ตอนที่ 20.2อีกสิบนาทีจะสองทุ่มแล้ว หลายชั่วโมงที่ผมนั่งอยู่ตรงนี้ และนั่งแบบที่ไม่รู้ว่าจะไปไหน ไม่มีใครที่ผมรู้จักอยู่ที่นี่ใกล้ๆตัวผมอีกแล้ว ทุกคนคงกำลังกลับบ้าน เป็นเวลาเลิกเรียน เลยเห็นเด็กนักเรียนเดินไปเดินมา เต็มไปหมด ผมก้มหน้าลงต่ำ มองเท้าตัวเองก็รู้สึกตื่นเต้นมันขึ้นมา
เกิดอะไรขึ้นกับตัวผม เกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกดิ้นพล่านในอกขนาดนั้น ความรู้สึกที่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในเกมส์ เกมส์อย่างนึงที่มีคนบังคับมันอยู่ ไม่ต้องเดาว่าใคร เพราะเต็มใจจะทำกฏของเกมส์นั้น .. เพราะถ้าอยากเล่นเกมส์ก็ต้องกล้าจะกดสตาร์ท ช้าไปไม่มีอะไรดีขึ้น เป็นการทรมาณเปล่าๆ เวลาผ่านไปเช่นเดิม ที่เพิ่มเติมคือความทรมาณ ความทรมาณในใจที่บีบรัดจนสุดท้าย มันกลายตัวเป็นเชือกที่รัดให้ทุกคนเจ็บจนคลายไม่ออก
ถ้าวันนี้มีคนบอกว่า ผมโง่ ก็ยอมโง่ .. ดีกว่าต้องปล่อยให้เวลามันผ่านไป แล้วคนที่เจ็บที่สุดจะเป็นเบลล์ ที่เจ็บมากขึ้นไปเรื่อยๆ
“ ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ ไม่ร้อนรึไง ในห้างแอร์เย็นๆก็มี " เบลล์ครับ ย่อตัวลงมาตรงหน้าผม รอยยิ้มที่ทำให้ผมอยากจะร้องไห้ ดวงตาที่ดูเศร้าๆขอบตาคล้ำเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่าเรื่องอะไร มันคงเตรียมใจมาแล้ว และน่าจะหลายวันแล้ว
“ ร้อนแต่กูรอมึง "
“ วันนี้กูสำคัญนะสิ "
“ เบลล์ " อยากจะเข้าเรื่องครับ พูดให้มันจบๆ ไป
“ กูหิวข้าวว่ะ อยากได้เสื้อผ้าด้วย กูอยากซื้อเครื่องสำอาง " มันพูดออกมาเรื่อยๆ แต่กลับกำมือผมไว้แน่น เดินเข้าห้าง วนอยู่ในชั้นอาหารแต่ก็ไม่มีอะไรถูกใจ
“ มึงอยากกินอะไร วนอยู่เป็นสิบรอบแล้วนะเว้ย เมื่อยขา "
“ กู.. “ เหมือนมันกำลังคิดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ อยากกินหมดทุกอย่างเลยรึไงว่ะ ฮ่าๆ "
“ เออ มันน่ากินไปหมด " มันพูดเสียงเบา แต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่ของบางอย่างตรงหน้า เหมือนมันเห็นใครสักคนจากเงาสะท้อน แต่ก่อนที่ผมจะเห็นมันก็ผลักหน้าให้หันกลับมาหามัน " ไปกินที่เซ็นทวัลเวิลล์ดีกว่า "
“ อ้าวอะไรว่ะ นี่ที่ก็มีให้แดก มึงจะแดกอะไร "
“ ก็กูไม่อยากแดกที่นี่แล้ว มึงตามใจกูบ้างได้มั๊ยว่ะ! " เสียงมันดังขึ้นจนผมได้แต่พยักหน้า คนตรงหน้าผมไม่เคยเป็นแบบนี้ มันเป็นความรู้สึกที่ผมบอกไม่ถูก เบลล์ไม่เคยตะคอก มันจะพูดอ้อนผมมากกว่าถ้าต้องการอะไรจากผมจริงๆ
“ ก็ได้ " เป็นคำตอบสั้นๆที่มันแค่ถอนหายใจ " แล้วมึงอยากกินอะไร "
“ กู คือกู อยากจะกิน ... “ มันถอนหายใจก่อนจะคว้ามือผมไว้ " อย่าถามอะไรกูเลยว่ะ กูบอกให้ไปมึงก็ไปเถอะ กูแค่ไม่อยากจะอยู่ตรงนี้ ทั้งๆที่กูเองเป็นคนทำทุกอย่าง แต่ก็เป็นกูเองที่เจ็บเอง .. วันนี้ตามใจกูหน่อยเถอะ "
ทางเดินที่ค่อนข้างยาว คนที่เริ่มเยอะ ผมไม่รู้อะไรที่ผมกำลังคิด ประโยคอะไรที่ผมจะพูด หรือแม้แต่การกระทำใด ที่จะทำให้คนข้างๆเจ็บปวดน้อยที่สุด คนเรามักมีความเห็นแก่ตัวด้วยกันทั้งนั้น ผมคิดแบบนั้นมาตลอด แต่มันติดอยู่แค่ว่า เราจะเห็นแก่ตัวมากหรือน้อยก็เท่านั้น ทั้งๆที่สมองกำลังคิดหาประโยคที่พูดแล้วคนข้างๆผมจะยิ้มให้ผมเหมือนเมื่อวันก่อน แต่หัวใจก็รู้ดีว่า เพราะมันเป็นคำว่าเลิกรา ต่อให้ คำสวยหรูแค่ไหน มันก็เจ็บอยู่ดี
“ จับมือกัน " เป็นคำสั้นๆที่ผมคว้าเอามือมันกอดเอาไว้แน่น " กูมีอะไรจะบอก "
“ รีบว่ะ.. กูบอกก่อน..” มันพูดขัดก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ผ่อนลมเบาๆนั้นผ่อนออกมา " หยุ่น ตลอดเวลาตั้งแต่เด็กจนโต.. กูรักมึงนะ กูรักมึงเหมือนมึงเป็นคนในครอบครัว เป็นแบบเฮียบาร์ เป็นเจ๊เบย์ เลยก็ว่าได้ มึงเป็นส่วนนึงในชีวิตกู เป็นสิ่งที่กูขาดไม่ได้ รู้ไว้นะ มึงยังสำคัญกับกูเสมอ อย่าเครียด อย่ากังวล ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะกูสั่งให้มันเกิดขึ้นเอง " มือของมันจับแก้มของผมไว้ ลูบเบาๆแล้วก็ยิ้ม
“ พูดเหี้ยอะไรว่ะ " ผมก้มหน้าทำเป็นหัวเราะประโยคนั้นที่มันพูด เราต่างคนต่างรู้ดีแม้ไม่ต้องพูดอะไรครับ
“ กูไม่ได้หิวหรอก แต่ทางมันไกลดี กูเลยอยากจะเดินจับมือกับมึงไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่ ความจริง มันก็น่าจะไกลกว่านี้ ทำไมมันสั้นจังว่ะ อีกสามก้าวก็เข้าเซ็นเวิลล์ละ "
“ ทำไมเราถึงรักกันว่ะ "
“ เพราะความเคยชินมั้ง มึงมีกู กูมีมึง ใกล้กันจนเรา รู้สึกว่าขาดกันและกันไม่ได้ เพราะเราไม่เคยหึง เราไม่เคยหวง กูถึงเข้าใจว่า ความรักระหว่างกูกับมึง ก็คงเป็นแค่นั้น เป็นแค่หนึ่งคนในครอบครัว "
“ กูรักมึงนะ อย่าคิดว่ากูไม่รักมึง กูรักมึงเสมอนะ เบลล์ "
“ กูรู้ " มันหันมาจ้องหน้าผม เราหยุดเดินแล้วพิงตัวเองเข้ากับระเบียงของทางเดินยาว มองทอดออกไปสุดสายตากับรถหลากหลายคันที่จอดติดอยู่บนท้องถนน " หยุ่น..มึงคิดดีแล้วเหรอ ว่าจะเป็นแบบนั้น ทั้งๆที่กูวางแผนเองกูยัง งงเองว่านี่ดีแล้วเหรอ "
“ วางแผน แผนไรว่ะ "
“ มึงว่าพี่ฮิมจะกล้าควงคนอื่นมาเย้ยมึงเหรอว่ะ ทั้งที่ๆรู้ว่ามึงขี้หึง คนที่มึงรู้จัก คนที่เค้ากำลังทำคะแนน เค้าจะกล้าทำแบบนั้นกับมึงเหรอว่ะ "
“ ไอ้เบลล์ .. " ผมหันไปมองหน้ามัน แต่กลับแค่ยิ้ม
“ กูไม่กล้ามาหรอกถ้าให้กูมาเอง กูเลยบอกพี่ฮิม เราก็วางแฟนกัน ใครจะกล้ามารับความเจ็บปวดกันว่ะ มึงกล้าเหรอ ถ้ามึงกำลังจะโดนยิง มึงจะเดินเข้าไปหาปลายกระบอกปืนนั่นเหรอว่ะ "
“ มึงเลยให้กูหมดความอดทนแล้วให้กูโทรไปหาเอง "
“ ก็ปรึกษาพี่ฮิมนิดนึง " มันยิ้มแห้งๆส่งมาให้ผม โล่งใจแต่ไม่เคลียร์ครับ ยังไง หึงก็คือหึง อายก็คืออาย ไม่ว่าด้วยเหตุอะไรทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว แต่นั่น เป็นเรื่องของผมกับมันหลังจากนี้ครับ " ถามจริงๆ มึงจะเป็นจริงๆใช่มั๊ย "
“ ไม่รู้ว่ะ กูตอบเรื่องของอนาคตไม่ได้ ถ้าวันนึงที่กูหรือมันเปลี่ยนไป ก็ค่อยว่ากันอีกที กูรู้แค่ว่าตอนนี้ มันคงจะดีกว่านี้ ถ้ากูได้ทำอะไรที่มันถูกต้อง และถูกใจกูจริงๆ .. “
“ ไม่รู้นะ ก็ดีที่มึงมาบอกกูก่อน ดีที่มึงยังห้ามใจไม่เอากันก่อนแล้วมาบอกกู แค่นี้กูก็โอเคแล้ว เพราะงั้นเรื่องของมึงต่อจากนี้กูไม่เกี่ยวหรอก ถ้ามึงคิดว่าใช่ เค้าก็คงใช่ "
“ ใช่มั๊ย กูก็ไม่รู้หรอก กูรู้แค่กูหงุดหงิดว่ะเบลล์ ทุกครั้งที่กูมองเห็นมัน สายตาของมันจะมองมาที่กู สนใจแค่กู แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ เพราะกูทำอะไรไม่ชัดเจน กูเลยต้องมาหงุดหงิดขนาดนี้ กูไม่ชอบเวลาที่เห็นคนสวยๆอยู่ใกล้มัน ไม่ชอบที่มันไปใกล้คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นมึง หรือใครทั้งนั้น "
“ มึงก็หวงของไม่เปลี่ยน จุดอ่อน.. ทุกอย่างมันเลยง่ายถ้าใครจะแกล้งมึง รวมทั้งกูด้วย" เสียงหัวเราะใสๆบอกผมแค่นั้น มันเอื้อมมือมาจับมือของผม เป็นสัมผัสที่บางเบาเหลือเกินครับ " หยุ่น.. กูพร้อมแล้ว "
“ อะไรว่ะ "
“ ที่มึงเตรียมจะพูด กูพร้อมแล้ว " มันหันมาจ้องหน้าผม ทั้งที่ตอนนี้หัวใจของผมกลับว่างเปล่า มันล่องลอยและเจ็บจุกอยู่กลางอกจนพูดไม่ออก ไม่ต้องคิดถึงเบลล์ว่าจะเป็นยังไง เพราะมันก็คงไม่ต่างจากผม
“ เบลล์..” ผมเรียกมันเสียงเบาพร้อมกับมันที่กำลังหลับตาลงช้าๆ ผมก้มหน้าจนคางแทบจะชิดกลับคอ ทั้งๆที่มันมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ทั้งๆที่เป็นคำที่อยากจะพูดใจจะขาด แต่ตอนนี้ผมกลับพูดมันออกไปไม่ได้ ทั้งๆที่เราแค่เปลี่ยนความสัมพันธ์จากแฟนที่เราคิดว่ามันไม่ใช่ไปเป็นเพื่อน อย่างที่มันควรเป็น แค่นี้ก็เท่านั้น
แต่บางทีเพราะคนบางคนที่ไม่ผิดอะไร ก็ทำให้คำบางคำสำหรับ มันพูดลำบาก ทั้งๆที่เป็นคำที่เตรียมพร้อมมาแล้ว ผมเตรียมมาพูดเบลล์ก็เตรียมตัวมาฟัง
“ เรา..” ในวินาทีที่ผมกำลังจะเอ่ยออกไป ฝ่ามือหนาของใครบางคนคว้าเอามือผมมาจับไว้ มันบีบแน่นจนผมที่ขอบตาแดงต้องหันไปดู มันเป็นใครสักคนที่ผมอยากจะเห็น ไอ้ฮิมมายืนอยู่ตรงนี้แล้ว คนที่ผมอยากจะรักในตอนนี้ยืนอยู่ตรงนี้ แต่น่าแปลก ที่มันก็ไม่ได้แตกต่างอะไร หัวใจของผมอาจมีพลังมากขึ้น แต่มันก็ยังคงสงสารใครบางคนตรงหน้าไม่ได้ คนที่ต้องไปทั้งๆที่ก็ไม่ได้ทำอะไรผิด.. ผิดทุกอย่างมันอยู่ที่ผม อยู่ที่ไอ้ฮิมกันทั้งนั้น ผมผิดที่ใจอ่อน ส่วนมันก็ผิดที่เข้ามายุ่งกับผม เข้ามาสนใจคนแบบผม
บางที ความรักที่น่าทรมาณที่สุด ก็คงเป็นความสงสาร ความรักที่เราไม่หลงเหลืออยู่แล้ว แต่เก็บไว้ไม่พูดเพราะแค่สงสาร ทั้งๆที่แบบนั้น กลับทำให้คนที่เรารัก เจ็บปวดมากกว่ารับรู้ความจริงก็ตาม เพราะงั้นตอนนี้ผมจะไม่ให้เบลล์เป็นคนที่น่าสงสารแบบนั้น ไม่อยากให้มันต้องทรมาณอีกแล้ว จะพูดตอนนี้หรือตอนไหนๆ คำว่า เลิกกัน ก็เจ็บเท่ากันอยู่ดี
“ เราเลิกกันเถอะมึง ..เป็นเพื่อนกันนะเบลล์ "
ไม่รู้ว่าเบลล์จะรู้สึกยังไงตอนที่เงยหน้าขึ้นมาแล้วเจอผมกับมัน แต่แปลกมันไม่มีความรู้สึกตกใจอะไรทั้งนั้น แต่มีเพียงแค่รอยยิ้ม ยิ้มที่ผมคิดว่ามันเป็นคนเดียวที่มันจะทำให้ผมยิ้มตามได้เสมอ ทุกอย่างถูกจัดฉากขึ้น โดยมีสาวตรงหน้าผม คนที่หวังดีกับผม จัดการให้ผมมีความสุข ตามใจตัวเองอีกครั้ง...
“ กูรักมึงมาก นั่นคือเหตุผลที่ว่า.. ทำไม กูถึงให้มึงไป " มันกลั้นน้ำตาเอาไว้แล้วหันมาพูดกับคนที่ยืนข้างๆผม " พี่ฮิม อย่าทำเบลล์เสียน้ำตาฟรีๆนะค่ะ.. ต้องมีเพื่อนเบลล์คนเดียวนะ ไม่งั้นเบลล์บุกฆ่าถึงมหาลัยแน่ คอยดู! "
“ ครับ " เป็นเสียงตอบรับของมัน ทั้งๆที่เป็นแค่เสียงธรรมดาแต่ผมรู้สึกถึงความหนักแน่นในคำพูดนั้น
“ กอดหน่อย " มันพุ่งเข้ามากอดผมจนต้องผละหลังไปก้าวหนึ่ง ไอ้ฮิมเปล่อยมือจากผมทันที เพื่อให้มือของผมกอดมันได้เต็มอ้อมแขน ได้ยินเสียงมันสูดกลิ่นเข้าจมูกเต็มปอด ซบอยู่แบบนั้น ก่อนจะดึงตัวเองออก รอยยิ้มของมันทำให้ผมยิ้มได้อีกครั้ง
“ เพราะกูยังเป็นเพื่อนมึง ทุกเรื่องที่มึงไม่สบายใจ กูต้องรู้เป็นคนแรก ตกลงนะ "
“ เออ น่าเซ้าซี้ว่ะ "
“ กูไปละ เดี๋ยวกลับไม่ทันรถเที่ยวสุดท้าย " เรายกมือโบกลากัน มองมันที่วิ่งไปไกลเรื่อยๆ จนลับสายตา ผมไม่อยากจะคิดว่ามันจะทำอะไรต่อจากนี้ อาจจะหยุดแอบร้องไห้ออกมาหนักๆ หรือขึ้นรถบีทีเอสกลับไปเพราะสบายใจจริงๆ
แต่ทุกอย่างมักบอกผมเสมอว่า ทุกบาดแผล ระยะเวลามักรักษาให้หายขาดเอง ยาที่ดีกว่าการช่วยดูแลหรือให้ความหวัง จากคนอย่างผม ตัดแล้วอย่าให้ความหวัง นั่นคือ สิ่งที่ดีที่สุด..
“ กลับเถอะ " มันเดินนำผมไปเหมือนทุกครั้ง หันหลังเดินกลับไปที่สถานีสยาม ผมหายใจโล่งอกแม้มันจะยังเจ็บปวด ที่ทำร้ายอีกคนไปเพื่อมัน
ทั้งๆที่ในความเป็นจริง ที่สิ่งที่ผมเลือกมันกลับเป็นอะไรที่ดู ไม่ยืดยาวอะไรเลยสักนิด เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย แม้กระทั้งจับมือจูงกันไปในที่สาธารณะ หรือแม้แต่กระทั้งตอนนี้ที่ผมต้องการคนปลอบใจมากที่สุดก็ตาม
“ มึง..” ผมคว้ามือมันไว้ ก่อนที่มันจะหันกลับมามอง ไม่ต่างอะไรกับทุกคนที่มองเข้ามา มันอาจจะดูประหลาด ไม่เหมาะสม แต่ตอนนี้อย่าคิดว่าใครอื่นสำคัญกว่าตัวเองเลย
“ มีอะไร "
“ จับมือหน่อย " ผมบีบมือมันแน่น อยากจะก้มหน้า ร้องไห้แล้วกอดมันไว้ ให้มันช่วยบอกผมทีว่า สิ่งที่ผมทำมันถูกแล้ว ต่อไปจากนี้มันจะมีผม และผมจะมีมันเรื่อยๆแบบนี้ ผมไม่เคยมีความรักแบบนี้ และมันไม่ง่ายที่ผมจะก้าวผ่านคำว่า กลัวออกไป ทั้งๆที่ในชีวิตก็มีแต่คำนั้นเต็มไปหมด
“ ถ้ากูทำได้ กูอยากจะจับมึงมาจูบด้วยซ้ำ มึงรู้ใช่มั๊ย " มันกระซิบบอกผมแค่นั้น พยักหน้าเป็นอันว่ารู้กัน แต่ก็ขอบคุณที่หลังจากประโยคนี้มึงเองก็ไม่ได้ปล่อยมึงกูไปไหน
เราเดินมาต่อสถานนีที่สยาม เราไปทางเดียวกัน ยืนรอด้วยกัน จับมือกันแต่ไม่พูดอะไรต่อกันสักคำ เป็นความเงียบที่เราบอกทุกอย่างผ่านฝ่ามือที่มันกำผมไว้แน่น บีบรัดแรงๆเป็นจังหวะพร้อมมือที่ชื้นเหงื่อเพราะตื่นเต้น การแสดงที่ทำให้ผมรู้ว่ามันก็ดีใจแค่ไหน
รถบีทีเอสเทียบสถานี เป็นขบวนเกือบสุดท้ายของวันนี้ทุกอย่างจอดนิ่งทุกคนก็พร้อมจะกระโจนเข้าไปและออกกันมาอย่างรวดเร็ว ความวุ่นวายที่ทำให้เราต้องละมือออกจากกันเพราะแรงเบียด
“ กูลืมบอกอะไรมึงไปว่ะ " มันจับแขนผมไว้เพราะดูเหมือนจะมีคนดันให้ผมเข้าไปด้านในขบวน แต่มันก็ไม่ทันครับ ผมโดนคลื่นมนุษย์สูบเข้าไปแล้วเรียบร้อย ตู้โบกี้ที่เต็มมันไม่แม้จะดันตัวเองเข้ามาตามผม ยามเป่านกหวีด รถกำลังจะปิดประตูแล้ว
“ ไอ้..”
“ ไอ้หยุ่น กูรักมึง ”
เสียงดังและฟังชัด ชัดที่สุดตั้งแต่เคยฟังใครพูดมา ทั้งโบกี้หันซ้ายดูขวาว่าใคร ณ ที่นั่นจะชื่อหยุ่น.. แต่ เพราะไม่มีใครรู้ จึงทำให้ ทั้งขบวนอมยิ้มให้กับเรื่องราวของผม ในคืนนั้น คืนที่ประตูบีทีเอสปิดลงแต่กลับไม่มีใครคนนั้นขึ้นมาพร้อมกับผม แต่แบบนั้นก็ดีครับ.. ผมคงไม่รู้จะทำหน้ายังไง ถ้าเราต้องยืนใกล้กันในขบวนที่คนทั้งหมดจะพร้อมใจเบียดให้เราใกล้กันมากกว่าครั้งไหนๆ แล้วเสียงหัวใจของผมก็คงจะเต้นรัวมากกว่าเดิม
สถานีต่อไป ชิดลม ... ชิดลม
คนเข้าขบวนโดยสารมากกว่าจะออกจากขบวน แต่ผมก็เป็นคนนึงคนนั้นที่คิดว่าต้องลง สถานีถัดไปจากสยาม ได้ยินเสียงคนวิ่ง วิ่งเหมือนจะให้ทันขบวนรถที่กำลังจะออกไป แต่เค้ากลับมาช้า ช้ากว่าที่จะไปทันมัน เขาก้มหน้า จับเข่าตัวเองเพราะความเหนื่อยจนแทบจะขาดใจ ใครบางคนที่ผมคุ้นตาอีกแล้ว คนที่ทำให้ผมยิ้มได้
“ ไม่ทันเหรอว่ะ "
“ มึง..แฮ่กๆ กู " มันหายใจหอบแฮ่กๆเหมือนคนไม่มีแรง ตอนนี้ไม่มีใครอยู่บนบีทีเอสฝั่งเราอีกแล้วครับ ฝั่งตรงข้ามก็เช่นกัน คนน้อยเหลือเกินอีกสักครู่จะเป็นขบวนสุดท้ายของวันแล้ว " กูคิดว่ามึงจะไม่ลง เลยวิ่งตามมา คิดว่าทัน แต่ไม่ ..เหนื่อย " ยังคงหอบ หอบอย่างต่อเนื่อง
“ กูไม่คิดจะลงหรอก แต่กูลืมของไว้ว่ะ " คำถามที่ผมเดินเข้าไปใกล้มัน เราจ้องหน้ากันสักพัก จนสุดท้ายก็เป็นผมเอง ที่ต้องหลุดยิ้มออกมาให้มัน กับแววตานั้นที่ทั้งหมดมองเพียงแค่ผม ทุกอย่างมันกำลังจะมีเพียงแค่ผม
“ ลืมของ ? ลืมเชี้ยไรว่ะ "
“ ก็มึงไง "
ผมรั้งคอมันเข้ามาจูบ ไม่มีแล้วสำหรับคำว่า อาย ไม่กล้า หรือว่าใครสักคนที่ค้ำคอผมอยู่ ตอนนี้มันจบแล้ว รับรู้เพียงแค่ว่าลิ้นชื้นของมันคลอเคลียและกอดรัดอยู่ในปากผม เราดูดดึงกันจนผมได้ยินเสียงน้ำลายที่หล่อลื่นความรู้สึกในโพรงปาก รู้เพียงแค่ว่า ผมอยากจะเก็บทุกความรู้สึก ณ ตอนนี้ ที่ผมจะโดนมันกอดไว้เต็มอ้อมแขน
สาบานได้เลยว่าคืนนั้นกว่ารถขบวนสุดท้ายจะมา .. ณ สถานีชิดลม สถานีที่ผมคงไม่ได้กล้ามา อีกนานเลยละครับ
“””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
ตอนที่แล้ว... อ่านคอมเม้นท์จากทวิตและในเล้าก็เกิดความคิดที่ว่า " พี่ฮิมนี่ พระเอกเปล่าว่ะ ทำไมมีแต่คนว่า "
โอ๋ๆ มาๆหนมกอดฮิมเองนะ

ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พอเข้าใจคำว่า สถานีรัก ถัด ไป ขึ้นมาบ้างมั๊ย ? ใครจะเข้าใจบ้าง จะพยายามให้สนุกกว่านี้จ้าาา

ใครมีทวิตเตอร์ แต่ไม่มียูสในเล้า เม้นท์ผ่านทวิตเตอร์ได้นะค่ะ แค่เท็ก #BTS #สถานีรัก เอ๊งงงงงง ฝากด้วยจ้า
