ตอนที่ 14 จบมื้อเที่ยงวันนั้นด้วย ซูชิตามใจผมครับ ก่อนจะกลับหอเพราะผมรู้สึกอยากจะเปลี่ยนชุดเหลือเกิน อีกอย่างอยากเล่นดอทเอด้วย ไอ้ฮิมมันคงรู้ละครับ เลยพาผมมาส่งที่หอ หอของผมต้องเดินต่อจากบีทีเอสเข้ามา เราคุยกันเรื่อยๆ เพราะตอนนี้มันเย็นแล้ว อีกไม่นานคนจะเยอะครับเพราะ ด้านหลังซอยมันเป็นโรงงาน
“ มึง..ไอ้พี่เทมว่ะ " ผมหันบอกไอ้ฮิมที่เอียงหน้ามาดูสิ่งที่ผมเห็นเหมือนกันครับ ผมเห็นรถมัน ป้ายทะเบียน แล้วตัวมันเองที่อยู่ในรถ " มาหากูทำไมว่ะ "
“ มาเอามึงทำเมียไง " ตรงได้อีกครับ พี่ท่าน ผมเดินมาหยุดลงหน้ารถมัน ประตูก็เปิดออก วันนี้พี่เทมแกคงมีเรียนเช้า ไม่ก็เย็นครับเห็นใส่ชุดนักศึกษาอยู่
“ ว่าไงพี่ " ผมก็ทักทายมันตามปกติครับ เห็นมันยักคิ้วให้ผมเลยไปถึงก็ไอ้ฮิมด้วย
“ มึงมาทำไม " ไม่ใช่ผมครับ ไอ้เหี้ยฮิม เสียงเม่งหาเรื่องได้อีก
“ ไม่ใช่เรื่องของมึง กูมีเรื่องจะเคลียร์กับมัน " ผมเพิ่งสังเกตเห็นหน้าพี่เทมก็ตอนนี้ละครับ มันมีแผลที่มุมปากนิดหน่อย เหมือนไอ้ฮิมแป๊ะๆ สัดเอ้ย..ใช่เรื่องมั๊ยละ มึงทั้งคู่
“ มีไรว่ะ "
“ แบบส่วนตัว " พี่เทมพูดก่อนจะเปิดประตูรถครับ เป็นอันรู้กันว่า ขึ้นรถแล้วกูจะบอก
“ ไม่อะ " ใช่ครับ ยอมรับว่ายังสยอง ขืนกูไปมึงพากูเข้าม่านรูดกูไม่ตายเหรอว่ะ ตลกละ
“ กูขอโทษ..” เสียงเบาๆของมันทำเอาผมเม้มปาก จริงๆผมไม่ได้โกรธพี่เทมแล้วละตอนนี้ เพราะรอยจูบนั้นไอ้ฮิมมันก็ลบแล้วอะนะ แต่มันเป็นความรู้สึกแค่ว่าเมื่อวันนั้นเกิดเรื่องนั้นกับผมก็เท่านั้น ไม่ได้ฝังใจอะไรแล้ว
“ เอ้ย พี่ ผมไม่ได้ซี..”
“ อย่ามายุ่งกับคนของกู "
“ มันไม่ได้บอกกูว่ามันเป็นของของมึง "
“ ไอ้เหี้ย นี่มึงยังไม่จบใช่ม่ะ " ไอ้ฮิมก้าวขาไปยืนหน้ามัน มือมันกำเสื้อพี่เทมขึ้นมา พี่เทมก็เหมือนกันครับ ส่งสายตาฟาดฟันกันจนผมที่ยืนอยู่ตรงนั้นได้แต่นิ่ง กูว่ามันตลกนะ แต่ชักไม่ขำเท่าไหร่
“ ถ้าพวกมึงทั้งคู่ไม่อายก็เชิญนะ " ผมบอกมันสองคนที่หันมองหน้าผมแบบ งงได้อีก " ต่อยกันเพราะเรื่องกู ที่ก็เป็นผู้ชาย ถ้ามึงไม่อายก็เชิญ กูขึ้นหอละ กูง่วง คืนนี้กูจะตีดอทเอ บาย " ยกมือขึ้นบอกลามัน หันหลังจะก้าวขาออกไป
“ เดี๋ยว " มันพูดออกมาพร้อมกันสองคนเลยครับ ผมเห็นมันเริ่มปล่อยเสื้อของกันและกันเลยยอมเดินเข้าไปใกล้
“ ผมไม่ได้ซีเรื่องนั้นแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะโอเค กับพี่เหมือนเดิมนะ พี่เทม "
“ กูขอโทษ "
“ มึงพูดแบบนั้นได้ไงว่ะ สัด คนเค้าไม่ยินยอม มึงยังจะ.. ไอ้สัด! มึงนี่มัน " รู้ครับว่าแค่คิดถึงมันก็คงโกรธแล้ว ผมจับไหล่มันไว้แน่นทั้งๆที่ว่าเอาจริงก็คงไม่ได้ช่วยอะไร ถ้ามันจะทำอะไรพี่เทมขึ้นมา กูตัวเท่านี้คงไปสู้แรงควายๆของมันไม่ได้อย่างดีก็ปลิวไปตามลม
“ ฮิม " ผมเรียกสติมันไว้ครับ " มึงเข้าไปรอกูตรงหน้าฟอร์นก่อน "
“ ไม่ "
“ ไอ้เหี้ยฮิม..มึงไปก่อน กูจะคุยกับพี่เทมเอง " ใช่ครับ ผมคิดว่าเรื่องนี้ควรจบ แล้วถ้ายังมีมันที่อารมณ์ร้อนแบบนี้ มันคงไม่จบแน่ครับ กลัวมันซัดพี่เทมต่อหน้าผม แล้วผมจะรู้สึกแย่กับมันไปอีกคน
“ ไม่..”
“ สิบนาที "
“ ถ้าเกินกว่านั้นมึงเจ็บแน่ " มันชี้หน้าคาดโทษผมแล้วเดินเข้าไปด้านใน ส่วนต้อนรับของหอพักผมมันเป็นกระจกที่มันสามารถมองเห็นได้แต่ไม่ได้ยินเสียงหรอกครับ ถ้าเราคุยกันไม่ดังมาก
“ ที่ผมจะพูดกับพี่คือ ผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องนั้นแล้ว และไม่อยากรู้ด้วยว่าทำไมพี่ถึงทำ แต่ถามว่าตอนนี้ผมอยากคุยกับพี่แบบเมื่อก่อนมั๊ย คงยัง ตอนนี้อย่ามายุ่งกับผมเลยว่ะ โอเคนะ " ผมบอกแค่นั้นก่อนจะก้าวถอยหลัง เหมือนใช้เวลาไม่คุ้ม แต่ผมว่าแค่นั้นก็พอแล้ว
“ มึงกับมันถึงไหนกันแล้วว่ะ "
“ อะไรถึงไหนว่ะ " ผมหันไปถามเพื่อให้มันขยายความ
“ อย่าทำโง่ กูรู้มึงรู้ " ครับผมรู้ แค่ไม่คิดว่ามันจะถาม คนสมัยนี้คบกับ เรื่องหว่างขามาก่อนหัวใจอีก อยากถามจริงๆว่าถ้ากูเสร็จไอ้ฮิมแล้วมึงยังอยากจะได้กูเหมือนตอนนี้รึเปล่าว่ะ หึ..เหี้ยเอ้ย
“ เรื่องส่วนตัวของผมครับ "
“ กูชอบมึง มึงคงรู้ " ผมเกลียดสายตาประเภทนี้ครับ สายตาเว้าวอนและขอร้อง ความรู้สึกที่เหมือนผมโดนต่อยจนพูดอะไรออกไปไม่ได้
สายตาของมันบอกผมทุกอย่าง มันต้องการผมต้องการมาก เหมือนว่ามันอยากให้ผมพูดออกมา ในคำที่มันต้องการ คำที่จะบอกว่า ผมเองก็มีใจ เพราะสายตาของคนเรามันไม่โกหก ผมเชื่อแบบนั้นเสมอ ผิดแค่ที่ว่า ผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับมัน " ที่กูทำเพราะอะไร มึงก็คงจะรู้ กูทนไม่ได้หรอกว่ะ ที่จะเห็นมึงมีใจให้คนอื่นมากกว่ากู ทั้งๆที่กูควรจะได้มึงมากกว่ามัน "
“ อะไรที่พี่บอกว่ามีมากกว่ามันว่ะ อะไรที่บอกพี่ว่าพี่ควรได้ผมไปเหรอ " เหี้ยอายปากมึงบ้างมั๊ยที่พูดออก ได้กู อยากได้กู อยากได้ไข่กูรึไง มีอะไรให้มึงอยากได้กันนักว่ะ
“ รถ เงิน ชื่อเสียง กูมีทุกอย่าง แต่มันไม่มี "
“ หึ..” ผมแค่ยกยิ้มครับ
“ ทั้งๆที่กู ก็ใส่ใจมึงไม่ต่างจากมัน แต่มึงกลับมองเห็นแค่มัน มึงไม่เคยเห็นกู "
“ ผมมองเห็น คนที่มองเห็นผมครับ " คนที่มองเห็นตัวตนของผม ไม่ใช่คำบอกเล่า ไม่ใช่สิ่งที่รู้จากปากคนอื่น คนที่มองเห็นผม ในสิ่งที่ผมเป็น คนโง่ๆคนนึงที่ชอบกินชาเขียวแต่ไม่กล้าซื้อ คนที่เกลียดการเผขิญหน้ากับคนเยอะๆ คนที่ไม่ชอบเริ่มอะไรเป็นครั้งแรก คนที่ชอบใช้ชีวิตเดิมๆ เรื่อยเปื่อยไปวันๆ คนที่ชอบให้คนใส่ใจและดูแล คนแบบผมที่ใครอีกคนรู้จักและเห็นมันดี
“ กูก็มองเห็นมึง "
“ พี่ถามจากปากใครว่ะ ว่าผมชอบกินชาเขียว คงไม่ได้รู้เองใช่เปล่าว่ะ " มันคงเห็นรอยยิ้มของผมครับ ขาของผมบังคับให้เดินเข้าไปใกล้มันเรื่อยๆ " ผมไม่ได้รักมัน ก็เหมือนกับที่ผมจะบอกพี่ว่าผมไม่ได้รักพี่ และไม่ได้ชอบพี่ในแบบนั้น แบบที่ทั้งพี่และมันต้องการ แต่ผมสบายใจและมีความสุขที่ได้อยู่กับมัน มากกว่าที่ได้อยู่กับพี่ มีความสุขที่มีมันอยู่ใกล้ๆ เท่านั้นละที่ตอนนี้ ผมจะบอกได้ "
“ สักวันมึงต้องเปลี่ยนคำพูดนั้น.. ” มันพูดแค่นั้นแล้วปิดประตูรถเสียงดังไม่ให้ผมพูดอะไรต่อเลยครับ สังเกตสายตาที่มันจ้องผมกับไอ้ฮิมผ่านตัวผม ก็รู้เลยว่า มันคงไม่จบเท่านี้หรอกครับ
ความวุ่นวายที่ผมเกลียด กำลังเข้ามาชนตัวผม ชนิดที่ถอยห่างออกไปไม่ได้.. ได้โปรดเถอะ ประตูสีม่วง มึงช่วยออกไปเดินห่างๆกูหน่อยจะได้มั๊ย
..........................................................
หน้าบึ้งๆของมัน ทำผมอยากจะหันไปซัดสักหมัดจริงๆครับ ไอ้ฮิมทำหน้าเหมือนขี้ไม่ค่อยจะออกหงุดหงิดอยู่บนเตียงของผม รอเวลานัดไปนั่งก๊งกันที่ผับเดิมของพี่เต๋อ เป็นการเมาที่ไม่ทันตั้งตัวจริงๆครับ ได้ข่าวว่าพี่บิน ได้เงินจากพนันบอลมาเยอะครับ มันเลยจะเลี้ยงอวดรวยสักหน่อย ก็ไปตามคำชวนละครับ มีไอ้ฮิมอยู่ผมไม่กลัวหรอก มันพาไปเดี๋ยวมันก็ต้องพากลับ
“ มึงเป็นเหี้ยอะไรเนี้ย เจ็บขี้รึไง ขี้ได้นะ กูไม่ถือ "
“ กูไม่ตลก " ได้ข่าวกูก็ไม่ได้พูดให้มึงขำนี่ครับ หอก
“ แล้วมึงเป็นเหี้ยอะไรว่ะ "
“ กูเปล่า "
“ ตอแหล อย่ามา " ผมปิดคอมหลังทำการบ้านเสร็จก็เดินมานั่งข้างๆมันครับ แกะคิคแค็ทชาเขียวดอกซากุระขึ้นกิน สองสามกล่องมันก็ยังไม่พูดอะไร จนผมต้องหันไปสนใจทีวีครับ กูจะช่างหัวมึงแล้วนะ
“ มึงไม่บอกกูว่ามึงพูดอะไรกับมัน " ผมเลิกคิ้วมองคนถามจริงๆมันเป็นคำถามที่มันถามผมทันทีที่ผมเดินเข้ามาหาเลยครับ เพราะมีประโยคที่มันต้องดีใจแน่ๆ เลยไม่อยากพูดครับ กลัวมันทำหน้าประหลาดยิ้มๆให้ผมอีก เขินครับ เดี๋ยวแก้มแดง
“ คือกูบอกคุณมึงแล้วใช่มั๊ยครับ ว่ากูลืมไปแล้วนะ เชี้ยย "
“ อย่ามาตอแหลกู หยุ่น "
“ กูไม่ใช่คนตอแหล "
“ มึงมันตอแหล " มันผลักหัวผมแล้วหยิบขนมให้มืิอผมมากิน " อร่อย "
“ ของพี่เทม "
“ หึ ให้แต่ของดีมึงนะ " พูดแบบไม่เหล่ผมเลยครับ จะบอกแบบนั้นมันก็ใช่อยู่นะ ไม่เคยได้แดกของไทยอะ ชาเชียวนี่ ของนอกตลอด " มันรวยมาก มึงรู้มั๊ย "
“ แล้วไง "
“ พ่อมันเป็นท่านทูตประจำประเทศอังกฤษมั้ง แม่มันก็คุณหญิง เห็นมันมีพี่ชายแล้วก็น้องสาวอีกสองคน "
“ อ๋อเหรอ " เอาจริงๆคือผมไม่รู้ครับ ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายขนาดนั้น อีกอย่างเรื่องส่วนตัวคนอื่น ผมไม่ค่อยยุ่ง " แล้วไง "
“ กวนตีนกูนะ มึงไม่ชอบรึไง คนรวย "
“ กูก็รวยนะ " ผมบอกมันยิ้มๆครับ " กูอะเศรษฐีภูเก็ตนะเว้ย มีที่ดินเป็นพันไร่ สวนยางพารา มึงรู้จักมั๊ย มีคนงานเป็นร้อยคน ส่งยางขายวันนึงได้เป็นล้าน " มันมองหน้าผมอึ้งๆครับ โชว์เอามือถือขึ้นมากดซะเลย รุ่นใหม่ล่าสุดนะครับ มึงเห็นมั๊ยละ ออร่าความรวยจากตัวกูนะ แปร่งประกายซะ
“ กูได้ข่าวพ่อมึงเป็นวิศวะ แม่มึงขายเค้ก มึงอย่ามา เดี๋ยวกูตบ "
“ ฮ่าๆ แล้วไงว่ะ รวยแล้วทำไมว่ะ มันขี้ไม่ได้เหรอสัด กูบอกไว้ เพื่อนกูที่มหาลัย รวยกว่ามันอีก อาเนีย เหมือนฟ้า ไอ้โรบอท ไอ้ไฟ กูไม่เห็นว่ามันจะอวด พวกมันก็เหมือนกู เราเหมือนกัน กูสบายใจที่จะคบกูก็คบ ต่อให้มึงไม่มีเงินกูก็คบ อยู่บ้านสัพปะรังเคกูก็จะไปหา หรือต่อให้ขายพวงมาลัยข้างถนนกูก็จะอยู่กับมึงแบบนี้ ถ้ากูสบายใจ "
“ กอดหน่อยได้ป่ะ "
“ ห๊ะ..” มือมันดึงผมเข้าไปกอดแล้วครับ ได้ข่าวว่ากูยังไม่ได้ตกลง มือสองข้างของมันโอบมาที่เอว ผมชอบให้มันกอดเอวครับอุ่นในใจยังไงบอกไม่ถูก ลมหายใจของมันสูดที่หลังคอ ยิ้มนิดๆเพราะรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก อยากให้มันอยู่แบบนี้นานๆ 'กอดไว้แบบนี้ถึงทุ่มนึงได้มั๊ยว่ะ' ผมอยากบอกมันแบบนี้นะ เพราะถ้าออกจากกันแล้ว ไม่รู้จะทำหน้าแบบไหนดี ถ้ามันถามว่าเขินเหรอ กูคงได้แช่งแม่มันอีก
“ ถ้ากูขอมึงเป็นแฟน ตอนนี้มึงจะตอบรับกูมั๊ย "
“ กูไม่รับ "
“ หึ งั้นเป็นกิ๊กกับกู "
“ กูไม่กิ๊ก "
“ มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน " มันลูบหัวผมครับ ชอบมากจนตัวเองต้องจิกนิ้วกับผ้าห่ม อยากจะกระโจนกอดมันบ้างแต่อายครับ ไม่เคยทำ ไอ้ฮิมมันมีกลิ่นตัวแบบอุ่นๆครับ สบายใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้ มันเป็นผู้ชายคนเดียวในตอนนี้ที่ผมรู้สึก กอดแล้ว สบายใจครับ เพราะผมไม่ได้กอดกับป๋านานแล้วด้วยมั้ง
“ กูกอดมึงกลับนะ " ได้ยินเสียงหัวเราะของมันก็เลยกอดมันไว้แน่นเลยครับ คราวนี้ละ กูจะไม่ปล่อยเลย ดันตัวเองเข้าอ้อมกอดของมันมากขึ้น สูดกลิ่นมันไปหลายทีติดตอนที่ซบลงซอกคอมัน " ฮิม "
“ อะไรว่ะ "
“ อยู่แบบนี้ได้มั๊ยว่ะมึง แบบนี้ละ "
“ แบบไหนของมึง "
“ แบบที่ทำอยู่ เราอยู่ด้วยกันไปแบบนี้ไปเรื่อยๆนะ กูสบายใจ " อ้อมกอดที่รัดแน่นขึ้นจากไอ้ฮิมมันเอนตัวลงนอนบนเตียงของผม อ้อมกอดขอมัน กอดผมไว้แน่น เป็นคำตกลงจากมันครับ
.......................TBC..............................
บางที ความรู้สึกที่เรา อยากมีใครสักคนอยู่ใกล้ๆ
มันดีมากกว่า การที่เราบอกใครๆว่า เรารักกันอีกนะ.. เพราะคนที่เราอยากให้อยู่ใกล้ๆ
มันจะเป็นอะไรที่เราจะขาดกันไม่ได้

#ฟิน ไป สาม โลก
อ่านแล้วฝากแท็ก #BTS #สถานีรัก

ด้วยนะค่ะ ตัวเอง ขอบคุณมากค่ะที่เข้ามาอ่านกัน เด้อ