ตอนที่ 19 หวางหลี่ผิง“ว้าววว สุดยอดดด สวยมากกกก เฮียหลี่ผิงเหมือนเราลอยอยู่บนฟ้าเลยเนอะ คิกๆ ธันว์ชอบที่นี่จัง วันหลังชวนไอ้พวกนั้นและเจ๊เหมยอิงมาด้วยดีกว่าเนอะ...เฮียหลี่ผิงครับ ธันว์ขอห้องนี้ได้มั้ย ระดับนายน้อยตระกูลหวางขาดรายได้ไปสักห้องคงไม่เป็นไรหรอกเนอะ ใช่ม้า~ เราเก็บห้องนี้ไว้ได้มั้ยครับเฮีย นะครับเฮียหลี่ผิง นะน้า~”
รอยยิ้มเจิดจ้ากับน้ำเสียงออดอ้อนของเทวดาน้อยตรงหน้า ดึงดูดให้ผมเคลื่อนเข้าหาภาพร่างน่าหลงใหลอย่างช้าๆ รอบกายดูเหมือนมีเมฆหมอกปกคลุมไปทั่ว พาลให้สายตาพร่าเลือนไปหมด แต่มีเพียงจุดเดียวที่สายตาผมจับภาพได้อย่างชัดเจน นั่นคือใบหน้าสดใสที่กำลังประดับยิ้มพราวเสน่ห์ และผิวกายละเอียดที่มีหยดน้ำเกาะพราว ตั้งแต่ลำคอระหงถึงแผ่นอกที่ประดับเม็ดทับทิมคู่สีแดงระเรื่อล่อสายตา ยิ่งเวลาร่างน้อยขยับตัวที ทำเอาผิวน้ำกระเพื่อมไหวและหยอกล้อไปกับยอดอกสีสดให้ยิ่งชูชัน
ส่วนเสียงใสๆดังเสียงระฆังแก้วยังดังออดอ้อนไม่ขาดสาย ทำให้รอยยิ้มที่ผมมียิ่งขยายกว้างขึ้นกว่าเดิม แต่การรับรู้ทางการได้ยินของผมกลับลดต่ำ เพราะจุดสนใจตอนนี้อยู่ที่ริมฝีปากสีสดที่ขยับเจื้อยแจ้วตลอดเวลา และไม่ว่าเทวดาน้อยประสงค์สิ่งใด หวางหลี่ผิงคนนี้พร้อมยอมถวายทุกสิ่งที่ประสงค์ ขอเพียงได้เป็นผู้ครอบครองเทวดาเจ้าเสน่ห์ตรงหน้านี้ก็เพียงพอแล้ว....
“ฮะ เฮีย...หลี่ผิง ธันว์ไม่เอาที่นี่ แฮ่กๆ ไปข้างในเถอะ อื้อออ นะครับ” เสียงหอบหายใจขาดห้วงและลมอุ่นร้อนที่พ่นรดแถวซอกคอ มาพร้อมเสียงครางหวานๆ บวกน้ำเสียงอ้อนๆของคนร่างบาง ที่เกาะเกี่ยวรอบเอวและต้นคอของผมอยู่นั้น หากผมไม่ทำตามคำร้องขอ คงดูเป็นคนใจร้ายขึ้นมาทันตา
ผมผละหน้าจากซอกคอขาวๆที่เปียกชื้น ไล่จูบดูดผิวเนื้อหวานๆมาตามลำคอจนถึงติ่งหู แล้วแอบขบเม้มเบาๆอย่างหยอกเย้า ก่อนกระซิบเรียกชื่อเจ้าของร่างน้อยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า จนได้สบแววตาหวานหยาดเยิ้มที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ อารมณ์รักที่ผมเป็นคนปลุกเร้าด้วยตัวเอง จากสายตาหวานๆคู่นั้นกลับเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใส และฉายแววหวาดหวั่นได้อย่างน่าสงสาร
อาจเป็นเพราะสถานที่ไม่ถูกใจเจ้าของร่างน้อยนัก ด้วยสถานที่ที่ผมเตรียมร่วมรักกับน้องธันว์นั้นมันเปิดโล่ง แม้จะอยู่ในสระบนตึกสูงระฟ้าที่ห่างไกลจากสายตาผู้คน แต่ด้วยเวลาที่พระอาทิตย์ยังส่องแสง จนสามารถเห็นรายละเอียดของคนร่างบางไปซะทุกสัดส่วน ทำให้คนน่ารักของผมขัดเขินไม่มั่นใจที่จะรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แม้อารมณ์น้องจะกระเจิงจนแทบกู่ไม่กลับ และร่างกายร้อนผ่าวพร้อมต้อนรับผมมากแล้วก็ตาม
ผมกดจูบที่ปากเจ่อแดงแรงๆพร้อมแกล้งดูดริมฝีปากช่างอ้อนด้วยความมันเขี้ยว ก่อนผละมือจากธันว์น้อยที่น่ารักมาที่แก้มก้นแน่นๆทั้งคู่ และยกร่างเด็กน่ารักของตัวเองขึ้นจากสระ ทำเอาเด็กที่กำลังน้ำตาคลอจวนหยดแหล่มิหยดแหล่ หวีดร้องเบาๆด้วยความตกใจ ก่อนน้องจะรัดเอวรัดไหล่ผมจนแน่น ผมจึงได้โอกาสฟัดแก้มแดงๆที่อยู่ชิดปลายจมูกไปหลายฟอด แถมด้วยการขบเม้มผิวเนื้ออ่อนๆแถวซอกคอฆ่าเวลาไปตลอดทาง
จนพาร่างน้อยที่ตัวสั่นระริกผิวอมชมพูน่ากิน วางลงบนฟูกหนานุ่มของเตียงคิงไซส์ได้สำเร็จ ก่อนผมจะปลดฝ่ามือน้อยออกจากต้นคอ และค่อยๆพรมจูบหลังมือทั้งสองข้างไล่ไปตามแขนขาว จนถึงหัวไหล่มนที่เต็มไปด้วยรอยจูบ ระหว่างที่ผมชื่นชมผิวสวยๆนั้น เสียงครางแผ่วหวิวของน้องก็ดังไม่ขาด
เมื่อผมได้สบสายตาหยาดเยิ้มของคนที่นอนระทวยยั่วยวนใต้ร่าง ทำให้รู้ว่าคนน่ารักเค้าพร้อมแล้ว และผมถึงกับใจกระตุกก่อนเลือดในกายจะเดือดพล่าน เมื่อต้นขาขาวๆแหวกกว้างเชิญชวนให้ผมได้แนบชิด จนเห็นช่องทางสีพีชถนัดตาพร้อมธันว์น้อยสีสวยที่ผงกหัวทักทาย ทำเอาผมต้องลอบกลืนน้ำลาย พยายามข่มกลั้นอารมณ์ไม่ให้จาบจ้วงเอากับน้อง แต่อยู่ๆคนน่ารักของผมก็เสหลบตา ทั้งๆที่ผิวแก้มแดงปลั่งลามไปทั่วคอ
ผมจึงเชยคางน้องกลับมาและมอบจูบหวานๆให้น้องแทนคำขอบคุณ ก่อนส่งมังกรผงาดฟ้าบุกสำรวจโพรงถ้ำน้อย และผมแทบแดดิ้น เมื่อความอุ่นร้อนพร้อมแรงตอดรัดเบาๆจะค่อยๆคืบคลานเข้ามา พร้อมท่วงทำนองเสียงครางหวานๆให้ได้ฮึกเหิม
“คนเก่ง มองหน้าเฮียสิครับ....รักน้องธันว์นะ คนเก่งของเฮียหลี่ผิง” ผมกระซิบชิดริมฝีปากแดงช้ำ เพื่อให้เจ้าของได้เปิดเปลือกตาขึ้นมองกัน ก่อนก้มจูบซับน้ำรื้นบริเวณหางตา และไล้จมูกเข้าที่ข้างแก้มใส พร้อมบอกรักเพื่อปลอบประโลมร่างน้อยให้ได้ผ่อนคลาย ร่วมกับส่งมังกรน้อยฝ่าความคับแน่นไปจนสุดตัว
คนน่ารักใต้ร่างหอบฮักใบหน้าแดงก่ำอย่างน่าสงสาร ผมลงมือไล้ต้นขาด้านในพร้อมเอ็นดูธันว์น้อยให้ฟื้นคืนชีพ และพรมจูบไปทั่วใบหน้าชื้นๆของน้อง จนกระทั่งน้องธันว์ยกแขนรั้งต้นคอผมและยืดตัวเข้าหา ก่อนกระซิบถอยคำเชิญชวนให้ผมได้เดินหน้าต่อ ทำเอาผมหลุดยิ้มให้กับความน่าเอ็นดูของคนรักตัวน้อย และพรมจูบข้างขมับขาวๆไปหลายที พร้อมขยับเอวส่งสะโพกเข้าหาความอุ่นร้อนอย่างช้าๆ ก่อนโจนทะยานพาเราทั้งคู่ไปจนถึงฝั่งฝัน ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องหวานหูปะปนไปกับเสียงครางกระหึ่มของผมดังลั่นห้อง
“อ๊าๆๆๆ” ประสาทสัมผัสทุกส่วนเปิดรับ ความสุขแผ่กระจายไปทั่วร่าง พร้อมความอิ่มเอมท่วมท้นหัวใจ
เมื่อความอุ่นร้อนพวยพุ่งจนหมดแม็ก ผมก็เอนนอนเคียงข้างร่างน้อยด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า และแอบส่งสายตาหวานๆสบตาคู่สวยของคนที่กำลังหอบตัวโยน ทำเอาคนน่ารักทำอะไรไม่ถูกหลบตาผมพัลวัน ก่อนน้องจะซุกหน้าแดงๆเข้าหาอกผม
“เฮียอ่ะ...มองไรเล่า” ฟังคนน่ารักเค้าเหวี่ยงสิครับ แน่ะ! มีแอบทุบอกผมเบาๆด้วย ผมจึงรัดร่างน้องแน่นๆซะเลย จนน้องธันว์ดิ้นดุ๊กดิ๊กคาอกและส่งเสียงงุ้งงิ้งเบาๆได้อย่างน่ามันเขี้ยว
แต่ก่อนที่เด็กน้อยจะโวยวายไปมากกว่านี้ เพราะหาว่าผมแกล้งคนไม่มีทางสู้ ผมจึงเห่กล่อมร่างน้อยเบาๆ ก่อนลงมือลูบแผ่นหลังเนียนชื้นเหงื่ออย่างเบามือ พร้อมกระซิบคำขอโทษชิดริมหูแดงๆ แต่ผมกลับอดไม่ไหวกับต้นคอขาวๆที่มีจุดแดงเป็นจ้ำๆ จึงกดจมูกสูดกลิ่นกายหอมๆของน้องธันว์ซะฟอดใหญ่ กลิ่นกายน้องทำเอาผมชักเคลิ้มจนไม่อยากผละห่างจากผิวเนียน ส่วนไอ้มือไม่รักดีก็เลื้อยลงต่ำคว้าก้นแน่นเข้าหาตัว และพลิกร่างน้อยให้เอนลงกับเตียง เตรียมทำรอบกับคนตัวหอมอีกสักยก แต่ใบหน้าผมก็ถูกฝ่ามือน้อยยันออกจนสุดแขน
“อื๊อออ ไม่เอาอ่ะ เฮียพอแล้วครับ ไหนบอกว่าจะให้ธันว์เล่นน้ำไง นี่อะไร ธันว์ลงไปยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยนะ” เอาล่ะสิครับลิงน้อยที่น่ารักของผมทำท่าว่าจะแสดงอภินิหารซะแล้ว ด้วยปากเจ่อๆที่ยื่นออกมาน้อยๆ ส่วนตาตี่ๆก็เบิกโตขึ้นและปล่อยแสงวาววับออกมาให้พญามังกรเยี่ยงผมต้องกริ่งเกรง
“เอิ่ม...เฮียไม่ผิดนะ น้องธันว์ละเลยเฮียมาหลายคืนเองนี่ครับ พอเห็นน้องธันว์เกือบเปลือยในระยะประชิด เฮียก็อดใจไม่ไหวน่ะสิ มาครับ เดี๋ยวเฮียพาไปล้างตัวก่อน สัญญาเลยว่าครั้งนี้เฮียจะไม่กวนน้องธันว์แล้ว ว่าแต่เราเถอะยังมีแรงเหลือเล่นน้ำรึเปล่า” ผมรีบพลิกวิกฤตให้พ้นตัวด้วยการยั่วท้าทายเด็กตาตี่ให้ฮึดสู้
จนเด็กตรงหน้าเม้มปากแน่นมีสายตามุ่งมั่น ก่อนเปล่งเสียงดังๆออกมาว่าเจ้าตัวเค้า ‘ไหว’ และพร้อมจะลงเล่นน้ำตามคำท้า หากว่าน้องธันว์จะตอบรับผมแบบนี้บ้าง ตอนที่ผมขอเพิ่มรอบกับเจ้าตัวจะดีแค่ไหนกันนะ ฮึๆ
ผมจัดการอุ้มเด็กหน้ามุ่ยตรงเข้าห้องน้ำ เพื่อทำความสะอาดให้ทั้งนอกและใน และเกือบตบะแตกเมื่อน้องธันว์ดันครางแผ่วหวิวข้างหูด้วยแก้มแดงๆตาเยิ้มๆ ตอนที่ผมบรรจงควานนิ้วเอาบรรดาลูกๆออกจากช่องทางสีพีช แต่พอนึกถึงแววตาเอาเรื่องก่อนหน้าของน้อง จึงต้องพยายามอดใจและรีบก้มหน้าก้มตาล้างตัวให้น้องจนเสร็จ ก่อนอุ้มร่างน้อยที่เริ่มอารมณ์ดีส่งยิ้มหวานมาให้กันได้ขึ้นจากอ่าง เพื่อพาน้องธันว์ลงสระริมระเบียงตามความตั้งใจแต่แรก
ผมต้องใช้ความอดทนสูงมากในการเฝ้าดูน้องเล่นน้ำทั้งๆที่ร่างเปลือยเปล่า ด้วยกางเกงว่ายน้ำของน้องนั้น ไม่รู้ถูกผมโยนไปอยู่ส่วนไหนของสระ ทำให้สายตาผมไม่อาจละไปจากร่างขาวๆที่แหวกว่ายไปมาตรงหน้าได้เลย บวกรอยยิ้มสดใสที่เจ้าของขยันส่งมันมาให้ผมเข้าไปอีก ทำเอามังกรร้ายอยากออกมาแผลงฤทธิ์จับคนน่ารักกินอีกสักรอบ แต่ผมก็ได้แต่กัดฟันทนข่มกลั้นไว้พร้อมจิบเบียร์ย้อมใจ
เมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปนานพอสมควร ผมก็ชวนลิงน้อยที่กำลังเริงร่ากับน้ำใสๆได้ขึ้นจากสระ ซึ่งน้องธันว์มีอิดออดนิดหน่อย จนผมต้องเกลี้ยกล่อมให้ไปเล่นต่อที่คฤหาสน์ แต่เจ้าตัวก็ทำเสียงอ่อยอย่างน่าสงสารว่าบรรยากาศมันไม่เหมือนกัน ที่นี่เล่นน้ำสนุกกว่าเป็นไหนๆ ทำเอาผมหลุดขำให้กับความคิดของหนุ่มน้อยที่ไม่ยอมโต ซึ่งผมต้องทำใจป้ำเอ่ยยกห้องนี้ให้คนน่ารักตามคำขอ จนหนุ่มน้อยของผมฉีกยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกายวิบวับฉายแววแห่งความสุข และยอมขึ้นจากสระในที่สุด เห็นทีผมคงต้องพาน้องมาที่นี่บ่อยๆแล้วล่ะครับ เพราะดูท่าเด็กน้อยของผมจะถูกใจที่นี่ไม่น้อย
...................................
“เฮียหลี่ผิงครับ เราแวะที่นี่ก่อนกลับได้มั้ย ธันว์อยากเดินดูของ ใกล้วันเกิดนลินแล้วด้วย ธันว์ยังไม่มีของขวัญให้มันเลย อยากให้เฮียช่วยธันว์เลือกหน่อย” ตาแป๋วๆที่จ้องมาอย่างคาดหวัง พร้อมคำขอที่ไม่ได้สร้างลำบากให้กันสักนิด แล้วใครจะปฏิเสธได้ลงครับ
ผมจึงอมยิ้มใส่ตาแป๋วแหววของน้อง ก่อนจุ๊บที่หน้าผากเนียนเบาๆ และออกคำสั่งให้อาเป๋าที่เป็นคนขับแวะเข้าย่านช้อปปิ้งดังของฮ่องกง เพื่อทำตามคำขอของเด็กน่ารักข้างกาย ทำเอาคนขอฉีกยิ้มเต็มหน้า และกดจูบเข้าที่ปลายคางของผมด้วยความถูกใจ เล่นเอาคนมองอย่างผมชักใจสั่นกับความน่ารักช่างอ้อนของน้อง และพยายามข่มใจนั่งนิ่งๆ บังคับสายตาให้มองเพียงกลุ่มผมดำขลับที่ระอยู่กับอกเท่านั้น พร้อมปล่อยให้คนน่ารักได้กอดเอวและฮัมเพลงเบาๆด้วยความสบายใจไปเพียงลำพัง เดี๋ยวจะพาลเปลี่ยนจุดหมายตรงกลับบ้านแล้วจะยุ่ง
ใช้เวลาไม่นานคนสนิทของผมแวะเข้าไปจอดรถยังห้างใหญ่กลางเมืองตามคำสั่ง รถจอดสนิทได้เท่านั้น เด็กน้อยที่กอดเอวผมอยู่ก็ผละห่างทันที และเปิดประตูรถด้วยตัวเองไม่มีรีรอให้อาเป๋าเปิดให้ดั่งเคย ก่อนน้องจะหันมาเร่งผมพร้อมฉุดข้อมือผมเป็นการใหญ่ หลังจากนั้นน้องธันว์จูงข้อมือผมเข้าห้างดังทันที แต่จะเรียกว่าลากก็คงจะถูกกว่า เพราะร่างน้อยแทบจะไม่สนใจผมด้วยซ้ำว่าผมจะก้าวทันเจ้าตัวมั้ย ด้วยน้องคงจดจ่อกับสิ่งที่ตั้งใจไว้ ทำเอาคนสนิทของเราต้องเร่งฝีเท้าตามหลังแทบไม่ทัน จนผมเองยังนึกขำกับหนุ่มน้อยไม่ยอมโต ผมจึงตัดสินใจกระตุกข้อมือคืน ออกแรงที่ว่าให้ร่างน้อยได้เซถลาเข้าปะทะอก และรวบเอวบางมาไว้กับตัวได้พอดี
“ไม่ต้องรีบครับ เรายังมีเวลาอีกร่วมสองชั่วโมง” น้องธันว์ทำหน้ามุ่ยนิดๆแต่แววตากลับฉายแววกระตือรือร้นเหมือนเด็กที่ถูกผู้ใหญ่ขัดใจ จนผมต้องอมยิ้มก่อนยกมือยีหัวเด็กน้อยของตัวเอง
ผมอดคิดไม่ได้ว่าเราไม่ได้มาเดินซื้อของสบายๆด้วยกันแบบนี้นานเท่าไหร่แล้ว เพราะทั้งภาระงานประจำที่ต้องบริหารโรงแรมและงานในแก๊ง ร่วมกับโรงแรมใหม่ที่กำลังตกแต่งของผมในกงอิน บวกกับเป็นช่วงเวลาฝึกงานที่กินเวลาของน้องธันว์ไปจนหมดด้วย ทำให้เด็กน้อยของผมดูตื่นเต้นกว่าปกติ ยามได้มาเปิดหูเปิดตาในวันพักผ่อนของเราวันนี้
“ธันว์กลัวไม่ได้ของให้ไอ้นลินอ่ะ ไหนจะต้องเลือกอีก สองชั่วโมงพอรึเปล่าก็ไม่รู้” ผมจึงพยักหน้ารับเบาๆพร้อมส่งยิ้มให้น้อง ก่อนเป็นฝ่ายจูงมือน้องเดินไปจนทั่วห้าง
แต่ดูท่าคนที่อยากหาของขวัญให้เพื่อนสนิทนั้น ต้องเสียเงินให้กับของตัวเองซะส่วนใหญ่ มีทั้งเสื้อผ้ารองเท้านั่นแหละครับ จนทั้งสองมือของสองคนสนิทนั้นเต็มไปด้วยถุงช้อปปิ้ง และเงินที่ว่าก็ไม่ใช่ของใครนอกจากของป๋าหลี่ผิงคนนี้ แต่ผมยอมเปย์เพื่อความสุขของอีหนูของป๋าหลี่ผิงอยู่แล้วครับ
เมื่อเดินจนทั่วห้างแล้วสุดท้ายเด็กน้อยของผมก็พาเรามานั่งจุ้มปุ๊กพักขาดื่มชาเย็นๆพร้อมของว่าง เพื่อให้ผมเป็นคนตัดสินใจเลือก ระหว่างนาฬิกาแบรนด์ดังเรือนใหญ่สไตล์ที่น้องนลินชอบสวม หรือร้องเท้าผ้าใบรุ่นใหม่แบรนด์โปรดของเจ้าของวันเกิด ว่าเราควรจะให้สิ่งไหนเป็นของขวัญวันเกิดในอีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้ดี
“แล้วน้องธันว์ชอบอะไรมากกว่ากันครับ” คนน่ารักคิ้วขมวดทำหน้าเคร่งมีแววตาครุ่นคิดทันที จนคนที่ได้เห็นอย่างผมยังอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ น้องธันว์หันมาสบตากับผมและเม้มปากแน่น ก่อนตอบเสียงอ่อยๆออกมา
“ธันว์ชอบทั้งคู่ครับ ตัดสินใจไม่ได้” แววตาสับสนท่าทางหมดแรงของน้อง ทำเอาผมต้องกลั้นขำ เพราะท่าทางน้องธันว์ที่จริงจังเกินเหตุ
“งั้นเราซื้อทั้งคู่เลยแล้วกัน” หลังคำพูดผมแล้วน้องธันว์ถึงกลับคลายหัวคิ้วออก มีประกายตาสดใสขึ้นมาทันที เหมือนว่าน้องสามารถแก้โจทย์เลขยากๆได้สำเร็จไม่มีผิด ก่อนรอยยิ้มหวานๆจะปรากฏต่อสายตาผม เด็กอะไรทำไมน่ารักน่าฟัดขนาดนี้น้า นี่ถ้าเราอยู่ตามลำพังนะเด็กน้อยไม่รอดมือผมแน่ๆ
“นั่นสิ ธันว์ซื้อทั้งคู่ก็หมดเรื่อง ไหนๆเฮียหลี่ผิงก็เป็นคนจ่าย คิกๆ ไม่น่าเสียเวลาคิดซะนานเลย ไปครับไปซื้อของกัน ใกล้ได้เวลาอาหารเย็นแล้วด้วย เดี๋ยวปาปาหลี่จวินกับมามาเฟิงหวงจะรอนาน” มือน้อยๆของน้องธันว์ถูกยื่นมาตรงหน้าผมพร้อมรอยยิ้มสดใส มีท่าทางกระตือรือร้นขึ้นมาอีกครั้ง ยามเจ้าตัวเค้าตัดสินใจได้และพร้อมออกช้อปปิ้งต่อ
แต่คนน่ารักก็ไม่ลืมผมที่นั่งอยู่ ‘น่าดีใจชะมัด’ แต่ผมก็ต้องหุบยิ้มแทบไม่ทัน เมื่อได้ยินประโยคต่อมาของไอ้ตัวแสบ
“ธันว์ไม่มีทางทิ้งท่านเจ้ามือใหญ่หรอกน้า เร็วสิครับ เราจะได้รีบซื้อรีบกลับกัน คิกๆ” มันน่านักนะ น่าจับมาฟัดจูบปิดปากช่างเจรจาตรงนี้ซะจริง
ผมเดินตามแรงจูงของเด็กแสบไปอย่างเซ็งๆ ทำให้มีโอกาสสังเกตรอบตัว ว่ายามคนน่ารักตรงหน้าเดินผ่านไปทางไหน ก็สามารถเรียกสายตาของผู้คนรอบข้างทั้งหญิงและชายให้มองตามตลอดทาง และไม่ต้องเดาเลยว่าตอนนี้ใบหน้าขาวๆของน้อง ต้องกำลังฉีกยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี ที่สามารถแกล้งผมได้สำเร็จอยู่อย่างแน่นอน ซึ่งเราต่างก็รู้กันอยู่ว่าคนน่ารักของผมตอนแย้มยิ้มนั้น ช่างน่าดูและเต็มไปด้วยเสน่ห์ชวนมอง
ผมจึงรีบสาวเท้าไปเดินเคียงข้างคนของตัวเองทันที ทำเอาเจ้าตัวมีสีหน้างงๆก่อนจะอมยิ้มแก้มตุ่ยส่งสายตารู้ทันมาให้ จนอยากก้มกัดแก้มขาวๆนั่นให้ขึ้นรอย แต่สิ่งที่ผมทำคือยกมือโยกหัวน้อยๆนั่นเบาๆ ก่อนกอดเอวบางเข้าหาตัวและก้มลงกระซิบชิดใบหูหอมๆ ให้คนที่มองอยู่ได้ตาร้อนอิจฉาเล่น พร้อมกับประกาศให้รู้กันไปว่าคนน่ารักคนนี้น่ะของผม
“น้องธันว์ยิ้มมากไปแล้วนะครับ คนมองกันจนเหลียวหลังแล้ว เก็บเอาไว้ยิ้มกับเฮียคนเดียวดีกว่ามั้ย เฮียหวง...จุ๊บ!” หลังคำกระซิบเตือนพร้อมจูบเบาๆที่ใบหูน้องของผมแล้ว
น้องธันว์ยกมือกุมหูข้างนั้นทันที ก่อนหันมองรอบตัวเลิ่กลั่กพร้อมแก้มใสที่ขึ้นสีระเรื่อคาตา และหันกลับมาส่งสายตาคาดโทษใส่ผม เมื่อเห็นว่าการกระทำของผมนั้นไม่รอดพ้นสายตาคนรอบตัว เพราะพวกนั้นตกใจตาตั้งกันถ้วนหน้า
ซึ่งก่อนที่คนน่ารักเค้าจะงอนผมกลางห้าง ผมจึงรีบรั้งเอวน้องให้ออกเดินเพื่อตรงเข้าร้านนาฬิกาที่อยู่ไม่ไกลเป็นอันดับแรก เมื่อเราเข้ามายืนในร้านด้วยกันแล้ว ผมจึงยื่นบัตรเครดิตพร้อมพยักพเยิดให้คนน่ารักได้ใช้รูดตามแต่ใจ ทำให้โดนคนน่ารักเหวี่ยงค้อนน้อยๆเข้าใส่ แต่ก็เบาใจที่น้องธันว์ดึงบัตรในมือไป พร้อมหันไปบอกพนักงานว่าต้องการนาฬิกาเรือนที่เราเล็งไว้
ระหว่างรอพนักงานห่อของให้นั้น ผมก็เข้าไปยืนซ้อนหลังคนหน้าบูด ก่อนยื่นมือไปจับเอวบางทั้งสองข้าง และรั้งเอวนั้นเข้าหาตัวช้าๆ แรกๆน้องธันว์ก็ขืนตัวด้วยคงเกร็งที่อยู่กลางร้าน และมีเงยหน้าขึ้นสบตาผมด้วย แต่เมื่อเจอผมยิ้มอ้อนๆเข้าใส่ น้องก็ยอมเอนร่างมาพิงอกของผมจนได้ ทำให้รู้ว่าคนน่ารักเค้าหายโกรธกันแล้ว เพราะน้องก็มักจะใจอ่อนกับรอยยิ้มของผมเสมอด้วย
ผมยืนโอบเอวเจ้าตัวไว้หลวมๆ และถือโอกาสแอบสูดกลิ่นแชมพูอ่อนๆ จากกลุ่มเส้นผมนุ่มที่ระไปกับปลายคางจนเพลิน จนกระทั่งพนักงานเดินเข้ามายื่นถุงใบเล็กให้พร้อมบัตรเครดิต ก่อนโค้งให้เราพร้อมคำขอบคุณ ผมจึงจำใจปล่อยมือจากเอวบาง
เมื่อน้องได้ของมาไว้ในมือก็หันมาส่งยิ้มกว้างให้ผมอย่างสดใส จนผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มตามคนน่ารัก ก่อนจะส่งถุงใบนั้นในอาเป๋าเอาไปถือรวมกับถุงอื่นๆของน้อง ขบวนช้อปปิ้งจึงได้ฤกษ์ออกเคลื่อนพลอีกครั้ง โดยมีท่านแม่ทัพตัวน้อยเดินยิ้มกริ่มอารมณ์ดีเคียงข้างขุนพลเยี่ยงผม มีหันมาชวนผมคุยเป็นระยะและลืมความขุ่นใจเมื่อครู่ไปจนหมด แต่ระหว่างที่คนน่ารักเค้าหันทั้งตัวมาทางผมและเดินถอยหลังไปด้วย เพื่อคุยจ้อกับผมเรื่องสีรองเท้ารุ่นที่เรากำลังจะไปซื้ออยู่นั้น ก็มีไอ้หน้าไหนไม่รู้พรวดพราดออกมาจากมุมร้านกระเป๋าแบนด์ดังเข้ามาชนหลังน้องอย่างจัง
“โอ๊ะ!!” คนน่ารักเซถลามาทั้งตัว
“น้องธันว์! เป็นอะไรรึเปล่า” โชคดีที่ผมเข้ามารับร่างน้องเข้าหาอกได้ทัน แต่ต้องรีบก้มสำรวจน้องอย่างรวดเร็ว กลัวว่าน้องธันว์ต้องเจ็บตัวเพราะไอ้ซุ่มซ่ามหน้าโง่ที่เข้ามาชน แต่ระหว่างที่ผมวุ่นอยู่กับน้องก็มีเสียงโวยวายดังขึ้น
“ไอ้บ้า! แกจะจับฉันทำไม ไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร” ภาพที่ผมเห็นคืออาอู๋เข้าไปหิ้วปีกผู้ชายคนหนึ่งไว้ คงเป็นคนที่เข้ามาชนน้องธันว์ แต่มันก็ปากดีด่าคนสนิทของผม แถมยังกร่างใส่ได้อย่างน่าโมโห
แต่ก่อนที่ผมจะออกคำสั่งกับอาอู๋ให้สั่งสอนคนซุ่มซ่ามปากเสียนั้น คนน่ารักข้างตัวที่แสนรู้ใจก็เจ้ามากอดแขนผมไว้ จนผมต้องก้มลงมองทำให้เห็นสายตาอ้อนวอน ก่อนน้องธันว์ส่ายหน้าเบาๆปรามไม่ให้ผมเอาเรื่องมัน ผมลอบถอนใจนิดและหันไปออกคำสั่งให้อาอู๋ปล่อยตัว
“อาอู๋...ปล่อย ถือซะว่าเราผิดกันทั้งคู่ แต่ครั้งหน้าอย่าไปกร่างกับใครแบบนี้อีก ไม่เช่นนั้นนายคงไม่ได้ยืนสบายๆแบบนี้หรอก จำไว้” เมื่อพูดจบผมก็รั้งคนเอวบางให้เจ้าของได้ออกเดินมาพร้อมกัน และไม่คิดสนใจกับเจ้าของแววตาตื่นตระหนกของไอ้น่าโง่ที่กร่างเกินตัว
ไอ้นี่มันยังโชคดีครับที่มีน้องธันว์คอยห้ามผมไว้ ไม่เช่นนั้นปากแดงๆของมันคงได้แดงกว่านี้ ข้อหาปากเสียผิดที่ผิดทาง
“เฮียหลี่ผิง ธันว์คุ้นหน้าคนเมื่อกี้จัง” ผมขมวดคิ้วและก้มมองคนพูดทันที นึกไม่ชอบใจขึ้นมาฉับพลันที่คนรักรู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายคนอื่นขึ้นมา
“ไปแอบรู้จัก ‘มัน’ ตอนไหน! หืม” รู้ตัวเลยครับว่าตัวเองเสียงแข็งมาก จนน้องธันว์ทำคอย่นปากจู๋คาตา ก่อนตอบเสียงสะบัดนิดๆออกมา แต่ก็ทำให้ผมเบาใจขึ้น
“หึ้ย ไม่ได้แอบสักหน่อย ธันว์ก็เพิ่งนึกออกนี่แหละว่าที่คุ้นตา เพราะคนนั้นเค้าเป็นนักร้องบอยแบนด์ที่กำลังดังตอนนี้อ่ะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะสังกัดบริษัทเพลงของเฮียโจเซฟด้วย” มิน่ามันถึงกล้ากร่างใส่ เดี๋ยวต้องให้ไอ้โจเซฟไปสั่งสอนเด็กมันซะหน่อยแล้วมั้ง ก่อนที่น้องธันว์จะแสดงความสนใจผู้ชายอื่นต่อหน้าผมไปมากกว่านี้ พนักงานที่ไปเอารองเท้ารุ่นที่เราต้องการมาให้เลือกสีก็เดินกลับมา คนน่ารักจึงหันไปสนใจของตรงหน้าแทน
หลังจากนั้นผมก็ไม่คิดจะสนใจเหตุการณ์ที่ทำให้อารมณ์เสียอีก เพราะเพลินไปกับเสียงใสๆที่เจ้าของหันมาชักชวนให้ผมช่วยเลือกสีของรองเท้า ที่เจ้าตัวเค้าตัดสินใจไม่ได้เพราะชอบทั้งคู่(อีกแล้ว) ผมจึงแนะนำน้องธันว์เหมือนเดิมคือให้ซื้อกลับทั้งคู่ ทำเอาน้องทำหน้ามุ่ยและแกล้งบ่นให้ได้ยินว่า ผมน่ะไม่ได้ช่วยอะไรได้เลย เพราะแค่ของขวัญสองชิ้นนั้น น้องนลินคงได้เป็นปลื้มผมมากกว่าเก่าอย่างแน่นอน
ผมก็ได้แต่ขำคนขี้บ่นและปล่อยให้น้องได้ตัดสินใจเอง ด้วยดูท่าครั้งนี้น้องคงไม่รับข้อเสนอของผมซะแล้ว แต่คนสนิทที่ยืนด้านหลังก็เข้ามากระซิบถ้อยคำที่ทำให้ผมแปลกใจ
“นายน้อยครับ คนที่ชนคุณธันว์เมื่อครู่กำลังแอบมองมาทางนี้ครับ” ผมจึงหมุนตัวกลับไปทางหน้าร้าน จึงได้เห็นตามที่อาเป๋าพูด
นายนักร้องบอยแบรนด์คนนั้นกำลังยืนอยู่ที่หน้าร้านตรงข้ามร้านรองเท้า ทำเป็นเลือกเสื้อผ้าที่ร้านนั้น แต่สายตากลับจ้องมาทางนี้ และพอเห็นผมจ้องกลับก็หลบตาวูบ ทำเป็นยื่นเสื้อในมือให้พนักงานร้านรับไปคิดเงินอีกด้วย
“เจอแมลงรำคาญอีกแล้ว เฮ้อออ” ผมที่เริ่มขุ่นใจกับพวกเห็บไรที่ตกหลุมเสน่ห์คนน่ารักของผมนั้น
ตัดสินใจหันมายืนซ้อนหลังน้องธันว์ที่กำลังหมกมุ่นกับสีรองเท้าไว้ เพื่อกันสายตามันออกจากร่างของน้อง และหันไปสบตาอาเป๋าเพื่อสื่อให้คอยจับตามันไว้ ส่วนใจนั้นอยากเร่งให้น้องรีบเลือกแล้วจะได้กลับ แต่คิดอีกทีแค่เห็บไรตัวเล็กๆตัวเดียว มันไม่ควรค่าแก่การแลกกับความสุขของคนรักสักนิด
ผมจึงรออย่างใจเย็นให้น้องธันว์เลือกของได้ตามสบาย จนคนน่ารักเค้ารับถุงจากพนักงานนั่นแหละครับ ผมจึงจูงมือน้องเดินออกจากร้านทันที และอ้างเรื่องเวลาอาหารเย็นของครอบครัว จนคนน่ารักตาตื่นและบ่นพึมพำโทษตัวเองออกมาว่าไม่น่าลืมเลย เพราะเจ้าตัวมัวแต่เลือกรองเท้าไม่ได้สักที และบ่นใหญ่ว่าผมไม่ยอมเตือน ก่อนน้องจะเป็นฝ่ายดึงแขนผมลากกลับไปทางลานจอดรถเหมือนเมื่อแรกมาถึง แต่ปลายสายตาของผมก็ยังเห็นว่า ‘มัน’ ยังคงจับจ้องมาทางเรา ผมจึงหมายมั่นปั้นมือว่ายังไงซะถ้าได้เจอมันอีกครั้ง ผมจะไม่ปล่อยให้มันลอยนวลแน่ ใครที่คิดจะมาสนใจคนน่ารักของหวางหลี่ผิง มันผู้นั้นจะไม่มีแผ่นดินอยู่
.........................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
น่าเห็นใจหลี่ผิงเนอะ อยู่ใกล้น้องธันว์ทีไรควบคุมตัวเองไม่ได้ทุกที
เอ๋!!!...หรือจะเป็นเพราะความหื่นส่วนตัวของหลี่ผิงกันแน่

ตอนนี้เสียเลือดพอหอมปากหอมคอก่อนเนอะ เก็บเลือดไว้เสียตอนอื่นๆอีก!?

ส่วนตัวละครตัวใหม่ที่โผล่มาตัวนี้อยากให้จับตาไว้ค่ะ เพราะจะมาสร้างความป่วน
ให้คู่รักน่าดูเชียวล่ะ อิๆ แต่จะป่วนแบบไหนต้องติดตามจ้า
ตอนหน้ามีเคลียร์!!...เจอกันวันสีฟ้าน้า^^
+1และเป็ดแก่ทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
