ตอนที่ 20หวางหลี่ผิง“น้องธันว์ฝึกงานเป็นอย่างไรบ้างครับ ช่วงนี้มามางานยุ่งไม่ได้เจอหน้าไม่ได้ถามไถ่น้องธันว์เลย” น้ำเสียงเอื้ออาทรพร้อมใบหน้าอ่อนโยนของมามาเฟิงหวงนั้น ทำให้คนโดนถามที่นั่งข้างตัวผมยิ้มแก้มตุ่ยตายิบหยีเลยทีเดียว
“ใกล้หมดเวลาฝึกงานแล้วครับ พรุ่งนี้ธันว์ก็ต้องพรีเซนงานให้ผู้ว่าจ้างฟัง เป็นตึกสำนักงานที่ธันว์ได้รับผิดชอบให้คุมงานกับเพื่อนๆน่ะครับ แต่มามาไม่ต้องห่วงหรอกครับ มีนายน้อยหลี่ผิงหนุนหลังธันว์อยู่ทั้งคน ไม่มีใครกล้าแหยมอยู่แล้ว คิกๆ” น้องธันว์หันมายักคิ้วให้ผมก่อนเปิดปากหัวเราะตาปิด
จากคำพูดและท่าทางกวนๆของน้อง มันน่ามันเขี้ยวนักในสายตาผม จึงยื่นมือไปรั้งต้นคอขาวเข้าหาตัวและลงมือขยี้หัวทุย ให้เจ้าของได้หัวเราะคิกคักดังกว่าเดิม
“ฮึๆ ดีแล้วครับ หลี่ผิง ลูกก็อย่าไปกดดันคนในบริษัทมากไปนะครับ เพราะผลเสียจะไปตกกับน้อง”
ผมเงยหน้าจากคนแก้มแดง เพื่อมองสบตาแสดงความห่วงใยของมามาเฟิงหวง ก่อนจะคลี่ยิ้มให้มามาคนสวยได้สบายใจ และเผื่อแผ่รอยยิ้มไปให้ปาปากับน้องสาวที่นั่งตรงข้าม จากสายตาของผมแล้ว อ่านสีหน้าแววตาของทั้งคู่ได้ว่าเป็นห่วงคนตัวเล็กของผมไม่ต่างจากมามานัก
“ทุกคนไม่ต้องห่วงนะครับ ถึงผมจะอยากจัดการอะไรๆมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่น้องธันว์ของทุกคนไม่ยอมให้ตัวเองได้สบาย ให้สมกับอยู่ในตำแหน่งว่าที่นายหญิงของหวางหย่งกังอยู่แล้ว” ยังไม่สิ้นคำที่ผมกล่าวถึงตำแหน่งที่น้องธันว์เป็นอยู่ เจ้าของตำแหน่งก็ส่งเสียงเรียกชื่อผมซะดังลั่น แต่แก้มกลับแดงก่ำได้อย่างน่ามอง
“อ้าว รึว่าไม่จริงครับ” น้องธันว์เม้มปากแน่นจ้องผมตาวาว เพราะเถียงไม่ออกด้วยมันคือเรื่องจริง
ผมมันเขี้ยวลูกลิงหัวยุ่งตาลุกเป็นไฟตรงหน้าไม่น้อย จนอยากจะลองจิ้มแก้มแดงๆนั้นเล่น แต่ก็กลัวว่าลิงน้อยจะกัดนิ้วขาดซะก่อน จึงทำเพียงส่งยิ้มล้อเลียนใส่ตาลูกลิงขี้โมโหเท่านั้น
จนปาปาหลี่จวินต้องเอ่ยปรามผมด้วยเสียงเข้มๆ แม้ดวงตาที่ผมได้สบจะแวววาวด้วยความถูกใจก็ตาม แต่พอน้องธันว์หันไปส่งยิ้มหวานๆใส่และทำสายตาอ้อนๆให้ ท่านกลับขึงตาดุลูกชายอย่างผมเพื่อเอาใจลูกสะใภ้ซะได้ ทำให้เหมยอิงที่นั่งกอดแขนมามาสังเกตการณ์อยู่หัวเราะคิกคักอย่างถูกใจ ขนาดมามายังคลี่ยิ้มหวานเต็มหน้าจนปาปามองตาปรอย แต่น้องธันว์ที่โดนผมกอดคอไว้ก็ดันหัวเราะตามเหมยอิง เพราะนึกว่าเหมยอิงขำที่ผมโดนปาปาดุ น้องไม่ได้รู้ตัวเลยว่าทุกคนเค้าถูกใจในความน่าเอ็นดูของตัวเองอยู่ ผมจึงหันมาลูบเส้นผมยุ่งๆของน้องให้กลับเข้าที่เข้าทาง
หลังอาหารเย็นที่ผมและน้องธันว์กลับมาถึงบ้านทันเวลาได้อย่างเฉียดฉิวแล้ว พวกเราก็เข้ามานั่งย่อยอาหารด้วยการคุยกันในห้องพักผ่อนภายในคฤหาสน์ โดยมีเรื่องร้านใหม่ของเหมยอิงและเรื่องการฝึกงานของน้องธันว์เป็นหัวข้อสนทนา เหมือนอย่างที่คุณเพิ่งได้ยินไป
หลังจากเสียงหัวเราะเงียบลง ปาปาก็หันมาถามความคืบหน้าของโรงแรมที่กงอิน เพราะท่านรู้ว่าวันนี้ผมไปตรวจงานมา
“ตอนนี้เหลือเก็บรายละเอียดอีกสิบเปอร์เซ็นต์ครับ หากเอาเฟอร์นิเจอร์เข้าห้องครบก็พร้อมเปิดให้บริการ”
ปาปาพยักหน้าให้ด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนเอ่ยเตือนผมเรื่องการรักษาความปลอดภัย เพราะอาจมีบางกลุ่มที่ไม่หวังดีเข้ามาก่อกวนสร้างความเสียหายได้ ด้วยกว่าปาปาจะได้ที่ผืนนั้นมาให้ผมสร้างโรงแรม ต้องฝ่าฟันแย่งชิงมาไม่น้อย
“หลี่ผิงก็ต้องระวังตัวเองด้วยนะครับ เพราะยิ่งใกล้เปิดตัวโรงแรมก็ยิ่งอันตราย มามาเป็นห่วงนะครับ” ทั้งคำพูดอ่อนโยนและสายตาแสดงความห่วงใยของมามาเฟิงหวง ทำให้ผมที่เป็นลูกถึงกลับซาบซึ้ง เพราะจากสายตาของท่านนั้น บอกชัดว่ารักและห่วงใยผมมากเพียงใด แม้ผมจะโตเป็นชายหนุ่มไม่ใช่เด็กเล็กๆแบบแต่ก่อนแล้วก็ตาม
ผมผละจากร่างน้อยที่นั่งเคียงข้าง ก่อนเดินเข้าหามามาและก้มกอดท่านไว้ทั้งตัว จนร่างท่านแทบจะจมหายไปกับอกผม แต่ร่างบอบบางของมามาก็ยังให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยกับผม ไม่ต่างจากยามที่ผมเป็นเด็ก
เมื่อผมผละออกจากอกอุ่นและนั่งทับส้นเท้าอยู่ต่อหน้ามามาแล้ว ผมที่รวบจับมือนุ่มของท่านไว้ก็คลี่ยิ้มกว้างให้ท่านได้สบายใจ ก่อนเอ่ยรับปากว่าจะดูแลตัวเองให้ดีไม่ให้ท่านต้องเป็นกังวล และหันไปส่งยิ้มให้ปาปาที่นั่งยกยิ้มมุมปากมองเราทั้งคู่อยู่ แค่มองตาปาปาก็คงรู้แล้วล่ะครับว่าผมสามารถดูแลตัวเองได้ และผมคงไม่ยอมเป็นอะไรง่ายๆ ในเมื่อยังมีคนที่รักผมและคนที่ผมรักหลายคนรออยู่
“เฮียหลี่ผิงห้ามประมาทนะคะ ต้องระวังตัวเองให้ดีๆ เพราะถ้าเป็นอะไรไปทุกคนต้องเสียใจแน่ๆ โดยเฉพาะพี่สะใภ้เหมยอิง คงได้ร้องไห้ขี้มูกโป่ง ใช่มั้ยจ๊ะธันว์” คนที่โดนโยนคำถามใส่แบบไม่ทันตั้งตัวนั้นนั่งหน้าแดง
แต่ครั้งนี้น้องธันว์กลับไม่โวยวายและยอมรับแต่โดยดี ด้วยการพยักหน้าน้อยๆตอบน้องสามีอย่างเหมยอิง และหันมาจ้องผมตาแป๋ว แต่แฝงไว้ซึ่งร่องรอยแห่งความกังวล ทำให้ผมต้องรีบเข้าไปนั่งข้างน้องและลูบหัวทุยเบาๆ ก่อนส่งยิ้มหวานให้น้องได้สบายใจขึ้น
หลังจากนั้นเหมยอิงก็เปลี่ยนเรื่อง ด้วยการเล่าถึงการคิดสูตรขนมขึ้นมาใหม่ และจะลองทำมาให้ทุกคนได้ชิม หากว่าอร่อยก็จะทำขายเป็นขนมแนะนำของร้าน ซึ่งคนน่ารักข้างตัวผมก็เสนอตัวเป็นคนแรกว่าจะยอมเสี่ยงตายชิมขนมของเจ๊เหมยอิงให้เอง จนเจ๊เหมยอิงของน้องธันว์ทำท่าจะงอนพี่สะใภ้เข้าให้ และต่อว่าแบบไม่จริงจังว่าขนมของเจ้าตัวไม่ใช่ยาพิษซะหน่อย ไม่ถึงกับต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงสักนิด
น้องธันว์ที่เห็นว่าอาเจ๊ของตัวเองเริ่มงอน จึงง้อด้วยรอยยิ้มหวานบาดใจพร้อมเสียงใสๆว่าธันว์ล้อเล่น เพราะขนมของเจ๊เหมยอิงของธันว์น่ะอร่อยกว่าใคร ทำเอาคนโดนง้อยิ้มหวานถูกใจได้ไม่แพ้พี่สะใภ้เลยทีเดียว จนผู้ชมทั้งสามอย่างผมและปาปามามาถึงกลับหัวเราะคลอเบาๆให้กับคนน่ารักทั้งคู่ของบ้านเรา
เวลาของครอบครัวก็หมดลงด้วยใกล้เวลาพักผ่อน เราต่างแยกย้ายเข้าห้องส่วนตัว โดยก่อนที่จะแยกย้ายกันนั้น มามาคนสวยก็เข้ามาสวมกอดลูกชายลูกสาวและลูกสะใภ้รายตัว ซึ่งคนน่ารักทั้งสองของบ้านได้แถมจูบที่แก้มเบาๆคนละสองฟอดด้วย พอผมแกล้งโวยวายว่ามามาลำเอียง ท่านก็ยิ้มและเตรียมเข้ามาหอมแก้มผมตามคำเรียกร้อง แต่ปาปากลับคว้าเอวมามาไว้ได้ทันก่อนที่จะถึงตัวผม และพูดด้วยสีหน้านิ่งๆกับผม แต่ดวงตาท่านกลับระยิบระยับแพรวพราว
“ไม่ต้องเลยหลี่ผิง ปาปายอมให้มามาของลูกหอมแก้มเหมยอิงและน้องธันว์แค่นั้น ส่วนลูก...ปาปาคงไม่ต้องบอกนะว่ามีใครทำหน้าที่นี้แทน ไปครับเฟิงหวงเหมยอิงขึ้นห้องกันเถอะ ปล่อยให้คู่รักเค้าได้สวีทกัน” จบคำปาปาก็จูงมือเหมยอิงพร้อมโอบเอวมามาเดินออกจากห้องไปทันที ปล่อยให้คู่รักแบบผมกับน้องธันว์อยู่กันสองต่อสอง
เมื่อผมก้มมองคนข้างตัว น้องธันว์อ้าปากหวอมองตามหลังปาปานิ่งงัน จนผมต้องเชยคางน้องขึ้น ทำเอาน้องเริ่มรู้สึกตัวก่อนหันมามองกัน ผมจึงเอียงแก้มเข้าหาน้องทันที
“ยื่นหน้ามาทำไมครับ” แน่ะ! คนน่ารักมีโยกโย้ครับ แต่ผมไม่ยอมหรอก
“น้องธันว์ไม่สงสารเฮียเหรอครับ ใช่สิ มามาจุ๊บแก้มน้องธันว์แล้วนี่ มีแต่เฮียคนเดียวที่ไม่ได้” ถามว่าอายตัวเองมั้ยที่ทำสุ้มทำเสียงสะบัดใส่คนรักตัวน้อย ตอบเลยว่าอายแค่นิดเดียวครับ เพราะรางวัลที่จะได้ต่อการแกล้งทำตัวน่าอายนั้นมันคุ้มแสนคุ้ม
น้องธันว์มองผมหน้ามุ่ยแต่มีแววตารู้เท่าทันชัดเจน จนผมต้องกลั้นขำสุดตัวและลุ้นว่าน้องจะยอมหอมแก้มตามคำอ้อนของผมมั้ย และผมก็ต้องฉีกยิ้มเต็มหน้า เมื่อจมูกเล็กๆและริมฝีปากนุ่มๆนั้นแตะเข้าที่แก้มผม ก่อนเจ้าของมันจะผละออกอย่างรวดเร็ว พร้อมคำบ่นเบาๆว่าผมนั้นเป็นมาเฟียเจ้าเล่ห์ และน้องก็เดินลิ่วๆจากไป ไม่มีรอสามีแสนดีอย่างผมสักนิด หรือว่าน้องธันว์จะรีบไปอาบน้ำรอท่าผมให้ไปกล่อมนอนกันนะ
....................................
“เชิญครับนายน้อย” ผมพยักหน้าให้บรรดาลูกน้องในบริษัทรับเหมาที่ออกมาต้อนรับถึงหน้าตึก ก่อนหันไปปล่อยข้อมือน้องธันว์ที่อยู่ข้างกาย
เมื่อน้องเพียรกระตุกมือเตือนผม ตั้งแต่เราลงจากรถด้วยกันแล้ว แม้ใจจะไม่อยากปล่อยแต่สายตาอ้อนวอนของน้องก็ให้ผมนึกเห็นใจ ด้วยน้องคงไม่อยากให้พี่เลี้ยงของตัวเองต้องมาเคารพนบนอบ ยามน้องอยู่ในฐานะนักศึกษาฝึกงานเพียงเพราะมากับผมผู้เป็นเจ้าของบริษัท
ผมถูกเชิญมายังห้องประชุมใหญ่ของบริษัท โดยมีสามเพื่อนซี้เดินตามหลังบรรดาพี่เลี้ยงของเจ้าตัวมาอีกทอด พวกเรานั่งรอไม่นานเป้าหมายภารกิจของผมในวันนี้ก็มาถึง และผมแทบกระโจนจากเก้าอี้ เมื่อมันปรี่เข้าหาคนของผมทันทีที่เห็นหน้า แถมมีตัดพ้อต่อว่าเรื่องโทรศัพท์แบบไม่คิดเกรงใจผู้คนในห้องสักนิด แต่ยังดีที่น้องธันว์เดินเลี่ยงออกมา โดยมีน้องนลินกับนายนนแทรกขวางไว้
ผมกับน้องสบตากันข้ามห้อง แววตาออดอ้อนแฝงแววอ่อนหวานของน้องธันว์ ทำเอาใจที่ร้อนรุ่มลดความร้อนแรงลง ก่อนผมจะถอนใจเบาๆออกมา ซึ่งคนน่ารักคงอ่านท่าทางของผมออกล่ะครับ ว่าผมนั้นยังไม่คิดจะเข้าไปเอาเรื่องมันในตอนนี้ ผมจึงได้รับรางวัลเป็นรอยยิ้มหวานๆ จนอดที่จะยิ้มตามน้องไม่ได้ แต่ผมก็ต้องหันกลับมาตามเสียงเรียกข้างตัว
“เอ่อ นายน้อยครับ...นี่มิสเตอร์เยี่ย เยี่ยเหวินเจี้ยนลูกค้าของเราครับ...คุณเยี่ยครับ นี่นายน้อยของเรา หวางหลี่ผิง วันนี้ท่านจะมาร่วมสังเกตการณ์การนำเสนองานของนักศึกษาฝึกงานของเราด้วย” หลังจากการแนะนำตัวของผมและเยี่ยเหวินเจี้ยนจากหม่าฟูแล้ว
ผมกับมันต่างยืนจ้องตากันนิ่ง เหมือนว่าต่างฝ่ายต่างกำลังประเมินกันและกันอยู่ ซึ่งทุกคนรอบตัวเราก็หยุดการเคลื่อนไหวตามไปด้วย แม้แต่เสียงของลมหายใจก็ยังไม่มีให้ผมได้ยิน
“ยินดีที่ได้รู้จักครับมิสเตอร์หวาง” ในเมื่ออีกฝ่ายยอมเอ่ยทักก่อนพร้อมยื่นมือมาให้สัมผัส ผมเป็นลูกผู้ชายพอที่จะเอ่ยตอบและสัมผัสมือด้วย
แม้แรงบีบที่ฝ่ามือจะมีมากกว่าปกติ ผมก็ยังยกยิ้มตอบมันได้อยู่ แต่ดูท่ารอยยิ้มเย่อหยิ่งที่มันพยายามปั้นแต่งจะเริ่มบิดเบี้ยวซะแล้ว ผมจึงแสยะยิ้มใส่ตามันและส่งสายตาท้าทายไปให้ด้วย ก่อนจะคลายมือลงและเชิญมันนั่งที่เก้าอี้ตัวข้างๆ
ไอ้เยี่ยเหวินเจี้ยนมองผมด้วยสายตาอาฆาตสีหน้าเคร่งขรึม ผมจึงสบตามันนิ่งๆไม่คิดจะหลบให้ก่อน ในเมื่อผมไม่มีอะไรต้องกลัวมัน ที่นี่ก็บริษัทผมแถมลูกน้องใต้ปกครองก็อีกตั้งเท่าไหร่ หรือหากมันจะคิดตัวต่อตัวกับผมตอนนี้ ผมก็มั่นใจว่าจะชนะมันได้ในหมัดเดียว ดูแวบเดียวก็รู้แล้วว่าไก่อ่อน แม้มันจะอายุมากกว่าผมสักสองปีก็ตาม แต่ท่าทางบ่งชัดว่ามันเป็นเพียงลูกเศรษฐีทั่วๆไปที่พ่อแม่ตามใจเท่านั้น ซึ่งก่อนที่ผมกับมันจะมีเรื่องกันตรงนี้ กลับมีเสียงนิ่งสุขุมท่วงทำนองคุ้นหูแทรกขัดขึ้นมาซะก่อน ทำให้ทั้งผมและมันต้องหันไปทางต้นเสียงพร้อมกัน
“ในเมื่อทุกท่านพร้อมแล้ว ผมขออนุญาตนำเสนอความคืบหน้าของโครงการเลยนะครับ” ก่อนที่ผมจะเอ่ยอนุญาตคนน่ารักของตัวเอง
ไอ้ตัวมารหัวใจที่นั่งข้างๆก็ชิงตัดหน้า ให้ผมต้องนึกเขม่นมันขึ้นกว่าเดิม แต่รอยยิ้มอ่อนหวานของน้องธันว์ที่ถูกส่งตรงมาให้ผมนั้น กลับทำให้ผมต้องพยายามสงบปากสงบคำไว้ ด้วยเห็นแก่น้องที่เป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้
เวลานี้ผมอดที่จะพาลหม่าฟูไม่ได้ ที่เลือกโครงการที่มีไอ้เยี่ยเหวินเจี้ยนเป็นเจ้าของเงินให้น้องธันว์รับผิดชอบ จนเผลอตวัดสายตาคาดโทษไปให้หัวหน้าพี่เลี้ยงของน้องไม่ได้จริงๆ ทำเอาลูกน้องที่อายุมากกว่าหลบตาผมพัลวัน แต่เมื่อคิดดูดีๆว่าหม่าฟูไม่สามารถล่วงรู้อนาคต และคงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อยู่แล้ว ทำให้ผมเลิกสนใจหม่าฟู และหันมามองคนที่กำลังนำเสนอหน้าห้องแทน
น้องธันว์ยืนอยู่หน้าโปรเจคเตอร์ที่กำลังฉายภาพอาคารที่เป็นรูปเป็นร่างเกือบเสร็จสมบูรณ์ ด้วยน้ำเสียงนุ่มออกใสที่น้องใช้พรีเซนสามารถสะกดคนทั้งห้อง ให้มุ่งความสนใจไปที่น้องเป็นจุดเดียว แถมท่ายืนที่ดูผึ่งผายงามสง่า และใบหน้าที่คลี่ยิ้มน้อยๆตลอดเวลานั้น ส่งเสริมให้คนของผมมีบุคลิกที่ชวนมองจนไม่อาจละสายตาได้ และเพราะน้องธันว์ที่เป็นแบบนี้ล่ะมั้งครับ ถึงทำให้ไอ้เยี่ยเหวินเจี้ยนตามตื๊อไม่เลิก
ดูสีหน้าแววตาชื่นชมของไอ้มารความสุขของผมที่มีต่อน้องธันว์สิครับ มันน่าควักลูกตาทิ้งซะจริงๆ ผมได้แต่ข่มกลั้นความไม่พอใจที่มีต่อไอ้เยี่ยเหวินเจี้ยนไว้ จนกระทั่งการพรีเซนของคนน่ารักเค้าจบลง พร้อมเสียงปรบมือแสดงความชื่นชม ก่อนที่นายนนจะลุกขึ้นนำเสนองานในส่วนที่เหลืออีกนิดหน่อย และจบด้วยน้องนลินกับน้องธันว์ลุกขึ้นมาสมทบ เพื่อขอบคุณทุกคนในห้องประชุมที่นั่งฟังการนำเสนอในครั้งนี้
“ผมพอใจผลงานที่ทางคุณนำเสนอมาทั้งหมด และเชื่อว่างานในส่วนที่เหลือคงไม่ทำให้ผมผิดหวังอย่างแน่นอน เหมือนผลงานที่พวกคุณทำเพื่อ ‘ผม’ มาตลอด ผมคิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกบริษัทนี้ ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ” ไอ้เยี่ยเหวินเจี้ยนกล่าวขอบคุณด้วยสีหน้าแช่มชื่น
ความรู้สึกของผมจะดีกว่านี้ ยามมีลูกค้าชื่นชมผลงานของพนักงานในบริษัท หากสายตาและคำขอบคุณของมันจะไม่เฉพาะเจาะจงส่งให้คนของผม!
ผมมองตามสายตามันไป จึงพบว่าน้องธันว์ไม่ได้มองมาที่มันสักนิด แต่เหมือนว่าน้องกำลังแกล้งไม่รู้เรื่องกับความนัยที่ไอ้เยี่ยเหวินเจี้ยนส่งไปให้ เพราะน้องธันว์หันไปคุยเบาๆกับน้องนลิน ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมดูเป็นงานเป็นการ หากเป็นเวลาปกติผมคงฉีกยิ้มออกมาไม่ยากนัก เพราะสีหน้าจริงจังของน้องไม่ใช่ว่าผมจะได้เห็นมันบ่อยนัก แต่เวลานี้ผมกลับทำได้เพียงกัดฟันแน่นข่มอารมณ์ ยามเห็นผู้ชายอื่นหยอดใส่แฟนตัวเองต่อหน้า
หม่าฟูที่นั่งตรงข้ามผมคงสังเกตสีหน้าของผมได้ จึงเอ่ยปากขอบคุณมันแทนและตัดบทให้ ด้วยการให้วิศวกรตัวจริงอย่างอาเฉินได้สรุประยะเวลาดำเนินงานและรายละเอียดบางส่วนที่กลุ่มน้องไม่ได้นำเสนอให้มันได้รับรู้ แต่ดูท่าไอ้เยี่ยเหวินเจี้ยนจะไม่สนใจนัก เพราะสายตามันยังคงอยู่ที่คนของผม จนผมอยากเข้าไปกระชากคอมัน และถวายหมัดให้ได้ชิมแทนของว่างสักที ก่อนจะพาน้องธันว์กลับบ้านด้วยกัน แต่สิ่งที่ผมทำจริงๆคือนั่งรอจนได้เวลาปิดประชุม
ผมที่สะกดกลั้นอารมณ์มาคุมานาน เดินช้าๆเข้าหากลุ่มคนที่ประกอบด้วยเพื่อนสนิททั้งสาม พี่เลี้ยงของเจ้าตัว และไอ้มารหัวใจที่กำลังฉีกยิ้มเหมือนว่าตัวเองกำลังมีความสุขซะเต็มประดา จนผมอยากจะบอกมันนักว่า คนที่มันส่งยิ้มให้ด้วยสายตาสื่อความหมายนั่นน่ะ ‘เมียกู’
ผมมายืนซ้อนหลังไอ้เยี่ยเหวินเจี้ยน โดยที่มันยังไม่รู้ตัวว่าหัวกำลังจะขาด การกระทำของผมส่งผลให้เงาผมนั้น ทอดยาวปกคลุมร่างของมันไว้ทั้งตัว เมื่อผมยืนอยู่ตรงนี้ทำให้รู้ว่าความสูงมันนั้น ยังไม่เลยหางคิ้วผมด้วยซ้ำ แต่มันก็ยังมีหน้ามาลองดีท้าความตายกับผมได้ ไม่เจียมกะลาหัวเลยให้ตายสิ!
สายตาสี่คู่มองมาที่ผมเป็นตาเดียว แต่แววตาสื่ออารมณ์ต่างกันอย่างสิ้นเชิง น้องนลินแรกทีเดียวตกใจแต่พอเห็นว่าเป็นผม แววตาก็ระริกไหวเหมือนว่ากำลังเจอเรื่องสนุกน่าตื่นเต้นอยู่ตรงหน้า นายนนเองนั้นผมมองแวบเดียวก็รู้ว่าน้องมันอยู่ข้างผมอย่างเต็มตัว ไม่ว่าผมจะทำอะไรตรงนี้คงมีนายนนเป็นลูกคู่อย่างแน่นอน ส่วนอาเฉินที่เป็นพี่เลี้ยงของพวกเด็กๆเอง เมื่อแรกเห็นว่าเป็นผมก็มีสีหน้าตกใจ มีเหลือบตามองไปยังคนของผม และจบที่คนที่ผมยืนซ้อนหลังอยู่ ก่อนจะก้าวถอยหลังเยื้องออกไปนิด แต่ดูก็รู้ว่าพร้อมจะอยู่ข้างผมหากต้องมีเรื่อง ให้ได้แบบนี้สิทุกคน ฮึๆ
ส่วนน้องธันว์ที่ยืนสบตาผมข้ามหัวไอ้เยี่ยเหวินเจี้ยนอยู่นั้น น้องแสดงออกชัดว่าตกใจและมีแววกังวลเต็มหน่วยตา จนผมอยากจะเข้าไปปลุกปล้ำ เอ๊ย! ปลุกปลอบซะเดี๋ยวนี้ แต่สิ่งที่ผมทำคือยืนนิ่งๆกระตุกยิ้มมุมปากให้น้อง และแสยะยิ้มใส่หน้าไอ้เยี่ยเหวินเจี้ยนที่เพิ่งจะรู้ตัว มันหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับผมช้าๆ เมื่อเห็นว่าเป็นผม มันเองมีสีหน้าตกใจนิดหน่อย ก่อนยืดตัวขึ้นและกระชับสูทที่สวม วางมาดว่าพร้อมชนเต็มที่ไม่มีทีท่าว่าจะกลัวเกรงผมสักนิด
แม้ใจผมจะกรุ่นไปด้วยความโกรธ เพราะไม่เคยมีใครหน้าไหน กล้ายืนจ้องตาส่งแววตาท้าทายกับผมตรงๆแบบนี้มาก่อน แต่ผมก็พยายามเต็มที่ที่จะไม่แสดงอารมณ์ร้ายต่อหน้ามันตรงนี้ ด้วยคงดูไม่ดีนักหากคนที่ได้ชื่อว่าเจ้าของบริษัทอย่างผม จะมีเรื่องกับลูกค้าในบริษัทตัวเอง แม้ทุกสิ่งและทุกคนรอบตัวจะเอื้อให้ผมตอบโต้มันตรงนี้ก็ตาม
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมสามารถแสดงออกตรงนี้ได้ โดยที่มันหรือคนภายนอกไม่อาจติเตียนพฤติกรรมต่อจากนี้ของผม และมันคงทำให้ไอ้เยี่ยเหวินเจี้ยนเจ็บใจเจียนตาย มันคงเจ็บมากกว่าการที่ผมเข้าไปทำร้ายร่างกายมันตรงๆเป็นไหนๆ
“ผมต้องขอบคุณมิสเตอร์เยี่ยมากที่ไว้ใจเลือกบริษัทเราให้รับผิดชอบสร้างตึกสำนักงานของคุณ ผมได้ยินชื่อคุณมานานแล้ว วันนี้จึงตั้งตารอที่จะได้เจอเป็นพิเศษ เพื่อจะได้ทำความรู้จักกันไว้ ผมอยากรู้นักว่าคนแบบไหนกันที่ ‘กล้า’....ฮึๆ คนที่เป็นลูกค้าคนสำคัญของคนรักของผม”
ไอ้เยี่ยเหวินเจี้ยนจากที่มันทำหน้าหยิ่งๆ หลังจากผมส่งสารท้าทายไปให้ แต่พอผมเอ่ยคำว่า ‘คนรัก’ ออกไป หน้ามันงี้ซีดทันตาแต่ก็ยังถือดีจ้องตากับผมไม่ลดละ
ผมแกล้งเบือนหน้าไปส่งยิ้มให้คนที่ยืนอยู่ด้านหลังมัน ก่อนพยักหน้าให้น้องธันว์ได้เดินมาหา ซึ่งน้องก็ช่างน่ารักที่เดินมาหาผมอย่างว่าง่าย เมื่อน้องเดินมายืนเคียงข้างกันแล้ว ผมจึงถือสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ ยื่นมือไปโอบเอวน้องเข้าหาตัว และก้มมองคนตัวเล็กที่เงยหน้าขึ้นมองกันอยู่ก่อนแล้ว ก่อนผมจะบรรจงคลี่ยิ้มหวานๆ ในแบบที่น้องธันว์เห็นครั้งใดต้องเขินแก้มแดงซะทุกทีไปให้ ซึ่งครั้งนี้ก็ไม่ต่างจากที่ผ่านมา พวงแก้มใสๆตรงหน้านั้นแดงระเรื่อคาตา จนผมอยากก้มลงฟัดแก้มน้องซะตรงนี้
แต่สิ่งที่ผมเลือกทำคือการเบือนหน้ากลับมาอย่างช้าๆ พร้อมส่งแววตาท้าทายไปให้ไอ้เยี่ยเหวินเจี้ยนแทน ใบหน้าที่ผมเห็นว่าซีดอยู่แล้ว มันกลับซีดเจื่อนยิ่งกว่าเดิม ส่วนแววตาของมันที่จ้องน้องธันว์ก็ฉายแววตัดพ้อชัดตา แต่กลับส่งประกายแวววาวเหมือนว่าอยากเข้ามาขย้ำผม ยามที่มันจ้องมองมา แต่ผมไม่คิดจะกลัวมันอยู่แล้ว จึงตอกย้ำความจริงเหมือนการตอกตะปูปิดฝาโลงให้มันรู้ไปเลย ว่าอย่าได้คิดมีความหวังกับเมียผมให้เสียเวลา
“คุณอาจจะยังไม่รู้ว่านักศึกษาฝึกงานคนนี้น่ะเป็น ‘คนรักของผม’ ผมหวังว่าผลงานของธันว์คงทำให้คุณพอใจนะครับ คุณโชคดีมากนะที่ได้นักศึกษากลุ่มนี้คุมงานให้ โดยเฉพาะ ‘คนนี้’ ใส่ใจรายละเอียดไปซะทุกด้าน ทุ่มเทแรงกายแรงใจเต็มที่ กลับบ้านมาแต่ละวันหมดเรี่ยวหมดแรง จนผมอยากมาเอาเรื่องลูกน้องตัวเองที่บริษัทตั้งหลายครั้งแล้ว ฮึๆ”
ผมแสร้งหัวเราะเบาๆใส่หน้ามัน ก่อนก้มมองแฟนตัวเล็กด้วยรอยยิ้มล้อเลียน และลงมือเกลี่ยเส้นผมที่ระบริเวณหน้าผากมนออกให้อย่างอ่อนโยนด้วยความตั้งใจ เพราะอยากให้ไอ้เยี่ยเหวินเจี้ยนได้กระอักเลือดตายจากความอิจฉาอยู่ตรงนี้ ส่วนน้องธันว์ที่มองผมอยู่ก็รีบหลบตาด้วยความเขิน คงเพราะเราอยู่ต่อหน้าเพื่อนและพี่เลี้ยงของน้อง ซึ่งทำให้น้องสวมบทคู่รักหวานแหววที่ผมหยิบยื่นให้อย่างสมบทบาท และดูท่าจะได้ผลเกินคาด
เมื่อไอ้เยี่ยเหวินเจี้ยนเปลี่ยนจากหน้าซีดเป็นแดงสลับเขียว ด้วยคงทั้งโกรธและอิจฉาผมล่ะครับ ทำเอาผมอยากหัวเราะดังๆใส่หน้าไอ้แมลงรำคาญตัวนี้ แต่ก็ทำได้เพียงฉีกยิ้มเยาะเย้ยเท่านั้น และผมก็ไม่ต้องโชว์หวานกับน้องไปมากกว่านี้ เมื่อมันเอ่ยลาในเวลาต่อมา สะบัดตูดกลับไม่เห็นฝุ่นเลยทีเดียว
‘ฮึ กล้ากระตุกหนวดมังกรอย่างผมก็ต้องโดนแบบนี้แหละ แต่นี่ถือว่ายังน้อย เพราะผมยังไม่ได้เสียเหงื่อ แต่หากว่ามันยังไม่ยอมรามือ อย่าว่าแต่เหงื่อเลยที่ต้องเสีย เพราะมันคงได้เสียเลือดให้ผมซะมากกว่า’
.........................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
ฟิ้วววว ไปไม่เห็นฝุ่นซะแล้ว หลี่ผิงยังไม่ทันลงแรงเลย
แต่ไม่แน่ไอ้คุณเยี่ยอาจจะกลับมาป่วนอีก

ส่วนตอนหน้าเฮียหลี่ผิงทำน้องธันว์ร้องไห้ด้วย

สาเหตุจะเกิดจากอะไร ติดตามได้วันอังคารค่ะ
+1และเป็ดเช่นเดิม ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ