วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 23 หนี (24-04-14)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 23 หนี (24-04-14)  (อ่าน 30299 ครั้ง)

จิ๊บคุง

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2014 02:39:59 โดย จิ๊บคุง »

จิ๊บคุง

  • บุคคลทั่วไป
มาใหม่นะครับ ขอฝากฝังนิยายเรื่องนี้ ไว้ด้วยนะครับ สามารถติชม ก่นด่าได้เต็มที่ เพื่อการปรับปรุงแก้ไขครับ


เป็นแนวใสๆ วัยเรียนนะครับ


บทนำ


พวกเราอยู่ร่วมกันด้วยความเป็น "เพื่อน"

มิตรภาพความเป็น "เพื่อน" ระหว่างพวกเรามันลึกซึ้ง จริงใจเกินกว่าที่คนทั่วไปจะเข้าใจ

แต่เพราะความเป็น "เพื่อน" นี่ล่ะ
ที่ทำให้พวกเรา ไม่สามารถก้าวข้าม มันไปมากกว่านี้ได้

เพราะความกลัว
กลัวว่าเมื่อใดก็ตามที่เราล้ำเส้นคำว่า "เพื่อน" ไป

ความสัมพันธ์ระหว่างเรา อาจจะพังทลายลงก็เป็นได้

ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย

แต่ก็ไม่สามารถเก็บไว้เงียบๆ ได้ จะทำอย่างไรกับความรู้สึกนี้ดี

จะมีใครบ้างไหมที่เข้าใจ ใครสักคน........................................


------------------------------------------------------------------
Dear My Friend วัยรุ่น วุ่นหัวใจ

วันเวลาของแบงค์


คาบเรียนที่ 1 : เปิดเทอม

กริ๊ง!!!!!!!!!!
“อือ......ออ.....อ....”
เสียงนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงดังขึ้น ผมเอื้อมมือขึ้นไปปิดด้วยความงัวเงียเล็กน้อย
ก่อนที่จะลุกตัวขึ้นนั่งอยู่บนที่นอนครู่นึงด้วยความรู้สึกที่ยังมึนอยู่
พลางหันไปมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาปลุกอีกรอบ
.
จริงสิ วันนี้เป็นวันเปิดเทอมแล้วนี่นะ
วันแรกของการขึ้นชั้น ม.5
ม. 5 แล้วเหรอ........
เวลาไปผ่านไปไวจังแฮะ แปบๆ ม.5 ซะแล้ว แก่ขึ้นอีกแล้ว = =
.
ผมหันไปมองกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง
.
รูปของผม เมื่อสมัยที่ผมยังเป็นเด็ก กับเด็กผู้ชายใส่แว่นที่ผมคุ้นเคย
.
.
และเด็กสาวผมยาวที่อายุไล่เลี่ยกับผม
.
เมย์...............
วันนี้แบงค์อยู่ ม.5 แล้วนะ
.
.
ผมนั่งมองรูปนั้นอยู่ครู่นึง ก่อนที่จะรีบลุกขึ้นจัดเก็บที่นอน อาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินลงไปข้างล่าง
“บาส ไอบาสเว้ย”
ผมตะโกนเรียกอีกฝ่าย แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ ความเงียบ
“สงสัยยังไม่กลับมาตั้งแต่เมื่อคืนทีมั้ง ไอนี่ ประจำเลย วันนี้เปิดเทอมวันแรกมันจะรู้มั้ยนั่นน่ะ สงสัยต้องบอกแม่สักทีมั้ง”
ผมบ่นกับตัวเองพร้อมกับส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจให้กับน้องชายฝาแฝดของผม
.
ครับ ไม่ผิดหรอก น้องชายฝาแฝด ผมมีน้องชายฝาแฝดน่ะครับ
เราเป็นพี่น้องฝาแฝดกันเกิดห่างกัน 20 นาที
ผมเป็นพี่ ส่วนไอบาสเป็นน้อง
ถึงจะบอกว่าเป็นฝาแฝดหน้าเหมือนกันก็เหอะ แต่นิสัยกลับต่างกันลิบลับ
.
อย่าให้พูดจะดีกว่า ว่าต่างกันยังไงมั่ง
3 หน้ากระดาษก็ยังไม่พอ
ส่วนพ่อ กับแม่ ตอนนี้อยู่ต่างจังหวัดน่ะครับ
พ่อผมเป็นข้าราชการ เลยต้องย้ายที่อยู่บ่อย แม่ผมก็เลยต้องตามไปคอยดูแล (ไม่รู้ตามไปดูแล หรือ ตามไปคุมไม่ให้มีกิ๊กกันแน่)
ผมกับบาสก็เลยต้องอยู่กัน 2 คน พี่น้อง
ที่ไม่ตามไปเพราะไม่อยากย้ายโรงเรียนน่ะครับ หากพ่อต้องโดนย้ายอีก
.
ตายล่ะ มัวแต่โอ้เอ้ นี่ก็สายแล้วนี่หว่า ต้องรีบไปละ เดี๋ยวไม่ทัน นัดเพื่อนแถวบ้านไว้นี่หว่า ว่าจะไปด้วยกัน
.
.
.
“ไมมาช้าจัง รอนานแล้วนะ”
นั่นไง ว่าแล้วว่าต้องโดนบ่น
“โทษทีๆ พอดีวุ่นๆ นิดหน่อยก็เลยมาช้าน่ะ โทษทีนะ”
ผมพูดขอโทษอีกฝ่ายที่กำลังทำหน้าอารมณ์เสียอยู่
“มาช้านะเนี่ย รู้มั้ยว่ารถผ่านไปตั้งกี่คันแล้ว แบบนี้จะไปโรงเรียนทันมั้ยเนี่ย %^%$%#@&$$$^”
“แค่ 5 นาทีเนี่ยนะ”
ผมแย้งอีกฝ่าย แต่ดูอีกฝ่ายอารมณ์เสียจริง จะเอาไงดีล่ะเนี่ย
.
“อ่ะ ก็ได้ๆ งั้นเดี๋ยวเที่ยงนี้เลี้ยงข้าวเป็นการขอโทษละกัน”
ผมยื่นข้อเสนอให้อีกฝ่ายนึง เพื่อหวังว่าจะให้อารมณ์ดีขึ้น
“จริงอ่ะ”
นั่นไง พอเป็นของกินละท่าทีเปลี่ยนทันทีเลยนะ
“อื้ม จริงสิ แต่ต้องหายโกรธก่อนนะ ไม่งั้นไม่เลี้ยง”
“แห่ะๆ งั้นตกลงคร้าบ หายโกรธละ แต่อย่าลืมเลี้ยงข้าวเที่ยงด้วยนะ แห่ะๆ”
อีกฝ่ายยิ้มให้ผมทันที จนผมอดหมั่นไส้เล็กน้อยไม่ได้ ต้องเอามือไปยีหัวอีกฝ่ายเล่น
“หนอยเห็นแก่กินนี่หว่า มานี่เลย”
“เฮ้ย อย่าดี้ เดี๋ยวเสียทรงหมด โห่”
“555+”
ผมหยอกล้อกับอีกฝ่ายอยู่ครู่นึง จนเมื่อรถเมล์สายที่เรานั่งมาถึง พวกเราก็รีบขึ้นทันที
.
อ้อ ลืมแนะนำไป นี่คือเพื่อนที่ผมพูดถึงครับ
เขาชื่อนันท์ เป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่สมัยเด็ก ก็สักประมาณ ป. 2 รึ ป.3 จะได้มั้งครับ
ตอนนั้นเขาเพิ่งย้ายเข้ามาในหมู่บ้าน ไม่มีเพื่อนเล่นด้วย
ผมที่กำลังนั่งเล่นอยู่กับเมย์ เห็นเขานั่งเล่นอยู่คนเดียวเงียบๆ ที่สนามเด็กเล่นก็เลยชวนเล่นด้วย
.
.
และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้รู้จัก และสนิทสนมกันจนมาถึงทุกวันนี้
“โอ้ย ตื่นเต้นแฮะ”
นันท์พูดขึ้นในขณะที่รถเมล์กำลังติดไฟแดง
“เรื่องอะไรล่ะ”
ผมถามพร้อมกับจับราวโหนรถเมล์ให้แน่นกว่าเดิม ในขณะที่อีกยังฝ่ายเก้ๆ กังๆ เพราะจับราวโหนไม่ถนัด
“ก็วันนี้ เปิดเทอมขึ้นชั้น ม.5 วันแรกนี่ ไม่รู้จะเจอใครมั่ง”
“ก็คงหน้าเดิมๆ นั่นล่ะ เห็นมาตั้งแต่ ม. 1 ละ เลื่อนชั้นกี่ปีๆ ก็หน้าเดิมๆ”
นันท์พยักหน้าเห็นด้วย ด้วยหน้าตาที่ดูเอ๋อๆ อยู่แล้ว แถมยังใส่แว่นนั่นอีก
พอพยักหน้าผงกๆ แบบนั้นแล้ว ดูเหมือนตุ๊กตาแป๊ะยิ้มอยู่ไม่น้อยแฮะ
เหมือนจนผมอดกลั้นหัวเราะไม่ได้
“หัวเราะอะไร”
นันท์ถามผม พร้อมกับพยายามที่จะจับราวโหนอีกรอบ คราวนี้ดูเหมือนลิงพยายามไต่ต้นไม้
“ป่าว ไม่มีอะไร มาๆ มานี่”
ผมพูดปัด พร้อมกับกอดคออีกฝ่ายเอาไว้
“โหนไม่ถึงก็ไม่ต้องพยายาม จับแบงค์ไว้ก็แล้วกัน”
ว่าแล้วผมก็จับมือของนันท์มาคล้องยังเอวของผม พร้อมกับเอามือยีหัวนันท์เล็กน้อย
น่าแปลกแฮะที่คราวนี้ไม่เอะอะที่โดนยีหัว ตรงกันข้ามกลับก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จาเลย
.
.
สงสัยคงยอมรับในความเตี้ยของตัวเองไม่ได้ล่ะมั้ง
.
.
.....................................
โรงเรียน

“เอ้า ใครยังไม่ส่งสมุดพก ก็รีบๆ เอามาส่งซะนะ ใครไม่ได้เขียน ก็ให้คนอื่นโมเมเขียนให้ละกัน จะได้เอาไปส่งอาจารย์ซะที”
เสียงของมายด์พูดดังขึ้น ในขณะที่ผมกับนันท์เพิ่งจะเดินเข้าห้องมาได้ไม่นานเท่าไหร่นัก
“หวัดดีจ้า นันท์ แบงค์ ว่าไง เอาสมุดพกมายัง”
มายด์เดินเข้ามา พร้อมถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผมได้แต่พยักหน้ายิ้มกลับไป พร้อมกับหยิบเอาสมุดพกออกมาจากกระเป๋าเพื่อส่งให้มายด์
มายด์ยิ้มตอบ พร้อมกับหยิบสมุดพกของผมกับนันท์ไป
“เอ้อ อาจารย์ภาวดี แกบอกมาเมื่อเช้าว่า วันนี้อาจารย์สมพรไม่มานะ แม่แกเข้า รพ. กระทันหันเมื่อเช้าไม่มีใครมาสอนแทนวิชาคณิตย์ ให้ไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดแทน”
ทันทีที่ของมายด์พูดออกไปแบบนั้น ทั่วทั้งห้องแทบจะโห่ร้องด้วยความดีใจ ก็แหงล่ะ ไม่ต้องเรียนนี่
ถึงจะบอกว่าให้ไปห้องสมุดก็เหอะ แต่ส่วนมากก็โดดกันทั้งนั้น
ที่สำคัญ ดูจากตารางเรียนที่แปะหน้าห้องก็พบว่าตั้ง 2 คาบติดด้วย
และที่ยิ่งกว่านั้น เป็นวิชาสุดท้ายของวันอีกต่างหาก จะมีใครอยู่รอจนหมดวันกันล่ะ - -

“นี่ นันท์ เดี๋ยวคาบคณิตย์เราไปกินติมสเวนเซ่นกันป่าว”
นั่น หัวหน้าห้องก็เอากับเค้าด้วย นันท์ทำหน้าลังเลอยู่พักนึง ก่อนที่จะหันมามองผม ประมาณเป็นเชิงว่าผมจะว่าอะไรรึป่าว - -
“แบงค์จะไปด้วยป่าว”
มายด์หันมาชวนผมด้วย
ผมหันไปมองนันท์อีกครั้ง ดูสีหน้าอยากไปเต็มที่เลยนะนั่น - -
“อ่ะ ไปด้วยละกัน”
ผมตอบตกลงไป พร้อมกับสีหน้าของทั้งสองที่ดูจะดีใจสุดๆ โดยเฉพาะมายด์ ที่ดูจะหันไปยิ้มแบบมีเลศนัยกับนันท์

ดูท่ามายด์เอง สงสัยคงชอบนันท์ซะล่ะมั้ง เห็นเข้าหาตลอด
จะว่าไป มายด์ ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรนะ ออกจะดูน่ารักดี ร่าเริงสดใสซะขนาดนั้น
แต่ที่น่าเหนื่อยใจน่าจะเป็น ทางนันท์ซะมากกว่า ดูจะบื้อ ที่ไม่รู้ตัว แหงล่ะ เอ๋อซะขนาดนั้น

อืม....... แต่ถ้าสองคนนี้คบกันก็ดูเหมาะสมกันดีนะ ผมก็เห็นด้วยถ้าจะมีวันนั้น
แต่คงต้องเหนื่อยหน่อยนะมายด์ - -
“เฮ้ย นันท์ เดี๋ยวมานะ”
“ไปไหน”
“ไปดูไอบาส ไม่รู้มันมาป่าว บ้านก็ไม่ได้กลับมา”
ผมตอบกลับไป ก่อนที่จะก้าวออกมาจากห้องตรงไปยังห้องเรียนของไอบาสที่อยู่ไม่ไกลจากห้องผม
ผมกับไอบาสเรียนกันคนละห้องน่ะครับ อาจารย์ให้เหตุผลว่า ป้องกันการจำสับสน  -*-

“เอ่อ โบ้ๆ”
ผมตะโกนเรียกไอโบ้ เด็กชมรมเดียวกับผม เรียนห้องเดียวกันกับไอบาส ซึ่งดูเหมือนว่ากำลังง่วนกับการปลอมแปลงสมุดพกอย่างเมามัน
“ไอโบ้เว้ย”
ผมตะโกนเรียกมันอีกที มันสะดุ้งเล็กน้อย เหมือนโดนอาจารย์จับได้ว่าลอกข้อสอบ
มันหันล่อกแล่กๆ ไปมา ก่อนที่จะเห็นว่าเป็นผมเองที่เรียกมัน
“ว่าไงวะ แบงค์ กรูตกใจหมด”
“เออดิ กรูเรียกตั้งนานไม่หัน เออ ไอเชี่ยบาสมายังวะ”
ผมถามไอโบ้พลางกวาดสายตาไปรอบห้อง
“ยังอ่ะ กรูยังไม่เห็นมันมาเลย ว่าแต่เมิงอ่ะล่ะ อยู่บ้านเดียวกะมันไม่ใช่เรอะ”
“มันไม่กลับบ้านอ่ะดิเมื่อคืน”

“สงสัยไปนอนบ้านไอแอลเมียหนุ่มของมันละมั้ง”
ไอโบ้ตอบก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาลอกการบ้านต่อ
“เออๆ ขอบใจว่ะ ไม่กวนละ”

ผมบอกโบ้พร้อมกับเร่งฝีเท้าเดินลงไปอาคารเด็ก ม. ต้น ไปยังห้องแอล แฟนหนุ่มของไอบาสมัน

ฟังไม่ผิดหรอกครับ แฟนหนุ่ม น่ะล่ะ
เอ่อ...... คือแบบ......แบบว่า ไอบาส มันเป็นเกย์ น่ะครับ  - -
ไม่รู้เป็นได้ไง แต่มันบอกว่า มันเป็นไปแล้ว ผมเองก็ไม่ได้อะไรหรอกครับ แต่ยอมรับว่า ตอนที่รู้ตอนแรกก็อึ้งๆ เหมือนกัน
แบบว่า เฮ้ย น้องชายตรูเนี่ยนะ เกย์ - -

แต่เอาเถอะ ถ้ามันมีความสุข ก็แล้วแต่มันละกัน

หน้าห้อง ม. 3/2
“นี่ แอลอยู่ป่าว”
ผมถามเด็กในห้อง ก่อนที่เขาจะชี้ไปยังข้างใน
ผมเดินเข้าไปหาแอล ทันทีที่แอลหันมาเห็นผม ก็รีบยกมือไหว้ผมทันที
“หวัดดีฮะ พี่แบงค์”
แอลทักทายผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสดใส
“หวัดดี เอ่อ เมื่อคืนไอบาสได้ไปนอนบ้านเราป่ะ”
“ฮะ มานอนฮะ มีไรเหรอฮะ”
แอลสงสัย
“อ้าว แล้วนี่ไม่ได้มาด้วยเหรอถ้างั้น เพราะพี่ไปที่ห้องเรียนมันก็ยังไม่เห็นมาที”
ผมตอบกลับไป แอลทำหน้า งงๆ เล็กน้อย
“อืมมมมม เดี๋ยวก็คงมามั้งพี่ เพราะผมก็ออกมาพร้อมกับพี่บาสเค้านะ แต่พี่บาสบอกว่าจะกลับไปบ้านก่อนเพราะไม่มีเสื้อผ้าชุดนักเรียนอ่ะ”
“แต่มันว่าจะมาใช่มะ”
“ฮะ เห็นว่างั้นนะ”
แอลพยักหน้า
“โอเค ขอบใจมาก งั้นไปก่อนนะ”
“ฮะ บะบายฮะ”
แอลตอบผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอก ที่ไอบาสมันจะหลงเนี่ย
ก็น่ารักซะขนาดนั้น ตัวเล็ก ขาว หน้าใสเสียยิ่งกว่าผู้หญิงบางคน ถ้ามันเป็นผู้หญิงผมก็อาจจะหลงไปเหมือนกันนะนั่น


หืม ????? นี่คิดอะไรเนี่ย จะเบี่ยงเบนตามไอบาสไปอีกคนแล้วเรอะเรา - -*

เฮ้ออออออ
นี่แค่เปิดเทอมวันแรกก็มีเรื่องให้ปวดหัวมากมายขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย
แล้วแบบนี้ แบงค์จะไหวมั้ยเนี่ย เมย์
เฮ้ออออ นี่ถ้าเมย์ยังอยู่นี่ก็คงจะดีไม่น้อยเลยนะ


แต่ก็เป็นไปได้แค่ความคิดเท่านั้นล่ะ
เมย์ไม่มีวันกลับมาแล้วล่ะ
มีแต่เราเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ตรงนี้คนเดียว



....................................
“เอาล่ะ วันนี้ครูก็พอแค่นี้ก่อนละกัน ที่เหลือก็ไปทบทวนกันเองอีกทีนะ ถึงแม้จะเพิ่งเปิดเทอมวันแรกก็อย่าชะล่าใจไปล่ะ ปีหน้าก็ต้องเตรียมตัวเพื่อเข้ามหาลัยกันแล้วนะ”
อาจารย์ชุมพลพูดปิดท้ายชั่วโมงวิชาวิทย์ฯ ก่อนที่จะปล่อยพวกเราให้ไปห้องสมุด (ซึ่งคงไม่มีใครไปหรอก - -)
ผมเก็บสมุดหนังสือลงใส่กระเป๋านักเรียน พร้อมกับมายด์ที่เดินรี่เข้ามาอย่างรวดเร็ว

“ป่ะ นันท์ แบงค์ ทุกคนรออยู่”
หืม....????? ทุกคน ??? ผมหันไปรอบๆ ก็พบว่า ยังมีอีก 5-6 คนยืนรออยู่ใกล้ๆ
ผมเดินตามทุกคนไปอย่างใจลอย เพราะอันที่จริงก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าตัวเองจะตามไปทำไม - -
ที่ไปก็เพราะว่านันท์อยากไปอยู่หรอกนะ แต่ไม่คิดว่า จะไปกันเยอะแบบนี้

“แบงค์ เป็นไรป่าว ดูไม่สดชื่นเลย”
นันท์หันมาถามผม เมื่อเห็นว่าผมเดินรั้งท้ายอยู่คนเดียว
“อ่ะ ป่าวๆ ป่าวนี่ ไม่มีอะไร ก็แค่ คิดอะไรเพลินๆ เท่านั้นล่ะ”
ผมตอบปัดไป แต่ดูท่าว่าอีกฝ่ายจะไม่เชื่อ ยังคงทำหน้าเป็นหมาสงสัย
ผมเลยต้องเอามือไปขยี้หัวนันท์เล่น

“เฮ้ย ไรเนี่ย โห่ อีกแล้วอ่ะ แบงค์เนี่ย”
“ก็มันน่าแกล้งนี่ 555+”
ผมเอามือไปขยี้หัวนันท์อีกที พร้อมกับกำหมัดไปแตะแก้มมันเบาๆ ก่อนที่จะเร่งฝีเท้าวิ่งหนีนำหน้า
ในขณะที่นันท์เองก็วิ่งตามผมมา แต่คิดผิดซะแล้วล่ะที่จะวิ่งแข่งกับผมเนี่ย

ผมวิ่งมาจนถึงหน้าห้างก่อนใครเพื่อน พร้อมกับวิ่งไปหลบหลังป้ายโฆษณา
ไม่นานนัก นันท์ก็วิ่งตามมาถึงพ้อมกับกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณเพื่อหาผม
ผมยืนแอบอยู่ครู่นึง รอจนกระทั่งนันท์หันหลังกลับไป ก่อนที่จะค่อยๆ ย่องไปข้างหลังนันท์เงียบๆ
พร้อมกับลอคคออีกฝั่งไม่ให้ทันตั้งตัว

“เฮ้ย ปล่อยนะ”
นันท์ทำท่าขัดขืน แต่สู้แรงผมไม่ไหว แหงล่ะ หุ่นแบบนั้นจะสู้ผมได้ไงล่ะ
ผมลอคคอนันท์ไว้ พร้อมกับเอาอีกมือจี้เอวนันท์ นันท์ปล่อยหัวเราะก๊าก พร้อมกับดิ้นไปมา
คนแถวนั้นหันมามองกันใหญ่

“ยอมยัง ?”
ผมถามนันท์
“ยอมแล้ว ยอมแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ”
“พูดด้วยว่า ผมยอมแล้วคร้าบบบบบ คุณชายแบงค์”
“เฮ้ย แบบนั้นมัน.....อ๊า......คร้าบบบบ คร้าบบบ ผมยอมแล้วครับ คุณชายแบงค์”
นันท์ยอมพูดแต่โดยดี หลังจากที่ผมจี้เอวนันท์เข้าไปอีกชุดใหญ่

“ดีมากกกก”
ผมปล่อยนันท์ ดูเจ้าตัวจะหอบเอาการเลยนะนั่น 555+ ก่อนที่จะหันหน้ามาทำหน้าดุใส่
“ฝากไว้ก่อนเหอะ แค้นนี้ 10 ปีไม่มีสาย”
“จ้าๆ ไม่มีสาย แต่กลัวจะลืมซะก่อนอ่ะดิ 555+”
ผมตอบกลับพลางเอามือไปขยี้ผมนุ่มๆ นั่นอีกครั้ง นันท์ปัดมือผมออก พร้อมกับทำหน้างอนๆ แก้มป่องใส่
(หยั่งกะผู้หญิงเลยแน่ะ - -)

“นี่ 2 คนนั้นน่ะ จะกินติมกันมั้ย”
เสียงของมายด์เรียกผม 2 คนจากหน้าประตูทางเข้าห้าง
“ไปเหอะ คนอื่นรอแล้ว”
ผมพูด พร้อมกับจูงมือนันท์เดินตามกลุ่มเข้าไปในห้าง แต่นันท์กลับสะบัดมือผมออก
สงสัยยังงอนไม่เลิกวุ้ย
“โอ๋ๆ ขอโทษนะครับ ทีหลังไม่แกล้งอีกแล้ว”
“ก็เห็นพูดงี้ทุกทีนี่หว่า”
อูยยยยย

“แล้วทำไงถึงจะหายงอนเนี่ย”
“ต้องให้ขี่หลังจนกว่าจะไปถึงสเวนเซ่น”


“ห๊า!!!????”
ผมตกใจกับคำพูดนั้น โห สเวนเซ่นอยู่ตั้งชั้น 3 หลังหักพอดี
“เอ่อ แบบนั้นมัน.....”
“งั้นก็ไม่ต้องพูดกัน”
 ซวยแล้ว - - หาเหาใส่หัวแท้ๆ

“อ่ะๆ ก็ได้ อ่ะมาๆ อั่ก!!!!!!!!”
ไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยค นันท์กระโดดขึ้นมาขี่หลังผมทันที แทบจะไม่ให้ผมตั้งตัว
ท่ามกลางเสียงร้องแซวของเพื่อนๆ ในกลุ่ม และจากสายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปมา




แต่เอาเถอะ ไม่มีอะไรจะเสียละ
คิดซะว่า สนุกๆ กันไปดีกว่า จะเครียดอะไรกัน เดี๋ยวแก่เร็ว


.................
คืนนั้น
สรุป วันนี้ผมก็ยังไม่ได้เจอไอบาสอยู่ดี รู้แค่ว่ามันมาเรียน
แถมวันนี้ มันก็ยังไม่กลับบ้านอีก

“เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามาร..........”
มือถือก็โทรไม่ติดอีก

สงสัยได้ฟ้องแม่จริงๆ ซะละมั้งเนี่ย
ช่างหัวมันละ


หืม ใครโทรมา

นันท์เองเหรอ
“ว่าไง”
“ป่าว โทรมาเฉยๆ”

“งั้นวางนะ”
“เฮ้ย เดี๋ยวดิ”
“555+ ว่าไง มีธุระอะไร”

“ก็ไม่มีอะไรจริงอ่ะ แค่อยากโทรมาเท่านั้นล่ะ เห็นวันนี้ดูแบงค์ไม่ค่อยสดชื่นเท่าไหร่อ่ะ เป็นไรป่าว”
เสียงของนันท์ ที่แม้จะได้ยินแค่เสียงที่ผ่านทางโทรศัพท์ แต่มันฟังดูห่วงใยจริงๆ

“ก็......ไม่มีไรมากหรอก แบบว่า แค่เครียดๆ เรื่องไอบาสมันน่ะ”

“มีอะไรให้ช่วยมั้ย?”
“ไม่ล่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ไรมาก ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”


“อ่ะ อืม ไงก็........ถ้ามีไรก็ปรึกษาได้นะ ยินดีจะช่วย”
“ครับๆ”

“ไงๆ แบงค์ก็เป็น.......”
นันท์เงียบไปครู่นึง


“......เป็นเพื่อนคนสำคัญของนันท์นะ”


แค่คำพูดเล็กๆ น้อยๆ แม้เพียงพูดออกมา แต่มันก็ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาได้มากทีเดียว

“ครับ ขอบคุณนะ นันท์เองก็เป็นเพื่อนคนสำคัญของแบงค์เหมือนกันนะ ถ้านันท์มีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็ปรึกษาแบงค์ได้นะ”

“ครับ”


“งั้น คืนนี้ก็ฝันดีละกันนะ แบงค์”
“ครับ นันท์ด้วยนะ”

“บาย”
“บาย”

ผมวางโทรศัพท์ลงบนหัวเตียงก่อนที่จะล้มตัวลงบนที่นอน
พลางกับนึกถึงคำพูดของนันท์ ที่พูดกับผมเมื่อครู่

ทำไมผมถึงได้อมยิ้มได้เนี่ย


ไม่เอาละ นอนดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนอีก

แล้วพรุ่งนี้ จะมีโอกาสได้เจอไอบาสมั้ยวะเนี่ย - -



จบคาบเรียนที่ 1

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
 :L2: ต้อนรับเรื่องใหม่ สู้ สู้ นะคะ

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
ติดตามจ้ะ เรื่องใส ๆ น่าัรักจัง น้องนันท์ท่าทางจะคิดกับแบงค์เกินเพื่อนสินะ
เมย์ นี่เป็นแฟนเก่าแบงค์ใช่มั้ย ไม่อยู่แล้วนี่คือยังไงนะ
บาสยังไม่ปรากฎกาย แต่มีแฟนเป็นหนุ่มน้อย น้องแอล น่ารักจัง
รอดูพัฒนาการความรักของทั้งคู่นะจ้ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้ะ  :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ Lily teddy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-2
เป็นความรู้สึกของเพื่อนแอบรักเพื่อนสินะ หวังว่าคงไม่ดราม่าน๊า อยากให้ใส ๆ น่ารักตลอดเรื่องจัง  :hao3:
แล้วบาสนี่เป็นปริศนาอะไรป่ะเนี่ย ตลอดเรื่องหาตัวไม่เจอ  :m7: ตอนหน้าคงได้เปิดตัวบาสแฟนน้องแอลน๊า
รอติดตามด้วยคนจ้า  :pig2:

จิ๊บคุง

  • บุคคลทั่วไป
คาบเรียนที่ 2 : ลังเล


กริ๊งงงงงงง~~~~~!!!!


เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น ในขณะที่ผมเองกำลังแต่งเนื้อแต่งตัวเพื่อเตรียมที่จะไปโรงเรียนเหมือนทุกวัน

กึก!!!
“ฮัลโหล ใครครับ”
“บาส??? แบงค์??? นั่นใครน่ะ”
อ้อ แม่นี่เอง นี่ขนาดเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กยังแยกความแตกต่างของลูกตัวเองไม่ได้อีกแน่ะ - -

“แบงค์ครับแม่ มีอะไรเหรอครับ โทรมาแต่เช้าเชียว”
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก สบายดีรึป่าวน่ะเรา”

“ก็สบายดีอ่ะครับแม่ แล้วแม่ล่ะ พ่อด้วย”
ผมถามกลับไป พลางใส่ถุงเท้าอย่างทุลักทุเล
“ก็สบายดี แล้วบาสล่ะ ตื่นยัง”
“อ่ะ....เอ่อ ตื่นแล้วๆ เพิ่งออกไปเมื่อกี้นี่เองแม่”

“หืม...??? บาสเนี่ยนะ ตื่นเช้า โกหกแม่ป่าวเนี่ย”
ฉึก~~~~!!!! จับติดด้วย  = =

“ป่ะ ป่าวๆ ป่าวนะแม่ เพิ่งออกไปเมื่อกี้จริงๆ”

“เอาเถอะๆ ไงๆ ก็เตือนๆ มันด้วยละกัน ว่าอย่าเที่ยวให้มันมากนัก บ้านช่องกลับมั่ง อย่าให้แม่ต้องลงไปจัดการเองนะ ไม่งั้นโดนทั้งพี่ทั้งน้องน่ะล่ะ”
“เฮ้ย แม่ ผมเกี่ยวไรด้วยอ่ะ”
ผมถามกลับไปด้วยความงง
“ก็เราเป็นพี่นี่ ต้องดูแลน้องสิ”
“แค่ 20 นาทีเนี่ยนะ”
“นั่นล่ะ งั้นเป็นอันว่าโอเคนะ ไม่มีปัญหาอะไรนะ อยู่กันได้นะ”
แม่ผมถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย

“ครับแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ แม่อ่ะล่ะ ดูแลตัวเอง ดูแลพ่อด้วยนะ”
“จ้าๆ งั้นแค่นี้ละกันนะ มีเรื่องอะไรก็โทรมาละกัน”
“ครับ บายครับ”

ผมวางสายพร้อมกับใส่ถุงเท้าให้ดี ก่อนที่จะหยิบกุญแจบ้านออกมา
นี่ก็เปิดเทอมมาได้อาทิตย์กว่าๆ แล้ว ก็ยังวุ่นๆ อยู่เหมือนเดิม

ชมรมก็ยังไม่ได้เลือกที ว่าเทอมนี้จะเข้าชมรมอะไร
เทอมที่แล้วเข้าชมรมบาสไป ก็โอเคอยู่นะ แต่รู้สึกว่า วุ่นวายไปหน่อย
คนนู้น คนนี้เยอะแยะไปหมด คงไม่ลงเทอมนี้ต่อละ

แถมไหนจะถูกพี่ ม.6 มาทาบทามให้ลงสมัครคณะกรรมการโรงเรียนอีก - -

ผมเองก็ไม่ค่อยชอบกับอะไรที่ต้องพบปะผู้คนเยอะๆ เสียด้วยสิ
ไม่เอาดีกว่า


แต่จะปฏิเสธยังไงดีล่ะ ????
เฮ้อออออออ

“หวัดดี ทำหน้าหมาเซ็งมาแต่ไกลเชียวนะ”
นันท์ทักทายผมสีหน้ายิ้มแย้ม ทันทีที่ผมเดินมาถึงป้ายรถเมล์
“เซ็งเด็กแว่นแถวนี้นี่ล่ะ”
ผมตอบกลับไปพร้อมกับเอามือยีหัวนันท์เหมือนทุกที

“เอ้า อะไรเนี่ย อยู่ๆ ก็มาเซ็ง”
นันท์ถาม พร้อมกับเอามือจัดทรงผมใหม่อีกรอบ

“ล้อเล่นน่ะ ไม่มีไรหรอก”
ผมยิ้มตอบกลับไป พร้อมกับกอดคอนันท์แน่น โดยไม่พูดอะไรต่อ
“เอ้อ นันท์ เลือกได้ยังว่าจะเข้าชมรมอะไร”


“อืม.......คิดไม่ออกอ่ะ สงสัยคงได้อยู่ชมรมเดิมแน่เลย”
“ชมรมห้องสมุดอ่ะนะ”
ผมหันไปถาม นันท์พยักหน้าตอบผม
“แล้วแบงค์อ่ะ เทอมนี้จะเข้าบาสต่อป่าว”

“คงไม่อ่ะ”
“อ่าว ไมอ่ะ”
“ก็เบื่อๆ อ่ะ คนเยอะ เรื่องแยะ เดี๋ยวคนนู้นว่างู้น เดี๋ยวคนนี้ว่างี้ ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่”
ผมตอบไปแบบเซ็งๆ

“ก็แหงล่ะ กีฬานี่ ต้องเล่นให้เข้ากับคนอื่น ไงๆ ก็ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นอยู่วันยังค่ำอ่ะล่ะ”
“ก็เลยไม่ค่อยชอบไง แต่ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเข้าชมรมไรดี”
ผมถอนหายใจเบาๆ ทีนึง ส่วนนันท์ก็ทำหน้าครุ่นคิดครู่นึง
“งั้นมาเข้าชมรมห้องสมุดกับนันท์ป่ะ”
นันท์หันมาถามผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ชมรมห้องสมุด.....อืม.....”
ผมยังลังเลเล็กน้อย
“ชมรมห้องสมุดก็สบายอยู่นะ ไม่ค่อยมีอะไรมาก ส่วนมากแค่จัดๆ หนังสือให้เข้าที่ตามหมวดหมู่ แต่ส่วนมากก็อู้นั่งอ่านหนังสือเล่นกันทั้งนั้นน่ะ อิอิ จะหนักหน่อยก็ตอนมีหนังสือใหม่เข้ามาน่ะล่ะ ที่ต้องมานั่งแอดหนังสือเข้าระบบ แต่ก็แค่เดือนละครั้งเอง”
นันท์พูดติดตลกพร้อมกับหัวเราะเบาๆ รอยยิ้มของนันท์ดูจริงใจจนผมอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้

“ก็น่าสนดีนะ ขอคิดดูก่อนละกันนะ ขอบใจนะ ที่ชวน”
ผมพูดขอบคุณ พร้อมกับส่งยิ้มให้ พลางเขย่าไหล่นันท์เบาๆ นันท์ยิ้มอายๆ เล็กน้อย


..............................................................................
ที่โรงเรียน

“หวัดดีจ้า นันท์ แบงค์ด้วย”
มายด์เดินเข้ามาทักด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนทุกวัน ผมทักตอบกลับไป
“นันท์ มานี่หน่อยสิ มีอะไรจะคุยด้วย ขอยืมตัวแปบนะจ๊ะ แบงค์”
ผมพยักหน้ายิ้มๆ บวกงงๆ จะมาขอผมทำไมเนี่ย - -


“เฮ้ย ไอแบงค์”
เสียงห้าวๆ เรียกผม ผมหันไปยังต้นเสียงนั้น
“อ่าว เมิงเองเหรอ ว่าไง ไอพล”
ผมตอบกลับไป พลางหยิบเอาสมุดการบ้านออกมาจากกระเป๋า เพื่อจะเอาไปวางบนโต๊ะหน้าห้องเพื่อให้หัวหน้าห้องเอาไปส่ง
“สบายดีมั้ยวะ”
พลถามพร้อมกับกอดคอผมแน่น จนผมได้กลิ่นบุหรี่บางๆ โชยมาจากมัน
“กรูอยู่ห้องเดียวกับเมิง เห็นกรูอยู่ทุกวัน ยังจะต้องถามอีกเหรอวะ”
ผมตอบกลับไปแบบไม่ค่อยสนใจมันมากนัก เพราะปกติ ก็ไม่ค่อยได้คุยอะไรกันบ่อยมากนัก
แต่เพราะเคยอยู่ชมรมบาสมาด้วยกัน ก็เลยพอทำให้ได้คุยๆ กันบ้างเท่านั้นล่ะ

“โห ไรเนี่ย พูดจาตัดน้ำใจสุดๆ เลยนะเมิง คนเค้าอุตส่าห์ เป็นห่วงเป็นใย”
“มีธุระอะไร ว่ามาเหอะ กรูเหม็นกลิ่นบุหรี่ของเมิงว่ะ”
ผมพูดตัดบทด้วยความรำคาญเล็กน้อย ไอพลมันหันไปดมๆ ตัวมันเล็กน้อย

“พี่แจ้เค้าให้กรูมาถามเมิงว่าเทอมนี้จะเข้าชมรมบาสอีกป่าว”
ไอพลถามผม พร้อมกับเดินไปหยิบเก้าอี้แถวนั้นมาขึ้นนั่งยองๆ
ผมเงียบไปครู่นึง

“ฝากบอกพี่แจ้ด้วยละกัน ว่ากรูคงไม่เข้าชมรมบาสว่ะเทอมนี้”
ผมตอบกลับไปโดยไม่หันไปมองหน้ามัน
“อ้าว ทำไมวะ เห็นเมิงชอบเล่นบาสด้วยนี่ แถมยังเล่นออกจะเก่งอีกด้วย เก่งกว่ากรูอีก”

“กรูชอบอ่ะ ใช่ แต่กรูก็แค่ชอบเล่นเท่านั้นล่ะ แต่ให้ลงแข่งอะไรนั่น กรูไม่เอาอ่ะ กรูชอบเล่นของกรูเฉยๆ อ่ะ”
ผมตอบกลับไป พร้อมกับหันไปมองหน้ามัน ดูไอพลจะผิดหวังเล็กน้อย

“ตกลงไม่เข้าจริงอ่ะ”
“อืม”

ผมกับไอพลเงียบกันไปครู่นึง

“อ่ะ ตามใจเมิงละกัน เดี๋ยวกรูไปบอกพี่แจ้ให้ละกัน แต่ไงก็ลองคิดดูอีกทีละกัน เผื่อเมิงจะเปลี่ยนใจ”
พลพูดกับผมพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้

“กรูไม่เปลี่ยนใจหรอก ฝากบอกพี่แจ้ด้วยละกัน ว่ากรูขอโทษ แต่กรูคงไม่เข้าอ่ะ”
“เออๆ ตามใจเมิง เออกูว่าจะถามเมิงหลายทีละ ไอรอยแผลเป็นที่เหนือคิ้วเมิงอ่ะ ไมไม่หายาทาวะ จะได้หายๆ กูเห็นมาหลายปีแล้วนะเว้ย”
ไอพลมันพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาพยายามจะจับดูรอยแผลเป็นนั้น แต่ทันทีที่มันพยายามจับ

“เฮ้ย อย่า~~!!!”
เหมือนสัญชาติญาณมันไปเอง ผมรีบผละตัวออกพร้อมกับปัดมือของมันออก
ก่อนที่จะรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไป ผมเห็นไอพลทำสีหน้างุนงง
“เฮ้ย เป็นไรไปวะ ของขึ้นเรอะ กูแค่ถามเฉยๆ”

“เอ่อ ป่าวๆ กูแค่ตกใจนิดหน่อย โทษที”
ผมตอบกลับไปแบบตะกุกตะกัก ไอพลมองผมก่อนที่จะพยักหน้าแบบงงๆ

“เฮ้ย ไอตี๋เอ๋อ ไปกินข้าว เร็ว เดี๋ยวออดดัง อดกินกันพอดี”
ไอพลหันไปตะโกนเรียกเพื่อนนักเรียนในห้องอีกคนที่ดูเหมือนจะเป็นเบ๊ของมัน
อีกฝ่ายเมื่อได้ยินแบบนั้น ก็รีบลุกขึ้นจากโต๊ะเดินตามไอพลทันที แบบไม่ขัดขืนอะไรแม้แต่น้อย

ผมเดินเอาสมุดไปวางไว้บนโต๊ะ ก่อนที่จะหันไปมองรอบๆ ห้องเพื่อหานันท์
แต่ก็ไม่เจอ สงสัยคงไปคุยที่อื่นละมั้ง งั้นไปหาอะไรกินรองท้องหน่อยดีกว่า เดี๋ยวจะหิวอีก

ผมใช้เวลาไม่นานนักในการเดินลงมายังโรงอาหารเพื่อหาพวก นม ขนมกินรองท้อง

“แบงค์~~~~~~!!!!!!”

เสียงใครบางคนเรียกผมจากข้างหลัง ผมหันไปตามเสียงนั้น
“พี่โอ”
ซวยแล้ว ดันมาเจอคนที่ไม่อยากเจอที่สุด
พี่โอ คนนี้ล่ะครับ ที่ชวนผมให้ลงสมัครคณะกรรมการนักเรียน
“อ่า หวัดดีครับ”
ผมทักกลับไปแบบยิ้มแหยๆ
“ว่าไง ตกลงได้คิดรึยังว่าจะเข้าสมัครมั้ย”
นั่นไง เข้าประเด็นไม่อ้อมค้อมเลยด้วย - -

“เอ่อ คือ.......ผมคิดว่า.....ผมคงไม่เหมาะอ่ะครับพี่”
ผมพยายามจะปฏิเสธ
“ไม่เหมาะตรงไหน พี่ว่าเราน่ะ คุณสมบัติเพียบพร้อมเลยนะ เรียนก็ดี กีฬาก็เก่ง ความประพฤติก็ใช้ได้ มีอะไรไม่พร้อมอีกล่ะ”
พี่โอพยายามจะชักจูงผมให้ได้ ลากแม่น้ำทั้ง 100 สาย มาโน้มน้าวจิตใจผม

“ลงเหอะ พี่ว่าเราน่ะเหมาะสุดแล้ว สาวๆ ออกจะชอบเราตั้งเยอะ ยิ่งถ้ามีแรงสนับสนุนจากพี่ด้วยนะ ยังไงคนก็เลือกอยู่แล้ว”
ผมทำหน้าลังเลอยู่ครู่นึง ที่ลังเลนี่ ไม่ใช่เพราะอยากสมัครหรอกนะ
แต่ลังเลเพราะไม่รู้จะปฏิเสธแกยังไงดี ปฏิเสธไป แกก็ไม่ฟังอยู่ดีน่ะล่ะ จะให้ผมลงสมัครให้ได้


“งั้นถ้าไง ก็ลองกลับไปคิดดูอีกทีแล้วกันนะ พี่อยากให้เราลงให้ได้นะ ไงๆ มันก็ดีต่ออนาคตเราน่ะล่ะ”
พี่โอ พูดจบ พร้อมกับโบกมือลาให้ผม ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป

เฮ่ออออออ ชักไม่มีอารมณ์จะกินอะไรแล้วสิ
แต่ไงๆ ก็ต้องกินล่ะนะ แต่คงไม่อร่อยแล่วล่ะมั้ง - -



............................
หลังจากนั้น 2-3 วัน ผมก็ยังคงโดนพี่โอไล่ตามอีกเหมือนเดิม
บางครั้งก็หนีทัน บางครั้งก็หนีไม่ทัน ก็ได้แต่ปัดๆ ไป
หวังว่า สักวันแกคงจะรู้ตัวสักทีนะ - -


“เฮ่ออออออออ”
“หืม เป็นไรอ่ะ แบงค์”
นันท์ถามผมทันทีที่ได้ยินเสียงผมถอนหายใจ (เอ๋ นี่ผมเผลอถอนหายใจไปเหรอเนี่ย)

“ห่ะ หา อ่ะ อ๋อๆ ป่าวๆ”
ผมพยายามตอบปัดไป ในขณะที่พยายามเข้าจังหวะให้ถูกต้อง
เพราะคาบนี้วิชาพละน่ะครับ เทอมนี้ อาจารย์ให้เรียนเรื่องการเข้าจังหวะ
ก็คล้ายๆ พวกลีลาศอะไรนั่นล่ะครับ
วันนี้ให้แค่ลองซ้อมๆ กันน่ะครับ เอาแค่ให้พอรู้จังหวะแค่นั้น
ผมเองก็จับคู่กับนันท์นี่ล่ะครับ
(อาจารย์บอกว่า แค่ซ้อมให้จับ ชายคู่ชาย หญิงคู่หญิงไป กันพวกผู้ชายแต๊ะอั๋ง - -)

“โกหกอีกแล้ว”
นันท์พูดจับทางผมได้ พร้อมกับเอามือที่วางอยู่บนไหล่ กำไหล่ผมแน่น

“แบงค์แบบนี้ทุกที มีเรื่องอะไรก็ชอบเก็บเงียบไว้คนเดียวตลอด”
นันท์พูดเป็นเชิงน้อยใจผมหน่อยๆ
“เอ่อ ก็......แบบว่า พี่โออ่ะสิ แกพยายามตามตื้อให้ลงสมัครคณะกรรมการนักเรียนให้ได้เลย ปฏิเสธไปไง พี่แกก็ไม่ยอมฟัง ก็เลยเซ็งๆ อยู่เนี่ย”
ผมพูดระบายออกไป มือก็จับเอวนันท์ไว้ นันท์เองทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่พักนึง

“ไม่ลองพูดตรงๆ ไปเลยล่ะ เห็นปกติ แบงค์ก็แค่ปฏิเสธอ้อมๆ ไปนี่”
“แต่ว่า......”
“ไม่ต้องเลย ไม่ต้องกลัวว่าพี่เค้าจะเสียน้ำใจ ในเมื่อแบงค์ไม่ชอบ แล้วพี่เค้ายังตามตื้ออยู่ได้ แบงค์ก็ควรจะพูดไปตรงๆ เลยนะว่าไม่ชอบ”
นันท์พูดกับผมเสียงเข้ม พร้อมกับทำหน้าดุๆ ใส่ผม มือผมกับมือนันท์เกาะกุมกันไว้แน่นกว่าเดิม

“ถ้าเจอพี่โอเค้าอีก ก็บอกไปตรงๆ เลย ไม่ต้องอ้อมค้อมแล้วนะ ไม่งั้นแบงค์ก็ต้องเจอพี่เค้าตามตื้ออยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ น่ะล่ะ”

ผมนิ่งเงียบไปครู่นึง
“ครับ จะไปบอกครับ ขอบคุณนันท์นะครับ ที่ช่วยแบงค์”
ผมพูดจบ ก็โน้มตัวไปกอดนันท์แน่นทันที แน่นจนชนิดที่ผมได้ยินเสียงหัวใจเต้นของนันท์รัวแบบไม่เป็นจังหวะ
(เข้าจังหวะแค่นี้เหนื่อยเลยเหรอเนี่ย - -)
แต่คงด้วยเพราะผมรีบโถมตัวไปกอดนันท์เร็วเกินไปมั้ง นันท์เลยไม่ทันได้ตั้งตัว
ผลก็คือ

“ฮ่ะ เฮ้ยๆๆๆๆๆๆ”
ตุบ~~~!!!! โครม~~~!!!
“โอ๊ย เจ็บๆ”

“เอ้าๆ ตรงนั้นเล่นอะไรกันน่ะ เต้นจนขาพันกันรึไง”
อาจารย์เดินเข้ามาดูพร้อมกับดุผมทั้งสองคน ที่ตอนนี้ลงไปนอนกองกับพื้น
โดยที่ผมคร่อมทับตัวนันท์อยู่ ในขณะที่เพื่อนๆ ในห้องต่างหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

“น่ะ หนักๆๆ”
นันท์ส่งเสียงอิดออด พลางดันตัวผมให้ลุกขึ้นด้วยสีหน้าที่แดงอย่างเห็นได้ชัด
“อ่ะ โทษทีๆ”
ผมรีบลุกตัวขึ้นทันที พร้อมกับดึงมือนันท์ให้ลุกขึ้นมา

“ว่าไง เจ็บอะไรตรงไหนป่าว”
อาจารย์ถามผมสองคน ก่อนที่จะมองสำรวจพวกผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ผมป่าวครับ แล้วนันท์ล่ะ”
ผมหันไปถามนันท์
“นิดหน่อยอ่ะ เหมือนหัวจะกระแทกพื้นนิดหน่อย แต่ไม่ได้อะไรมากหรอก แค่มึนๆ อ่ะ”

“งั้นไปห้องพยาบาลให้อาจารย์เขาดูหน่อยมั้ยล่ะ”
“ไม่เป็นไรครั....”
“ก็ดีครับ เดี๋ยวผมพาไปเองครับ”
ผมรีบชิงบทพูด พร้อมกับอุ้มตัวนันท์ขึ้นมาทันที โดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว

“เฮ้ยๆ แค่ปวดหัวนิดหน่อย ไม่ใช่ขาหัก ถึงขั้นต้องอุ้มเลยเรอะ”
อาจารย์แซวผม
“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นี้สบายๆ ครับ”
ผมหันไปยิ้มตอบ ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้อง โดยปล่อยให้เพื่อนๆ ในห้องฮือฮากันไป


“นี่ ปล่อยลงเหอะแบงค์ แค่นี้เอง ไม่เป็นไรมากหรอก”
นันท์พยายามพูดกับผมด้วยสีหน้าอายๆ อยู่พอสมควร
“เอาเหอะ ถือว่าเป็นข้ออ้างที่ดีนะ”
ผมหันไปยิ้มกับนันท์
“ข้ออ้างอะไร นี่อย่าบอกนะว่าจะโดดอ่ะ”



ผมไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มให้นันท์อย่างเดียว แต่นันท์ยังพยายามจะดิ้นเพื่อให้ผมปล่อย
“อยู่นิ่งๆ สิ เดี๋ยวก็หล่นลงไป เจ็บมากกว่าเดิมหรอก”
ผมพูดพร้อมอุ้มนันท์ให้ดีกว่าเดิม
“รู้ล่ะน่ะ”
นันท์พูดปัด ก่อนที่จะเงียบไป


.........................
หลังจากที่ผมพานันท์มาส่งที่ห้องพยาบาลเพื่อให้อาจารย์ดูอาการก็พบว่า
หัวโนเล็กน้อย แต่ไม่ร้ายแรงมาก
อาจารย์เลยให้นอนพักสักครู่ ผมเลยถือโอกาสโดดเรียนมานั่งเฝ้าจนถึงคาบเที่ยงเลย
(โกหกอาจารย์ห้องพยาบาลว่า อาจารย์พละให้มาเฝ้า)

ไม่นานนัก นันท์ก็หลับไป ผมจึงได้แต่นั่งเฝ้าอย่างเงียบๆ

นันท์เวลานอนก็ดูบ๊องๆ ดีแฮะ
สายตาคงจะสั้นมากเลยสิเนี่ย ดูจากเลนส์ของแว่นนี่ถอดวางไว้ - -


จะว่าไป เมื่อกี้........................
ช่วงที่ผมกับนันท์ล้มลงไป เหมือนครู่นึง ปากของผมจะไปโดนแก้มของนันท์นิดนึงแฮะ


“...................................”

แก้มนันท์นุ่มขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย
ปกติก็กำหมัดแตะเบาๆ อยู่ตลอดนะ แต่ก็ไม่ได้เอะใจ ไม่สิ ไม่ได้ใส่ใจมากกว่า

แถมยังได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวนันท์ด้วย
หอมจนผมเองยังรู้สึกเคลิ้มๆ ไปเหมือนกัน


ผมมองนันท์ที่กำลังหลับอยู่อย่างเงียบๆ
พลางยกมือมาลูบแก้มนันท์เบาๆ ก่อนที่เลื่อนไปจับเส้นผมอย่างทะนุถนอม

นี่ก็เหมือนกัน ปกติก็จับเล่นอยู่ทุกวัน ก็ไม่เคยสังเกตว่ามันนุ่มแบบนี้


“อือ.......”
ผมสะดุ้งเล็กน้อย ทันทีที่นันท์ส่งเสียงในลำคอเบาๆ
พร้อมกับรีบดึงมือตัวเองกลับมา


จนแน่ใจว่าอีกฝ่ายหลับไปจริงๆ จึงถอนหายใจโล่งอกเบาๆ ก่อนที่จะนั่งมองอย่างเงียบๆ อีกรอบ




ไม่รู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ แต่เหมือนผมเองกำลังยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ หน้าของนันท์


ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ ใกล้จนกระทั่งผมได้กลิ่นหอมอ่อนๆ นั้นอีกครั้ง

“.....................”



“................................”

เฮือก~~~!!!!!
ผมรีบดึงสติตัวเองคืนมา พร้อมกับรีบลุกขึ้นเดินออกจากห้องพยาบาลเพื่อตรงไปยังห้องน้ำ
ก่อนที่จะเปิดก๊อกน้ำเพื่อล้างหน้าตัวเองซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า




เมื่อกี้ผมกำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ

รู้สึกเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ชั่วขณะ
แล้วอยู่ๆ ชั่ววูบนึง เมย์ ก็เข้ามาในความคิด เลยทำให้ผมดึงสติคืนมาได้


เมย์
นี่แบงค์กำลังทำอะไรอยู่เหรอ ???




ผมเฝ้ายืนถามตัวเอง พร้อมกับล้างหน้าอยู่แบบนั้นหน้ากระจกในห้องน้ำนานเกือบครึ่ง ชม. โดยไม่สนใจคนที่เดินเข้าเดินออก


สงสัยคงเหนื่อย และคิดมากไปหน่อยแฮะช่วงนี้ สงสัยต้องเข้านอนให้เร็วกว่าเดิมแล้ว

เมื่อตั้งสติได้แล้ว ผมจึงล้างหน้าตัวเองอีกรอบ ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องน้ำเพื่อกลับไปยังห้องพยาบาลอีกรอบ


นันท์ยังนอนหลับอยู่เหมือนเดิม ผมจึงหาหนังสือแถวนั้นมานั่งอ่านเล่น
แต่ก็อ่านได้ไม่นาน ก็เผลอหลับไป


ในความฝันนั้น ภาพที่ผมเห็น คือภาพผมกับเมย์ และนันท์ในวัยเด็กเล่นกันอย่างสนุกสนาน


..................เมย์..................................
คิดถึงจัง..........................

.................อยากเจออีกครั้งนึงจัง มีคำพูดมากมายอยากจะพูดกับเมย์เหลือเกิน......................


ฮึกๆ......ฮึกๆ........


“แบ.....”
ฮึ่กๆ.....


“แบงค์~~~~!!!!!”
ผมสะดุ้งทันที ที่ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อผม
เมื่อมองไปรอบๆ ก็พบว่าเป็น นันท์นี่เอง

“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ”
“อืม....จะเที่ยงแล้วอ่ะ ว่าแต่แบงค์เหอะ เป็นอะไรไป เห็นนอนร้องสะอึกสะอื้นอยู่เนี่ย”
นันท์ถามผมด้วยสีหน้า งงสุดๆ ก่อนที่จะเอามือมาจับหน้าผากผม

“ตัวก็ไม่ได้ร้อนเท่าไหร่นะ ไม่สบายตรงไหนป่าว”
“ป่ะ ป่าวๆ เมื่อกี้แบงค์สะอึกสะอื้นเหรอ”
ผมถามด้วยสีหน้ายิ้มแหยๆ

“อืม นอนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่คนเดียว ดูสิ มีน้ำตาด้วย”
ผมรีบเอามือมาแตะที่หน้าตัวเอง เออจริงด้วยวุ้ย


“จริงสิ ว่าแต่แบงค์ฝันว่าอะไรหว่า”
“อ้าว จำไม่ได้เหรอ”
นันท์ถามผมด้วยความสงสัย ก่อนที่จะขยับตัวมานั่งข้างเตียงเพื่อที่จะลุก

“อ่า ไม่ได้อ่ะ สงสัยคงฝันร้าย เจอผีหรือฝันว่าโดนแม่ด่าล่ะมั้ง แห่ะๆ”
ผมโกหกออกไป แต่ดูท่าว่านันท์เองก็คงไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก

“ป่ะเหอะ หิวแล้ว หาไรกินกันเหอะ”
นันท์ลุกขึ้นพร้อมกับชวนผม ก่อนที่จะส่งมือมาให้ผม

ผมมองมือเล็กๆ นั้นครู่นึงก่อนที่จะส่งมือไปจับไว้แน่น พร้อมกับยิ้มตอบ


ถึงแม้จะยังคงสับสนอยู่บ้าง
แต่ผมเองก็ยังคงมีความสุขเล็กๆ นี้อยู่ดี

ปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปก่อนก็แล้วกัน




“นันท์”
“หืม....???”


“แบงค์เข้าชมรมห้องสมุดด้วยนะ”
ผมพูดออกไป พร้อมกับหันมายิ้มให้นันท์
นันท์เองเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ้มตอบผมทันที

“จริงดิ เย่”
นันท์ดีใจจนแทบจะกระโดด
ผมกอดคอนันท์ไว้แน่นไปตลอดทางเดิน โดยที่ไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง



จบคาบเรียนที่ 2

จิ๊บคุง

  • บุคคลทั่วไป
:L2: ต้อนรับเรื่องใหม่ สู้ สู้ นะคะ

ขอบคุณครับ

ติดตามจ้ะ เรื่องใส ๆ น่าัรักจัง น้องนันท์ท่าทางจะคิดกับแบงค์เกินเพื่อนสินะ
เมย์ นี่เป็นแฟนเก่าแบงค์ใช่มั้ย ไม่อยู่แล้วนี่คือยังไงนะ
บาสยังไม่ปรากฎกาย แต่มีแฟนเป็นหนุ่มน้อย น้องแอล น่ารักจัง
รอดูพัฒนาการความรักของทั้งคู่นะจ้ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้ะ  :L2: :กอด1:

ขอบคุณครับ คำถามที่ถามนั้น คำตอบจะเป็นแบบไหน ต้องลองติดตามดูครับ  :o8:

เป็นความรู้สึกของเพื่อนแอบรักเพื่อนสินะ หวังว่าคงไม่ดราม่าน๊า อยากให้ใส ๆ น่ารักตลอดเรื่องจัง  :hao3:
แล้วบาสนี่เป็นปริศนาอะไรป่ะเนี่ย ตลอดเรื่องหาตัวไม่เจอ  :m7: ตอนหน้าคงได้เปิดตัวบาสแฟนน้องแอลน๊า
รอติดตามด้วยคนจ้า  :pig2:

ขอบคุณที่ติดตามครับ

ออฟไลน์ nine_molly

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
 :pig2:

เป็นกำลังใจให้จ้าา
รออ่านต่อ
 :pig4:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เมย์คงเป็นคนรักของแบงค์ แต่แบงค์ยังยึดติดอยู่
ยึดติดจนทำให้มองไม่เห็นความรู้สึกที่นันท์มีให้

เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมค่ะ

ออฟไลน์ Lily teddy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-2
น้องแบงค์เริ่มแอบมองน้องนันท์บ้างแล้ว ก็นะนันท์ให้ความรู้สึกน่ารัก อบอุ่นดี นี่แหละรักแท้แพ้ใกล้ชิด
แล้วความหลังกับเมย์นี่คืออาไรน๊า จะลึกลับพอ ๆ กับบาสไหมเพราะยังไม่เปิดตัวเลยอะ
รอติดตามตอนต่อไปค๊า  :bye2:  :L2: เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนต่อไปจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
อ่านแล้วทำให้รำลึกไปถึงตอนเป็นนักเรียนผูกคอซองเลย (เรายังไม่แก่นะบอกไว้ก่อน )
ตอนนั้นก็กลุ้มเรื่องเลือกชมรมเหมือนกันเลยอ่ะ ที่จริงอยากกลับบ้านมากกว่าแต่บังคับว่าต้องเลือก
ไม่มีชมรมห้องสมุด เหมือนน้องนันท์ด้วย ไม่งั้นคงเลือกเหมือนน้องนันท์นะเนี่ย ไม่ชอบอะไรที่วุ่นวายน่ะ

เข้าเรื่องดีกว่า แหะๆ เหมือนมีปริศนาเยอะจังนะเนี่ย ทั้งเรื่องเมย์ เรื่องบาสที่ยังไม่ปรากกฎตัว เรื่องที่มายด์คุยกับนันท์
ที่สำคัญ เรื่องแผลเป็นที่หัวคิ้วของแบงค์ โดนอะไรมา แล้วทำไมถึงตกใจตอนพลจะแตะโดนนะ
ชอบที่นันท์แนะนำแบงค์นะ อยากทำหรือไม่อยากทำอะไรควรพูดให้เด็ดขาดไป ดีกว่าต้องมานั่งกลุ้มใจอยู่คนเดียว
มีความรู้สึกว่าเรื่องนี้ อาจต้องเตรียมใจรับดราม่าใช่มั้ยเนี่ย เรื่องเมย์ เหมือนเป็นแผลในใจอะไรซักอย่างของแบงค์
เหมือนแบงค์จะเริ่มมีความรู้สึกพิเศษต่อนันท์แบบไม่รู้ตัวแล้ว แต่เมย์ ก็เป็นคนที่ทำให้แบงค์พยายามปัดความรู้สึกนั้นทิ้ง
พยายามปิดกั้น ไม่รับรู้ ทำตัวเหมือนปกติ แต่รู้สึกดีที่ได้อยู่เคียงข้างนันท์ไปแบบนี้
อืม แบงค์ที่เป็นแบบนี้ ควรมีตัวกระตุ้นนะเนี่ย ถ้ามีผู้ชายมาชอบนันท์ของเราซักคน แบงค์ยังจะเฉยได้อยู่มั้ยนะ
ปล. 1 ชอบเวลาแบงค์กันนันท์เรียกกันอ่ะ เรียกกันเพราะดีไม่กู มึง น่ารักดี
ปล. 2 แอบจิ้น พล กับตี๋เอ๋อ ที่เป็นเบ๊พลอ่ะ แหะ ๆ
เม้นท์ยาวไปหน่อย อย่าว่ากันนะ รอตอนต่อไปนะจ้ะ  :mew1: :L2:

 

จิ๊บคุง

  • บุคคลทั่วไป
คาบเรียนที่ 3 : ความสุข

“เฮ้ย ไอแบงค์ กุบอกพี่แจ้เค้าให้แล้วนะเว้ย ว่าเทอมนี้เมิงไม่ลงชมรมบาส”
พลเดินเข้ามาบอกผม ทันทีที่ผมเดินเข้าห้องเรียนมา
ในขณะที่ผมเองยังเบลอๆ นิดหน่อย ไม่รู้เป็นไง เหมือนช่วงนี้นอนไม่เต็มอิ่มเลยแฮะ

“เออ ขอบใจว่ะ แล้วพี่แจ้เค้าว่าไงมั่งล่ะ”
“จะเหลือเรอะ เมิงก็รู้นิสัยพี่เค้าดี กุสิ ต้องมานั่งฟังพี่แจ้เค้าบ่น จนหูกุแทบจะชาเลย”
ไอพลบ่นใส่ผม พร้อมกับทำหน้าเซ็งๆ
“ขอโทษว่ะ”
“ช่างมันเหอะ กุชินละ เมิงแหละ ช่วงนี้ก็หลบๆ พี่เค้าหน่อยละกัน”
“เออ”

ไรเนี่ย หนีพี่โอ แล้วยังต้องมาหนีพี่แจ้อีกเหรอเนี่ย ความสงบสุขของผมอยู่หนายยยยยย
“ว่าแต่เมิงอ่ะ ไม่เข้าบาสแล้วเมิงจะเข้าชมรมไรวะ”
“กุว่าจะเข้าห้องสมุดว่ะ นันท์ชวน”

“ห๊ะห้องสมุดเนี่ยนะ มีไรให้ทำวะ”
พลถามพลางหัวเราะเบาๆ
“ไม่รู้”
“ไม่รู้แล้วยังเข้าเนี่ยนะ หรือว่าเมิงจะ......”
“ช่างกุเหอะ...”
“แบงค์~~~~~!!!!”

เสียงของมายด์เรียกผมจากข้างหลัง
“อ้าว มายด์ มีไรเหรอ ถ้านันท์ล่ะก็ ลงไปซื้ออะไรกินข้างล่างนู้นแน่ะ”
ผมพูดตัดบททันที เพราะคิดว่าอย่างมายด์ ถ้าเข้าหาผม ก็คงไม่พ้นเรื่องของนันท์ชัวร์

“ไม่ใช่ๆ นันท์อ่ะ เจอกันแล้วที่บันไดเมื่อกี้”
“อ้าวแล้วเรื่องไรล่ะ”
มายด์ยิ้มกรุ้มกริ่มเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้อีกเล็กน้อย

“ก็อาทิตย์หน้าอ่ะ จะมีสอบเทสการเข้าจังหวะน่ะ เขาให้จับคู่ชาย-หญิง ก็เลยว่าจะมาถามแบงค์น่ะ ว่ามีคู่ยัง”
เออแฮะ ลืมไปเลยนะเนี่ย
“ยังอ่ะ ทำไมเหรอ”
“ก็ถ้ายัง มายด์จะขอจับคู่กับแบงค์ได้มั้ย”
มายด์พูดพร้อมกับยิ้มแป้นให้ผม ทำเอาผมงงอยู่ไม่น้อย

“อ้าว แล้วไม่จับคู่กับนันท์เหรอ”
“ไม่อ่ะ งานนี้ขอคู่แบงค์ดีกว่า นันท์เค้าอุตส่าห์ขอ....เอ้ย นันท์เค้าจับคู่กับคนอื่นไปแล้วน่ะ แห่ะๆ”
มายด์ยิ้มให้ผมอีกครั้ง ผมหันไปมองหน้าพลที่กำลังทำหน้างงๆ ไม่แพ้ผม

“อืม ก็ได้ แต่แบงค์ไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่นะ ได้คะแนนต่ำอย่าว่ากันนะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วง มายด์ก็ไม่เก่งเหมือนกันน่ะล่ะ อิอิ งั้นเป็นอันว่าตกลงนะ ไปก่อนนะ ไปละ”
มายด์ตัดบท พร้อมกับจากไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูดต่ออะไรเลย

“ยัยนั่นเซี้ยวใช่ย่อยว่ะ มาไวไปไวโคตร หรือว่าจะชอบเมิงอยู่วะ”
ไอพลพูดแซวผม พร้อมกับตบไหล่ผมเบาๆ
“จะบ้าเรอะ มายด์เค้าไม่ได้ชอบกุหรอก มายด์เค้าชอบนันท์นู่น เห็นอะไรๆ ก็นันท์ๆ ตลอด”
“เฮ้ย จริงดิ แล้วนันท์ล่ะว่าไงวะ”

“ไม่รู้ แต่ดูท่านันท์คงไม่รู้ตัวล่ะมั้ง ดูเอ๋อๆ ซะขนาดนั้น แต่ก็ไม่เข้าใจว่ะ มายด์ก็ดูจะกล้าซะขนาดนั้น ทำไมถึงไม่บอกนันท์ไปตรงๆ สักทีว่าชอบ”
ผมพูดสงสัย ก่อนที่จะหันไปทางไอพลที่ดูจะครุ่นคิดอะไรอยู่
“เป็นไรวะ”

“มายด์อ่ะ กุไม่รู้ แต่นันท์อ่ะ กุว่ามันไม่ได้ชอบมายด์หรอก มันน่าจะชอบคนอื่นอยู่”
“ห๊ะ นันท์เนี่ยนะ ชอบใครบางคนอยู่ ใครวะ กุไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”
ไอพลมองหน้าผม พร้อมกับยิ้มกวนตีนใส่ผม ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินออกไป

“เรื่องไรกุต้องบอกวะ ไม่ใช่เรื่องของกุ อีกอย่างบอกไป ก็ไม่สนุกสิวะ ฮ่าฮ่าฮ่า~~~~!!!!”
“อ้าวเฮ้ย ไหงงี้วะ ไอพล เฮ้ย กลับมาก่อนเว้ย”
ไม่ได้ผล ไอพลเดินออกไปโดยไม่สนใจหันกลับมาแม้แต่น้อย ปล่อยให้ผมนั่งงงอยู่คนเดียว

หรือว่ามันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แกล้งอำผมเล่นๆ ไปงั้น
ไอนี่ปกติ ก็นิสัยเสียๆ แบบนี้อยู่ด้วย

ช่างมันเหอะ อย่าไปใส่ใจเลยดีกว่า
.
.
.
..................................................
ช่วงนี้ผมก็ยังคงใช้ชีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ อยู่เหมือนเคย
ไหนจะทั้งพี่โอ แล้วยังจะต้องมาหลบพี่แจ้อีก
วุ่นวายกันเหลือเกินชีวิตตรู นี่ตกลงตรูเป็นนักเรียน หรือนักโทษแหกคุกกันแน่เนี่ย

ขนาดปฏิเสธพี่โอไปตรงๆ ตามที่นันท์บอกแล้วนะ แต่ดูเหมือนพี่โอแกยังไม่ลดละความพยายามเลยแฮะ
พักเที่ยงช่วงนี้ ผมก็เลยหลบไปอาศัยอยู่ในห้องสมุดพลางๆ
ด้วยเหตุที่ว่า คนไม่ค่อยจะมีเท่าไหร่นัก เงียบสงบดี

ไหนๆ ก็เป็นสมาชิกชมรมห้องสมุดไปแล้วนี่

ผมเดินเลือกหาหนังสืออ่านไปเรื่อยโดยไม่มีจุดหมาย
เพราะปกติ ผมก็ไม่ใช่พวกชอบอ่านหนังสือเท่าไหร่ ถึงแม้ในวิชาเรียนจะตั้งใจเรียนก็เถอะ
แต่เรื่องให้อ่านหนังสือนอกเวลา ผมกลับไม่ค่อยสนใจที่จะอ่านเลย

“อ้าว แบงค์”
เสียงของนันท์ทักผม เมื่อผมเดินมาถึงหมวดวิทยาศาสตร์ ในขณะที่นันท์เองก็กำลังยืนเลือกหนังสืออยู่
“ทำไรอยู่อ่ะ”
ผมถามพร้อมกับเดินเข้าไปหา
“ก็....กำลังหาพวกหนังสือ เกี่ยวกับจักรวาลอวกาศอะไรพวกนี้อะ”
“จะไปเป็นนักบินอวกาศเหรอ”
ผมแซวเล่นไป

“บ้าดิ ก็แค่อยากดูพวกรูปดาวต่างๆ จักรวาลอะไรพวกนี้อ่ะ มันสวยดี ดูแล้วชวนให้จินตนาการดี”
“ขนาดเป็นหนอนหนังสือขนาดนี้ ทำไมเกรดถึงได้ลูกผีลูกคนอีกละเนี่ย”
ผมพูดแซวออกไป ก็ตามนั้นล่ะครับ
นันท์เขาเป็นพวกหนอนหนังสือน่ะ เห็นชอบอ่านเสียเหลือเกิน
แต่ปกติ คนชอบอ่านหนังสือเขาต้องเรียนเก่งด้วยไม่ใช่เหรอ

แต่ไหง.................... - -*
 “เอาน่ะ นันท์รู้แหละ ก็ ชอบอ่าน ไม่ได้หมายความว่าต้องเก่งด้วยนี่
นันท์ก็แค่ชอบอ่าน แต่ ขี้เกียจจำ”
“เจริญ - -*”
นันท์ตอบก่อนที่จะหันไปเลือกหนังสือต่อ ก่อนที่จะหันมาหาผมอีก
“เออ ว่าแต่แบงค์เถอะ มาห้องสมุด มาหาไรอ่านเหรอ”

“ป่าวอ่ะ ก็แค่ว่าเข้ามาหลบพี่แจ้ กับพี่โอเฉยๆ น่ะ ไม่รู้จะไปไหนดี”
ผมพูดอย่างเซ็งๆ พลางหยิบจับหนังสือเล่มโน่น เล่มนี้มาเปิดผ่านๆ
“อ้าว ไหนว่าปฏิเสธพี่โอไปตรงๆ แล้วไง”
“ก็ถ้าแกรับฟังมันก็ดีอยู่หรอก เฮ้อ~~~~!!!!”
ผมถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับเดินเข้าไปข้างหลังนันท์ ก่อนที่จะกอดคอนันท์

“เฮ้ย ทำไรอ่ะ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นหรอก”
นันท์เอ็ดใส่ผมเบาๆ แต่ผมก็ยังคงกอดคอนันท์ไว้เหมือนเดิม ก่อนที่จะซบหน้าลงไปบนไหล่นันท์

“ไม่มีใครมาเห็นหรอก”
“แต่....”
“นะ ขอแบงค์อยู่แบบนี้สักพักนะ แค่ตอนนี้ก็พอ”
ผมพูดพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ อีกรอบ นันท์เองเมื่อได้ยินแบบนั้น ก็นิ่งเงียบไปไม่พูดอะไรต่อ
ได้แต่เอามือมาจับมือผมเบาๆ ราวกับจะให้กำลังใจผม

ผมเองก็ไม่รู้ว่าด้วยเพราะอะไร
แต่รู้แค่ว่าตอนนี้ผมต้องการแค่นี้ก็พอแล้ว
“มีอะไรไม่สบายใจก็บอกนันท์ได้นะ ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่ถ้าได้ระบายออกมา นันท์ก็ยินดีที่จะรับฟังนะ”
นันท์พูดกับผมด้วยน้ำเสียงห่วงใย

“ขอบใจ ขอบใจนะ นันท์ แค่นี้ แบงค์ก็ดีใจละ”



ใช่ แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว
.
.
.
......................................................
หลังจากหมดวิชาสุดท้ายของวัน อาจารย์ภาวดี ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำชั้นก็รีบเข้ามาทันที
พร้อมกับบอกให้พวกเรานั่งลงที่ของตัวเองก่อน

“อาจจะกะทันหันไปนิดนะ แต่ขอรบกวนเวลาพวกเธอสักครู่นะ
เพราะพรุ่งนี้เช้าครูจะเข้าสายหน่อยเนื่องจากติดธุระ
เลยทำให้เข้า ชั่วโมงโฮมรูมไม่ได้ ก็เลยขอพูดตอนนี้ละกัน”
อาจารย์ภาวดีพูดพร้อมกับเดินแจกเอกสารอะไรสักอย่างให้พวกเรา

“พอดีกระทรวงเขาจะจัดค่ายอบรมต่อต้านยาเสพติด ซึ่งจะจัดขึ้นต้นเดือนหน้าเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน”

“ใครสนใจก็สมัครมากันได้นะ แต่รีบหน่อยนะ เขารับแค่โรงเรียนละ 20 คนเท่านั้น
ซึ่งทางโรงเรียนจะคัดเลือกจากใบสมัครอีกที แต่ยังไงครูก็อยากให้พวกเธอเข้าร่วมนะ
ยังไงก็เอารายละเอียดนี้ไปให้ผู้ปกครองเธอดูละกัน ถ้าสนใจก็ให้ผู้ปกครองพวกเธอเซ็นต์อนุญาตมาด้วยนะ
แล้วเอามาส่งครูภายในอาทิตย์นี้ด้วย”

หลังอาจารย์พูดจบก็ปล่อยพวกเรากลับบ้านตามปกติ


หลังเลิกเรียน ผมกับนันท์ก็ขึ้นรถเมล์กลับบ้านตามปกติเหมือนทุกวัน
“เออใช่ ได้เจอบาสยังอ่ะ”
นันท์ถามผม
“ก็เจอๆ นะ แต่เจอแค่ที่โรงเรียนอ่ะ มันยังไม่เข้าบ้านเลยเนี่ย”

“หา นี่จะเดือนนึงละนะ แล้วได้พูดอะไรกันมั่งป่ะ”
“จะได้พูดไรกันล่ะ แทบจะไม่ได้คุยกันด้วยซ้ำ แต่ก็บอกๆ มันไปละว่าให้กลับบ้านบ้าง”
ผมพูดไปแบบเซ็งๆ อีกรอบ นันท์เองคงเห็นผมท่าทางไม่ดีเลยรีบตัดบททันที
“เอาน่ะๆ เดี๋ยวอะไรๆ มันก็ดีขึ้นล่ะน่ะ นะ”
นันท์ยิ้มให้ผม พร้อมกับจับไหล่ผมเบาๆ

“เออ เมื่อเช้ามายด์เค้ามาขอแบงค์เป็นคู่สอบเทสเข้าจังหวะอาทิตย์หน้าด้วยอ่ะ”
“อื้ม มายด์บอกนันท์ละ”
“อ้าวเหรอ แล้วนันท์ล่ะ จับคู่กับใคร”
ผมถามกลับไป

“อืม........ยังไม่รู้เลยอ่ะ ยังไม่ได้คิดเลย”
“อ้าวเหรอ เห็นมายด์บอกแบงค์ว่านันท์จับคู่คนอื่นไปแล้ว มายด์เลยมาขอคู่แบงค์เนี่ย ตกลงไงแน่”
“อ้อๆๆ ก็มีดูๆ ไว้นะ แต่อีกฝ่ายเค้ายังไม่ตอบตกลงอ่ะ แห่ะๆๆ”
นันท์ตอบกลับแบบตะกุกตะกัก ท่าที่น่าสงสัย


-มายด์อ่ะ กุไม่รู้ แต่นันท์อ่ะ กุว่ามันไม่ได้ชอบมายด์หรอก มันน่าจะชอบคนอื่นอยู่-
อยู่ๆ คำพูดของไอพลก็ลอยเข้ามาในหัวผม

หรือว่านันท์จะ..........................
ผมหันไปมองนันท์ที่ตอนนี้กำลังหันหน้ามองไปทางอื่นอยู่

ผมไม่รู้ว่าควรจะถามดีมั้ย มันลังเลอยู่ในความคิด
ไม่รู้สิ มันบอกไม่ถูกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน

ใจนึงก็แอบดีใจด้วย

แต่มันดีใจแน่เหรอ

เหมือนอีกใจก็แอบๆ น้อยใจนิดๆ ที่รู้สึกเหมือนตัวเองโดนปิดบังอยู่
แต่ผมก็พยายามจะเข้าใจว่า นันท์เองคงอายไม่กล้าบอกผมล่ะมั้ง


นันท์กำลังแอบชอบใครบางคนอยู่

ทำไมผมต้องใส่ใจขนาดนั้นด้วยเนี่ย
แค่เพื่อนกำลังจะมีแฟน (?) แต่ทำไมเหมือนตัวเองกำลังไม่พอใจอยู่เล็กๆ


“เป็นอะไรไปอ่ะแบงค์ ทำหน้าเครียดเชียว”
นันท์หันมาถามผม ทันทีที่ผมกอดคอนันท์ไว้แน่นราวกับกลัวว่านันท์จะหายไป


“ป่ะ ป่าวๆ ก็แค่อยากกอดคอเฉยๆ”
ถึงจะพูดแบบนั้น
แต่ นั่นสิ ผมเป็นอะไรไป ตอนนี้



...............................................................
หลังจากที่ผมกับนันท์ลงจากรถเมล์ทันทีที่มาถึงหน้าหมู่บ้าน
เราทั้งสองต่างก็รีบเดินเพราะท้องฟ้าดูมืดครึ้มเหมือนฝนกำลังจะตก

“เออ แบงค์สนใจจะไปค่ายอบรมมั้ย”
นันท์ถามผมเมื่อเดินมาถึงหน้าบ้านของนันท์
ผมครุ่นคิดอยู่ครู่นึง

“ยังไม่รู้เลยอ่ะว่าจะไปดีมั้ย อีกอย่างพ่อกับแม่ก็ไม่อยู่ด้วย ไม่มีใครจะเซ็นต์ใบอนุญาตให้”
นันท์ทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย ก่อนที่จะพูดเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก

“เออใช่ ให้แม่นันท์เซ็นต์ให้มั้ยล่ะ”
“เฮ้ย แล้วอาจารย์จะไม่ว่าเหรอ”
“ก็ค่อยบอกเหตุผลอาจารย์สิ ไปเหอะ ถือโอกาสหนีพวกพี่แจ้ พี่โอด้วยไง ถือซะว่าไปเที่ยว นะ”
นันท์ทำหน้าเป็นเชิงอ้อนวอนผม
ก็น่าสนแฮะที่นันท์พูดมาเนี่ย

“แล้วนันท์ล่ะไปป่าว ถ้านันท์ไม่ไปแบงค์ก็ไม่ไปอ่ะ”
“ก็ว่าจะไปอ่ะ ถึงได้ถามแบงค์นี่ไง ตกลงไปนะ งั้นเอาใบขออนุญาตมา เดี๋ยวคืนนี้จะได้ให้แม่เซ็นต์ให้”
นันท์พูดกับผมพร้อมกับยื่นมามาทางผม ผมเปิดกระเป๋าเอาใบขออนุญาตส่งให้นันท์


เมื่อผมเดินมาถึงบ้านตัวเอง และกำลังจะไขกุญแจบ้านเข้าไป
กลับพบว่า กุญแจถูกไขออกไปก่อนแล้ว เมื่อสังเกตดูดีๆ ก็พบว่า มีรองเท้านักเรียนวางอยู่หน้าบ้าน


แสดงว่าไอบาสมันกลับมาแล้วสินะ

“ไอบาส ไอบาส กลับมาแล้วเหรอวะ”
ผมตะโกน พร้อมกับเปิดประตูเดินเข้าไปในบ้าน
ไฟก็ไม่เปิด เรียกก็ไม่ตอบ ไปไหนของมันวะ

ผมได้ยินเสียงทีวีเปิดดังมาจากห้องนั่งเล่น เมื่อผมเดินเข้าไปก็พบไอบาสนอนหลับอยู่บนโซฟา
ดูมันเสื้อผ้าก็ยังไม่ได้เปลี่ยน หลับทั้งชุดนักเรียนแบบนี้เลยเนี่ยนะ

“เฮ้ย ไอบาส ตื่นๆ ไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดีก่อนไป”
ผมปลุกไอบาสให้ตื่น อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาแบบงัวเงีย และดูจะอารมณ์เสียอยู่ไม่น้อย

“เมิงนึกไงถึงกลับบ้านได้วะ”
ผมหันไปถามก่อนที่จะเดินเข้าห้องครัวเพื่อไปหยิบนมในตู้เย็นออกมาดื่ม
“แม่โทรไปด่าอ่ะสิ”
ผมพูดทับไปอีกที

“เมิงโทรไปฟ้องแม่อ่ะดิ”
เสียงของไอบาสตะโกนดังลงมาจากชั้นบน
“อย่าพาลเว้ย กุไม่ได้ฟ้องสักนิด”
“แล้วแม่จะรู้ได้ไงวะ”
“กุจะไปรู้เรอะ แต่เมิงเองอ่ะล่ะ หัดกลับบ้านซะมั่ง ไม่ใช่ไปหมกอยู่แต่บ้านเมีย หัดเกรงใจเขามั่ง”
ผมบ่นกลับไป แต่ไร้เสียงใดๆ ตอบกลับมา สงสัยคงขึ้นไปนอนข้างบนละมั้ง
น้ำก็ไม่อาบ ช่างมันละ เหนื่อยใจ ถ้าไม่ติดว่าหน้าตาเหมือนกัน ก็ไม่ได้อยากจะสนใจเท่าไหร่หรอก - -

หลังจากที่จัดการนมหมดไป ผมก็ขึ้นข้างบนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่จะลงมาดูทีวีข้างล่าง

ผมล้มตัวลงนั่งบนโซฟา ก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมกับกดรีโมทเพื่อเปิดทีวีซึ่งก็ไม่ค่อยจะมีอะไรให้น่าดูมากนัก ผมจึงกดปิดไป


เมย์......
ตอนนี้แบงค์กำลังทำอะไรอยู่เนี่ย
ตอนนี้แบงค์เป็นอะไรอยู่

ตอนนี้ บางครั้งแบงค์เองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าตัวเองเป็นอะไรไป


ถ้าตอนนี้เมย์ยังอยู่ตรงนี้เหมือนเมื่อก่อน ก็คงจะดีกว่านี้แน่


ในขณะความคิดของผมกำลังสับสนอยู่นั้น ผมก็ได้แต่นอนคุดคู้อยู่บนโซฟา
ก่อนที่จะเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่บาสลงมาปลุกให้ไปนอนข้างบน
ซึ่งที่จริงน่าจะเรียกว่าไล่ที่มากกว่านะ เพราะทันทีที่ผมลุกขึ้น ไอบาสมันก็ลมตัวลงบนโซฟาแล้วเปิดทีวีทันที

ผมมองดูนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาเกือบๆ 4 ทุ่มแล้ว
ข้าวเย็นยังไม่ได้กินเลยนี่หว่า แต่ขี้เกียจละ ขึ้นห้องเลยดีกว่า


แต่ดันเผลอหลับไปตอนหัวค่ำนี่สิ ตอนนี้เลยรู้สึกตาสว่างๆ ขึ้นมาซะแล้วสิ - -


งั้นลงไปหาอะไรกินดีกว่า เผื่อว่าถ้าหนังท้องตึง หนังตาอาจจะหย่อนก็ได้
ผมเดินลงไปข้างล่าง เปิดตู้เย็นดูว่าพอมีอะไรจะออกมาทำกินได้มั่งมั้ย
ก่อนที่จะพบว่า ณ เวลานี้ ตู้เย็นบ้านผมแทบจะไม่เหลืออะไรกินเลย

สงสัยพรุ่งนี้เลิกเรียนค่อยแวะซื้อที่ซุปเปอร์หน้าหมู่บ้านละกัน

“เฮ้ย ไอบาส กุจะออกไป 7-11 เมิงจะฝากซื้อไรป่าว”
ผมหันไปถามไอบาสที่ตอนนี้กำลังนั่งดูทีวีอยู่
มันหันมามองผมนิดหน่อย

“เอากรองทิพย์ซองนึงละกัน เมิงออกตังไปก่อนนะ เดี๋ยวกุค่อยให้ เป๋าตังกุอยู่บนห้อง”

“นี่เมิงยังไม่เลิกสูบบุหรี่อีกเหรอวะ เดี๋ยวแม่รู้ก็ได้บ้านแตกอีกหรอก”
“ก็ถ้าเมิงไม่พูด แม่จะรู้มั้ยล่ะ”
มันย้อนกลับใส่ผม โดยที่ไม่หันมามองผมสักนิด

“งั้นกุไม่ซื้อให้ว่ะ ถ้าเมิงจะสูบ เมิงก็ไปซื้อเองละกัน”
ผมพูดพร้อมกับเดินออกจากบ้านมาโดยไม่สนใจที่จะเถียงกับมันต่อ

ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ เลยว่าผมกับมันจะเป็นฝาแฝดกัน
นอกจากหน้าตาแล้ว แทบจะไม่มีอะไรคล้ายกันเลยสักนิด

ผมเดินขึ้นไปหยิบมือถือกับกระเป๋าตังบนห้อง แล้วก็ปั่นจักรยานมุ่งหน้าไปยัง 7-11 หน้าหมู่บ้านทันที


เอาพวกของเบาๆ ดีกว่า นมละกัน กับขนมปังสักชิ้น คงอยู่ท้องนะ

หลังจากที่ซื้อเสร็จผมก็ไม่รอช้า แกะกินหน้า 7-11 นั่นล่ะ
เพราะขี้เกียจทิ้งขยะที่บ้าน - -* ก่อนที่จะปั่นจักรยานกลับบ้านทันทีที่กินเสร็จ

เมื่อปั่นมาถึงบ้านนันท์ ผมหันไปสังเกตหน้าต่างห้องของนันท์ ก็พบว่าไฟยังคงถูกเปิดอยู่
แสดงว่าเจ้าตัวน่าจะยังไม่นอนที ผมจึงหยิบมือถือขึ้นมา


“...................................”

“ตื๊ด”
“โหล ว่าไงแบงค์ มีไรเหรอ”
เสียงของอีกฝ่ายทักผมทันทีที่รับสาย ผมได้ยินเสียงทีวีดังลอดผ่านเข้ามา

“ดูทีวีอยู่เหรอ ถึงยังไม่นอนเนี่ย”
“ได้ยินด้วยเหรอ”
“ได้ยิน แถมเห็นด้วยว่าไฟยังไม่ปิด ก็เลยลองโทรมาเนี่ย”
สิ้นเสียงพูดไม่นาน นันท์ก็โผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างทันที

“อ้าว ทำไมมาอยู่ตรงนี้อ่ะ”
“มาหาไรกิน 7-11 อ่ะ”
“ให้ไปเป็นเพื่อนป่าว”
นันท์ถามผม พร้อมกับชี้ไปที่ตัวเอง
“ไม่เป็นไร ซื้อแล้วก็กินเสร็จแล้วน่ะ ก็แค่อยากโทรมาแหย่เด็กแว่นเล่นน่ะ 555+”
“เดี๋ยวเถอะๆ”

“งั้นไม่กวนละ แค่นี้นะ”
“เดี๋ยวๆ แบงค์ อย่าเพิ่งวางสาย”
“หือ ไมเหรอ”
“แม่เซ็นต์ใบขออนุญาตให้แล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เอาไปให้นะ”
“ขอบคุณมาก ฝากขอบคุณแม่นันท์ด้วยละกัน งั้นแค่นี้นะ ไปดูทีวีต่อเถอะ”

ผมวางสายพร้อมกับเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะปั่นจักยาน

“แบงค์~~~!!!”
เสียงของนันท์เรียกผม ผมจึงหยุดและหันกลับไป
“มีไรเหรอ”
ผมถามกลับไป นันท์ได้แต่ยิ้มไม่ตอบอะไร (คิดว่ายิ้มนะ ไม่รู้มันไกลอ่ะ มองไม่ชัด - -*)

“อะไรๆ ยิ้มอะไร”
“ป่าว แค่จะบอกว่า......”

“ว่า...?”


“ฝันดีนะ ไปละ ไปดูทีวีละ”
นันท์กลับเข้าไปในห้องทันทีที่พูดจบ ปล่อยให้ผมยืนงงอยู่กับจักรยานคู่ใจไปพักนึง


“ไอเด็กบ๊องเอ้ย”
ผมอมยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่จะปั่นจักรยานกลับบ้านอย่างมีความสุข

แม้จะแค่เล็กๆ น้อยๆ ก็ตามที






จบคาบเรียนที่ 3

จิ๊บคุง

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ ทุกท่าน ขอบคุณที่เข้ามาติดตามนะครับ
ทั้งท่านที่เข้ามาอ่านอย่างเดียว และท่านที่คอมเม้นท์ด้วย
(ใจจริงอยากให้คอมเม้นท์ด้วยนะ จะได้รู้จุดต้องปรับปรุง 555+)


อันที่จริงนิยายเรื่องนี้ ผมแต่งไว้นานแล้ว หลายปีพอสมควร
แรกเริ่มเดิมที ผมแต่งเล่นลงในเวปเกมส์แห่งนึง
แต่ปรากฏว่า แต่งไปแต่งมา ดันอินเสียเอง เลยย้อนกลับมาแก้ไข ใส่เหตุผลเพิ่มลงไป

แต่ด้วยหน้าที่การงานในช่วงนั้น (วัยเริ่มทำงานน่ะ)
เลยทำให้ต้องร้างลาไป

แต่ตอนนี้อะไรๆ เริ่มเข้าที่เข้าทางละ และพอดีมีซีรีย์ ฮอโมนส์ วัยว้าวุ่น พอได้ดูแล้ว
เลยทำให้คิดถึงเหล่าตัวละครทั้งหลาย ทั้งแบงค์ นันท์ มายด์ บาส พล และอีกหลายคนที่จะเข้ามามีบทบาทในเรื่อง

ก็เลยกลับมาสานต่อ เพราะเป็นนิยายลูกรักเลยล่ะ รวมถึงตัวละครด้วย

ค่อนข้างเป็นนิยายเรื่องยาวพอสมควร ยังมีอะไรในเนื้อเรื่องอีกเยอะ

ต้องขออภัยด้วยนะครับ ที่อาจจะไม่มีฉากตบจูบ ถึงพริกถึงขิง เพราะไม่ถนัดแนวนั้น 555+

ยังไงก็อยากให้ติดตาม ติชมด้วยนะครับอย่าเพิ่งหนีไปไหน ^^  :-[



:pig2:

เป็นกำลังใจให้จ้าา
รออ่านต่อ
 :pig4:

ขอบคุณครับ  :o8:

เมย์คงเป็นคนรักของแบงค์ แต่แบงค์ยังยึดติดอยู่
ยึดติดจนทำให้มองไม่เห็นความรู้สึกที่นันท์มีให้

เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมค่ะ

อาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้ครับ  :-[

น้องแบงค์เริ่มแอบมองน้องนันท์บ้างแล้ว ก็นะนันท์ให้ความรู้สึกน่ารัก อบอุ่นดี นี่แหละรักแท้แพ้ใกล้ชิด
แล้วความหลังกับเมย์นี่คืออาไรน๊า จะลึกลับพอ ๆ กับบาสไหมเพราะยังไม่เปิดตัวเลยอะ
รอติดตามตอนต่อไปค๊า  :bye2:  :L2: เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนต่อไปจ้า

ใจนึงอยากบอก แต่บอกไปเดี๋ยวไม่ลุ้น ><

อ่านแล้วทำให้รำลึกไปถึงตอนเป็นนักเรียนผูกคอซองเลย (เรายังไม่แก่นะบอกไว้ก่อน )
ตอนนั้นก็กลุ้มเรื่องเลือกชมรมเหมือนกันเลยอ่ะ ที่จริงอยากกลับบ้านมากกว่าแต่บังคับว่าต้องเลือก
ไม่มีชมรมห้องสมุด เหมือนน้องนันท์ด้วย ไม่งั้นคงเลือกเหมือนน้องนันท์นะเนี่ย ไม่ชอบอะไรที่วุ่นวายน่ะ

เข้าเรื่องดีกว่า แหะๆ เหมือนมีปริศนาเยอะจังนะเนี่ย ทั้งเรื่องเมย์ เรื่องบาสที่ยังไม่ปรากกฎตัว เรื่องที่มายด์คุยกับนันท์
ที่สำคัญ เรื่องแผลเป็นที่หัวคิ้วของแบงค์ โดนอะไรมา แล้วทำไมถึงตกใจตอนพลจะแตะโดนนะ
ชอบที่นันท์แนะนำแบงค์นะ อยากทำหรือไม่อยากทำอะไรควรพูดให้เด็ดขาดไป ดีกว่าต้องมานั่งกลุ้มใจอยู่คนเดียว
มีความรู้สึกว่าเรื่องนี้ อาจต้องเตรียมใจรับดราม่าใช่มั้ยเนี่ย เรื่องเมย์ เหมือนเป็นแผลในใจอะไรซักอย่างของแบงค์
เหมือนแบงค์จะเริ่มมีความรู้สึกพิเศษต่อนันท์แบบไม่รู้ตัวแล้ว แต่เมย์ ก็เป็นคนที่ทำให้แบงค์พยายามปัดความรู้สึกนั้นทิ้ง
พยายามปิดกั้น ไม่รับรู้ ทำตัวเหมือนปกติ แต่รู้สึกดีที่ได้อยู่เคียงข้างนันท์ไปแบบนี้
อืม แบงค์ที่เป็นแบบนี้ ควรมีตัวกระตุ้นนะเนี่ย ถ้ามีผู้ชายมาชอบนันท์ของเราซักคน แบงค์ยังจะเฉยได้อยู่มั้ยนะ
ปล. 1 ชอบเวลาแบงค์กันนันท์เรียกกันอ่ะ เรียกกันเพราะดีไม่กู มึง น่ารักดี
ปล. 2 แอบจิ้น พล กับตี๋เอ๋อ ที่เป็นเบ๊พลอ่ะ แหะ ๆ
เม้นท์ยาวไปหน่อย อย่าว่ากันนะ รอตอนต่อไปนะจ้ะ  :mew1: :L2:

ยาวไม่เป็นไรครับ ผมชอบอ่าน  :mew1:

ผมอยากให้เป็นนิยายใสๆ น่ะครับ เลยเลือกที่จะให้ตัวเอกพูดเพราะใส่กัน (เพราะผมก็ชอบพูดเพราะๆ กับแฟนนะ 555+)
ยกเว้นบางบริบท บางตัวละครก็อาจจะเลือกใช้มึง กู ให้เข้ากับอุปนิสัยของตัวละครน่ะครับ


เอ๋ อยากให้มีมือที่สาม งั้นเหรอ o_O!!!

55555+  :man1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2013 02:59:09 โดย จิ๊บคุง »

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
การรักเพื่อนสนิท มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
สะสมความผูกพันไปเรื่อย ๆ จนแยกไม่ออก
ว่าจริง ๆ แล้ว หวงหรือห่วงเพื่อนเพราะเหตุใด

เป็นกำลังใจให้คนแต่งเหมือนเดิมค่ะ

จิ๊บคุง

  • บุคคลทั่วไป
คาบเรียนที่ 4 : คิดไปเอง

“ว๊อยยยย ทำไงดีวะเนี่ย”
เสียงของไอพลตะโกนแหกปากดังลั่นทั่วห้องทันทีที่มันเดินเข้าห้องเรียนมา
“เป็นไรของเมิง ไอเชี่ยพล”
ไอเต้ยถามในขณะที่กำลังง่วนอยู่กับการปั่นการบ้าน (หรือเรียกให้ถูกน่าจะเรียกว่า ลอกการบ้าน มากกว่านะ - -*)

“ก็วันนี้มีสอบเทสการเข้าจังหวะดิวะ”
“แล้วไง?”
“จะแล้วไงล่ะ ก็กุยังไม่ค่อยได้ดิวะ อ๊ากกกกกกกก”
ทันทีที่ไอพลพูดจบ ก็ดูเหมือนจะมีอีกหนึ่งชีวิตที่เหมือนอยากจะกรีดร้องด้วย ซึ่งก็คือแจน
ก็น่าจะเดาได้นะว่าทำไม - -*

และไม่ทันไร แจนก็รีบลากตัวไอพลไปซ้อมทันที
ผมเองก็หวั่นๆ เหมือนกัน ถึงจะแค่เทสก็เถอะ แต่ยังไงมันก็ได้คะแนนนี่นะ
ผมจึงเดินไปบอกมายด์ไว้ก่อน เพื่อที่มายด์จะได้เตรียมใจไว้บ้าง

แต่มายด์เองกลับไม่ได้กังวลอะไรเท่าไหร่นัก
“เอาน่ะ อย่ากังวลไปเลย มายด์ไม่ได้เก่งอะไรเหมือนกัน
แบงค์ต่างหากน่าจะเก่งกว่ามายด์นะ เพราะแบงค์เคยอยู่ชมรมบาสนี่
มันก็มีสเตป สับขา อะไรนะเขาเรียกว่าไรนะ เออนั่นล่ะๆ ก็น่าจะเป็นพื้นฐานได้นะ”
เมื่อมายด์ว่ามาอย่างนั้น ผมเองก็คงพูดอะไรต่อไม่ได้ละ
เอาวะ เป็นไงเป็นกัน

แต่ดูยังมีอีกคนที่ดูแล้วน่าเป็นห่วงอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
“เป็นไง ไหวป่าวน่ะ”
ผมเดินเข้าไปถามนันท์ที่ดูจะตื่นๆ อยู่พอสมควร
“หาๆ อะไรนะ อ๋อๆ ก็โอเคอ่ะ แห่ะ”
คำพูดกับท่าทีต่างกันลิบลับ ผมจึงเอามือลูบหัวนันท์เบาๆ

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องเครียด เดี๋ยวประหม่าแล้วจะล่มเอาได้ง่ายๆ นะ”
ว่าไปนั่นตรู ทำเป็นสอนคนอื่น ตัวเองก็ยังเอาไม่รอด - -*
แต่ก็ดูเหมือนจะได้ผลเล็กน้อย  เพราะเหมือนนันท์จะอาการดีขึ้น (มั้งนะ - -)

ส่วนคนอื่นๆ ก็แตกต่างกันไป มีทั้งนิ่งเฉยอาจจะเพราะฝึกมาดีแล้ว
ในขณะที่บางคนก็ยังดูหวั่นๆ บางคนก็จับคู่ซ้อมเพื่อความมั่นใจ

และหลังจากที่หวั่นๆ กันมาตลอดทั้งวัน ในที่สุดก็ถึงเวลาสอบ
อาจารย์ให้จับคู่นั่งข้างกัน ก่อนที่จะเรียกออกไปทีละ 3 คู่
ซึ่งผมกับมายด์ก็ดูเหมือนจะโชคดีที่อันดับในการออกนั้น อยู่ท้ายๆ
เลยทำให้มีเวลาได้เตรียมตัวเตรียมใจอยู่พอสมควร ในขณะที่นันท์เองก็อยู่เป็นคู่ก่อนหน้าผมประมาณ 6 – 7 คู่

ผมพยายามชะเง้อมองคู่ของนันท์ว่าเป็นใคร อ๊ะ นั่นมัน ซัน นี่นา
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ผมยาว ผิวขาวซีด เป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด ไม่สิ ต้องเรียกว่าแทบจะไม่พูดเลยจะดีกว่า
ดูเป็นคนแปลกแยก ไม่ค่อยเข้าสังคมกับคนอื่น

นันท์แอบชอบเธอเหรอเนี่ย ????
ผมหันไปมองมายด์ที่กำลังนั่งมองคู่ที่กำลังออกไปสอบ

“มายด์ไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ”
“หืม อะไรเหรอ อ๋อ ไม่ต้องเครียดน่า เดี๋ยวไปสอบแล้วจะเกร็งป่าวๆ”
“ไม่ใช่ๆ คือแบงค์หมายถึง......”
ผมพูดพร้อมกับชี้ไปทางนันท์

“นันท์เขาจับคู่กับคนอื่น มายด์ไม่รู้สึกหึงอะไรเลยเหรอ”
“ห๊ะ หึงเนี่ยนะ ทำไมมายด์ต้องหึงนันท์ด้วยล่ะ”
มายด์ทำสีหน้างงใส่ผม ซึ่งคำตอบนั้นก็ทำเอาผมงงเหมือนกัน

“อ้าว มายด์ไม่ได้ชอบนันท์หรอกเหรอ”
มายด์งงเล็กน้อย ก่อนที่จะหัวเราะเบาๆ แล้วหันมามองผม
“ชอบ แต่ไม่ใช่แบบนั้นหรอก มายด์ชอบนันท์แบบเพื่อนมากกว่าน่ะ มายด์ไม่เคยคิดอะไรกับนันท์หรอก”
มายด์ยิ้มให้ผม ดูจากสีหน้าของเธอแล้ว คงจะจริงตามที่เธอพูด
แต่มันก็ทำให้ผมงงไปไม่น้อยอยู่เหมือนกัน

ตกลงว่าไงแน่ มายด์ไม่ได้ชอบนันท์หรอกเหรอ
“นี่อย่าบอกนะว่า แบงค์ คิดว่ามายด์แอบชอบนันท์มาตลอด”
ผมพยักหน้าเป็นคำตอบทันทีที่มายด์ถามแบบนั้น มายด์ยิ้มกับผมเล็กน้อย

“มายด์ไม่ได้ชอบนันท์หรอก ไม่ได้คิด และไม่เคยคิด และไม่มีวันที่จะคิดเช่นกัน ซึ่งนันท์เขาก็เหมือนกัน”

“อีกอย่างมายด์ก็มีคนที่ชอบอยู่แล้ว และนันท์เองก็เหมือนกัน”
“ซันเหรอ”
ผมถามกลับไป พร้อมกับชี้ไปยังคู่สอบของนันท์

“ไม่ใช่หรอก”
มายด์ยิ้มให้ผมอีกครั้งพร้อมกับตอบสั้นๆ ก่อนที่จะหันไปยังข้างหน้าเหมือนเดิม

“แต่มายด์รู้ใช่มั้ยว่าใคร”
ผมถามมายด์อีกครั้ง พร้อมกับมายด์ที่พยักหน้าแทนคำตอบ
“งั้นบอกแบงค์ได้มั้ย”
แต่คราวนี้กลับได้รับการส่ายหน้าเป็นคำตอบ ในขณะที่คู่ข้างหน้าก็กำลังถูกเรียกออกไปเรื่อยๆ

“นันท์เขาไม่ได้เป็นคนบอกมายด์หรอก แต่ที่มายด์รู้เพราะมายด์สังเกตเอาเองน่ะ
ก็เลยลองถามนันท์เขาตรงๆ ซึ่งมันก็ใช่จริงๆ ด้วย”
“งั้นทำไมถึงบอกแบงค์ไม่ได้ล่ะ หรือนันท์ไม่ให้มายด์บอก”

“ป่าวหรอก นันท์เขาไม่ได้ว่าอะไรเลย เพียงแต่ที่มายด์ไม่บอก เพราะคิดว่ามันคงเป็นเหตุผลของนันท์มากกว่า
เพราะมายด์รู้ก็เพราะจากการสังเกต แล้วก็ถาม ไม่ได้รู้เพราะเจ้าตัวบอก
ซึ่งก็หมายความว่า นันท์เองก็มีเหตุผลของเขาที่ไม่บอกใคร ฉะนั้นถ้าในเมื่อเจ้าตัวเขาไม่บอก
มายด์เองก็คงบอกไม่ได้เหมือนกัน มันจะเป็นการเสียมารยาทน่ะ หวังว่าแบงค์คงจะเข้าใจและไม่โกรธนะ”
มายด์ให้คำตอบกับผม ผมจึงได้แต่พยักหน้ากลับไป แต่ทำไมนะ อยู่ๆ ก็เกิดรู้สึกแปลกๆ ขึ้นในใจก็ไม่รู้

“ว่าแต่แบงค์อยากรู้ไปทำไมเหรอ”
มายด์หันมาถามผม ผมมองกลับไป ก่อนที่จะก้มหน้าลงถามตัวเอง

เออ นั่นสิ เราอยากรู้ไปทำไม ก็แค่เพื่อนแอบชอบใครบางคนอยู่ ซึ่งมันก็นาจะเป็นเรื่องธรรมดานี่

แต่ทำไมเราถึงได้รู้สึกใส่ใจมันเป็นพิเศษ
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองมายด์อีกครั้ง แต่ไร้คำตอบใดๆ ให้กับมายด์

“เอาเถอะ ไม่ต้องตอบก็ได้ งั้นเอาเป็นว่ามายด์คงบอกได้แค่ว่า...........”

“คนที่นันท์แอบชอบน่ะ ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนหรอก”
“แล้วแบงค์รู้จักเขารึป่าว”
ผมถามกลับไปอีกครั้ง มายด์นิ่งเงียบไปครู่นึง

“อืม.......... รู้จักเหรอ ในแง่ไหนล่ะ ถ้ารู้จักว่าแค่ใครอะไรยังไง ก็ใช่นะ แบงค์รู้จักแน่………….”


“แต่ถ้าลึกลงไปกว่านั้น มายด์ไม่รู้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าแบงค์จะเปิดใจที่จะรับฟังและมองรึป่าวน่ะ”

“อลงกต ชนิตา,...............”
“ไปเถอะ อาจารย์เรียกแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรมากมายหรอก มันไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย จริงๆ นะ
ที่นันท์เขาไม่บอกแบงค์ คงไม่ใช่เพราะอยากปิดบังหรอก มายด์คิดว่า คงอายมากกว่า
แบงค์คบกับนันท์มาตั้งกี่ปีก็น่าจะรู้นิสัยดีนี่”

มายด์พูดให้ผมใจเย็นลงก่อนที่จะลุกขึ้น

มันก็จริง นิสัยอย่างนันท์ค่อนข้างจะไม่ค่อยกล้าบอกอะไรใคร
มีอะไรก็มักจะเก็บเงียบไม่ยอมบอกใคร เพราะมักจะคิดว่าถ้าบอก ก็จะทำให้คนอื่นเดือดร้อน

แต่ว่ามันก็ไม่น่าจะถึงขั้น...................


ช่างเถอะ คิดมากไปก็เท่านั้น
รอไว้ให้เจ้าตัวพร้อมแล้วบอกเองดีกว่า

ยังไงเราก็เป็น เพื่อน กันอยู่แล้วนี่

เพื่อน.......................



..............................................................
“ไอพล ทีหลังแกไม่ต้องมาขอคู่ชั้นอีกนะ ฮึ่ย~~~!!!!”
เสียงของแจนกระวีกระวาดทันทีหลังจบคาบก่อนที่จะสะบัดหน้าเดินออกไปจากห้อง เพราะว่าสอบวันนี้ไอพลทำพังไม่เป็นท่า
ก็สมควรจะโดนแจนวีนใส่อยู่หรอก ก็เล่นทำอีท่าไหนก็ไม่รู้ ไปขัดขาแจนจนล้มคะมำให้เป็นที่หัวเราะซะขนาดนั้น

“เฮ้อ แม่ง พวกผู้หญิงเข้าใจยากชิบ กุล่ะเซ็ง”
ไอพลเดินเข้ามากอดคอผมพร้อมกับบ่นอุบอิบ
“ไม่รู้ตัวเลยนะเมิงนิ เป็นกุ กุก็โกรธว่ะ ไปทำให้เขาอายซะขนาดนั้น”
“ก็ช่วยไม่ได้นี่ ก็กุเต้นไม่เป็นนี่”
ดูมัน ไม่เคยที่จะสำนึกผิดเลยสักนิด - -*

“เฮ้ย ไอตี๋เอ๋อ เมิงเต้นเก่งเหมือนกันนี่”
ไอพลปล่อยมือจากผมทันที ที่ตี๋เอ๋อเดินออกมาจากห้อง
นี่ก็อีกคน เงียบๆ ไม่ค่อยจะพูดเหมือนกัน ไม่สิ ต้องเรียกว่าไม่พูดเลยดีกว่า ยิ่งกว่าซันอีก

เออ โลกนี้ก็มีอะไรแปลกๆ ที่เรายังไม่รู้อีกเยอะแฮะ

ยังดีนะ ที่ตี๋เอ๋อ ยังเข้าสังคมกับเค้ามั่ง
เอ หรือว่าไม่เหมือนกันหว่า เพราะเห็นทีไรก็โดนไอพลคุมแจเป็นเจ้านายกับลูกน้องตลอด - -*
“ไว้สอนให้กุทีนะ ป่ะ ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวกุเลี้ยง”
ไอพลกอดคอตี๋เอ๋อทันทีที่พูดจบ ก่อนที่จะเดินลงไปยังโรงอาหาร

น่าสงสารตี๋เอ๋อจริงๆ - -*
“แบงค์ ป่ะ ไปกินข้าวกัน”
นันท์เดินมาตบไหล่ผมเบาๆ ทันทีที่เดินออกมาจากห้อง พร้อมกับฉีกยิ้มกว้างไว้ผม
“ดีใจใหญ่เลยนะ ไอเด็กแว่น ไหนบอกว่าทำไม่ได้ๆ แต่ดันได้คะแนนเต็มเนี่ยนะ นี่แน่ะ”
ผมหยอกกลับพร้อมกับเอามือขยี้หัวนันท์เบาๆ ก่อนที่มายด์จะเดินตามออกมา
ทันทีที่มายด์เห็นผมกับนันท์ มายด์ก็หันมายิ้มให้ผมเล็กน้อย ก่อนที่จะใส่รองเท้าเดินลงไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

“นันท์ เที่ยงนี้ไปไหนป่าว”
ผมถามนันท์ ในขณะที่นันท์เองกำลังใส่รองเท้าอยู่
“อืม ก็ว่าจะไปช่วยอาจารย์ห้องสมุดน่ะ เห็นว่าจะมีหนังสือเข้าใหม่ เลยว่าจะไปดูสักหน่อยเผื่อมีอะไรให้ช่วย”
“งั้นแบงค์ไปด้วยนะ”
ผมตอบกลับไปทันทีที่นันท์พูดจบ นันท์หันมามองผมด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อย

“ก็ไปสิ แบงค์ก็เป็นสมาชิกชมรมเหมือนกันนี่”
นันท์ยิ้มตอบกลับมาให้ผม แต่ผมอยากจะบอกเหลือเกินว่า เหตุผลที่ผมไปมันไม่ใช่เหตุผลนั้น



แต่ผมก็ไม่สามารถบอกได้เหมือนกันว่า เหตุผลที่แท้จริงมันคืออะไรกันแน่
ผมจึงได้แต่นิ่งเงียบ ก่อนที่จะยิ้มกลับไป

“อ๊ะ ซัน”
นันท์ส่งเสียงเรียกทักเพื่อนร่วมห้อง เมื่อเธอเดินออกมาจากห้องเรียน
ซันเองเมื่อเห็นว่านันท์เรียก ก็หันมาก้มหัวให้ทีนึงช้าๆ ก่อนที่จะส่งยิ้มเล็กๆ ให้
มันเป็นยิ้มที่ดูนิ่งๆ เย็นๆ แต่ทว่ากลับดูจริงใจอย่างบอกไม่ถูก
“ขอบคุณซันมากนะ ที่มาเป็นคู่ให้ ไม่งั้น นันท์แย่แน่ๆ”
นันท์เอ่ยปากขอบคุณซันไม่หยุดปาก

“ไม่.....เป็นไร...หรอก นันท์.....ต่างหาก ที่เก่ง.....อยู่......แล้ว”
ซันตอบกลับอย่างช้าๆ ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเย็นเยียบนั้น ทำเอาผมถึงกับขนลุกได้เหมือนกัน
เพราะปกติผมก็ไม่ค่อยจะได้ยินเธอพูดเท่าไหร่นัก

หลังจากที่พูดคุยกันเสร็จ ซันก็เดินลงไปยังโรงอาหารเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ก่อนที่ผมกับนันท์จะเดินตามลงไป



หลังจากที่หาอะไรกินเสร็จเรียบร้อย ผมกับนันท์ก็ตรงไปยังห้องสมุดเลยทันที
“อ้าว นันทกรณ์ มาอีกแล้วนะ ขยันจริงนะเราเนี่ย”
อาจารย์ประจำห้องสมุดทัก เมื่อเห็นนันท์เดินเข้ามา
“แห่ะๆ เห็นว่าจะมีหนังสือเข้าใหม่น่ะครับ เลยมาดูว่ามีไรให้ช่วยมั้ย”

“อืม ก็ไม่ค่อยมีแล้วนะ เพราะเดือนนี้หนังสือเข้าใหม่มีไม่มาก ครูเลยจัดการเรียบร้อยแล้ว
เดี๋ยวรอให้หนังสือเข้าจริงอาทิตย์หน้าละกันนะ มาช่วยครูแอดเข้าระบบ แล้วก็จัดการเข้าชั้นทีนะ”
อาจารย์พูดพร้อมกับยิ้มให้กับพวกผม ในขณะที่นันท์เองทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย
ก่อนที่จะชวนผมเข้าไปหาหนังสืออ่านเหมือนทุกวัน


“แบงค์”
“หือ”
“ถามไรหน่อยสิ”
“ว่า?”

“แบงค์ไม่เบื่อบ้างเหรอ”
“เรื่องอะไรเหรอ”
ผมถามกลับไป พลางหยิบหนังสือจากชั้นมาเปิดๆ ดูไปเรื่อย
“ก็นันท์ชวนแบงค์มาอุดอู้อยู่แต่ในนี้ทุกวันน่ะ แบงค์ไม่เบื่อบ้างเหรอ”

ผมยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่จะยกมือไปขยี้หัวนันท์เบาๆ
“คิดมากน่ะ ถ้าเบื่อ แบงค์คงไม่ตามมาหรอก”
“แต่ว่า…….”
“เอาน่ะ นันท์ไม่ต้องพูดอะไรแล้วนะ เอาเป็นว่า แบงค์พอใจก็แล้วกันนะ อยู่กับนันท์แบงค์ก็ไม่เบื่ออะไรแล้ว”
ผมพูดพร้อมกับกอดคอนันท์ ส่วนนันท์เองเมื่อได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็ยิ้มกลับให้ผมเช่นกัน

หลังจากที่หาหนังสือได้เรียบร้อยแล้ว ผมกับนันท์ก็หาที่นั่งทันที ซึ่งก็ได้ที่ด้านในพอดี ซึ่งถือว่าเป็นที่ที่ดีอยู่เหมือนกัน
เพราะไม่ค่อยมีคนนั่ง เนื่องจากเป็นมุมอับ เลยทำให้ไม่มีใครกวนเท่าไหร่

ผมอ่านไปได้ไม่นานเท่าไหร่นัก ก็เกิดอาการเบลอขึ้นมาเล็กน้อย
“ง่วงเหรอแบงค์”
นันท์หันมาถามผม
“อืม.....เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่อ่ะ เลยรู้สึกง่วงๆ เบลอๆ น่ะ”
“งั้นก็แอบงีบมั้ย”
“ก็ดี ไม่ว่ากันนะ”
นันท์ส่ายหน้ายิ้มให้กับผม ผมจึงยกแขนขึ้นมารองบนโต๊ะก่อนที่จะเอนหัวลงไป


ในขณะที่ผมกำลังรู้สึกเคลิ้มๆ กำลังจะหลับอยู่นั่นเอง ผมก็รู้สึกเหมือนมีใครกำลังลูบหัวผมเบาๆ
ผมเลยลืมตาลุกขึ้นมาดู ก็เห็นนันท์ทำท่าตกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะดึงมือกลับไป
“โทษทีๆ คือ แบบว่า...........”
นันท์พูดตะกุกตะกัก
“ไม่เป็นไร ทำไปเถอะ แบงค์แค่สงสัยน่ะ ว่าฝันรึเปล่า แบบว่า.....”
“ว่า?”
“ช่างเถอะ แต่ทำไปเถอะแบงค์ไม่ว่าไรหรอก”
ผมยิ้มให้นันท์เล็กน้อย ก่อนที่จะฟุบลงไปอีก


ทำไมผมถึงไม่กล้าบอกออกไปตรงๆ นะ ว่าที่จริงผมเองก็ชอบที่จะให้ทำแบบนั้นอยู่เหมือนกัน

ไม่รู้สิ ก็รู้สึกว่ามันเพลินๆ ดีอ่ะ แต่ที่ยิ่งกว่านั้น....
ผมรู้สึกว่า เหมือนได้รับการเอาใจใส่ มันอบอุ่นดียังไงไม่รู้

ไม่นานนักผมก็หลับสนิทไป
ผมจำไม่ได้ว่าฝันอะไรรึป่าว แต่รู้แค่ว่า ผมรู้สึกดีมาก เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา
ต่างจากทุกวันที่ผ่านมา ที่ทุกครั้งที่ผมลืมตาตื่น ผมมักจะรู้สึกแปลกๆ
ซึ่งผมก็ไม่สามารถบอกได้ว่า ความรู้สึกแปลกๆ นั้นมันคืออะไร
แต่รู้แค่ว่า ผมไม่ค่อยชอบมันเท่าไหร่นัก

และทุกๆ วันหลังจากนั้น ผมก็มักจะมาห้องสมุดพร้อมกับนันท์อยู่เสมอๆ
ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่มาแล้วมักจะไม่ค่อยได้อ่านอะไรก็ตาม เพราะอย่างที่บอก ผมไม่ค่อยอ่านหนังสือนอกเวลาเรียนเท่าไหร่นัก
แต่ทว่า ผมก็ไม่ได้รู้สึกเบื่ออะไรเลยแม้แต่น้อย


..............................
“อรุณสวัสดิ์นักเรียนทุกคน”
อาจารย์ภาวดีพูดทักทายในชั่วโมงโฮมรูม ซึ่งมีทุกเช้า
“ผลการสมัครค่ายอบรมออกมาแล้วนะ ห้องเรามีส่งมาแค่ไม่กี่คนเอง พอเป็นค่ายอบรมล่ะไม่ค่อยอยากมากันเลยนะ”
“เปลี่ยนเป็นไปดรีมเวิร์ลสิอาจารย์ รับรองแย่งกันตายแน่”
เสียงของไอเต้ยพูดขึ้นมา
“งั้นเธอออกค่าเดินทาง ค่าเข้ามาสิ เดี๋ยวครูจัดให้เอง”
อาจารย์ภาวดีแซวกลับ ทำเอาเต้ยจ๋อยกลับไปเลย เพื่อนๆ ในห้องต่างหัวเราะกันใหญ่
“ห้องเรามีนักเรียน 36 คน แต่กลับส่งใบสมัครมาแค่ 5 คน คือ อลงกต นันทกรณ์ ชนิตา พลกฤษ และกีรติ”


“ครูก็เลยจับทั้ง 5 คนผ่านเข้าอบรมทั้งหมดเลย และเพื่อเป็นรางวัลในความตั้งใจของทั้ง 5 คน
ครูเลยจะเพิ่มคะแนนจิตพิสัยในวิชาของครูทุกวิชาคนละ 5 คะแนน”
ทันทีที่อาจารย์พูดจบเพื่อนๆ ในห้องต่างฮือฮาทันที แต่ก็ไม่มีใครสามารถทักท้วงอะไรได้

ผมหันไปหานันท์ ซึ่งนันท์เองก็หันมามองผมเช่นกัน ก่อนที่จะยิ้มดีใจให้กับผม

“เอาล่ะๆ ทั้ง 5 คน เดี๋ยวไปเอารายละเอียดอีกทีที่ห้องพักครูตอนเที่ยงนะ เพราะงานนี้ไม่ได้จัดโดยโรงเรียน
ฉะนั้นครูจึงไม่ได้ไปด้วย”

หลังจากจบคาบโฮมรูม ผม นันท์ มายด์ พล และตี๋เอ๋อก็ไปหาอาจารย์ที่ห้องพักครูในตอนเที่ยงตามที่อาจารย์ว่าไว้
ซึ่งรายละเอียดก็จะเป็นพวกวันจัดซึ่งก็คือ ศุกร์ เสา อาทิตย์หน้า สถานที่จัดค่ายซึ่งก็คือค่ายทหาร รายละเอียดกำหนดการต่างๆ และอื่นๆ อีกเล็กน้อย

“งานนี้จัดรวมกับโรงเรียนอื่นอีกประมาณ 4-5 แห่ง ฉะนั้นพวกเธอที่ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนเข้าอบรมอย่าทำอะไรให้โรงเรียนเสียชื่อนะ”
อาจารย์ภาวดีกำชับพวกเรา และมองพวกเราทุกคนอีกครั้ง ก่อนที่จะพูดขึ้นอีก
“โดยเฉพาะเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เนี่ย ไม่ต้องไปอิ๊อ๊ะ จิ๊จ๊ะกับเด็กโรงเรียนอื่นเลยนะ
ครูขอให้พวกเธอคิดว่าการไปอบรมครั้งนี้ คือการไปหาความรู้และประสบการณ์ชีวิตนะ
ยังไงครูก็คิดว่าพวกเธอคงไม่ทำเรื่องเสียๆ หายๆ หรอก แต่ก็ขอเตือนสติไว้สักหน่อยน่ะล่ะ เอาล่ะ ไปได้”
อาจารย์กระดาษรายละเอียดต่างๆ ให้กับพวกเราก่อนที่จะปล่อยพวกเรา

“กิจกรรมค่ายอบรมตั้ง 3 วัน 2 คืนแน่ะ คงสนุกน่าดูนะ”
นันท์เดินอ่านรายละเอียดไปพลางยิ้มไปพลาง ผมเห็นแล้วก็อดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ จึงเอาแขนไปกอดคอนันท์เบาๆ
นันท์ตกใจเล็กน้อยหันมามองผม ผมจึงยิ้มกลับไป นันท์เองจึงยิ้มตอบกลับมาให้ผม


นั่นสิ กิจกรรม 3 วัน 2 คืน คงจะมีอะไรๆ สนุกๆ มั่งล่ะน่ะ
โดยเฉพาะ เมื่อไปกับนันท์ เพื่อนสนิทคนนี้ด้วยเนี่ย



ใช่สิ..............เพื่อนสนิทของผม


เพื่อน.........



จบคาบเรียนที่ 4


ออฟไลน์ Lily teddy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-2
แง เม้นท์ตอน 3 ไม่ทัน มาต่อไวดีจัง ชอบอะ
ตอนที่แล้วบาสได้เปิดตัวแล้ว ก็ไม่เป็นปริศนาละเพราะก็ดูปกติดี (เหมือนตามล่าหาตัวปริศนา เพื่อ? อิอิ) แต่ก็ดูเกเรนิดๆคงไม่เป็นตัวปัญหาตอนหลังนะ
ส่วนเมย์ก็ปล่อยเป็นปริศนาไว้ก่อน เพราะไม่มีเงื่อนงำว่าเมย์คือใคร
อ่านตอนนี้แล้วมันเหมือนความรักที่ค่อย ๆผูกพันอะเนอะจากคำว่าเพื่อนสนิทนี่แหละ
นันท์ก็ไม่กล้าเปิดเผย แบงค์ก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเอง มันเลยค่อย ๆไปแบบค่อย ๆซึมไปทีละน้อย
แต่เดี๋ยวไปค่ายคราวนี้คงต้องมีเหตุให้เกิดพัฒนาการของความเป็นเพื่อนบ้างล่ะ มั้ง
และอีกอย่างที่รู้สึกคืออ่านแล้วนึกถึงตอนเรียนมีเต้นลีลาศ เต้นไปทะเลาะกับเพื่อนเกือบทุกคาบเลย
จำท่าไม่ได้อะ แต่ไม่ขนาดขัดกันหัวคมำนะ แค่จำท่าไม่ได้ก็เต้นไม่ทันเพื่อนโทษกันไปโทษกันมาก็เลยโกรธกันไปทั้งวันที่มีวิชานี้เลย 555
พิมพ์เยอะละแค่นี้ดีกว่า งั้นก็รอติดตามตอนต่อไปเหมือนเดิมค๊า :bye2: เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนจ้า :L2:


ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
มาเม้นท์ สองตอนเลยน้า  :m18:

แบงค์เป็นคนเก่งรอบด้าน ก็เลยกลายเป็นที่ต้องการของคนอื่นไปทั่ว เก่งมากไปก็น่าลำบากใจเนอะ
พลรู้แน่ ๆ ว่านันท์ชอบแบงค์ เหลือแต่แบงค์เมื่อไหร่จะรู้ตัวซะที ว่าแต่นันท์ไม่รู้ตัว ตัวเองก็ไม่ได้ต่างจากนันท์เลยนะเนี่ย
นันท์เรียนไม่เก่งเหรอ ผิดอิมเมจเด็กแว่นมาก ๆ แถมเกรดยังลูกผีลูกคนซะงั้นอ่ะ  :pigha2:
กลายเป็นนอกจากแบงค์จะไม่รู้ตัวว่านันท์ชอบ กลับไปคิดว่านันท์มีคนอื่นที่แอบชอบอยู่ซะได้
แต่ก็ดีแบบนี้มันจะได้มีตัวกระตุ้นความรู้สึกของแบงค์หน่อย ว่าตกลงคิดกับนันท์ยังไงกันแน่ คิดมากเข้าไปเยอะๆ เลยเหอะ อิอิ
บาสแฝดน้องปรากฏตัวได้ซะที นิสัยต่างกับแบงค์สุดขั้ว แบดบอยสินะ ต้องดูแลน้องแสบ ๆ ก็น่าหนักใจแทนแบงค์นะ
ตอนท้ายแม้เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็น่ารักจัง แค่นันท์บอกฝันดี ก็อารมณ์ดีมีความสุขเชียวน้า แบงค์ เมื่อไหร่จะรู้ตัว  :z3:

แบงค์ชอบคิดเอง เออเอง ไปเป็นฉาก ๆ เลยนะ แต่ดีใจที่ในที่สุด มายด์ ก็เป็นสาววายสินะ  :m3: แล้วมายด์ชอบใครล่ะเนี่ย
สนใจว่านันท์ชอบใคร แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แล้วมายด์ก็ใบ้ให้ตั้งเยอะขนาดนั้นแล้ว คิดเยอะ ๆ หน่อยแบงค์จ๋า
เวลาทั้งคู่อยู่ด้วยกันมันให้บรรยากาศสบาย ๆ ดีจังเลย แม้ไม่ต้องพูดอะไรมากมันก็รู้สึกดีแล้วก็อบอุ่นจัง
ไปค่ายอบรมต้องมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นแน่ ๆ เลย แต่ไปกันแค่ห้าคนเอง น่าจะมีซันไปด้วยอีกคนนะเนี่ยชอบซันอ่ะ มีเอกลักษณ์ดี
หวังว่าไปเข้าค่ายคราวนี้ นายแบงค์ของเราจะมีพัฒนาการความรู้สึกกับน้องนันท์เพิ่มขึ้นเยอะ ๆ หน่อยน้า ให้มายด์ช่วยยุเยอะ ๆ
รอตอนต่อไปนะจ้ะ  :mew1:
ปล. เรายังไม่หยุดยั้งที่จะจิ้นคู่นายพลกับตี๋เอ๋อนะขอบอก พลท่าทางจะติดตี๋เอ๋อออกนะ ฟินจะตายไป ไปออกค่ายด้วยกันด้วย อิอิ ลุ้น ๆ
ว่าแต่ ตี๋เอ๋อ ชื่อ ตี๋เอ๋อ จริงอ่ะ มีชื่อเล่นอื่นอีกรึเปล่า แถมยังไม่ได้พูดอะไรเลยซักคำ ขอบทพูดให้ตี๋เอ๋อหน่อยจ้า :hao5: 
 


ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ไปค่ายคราวนี้ไม่ใครก็ใครได้หลุดแน่ๆ
อาจจะเป็นแบงค์ก็ได้ หลุดแบบงงๆ ไรงี้

แล้วมาต่ออีกนะคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ ~ณิมมานรฎี~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1070
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-2
 :hao3:  แบงค์ ฮันแน่ๆๆๆๆ  รุ้ใจตัวเองไวๆน๊าาาาาาา

จิ๊บคุง

  • บุคคลทั่วไป
คาบเรียนที่ 5 : ไม่พอใจ

“.......................”
ตื้ด~~~!!!!

“โหล อ่ะนันท์ ว่าไง มีไรเหรอ ครับๆ เรียบร้อยแล้ว  ครับๆ โอเค เดี๋ยวไปเจอกันที่ป้ายรถเมล์ละกันนะ ครับๆ โอเคๆ บายนะ”
ตื้ด~~~!!!
ผมวางสายมือถือ พร้อมกับเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้า ก่อนที่จะเดินลงไปข้างล่าง

“เฮ้ย แบกกระเป๋าใบเบ้อเริ่ม จะไปไหนวะ”
เสียงของไอบาสถามผมในขณะที่มันเดินเกาพุงออกมาจากห้องของมันในสภาพของคนเพิ่งตื่น
“กูจะไปเข้าค่ายอบรม 3 วัน กลับมาวันอาทิตย์ เมิงอยู่คนเดียวก็ดูบ้านดีๆ ละกันนะ”
“อ้าว เฮ้ย แล้วเมิงไม่ไปโรงเรียนเหรอวะ วันนี้วันศุกร์นะเว้ย”
ไอบาสถามผมอีกครั้ง พร้อมกับถอดเสื้อกล้ามออก ก่อนที่จะโยนเข้าไปในห้อง

“ก็ไป แต่ไม่ได้ไปเรียน แค่ไปขึ้นรถบัสที่โรงเรียนเฉยๆ”
“อืม เหรอ อืมๆ แต่เฮ้ย เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆ”
ไอบาสเรียกดักผมอีกครั้ง ทำเอาผมเกือบตกบันไดเลยทีเดียว
“อะไรอีกวะ ว่ามา กูรีบ”

“แล้วเมิงไม่อยู่งี้ แล้วกูจะกินไรละวะ”
ไอบาสถามโวยวาย พลางถอดกางเกงบอกเซอร์โยนเข้าไปในห้องเช่นเดียวกับเสื้อกล้าม ก่อนที่จะเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาพาดบ่า
“เรื่องของเมิงดิ หัดทำกินเองมั่งดิวะ ไม่เมิงก็พาไอน้องแอลอะไรของเมิงมานอนนี่ก็ได้นะเว้ย
แต่เมิงห้ามไปนอนบ้านน้องเขาเด็ดขาด เกรงใจแม่เขามั่ง”
มันทำหน้าเบ้ปากทันทีที่ผมเอ็ดมันไป

“แล้วไม่รอกูหน่อยเหรอวะ จะได้ไปพร้อมกัน”
“ไม่อ่ะ กูรีบ กว่าเมิงจะแต่งตัวเสร็จ อีกอย่างเดี๋ยวนันท์จะรอนาน”
ผมพูดพร้อมกับเดินลงบันไดไป
“เออ ใช่สิวะ ไอนั่นมันสำคัญกว่ากูนี่เนอะ”
ไอบาสพูดค่อนแคะใส่ผม

“ปากนะเมิง อ้อ อีกอย่าง เมิงอ่ะ อย่าทำตัวอนาจารให้มากนัก เดินแก้ผ้าโทงๆ ไม่อายรึไงวะ”
“เอ้า อายไรวะ บ้านก็บ้านเราเอง อีกอย่าง เมิงกะกูก็พี่น้องกัน ฝาแฝดด้วย
มีอะไรก็มีเหมือนๆ กันหมดล่ะวะ เมิงจะอายไรล่ะ”


“อ๊ะ หรือว่า ของเมิงจะใหญ่สู้กูไม่ได้ เลยน้อยใจวะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ดูมัน แทนที่จะฟัง ดันพูดจากวนประสาทกลับ ผมได้แต่ส่ายหน้า
ไม่เถียงกับมันดีกว่า เดี๋ยวไปสาย รองเท้าๆ

“เอ แต่กูว่าของกูก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมายนะ ก็ขนาดมาตรฐาน นี่เมิงยังเล็กกว่ากูอีกเหรอ”
“ไอเชี่ย พอได้แล้วเมิง พูดแต่เรื่องสันดานนะเมิงนี่ เมิงรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเลย เดี๋ยวไปโรงเรียนสายหรอกเมิงนี่”
ผมตะโกนด่ามันพร้อมกับปารองเท้าแตะขึ้นไปชั้นบน ในขณะที่ไอบาสยังคงหัวเราะเสียงดังลั่นบ้าน
ทันทีที่ผมใส่รองเท้าเสร็จเรียบร้อย ผมก็รีบวิ่งออกมาจากบ้านทันที
เฮ้อ คุยกับไอน้องเวรนี่ทีไร มีแต่ปวดหัว

กูก็มีเท่าๆ กับเมิงน่ะล่ะโว้ย~~~!!!



“เป็นไรมาล่ะนั่น หน้ามุ่ยมาเชียว”
นันท์ถามผมด้วยสีหน้าสงสัย ทันทีที่ผมเดินมาถึงป้ายรถเมล์
“ก็ แบบว่า........ช่างมันเหอะ ขี้เกียจพูดถึงมัน”
“ทะเลาะกับบาสมาอ่ะดิ”
“รู้ได้ไง”

“ก็เดาเอา งั้นก็แสดงว่าจริงล่ะสิ อย่าคิดมากเลย ไงๆ ก็พี่น้องกันล่ะน่ะ อย่าเครียดมากนักสิ”
นันท์พูดพร้อมกับยิ้มให้ผม ก่อนที่จะเอามือมาตบไหล่ผมเบาๆ
“ก็มันน่ะสิ...”
“แบงค์ก็ด้วยน่ะล่ะ”
“เอ้า แบงค์ทำไมอ่ะ”
ผมถามกลับไปแบบงงๆ

“แบงค์อาจจะไม่รู้ตัวนะ แต่บางทีแบงค์ก็อาจจะเครียดเกินไปก็ได้นะ ผ่อนคลายมั่งเถอะ
เก็บมันมาใส่ใจหมดไปซะทุกเรื่องมันก็ไม่ดีนะ อะไรเล็กน้อยก็ปล่อยๆ มันไปบ้างก็ได้”
ผมนิ่งเงียบไปครู่นึง พร้อมกับคิดไปตามคำพูดของนันท์

นี่ผมเป็นแบบนั้นเหรอเนี่ย ?
“นันท์ไม่ได้บอกว่า แบงค์ผิดหรอกนะ แต่บางทีนันท์ก็ไม่อยากเห็นแบงค์เครียดเกินไปน่ะ
อยากให้ปล่อยๆ ไปบ้าง หาความสุขให้ตัวเองบ้าง ก็แค่นั้น”
นันท์พูดกับผม ในขณะที่ผมเองยังก้ำๆ กึ่งๆอยู่

“นะ”
นันท์พูด พร้อมกับยิ้มให้ผมอีกครั้ง ทันทีที่ผมเห็นรอยยิ้มนั้นผมเองก็รู้สึกดีขึ้นมาทันทีอย่างบอกไม่ถูก
“อื้ม”
ผมยิ้มตอบกลับ

เอาล่ะ 3 วันหลังจากนี้ขอสนุกให้เต็มที่ละกันนะ

……………………..
พอถึงโรงเรียนเราทั้งสองก็เดินไปจุดที่รถบัสจอดอยู่
“เฮ้ย ไอแบงค์ ทางนี้เว้ย”
ผมหันไปตามเสียงเรียกนั้น ซึ่งก็พบว่าเป็นไอพลนั่นเอง ที่กำลังนั่งอยู่ตรงม้านั่งใต้ต้นหูกวางกับตี๋เอ๋อ

“มาเร็วจริงนะ”
“ก็บ้านกูอยู่แถวนี้พอดีอ่ะ กูก็เลยมาเร็ว”
ไอพลตอบผม ก่อนที่จะทำท่าให้ผมกับนันท์นั่ง
“อ้าว แล้วนี่ล่ะ ทำไมดูซึมๆ จังไม่สบายเหรอ ตี๋เอ๋อ”
ผมหันไปถามตี๋เอ๋อที่ดูซึมๆ ง่วงๆ ตี๋เอ๋อส่ายหน้าปฏิเสธ
“อ๋อ ป่าวหรอก นอนน้อยน่ะ”
ไอพลตอบแทรกขึ้นมาทันที
“กูไม่ได้ถามเมิง รู้ดีเชียวนะ อยู่บ้านหลังเดียวกันเรอะไงวะ”

“ป่าว แต่เมื่อคืนมันนอนบ้านกู กูเลยรู้”
“อ้อเหรอ แล้วทำอีท่าไหนถึงได้อดนอนล่ะนั่นน่ะ”
ผมถามกลับไป แต่ไม่ทันที่จะได้ฟังคำตอบ เสียงของมายด์ก็เรียกดังมาจากข้างหลัง

“หวังว่าคงไม่มาช้าไปนะ รถติดมากเลย รู้งี้นั่ง BTS มาซะก็ดี ไม่น่างกเลย”
มายด์บ่นอิดออด พวกผมหัวเราะเบาๆ
“นี่พวกที่จะไปอบรมเหมือนพวกเราใช่ป่ะ”
มายด์หันมาถามพวกผมเบาๆ ก่อนที่จะหันไปมองยังกลุ่มคนที่นั่งห่างออกไปไม่ไกลมากนัก
“คงงั้นล่ะมั้ง ไม่ได้เข้าไปถามอ่ะ เพราะไม่รู้จัก ก็เลยขี้เกียจเข้าไปถาม”
พลตอบ พร้อมกับหันไปมองตี๋เอ๋อที่ดูจะหลับแหล่ ไม่หลับแหล่ ก่อนที่จะโน้มหัวตี๋เอ๋อลงนอนหนุนบนตักตัวเอง
มายด์เองได้ยินคำตอบแบบนั้นก็พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้

“เอ้า มากันครบรึยังน่ะ”
เสียงของอาจารย์นงพร อาจารย์ฝ่ายกิจกรรมถามพวกเรา

“ยังค่ะ ยังขาดสุนทรีอีกคนค่ะ เมื่อกี้โทรมาบอกว่าใกล้ถึงแล้วค่ะ”
นักเรียนหญิงที่นั่งอยู่อีกกลุ่มตอบกลับไป อาจารย์นงพรพยักหน้า
“งั้นถ้ามาแล้วไปตามครูที่ห้องกิจกรรมด้วยนะ พอดีมีเอกสารต้องเช็คน่ะ”
“ค่ะ”

หลังจากที่สมาชิกมาจนครบทุกคนแล้ว อาจารย์นงพรก็ทำการเช็คชื่อเพื่อความถูกต้อง
ก่อนที่จะพูดกล่าวอะไรเล็กน้อยกับพวกเรา ส่วนมากก็เป็นเรื่องการวางตัว และพฤติกรรมเสียเป็นส่วนใหญ่
แล้วจึงปล่อยให้พวกเราขึ้นรถบัสของโรงเรียนเพื่อออกเดินทางไปยังสถานที่จัดอบรม

พวกเรานั่งรถบัสเกือบๆ 2 ชม. ก็มาถึงสถานที่เข้าค่ายอบรม ซึ่งเป็นค่ายทหารที่อยู่ในจังหวัดใกล้เคียง

มีนักเรียนจากโรงเรียนอื่นเยอะพอสมควรแฮะ ที่ผมเห็นตอนนี้ก็น่าจะราวๆ ร้อยคนเห็นจะได้มั้งนะ
พวกเราเดินไปยังจุดลงทะเบียนที่ตั้งอยู่ในเต็นท์ผ้าใบ ติดๆ กับทางเข้าค่ายทหาร

ทันทีที่ลงทะเบียนยืนยันตัวเสร็จ พวกเราก็หาที่นั่งพักกัน
ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ได้ยินเสียงของเจ้าหน้าที่ประกาศเรียกรวมพลผ่านเครื่องโทรโข่ง
โดยให้พวกเรายืนเข้าแถวแยกกันตามโรงเรียนของแต่ละคน
ก่อนที่จะพาเดินเข้าไปยังสถานที่จัดอบรมซึ่งอยู่ลึกเข้าไปข้างในอีกประมาณ 1 กิโล

พวกเราใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่นักก็มาถึงสถานที่จัดอบรมซึ่งเป็นหอประชุมใหญ่ของค่ายทหาร
เจ้าหน้าที่ให้พวกเราวางกระเป๋าไว้ข้างนอกหอประชุม ก่อนที่จะให้พวกเราเข้าไปข้างใน เพื่อทำพิธีเปิดการอบรมอย่างเป็นทางการ
ซึ่งหลังจากจบพิธีเปิดการอบรมแล้ว พวกพี่ๆ เจ้าหน้าที่ก็พาพวกเราไปยังโรงอาหารเพื่อพักกินข้าวเที่ยงกัน
ก่อนที่จะพาพวกเราไปยังโรงนอนที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนักเพื่อเอากระเป๋าไปไว้
และเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองด้วย โดยที่นักเรียนหญิงจะนอนที่โรงนอนที่ 1 ส่วนพวกผู้ชายจะนอนที่โรงนอนที่ 3
ผม นันท์ พล ตี๋เอ๋อ จึงตกลงว่าจะนอนใกล้ๆ กัน เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยๆ กันได้
พวกเราก็เลือกที่นอนที่อยู่มุมห้องของโรงนอน ซึ่งพวกเราก็คิดว่าเป็นทำเลที่ดีเหมือนกัน
(ไอพลว่า ฮวงจุ้ยดี - -*)

หลังจากที่พวกเราเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองเรียบร้อย พวกพี่ๆ เจ้าหน้าที่ก็พาพวกเรากลับไปยังหอประชุม เพื่อเริ่มการอบรมอย่างแท้จริง
พวกเราโดนจับแยกกลุ่มกันรวมกับนักเรียนโรงเรียนอื่น ด้วยเหตุผลที่ว่าเพื่อให้นักเรียนแต่ละคนได้ทำความรู้จักกับนักเรียนที่มาจากต่างโรงเรียนกัน
พวกเราถูกแบ่งออกเป็น 10 กลุ่ม กลุ่มละ 10 คน ซึ่งผมเองก็ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีรึโชคร้าย ที่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับไอพล (เอาวะ ก็ยังดีกว่าอยู่กลุ่มเดียวกับคนที่ไม่รู้จักเลย - -*)
ในขณะที่นันท์อยู่กลุ่มเดียวกับตี๋เอ๋อ ส่วนมายด์ดูค่อนข้างจะโชคร้ายสักหน่อย ที่โดนจับแยกไปอยู่ในกลุ่มที่ไม่มีคนรู้จักเลย
กลุ่มผมตกลงกันมอบหมายให้ ธีร์ นักเรียนจากโรงเรียนแห่งนึงเป็นหัวหน้ากลุ่ม เนื่องจากดูแล้วน่าจะมีความรับผิดชอบสูงที่สุดในกลุ่ม (นัยนึงก็คือ ปัดภาระความรับผิดชอบไปให้คนอื่นสินะ)

กิจกรรมวันแรกก็ไม่ค่อยมีอะไรมากมายนัก ส่วนมากก็เป็นการนั่งฟังวิทยากรมาบรรยายเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับยาเสพติดเสียเป็นส่วนใหญ่
(ซึ่งก็คิดว่าน่าจะเป็นการดีแล้วล่ะ เพราะผมหันไปเห็นตี๋เอ๋อนั่งเข้าเฝ้าพระอินทร์ไปเรียบร้อยแล้ว - -*)

หลังจากจบการบรรยายตลอดช่วงบ่าย พวกเราก็พากันไปยังโรงอาหารเพื่อกินข้าวเย็นกัน

“เมื่อยชิบหาย ให้นั่งฟังบ้าอะไรอยู่ได้ตั้งหลายชั่วโมง”
ไอพลมันบ่นกับผมพลางบิดเอวไปมา
“บ่นเป็นคนแก่ไปได้นะเมิง”
“ไอแบงค์ เมิง ว่ากูแก่เหรอ เดี๋ยวเหอะ อ่ะนั่น ไอนันท์กะตี๋เอ๋อมาพอดี”
ไอพลพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปทางทั้งสองที่กำลังเดินเข้ามาหาพวกผม
“เป็นไงมั่งวะ ไอตี๋เอ๋อ ไหวป่ะน่ะ”
ไอพลถามตี๋เอ๋อ พร้อมกับเอามือไปจับแถวๆ ต้นคอของตี๋เอ๋อ พลางนวดเบาๆ ตี๋เอ๋อพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับยิ้มนิดๆ เป็นคำตอบ

“นันท์ เป็นไงมั่ง ได้เพื่อนใหม่อะไรมั่งมั้ย”
ผมหันไปถามนันท์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ผม
“ก็ธรรมดาอ่ะ ก็มีคุยๆ กันมั่งนะ แต่อย่างว่าล่ะ เพิ่งจะวันแรกอ่ะ จะไปรู้จักมากอะไร”
“ก็จริงนะ”
ผมพยักหน้าเห็นด้วย

“แต่........”
“หือ?”
ผมส่งเสียงในลำคอเป็นเชิงสงสัย
“ตี๋เอ๋ออ่ะสิ”
“ตี๋เอ๋อ ? ทำไมเหรอ”
ผมถามนันท์ พร้อมกับหันไปมองตี๋เอ๋อที่กำลังโดนพลนวดขมับเบาๆ อยู่

“ก็ตี๋เอ๋ออ่ะสิ ไม่พูดอะไรเลย ถามอะไรก็มีแต่ พยักหน้า ไม่ก็ส่ายหัวเป็นคำตอบ”
นันท์กระซิบเบาๆ บอกกับผม
“หือ จริงอ่ะ เป็นใบ้เหรอ”
ผมกระซิบกลับไป เพราะจะว่าไป ผมเองก็ไม่เคยได้ยินเสียงหมอนี่เลยแฮะ จะมีอย่างมากก็แค่เสียงอือๆ ในลำคอแค่นั้น
ที่โรงเรียนเวลาครูถามอะไร แทบทุกครั้งไอพลก็มักจะเป็นคนตอบแทรกขึ้นมาให้ตลอด
“ก็ไม่น่าจะใช่นะ เพราะจำได้ว่าตอนเข้ามาใหม่ๆ ก็เหมือนจะเคยๆ ได้ยินเขาพูดอยู่บ้างนะ”
“เหรอ.......เขาคงมีปัญหาอะไรล่ะมั้ง”
“คงงั้น ว่าแต่เห็นมายด์มั่งป่ะ”
นันท์หันมาถามผม พร้อมกับหันไปมองรอบๆ
“ไม่อ่ะ สงสัยคงได้เพื่อนแล้วล่ะมั้ง”

“สงสัย งั้นไปเหอะ ไปหาไรกินดีกว่าเหอะ หิวมากๆ ละ”
นันท์พูดพร้อมกับกระตุกชายเสื้อผมเบาๆ
“อะไร เพิ่งจะกินเมื่อตอนเที่ยงไม่ใช่เหรอ ยังจะหิวมากๆ อีกเหรอ”
“เอ้า ก็คนกำลังอยู่ในวัยกำลังกิน กำลังโตนี่”
“ยังคิดว่าจะโตไปได้มากกว่านี้อีกเหรอ”
“พูดงี้หมายความว่าไงเนี่ย”
นันท์ทำท่างอนใส่ผม

“โอ๋ๆ ล้อเล่นนา แต่แบงค์ว่า นันท์ตัวขนาดนี้ก็กำลังดีแล้วนะ อย่าโตไปกว่านี้เลย”
“หมายความว่าไงเนี่ย”
นันท์ทำหน้างง
“ก็ไม่อะไรไง ก็แค่พูดไปแบบนั้นล่ะ ไปเหอะ ไปกินข้าวกัน เฮ้ย ไอพล ไปกินข้าวกัน”
ผมพูดตัดบทพร้อมกับหันไปเรียกไอพลกับตี๋เอ๋อ แล้วพากันไปหาอะไรกิน
ผมเองก็ไม่รู้เพราะเหตุใดเหมือนกัน ถึงได้พูดแบบนั้นไป

แว่บนึงเหมือนมีความรู้สึกว่า ถ้านันท์โตไปมากกว่านี้ มันจะดูไม่น่ารักยังไงไม่รู้สิ

หือ ??? น่ารัก ????
เป็นเอามากวุ้ยตรู - -* สงสัยหิวจนเพี้ยนซะล่ะมั้ง

หลังจากที่หาอะไรกินจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกพี่ๆ เจ้าหน้าที่ก็ปล่อยให้พวกเราพักผ่อนตามสบาย
พร้อมกับบอกว่าใครจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ได้ หรือจะรออาบก่อนนอนก็ได้
พวกผมจึงคิดว่าค่อยอาบทีเดียวก่อนนอนดีกว่า เผื่อคนจะได้น้อยลงด้วย

พลกับตี๋เอ๋อ ขอแยกตัวออกไปกัน 2 คนตามประสาเจ้านายกับลูกน้องผู้ซื่อสัตย์(อันหลังนี่ใส่เอง)
เพราะงั้นในตอนนี้จึงเหลือเพียงผม กับนันท์เท่านั้น
“ไปไหนดีอ่ะ”
นันท์หันมาถามผม
“เออ นั่นสิ ไปไหนดีล่ะ”
นั่นคือคำตอบของผม - -

เราสองคนยืนนิ่งกันอยู่ตรงนั้นพักใหญ่ เพราะไม่รู้จะไปไหนดี
เพราะพวกเราโดนจำกัดสถานที่ให้อยู่แต่ภายในหอประชุมกับบริเวณรอบๆ แค่นั้น
“งั้นก็เดินเล่นแถวๆ นี้ไปเรื่อยๆ เอาป่ะ”
“อืมก็ดี”
ผมตอบรับตามคำชวนนั้น เราทั้งสองเดินไปรอบๆ บริเวณ ดูคนอื่นส่วนใหญ่เหมือนจะทำความคุ้นเคยสนิทสนมกันได้แล้วนะ
เห็นมีจับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนานเชียว พอนึกแบบนั้นแล้วผมกลับมานึกถึงตัวเองเลยแฮะ

ผมเองเป็นคนที่ไม่ค่อยคบหาสมาคมกับใครเสียด้วยสิ เพื่อนที่มีส่วนมากก็เป็นเพื่อนเก่าๆ ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ นั้น
เพื่อนในห้องก็ไม่ได้ถึงขั้นสนิทสนมอะไรกันนั้น ก็ตามประสาคนห้องเดียวกันเสียมาก
ไอครั้นจะให้ไปทำความรู้จักกับคนอื่นในช่วงเวลาสั้นๆ แบบนี้นี่ ออกจะขัดกับตัวผมเองยังไงไม่รู้แฮะ

แล้วนันท์ล่ะ
นันท์เขาจะเป็นเหมือนผมรึป่าวนะ
ที่ผ่านมาผมเองก็ไม่เคยสังเกต หรือสนใจเสียด้วยสิ

ที่ผ่านมา ก็เห็นนันท์อยู่ข้างๆ ผมมาตลอด ดูนันท์เองก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้นะ
แต่ลึกๆ แล้วนันท์เขาคิดยังไง จะมีความรู้สึกอึดอัดบ้างมั้ยนะ ที่ต้องทนคบกันคนแบบผมเนี่ย

แต่ถึงกระนั้นผมเองก็ไม่เคยคิดที่จะถาม

ไม่สิ ต้องเรียกว่าไม่กล้าถามจะดีกว่า
ถึงแม้จะไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเหตุใด

“หวัดดีนันท์”
เสียงของเด็กหนุ่มร่างสูงคนนึงเรียกทักนันท์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ดี ป้อ อ้าวแล้วคนอื่นๆ ในกลุ่มล่ะ”
นันท์ตอบกลับไป ก่อนที่จะหันซ้าย หันขวามองไปรอบๆ

“ก็ไปอยู่กับเพื่อนโรงเรียนเดียวของเขากันน่ะสิ”
ป้อตอบด้วยสีหน้ายิ้มแบบเจื่อนๆ
“อ้าว แล้วเพื่อนโรงเรียนเดียวกับป้อล่ะ”
“ก็มีนะ แต่คนละห้องกันน่ะ ห้องเรา มีเรามาคนเดียวน่ะ แห่ะ นั่นเพื่อนนันท์เหรอ”
ป้อหันมาทางผม
“อื้ม นี่แบงค์ เพื่อนเราเอง เพื่อนตั้งแต่เด็กเลยด้วยนะ แบงค์ นี่ป้อ เพื่อนในกลุ่มนันท์เอง”
นันท์ตอบพร้อมกับยิ้มกว้างให้อีกฝ่าย ป้อหันมายิ้มให้กับผม ผมจึงยิ้มตอบกลับไป

“ดีจัง มีเพื่อนตั้งแต่เด็กด้วย ไม่เหมือนเราเลยอ่ะ”
ป้อพูดด้วยสีหน้าเศร้าเล็กน้อย ก่อนที่จะรีบยิ้มกลบเกลื่อน
“อืม...งั้นเราไม่กวนละไปก่อนนะ เดี๋ยวเจอกันที่กลุ่ม ตอนค่ำละกันนะ”
“อื้ม บาย”
ป้อบอกลาพร้อมกับโบกมือให้กับนันท์ ก่อนที่จะปลีกตัวเดินออกไป

“ดูเป็นคนที่แปลกดีนะ”
“หือ ยังไงเหรอ แบงค์”
นันท์หันมาถามผมก่อนที่จะหันไปมองป้อ ที่เดินขึ้นไปทางโรงนอนคนเดียว
“ไม่รู้สิ บอกไม่ถูก”
“ไปว่าเค้า แบงค์นั่นล่ะที่แปลก”
“เอ้า เกี่ยวไรกัน”
ผมหันไปถามแบบงงๆ

“ไม่บอก ปล่อยให้งง”
“เอ้า มานี่เลย ไอเด็กแว่น”
ผมกอดคอนันท์แน่น ก่อนที่จะเอามืออีกข้างจี้ที่เอว อีกฝ่ายหัวเราะพยายามขัดขืน แต่เรื่องอะไรที่ผมจะปล่อยไปง่ายๆ
โดยไม่ได้สนใจเลยว่ามีสายตาอีกมากมายหันมามองพวกผมอยู่
โดยเฉพาะ ป้อ ที่มองด้วยสายตาที่แฝงความรู้สึกบางอย่างเอาไว้


หลังจากที่หยอกล้อกันได้ไม่นาน นันท์ก็ขอตัวแว๊บไปเข้าห้องน้ำเพราะปวดฉี่ ผมจึงเดินเล่นอยู่แถวนี้เพื่อรอ
ระหว่างที่เดินเล่นไปเรื่อยๆ ผมก็เหลือบไปเห็นมายด์กำลังนั่งอยู่ตรงม้านั่งใต้ต้นหูกวางอยู่คนเดียว เห็นเธอกำลังทำอะไรยุกยิกๆ สักอย่าง ก่อนที่จะสังเกตเห็นว่าเป็นมือถือ

เข้าไปทักหน่อยดีกว่า
ผมเดินเข้าไปช้าๆ กะว่าจะหยอกเธอให้ตกใจเล่นๆ เสียหน่อย
มายด์เปิดดูรูปในมือถือของเธอดูไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้เอะใจเลยว่ามีใครกำลังยืนอยู่ข้างล่างเธอ

แต่เอ๊ะ รูปในมือถือของมายด์ นั่นมัน..........รูปพี่สาธิตนี่
ถึงแม้ผมจะไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว แต่ด้วยความที่พี่เขาเป็นคนเก่ง และค่อนข้างจะเป็นคนดังก็เลยทำให้ผมพอจะรู้จักกลายๆ อยู่บ้าง

“นี่มายด์ชอบพี่เค้าเหรอ??”
ผมถามออกไป ทำเอามายด์ถึงกับสะดุ้งจนเกือบร้องกรี๊ดออกมาเลยทีเดียว (เออ ลืมไป ว่าเข้ามาแบบไม่ให้มายด์รู้ตัวนี่หว่า - -*)
“บ่ะ แบงค์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
มายด์หันมาถามผมด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก สีหน้าแดงด้วยความอาย
“ก็สักพักละ”

“แล้วเห็นอะไรมั่งป่ะเนี่ย”
มายด์ถามผมอีกครั้งก่อนที่จะเอามือถือเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง
“ก็ทันพอที่จะเห็นรูปพี่สาธิตอ่ะนะ ชอบพี่เค้าเหรอ”
ผมถามพร้อมกับยิ้มให้มายด์ มายด์ไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มอายๆ กลับมาแทน
“ว่าแต่ถ่ายรูปไว้เยอะขนาดนี้ พี่เค้ารู้รึยังเนี่ย”
“ก็ไม่เชิงหรอกนะ มั้ง ไม่รู้สิ ก็แค่คุยๆ กันธรรมดา พี่เขาคงไม่ได้คิดอะไรล่ะมั้ง”
มายด์พูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วรู้ได้ทันทีเลยว่ากำลังเขินสุดๆ ผมเห็นแล้วก็ได้แต่อมยิ้มตาม

“ว่าแต่พวกผู้หญิงเค้าชอบเก็บรูปคนที่ตัวเองชอบไว้ในมือถือกันเหรอ”
ผมถามพร้อมกับชี้ไปยังกระเป๋ากางเกงของมายด์

“อืม.........ก็ไม่ทุกคนนะ แต่โดยรวม ก็คิดว่าคงใช่นะ ไม่แต่ผู้หญิงนะ ผู้ชายเค้าก็ทำกันนะ เก็บรูปแฟน รูปคนที่ชอบในมือถือเนี่ย ในมือถือแบงค์ไม่มีมั่งเหรอ”
มายด์ถามผมกลับ ผมได้แต่ส่ายหน้า เพราะปกติ ผมเป็นคนไม่ชอบถ่ายรูป
“ไม่ใช่แค่รูปนะ เบอร์ด้วยนะ ถ้าเป็นคนที่เราชอบ ก็จะเมมประมาณว่า สุดที่รัก มายเลิฟ อะไรทำนองนี้ด้วยนะ”
“ถึงขั้นนั้นเชียว”
“แน่นอน เอ้อ แล้ว นันท์ล่ะ ไปไหน”
มายด์ถามผม ก่อนที่จะหันมองรอบๆ
“ไปเข้าห้องน้ำน่ะ อ่ะ นั่นไงมาแล้ว ไปก่อนนะ”
ผมโบกมือให้กับมายด์ ก่อนที่จะเดินไปหานันท์ มายด์เองก็ยิ้มให้ผมเช่นกัน



หลังจากที่หมดช่วงเวลาพักในช่วงเย็น พวกเราทั้งหมด ก็เข้ายังหอประชุมเพื่อทำกิจกรรมนันทนาการ

ผมหันไปเห็นมายด์ ที่อยู่กลุ่ม 3 ดูเหมือนว่าเธอปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้ดีไม่น้อย ดูสิ เห็นคุยจ้อกับพวกเด็กผู้หญิงด้วยกัน
คงไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงละ
ส่วนทางด้าน ตี๋เอ๋อ ที่อยู่กลุ่ม 7 ดูท่าลำบากไม่น้อยแฮะ เหมือนจะเข้ากับใครไม่ค่อยจะได้เสียเท่าไหร่
เห็นเอาแต่นั่งเงียบอยู่คนเดียวไม่พูดกับใคร (หรือว่าเขาชวนคุยแล้ว แต่ไม่คุยกับเขาเองมากกว่า - -*)

“ไง เป็นห่วงลูกน้องเมิงเหรอไงวะ”
ผมหันไปถามไอพลที่นั่งอยู่ข้างหลังผม ซึ่งเห็นมันเดี๋ยวหันๆ ไปดูจัง”

“ก็ นิดหน่อยอ่ะ ไอนั่นมันเข้ากับคนไม่ค่อยได้ กูก็ต้องเป็นห่วงตามประสา......... เอ่อ..เพื่อนสิวะ”
ไอพลตอบผมด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ผมเองก็ตกใจนิดหน่อย ไม่นึกว่ามันจะเป็นห่วงจริงๆ
“ว่าแต่เมื่อกี้ เมิงว่าใครลูกน้องใครนะ”

“เอ้า ก็ ตี๋เอ๋อ ไม่ใช่ลูกน้องเมิงเหรอวะ”
ผมถามด้วยความสงสัย
“นี่พวกเมิงกับคนอื่น มองแบบนั้นเหรอวะ”
“ก็เออดิ ก็เห็นหลายที เหมือนเมิงโขกสับเสียขนาดนั้น ไปไหนมาไหน ก็เห็นตี๋เอ๋อตามตูดต้อยๆ เมิงว่าไง ก็เห็นเห็นจะเถียงจะปฏิเสธ ไม่สิ เหมือนไม่กล้าหือมากกว่า”
ผมบอกมัน ไอพลทำท่าครุ่นคิดนิดนึง ก่อนที่จะชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ๆ ผม

“กูยอมรับว่ะ ว่าตอนแรกๆ ที่กูรู้จักมัน กูก็คิดว่าจะทำแบบนั้น แต่......”
“แต่...???”
ผมขยับตัวหันไปทางมัน

“พอกูรู้จักมันจริงๆ มันเป็นคนที่เข้ากับคนไม่ค่อยได้ว่ะ กูก็เลย สงสารอ่ะ จนความคิดที่จะเอามันเป็นลูกน้องเนี่ยหายไปเลย”
“หืม ดีมากเลยเมิง นี่ขนาดตอนนี้เมิงไม่คิดแล้ว พวกกูยังมองเห็นเป็นแบบนั้น นี่ถ้าเมิงยังคิด นี่พวกกูคงคิดว่าตี๋เอ๋อมันเป็นนักโทษของเมิงแน่ๆ”
ผมพูดเหน็บๆ มันไป มันชกท้องผมเบาๆ ทีนึงเป็นเชิงขัด

“เออ ไงๆ ถ้าเมิงไม่ได้คิดแบบนั้นแล้ว เมิงก็ทำตัวกับมันดีๆ หน่อยละกัน ไงๆ ก็เพื่อน ยิ่งเข้ากับคนไม่ได้ด้วย”
“แบบที่เมิงปฏิบัติต่อนันท์น่ะเหรอ”
ไอพลพูดพร้อมกับยิ้มแบบมีเลศนัย

“ยิ้มแบบนั้นหมายความว่าไงวะ”
“อะไร ป่าวนี่ กูก็ยิ้มของกูไปเรื่อย เอาเหอะ ไม่ต้องห่วง ยังไงกูไม่มีวันทิ้งมันอยู่แล้ว เมิงเองน่ะล่ะ ทำให้ได้อย่างที่บอกกูก็แล้วกัน”
ไอพลพูดกับผมพร้อมกับตบบ่าผมเบาๆ ทีนึง แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรต่อ พี่ๆ ที่ทำหน้าที่นันทการก็เข้ามาเสียก่อน


“สวัสดีค่ะ น้องๆ ทุกคนจากทั้ง 5 โรงเรียนนะคะ เป็นไงบ้างคะ สำหรับการอบรมวันแรก เบื่อรึยัง”
เสียงของ พี่ปั่น(ดูจากชื่อที่ห้อยที่คอ) พูดผ่านไมค์ถามพวกเรา ก็มีทั้งตอบจริง ตอบแซวไปบ้าง
หลังจากที่ทักทายทำความรู้จักกับพวกพี่ๆ กันเรียบร้อย ช่วงเวลานันทนาการก็เริ่มขึ้น
ก็มีทั้งร้องเพลงสนุกสนานกัน มีกิจกรรมแกล้งกันมั่ง เช่นเรียกให้ออกไปเต้นท่าประหลาดๆ
ซึ่งก็เหมือนกับเข้าค่ายทั่วๆ ไป แต่ปกติ ผมเองก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจกับอะไรพวกนี้มากนัก

แต่เพราะคำพูดของนันท์ที่พูดกับผมเมื่อเช้า ที่อยากให้ผมหัดปล่อยวาง แล้วหาความสุขใส่ตัวเสียบ้าง

ตอนนี้ผมเองก็เริ่มที่จะสนุกไปกับบรรยากาศนั้นแล้ว
การได้อยู่ท่ามกลางผู้คนที่สนุกสนาน ถึงแม้ผมอาจจะไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับมันมากนัก
แต่การได้เป็นส่วนนึงในนั้น มันก็ทำให้รู้สึกดีเหมือนกันแฮะ

เพียงแต่ เหมือนมันรู้สึกขัดๆ อยู่เรื่องนึง
เมื่อผมหันไปมองนันท์ ที่ตอนนี้กำลังคุยอยู่กับป้ออย่างสนุกสนาน
ความรู้สึกขุ่นข้องหมองใจมันก็เกิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

โดยเฉพาะไอท่าทีที่ดูจะตีสนิทเหลือเกินของคนที่ชื่อป้อนั่น

แต่ผมก็พยายามไม่คิดมาก



เอาน่ะ ก็แค่เขาคุยกันธรรมดา จะไปคิดมากไรเนี่ยเรา

สงสัยจะเครียดมากเกินไปแบบที่นันท์ว่าไว้จริงๆ ด้วยแฮะ



.............
“เอาล่ะ นี่ก็ 3 ทุ่มกว่าแล้วนะคะ เป็นไงง่วงกันมั่งรึยัง”
พี่ปั่นถามพวกเรา แต่ดูจากท่าทางของแต่ละคนแล้ว เหมือนจะยังสนุกอยู่

“อืม... เอางี้ งั้นพี่คิดเกมส์ได้เกมส์นึง ขอให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาทีมละ 2 คนด้วยนะคะ
2 คนที่ออกมา ขอว่าต้องอยู่กันคนละโรงเรียนด้วยนะคะ
อ่ะๆ งานนี้ไม่มีเต้นท่าประหลาดๆ แน่ พี่รับรอง ออกมาได้ ไม่ต้องกลัวค่ะ”
ทันทีที่พี่ปั่นพูดจบ แต่ละกลุ่มก็ส่งตัวแทนออกไป รู้สึกโชคดีแฮะ ที่ไม่โดนเลือกออกไป

ผิดกับมายด์ ที่ได้เป็นตัวแทนออกไป แต่ดูสีหน้าเธอแล้ว ดูเหมือนจะเต็มใจออกไป
ในขณะที่นันท์เอง ก็ได้เป็นตัวแทนของกลุ่ม 7 เช่นกัน แต่เหมือนสีหน้าจะตื่นๆ อยู่ไม่น้อย
สงสัยโดนบังคับรึป่าวก็ไม่รู้







และสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกตะขิดตะขวงใจอีกครั้งก็เกิดขึ้น
เพราะคนที่ออกไปคู่กับนันท์ ก็คือ



ป้อ~~!!!

จบคาบเรียนที่ 5



สวัสดีครับ

แห่ะ หายไป 2-3 วัน โทษทีครับ
พอดีไม่สบายนิดหน่อย ไปตากฝนมาน่ะ >< เลยไข้ขึ้น 5555+

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน ปรับตัวไม่ทันเลย - -*


ก็เข้าสู่คาบเรียนที่  5 แล้ว ในที่สุด แบงค์ นันท์ บาส พล และตี๋เอ๋อ ก็ได้ไปเข้าค่ายละ
พร้อมด้วยตัวละครใหม่ นั่นคือ ป้อ

เขาจะเข้ามาทำอะไร ยังไง คิดยังไง อันนี้ขออุบไว้ก่อน ต้องติดตามกันเอง ไม่งั้นไม่ลุ้น 555+

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะครับ ผมอ่านไป แล้วยังยิ้มตามไปเลย :o8:

และขอบคุณทุกคลิกที่เข้ามาอ่าน แต่อาจจะไม่ได้เม้นท์ด้วยนะครับ
อย่างน้อยเห็นยอดคลิกเข้ามาเพิ่ม ก็ต้องมีคนอ่านมั่งล่ะ 555+
ผมเชื่องั้นนะ เพราะ (อดีต)แฟนผมเขาก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน อ่านอย่างเดียว แต่ไม่เม้นท์ไรเลย (เพราะเขาบอกว่า เขาเม้นท์ไม่เก่ง - -*)

วันนี้มาดึกไปหน่อย ขอตัวก่อนนะครับ ขอบคุณครับ :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-06-2013 04:14:47 โดย จิ๊บคุง »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
555 แบงค์เริ่มรู้สึกคันที่หัวใจแล้วล่ะซิ
นันท์จะได้ทำอะไรคู่กับคู่กับป้ออีกนะ

ปล.หายป่วยเร็ว ๆ นะคะ

ออฟไลน์ Lily teddy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-2
เอาแล้ว จุดเปลี่ยนมาแล้ว  :m4:
อยากรู้จังว่าจากเพื่อนสนิทที่ดูธรรมดา ๆ
พอเริ่มมีความรู้สึกที่เปลี่ยนไปจะแสดงอาการยังไงออกมาน๊า
ส่วนพลกะตี๋เอ๋อนี่ก็แอบน่ารักนะ ยอมรับเลยแรก ๆไม่รู้สึกเลยนะเนี่ย
รอติดตามความรู้้สึกหน่วงๆในใจแบงค์ต่อไปค๊า  :bye2:
 :L2: เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนหายป่วยไว ๆจ้า

ออฟไลน์ ~ณิมมานรฎี~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1070
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-2
รู้ใจตัวเองไวๆนะนายแบงค์  ไม่งั้นนู๋นันท์โดนแย่งไปแหงมมมมม   :hao7:

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
บาสนี่ร้ายจังนะ เหมือนไม่ค่อยชอบนันท์ด้วย แต่คงไม่ใช่เพราะหวงพี่หรอกนะ
แบงค์มีเรื่องเครียด ๆ มาทีไร เจอน้องนันท์ยิ้มให้หน่อยก็ผ่อนคลายละ
พล กับ ตี๋เอ๋อ (ชื่อนี้จริง ๆ เลยเหรอเนี่ย) มาให้เราได้จิ้นกระจายในตอนนี้
แหม มันน่าคิดนิ มีการนอนค้างด้วยกันด้วย แถมพลอ่อนโยนกับตี๋เอ๋อสุด ๆ
ให้ตี๋เอ๋อนอนหนุนตัก นวดขมับให้ด้วยอ่ะ ชอบจัง  :o8: จิ้น ๆ ลุ้น ๆ คู่นี้ต่อไป ฮุฮุ
แล้วตกลงตี๋เอ๋อพูดไม่ได้รึไม่ยอมพูดเองกันล่ะเนี่ย เหมือนมีปริศนาเพิ่มอีกหนึ่งแล้ว
ป้อ จะมามีบทบาทสำคัญอะไรรึเปล่านะ มองนันท์ด้วยสายตาแปลก ๆ แถมตีสนิทนันท์สุดๆ
จนแบงค์กังวล หงุดหงิดด้วย แต่ก็ดี หงุดหงิดให้เยอะ ๆ จะได้รู้ตัวเร็ว ๆ ว่าคิดยังไงกับนันท์
ให้คนเขียนจ้า  :3123:  รักษาสุขภาพด้วยนะจ้ะ  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-06-2013 23:46:17 โดย TIKA_n »

จิ๊บคุง

  • บุคคลทั่วไป
คาบเรียนที่ 6 : หวั่นไหว

ทันทีที่ผมเห็นว่าคนที่ออกไปข้างหน้าคู่กับนันท์คือป้อ
ผมก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะไอท่าทีที่ดูจะเกาะติดนันท์นั่นด้วย

“เอาล่ะค่ะ ตอนนี้ก็ออกมากันครบทุกกลุ่มแล้วนะคะ”
พี่ปั่นพูด ก่อนที่จะจับแต่ละคู่ยืนแยกกันคนละฝั่ง
“เกมส์นี้ ก็ง่ายๆ ค่ะ พวกเรามาจากต่างโรงเรียนกันใช่มั้ย เพราะฉะนั้น นี่คือบททดสอบค่ะ ว่าพวกเราได้เพื่อนใหม่กันรึยัง ก็แค่คำถามง่ายๆ ค่ะ เดี๋ยวพี่จะแจกกระดาษกันคนละใบนะคะ แล้วพี่จะถามคำถาม ว่าเรารู้จักเพื่อนของเรามากน้อยแค่ไหน เขียนทั้งของเรา และคู่ของเราด้วยนะคะ ทีมไหนทำคะแนนได้เยอะที่สุด ทีมนั้นจะเป็นผู้ชนะค่ะ ส่วนทีมที่ได้คะแนนน้อยที่สุด แน่นอนค่ะ เราเตรียมบทลงโทษเล็กๆ น้อยๆ เอาไว้ด้วยค่ะ”
ทันทีที่พี่ปั่นพูดจบ พี่ทีมงานที่เหลือก็เอากระดาษและปากกาแจกให้แต่ละคน ก่อนที่จะให้หันหลังเพื่อป้องกันการโกง
เมื่อแจกเสร็จ พี่ปั่นก็ถามคำถามไปเรื่อยๆ คำถามส่วนมากก็เป็นเกี่ยวกับความชอบของแต่ละคน

จนในที่สุดก็ครบ 10 ข้อ เมื่อถามจนครบแล้ว พี่ปั่นก็จะถามทีละคู่ ว่าคู่ไหนทำคะแนนได้เท่าไหร่
แต่ผมในตอนนี้ สมาธิแทบจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว

จนกระทั่งเมื่อตรวจนับคะแนนจนครบ ผลปรากฏว่า ทีมของนันท์เป็นทีมที่ได้คะแนนน้อยที่สุด
สีหน้าของนันท์และป้อดูเจื่อนๆ อยู่ไม่น้อย เพราะนั่นหมายถึงว่า คนที่เหลือในกลุ่มจะต้องโดนลงโทษด้วย

แต่แทนที่ผมจะเห็นใจ ทำไมผมกลับรู้สึกดีใจอยู่เล็กๆ ที่ได้เห็นสีหน้าผิดหวังของป้อ
แต่ทว่าผมก็รู้สึกแบบนั้นได้ไม่นานนัก นั่นเพราะ…………

“เอาล่ะค่ะๆ เราได้ทีมที่แพ้แล้ว ขอเชิญคนที่เหลือในทีมออกมาด้วยค่ะ”
ทันทีที่พี่ปั่นพูดจบ คนอื่นในกลุ่ม 7 ก็ลุกขึ้นเดินออกไปข้างหน้า ตามด้วยเสียงโห่ร้องของทีมอื่น
“ก่อนที่เราจะทำโทษ ขอสัมภาษณ์ตัวแทนทีมก่อน ชื่ออะไรกันมั่งคะทั้ง 2 คน”
“นันท์ครับ”
“ป้อครับ”

“ค่ะ ป้อ กับ นันท์นะคะ มีอะไรจะพูดสักหน่อยมั้ยคะ”
พี่ปั่นถาม ก่อนที่จะยื่นไมค์ไปให้นันท์ แต่ทว่าป้อกลับฉวยมันไปเสียก่อน

“ถึงวันนี้ เรายังจะไม่รู้จักกันมากนัก แต่ต่อไปเราจะต้องเป็นเพื่อนที่ดีและรู้จักกันมากกว่านี้ได้แน่นอนครับ”
ป้อพูดจบก่อนที่จะส่งไมค์คืนให้พี่ปั่น พร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง ในขณะที่คนอื่นๆ ได้แต่โห่ร้องดังกระหึ่ม


แต่ทว่า ผมกลับไม่พอใจกับคำพูดนั้นเอามากๆ ผมกำหมัดแน่น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น
“เฮ้ย เป็นไรวะ ไอแบงค์ ดูเมิงแปลกๆ ไปนะเว้ย”
พลถามผม พร้อมกับตบบ่าผมเบาๆ
“ป่าว กูไม่ได้เป็นไร”
“แต่เมิงทำหน้าเครียดซะขนาดนั้น.....”

“ก็กูบอกว่ากูไม่ได้เป็นไรไงวะ”
ผมตอบตัดบทไป ไอพลเมื่อได้ยินเช่นนั่น จึงเงียบไม่พูดอะไรต่อ

“แหม เป็นคำตอบที่ซึ้งกินใจดีนะคะเนี่ย พี่เกือบเผลอคิดไปไกลซะแล้ว งั้นแล้วคนอื่นๆ ล่ะคะ ชื่ออะไรกันมั่ง”
พี่ปั่นเดินถามชื่อของคนที่เหลือในกลุ่ม จนกระทั่งถึงคนสุดท้ายของกลุ่ม ซึ่งก็คือ ตี๋เอ๋อ
พี่ปั่นพยายามถามแต่ทว่า ตี๋เอ๋อกลับเอาแต่ทำหน้าตื่น อึ่กอั่กในลำคอ เหมือนจะพูด แต่ก็ไม่ยอมพูดสักที


“เม่น ครับ~~~~~!!!!!”


ชื่อเล่นจริงๆ ที่ผมเองก็เกือบลืมไปแล้วของตี๋เอ๋อถูกตะโกนเสียงดังลั่น แต่ทว่ามันไม่ได้ออกมาจากปากเจ้าตัว
แต่ออกมาจาก…………………….


“ไอพล เมิงทำอะไรของเมิงเนี่ย”
ผมกระซิบถามมันเบาๆ เพราะคนที่ตะโกนคือมันนี่ล่ะครับ
“เอ้า ก็เมิงก็รู้ว่าไอนี่มันไม่ค่อยพูดจา เหมือนกับคนอื่นเขาเสียที่ไหนล่ะวะ กูก็เลย………….”
ไอพลกระซิบตอบผม ในขณะที่สายตาของคนรอบข้างตอนนี้จับจ้องมาที่ผมกับพลแล้ว

“เอ่อ พี่ไม่ได้ถามชื่อของน้องนะคะ พี่ถามชื่อของน้องแว่นคนนี้ค่ะ แห่ะๆ”
พี่ปั่นหันมาพูดด้วยเสียงหัวเราะแห้ง ก่อนที่จะหันไปทางตี๋เอ๋ออีกรอบ
“เอาล่ะค่ะ น้องชื่ออะไรคะ”


“ก็นั่นล่ะครับ มันชื่อเม่น~~~!!!!!”
ไอพลตะโกนอีกรอบ ก่อนที่พี่ปั่นจะหันมามองด้วยสีหน้างงๆ พลางหันมองระหว่างไอพลและตี๋เอ๋อ


“งั้นขอเชิญน้องออกมาด้วยละกันนะคะ”
พี่ปั่นเรียกไอพลออกไป เสียงโห่ร้องของคนรอบข้างดังยิ่งขึ้นไปอีก
แต่ทว่า ดูไอพลจะไม่ค่อยสะทกสะท้านเท่าไหร่เลย มันลุกเดินออกไปด้วยสีหน้านิ่งเฉย ก่อนที่จะไปยืนข้างๆ ตี๋เอ๋อที่ตอนนี้ทำตัวลีบแห้ง สีหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด
“น้องชื่ออะไรคะ”
“พลครับ”
“รู้จักกับน้องเอ่อ น้องเม่นนี่เหรอคะ”
“ครับ อยู่โรงเรียนเดียวกัน ห้องเดียวกันครับ”
“มิน่าล่ะ ถึงได้ดูรักเพื่อนจัง ตอบแทนตลอด”
“ครับ”
ไอพลตอบกลับไปสั้นๆ ด้วยรอยยิ้มกวนๆ ตามประสามัน


“เอาล่ะ คนอื่นที่เหลือกลับเข้าที่ได้ค่ะ เหลือไว้แต่น้องป้อ น้องนันท์ น้องพล แล้วก็เอ่อ น้องเม่นนะคะ”
ทันทีที่พี่ปั่นพูดจบ คนอื่นๆ ที่เหลือก็รีบกลับเข้าที่ด้วยความว่องไว

ตอนนี้ผมยิ่งรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เพราะไอคนที่ชื่อป้อนั่น มันพยายามยืนชิดนันท์อย่างเห็นได้ชัด
แถมมองนันท์ไม่ละสายตาเลย

ผมลุกขึ้นจากที่นั่ง ก่อนที่จะเดินออกจากแถว ตรงไปยังห้องน้ำ ก่อนที่จะถีบประตูห้องน้ำแรงๆ ทีนึง


นี่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย ความรู้สึกหงุดหงิด กระวนกระวายใจนั่น มันคืออะไรกัน

ตั้งแต่เรื่องตอนนั้นแล้ว ที่เราคิดว่า นันท์กำลังชอบใครอยู่

มันก็ดูไม่น่าจะแปลกอะไร ถ้านันท์จะไปรู้จัก หรือใครจะมารู้จักนันท์
นันท์จะไปชอบใคร หรือใครจะมาชอบนันท์

แต่...............

แต่ทำไมผมกลับทำใจยอมรับมันไม่ได้

เสียงโห่ร้องจากหอประชุมดังต่อเนื่องไม่ขาดสาย
ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผมเลือกที่จะไม่รับรู้มันดีกว่า หากมันจะทำให้ผมต้องรู้สึกแย่ไปกว่านี้


เมย์..................

นี่แบงค์เป็นอะไรไปนะ ตอนนี้
ผมเดินไปมาอยู่บริเวณรอบๆ ห้องน้ำ รอจนเสียงโห่ร้องนั้นเงียบลง
จึงเดินกลับเข้าไปยังหอประชุม ซึ่งตอนนี้กำลังสวดมนต์หมู่กันอยู่
ผมพยายามเลาะตัวเข้าไปยังแถวของผม

“ไปไหนมาวะ”
ไอพลกระซิบถามผม
“ไปห้องน้ำมา”
“ขี้แตกรึไงวะ เออ งั้นแสดงว่าเมื่อกี้ เมิงคงไม่ได้ดูสินะ ว่าพวกกูโดนลงโทษไงมั่ง ไอพี่ปั่นนะแม่งโคตรจะแบบว่า
ให้พวกกูนะ ทำ.....”
“เงียบไปเลยเมิง กูไม่อยากฟัง”
ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ไอพลเงียบไม่พูดต่อ


ทันทีที่พวกพี่ๆ นันทนาการ ก็ปล่อยให้พวกเราเข้านอนหลังจากที่สวดมนต์หมู่เสร็จ
ผมรีบเดินไปยังกลุ่มของนันท์ทันที
“อ้าว แบงค์ มาพอดีเลย ว่าจะเดินไปหาอยู่เหมือนกัน”
นันท์หันมาพูดกับผม ทันทีที่เห็นผม ผมยังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไร

“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันนะนันท์ หลับฝันดีนะ”
ป้อยิ้มให้กับนันท์ ก่อนที่จะหันมายิ้มให้กับผมอีกครั้ง แล้วจึงเดินออกจากหอประชุมไป

ทั้งๆ ที่ดูๆ แล้ว คนที่ชื่อป้อนั่นก็เหมือนคนอื่นทั่วๆ ไป
แต่ทำไมผมถึงได้รู้สึกไม่ถูกชะตายังไงไม่รู้แฮะ
“แบงค์เป็นไรเหรอ”
นันท์หันมาถามผม คงเพราะเห็นสีหน้าที่ดูหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดของผมด้วยล่ะมั้ง
“อ่ะ หา อ่ะ ป่าวๆ ไม่มีไร ไปเหอะ ไปอาบน้ำดีกว่า เดี๋ยวไอพล กับตี๋เอ๋อ จะรอนาน”
ผมรีบพูดกลบเกลื่อน ก่อนที่จะชี้นิ้วไปยังไอพลกับตี๋เอ๋อ ที่ยืนรออยู่หน้าประตูหอประชุม

พวกเราทั้ง 4 คนกลับไปยังโรงนอนพร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้า นุ่งผ้าขนหนูก่อนที่จะเดินยังโรงอาบน้ำที่อยู่หลังโรงนอน
ผมสังเกตเห็นได้ชัดเลยตอนนี้ ถึงความแตกต่างระหว่างคนที่เล่นกีฬาอย่างผมกับไอพลกับคนที่ไม่เล่นอย่างนันท์กับตี๋เอ๋อ
อืม.......มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะ ก็เหมือนคนทั่วๆ ไปน่ะล่ะ เพียงแต่ไม่ได้พวกกล้ามอะไรเหมือนผมกับไอพล

แว่บนึงผมกลับคิดว่า ถ้าเอานิ้วไปจิ้มหน้าท้องของนันท์ มันคงจะนุ่มดี
คิดอะไรวะเนี่ยเรา - -*
และเหมือนจะเคยได้ยินใครสักคนพูดเอาไว้ว่า
สิ่งที่เราคิดเอาไว้ ว่าอาจจะแตกต่างจากคนอื่น แท้จริงแล้ว คนอื่นก็อาจจะคิดแบบเดียวกับเราก็เป็นได้
เพราะจากที่คิดว่าจะอาบน้ำก่อนนอนเผื่อคนจะได้น้อยๆ
แต่มันเป็นการคิดที่ผิดครับ เพราะโรงอาบน้ำตอนนี้แน่นขนัดไปด้วยผู้คน

“อะไร ตี๋เอ๋อ”
เสียงของไอพลพูดขึ้น ผมกับนันท์หันไปมอง เห็นตี๋เอ๋อกำลังทำหน้าอายๆ ก่อนที่จะชี้เข้าไปในโรงอาบน้ำ
“เมิงอายเหรอวะ ไอตี๋เอ๋อ”
ไอพลถาม ตี๋เอ๋อพยักหน้าตอบ
“เฮ้ย ถ้าไม่อาบที่นี่ แล้วเมิงจะอาบที่ไหนวะ จะอายไรวะ ผู้ชายเหมือนกันแท้ๆ มันก็..........”
ยังไม่ทันจะได้พูดจบ ไอพลก็นิ่งเงียบไป ทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่นึง
“เออว่ะ คงไม่ดีแน่”
“ไม่ดีไรวะ”
ผมถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นสีหน้ามันเปลี่ยนไป ดูวิตกๆ

“ป๊าว ไม่มีไร”
ไอพลตอบเสียงสูง ดูก็รู้ว่ากำลังปิดบังอะไรอยู่

“อืม งั้นเอางี้สิ ตี๋เอ๋อ ก็ไปอาบที่ห้องน้ำข้างหลังสิ”
นันท์แสดงความคิดเห็น ตี๋เอ๋อดูจะเห็นด้วยกับความคิดนั้น ก่อนที่จะเดินไปยังห้องน้ำข้างหลัง
“อ้าว เฮ้ย งั้นกูไปด้วย รอกูด้วยดิวะ”
ทันทีที่ไอพลพูดจบก็วิ่งตามตี๋เอ๋อไปทันที ทิ้งไว้ให้ผมกับนันท์ยืนกันอยู่ 2 คน

“ไปกันหมดเลย แล้วเราล่ะ เอาไงดี”
นันท์หันมาถามผม อืมอาบรมกับคนอื่นก็ไม่เห็นจะเป็นไร อาบๆ ไปเหอะ

แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบ สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นป้อกำลังอาบน้ำอยู่ข้างใน
“งั้นเราไปอาบข้างหลังเหมือนไอพลกับตี๋เอ๋อดีกว่า”
พูดจบผมก็รีบจูงมือของนันท์ไปยังห้องน้ำด้านหลังทันที

 แต่ทว่าห้องน้ำด้านหลังก็เต็มไปด้วยคนเช่นกัน - -
“เอาไงดี ไปอาบรวมกับคนอื่นก็ได้มั้ง”
นันท์หันมาพูดกับผม
“ไม่อ่ะ อาบที่นี่ดีกว่า”
ผมรีบตอบกลับไป นันท์ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า
เราสองคนยืนรออยู่หน้าห้องน้ำไม่นานนัก คนที่เข้าไปก่อนหน้าก็เดินออกมา
“นันท์เข้าไปอาบก่อนละกัน”
ผมบอกกับนันท์ พร้อมกับเปิดประตูให้ นันท์เดินเข้าไปแต่ไม่ทันที่จะได้ปิดประตู
“แบงค์ก็เข้ามาอาบพร้อมกันเอามั้ย จะได้ไม่ต้องรอ”
นันท์หันมาพูดกับผม ผมลังเลที่จะตอบ แต่ดูเหมือนว่าจะสู้แรงคะยั้นคะยอของนันท์ไม่ได้ ผมจึงเดินเข้าไปด้วย
หลังจากที่ล๊อคกลอนประตูเรียบร้อย ผมกับนันท์ก็เอาผ้าขนหนูพาดไว้ที่กำแพงห้องน้ำ
จะเหลือก็แต่กางเกงในตัวเดียวที่ปกปิดร่างกายของพวกเราเอาไว้

“อิจฉาแบงค์จริงๆ แฮะ”
นันท์หันมาพูดกับผม
“อิจฉา.....เรื่องอะไรอ่ะ”
“ก็......ดูหุ่นแบงค์ดิ หุ่นดีจะตาย เทียบกับนันท์แล้ว”
นันท์ตอบกลับมาพร้อมกับเอามือลูบหน้าท้องตัวเอง
ผมได้แต่หัวเราะกลับไปอย่างตะกุกตะกัก ถึงแม้ไฟในห้องน้ำจะไม่สว่างมากนัก แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ผมเห็นนันท์ที่ยืนออยู่ตรงหน้าผมได้ชัดอยู่เหมือนกัน
ถึงจะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นนันท์ในสภาพแบบนี้
ไม่ยักรู้แฮะ ว่านันท์จะขาวขนาดนี้ คงไม่ค่อยได้โดนแดดล่ะมั้ง ผิดจากผม ที่โดนแดดจนผิวแทนไปซะแล้ว (ทั้งๆ ที่ตอนเด็กก็ออกจะขาวแท้ๆ - -*)

แล้วนี่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว อาบน้ำๆ ดีกว่า - -*

แต่ถึงจะคิดแบบนั้น เอาเข้าจริงๆ ไม่รู้ทำไมสายตาผมถึงได้ชอบหันไปมองจังเลยเนี่ย
โดยเฉพาะตอนนี้ ที่นันท์กำลังถูสบู่ไปตามร่างกายขาวเนียนนั้น ใจของผมก็เต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว

จะว่าไม่เคยชินกับการอาบน้ำร่วมกับคนอื่นก็ไม่น่าจะใช่นะ เพราะเข้าค่ายมาก็หลายครั้ง ทั้งค่ายลูกเสือ ค่ายกีฬา และอื่นๆ อีกสารพัด ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร

แล้วทำไมตอนนี้ถึง.............................
ผมพยายามหลับตา พยายามไม่มอง เพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้
แต่ทว่าทันทีที่ผมลืมตาเพื่อมองหาสบู่ สายตาของผมก็เผลอเหลือบไปมองอีกจนได้

และภาพที่ผมเห็นในตอนนี้คือ นันท์ที่กำลังเอามือล้วงเข้าไปถูสบู่ภายในกางเกงในตัวนั้น
จริงอยู่ที่ไฟมันจะไม่ได้สว่างอะไรมากนัก แต่ด้วยระยะที่ใกล้ขนาดนี้ และด้วยความที่นันท์ใส่กางเกงในสีขาวด้วยแล้ว
มันก็มากพอที่จะทำให้ผมเห็นอะไรต่อมิอะไรภายใน


ตอนนี้จิตใจของผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อยู่ๆ ร่างกายของผมดันมีปฏิกิริยาขึ้นมาซะงั้น
“เป็นไรไปเหรอแบงค์”
นันท์หันมาถามผม ที่ซึ่งตอนนี้กำลังยืนหันหลังให้กับนันท์
“ป่ะ ป่าวๆ ไม่มีไร”
ผมตอบปัดไปอย่างขัดๆ
“อืม.....งั้นแบงค์ช่วยขัดหลังให้หน่อยได้ป่ะ”
นันท์พูดพร้อมกับส่งใยขัดตัวมาให้ผม ผมรับมันมาก่อนที่จะเหลียวหลังไปมอง ตอนนี้นันท์กำลังหันหลังให้ผมเช่นกัน
ผมจึงหันหน้าไป แล้วจึงค่อยๆ ถูหลังให้นันท์เบาๆ
“ถูแรงๆ ก็ได้นะ เผื่อพวกขี้ไคลมันไม่ยอมออก”
นันท์บอกกับผม ผมจึงเพิ่มแรงเข้าไปอีกเล็กน้อย พร้อมกับมืออีกข้างเอื้อมไปจับเอวนันท์ไว้

นี่มันอะไรกันนักกันหนากับผมเนี่ย รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เห็นหน้ากันก็แทบจะทุกวันแท้ๆ
แล้วไหงวันนี้ผมถึงได้รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกล่ะเนี่ย

“อืม พอละ ขอบใจนะ แบงค์”
ทันทีที่นันท์พูดจบ ก็หันหลังกลับมา พร้อมกับผม ที่รีบหันหลังกลับไปเช่นกัน ก่อนที่จะส่งใยขัดตัวคืนนันท์โดยไม่หันไปมอง
“แบงค์ล่ะ จะขัดหลังด้วยป่ะ เดี๋ยวนันท์ขัดให้”
นันท์ถามผม พร้อมกับทำท่าจะเอาใยมาขัดหลังผม แต่ผมกลับกระเถิบหนี
“ม่ะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวแบงค์ขัดเองก็ได้ นันท์อาบน้ำเถอะ”
ผมตอบกลับไป พร้อมกับหยิบใยขัดตัวมาจากนันท์ ก่อนที่จะเอามือเอื้อมไปขัดหลังตัวเอง


ขอโทษนะนันท์  ใจจริงก็อยากให้ขัดให้อยู่หรอก แต่แค่นี้ แบงค์ก็แทบแย่แล้ว
ยิ่งไอข้างล่างเนี่ย จนตอนนี้ มันยังมีปฏิกิริยาไม่ยอมลงเลย T_T

หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ ผมกับนันท์ก็หยิบผ้าขนหนูมาเช็ดตัว ก่อนที่จะนุ่งเอาไว้แล้วจึงเปลี่ยนกางเกงในกัน
ซึ่งก็ยังไม่วายที่ผมจะเหลือบไปมองอีกจนได้ เมื่อเสร็จแล้วเราทั้งสองก็เดินออกมาจากห้องน้ำ

“เฮ้ย อยู่เฉยๆ ดิวะ เมิงขัดเองถึงซะที่ไหน มา เดี๋ยวกูขัดให้”
เสียงของไอพลดังขึ้นมาจากห้องน้ำห้องริมสุด อะไรเนี่ย ยังอาบไม่เสร็จอีกเรอะนั่น
ดูๆ ไป ไอพลมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรอย่างที่คิดแฮะ ดูมันก็รักเพื่อน รักอะไรดีเหมือนกัน
แต่คงเพราะด้วยความที่มันเป็นคนโผงผาง ห้าวๆ เถื่อนๆ คิดอะไรก็พูดออกมา หลายคนก็เลยก็เลยกลัวมัน คิดว่ามันเป็นนักเลง
เมื่อเห็นว่าพลกับตี๋เอ๋อยังอาบน้ำไม่เสร็จที ผมกับนันท์จึงตัดสินเดินกลับโรงนอนกันก่อน
หลังจากที่จัดการใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ผมกับนันท์ก็นั่งคุยเล่นกันไปเรื่อยๆ รอไอพลกับตี๋เอ๋อ

น่าแปลกที่ตัวผมในตอนนี้ ทำไมถึงได้รู้สึกแปลกๆ ขึ้นมานะ
นันท์ เด็กหนุ่มที่เป็นเพื่อนกับผมมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าตอนนี้เขาดูน่ารักขึ้นมาได้นะ
ก็แค่เด็กแว่นธรรมดาๆ คนนึง แต่ผมกลับละสายตาไม่ได้
หน้าตาก็ไม่ได้เด่นอะไร จะมีดีก็ที่ขาว แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร

โดยเฉพาะเวลาที่นันท์ยิ้ม ผมกลับรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

แต่อีกฝ่ายก็เป็นผู้ชายเหมือนกันนะ


ปกติเพื่อนผู้ชายเขาคิดกับเพื่อนผู้ชายด้วยกันแบบนี้รึป่าวนะ
ก็ไม่นะ กับเพื่อนคนอื่นๆ ผมก็ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้นี่


แล้วทำไมกับนันท์ ผมถึงได้.............................
“แบงค์ เป็นไรป่าว แบงค์”
นันท์เรียกผม พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จนผมแทบสะดุ้ง
“ป่ะ ป่าวๆ ทำไมเหรอ”
ผมตอบกลับไป พร้อมกับค่อยๆ เขยิบออกช้าๆ
“ก็อยู่ๆ ดูแบงค์ก็เงียบไป พูดไรก็ไม่ตอบ หันมามองอีกที แบงค์ก็ดูเหม่อๆ ไปแล้ว ทำไม เหนื่อยเหรอ”

“อ่า คงใช่มั้ง คงใช่ ห่ะๆ”
ผมตอบกลบเกลื่อนกลับไป แต่ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ พลกับตี๋เอ๋อเอง ก็เดินเข้ามาพอดี

“น้ำเย็นชิบหาย กว่าจะอาบเสร็จ ยิ่งไอตี๋เอ๋อ มันเสือกไม่ชอบน้ำเย็นอีก กว่าจะจับมันอาบได้ กูเกือบตาย”
ไอพลหันมาพูดกับผม พร้อมกับแก้ผ้าขนหนูออก จะเหลือก็แต่กางเกงในตัวเดียวที่มันใส่ไว้ ก่อนที่จะหยิบกางเกงนอนขาสั้นขึ้นมาสวม


เออ แล้วทำไมทีตอนนี้ผมมองไอพลในสภาพแบบนี้ แล้วผมกลับไม่รู้สึกอะไรเลยวะเนี่ย


ตกลงกูเป็นอะไรของกูอยู่วะเนี่ย - -

ว่าแต่ไอพลล่ะ มันเคยรู้สึกอะไรแบบนี้กับไอตี๋เอ๋อมั้ยวะ
ผมคิดในใจก่อนที่จะหันไปมองมัน จะลองปรึกษามันดูดีมั้ยหว่า


อย่าดีกว่า ไม่อยากโดนไอบ้านี่หัวเราะเยาะ  - -*

“งั้นนอนเลยดีกว่ามั้ย ดูท่าเหมือนแบงค์จะเหนื่อยๆ นะ”
นันท์หันมาพูดกับผมอีกรอบ
“อ้าวเฮ้ย ไรวะ จะนอนแล้วเหรอวะ ไม่อยู่คุยกันก่อนเหรอ โหไรเนี่ย อุตส่าห์ได้มาเข้าค่ายสนุกๆ แบบนี้ทั้งที จะรีบไปนอนไปไหนวะ”
ไอพลหันมาโวยวายกับผม พร้อมกับหยิบผ้าขนหนูไปตาก ก่อนที่จะหันไปช่วยเช็ดหัวให้ตี๋เอ๋อ
“ไม่อ่ะ กูว่ากูนอนเลยดีกว่า กูง่วงละ”
ผมพูดพร้อมกับหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวก่อนที่จะล้มลงนอน

“แบงค์”
“หืม”
ผมหันกลับไปมองนันท์ที่เรียกผม


“ฝันดีนะ”
นันท์พูดกับผม พร้อมกับส่งยิ้มให้ผม
“นันท์ก็เช่นกันนะ”
ผมตอบพร้อมกับยิ้มให้นันท์



กับคำพูดเพียงไม่กี่คำ กับรอยยิ้มเล็กๆ น้อยๆ
แต่ทำไม มันทำให้ผมมีความสุขได้ถึงขนาดนี้

ภายใต้ผ้าห่มที่คลุมโปงตัวผมเอาไว้
ผมกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว ชนิดที่ถ้าใครได้เห็น ก็คงคิดว่า “ไอนี่บ้าแน่ๆ” ก็เป็นได้


แต่ช่างประไร แค่ตอนนี้ผมมีความสุขก็พอใจละ


เพ้อเจ้อไปใหญ่ละ นอนดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไม่มีแรง



- ฝันดีนะครับ -


จบคาบเรียนที่ 6


คาบเรียนที่  6 มาแล้วครับ
รู้มั้ยว่า ตอนที่เขียนตอนนี้เนี่ย (กี่ปีละหว่า) เขียนไป ขำตัวเองไปนะ ประมาณว่า เขียนไปได้ไงวะ ตูเนี่ย - -*
คนอ่านจะคิดว่า เราหื่นปะเนี่ย 5555+

และอยากบอกว่า ประสบการณ์เข้าค่ายอบรมเนี่ยส่วนนึง เอามาจากประสบการณ์ผมเอง 555+
แต่ไม่ได้หวานแหววอะไรแบบนี้หรอกนะ ออกแนวเถื่อนโหดเสียด้วยซ้ำ - -*

แบงค์ตอนนี้ก็เริ่มออกอาการมากขึ้นแล้ว ป้อคือใคร อะไรยังไง ไม่บอก :z2:

กะว่า ถ้ามีเวลาสักหน่อย จะพยายามลองวาดรูป ตัวละครตัวอื่นออกมาดูบ้าง
แต่ไม่รู้ว่าจะถูกอิมเมจของแต่ละคนรึป่าวนี่สิ 555+


ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกคลิกที่เข้ามานะครับ
นั่นคือกำลังใจอย่างดีของผมเลยล่ะครับ

ไปก่อนละครับ  :bye2: :bye2:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-06-2013 02:53:35 โดย จิ๊บคุง »

ออฟไลน์ done_dirt_cheap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
 :katai2-1:
รออ่านต่อ
เป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้นะคะ
 :pig4:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
แบงค์เริ่มหวั่นไหว แต่ก็ยังคงสับสนอยู่
จะให้รู้ใจง่าย ๆ ได้ไง เป็นเพื่อนมาตั้งนาน
แถมเป็นผู้ชายเหมือนกันอีก มันต้องใช้เวลา
ป้อนี่คงเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญแน่ ๆ เลยอ่ะ
ตอนที่ 4 คนถูกทำโทษแบงค์ไม่ดูคนอ่านก็เลยไม่รู้

รอลุ้นกับความรักของทั้งคู่ต่อไป

ออฟไลน์ Lily teddy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-2
เริ่มสงสารแบงค์ละ ทั้งหงุดหงิด สับสนอลหม่านใจอยู่คนเดียว
ก็นะจากเพื่อนสนิทธรรมดา มันคงยอมรับไม่ได้ง่าย ๆ เนอะ เห็นทีต้องปรึกษาบาสซะแล้ว
ฉากอาบน้ำเนี่ยอ่านไปก็ลุ้นตามเลย กลัวนันท์จับได้ 555 นันท์ก็เหมือนแกล้งให้ขัดตัวให้อีก  :katai1:
ประสบการณ์ของคนอ่านตอนอาบน้ำอยู่ค่ายก็ไม่มีซะด้วย เข้าค่ายทีไรซักแห้งตลอด
จะอาบทีคนเยอะมากเป็นเด็กขี้อาย เลยล้างหน้า เช็ดตัวพอละยอมซกมกไปอาบที่บ้านดีก่า  :hao7:
รออ่านตอนต่อไปจ้าสนุกน่าติดตามขึ้นทุกตอนเลย  :bye2:  :กอด1: เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนกันต่อไปจ้า

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
ป้อ ดูแล้วแสดงอาการชื่นชอบนันท์แบบเปิดเผยมากเลยนะ เพียงแต่ชื่นชอบในความหมายไหนล่ะเนี่ย
ส่วนแบงค์ ก็ออกอาการหึงนันท์สุด ๆ ไปเลย หงุดหงิดซะ อิอิ ชอบ ๆ
ในที่สุด ก็ได้รู้ชื่อเล่นจริง ๆ ของตี๋เอ๋อ ซะที โอ้ ชื่อ เม่น แปลกดีจัง
แต่ที่แปลกกว่าคือคนบอก ที่ชื่อพลเนี่ยแหละ แล้วทำไมตี๋เอ๋อไม่พูดล่ะ
แบงค์หนีออกมา เลยไม่รู้ว่าด้านในเกิดอะไรขึ้นเลยอ่ะ เริ่มคิดแล้วสิว่าใจตัวเองมีอะไรแปลกไป
แหม อาบน้ำด้วยกันซะด้วยอ่ะ  :o8: แบงค์จ้องซะตาไม่กระพริบเลยสินะ คิดอะไรอยู่ถึงใจเต้นจ้ะ
ไอ้หย๋า ร่างกายมีปฎิกิริยา ตอนน้องนันท์กำลังอาบน้ำให้นันท์น้อยซะแล้ว ท่าจะแย่มากแล้วนะแบงค์
เอ๋า ๆ พี่พลกับตี๋เอ๋อ ก็เข้าไปอาบด้วยกัน จิ้น ๆ ๆ อีกแล้ว ฮุฮุ แต่รู้สึกพี่พลดูแลตี๋เอ๋ออย่างกับลูกเลยนะเนี่ย
แค่รอยยิ้มกับฝันดีนะของน้องนันท์ แค่นี้ก็ทำแบงค์อารมณ์ดี ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ นี่มันอาการอยู่ในห้วงรักนะจ้ะแบงค์จ๋า รีบรู้ใจตัวเองไว ๆ นะ
ขอบคุณคนเขียนจ้า  :mew3:



จิ๊บคุง

  • บุคคลทั่วไป
คาบเรียนที่ 7 : โมโห

“กูเบื่อการนั่งฟังไอตาแก่ไรนี่พล่ามชิบหาย จะหลับแล้วเนี่ย”

ไอพลบ่นกระซิบจากข้างหลังให้ผมฟัง
“เอาน่ะ เมิงก็ทนเอาหน่อย เดี๋ยวก็เที่ยงแล้ว”
ผมหันไปพูดกับมัน ก่อนที่จะหยิบใบกำหนดการขึ้นมาดู

“อ่ะเนี่ย เดี๋ยวพ้นนี่ก็หมดแล้ว ตอนบ่ายก็เป็นกิจกรรมภาคสนามละเมิง”
“รีบๆ ถึงละกัน ก่อนที่กูจะทนไม่ไหว”
“ทนไม่ไหว? แล้วเมิงจะทำไรวะ”
ผมหันไปถามมัน

“หลับ”
มันตอบออกมาหน้าตาเฉย ถุย ไอเชี่ย นึกว่าจะแน่
แต่จะว่าไป มันก็ออกจะน่าเบื่ออย่างที่ไอพลมันว่าเหมือนกันล่ะครับ
วิทยากรคนนี้พูดจาได้ชวนหลับมากๆ ไม่รู้คนอื่นจะคิดเหมือนผมมั้ยนะ
แต่ดูจากท่าทางแล้ว ก็คงไม่น่าจะต่างกันมากเท่าไหร่หรอก

มายด์ดูท่าไม่สนใจจะฟังเท่าไหร่ เห็นหันไปคุยกับเพื่อนใหม่สนุกเชียว
ตี๋เอ๋อ.............หลับไปแล้ว - -

ส่วนนันท์...............ภาพที่ผมเห็นคือ
กำลังคุยกับป้ออยู่ ไม่รู้คุยเรื่องอะไรกัน แต่ดูแล้วคงจะสนุกมากเลยสินะ

คิดในแง่ดีไว้ ไอแบงค์ คิดในแง่ดีไว้
มันแปลกอะไรวะ ก็แค่เพื่อนใหม่ต่างโรงเรียน ทำอย่างกับเมิงไม่เคยมีเพื่อนคนอื่น

ถึงจะพยายามคิดแบบนั้น แต่ทำไม ผมถึงยังได้รู้สึกขัดๆ ในใจอยู่นะ
เหมือนกับว่า ความรู้สึกที่ผมกังวลอยู่นั้นมันเป็นความรู้สึกอื่น

................
หลังจากที่ต้องทนนั่งฟังการบรรยายอันแสนน่าเบื่อมาตลอดช่วงเช้า
ในที่สุดก็ถึงกิจกรรมภาคสนามในช่วงบ่ายเสียที ก็ดี ถ้าขืนยังให้นั่งฟังบรรยายต่อ มีหวังหลับแน่

กิจกรรมก็เป็นพวกคล้ายๆ กับแรลลี่อะไรทำนองนั้นน่ะครับ ตะลุยเก็บคะแนนตามฐานต่างๆ
แต่ละฐานก็จะเกี่ยวข้องกับพวกความรู้เกี่ยวกับยาเสพย์ติด

จนกระทั่งถึงฐานสุดท้าย ที่ต้องรอให้ครบทุกกลุ่ม
-แข่งวิบาก-
อันนี้ดูๆ แล้วไม่ค่อยจะเกี่ยวกับยาเสพย์ติดเท่าไหร่นะ คงจัดมาให้สนุกๆ กันล่ะมั้ง

หลังจากที่มากันครบทุกกลุ่มแล้ว การแข่งวิบากก็เริ่มขึ้น ก็เหมือนๆ แข่งวิบากทั่วๆ ไปน่ะล่ะครับ
มีเป่าลูกโป่ง มีกินน้ำ เป่าแป้งอะไรพวกนั้น แต่ที่ต่างก็คงจะเป็น อันนี้ในแต่ละกลุ่มต้องแข่งทุกคน วนกันไปเรื่อยๆ กลุ่มไหนครบก่อนก็ถือว่าชนะ ได้คะแนนเต็ม ส่วนทีมอื่นก็ลดหลั่นกันไป

กลุ่มผมแบ่งลำดับกันโดยการจับสลากครับ ก็ฉีกกระดาษกำหนดการนั่นล่ะ มาทำ

ซวยละสิผมได้อันดับที่ 1 ผมหันไปมองไอพล มันชูกระดาษให้ผมดูว่าได้ที่ 2 เออ ไม่ต่างกันเท่าไหร่ - -*

หลังจากที่เตรียมความพร้อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว สัญญาณนกหวีดก็ดังขึ้น
ผมรีบออกตัววิ่งทันที อันแรกไม่มีอะไรมากมายนักแค่เอาน้ำล้างหน้าตัวเอง

จะให้ล้างทำไมวะ

หลังจากนั้นก็มาถึงด่านที่ 2 อืม เข้าใจว่าให้ล้างทำไม
ให้เป่าแป้งหาเหรียญครับ ใครเป็นคนใส่แป้งลงไปเนี่ย เยอะโคตร
แค่กๆ แป้งเต็มหน้าไปหมดละ ลำสักด้วย โหเหรียญ นึกนึกว่าเอาเหรียญ 5 เหรียญ 10 มาใส่
เหรียญบาทเนี่ยนะ คาบยากโคตร ดีที่ไม่เอาเหรียญ 25 หรือ 50 สต. มาใส่ - -*

ด่านที่ 3 ก็แค่ให้เอาเหรียญที่คาบมาหยอดใส่กระปุก ง่ายๆ รีบวิ่งไปด่านที่ 4 ต่อดีกว่า กำลังอยู่อันดับต้นๆ ด้วย
ด่านที่ 4 กินกล้วยครับ โห คิดว่าถ้าทีมงานเขาหากล้วยใบใหญ่กว่านี้มาได้ ก็คงหามาแล้วมั้งเนี่ย อุก~~!!! เกือบจุก ค่อยๆ เคี้ยวก็ได้วะ - -* ไม่ได้อีก กลุ่มอื่นแซงกันพอดี ยัดๆ มันไปนี่ล่ะ อ่อก~~!!

เสียงเชียร์ก็เชียร์ให้รีบกินจัง มาลองกินเองดูมั่งสิ เดี๋ยวจะรู้

มาถึงด่านที่ 5 ต่อจากกล้วยก็มาเจอขนมโก๋ เดี๋ยวๆ กล้วยยังไม่หมดเลย อึก~~~!! ไอกล้วยก็ว่าแย่แล้วนะ ขนมโก๋นี่หนักกว่าอีก แห้งๆ สากๆ แถมชิ้นใหญ่อีก เกือบติดคอตาย
ยังดีที่ด่านที่ 6 เป็นโค้ก ยังพอช่วยแก้ติดตอได้บ้าง แต่ให้รีบกินนี่มันก็ลำสักได้เหมือนกันนะ เกือบพ่นแล้วมั้ยล่ะ - -* เอิ่ก อิ่มเลยกู ข้าวเย็นไม่ต้องละมั้งเนี่ย
รีบไปด่านสุดท้ายดีกว่า จะได้หมดๆ ซะที

เออค่อยยังชั่วไม่ต้องกินอะไรแล้ว แค่ให้เอาลูกเทนนิสปาใส่ซองบุหรี่ให้ล้มแค่นั้น โชคดีที่เล่นบาส เลยแม่น แถมเป้าก็อยู่ไม่ไกลมากนัก ผมเลยปาทีเดียวโดน

จบสักที ผมทิ้งตัวนั่งลงทันที ไอเหนื่อยน่ะ ไม่เหนื่อยหรอก แต่ไอจุกนี่สิ มันกับว่าที่กินไปเมื่อเมื่อกี้ มันยังไม่ลงท้องดีเลย - -
ผมหันไปมองรอบๆ ทำอันดับได้ดีแฮะ แต่ที่เหลือในกลุ่มนี่สิ - -*

เสียงเชียร์ต่างเชียร์กันสนุกสนาน ปล่อยผีกันเต็มที่
“ไอพลเร็วๆ เว้ย ฮ่าฮ่าฮ่า”
ผมตะโกนเร่งไอพลที่ตอนนี้กำลังจุกอยู่กับขนมโก๋ ดูเหมือนมันจะได้ยินนะ เห็นมันชูนิ้วกลางใส่ผม
แล้วดูหน้ามันดิ ฮ่าฮ่าฮ่า เต็มไปด้วยแป้ง ดูไม่ได้เลย ฮ่าฮ่าฮ่า อุ๊บ~~!!! เราเองก็ไม่ต่างจากมันนี่หว่า - -*


“ไง จุกอ่ะดิเมิง”
ผมถามไอพล ทันทีที่มันเดินมานั่งลงข้างผม
“เออดิสัด ใครคิดกิจกรรมวะ กล้วยแม่งใหญ่ชิบหาย”
“ก็กล้วยหอมนิ”
ผมตอบพลางกลั้นหัวเราะเอาไว้
“เออดิ แม่ง เล่นเอากูเข้าใจหัวอกไอตี๋เอ๋อเลยสัด ว่าแต่เมิงเหอะ ขำไรวะ”
“หึหึ เหรอ กูขำเหรอ หึหึ ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ”
“สัด ทำมาขำกู หน้าเมิงก็ไม่ได้ต่างจากกูหรอกวะ”

“เฮ้ย ตี๋เอ๋อกำลังแข่งอยู่ว่ะ”
ผมบอกไอพลพร้อมกับชี้ไปทางกลุ่ม 7
“โหแป้งเต็มหน้าเลยว่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ไอพลหัวเราะดังลั่น
“แต่ดูตี๋เอ๋อจะเก่งกว่าพวกเรานะ”
“หมายความว่าไงวะ”
“เอ้า ก็ดูดีๆ ดิวะ ดูตี๋เอ๋อมันไม่ค่อยจะสำลักอะไรเลยนะ โดยเฉพาะไอกล้วยนรกเวรนั่นน่ะ”
ผมบอกกับไอพล แต่ดูมันพอได้ยินผมพูดแบบนั้น เหมือนจะไม่แปลกใจอะไรมากนัก แถมยังหันมายิ้มกวนๆ เหมือนข่มทับใส่ผมอีกต่างหาก
“อะไรของเมิงวะ”
“ป๊าววววว ไม่มีไร กูก็แค่ยิ้มไปงั้นล่ะวะ”
ดูมัน น่าถีบตูดจริงๆ ไอนี่

ตอนนี้แต่ละกลุ่มดูเหมือนจะผ่านไปได้มากกว่าครึ่งแล้ว กลุ่มผมตอนนี้ผ่านไปได้ 7 คนแล้ว ดูคร่าวๆ แล้ว ถ้าไม่มีอะไรพลาดก็น่าจะติดอันดับต้นๆ ได้แน่ๆ
“เฮ้ย ไอนันท์ลงสนามแล้วว่ะ”
ไอพลสะกิดผม พร้อมกับชี้ไปทางกลุ่ม 7
“ดูทุลักทุเลยังไงไม่รู้แฮะ”
“โดยเฉพาะไอกล้วยนั่นสินะ”
ไอพลพูดพร้อมยิ้มกวนๆ เป็นเชิงข่มทับผมอีกรอบ
“อะไรของเมิงเนี่ย”
ผมหันไปถามมัน แต่มันไม่ตอบครับ กวนตีนโคตรๆ แทบอยากจะท้าต่อยกับมันจริงๆ - -*

ผมหันไปมองนันท์ที่ตอนนี้กำลังดูดโค้กอย่างกระอักกระอ่วน
ผมจะผิดมั้ยเนี่ย ที่แอบเชียร์ทีมคู่แข่งอยู่ แต่ก็ได้แค่คิดในใจแค่นั่นล่ะ ขืนเชียร์ออกนอกหน้า เดี๋ยวได้โดนรุมกระทืบแน่ - -*

“กูรู้นะ ว่าเมิงกำลังคิดไรอยู่”
ไอพลกระซิบข้างหูผมเบาๆ ผมสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่จะหันไปหามัน ที่ตอนนี้กำลังทำหน้ายักคิ้วเจ้าเล่ห์ใส่ผม
ผมยกเท้าหวังจะถีบตูดมันด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็ไม่ทัน เพราะมันดันไวกว่า - -*

ในที่สุดการแข่งขันแสนวิบากก็จบลง ผลคือ กลุ่ม 4 ได้ที่ 1 ส่วนกลุ่มของผมนั้น ได้ที่ 3 ครับ นอกนั้นจำไม่ได้ เยอะจัด - -*

หลังจากหมดกิจกรรมภาคสนามในช่วงบ่ายแล้ว ก็มีการนันทนาการกันเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้หายเหนื่อยกัน ก่อนที่จะปล่อยให้พวกเราได้ไปกินข้าวเย็นกัน
“เฮ้ย ไอแบงค์ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วเมิงจะอาบน้ำเลยมั้ยวะ”
ไอพลถามผมพร้อมกับกอดคอผมแน่น
“อาบดิ ให้รออาบก่อนนอนไม่ไหวว่ะ เหม็นจะแย่ โดยเฉพาะกลิ่นตัวเมิงอ่ะ”
ผมพูดพร้อมกับยกแขนมันออกจากไหล่ของผม มันทำท่าดมๆ รักแร้ตัวเอง 2-3 ที
“อ่ะเหรอ เหม็นเหรอวะ กูว่ากลิ่นก็คลาสสิคดีออก”
“เมิงอย่ามาโรคจิต”
ผมด่ามัน แต่ดูมันไม่สะทกสะท้านเท่าไหร่นัก ยังคงยิ้มแป้นแล้นกวนตีนตามประสามัน

“อ่ะนั่น ไอนันท์กับตี๋เอ๋อเดินมานู่นละ”
ไอพลพูดพร้อมกับชี้ไปยังทั้งสองที่เดินมาในสภาพมอมแมมไม่ต่างไปจากผมมากนัก
“เป็นไง เละมาเชียว”
ผมถามนันท์ พร้อมกับขยี้หัวนันท์เบาๆ เพื่อนปัดเอาพวกแป้งออก
“สุดๆ อ่ะ เจอทั้งกล้วย เจอทั้งขนมโก๋ แถมต่อด้วยโค้กอีก แทบสำลัก”
นันท์บ่นพร้อมกับถอดแว่นตามาเช็ดอีกรอบ ผมสังเกตเห็นไอพลมันหันมามองแว่บนึง แล้วทำท่าหัวเราะคิกคักๆ อะไรของมันก็ไม่รู้ ก่อนที่จะหันไปหาตี๋เอ๋อ แล้วตบไหล่เบาๆ 2-3 ที ซึ่งผมก็ขี้เกียจที่จะถามมันละ ปล่อยมันไปละกัน - -*

หลังจากที่กินข้าวเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราทั้งหมดก็เดินกลับไปยังโรงนอนทันที เพื่ออาบน้ำ
“กูหวังว่าคนคงไม่เยอะเหมือนเมื่อคืนนะ”
ไอพลบ่นพร้อมกับถอดเสื้อออกมาสะบัดแป้งออก
“กูว่าคงยากว่ะที่จะไม่มีคน ก็เล่นเลอะกันซะทุกคนขนาดนั้น จะหมกไว้รออาบก่อนนอนเพื่อนก็ไม่คบกันพอดีอ่ะดิ”
ผมหันไปบอกกับมัน ก่อนที่จะถอดเสื้อออกมาสะบัดแป้งบ้าง
“เออว่ะ เออแต่ก็ดี ไปอาบในห้องน้ำเหมือนเมื่อคืนได้วะ ส่วนตัวดี เนอะ ไอตี๋เอ๋อ”
ไอพลพูดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนที่จะหันไปทางตี๋เอ๋อที่กำลังวุ่นอยู่กับการถอดเสื้อ เพราะมันดันไปเกี่ยวกับสร้อยคอจนไอพลต้องเข้าไปช่วยแกะ

“แล้วแบงค์ล่ะ เอาไง”
นันท์หันมาถามผม

อืม...............ใจจริงมันก็อยากอาบด้วยกันอยู่เหมือนกันอ่ะนะ
แต่พอลองนึกย้อนไปถึงเมื่อคืนแล้ว.................

“เอ่อ เดี๋ยวแบงค์ว่าแบงค์อาบรวมกับคนอื่นๆ ดีกว่า แห่ะๆ ที่มันกว้างกว่าน่ะ”
ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก คิดว่านันท์คงไม่สังเกตเห็นนะ เพราะเห็นพยักหน้าสองสามที ก่อนที่จะหันไปเอาผ้าขนหนูมานุ่ง
“เอ่อ แล้วนันท์ล่ะ”

“อืม....คงอาบในห้องน้ำอ่ะ แบบว่า..........มันอายเหมือนกันน่ะ”
นันท์หันกลับมาตอบ พร้อมกับยิ้มเขินๆ ให้ผม

หลังจากที่เตรียมตัวเรียบร้อยพวกเราทั้งหมดก็เดินลงจากโรงนอนไปยังโรงอาบน้ำทันที ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป

ผมเดินเข้าไปยังโรงอาบน้ำรวมที่เต็มไปด้วยผู้คน ผมพาดผ้าขนหนูกับกางเกงในที่จะเอามาเปลี่ยนไว้ที่ราวแล้วจึงเดินไปตักน้ำอาบตามปกติ

ซ่า~~~!!!!
“............”

ซ่า~~~~!!!!!!
“.........................”

ซ่า~~~~~!!!!!!
เอ๋~~~!!!??
ระหว่างที่ผมตักน้ำอาบไปได้สองสามขัน ผมก็นึกเอะใจอะไรบางอย่าง

ผมหันไปมองรอบๆ ตัวเอง เห็นเด็กนักเรียนโรงเรียนอื่นที่กำลังอาบน้ำกันอยู่


ผมจ้วงขันตักน้ำขึ้นมาอาบ พร้อมกับหันซ้าย หันขวาอีกรอบ

หืม~~~!!!???
น่าแปลก ทำไมผมถึงได้รู้สึกเฉยๆ กับภาพที่อยู่โดยรอบตัวผมกันล่ะ
ไอจะว่าอายมันก็อายอยู่บ้างอ่ะนะ ก็แหม คนมันเยอะเหมือนกันนี่

แต่มันไม่ใช่รูปแบบเดียวกันกับเมื่อคืน

มันไม่ใช่ความรู้สึกเดียวกัน

มันไม่เหมือนกับตอนที่อยู่กับนันท์ในห้องน้ำเมื่อคืนเลยสักนิด

ตอนนี้ผมรู้สึกเฉยๆ ปกติมากๆ

เดี๋ยวๆๆ ถ้านี่ถือว่าปกติ
แล้วถ้างั้นไอเมื่อคืนนั่นล่ะ มันคืออะไรกัน~~~!!!???

หรือว่า ผมจะ............

“เฮ้ย เชี่ย แสบตา ขันๆ ขันกูอยู่ไหนเนี่ย”
เสียงของเด็กหนุ่มข้างๆ ผมร้องดังขึ้น เนื่องจากแชมพูไหลเข้าตา พลางทำท่าควานหาขันไปทั่ว
ผมจึงเอาขันตัวเองตักน้ำส่งให้ เขาคว้าไว้พร้อมกับรีบล้างหน้าทันที แล้วจึงตักราดหัวเพื่อล้างเอาฟองแชมพูออก
ก่อนที่จะส่งขันคืน พร้อมขอบคุณผม

ผมรับขันคืนพร้อมกับรีบอาบน้ำต่อให้เสร็จอย่างว่องไว ก่อนที่จะเช็ดเนื้อเช็ดตัว แล้วรีบวิ่งกลับขึ้นไปบนโรงนอนทันที
ผมหยิบเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นที่วางเตรียมไว้บนที่นอนอยู่ก่อนแล้วขึ้นมาใส่อย่างเร่งรีบ ก่อนที่จะเดินออกจากโรงนอนก่อนที่ทั้งสามคนจะขึ้นมา


“............”


“.............................”

แล้วนี่จะเดินไปไหนวะ
ผมถามตัวเองที่ตอนนี้เอาแต่ก้าวเท้าอย่างเร่งรีบแต่ไม่มีจุดหมาย

ผมย้อนความทรงจำต่างๆ กลับไปถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น
มันตั้งแต่ตอนไหนกันนะที่ผมรู้สึกแบบนี้

ใช่ ผมยอมรับว่าทุกครั้งที่มีนันท์อยู่ข้างๆ ผม หรือทุกครั้งที่ผมได้อยู่ใกล้ๆ นันท์ ผมมักจะมีความสุข

ใช่ ผมยอมรับว่าเมื่อใดก็ตามที่นันท์ยิ้มให้กับผม ผมมักอดไม่ได้ที่จะยิ้มตามไปด้วย

ใช่ ผมยอมรับว่าบางครั้งผมก็พยายามหาเรื่องเพื่อให้ได้เจอ หรือแค่ได้พูดคุยเล็กๆ น้อยๆ กับนันท์

ใช่ ผมยอมรับว่าบางครั้งผมก็รู้สึกหงุดหงิด เมื่อเห็นนันท์พูดคุยกับใครบางคน

และก็ใช่ เมื่อครั้งที่ผมรู้ว่านันท์กำลังแอบชอบใครบางคนอยู่ ผมยอมรับว่าผมหงุดหงิด ว้าวุ่นหัวใจมาก
ซึ่งความรู้สึกนั้น จนทุกวันนี้มันก็ยังหลงเหลือตกค้างอยู่ในหัวใจ
ไม่ใช่เพราะว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่เพราะ................................


หรือว่านี่ผมกำลัง.............................


“อ้าว แบงค์”
เสียงที่คุ้นหูเรียกผม ผมหันไปยังต้นเสียงนั้น
“มีไร”
ผมตอบกลับไปอย่างไม่ค่อยเป็นมิตรมากนัก เพราะว่าคนที่เรียกผมนั้นคือ ป้อ
“เป็นอะไรไปเหรอครับ เห็นดูหน้าตาเหมือนไม่ค่อยดีเลยนะ”
ป้อถามผม แต่ผมส่ายหน้าแบบขอไปทีเป็นคำตอบ

“นันท์ไม่อยู่ด้วยเหรอครับ”
ป้อถามผมอีกครั้ง ผมหันไปมองด้วยความรู้หงุดหงิด
“อาบน้ำอยู่ แต่คิดว่าคงเสร็จแล้วมั้ง ไม่รู้สิ มีธุระไร”

“รู้จักกับนันท์มานานเท่าไหร่เหรอครับ”
ป้อเปิดฉากถามตรงๆ กับผม รอยยิ้มนั่นทำไมผมเห็นแล้วถึงได้รู้สึกไม่ค่อยน่าวางใจนักนะ
“ก็........ตั้งแต่ ป.2 รึ ป.3 แถวนี้นี่ล่ะ ว่าแต่ถามทำไม”

“อืม........โห ก็นานเหมือนกันนะเนี่ย”
ป้อพูดพร้อมกับทำท่านับนิ้ว ผมรู้สึกรำคาญ กำลังจะเดินหนี
“แบงค์กับนันท์ เป็นเพื่อนกันจริงๆ เหรอครับ”
“หมายความว่าไงวะ”
ผมถามกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก แต่ทว่าดูป้อจะไม่สะทกสะท้านอะไรเท่าไหร่นัก

“ก็.......ไม่รู้สิ ปกติเพื่อนที่สนิทๆ กันรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กแบบนี้ เขาน่าจะสนิทกันถึงขั้นเรียก เมิง กู อะไรทำนองนี้กันนะ.........”
ป้อหันมองซ้าย มองขวา ก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้ๆ
“แต่ทำไม แบงค์ กับ นันท์ ดูจะสุภาพกันเหลือเกิน เห็นมีแต่เรียกชื่อกัน จนฟังแล้วมันรู้สึก.........”
“นี่เมิงต้องการอะไรกันแน่วะ”
ผมตะคอกเสียงดังกลับไป คนที่อยู่รอบข้างเริ่มหันมามอง ป้อหันซ้าย หันขวา ทำหน้าเป็นเชิงว่าไม่มีอะไรให้กับคนแถวนั้น ก่อนที่จะหันมามองผม

“ใจเย็นๆ สิครับ คุณแบงค์ ผมก็แค่ถามคำถามธรรมดาๆ เองนะ ทำไมต้องหงุดหงิดด้วยล่ะครับ”
ป้อยังคงพูดจาด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แฝงด้วยความยียวนกวนใส่ผม ตอนนี้ผมกำหมัดแน่นแล้ว แต่ทว่ายังคงพอที่จะอดกลั้นมันไว้ได้

“ก็อย่างที่ผมถามน่ะล่ะครับ ว่าตกลง คุณแบงค์ กับนันท์เนี่ย เป็น ‘แค่เพื่อน’ เท่านั้นเหรอ ถ้าเป็น ‘แค่เพื่อน’ ผมจะได้....”
ตุ๊บ~~~!!!!!
หมัดของผมพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของป้ออย่างแรง ทำเอาป้อถึงกับลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นในทันที ป้อเอามือแตะที่มุมปากตัวเอง ไม่มีหรอกครับ ไอเลือดน่ะ แต่รอยช้ำน่ะ เห็นแน่

“กูกับนันท์จะเป็นอะไร มันก็เรื่องของกู ไม่เกี่ยวกับเมิง”
ผมตะคอกเสียงดังใส่ป้อที่ยังคงนั่งกองอยู่กับพื้น ก่อนที่จะชี้นิ้วไปที่หน้าของมัน โดยที่ไม่สนใจแล้วว่าใครจะมองยังไง
“และไม่ว่าเมิงจะทำอะไร หรือคิดที่จะทำอะไรอยู่ก็ตาม ถ้ามันเกี่ยวกับนันท์ล่ะก็ เลิกคิดได้เลย ไม่งั้นเมิงกับกู ได้เห็นดีกันแน่”
พูดจบ ผมก็รีบเดินออกจากตรงนั้นทันที เพราะเกรงว่า ถ้าขืนยังยืนอยู่ตรงนั้นนานกว่านี้อีกนิดล่ะก็ คงได้มีเรื่องมากกว่านี้แน่ๆ


หงุดหงิดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ปกติผมมักจะใจเย็นกว่านี้ ไม่ใช่คนโมโหง่ายอะไรแบบนี้
แต่มันเป็นใครวะ ถึงได้กล้าพูดจากวนประสาทแบบนั้นกับผม

ผมปลีกตัวออกมาจากบริเวณนั้น มานั่งใต้ต้นมะขามคนเดียวเพื่อปรับอารมณ์ สงบจิต สงบใจ อีกอย่างก็เพื่อทำใจเอาไว้เผื่อจะมีปัญหาอะไรตามมาเช่นมีคนไปฟ้องอะไรทำนองนั้น

“..........................”
เสียงมือถือของผมดังขึ้น เมื่อหยิบขึ้นมาดู ก็พบว่าคนที่โทรมาไม่ใช่ใครที่ไหน
ตื๊ด~~!!
“ว่าไง นันท์”
“แบงค์อยู่ไหนเหรอ”
“ก็นั่งเล่นเดินเล่นอยู่แถวนี้นี่ล่ะ”
ผมตอบกลับไป ในขณะที่มืออีกข้างก็เอื้อมไปหยิบกิ่งไม้ข้างๆ มาขีดไปมากับพื้น
“แถวนี้น่ะ แถวไหนล่ะ”
“ก็..........แถวต้นมะขามต้นใหญ่ที่อยู่เยื้องๆ กับโรงนอนอ่ะ มีไรเหรอ”
“โอเคๆ เดี๋ยวรอนั้นนะ เดี๋ยวไปหา”

“เฮ้ย เดี๋ยวๆ....”
ไม่ทันละ วางสายไปซะแล้ว เอาไงดีล่ะทีนี้ จะลุกหนีไปก็คงจะน่าเกลียดแน่ๆ
ว่าแต่ จะหนีเรื่องอะไรล่ะ ??

“มานั่งหลบมุมอะไรอยู่ตรงนี้น่ะ”
นันท์ทักผม ก่อนที่จะนั่งลงข้างๆ
“พลกับตี๋เอ๋อล่ะ”
“ไม่รู้สิ ตอนขึ้นไปแต่งตัวก็ไม่เห็น”
ผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้


“.......”

“..............................”

“แบงค์”
“หือ?”

“แบงค์เป็นอะไรรึป่าวอ่ะ เห็นดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะ”
นันท์หันมาถามผมด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“ป่าวนี่”
ผมตอบปฏิเสธไปอย่างเก้ๆ กังๆ
“ถ้าป่าว แล้วทำไมต้องมองไปทางอื่นด้วยล่ะนั่น โกหกกันเห็นๆ เลยนะ”
อุ~~~!!!! - -*

“แบงค์ยังเห็นนันท์เป็นเพื่อนป่ะเนี่ย”
“เอ่อ.......”
ซวยแล้วผม เข้าใจผิดกันไปใหญ่ละ

“ไม่ใช่แบบนั้นนะนันท์ คือ.........”
ผมนิ่งเงียบไปครู่นึง ก่อนที่จะก้มหน้าลง เพราะคิดไม่ออกจริงๆ ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี

ผม..........

ผมควรจะพูดอะไรดี.........

ในขณะที่ผมกำลังสับสนลังเลอยู่นั่นเอง มือนุ่มๆ ของนันท์ก็แตะลงบนบ่าของผมเบาๆ
“ช่างเถอะ นันท์ก็แค่เป็นห่วงแบงค์นะ แต่ถ้าแบงค์ว่าไม่มีอะไร ก็ไม่มีอะไรละกัน”
ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ภาพที่เห็นคือ นันท์ที่กำลังยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับผม

“คือ.......แบงค์ คือ...”
ผมยังคงตะกุกตะกัก พูดอะไรไม่ออก

ทั้งๆ ที่ผมเองก็อยากจะพูด อยากจะบอกเหมือนกัน
เพียงแต่ผมไม่รู้ว่า ควรจะเริ่มจากตรงไหน

เพราะผมเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน ว่าความรู้สึกที่ก่อเกิดขึ้นในหัวใจของผมตอนนี้นั่น มันคืออะไรกันแน่
“ช่างเถอะ แบงค์คงมีเรื่องบางอย่างที่ไม่สามารถบอกใครได้เหมือนกันใช่ป่ะ นันท์เองก็มีเหมือนกันนะเรื่องแบบนั้นน่ะ”
นันท์พูดกับผมด้วยสีหน้าอายๆ ก่อนที่จะหัวเราะกลบเกลื่อน

ผมเอง เมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็ยังคงพูดอะไรไม่ออกเช่นเดิม จึงได้แต่ล้มตัวลงนอนหนุนบนตักของนันท์
นันท์เอง เมื่อเห็นเช่นนั้น ก็ได้แต่ลูบหัวผมเบาๆ คงหวังอยากจะผมรู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งมันก็ได้ผลอยู่เหมือนกัน

ตอนนี้ผมรู้สึกมีความสุขขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากที่รู้สึกขุ่นมัวมาตลอดช่วงเย็น
ถึงแม้ความขุ่นมัวนั้น จะไม่หายไปหมดเสียทีเดียว


นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันนะ
ทำไมผมถึงได้รู้สึกกับเพื่อนคนนี้มากเกินกว่าที่เพื่อนควรจะรู้สึกกันนะ

หรือว่าที่จริงแล้ว ผมจะเป็น................


“แบงค์”
เสียงของนันท์เรียกผม ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเป็นเชิงสงสัย
“เสียงเรียกให้เข้าหอประชุมละ ไปกันเถอะ”
นันท์บอกกับผม เราทั้งสองลุกขึ้นเดินไปยังหอประชุม ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปตามกลุ่มของตัวเอง


โดยที่ผมเองยังคงเกิดคำถาม และความรู้สึกบางอย่างตกค้างอยู่ในหัวใจ


จบคาบเรียนที่ 7



คาบเรียนที่ 7 นำมาเสิร์ฟแล้วครับ ^^

ที่จริงว่าจะอัพตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ดันดู ฮอร์โมนตอนที่ 6 เพลินจนลืมไปเลย

มัวแต่กรี๊ด น้องภู กับ น้องธีร์อยู่ 5555+

แบงค์เราชักจะเริ่มๆ ออกอาการมากขึ้นทุกทีละ เรื่องราวเริ่มเข้มข้นในส่วนของมุมมองจากแบงค์

คาบเรียนต่อไป จะเกิดอะไรขึ้น ต้องติดตาม



ยังไงก็ช่วยติดตามกันต่อไปนะครับ


รักและขอบคุณทุกคนนะครับ  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-07-2013 02:55:24 โดย จิ๊บคุง »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด