายนัก เพราะถือว่าผมได้เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความสำเร็จให้แก่เฮียหลี่ผิงนั่นเอง
“น้องธันว์ชอบสีของห้องนี้มั้ย....เพื่อน้องธันว์นะครับคนเก่ง” หลังจากที่ผมพยักหน้าหัวแทบหลุดแทนการตอบรับ ว่าผมชอบสีฟ้าพาสเทลที่ใช้ทาผนังห้อง พร้อมเฟอร์นิเจอร์โทนฟ้าเข้าชุดแล้วนั้น
ผมถึงกลับยิ้มค้างก่อนหันมาจ้องเฮียหลี่ผิงตาโต พร้อมหัวใจที่ค่อยๆฟูฟ่องเต็มอกกับคำว่า ‘เพื่อน้องธันว์’
“สีฟ้าที่น้องธันว์ชอบ เฮียใช้เป็นโทนสีหลักของการตกแต่งที่นี่ เพราะหากที่นี่คือความสำเร็จก้าวแรกของเฮีย เฮียก็อยากให้สิ่งที่น้องธันว์ชอบเป็นส่วนหนึ่งของมัน เปรียบเสมือนว่าเฮียมีน้องธันว์เป็นแรงสนับสนุนสู่ความสำเร็จครั้งนี้”
จะไม่ให้ผมรักผู้ชายคนนี้ได้อย่างไรครับ ฟังประโยคที่เฮียหลี่ผิงพูดกับผมซะก่อนเถอะ แม้บางคนฟังแล้วว่าคิดว่ามันเลี่ยนหรือเว่อร์เกิน แต่สำหรับผมกลับชอบที่จะได้ฟัง เพราะเหมือนว่าผมได้ฟังคำบอกรักของเฮียหลี่ผิง ทั้งๆที่ไม่มีแม้แต่คำว่า ‘รัก’ หลุดออกมาให้ได้ยิน แต่การกระทำของผมกลับสวนทางกับความคิด
เมื่อคำพูดเลี่ยนๆนั้นมีอิทธิพลต่อจิตใจ จนร่างกายอดไม่ได้ที่จะตอบสนองออกเป็นความเขินอาย ด้วยใบหน้าร้อนผ่าวแทบไหม้และหัวใจแทบกระเด็นออกนอกอก ผมจึงยู่หน้าทำปากจู๋ยื่นใส่เจ้าของสายตาอบอุ่นซะเลย ก่อนเบือนหน้าหนีพร้อมเดินไปเลื่อนบานกระจกที่กั้นระหว่างห้อง เพื่อเข้าไปชมห้องนอนที่ผมรู้ดีว่ามีของดีอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง
“ว้าววว น่าลงเล่นจัง” ผมอดตื่นเต้นกับสระว่ายน้ำเล็กๆที่ระเบียงห้องนอนไม่ได้จริงๆ และจินตนาการไปแล้วว่าหากได้แหวกว่ายในสระแห่งนี้พร้อมชมวิวไปด้วย ผมจะมีความสุขมากแค่ไหน
“เดี๋ยวทานอาหารกลางวันเสร็จก่อน น้องธันว์ค่อยลงนะครับ” ผมตอบรับเฮียหลี่ผิงเสียงใสอย่างไม่ทันรู้ตัวทันที ทำเอาคนยื่นเงื่อนไขคลี่ยิ้มกว้างตาวาวด้วยความถูกใจเชียวล่ะ
แต่ทำเอาผมอดที่จะเก้อเขินเล็กๆไม่ได้ ด้วยทำตัวเหมือนเด็กน้อยว่าง่ายออกไป และไม่ใช่ว่าผมจะเป็นเด็กดีอยู่ในโอวาทเฮียหลี่ผิงมากมายอะไรนะ ก็แค่เห็นด้วยกับคำชักชวนเท่านั้น ด้วยท้องที่เริ่มร้องเตือนเมื่อถึงเวลาอาหาร
เฮียหลี่ผิงปล่อยให้ผมนั่งห้อยขาแช่น้ำเล่นไปพลางๆ ส่วนตัวเฮียก็ออกไปจัดการเรื่องอาหารกลางวันให้เรา คงไปสั่งให้พี่เป๋าหรือไม่ก็พี่อู๋จัดอาหารที่เอามาจากบ้านขึ้นโต๊ะล่ะครับ
ผมนี่โชคดีชะมัดที่มีคนรักคอยบริการจัดการดูแลให้ทุกสิ่ง และเป็นคนประเภทที่รักแล้วแสดงออกไม่ต้องให้ผมเสียเวลาคาดเดา แม้การแสดงออกในบางครั้งจะมากเกินปกติไปนิด แต่ผมก็ชอบนะครับ เพราะรู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นคนสำคัญของคนรักตลอดเวลา
“ไปครับน้องธันว์ อาหารพร้อมแล้ว” ผมเงยหน้าละสายตาจากอ่าวฮ่องกง ขึ้นมองสบสายตาอบอุ่นของเฮียหลี่ผิง ก่อนจะอมยิ้มให้พร้อมยื่นมือไปจับมือหนาที่ถูกยื่นมารอเบื้องหน้า และเดินเคียงข้างกันไปยังโต๊ะอาหารที่ถูกเนรมิตขึ้นที่ริมระเบียง
อาหารมื้อนี้ผมต้องเจริญอาหารมากแน่ๆครับ เพราะได้ทานอาหารท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ และบรรยากาศแจ่มใสของทิวทัศน์รอบตัว
“ค่อยๆทานสิครับ ดูสิเลอะหมดแล้ว ฮึๆ รู้มั้ยทำแบบนี้จะ ‘โดน’ อะไร หืม” ผมแลบลิ้นใส่เจ้าของสายตาเจ้าชู้ ก่อนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้กับคำถามที่ส่งมา แม้จะรู้อยู่เต็มอกกับคำว่า ‘โดน’ นั้นคืออะไร
ถ้าจะหาตัวต้นเหตุก็เพราะเฮียหลี่ผิงนั่นแหละ ที่ใช้นิ้วมาป้ายครีมสลัดที่เลอะมุมปากให้ ยามผมกำลังมีความสุขกับการกิน ผมไม่ผิดสักหน่อยที่ลืมตัวเลียครีมสลัดหวานมันที่ปลายนิ้วยาวๆนั่น และดูท่าเฮียหลี่ผิงจะไม่ต้องการคำตอบจากผม เพราะมาเฟียรูปหล่อเค้ายื่นหน้าข้ามโต๊ะเข้ามาใกล้ และทำสายตากรุ้มกริ่มใส่ผมซะแล้ว
“อ๊ะ! นี่แน่ะ...ฮ่าๆ เคี้ยวแล้วกลืนให้หมดเลยนะครับ ธันว์ลงมือป้อนให้ทั้งที ถ้าคายออกมาธันว์โกรธจริงๆด้วย ฮ่าๆ” ใครไม่เคยเห็นท่านมาเฟียใหญ่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกให้รีบมาดูซะตอนนี้ครับ เพราะคุณอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นง่ายๆอีก และภาพที่หาดูได้ยากแบบนี้จะไม่ให้ผมหัวเราะงอหายได้อย่างไรกัน
เฮียหลี่ผิงที่ตั้งท่าจะลวนลามผมกลางวันแสกๆ โดนผมยัดขนมปังก้อนโตใส่ปาก หลังจากผมเบี่ยงหน้าหลบปลายจมูกโด่งๆและริมฝีปากสีสดได้อย่างหวุดหวิด ทำให้ตอนนี้มาเฟียรูปหล่อไม่เหลือมาดเท่ๆของพญามังกรตระกูลหวางสักนิด ด้วยพยายามเคี้ยวขนมปังในปากอย่างยากลำบากตามคำขู่ของผม เพราะไม่กล้าคาย จนแก้มป่องเป็นปลาทองยักษ์ไปแล้ว แถมยังถลึงตาใส่ผมได้อย่างน่าขัน
เมื่อผมหัวเราะจนพอใจแล้ว จึงลุกจากที่ไปป้อนน้ำเฮียหลี่ผิงให้ถึงปาก พร้อมลูบหลังให้อย่างอ่อนโยน และส่งยิ้มเอาใจเป็นการไถ่โทษ แต่ท่านมาเฟียใหญ่ก็ยังไม่หายงอนง่ายๆ ผมจึงลงมือบีบไหล่ให้พร้อมกดนิ้วคลึงบริเวณหลังคอ
“เฮียหลี่ผิงอย่าโกรธธันว์เลยนะครับ ธันว์แค่ล้อเล่น ก็เฮียอยากแกล้งธันว์ก่อนเองทำไม” ผมง้อสุดตัวแล้วนะ ถ้าเฮียหลี่ผิงจะงอนต่อก็ช่าง เพราะผมก็จะงอนบ้างเหมือนกัน
ก่อนที่ผมจะเดินกลับเข้าไปภายในห้องด้วยความน้อยใจนั้น ข้อมือผมก็ถูกกระตุกจนตัวผมเสถลาไปตามแรงรั้ง และนั่งปุกลงบนหน้าตักแข็งๆของเฮียหลี่ผิง ก่อนเสียงนุ่มๆจะดังขึ้นข้างหู พร้อมแรงกอดรัดรอบเอว
“อะไรกัน ง้อเฮียแค่นี้เองเหรอครับคนเก่ง หืม แถมจะงอนเฮียเองซะด้วย น้องธันว์อย่าดิ้นมากไปนะครับ รู้ไม่ใช่เหรอว่าที่เรานั่งทับอยู่น่ะมันอันตราย” ผมหยุดดิ้นทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ของเฮียหลี่ผิง
ไม่ใช่ว่ากลัวคำขู่ของเฮียหลี่ผิงนะครับ แต่ผมรู้ฤทธิ์ไอ้ที่นั่งทับดีต่างหากว่ามันอันตรายแค่ไหน จึงยอมนั่งบนตักแข็งๆอย่างยอมจำนน
“เราอย่างอนกันเลยนะครับ อุตส่าห์ได้มาพักผ่อนด้วยกันทั้งที” นั่นสิครับเราจะมางอนกันทำไมกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องให้เสียบรรยากาศ
ผมจึงตอบรับคำขอของเฮียหลี่ผิง ด้วยการผ่อนร่างเอนหลังพิงอกแข็งๆ และวางแขนทั้งสองทับแขนแกร่งที่โอบรอบเอว แต่ก็ยังแกล้งทำแก้มป่องเชิดหน้าอย่างหยิ่งๆใส่อาเฮีย เดี๋ยวจะหาว่าผมง้อง่ายเกิน จนได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มหูตามมา ก่อนริมฝีปากนิ่มๆจะจรดที่ข้างขมับ ให้ผมได้แอบอมยิ้มกับความอ่อนโยนของท่านมาเฟียใหญ่ ที่มีให้เฉพาะคนรักแบบผมเท่านั้น
การทานอาหารหลังจากนั้น ผมก็ไม่ได้กลับไปนั่งที่เดิมอีกเลย ได้แต่อ้าปากรับอาหารที่ถูกป้อนให้ถึงปาก สลับกับการป้อนเฮียหลี่ผิงคืน และมีบ้างที่ผมหันไปสบสายตาอ่อนหวานของเจ้าของตัก แต่ผมก็ต้องรีบเบือนหน้าหลบ เฉไฉด้วยการชี้ชวนอาเฮียให้ดูทิวทัศน์ด้านนอก จ้องนานมากไม่ได้ครับ เพราะพาลจะหน้าร้อนทำตัวไม่ถูกเอาดื้อๆ
เราจบมื้ออาหารด้วยพุดดิ้งนมสดที่ผมลงมือทำด้วยตัวเอง แต่ไม่รู้ว่ามันโผล่มาที่นี่ได้ยังไง ในเมื่อผมแช่มันไว้ในตู้เย็นที่คฤหาสน์ เพื่อรอให้เฮียหลี่ผิงได้ชิมพร้อมกัน ซึ่งคนที่ผมตั้งใจทำให้กินก็ชมไม่ขาดปาก ว่ารสชาติกำลังดีไม่หวานจนเกินไปและหอมมันเป็นที่สุด ทำเอาผมปลื้มยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว ไม่เสียแรงที่ให้เจ๊เหมยอิงสอนให้ตัวต่อตัว และแลกกับการที่ผมต้องได้อายกับคำแซวของอาเจ๊คนสวย เพราะเจ๊เหมยอิงแซวผมตลอดคลาสเชียวล่ะ
“อะไรครับคนเก่งจะลงสระเลยเหรอ นั่งให้อาหารย่อยก่อนเถอะ เรามีเวลาถึงเย็นเลย หรือน้องธันว์จะค้างที่นี่ก็ยังได้” ผมที่กำลังเดินเข้าห้องนอนถึงกับชะงัก ก่อนหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้าคนพูด และส่ายหน้าหวือกับข้อเสนอที่เฮียหลี่ผิงยื่นมาให้ทันที
“ไม่ได้นะครับ ธันว์นัดคุยงานกับไอ้นนและนลินคืนนี้ พรุ่งนี้ธันว์มีพรีเซนงานที่บริษัทด้วย เฮียหลี่ผิงลืมรึเปล่าที่รับปากจะไปกับธันว์พรุ่งนี้อ่ะ” ผมไม่รู้ตัวเลยครับว่าเผลอเสียงแข็ง ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่คนที่พูดด้วย
ผมมารู้ตัวก็ตอนที่ปลายนิ้วอุ่นๆยื่นมาลูบระหว่างคิ้วให้ พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนสื่อให้ผมได้ใจเย็นไว้ ก่อนฝ่ามือข้างเดียวกันนี้จะเปลี่ยนมาลูบหัวและออกแรงโยกเบาๆ
“เฮียไม่ลืมครับ จะลืมได้ยังไง วันที่ต้องไปเจอคนที่มันกล้ากระตุกหนวดมังกร แต่เฮียเห็นว่าน้องธันว์ชอบสระลอยฟ้าที่นี่มาก เลยอยากให้เราอยู่นานๆ อย่าทำหน้าบึ้งครับ ไม่เหมาะกับน้องธันว์ของเฮียเลยรู้มั้ย” ผมพยักหน้าเบาๆก่อนโผเข้ากอดอาเฮียไว้
ผมรู้สึกผิดและนึกเสียใจที่ตัวเองนั้นเจ้าอารมณ์ กับคนที่คอยตามใจเด็กเอาแต่ใจอย่างผมมาตลอดได้ เพราะใจนั้นมุ่งมั่นแต่การที่อยากให้เฮียหลี่ผิงไปเจอหน้าไอ้คุณเยี่ย ด้วยอยากประกาศตัวถึงความสัมพันธ์ของเรา เพื่อตัดรำคาญไม่อยากยุ่งยากใจอีกนั่นเอง
คุณๆอาจสงสัยว่าทำไมผู้ชายอารมณ์ดีและไม่คิดอะไรมากอย่างผม ถึงต้องกังวลและอารมณ์เสียง่ายๆกับเรื่องของผู้ชายที่ผมออกปากรับเป็นเพื่อน ทั้งๆที่เรื่องมันไม่น่ามีอะไร แต่เรื่องก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่ออยู่ๆสองอาทิตย์ที่ผ่านมาไอ้คุณเยี่ยโทรหาผม ซึ่งไม่รู้ว่ามันไปเอาเบอร์ผมมาจากไหน และอ้างถึงความเป็นเพื่อนที่ผมตอบรับมันไป ในการโทรมาคุยกับผมทุกวัน ซึ่งผิดปกติวิสัยของเพื่อนที่จะทำต่อกัน ขนาดไอ้นนและไอ้นลินที่ว่าซี้กับผมมากๆนั้น พวกมันยังไม่ขยันโทรหาผมเท่าไอ้คุณเยี่ยเลยครับ
ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีที่มันเลือกโทรหาผมในช่วงเที่ยงของวันที่ผมต้องฝึกงาน ทำให้เฮียหลี่ผิงไม่ระแคะระคายถึงเรื่องของมัน ไอ้คุณเยี่ยเนี่ยเหมือนนกรู้ไม่มีผิด แต่กลับเป็นผมเองที่ไม่สบายใจ ด้วยรู้สึกผิดเหมือนว่ากำลังแอบคุยกับผู้ชายที่เรารู้อยู่เต็มอกว่าสนใจเรา แต่มันกลับใช้ความเป็นเพื่อนเข้าหา
เมื่อวานนี้ผมจึงตัดสินใจบอกเฮียหลี่ผิงและเล่าทุกอย่างให้ฟัง กลัวก็กลัวนะครับว่าคนรักจะโกรธกัน แต่ผมถือว่าตัวเองไม่ผิด เพราะไม่เคยคิดอะไรกับไอ้คุณเยี่ย และผมคิดว่าไม่ควรให้เฮียหลี่ผิงมารู้เองทีหลัง หากเป็นเช่นนั้นผมว่าคงกลายเป็นเรื่องใหญ่ และเฮียหลี่ผิงอาจคิดไปไกลว่าผมกำลังนอกใจ
ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นมาจริง คนที่ผมรักต้องเสียใจมากอย่างแน่นอนที่รู้ว่าผมปิดบังกันไว้ และพอตอนนั้นผมที่คิดจะเล่าจะบอกเฮียหลี่ผิงก็คงไม่ยอมรับฟัง ผมจึงเลือกที่จะตัดไฟแต่ต้นลม ด้วยการเล่าทุกอย่างให้เฮียหลี่ผิงรับรู้
เมื่อเฮียหลี่ผิงรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว ผมก็ต้องแปลกใจที่อาเฮียไม่มีโวยวาย แต่กลับจ้องตาผมนิ่งๆให้รู้สึกร้อนๆหนาวๆ และเมื่อเวลาผ่านไปร่วมห้านาทีเฮียหลี่ผิงก็ยังไม่พูด จนผมใจเสียเพราะห้านาทีนั้นเหมือนห้าชั่วโมงของความอึดอัดใจของผมเชียวล่ะ ซึ่งน้ำตาผมก็เริ่มไหลอาบแก้มแบบไม่รู้ตัว และผมต้องพยายามกลั้นเสียงสะอื้นอย่างยากลำบาก ด้วยเริ่มขวัญเสียกับท่าทีนิ่งเฉยของคนรัก หากเฮียหลี่ผิงจะต่อว่าหรือโวยวายผมคงสบายใจกว่านั้น และอาจจะแกล้งงอนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจได้บ้าง
ตอนนั้นผมถึงกลับปล่อยโฮคาอกอาเฮียทันที หลังจากที่เฮียหลี่ผิงดึงผมเข้าไปกอด ความรู้สึกคือโล่งใจที่อย่างน้อยได้รู้ว่าเฮียหลี่ผิงยังสนใจกัน ไม่ทำเฉยชาเข้าใส่เหมือนผมไม่มีตัวตนดั่งเคย ซึ่งคำพูดต่อมาของเฮียหลี่ผิง หลังจากกอดปลอบจนผมหยุดร้องและเหลือเพียงการสะอึกสะอื้นน้อยๆแล้ว ผมกลับจดจำทุกถ้อยคำในประโยคนั้นได้อย่างขึ้นใจ และคงไม่มีวันลืมมันง่ายๆอย่างแน่นอน
‘น้องธันว์ เฮียรู้ว่าน้องธันว์ไม่ได้ตั้งใจปิดบังเฮีย แต่สำหรับเฮียอดเจ็บใจตัวเองไม่ได้จริงๆ มันไม่ใช่ความผิดของน้องธันว์ที่ไม่บอก แต่เป็นเพราะเฮียรู้สึกว่าตัวเองดูแลและเอาใจใส่น้องธันว์ได้ไม่ดีพอ ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น อึดอัดใจมากสินะครับ เฮียขอโทษที่รัก...ต่อไปหากน้องธันว์ไม่อยากให้เฮียรู้สึกผิดแบบนี้อีก ช่วยบอกเฮียหลี่ผิงคนนี้ให้รู้ทุกเรื่องที่ทำให้น้องธันว์อึดอัดใจได้มั้ย เดี๋ยวเฮียจะเป็นคนจัดการให้คนเก่งของเฮียเอง น้องธันว์ของเฮียเหมาะกับใบหน้าที่ยิ้มแย้ม มากกว่าใบหน้าเศร้าๆและแววตาหมองๆเหมือนที่ผ่านมานะรู้มั้ย’
ผมจะลืมได้อย่างไรในเมื่อคนที่ไม่มีความผิดต่อเรื่องนี้สักนิด กลับรับความผิดไว้กับตัวแต่ผู้เดียว จนผมถึงกลับละอายที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด และรีบรับปากคำขอของเฮียหลี่ผิงทันที จากประโยคที่ว่านั้นมันตอกย้ำความคิดที่ว่า ผมเป็นคนในสายตาของเฮียหลี่ผิงตลอดเวลา เพราะเฮียหลี่ผิงคงคอยจับสังเกตผมอยู่ จึงเห็นถึงความอึดอัดใจที่ผมมีตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่อาเฮียก็ไม่ได้ถามคงรอให้ผมเป็นฝ่ายบอกเองซะมากกว่า อาจจะเพราะไม่อยากสร้างความอึดอัดใจเพิ่มแก่ผม หากผมไม่คิดจะเล่าจะบอกนั่นเอง
เหตุการณ์ในวันนั้นก็จบด้วยความเข้าใจ ซึ่งผมก็ได้ให้สัญญากับท่านมาเฟียใหญ่เค้าไปว่าจะบอกเล่าและหันมาปรึกษาทุกเรื่องที่ไม่สบายใจด้วย แต่เฮียหลี่ผิงกับหยอดเพิ่มว่าให้บอกเค้าได้ทุกเรื่อง ไม่เฉพาะแต่เรื่องที่ไม่สบายใจ จนผมตงิดใจว่าตัวเองได้ตกหลุมพรางของมาเฟียใหญ่เค้ารึเปล่าน่ะสิ แต่ไหนๆก็ตกลงไปแล้ว ผมก็ไม่คิดจะปีนขึ้นหรอกครับ เพราะรู้ว่าหลุมพรางนี้ช่างปลอดภัยและอบอุ่นใจนักที่ได้อยู่
ส่วนเรื่องของไอ้คุณเยี่ยที่เป็นต้นเหตุแท้จริงนั้น เฮียหลี่ผิงตัดสินใจว่าจะเข้ามาเคลียร์ให้ ด้วยการเผชิญหน้าตรงๆในวันที่มันจะเข้ามาฟังผมรายงานผลความคืบหน้าตึกของมันในวันพรุ่งนี้ด้วยตัวเอง แถมด้วยก่อนหน้าอาเฮียจัดการปิดเบอร์ที่ผมใช้และหาเบอร์มาให้ใหม่ ก่อนให้ผมแจ้งผู้ใหญ่ในไทยกับบอกเพื่อนสนิทให้รู้ พร้อมเน้นย้ำไม่ให้ผมบอกเบอร์ใหม่นี้กับทางอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ด้วยเฮียหลี่ผิงสงสัยว่าไอ้คุณเยี่ยต้องได้เบอร์ผมจากอาจารย์อย่างแน่นอน เพราะท่านคงเห็นว่ากลุ่มผมทำงานให้มันอยู่นั่นเอง
ทั้งหมดทั้งมวลนั้นแสดงให้คุณได้เห็นแล้วว่า เพราะอะไรถึงทำให้เด็กอารมณ์ดีอย่างผมอารมณ์บูดทันทีทันใด เมื่อคิดว่าคุณแฟนสุดที่รักทำท่าจะลืมนัดที่ให้ไว้ เพราะไม่อยากให้เรื่องยืดเยื้อมากไปกว่านี้แล้ว ที่สำคัญผมไม่อยากเป็นคนสร้างความไม่สบายใจให้แก่เฮียหลี่ผิงด้วยตัวเอง เพราะมาเฟียรูปหล่อของผมนั้น เหมาะกับรอยยิ้มอบอุ่นมากกว่าหน้านิ่งๆตาดุๆเป็นไหนๆ
แต่ตอนนี้ผมว่าเรื่องในอนาคตปล่อยมันไปก่อนดีกว่า เพราะตอนนี้ปัจจุบันตรงหน้าผมนั้นน่าสนใจกว่าเยอะ เพราะได้เวลาที่ลิงน้อยอย่างผมจะลงไปแหวกว่ายในสระลอยฟ้าพร้อมพญามังกรรูปหล่อแล้วนั่นเอง แต่ไอ้แววตาแพรวพราวที่ผมแอบเห็นจากเฮียหลี่ผิง ขณะที่ผมก้าวลงสระพร้อมกางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วนี่สิ ชักทำให้ผมไม่แน่ใจแล้วว่าจะได้ว่ายน้ำอย่างใจคิด กลัวแต่ว่าพญามังกรจะส่งลูกรักมาแหวกว่ายในตัวผมซะมากกว่า
.............................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
วุ้ย! อิจฉาคู่รักคู่นี้จริงๆ หวานไม่แคร์สื่ออีกแหละ

ก็มันคอนเซ็ปของเรื่องนี้นี่เนอะ ตั้งใจสาดน้ำตาลใส่
จนคนอ่านสำลักรอยยิ้มตัวเองเลยทีเดียวเชียว ฮุๆ
ขออภัยในความหวานนะคะ

ส่วนตอนหน้าคงไม่ต้องบอกแล้วเนอะว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ในเมื่อหวานตามคอนเซ็ปมามาก จะขาดความหื่นให้เสียรสชาติได้อย่างไร...จริงม้า
และคงเป็นไปตามที่น้องตุ๊กตาเดาไว้ค่ะ
เฮียหลี่ผิงงอนน้องธันว์ได้ไงเนี้ย หาเหตุให้น้องง้อตัวเองล่ะสิท่า
ส่วนอีตาเยี่ยเนี้ย น่าจะเป็นคู่มวยกับลินนะ ท่าจะมันส์ถูกคู่ดีจริง หวังว่าเค้าจะได้กันนะ อิอิ... 
+1 ให้พี่มาศเอาไปเลยค่ะ และต้องไม่ลืม
กัน เพราะฉะนั้น จงยอมให้น้อง
ซะดีๆนะพี่
รอตอนต่อไปค่า (คิดว่าพี่มาศคงสนองความต้องการของผู้อ่านแบบจัดเต็ม
)
+1และเป็ดแบบเทกระจาดให้คนเม้นท์จ้า
ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ รักทุกคนเบยยยย
เจอกันวันสีชมพูนะคะ

ปล.ขอให้คุณแม่ทุกคนมีความสุขมากๆนะคะ
ส่วนคุณลูกอย่าลืมกอดแม่และบอกรักท่านด้วยนะคะ
