คาบเรียนที่ 5 : ไม่พอใจ
“.......................”
ตื้ด~~~!!!!
“โหล อ่ะนันท์ ว่าไง มีไรเหรอ ครับๆ เรียบร้อยแล้ว ครับๆ โอเค เดี๋ยวไปเจอกันที่ป้ายรถเมล์ละกันนะ ครับๆ โอเคๆ บายนะ”
ตื้ด~~~!!!
ผมวางสายมือถือ พร้อมกับเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้า ก่อนที่จะเดินลงไปข้างล่าง
“เฮ้ย แบกกระเป๋าใบเบ้อเริ่ม จะไปไหนวะ”
เสียงของไอบาสถามผมในขณะที่มันเดินเกาพุงออกมาจากห้องของมันในสภาพของคนเพิ่งตื่น
“กูจะไปเข้าค่ายอบรม 3 วัน กลับมาวันอาทิตย์ เมิงอยู่คนเดียวก็ดูบ้านดีๆ ละกันนะ”
“อ้าว เฮ้ย แล้วเมิงไม่ไปโรงเรียนเหรอวะ วันนี้วันศุกร์นะเว้ย”
ไอบาสถามผมอีกครั้ง พร้อมกับถอดเสื้อกล้ามออก ก่อนที่จะโยนเข้าไปในห้อง
“ก็ไป แต่ไม่ได้ไปเรียน แค่ไปขึ้นรถบัสที่โรงเรียนเฉยๆ”
“อืม เหรอ อืมๆ แต่เฮ้ย เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆ”
ไอบาสเรียกดักผมอีกครั้ง ทำเอาผมเกือบตกบันไดเลยทีเดียว
“อะไรอีกวะ ว่ามา กูรีบ”
“แล้วเมิงไม่อยู่งี้ แล้วกูจะกินไรละวะ”
ไอบาสถามโวยวาย พลางถอดกางเกงบอกเซอร์โยนเข้าไปในห้องเช่นเดียวกับเสื้อกล้าม ก่อนที่จะเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาพาดบ่า
“เรื่องของเมิงดิ หัดทำกินเองมั่งดิวะ ไม่เมิงก็พาไอน้องแอลอะไรของเมิงมานอนนี่ก็ได้นะเว้ย
แต่เมิงห้ามไปนอนบ้านน้องเขาเด็ดขาด เกรงใจแม่เขามั่ง”
มันทำหน้าเบ้ปากทันทีที่ผมเอ็ดมันไป
“แล้วไม่รอกูหน่อยเหรอวะ จะได้ไปพร้อมกัน”
“ไม่อ่ะ กูรีบ กว่าเมิงจะแต่งตัวเสร็จ อีกอย่างเดี๋ยวนันท์จะรอนาน”
ผมพูดพร้อมกับเดินลงบันไดไป
“เออ ใช่สิวะ ไอนั่นมันสำคัญกว่ากูนี่เนอะ”
ไอบาสพูดค่อนแคะใส่ผม
“ปากนะเมิง อ้อ อีกอย่าง เมิงอ่ะ อย่าทำตัวอนาจารให้มากนัก เดินแก้ผ้าโทงๆ ไม่อายรึไงวะ”
“เอ้า อายไรวะ บ้านก็บ้านเราเอง อีกอย่าง เมิงกะกูก็พี่น้องกัน ฝาแฝดด้วย
มีอะไรก็มีเหมือนๆ กันหมดล่ะวะ เมิงจะอายไรล่ะ”
“อ๊ะ หรือว่า ของเมิงจะใหญ่สู้กูไม่ได้ เลยน้อยใจวะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ดูมัน แทนที่จะฟัง ดันพูดจากวนประสาทกลับ ผมได้แต่ส่ายหน้า
ไม่เถียงกับมันดีกว่า เดี๋ยวไปสาย รองเท้าๆ
“เอ แต่กูว่าของกูก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมายนะ ก็ขนาดมาตรฐาน นี่เมิงยังเล็กกว่ากูอีกเหรอ”
“ไอเชี่ย พอได้แล้วเมิง พูดแต่เรื่องสันดานนะเมิงนี่ เมิงรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเลย เดี๋ยวไปโรงเรียนสายหรอกเมิงนี่”
ผมตะโกนด่ามันพร้อมกับปารองเท้าแตะขึ้นไปชั้นบน ในขณะที่ไอบาสยังคงหัวเราะเสียงดังลั่นบ้าน
ทันทีที่ผมใส่รองเท้าเสร็จเรียบร้อย ผมก็รีบวิ่งออกมาจากบ้านทันที
เฮ้อ คุยกับไอน้องเวรนี่ทีไร มีแต่ปวดหัว
กูก็มีเท่าๆ กับเมิงน่ะล่ะโว้ย~~~!!!
“เป็นไรมาล่ะนั่น หน้ามุ่ยมาเชียว”
นันท์ถามผมด้วยสีหน้าสงสัย ทันทีที่ผมเดินมาถึงป้ายรถเมล์
“ก็ แบบว่า........ช่างมันเหอะ ขี้เกียจพูดถึงมัน”
“ทะเลาะกับบาสมาอ่ะดิ”
“รู้ได้ไง”
“ก็เดาเอา งั้นก็แสดงว่าจริงล่ะสิ อย่าคิดมากเลย ไงๆ ก็พี่น้องกันล่ะน่ะ อย่าเครียดมากนักสิ”
นันท์พูดพร้อมกับยิ้มให้ผม ก่อนที่จะเอามือมาตบไหล่ผมเบาๆ
“ก็มันน่ะสิ...”
“แบงค์ก็ด้วยน่ะล่ะ”
“เอ้า แบงค์ทำไมอ่ะ”
ผมถามกลับไปแบบงงๆ
“แบงค์อาจจะไม่รู้ตัวนะ แต่บางทีแบงค์ก็อาจจะเครียดเกินไปก็ได้นะ ผ่อนคลายมั่งเถอะ
เก็บมันมาใส่ใจหมดไปซะทุกเรื่องมันก็ไม่ดีนะ อะไรเล็กน้อยก็ปล่อยๆ มันไปบ้างก็ได้”
ผมนิ่งเงียบไปครู่นึง พร้อมกับคิดไปตามคำพูดของนันท์
นี่ผมเป็นแบบนั้นเหรอเนี่ย ?
“นันท์ไม่ได้บอกว่า แบงค์ผิดหรอกนะ แต่บางทีนันท์ก็ไม่อยากเห็นแบงค์เครียดเกินไปน่ะ
อยากให้ปล่อยๆ ไปบ้าง หาความสุขให้ตัวเองบ้าง ก็แค่นั้น”
นันท์พูดกับผม ในขณะที่ผมเองยังก้ำๆ กึ่งๆอยู่
“นะ”
นันท์พูด พร้อมกับยิ้มให้ผมอีกครั้ง ทันทีที่ผมเห็นรอยยิ้มนั้นผมเองก็รู้สึกดีขึ้นมาทันทีอย่างบอกไม่ถูก
“อื้ม”
ผมยิ้มตอบกลับ
เอาล่ะ 3 วันหลังจากนี้ขอสนุกให้เต็มที่ละกันนะ
……………………..
พอถึงโรงเรียนเราทั้งสองก็เดินไปจุดที่รถบัสจอดอยู่
“เฮ้ย ไอแบงค์ ทางนี้เว้ย”
ผมหันไปตามเสียงเรียกนั้น ซึ่งก็พบว่าเป็นไอพลนั่นเอง ที่กำลังนั่งอยู่ตรงม้านั่งใต้ต้นหูกวางกับตี๋เอ๋อ
“มาเร็วจริงนะ”
“ก็บ้านกูอยู่แถวนี้พอดีอ่ะ กูก็เลยมาเร็ว”
ไอพลตอบผม ก่อนที่จะทำท่าให้ผมกับนันท์นั่ง
“อ้าว แล้วนี่ล่ะ ทำไมดูซึมๆ จังไม่สบายเหรอ ตี๋เอ๋อ”
ผมหันไปถามตี๋เอ๋อที่ดูซึมๆ ง่วงๆ ตี๋เอ๋อส่ายหน้าปฏิเสธ
“อ๋อ ป่าวหรอก นอนน้อยน่ะ”
ไอพลตอบแทรกขึ้นมาทันที
“กูไม่ได้ถามเมิง รู้ดีเชียวนะ อยู่บ้านหลังเดียวกันเรอะไงวะ”
“ป่าว แต่เมื่อคืนมันนอนบ้านกู กูเลยรู้”
“อ้อเหรอ แล้วทำอีท่าไหนถึงได้อดนอนล่ะนั่นน่ะ”
ผมถามกลับไป แต่ไม่ทันที่จะได้ฟังคำตอบ เสียงของมายด์ก็เรียกดังมาจากข้างหลัง
“หวังว่าคงไม่มาช้าไปนะ รถติดมากเลย รู้งี้นั่ง BTS มาซะก็ดี ไม่น่างกเลย”
มายด์บ่นอิดออด พวกผมหัวเราะเบาๆ
“นี่พวกที่จะไปอบรมเหมือนพวกเราใช่ป่ะ”
มายด์หันมาถามพวกผมเบาๆ ก่อนที่จะหันไปมองยังกลุ่มคนที่นั่งห่างออกไปไม่ไกลมากนัก
“คงงั้นล่ะมั้ง ไม่ได้เข้าไปถามอ่ะ เพราะไม่รู้จัก ก็เลยขี้เกียจเข้าไปถาม”
พลตอบ พร้อมกับหันไปมองตี๋เอ๋อที่ดูจะหลับแหล่ ไม่หลับแหล่ ก่อนที่จะโน้มหัวตี๋เอ๋อลงนอนหนุนบนตักตัวเอง
มายด์เองได้ยินคำตอบแบบนั้นก็พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
“เอ้า มากันครบรึยังน่ะ”
เสียงของอาจารย์นงพร อาจารย์ฝ่ายกิจกรรมถามพวกเรา
“ยังค่ะ ยังขาดสุนทรีอีกคนค่ะ เมื่อกี้โทรมาบอกว่าใกล้ถึงแล้วค่ะ”
นักเรียนหญิงที่นั่งอยู่อีกกลุ่มตอบกลับไป อาจารย์นงพรพยักหน้า
“งั้นถ้ามาแล้วไปตามครูที่ห้องกิจกรรมด้วยนะ พอดีมีเอกสารต้องเช็คน่ะ”
“ค่ะ”
หลังจากที่สมาชิกมาจนครบทุกคนแล้ว อาจารย์นงพรก็ทำการเช็คชื่อเพื่อความถูกต้อง
ก่อนที่จะพูดกล่าวอะไรเล็กน้อยกับพวกเรา ส่วนมากก็เป็นเรื่องการวางตัว และพฤติกรรมเสียเป็นส่วนใหญ่
แล้วจึงปล่อยให้พวกเราขึ้นรถบัสของโรงเรียนเพื่อออกเดินทางไปยังสถานที่จัดอบรม
พวกเรานั่งรถบัสเกือบๆ 2 ชม. ก็มาถึงสถานที่เข้าค่ายอบรม ซึ่งเป็นค่ายทหารที่อยู่ในจังหวัดใกล้เคียง
มีนักเรียนจากโรงเรียนอื่นเยอะพอสมควรแฮะ ที่ผมเห็นตอนนี้ก็น่าจะราวๆ ร้อยคนเห็นจะได้มั้งนะ
พวกเราเดินไปยังจุดลงทะเบียนที่ตั้งอยู่ในเต็นท์ผ้าใบ ติดๆ กับทางเข้าค่ายทหาร
ทันทีที่ลงทะเบียนยืนยันตัวเสร็จ พวกเราก็หาที่นั่งพักกัน
ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ได้ยินเสียงของเจ้าหน้าที่ประกาศเรียกรวมพลผ่านเครื่องโทรโข่ง
โดยให้พวกเรายืนเข้าแถวแยกกันตามโรงเรียนของแต่ละคน
ก่อนที่จะพาเดินเข้าไปยังสถานที่จัดอบรมซึ่งอยู่ลึกเข้าไปข้างในอีกประมาณ 1 กิโล
พวกเราใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่นักก็มาถึงสถานที่จัดอบรมซึ่งเป็นหอประชุมใหญ่ของค่ายทหาร
เจ้าหน้าที่ให้พวกเราวางกระเป๋าไว้ข้างนอกหอประชุม ก่อนที่จะให้พวกเราเข้าไปข้างใน เพื่อทำพิธีเปิดการอบรมอย่างเป็นทางการ
ซึ่งหลังจากจบพิธีเปิดการอบรมแล้ว พวกพี่ๆ เจ้าหน้าที่ก็พาพวกเราไปยังโรงอาหารเพื่อพักกินข้าวเที่ยงกัน
ก่อนที่จะพาพวกเราไปยังโรงนอนที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนักเพื่อเอากระเป๋าไปไว้
และเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองด้วย โดยที่นักเรียนหญิงจะนอนที่โรงนอนที่ 1 ส่วนพวกผู้ชายจะนอนที่โรงนอนที่ 3
ผม นันท์ พล ตี๋เอ๋อ จึงตกลงว่าจะนอนใกล้ๆ กัน เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยๆ กันได้
พวกเราก็เลือกที่นอนที่อยู่มุมห้องของโรงนอน ซึ่งพวกเราก็คิดว่าเป็นทำเลที่ดีเหมือนกัน
(ไอพลว่า ฮวงจุ้ยดี - -*)
หลังจากที่พวกเราเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองเรียบร้อย พวกพี่ๆ เจ้าหน้าที่ก็พาพวกเรากลับไปยังหอประชุม เพื่อเริ่มการอบรมอย่างแท้จริง
พวกเราโดนจับแยกกลุ่มกันรวมกับนักเรียนโรงเรียนอื่น ด้วยเหตุผลที่ว่าเพื่อให้นักเรียนแต่ละคนได้ทำความรู้จักกับนักเรียนที่มาจากต่างโรงเรียนกัน
พวกเราถูกแบ่งออกเป็น 10 กลุ่ม กลุ่มละ 10 คน ซึ่งผมเองก็ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีรึโชคร้าย ที่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับไอพล (เอาวะ ก็ยังดีกว่าอยู่กลุ่มเดียวกับคนที่ไม่รู้จักเลย - -*)
ในขณะที่นันท์อยู่กลุ่มเดียวกับตี๋เอ๋อ ส่วนมายด์ดูค่อนข้างจะโชคร้ายสักหน่อย ที่โดนจับแยกไปอยู่ในกลุ่มที่ไม่มีคนรู้จักเลย
กลุ่มผมตกลงกันมอบหมายให้ ธีร์ นักเรียนจากโรงเรียนแห่งนึงเป็นหัวหน้ากลุ่ม เนื่องจากดูแล้วน่าจะมีความรับผิดชอบสูงที่สุดในกลุ่ม (นัยนึงก็คือ ปัดภาระความรับผิดชอบไปให้คนอื่นสินะ)
กิจกรรมวันแรกก็ไม่ค่อยมีอะไรมากมายนัก ส่วนมากก็เป็นการนั่งฟังวิทยากรมาบรรยายเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับยาเสพติดเสียเป็นส่วนใหญ่
(ซึ่งก็คิดว่าน่าจะเป็นการดีแล้วล่ะ เพราะผมหันไปเห็นตี๋เอ๋อนั่งเข้าเฝ้าพระอินทร์ไปเรียบร้อยแล้ว - -*)
หลังจากจบการบรรยายตลอดช่วงบ่าย พวกเราก็พากันไปยังโรงอาหารเพื่อกินข้าวเย็นกัน
“เมื่อยชิบหาย ให้นั่งฟังบ้าอะไรอยู่ได้ตั้งหลายชั่วโมง”
ไอพลมันบ่นกับผมพลางบิดเอวไปมา
“บ่นเป็นคนแก่ไปได้นะเมิง”
“ไอแบงค์ เมิง ว่ากูแก่เหรอ เดี๋ยวเหอะ อ่ะนั่น ไอนันท์กะตี๋เอ๋อมาพอดี”
ไอพลพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปทางทั้งสองที่กำลังเดินเข้ามาหาพวกผม
“เป็นไงมั่งวะ ไอตี๋เอ๋อ ไหวป่ะน่ะ”
ไอพลถามตี๋เอ๋อ พร้อมกับเอามือไปจับแถวๆ ต้นคอของตี๋เอ๋อ พลางนวดเบาๆ ตี๋เอ๋อพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับยิ้มนิดๆ เป็นคำตอบ
“นันท์ เป็นไงมั่ง ได้เพื่อนใหม่อะไรมั่งมั้ย”
ผมหันไปถามนันท์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ผม
“ก็ธรรมดาอ่ะ ก็มีคุยๆ กันมั่งนะ แต่อย่างว่าล่ะ เพิ่งจะวันแรกอ่ะ จะไปรู้จักมากอะไร”
“ก็จริงนะ”
ผมพยักหน้าเห็นด้วย
“แต่........”
“หือ?”
ผมส่งเสียงในลำคอเป็นเชิงสงสัย
“ตี๋เอ๋ออ่ะสิ”
“ตี๋เอ๋อ ? ทำไมเหรอ”
ผมถามนันท์ พร้อมกับหันไปมองตี๋เอ๋อที่กำลังโดนพลนวดขมับเบาๆ อยู่
“ก็ตี๋เอ๋ออ่ะสิ ไม่พูดอะไรเลย ถามอะไรก็มีแต่ พยักหน้า ไม่ก็ส่ายหัวเป็นคำตอบ”
นันท์กระซิบเบาๆ บอกกับผม
“หือ จริงอ่ะ เป็นใบ้เหรอ”
ผมกระซิบกลับไป เพราะจะว่าไป ผมเองก็ไม่เคยได้ยินเสียงหมอนี่เลยแฮะ จะมีอย่างมากก็แค่เสียงอือๆ ในลำคอแค่นั้น
ที่โรงเรียนเวลาครูถามอะไร แทบทุกครั้งไอพลก็มักจะเป็นคนตอบแทรกขึ้นมาให้ตลอด
“ก็ไม่น่าจะใช่นะ เพราะจำได้ว่าตอนเข้ามาใหม่ๆ ก็เหมือนจะเคยๆ ได้ยินเขาพูดอยู่บ้างนะ”
“เหรอ.......เขาคงมีปัญหาอะไรล่ะมั้ง”
“คงงั้น ว่าแต่เห็นมายด์มั่งป่ะ”
นันท์หันมาถามผม พร้อมกับหันไปมองรอบๆ
“ไม่อ่ะ สงสัยคงได้เพื่อนแล้วล่ะมั้ง”
“สงสัย งั้นไปเหอะ ไปหาไรกินดีกว่าเหอะ หิวมากๆ ละ”
นันท์พูดพร้อมกับกระตุกชายเสื้อผมเบาๆ
“อะไร เพิ่งจะกินเมื่อตอนเที่ยงไม่ใช่เหรอ ยังจะหิวมากๆ อีกเหรอ”
“เอ้า ก็คนกำลังอยู่ในวัยกำลังกิน กำลังโตนี่”
“ยังคิดว่าจะโตไปได้มากกว่านี้อีกเหรอ”
“พูดงี้หมายความว่าไงเนี่ย”
นันท์ทำท่างอนใส่ผม
“โอ๋ๆ ล้อเล่นนา แต่แบงค์ว่า นันท์ตัวขนาดนี้ก็กำลังดีแล้วนะ อย่าโตไปกว่านี้เลย”
“หมายความว่าไงเนี่ย”
นันท์ทำหน้างง
“ก็ไม่อะไรไง ก็แค่พูดไปแบบนั้นล่ะ ไปเหอะ ไปกินข้าวกัน เฮ้ย ไอพล ไปกินข้าวกัน”
ผมพูดตัดบทพร้อมกับหันไปเรียกไอพลกับตี๋เอ๋อ แล้วพากันไปหาอะไรกิน
ผมเองก็ไม่รู้เพราะเหตุใดเหมือนกัน ถึงได้พูดแบบนั้นไป
แว่บนึงเหมือนมีความรู้สึกว่า ถ้านันท์โตไปมากกว่านี้ มันจะดูไม่น่ารักยังไงไม่รู้สิ
หือ ??? น่ารัก ????
เป็นเอามากวุ้ยตรู - -* สงสัยหิวจนเพี้ยนซะล่ะมั้ง
หลังจากที่หาอะไรกินจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกพี่ๆ เจ้าหน้าที่ก็ปล่อยให้พวกเราพักผ่อนตามสบาย
พร้อมกับบอกว่าใครจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ได้ หรือจะรออาบก่อนนอนก็ได้
พวกผมจึงคิดว่าค่อยอาบทีเดียวก่อนนอนดีกว่า เผื่อคนจะได้น้อยลงด้วย
พลกับตี๋เอ๋อ ขอแยกตัวออกไปกัน 2 คนตามประสาเจ้านายกับลูกน้องผู้ซื่อสัตย์(อันหลังนี่ใส่เอง)
เพราะงั้นในตอนนี้จึงเหลือเพียงผม กับนันท์เท่านั้น
“ไปไหนดีอ่ะ”
นันท์หันมาถามผม
“เออ นั่นสิ ไปไหนดีล่ะ”
นั่นคือคำตอบของผม - -
เราสองคนยืนนิ่งกันอยู่ตรงนั้นพักใหญ่ เพราะไม่รู้จะไปไหนดี
เพราะพวกเราโดนจำกัดสถานที่ให้อยู่แต่ภายในหอประชุมกับบริเวณรอบๆ แค่นั้น
“งั้นก็เดินเล่นแถวๆ นี้ไปเรื่อยๆ เอาป่ะ”
“อืมก็ดี”
ผมตอบรับตามคำชวนนั้น เราทั้งสองเดินไปรอบๆ บริเวณ ดูคนอื่นส่วนใหญ่เหมือนจะทำความคุ้นเคยสนิทสนมกันได้แล้วนะ
เห็นมีจับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนานเชียว พอนึกแบบนั้นแล้วผมกลับมานึกถึงตัวเองเลยแฮะ
ผมเองเป็นคนที่ไม่ค่อยคบหาสมาคมกับใครเสียด้วยสิ เพื่อนที่มีส่วนมากก็เป็นเพื่อนเก่าๆ ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ นั้น
เพื่อนในห้องก็ไม่ได้ถึงขั้นสนิทสนมอะไรกันนั้น ก็ตามประสาคนห้องเดียวกันเสียมาก
ไอครั้นจะให้ไปทำความรู้จักกับคนอื่นในช่วงเวลาสั้นๆ แบบนี้นี่ ออกจะขัดกับตัวผมเองยังไงไม่รู้แฮะ
แล้วนันท์ล่ะ
นันท์เขาจะเป็นเหมือนผมรึป่าวนะ
ที่ผ่านมาผมเองก็ไม่เคยสังเกต หรือสนใจเสียด้วยสิ
ที่ผ่านมา ก็เห็นนันท์อยู่ข้างๆ ผมมาตลอด ดูนันท์เองก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้นะ
แต่ลึกๆ แล้วนันท์เขาคิดยังไง จะมีความรู้สึกอึดอัดบ้างมั้ยนะ ที่ต้องทนคบกันคนแบบผมเนี่ย
แต่ถึงกระนั้นผมเองก็ไม่เคยคิดที่จะถาม
ไม่สิ ต้องเรียกว่าไม่กล้าถามจะดีกว่า
ถึงแม้จะไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเหตุใด
“หวัดดีนันท์”
เสียงของเด็กหนุ่มร่างสูงคนนึงเรียกทักนันท์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ดี ป้อ อ้าวแล้วคนอื่นๆ ในกลุ่มล่ะ”
นันท์ตอบกลับไป ก่อนที่จะหันซ้าย หันขวามองไปรอบๆ
“ก็ไปอยู่กับเพื่อนโรงเรียนเดียวของเขากันน่ะสิ”
ป้อตอบด้วยสีหน้ายิ้มแบบเจื่อนๆ
“อ้าว แล้วเพื่อนโรงเรียนเดียวกับป้อล่ะ”
“ก็มีนะ แต่คนละห้องกันน่ะ ห้องเรา มีเรามาคนเดียวน่ะ แห่ะ นั่นเพื่อนนันท์เหรอ”
ป้อหันมาทางผม
“อื้ม นี่แบงค์ เพื่อนเราเอง เพื่อนตั้งแต่เด็กเลยด้วยนะ แบงค์ นี่ป้อ เพื่อนในกลุ่มนันท์เอง”
นันท์ตอบพร้อมกับยิ้มกว้างให้อีกฝ่าย ป้อหันมายิ้มให้กับผม ผมจึงยิ้มตอบกลับไป
“ดีจัง มีเพื่อนตั้งแต่เด็กด้วย ไม่เหมือนเราเลยอ่ะ”
ป้อพูดด้วยสีหน้าเศร้าเล็กน้อย ก่อนที่จะรีบยิ้มกลบเกลื่อน
“อืม...งั้นเราไม่กวนละไปก่อนนะ เดี๋ยวเจอกันที่กลุ่ม ตอนค่ำละกันนะ”
“อื้ม บาย”
ป้อบอกลาพร้อมกับโบกมือให้กับนันท์ ก่อนที่จะปลีกตัวเดินออกไป
“ดูเป็นคนที่แปลกดีนะ”
“หือ ยังไงเหรอ แบงค์”
นันท์หันมาถามผมก่อนที่จะหันไปมองป้อ ที่เดินขึ้นไปทางโรงนอนคนเดียว
“ไม่รู้สิ บอกไม่ถูก”
“ไปว่าเค้า แบงค์นั่นล่ะที่แปลก”
“เอ้า เกี่ยวไรกัน”
ผมหันไปถามแบบงงๆ
“ไม่บอก ปล่อยให้งง”
“เอ้า มานี่เลย ไอเด็กแว่น”
ผมกอดคอนันท์แน่น ก่อนที่จะเอามืออีกข้างจี้ที่เอว อีกฝ่ายหัวเราะพยายามขัดขืน แต่เรื่องอะไรที่ผมจะปล่อยไปง่ายๆ
โดยไม่ได้สนใจเลยว่ามีสายตาอีกมากมายหันมามองพวกผมอยู่
โดยเฉพาะ ป้อ ที่มองด้วยสายตาที่แฝงความรู้สึกบางอย่างเอาไว้
หลังจากที่หยอกล้อกันได้ไม่นาน นันท์ก็ขอตัวแว๊บไปเข้าห้องน้ำเพราะปวดฉี่ ผมจึงเดินเล่นอยู่แถวนี้เพื่อรอ
ระหว่างที่เดินเล่นไปเรื่อยๆ ผมก็เหลือบไปเห็นมายด์กำลังนั่งอยู่ตรงม้านั่งใต้ต้นหูกวางอยู่คนเดียว เห็นเธอกำลังทำอะไรยุกยิกๆ สักอย่าง ก่อนที่จะสังเกตเห็นว่าเป็นมือถือ
เข้าไปทักหน่อยดีกว่า
ผมเดินเข้าไปช้าๆ กะว่าจะหยอกเธอให้ตกใจเล่นๆ เสียหน่อย
มายด์เปิดดูรูปในมือถือของเธอดูไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้เอะใจเลยว่ามีใครกำลังยืนอยู่ข้างล่างเธอ
แต่เอ๊ะ รูปในมือถือของมายด์ นั่นมัน..........รูปพี่สาธิตนี่
ถึงแม้ผมจะไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว แต่ด้วยความที่พี่เขาเป็นคนเก่ง และค่อนข้างจะเป็นคนดังก็เลยทำให้ผมพอจะรู้จักกลายๆ อยู่บ้าง
“นี่มายด์ชอบพี่เค้าเหรอ??”
ผมถามออกไป ทำเอามายด์ถึงกับสะดุ้งจนเกือบร้องกรี๊ดออกมาเลยทีเดียว (เออ ลืมไป ว่าเข้ามาแบบไม่ให้มายด์รู้ตัวนี่หว่า - -*)
“บ่ะ แบงค์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
มายด์หันมาถามผมด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก สีหน้าแดงด้วยความอาย
“ก็สักพักละ”
“แล้วเห็นอะไรมั่งป่ะเนี่ย”
มายด์ถามผมอีกครั้งก่อนที่จะเอามือถือเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง
“ก็ทันพอที่จะเห็นรูปพี่สาธิตอ่ะนะ ชอบพี่เค้าเหรอ”
ผมถามพร้อมกับยิ้มให้มายด์ มายด์ไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มอายๆ กลับมาแทน
“ว่าแต่ถ่ายรูปไว้เยอะขนาดนี้ พี่เค้ารู้รึยังเนี่ย”
“ก็ไม่เชิงหรอกนะ มั้ง ไม่รู้สิ ก็แค่คุยๆ กันธรรมดา พี่เขาคงไม่ได้คิดอะไรล่ะมั้ง”
มายด์พูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วรู้ได้ทันทีเลยว่ากำลังเขินสุดๆ ผมเห็นแล้วก็ได้แต่อมยิ้มตาม
“ว่าแต่พวกผู้หญิงเค้าชอบเก็บรูปคนที่ตัวเองชอบไว้ในมือถือกันเหรอ”
ผมถามพร้อมกับชี้ไปยังกระเป๋ากางเกงของมายด์
“อืม.........ก็ไม่ทุกคนนะ แต่โดยรวม ก็คิดว่าคงใช่นะ ไม่แต่ผู้หญิงนะ ผู้ชายเค้าก็ทำกันนะ เก็บรูปแฟน รูปคนที่ชอบในมือถือเนี่ย ในมือถือแบงค์ไม่มีมั่งเหรอ”
มายด์ถามผมกลับ ผมได้แต่ส่ายหน้า เพราะปกติ ผมเป็นคนไม่ชอบถ่ายรูป
“ไม่ใช่แค่รูปนะ เบอร์ด้วยนะ ถ้าเป็นคนที่เราชอบ ก็จะเมมประมาณว่า สุดที่รัก มายเลิฟ อะไรทำนองนี้ด้วยนะ”
“ถึงขั้นนั้นเชียว”
“แน่นอน เอ้อ แล้ว นันท์ล่ะ ไปไหน”
มายด์ถามผม ก่อนที่จะหันมองรอบๆ
“ไปเข้าห้องน้ำน่ะ อ่ะ นั่นไงมาแล้ว ไปก่อนนะ”
ผมโบกมือให้กับมายด์ ก่อนที่จะเดินไปหานันท์ มายด์เองก็ยิ้มให้ผมเช่นกัน
หลังจากที่หมดช่วงเวลาพักในช่วงเย็น พวกเราทั้งหมด ก็เข้ายังหอประชุมเพื่อทำกิจกรรมนันทนาการ
ผมหันไปเห็นมายด์ ที่อยู่กลุ่ม 3 ดูเหมือนว่าเธอปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้ดีไม่น้อย ดูสิ เห็นคุยจ้อกับพวกเด็กผู้หญิงด้วยกัน
คงไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงละ
ส่วนทางด้าน ตี๋เอ๋อ ที่อยู่กลุ่ม 7 ดูท่าลำบากไม่น้อยแฮะ เหมือนจะเข้ากับใครไม่ค่อยจะได้เสียเท่าไหร่
เห็นเอาแต่นั่งเงียบอยู่คนเดียวไม่พูดกับใคร (หรือว่าเขาชวนคุยแล้ว แต่ไม่คุยกับเขาเองมากกว่า - -*)
“ไง เป็นห่วงลูกน้องเมิงเหรอไงวะ”
ผมหันไปถามไอพลที่นั่งอยู่ข้างหลังผม ซึ่งเห็นมันเดี๋ยวหันๆ ไปดูจัง”
“ก็ นิดหน่อยอ่ะ ไอนั่นมันเข้ากับคนไม่ค่อยได้ กูก็ต้องเป็นห่วงตามประสา......... เอ่อ..เพื่อนสิวะ”
ไอพลตอบผมด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ผมเองก็ตกใจนิดหน่อย ไม่นึกว่ามันจะเป็นห่วงจริงๆ
“ว่าแต่เมื่อกี้ เมิงว่าใครลูกน้องใครนะ”
“เอ้า ก็ ตี๋เอ๋อ ไม่ใช่ลูกน้องเมิงเหรอวะ”
ผมถามด้วยความสงสัย
“นี่พวกเมิงกับคนอื่น มองแบบนั้นเหรอวะ”
“ก็เออดิ ก็เห็นหลายที เหมือนเมิงโขกสับเสียขนาดนั้น ไปไหนมาไหน ก็เห็นตี๋เอ๋อตามตูดต้อยๆ เมิงว่าไง ก็เห็นเห็นจะเถียงจะปฏิเสธ ไม่สิ เหมือนไม่กล้าหือมากกว่า”
ผมบอกมัน ไอพลทำท่าครุ่นคิดนิดนึง ก่อนที่จะชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ๆ ผม
“กูยอมรับว่ะ ว่าตอนแรกๆ ที่กูรู้จักมัน กูก็คิดว่าจะทำแบบนั้น แต่......”
“แต่...???”
ผมขยับตัวหันไปทางมัน
“พอกูรู้จักมันจริงๆ มันเป็นคนที่เข้ากับคนไม่ค่อยได้ว่ะ กูก็เลย สงสารอ่ะ จนความคิดที่จะเอามันเป็นลูกน้องเนี่ยหายไปเลย”
“หืม ดีมากเลยเมิง นี่ขนาดตอนนี้เมิงไม่คิดแล้ว พวกกูยังมองเห็นเป็นแบบนั้น นี่ถ้าเมิงยังคิด นี่พวกกูคงคิดว่าตี๋เอ๋อมันเป็นนักโทษของเมิงแน่ๆ”
ผมพูดเหน็บๆ มันไป มันชกท้องผมเบาๆ ทีนึงเป็นเชิงขัด
“เออ ไงๆ ถ้าเมิงไม่ได้คิดแบบนั้นแล้ว เมิงก็ทำตัวกับมันดีๆ หน่อยละกัน ไงๆ ก็เพื่อน ยิ่งเข้ากับคนไม่ได้ด้วย”
“แบบที่เมิงปฏิบัติต่อนันท์น่ะเหรอ”
ไอพลพูดพร้อมกับยิ้มแบบมีเลศนัย
“ยิ้มแบบนั้นหมายความว่าไงวะ”
“อะไร ป่าวนี่ กูก็ยิ้มของกูไปเรื่อย เอาเหอะ ไม่ต้องห่วง ยังไงกูไม่มีวันทิ้งมันอยู่แล้ว เมิงเองน่ะล่ะ ทำให้ได้อย่างที่บอกกูก็แล้วกัน”
ไอพลพูดกับผมพร้อมกับตบบ่าผมเบาๆ ทีนึง แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรต่อ พี่ๆ ที่ทำหน้าที่นันทการก็เข้ามาเสียก่อน
“สวัสดีค่ะ น้องๆ ทุกคนจากทั้ง 5 โรงเรียนนะคะ เป็นไงบ้างคะ สำหรับการอบรมวันแรก เบื่อรึยัง”
เสียงของ พี่ปั่น(ดูจากชื่อที่ห้อยที่คอ) พูดผ่านไมค์ถามพวกเรา ก็มีทั้งตอบจริง ตอบแซวไปบ้าง
หลังจากที่ทักทายทำความรู้จักกับพวกพี่ๆ กันเรียบร้อย ช่วงเวลานันทนาการก็เริ่มขึ้น
ก็มีทั้งร้องเพลงสนุกสนานกัน มีกิจกรรมแกล้งกันมั่ง เช่นเรียกให้ออกไปเต้นท่าประหลาดๆ
ซึ่งก็เหมือนกับเข้าค่ายทั่วๆ ไป แต่ปกติ ผมเองก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจกับอะไรพวกนี้มากนัก
แต่เพราะคำพูดของนันท์ที่พูดกับผมเมื่อเช้า ที่อยากให้ผมหัดปล่อยวาง แล้วหาความสุขใส่ตัวเสียบ้าง
ตอนนี้ผมเองก็เริ่มที่จะสนุกไปกับบรรยากาศนั้นแล้ว
การได้อยู่ท่ามกลางผู้คนที่สนุกสนาน ถึงแม้ผมอาจจะไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับมันมากนัก
แต่การได้เป็นส่วนนึงในนั้น มันก็ทำให้รู้สึกดีเหมือนกันแฮะ
เพียงแต่ เหมือนมันรู้สึกขัดๆ อยู่เรื่องนึง
เมื่อผมหันไปมองนันท์ ที่ตอนนี้กำลังคุยอยู่กับป้ออย่างสนุกสนาน
ความรู้สึกขุ่นข้องหมองใจมันก็เกิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
โดยเฉพาะไอท่าทีที่ดูจะตีสนิทเหลือเกินของคนที่ชื่อป้อนั่น
แต่ผมก็พยายามไม่คิดมาก
เอาน่ะ ก็แค่เขาคุยกันธรรมดา จะไปคิดมากไรเนี่ยเรา
สงสัยจะเครียดมากเกินไปแบบที่นันท์ว่าไว้จริงๆ ด้วยแฮะ
.............
“เอาล่ะ นี่ก็ 3 ทุ่มกว่าแล้วนะคะ เป็นไงง่วงกันมั่งรึยัง”
พี่ปั่นถามพวกเรา แต่ดูจากท่าทางของแต่ละคนแล้ว เหมือนจะยังสนุกอยู่
“อืม... เอางี้ งั้นพี่คิดเกมส์ได้เกมส์นึง ขอให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาทีมละ 2 คนด้วยนะคะ
2 คนที่ออกมา ขอว่าต้องอยู่กันคนละโรงเรียนด้วยนะคะ
อ่ะๆ งานนี้ไม่มีเต้นท่าประหลาดๆ แน่ พี่รับรอง ออกมาได้ ไม่ต้องกลัวค่ะ”
ทันทีที่พี่ปั่นพูดจบ แต่ละกลุ่มก็ส่งตัวแทนออกไป รู้สึกโชคดีแฮะ ที่ไม่โดนเลือกออกไป
ผิดกับมายด์ ที่ได้เป็นตัวแทนออกไป แต่ดูสีหน้าเธอแล้ว ดูเหมือนจะเต็มใจออกไป
ในขณะที่นันท์เอง ก็ได้เป็นตัวแทนของกลุ่ม 7 เช่นกัน แต่เหมือนสีหน้าจะตื่นๆ อยู่ไม่น้อย
สงสัยโดนบังคับรึป่าวก็ไม่รู้
และสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกตะขิดตะขวงใจอีกครั้งก็เกิดขึ้น
เพราะคนที่ออกไปคู่กับนันท์ ก็คือ
ป้อ~~!!!
จบคาบเรียนที่ 5
สวัสดีครับ
แห่ะ หายไป 2-3 วัน โทษทีครับ
พอดีไม่สบายนิดหน่อย ไปตากฝนมาน่ะ >< เลยไข้ขึ้น 5555+
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน ปรับตัวไม่ทันเลย - -*
ก็เข้าสู่คาบเรียนที่ 5 แล้ว ในที่สุด แบงค์ นันท์ บาส พล และตี๋เอ๋อ ก็ได้ไปเข้าค่ายละ
พร้อมด้วยตัวละครใหม่ นั่นคือ ป้อ
เขาจะเข้ามาทำอะไร ยังไง คิดยังไง อันนี้ขออุบไว้ก่อน ต้องติดตามกันเอง ไม่งั้นไม่ลุ้น 555+
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะครับ ผมอ่านไป แล้วยังยิ้มตามไปเลย
และขอบคุณทุกคลิกที่เข้ามาอ่าน แต่อาจจะไม่ได้เม้นท์ด้วยนะครับ
อย่างน้อยเห็นยอดคลิกเข้ามาเพิ่ม ก็ต้องมีคนอ่านมั่งล่ะ 555+
ผมเชื่องั้นนะ เพราะ (อดีต)แฟนผมเขาก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน อ่านอย่างเดียว แต่ไม่เม้นท์ไรเลย (เพราะเขาบอกว่า เขาเม้นท์ไม่เก่ง - -*)
วันนี้มาดึกไปหน่อย ขอตัวก่อนนะครับ ขอบคุณครับ