----fuku ใช่แล้ว 'ประมาท' แก้เรียบร้อย ขอบคุณมาก...ตาไว+อ่านทะลุจริงๆ
---------------------------------
stolen heart
รักนิดๆ แต่รักนานๆ
10 ห้องเรา
13.15 น. วันจันทร์...ได้พักเที่ยงแค่ครึ่งชั่วโมงก็ต้องมาเตรียมเครื่องทำน้ำซอสรอเรียนช่วงบ่าย
ไม่น่าขาดวันศุกร์เลยจริงๆ เหตุจากหลังจบงานประชุมสัมมนาวันพฤหัสบดี เพื่อนๆ ในชั้น (รวมถึงผม) ลาป่วยลากิจหายไปเกือบครึ่งห้อง อาจารย์ยกเลิกคลาสแล้วมาลงโทษทำวันนี้แทน เวรกรรมมีจริง ไม่เชื่ออย่าลบหลู่เฮดเชฟวิทยาลัย D อย่างเด็ดขาด
“เรียนเสร็จมึงไปดูมันหน่อยนะณิช” เชียงเอ่ย
“ไปด้วยกันมั้ยเชียง” ผม
“ฝากด้วยละกัน กูกับไอ้ซุปมีนัดเตะตะกร้อกับพวก M ค่ำๆ ถึงจะแวะไป”
“แล้วมันเป็นอะไร เมามากมั้ย ทำไมไม่รับสายกู”
“ไปดูเองเถอะ เพ้อถึงแต่มึง บอกจะไม่ไปปารีสด้วย” น้ำแทรก
“หะ! ปารีส ทุนกอร์งเดงเบลอน่ะนะ?“
“น้ำ หุบปาก!” เชียงทุบแง่งขิงดังปัง
“แหมๆ พูดความจริงแค่นี้ทำเป็น” น้ำยังกัดเซาะริมตลิ่ง ต่อปากต่อคำกับเชียงตามปกติ
ไม่ปกติคือกล้วยกับน้ำมาเรียนเช้าวันศุกร์อยู่ดีๆ พักเที่ยงหายตัวไปหาผมที่คอนโดตึกเซาท์ ก่อนจะใช้ให้น้ำโทรตามซุปและเชียงที่ป่วยการเมืองเหมือนผม (โดยคนที่คุณก็รู้ว่าใครโทรมาลาป่วยให้) สั่งไปกินเหล้าหอด้วยกัน บอก 'กูอยากเมา' พวกนั้นก็เฮโลลาภปากไม่คิดอะไร
จะผิดวิสัยสุดๆ ก็ตรงคนพยายามหนีจากแอลกอฮอล์อย่างกล้วยชวนลงขวดเสียเอง จะเฮิร์ตโบรคเค่นฮาร์ท อ้างฉลองโสดจากน้องขวัญทั้งๆ ที่ผมรู้ดีว่าเพื่อนห่างจากอดีตแฟนสาวมาตั้งแต่ต้นเทอมแล้วได้อย่างไร
หรือคงถือโอกาสเฮฮากับพวกเราตามประสา
อีกใจตงิดว่าหัวเสียจากที่ไปต่อยปากบอสตอนนั้นหรือเปล่า ผมไม่ได้ตามเลย โทรก็ไม่รับสาย พอสาวๆๆ (วาย) มารับเจ้าหินอ่อนกลับไปก็วุ่นหาซื้อยาแก้แพ้กับทำข้าวต้มให้พี่แฮงค์ เก็บกวาดห้องล้างเศษซากแมวก็หมดวันพอดี
พี่เจนไม่ได้ไปงานไบค์ครับ ขลุกอยู่บนห้องกับพี่แฮงค์เงียบไปทั้งคู่
ไม่อยากบอกว่าบอสสำออยมาก โอดโอยจับปากบอกใบ้ให้ดูแผลตลอด ขนาดผมจะลุกเข้าห้องน้ำยังถามว่าจะไปไหน เข้าห้องก็ยังตามมาเยี่ยมหน้ามองอยากรู้อยากเห็น
จุ๊ๆ ไม่อยากเล่าว่าผมต้องทนนั่งเหน็บกินสองขาเพราะพี่แกเล่นนอนหนุนตักดูทีวีทั้งบ่าย นัวเนียพันเป็นงูกระดิกตัวไม่ได้จริงๆ ไม่รู้ทำไม
---
-----
บ่าย 4 โมงเล็กน้อย หอพักละแวกสถาบัน
“กล้วย เป็นไงบ้างวะ อูย...ทำไมโสภางี้ล่ะเพื่อน”
“...” สภาพคนและห้องอย่าให้เซด
“อย่าบอกนะว่าตั้งแต่ศุกร์บ่าย เฮี้ยนผีแอลกอฮอล์เข้าสิงเหรอ”
“...” กล้วยเงียบ เดินดุ่มจากเปิดประตูไปนอนดูทีวีเฉยเมย ปล่อยผมวิสาสะเข้าไปเก็บเศษซากอารยธรรมทิ้งถุงดำเอง
“ไม่รับโทรศัพท์วะ จำไว้เลย เลี้ยงพวกมันแต่ปล่อยให้กูอดอยากปากแห้ง ทำกันได้ลงคอ”
“หึ!” เสียงแค่นหึในลำคอดึงให้หันไปมอง อ้อ ตัวการ์ตูนวิ่งชนเสาในทีวี
“มีอะไรไม่บอก จะอะไรนักหนากับผู้หญิงแค่คนเดียว อย่างมึงหาได้ใหม่เยอะแยะ หญิงตรึม”
“ไม่เหมือนพวกชอบผู้ชายอย่างมึงนี่นะ”
“...” ผมชะงักกึก
“วิ่งโร่ให้เขาเอาถึงห้อง”
คำพวกนี้แค่แสบๆ คันๆ ด้วยได้ยินชินหูตั้งแต่รู้ความ เนื่องจากรูปร่างหน้าตาชวนจิ้นของผมเอง แรกเข้าเรียนที่นี่กล้วยยังเคยร้องทักว่าตุ๊ดแต่กลับคบผมเป็นเพื่อน...ทำไมเวลานี้ถึงเพิ่งออกปากว่ากันเสียๆ หายๆ
“เมาแล้วพาล เพ้อใหญ่แล้ว นอนเลยไป”
“มาร์กเต็มตัวขนาดนั้น จะให้กูคิดยังไงไม่ทราบ” ยังไม่หยุด
“มาร์กบ้าซิ ปล่อยกูนอนบริจาคเลือดให้ยุงรึเปล่า เมาแล้วลืม โมเมว่ะ”
“ไอ้ณิช!” กล้วยผุดนั่งตาวาวโรจน์
“กล้วย...กูไม่รู้ว่ามึงหงุดหงิดเรื่องอะไร โอเคกูผิดเองที่ไม่ได้บอกว่าอาศัยซุกหัวนอนห้องนั้นมาเป็นอาทิตย์ แค่ไปยืนหัวโด่รอดิว พี่เขาผ่านมาให้งาน กูทำงาน ได้เงินรับตังค์ก็แค่นั้น”
“แต่มึงไม่บอกกูว่านอนห้องนั้นด้วย!” กล้วยทื้งรีโมตลุกยืนจังก้าวนเวียนจะเอาเรื่องที่บอกไปแล้วหยกๆ
“เออ! กูผิด! กูขอโทษ! มันตั้งแต่กูขอนอนกับมึงโน่น ไม่ว่างญาติเต็มห้องจำไม่ได้หรือไง” ของขึ้นเหมือนกันนะว้อย ไม่ทำอะไรผิดนี่หว่า
“ณิช...ไม่มีเรื่องไหนของมึงที่กูจำไม่ได้” เพื่อนตัวสูงยันสองแขนกักร่างติดผนัง เหม็นสาบแอลกอฮอล์ฉุนกึก ไม่สวมเสื้อมีแค่กางเกงบอลทำผมนึกประหวั่น
“เพราะกูคิดว่ามึงคือเพื่อน เรื่องแค่นี้...”
“หึ! แค่เพื่อน ทั้งที่กูเป็นห่วงมึงมากแค่ไหนเคยรู้บ้างไหม!”
“กล้วย มึงคิดมากไป...” พวกพี่เขาเป็นคนดี ไม่เหมือนข่าวซุบซิบโคมลอยที่ใครๆ ว่าซะหน่อย ประโยคตอนท้ายไม่ได้พูดเพราะสายตาแข็งกร้าวน่ากลัวเกิน
“...ทั้งๆ ที่กูเจอมึงก่อน” กล้วยงึมงำอยู่คนเดียว
“ไม่ไหวก็นอนก่อนเถอะ คิดมากปวดหัวเปล่าๆ”
“มึงไม่เคยรู้อะไรเลย...ฮื่ย!” กล้วยสบถไม่ต่อประโยค ทุบผนังปึงเฉียดติ่งหูผม
“โอเค จะให้กูรู้อะไร” ไม่กล้าล้อเล่นเพราะหน้าเพื่อนอยู่ห่างแค่คืบ
“ณิช...”
“กูอยู่นี่ อยากให้รู้อะไรพูดมา ฟังอยู่” ผมเอียงหูให้ กล้วยนิ่งงันก่อนผละไปยืนหันหลัง ทิ้งวาระเดือดไปเสียอย่างนั้น
“ออกไปณิช กูไม่อยากเห็นหน้ามึงตอนนี้ ออกไปก่อนที่กูจะทำอะไรโง่ๆ”
“หือ?” จู่ๆ ก็
“กูอยากอยู่คนเดียว”
ถ้าเป็นคนอื่น เช่น เชียงหรือซุปอาจโวยวายแล้วหน้าด้านทู่ซี้อยู่ต่อ แต่สำหรับคนมีแผลตกตะกอนในใจ คำว่าไม่เป็นที่ต้องการช่างเจ็บช้ำกว่าทุกอย่าง...เพื่อนคนสนิทที่สุดไม่ต้องการผม
---
ลงบันไดมาพบดิวกับวิก้าจอดรถยนต์เทียบพอดี
“อ้าวณิช กล้วยอยู่ไหม เป็นยังไงบ้าง กำลังจะขึ้นไปหาพอดี” ดิวลดกระจกซิตี้คาร์คันสวย
“มันตายหรือยัง ถ้ายังแม่จะเอาช้างกระทืบโรงมากระแทกซ้ำ” วิก้า
“อยู่ข้างบน ห้องไม่ได้ล็อกขึ้นไปเลย” ผม
“เจอออยถึงรู้ว่าไม่สบายตั้งแต่วันศุกร์ วันนี้ลาอีกเลยซื้อข้าวต้มปลาร้านกล้วยชอบมาฝาก ค่าสอนทำเค้กชอกโกแลต" ดิวยังคงน่ารักเสมอ เพิ่งนึกได้ว่าไม่ได้เจอกันเป็นอาทิตย์แล้ว
"จะมาทำรายงานห้องอีสิวหรอกย่ะ ไหนๆ ก็ไหนแวะดูซากศพไอ้คุณหยวกกล้วยซะหน่อย” วิก้าจีบปาก
“ก็ดี งั้นฝากด้วย ไปนะมีธุระรออยู่” ผมเลี่ยง ลากถุงขยะจากไปไม่ทันฟังคำทักท้วงจากสองคนนั้น ห่อเหี่ยวในใจพิกล
---
-----
สี่ทุ่มครึ่ง...ถูกบุกรุกพื้นที่ส่วนตัว
“ก๊อกๆ ได้เวลานอนแล้ว ตื่นตี 4 ครึ่งไม่ใช่เหรอ”
“อืม...” ขยี้ตาขณะเกมส์ออฟโทรนจบตอนพอดี
“อาจารย์ลงโทษพวกขาดมากขนาดนั้นเชียว ลาป่วยให้แล้วน่ะนะ”
“อ้างไปงั้นแหละครับ จริงๆ ต้องจัดกลุ่มเวียนกันอยู่แล้ว อาจารย์ไปซื้อตั้งแต่ตี 3 นัดตี 5 แค่นี้ยังปรานี” ผมเนือย ง่วงด้วย
อาจารย์ให้ไปช่วยหิ้วของจากตลาดเช้า ช่วงนี้คลาสครูซีน อาหารคาวไม่เหมือนอาหารหวาน ของสดมากมายจำต้องตระเตรียมให้พร้อม
“เป็นอะไรไป” มือใหญ่วางบนศีรษะ
“แค่ไม่มีแมวแล้วผมรู้สึกว่างงาน” ไม่มีเจ้าหินอ่อนแล้วห้องโล่งเหมือนขาดอะไรไป
“งั้นเลี้ยงตัวใหม่”
“เลี้ยงก็ตายพอดี อาทิตย์หน้าผมสอบครัว ยาวไปชนสอบไล่โน่นเลย...ว่าแต่จะให้ผมอยู่ถึงวันไหน ถ้าแชร์ห้องอย่างนี้หักค่าจ้างไว้ไม่ดีกว่าเหรอครับ”
“เรื่อยๆ ค่าจ้างยกให้ ถือว่ากินไม่เหมือนคนอื่น เชฟลำบาก”
“555 รู้ตัวดี ใช้ได้ๆ” ผมขำ
ห้องไม่ได้เก็บเพราะแม่บ้านกลับมารับหน้าที่ อาหารก็อยู่ตัว ลงครัวตามเมนูที่ลิสต์ไว้ นึกถึงดวงตาใสแจ๋วของเจ้าเหมียว ภาระสมยอมที่ดึงผมกลับมาที่ห้องนี้ ไร้ลูกน้อยคอยรักคอยอ้อนพันแข้งพันขาคิดถึงมันจัง
ฝ่ามือยังประคองหลังหัว ทรุดตัวลงนั่งซ้อนหลัง วางคางเกยไหล่ เครียดเรื่องไอ้กล้วยนาทีนี้หายเกลี้ยง ใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ กลัวรู้ว่าตื่นเต้น
"เฮ้อ..." อดถอนหายใจหนักหน่วงไม่ได้
“หือ?" พี่หันมาถาม จมูกโด่งเฉี่ยวหลังหู ลมหายใจร้อนรดต้นคอ
"วันนี้ผมเจออะไรงี่เง่าด้วย ว่าจะไม่คิดแต่อดไม่ได้"
"ว่า?"
“ผมถูกเพื่อนโกรธ ไม่เชิงโกรธหรอก คงเมาค้างแล้วโมโหใส่น่ะ”
“อือฮึ”
“มันบอกว่าจะไม่เรียนทุน ยัวะอะไรกับแค่โดนหญิงหักอก”
“...”
“ไม่ชอบเลย...” คั่งค้างในใจเล็กๆ ไม่ชอบความรู้สึกหน่วงเช่นนี้
“บางอย่างต้องให้เขาคิดเอง เราไปคิดแทนไม่ได้หรอก แล้วเวลาคน เสียใจ หลุดพูดไม่คิดก็เยอะ ใส่ใจทำไม”
“อืม...” ยิ้มออก ไม่ใช่เพราะได้ยินประโยคยาวๆ จากปากเจ้าชายน้ำแข็ง หากทว่ารู้สึกเป็นที่ต้องการ อยู่ที่นี่ผมอบอุ่นโดยไม่รู้ตัว
“ไปนอน” กดรีโมตปิด
“นอนๆๆ ทำหน้าที่ ฟู่...พี่คุ้นอกแบนๆ กับปิกาจูผมยัง”
“555”
“หมายความตามนั้นจริงๆ ถ้ารังเกียจหรือขัดๆ อยู่บ้างก็แสดงว่าไม่ได้รักชอบผู้ชายจริงๆ หรอก"
"อืม...เหรอ"
"เพราะพื้นฐานในเซลล์สมองอันดับแรกของมนุษย์คือเซ็กส์ ผู้หญิงต้องนมใหญ่ๆ ผู้ชายต้องเคโตๆ ถึงจะดึงดูดเพศตรงข้ามให้มาผสมพันธุ์ ส่วนเกย์ เลสเบี้ยน...อันนั้นข้อยกเว้นจากเทวดาผู้สร้างโลก"
"นิทานจากนางฟ้าแม่ทูนหัวของเด็กชายวาณิช"
"เหอะ! รู้ดีงี้ไม่เล่าดีกว่า แล้วกระผมทำบัตรประชาชนแล้วครับขอโทษ"
"555" จะอารมณ์ดีไปไหน
เพราะระหว่างเรามีข้อตกลงว่าด้วยการสัมผัสร่างกายจากเพศเดียวกัน ตัวผมไม่มีปัญหา ไอ้คนที่บอกปาวๆ ว่าแอบชอบรุ่นน้องผู้ชายก็ตามนัวเนียพิสูจน์ตัวเองอยู่นั่น
จูงมือเข้าห้องนอนใหญ่ ผมเลยผ่านไปล้างมือล้างเท้า แปรงฟันบ้วนปากก่อนกลับมาที่เตียง สอดตัวเข้าฟูกนุ่มสีขาว มือใหญ่ตามคลี่ผ้าห่มนวมสีเทาให้อย่างรู้หน้าที่
"...ฮ้าวววว..." วาณิชเห็นลิ้นไก่ ปากบอกยังไม่ง่วง พอหนุนหมอนปั๊บจะราตรีสวัสดิ์ท่าเดียว
"หึหึ แล้ว..." ปีนมานอนข้างๆ
"แล้วอะไรครับ?" ผมถามกลับ
"นิทานไง"
"อ๋อ ไม่ว่าไง ส่วนใหญ่เกย์คบกันเพราะเคมีเรื่องเซ็กส์ล้วนๆ อย่างอื่นเข้ากันค่อยว่าทีหลัง แต่หายากม้ากกกกก...ที่จะอยู่กันยืด เคยเล่าแล้วนี่” พวกแม่ๆ เวลามาเจอกันจะพูดเรื่องไหนนอกจากดราม่าผู้ชายของตนนอกใจ
“แต่ไอ้แฮงค์ไม่เห็นคิดแบบนั้น มันพยายามอยู่แต่เขาไม่เอามันเอง บอกเป็นไบยังไงก็ต้องเลิก เห็นท่าไม่ดีก็ชิงเลิกก่อนทุกที”
“อืม น่าคิดแฮะ แล้วพี่มังกรล่ะ”
“มังกรก็ไม่ นอกจากพี่เอ๋แล้วมันก็ไม่สนใครเหมือนกัน”
“โอ้ ทฤษฎีน้ำแตกแล้วแยกทางคือผมเข้าใจผิดไปเองหรือนี่”
“อืมฮึ...” ล้มตัวลงหนุนหมอนใบเดียวกัน จงใจจมูกชนแก้ม เตียงเดี่ยวแคบๆ ของเราอบอุ่นจนร้อน กรุ่นกลิ่นสบู่ผสมผิวกายสร้างความรู้สึกดื่มด่ำในจินตนาการ เอิ่ม...ก่อกวนสภาวะข้างใต้สะดือมากกว่าครับ
"จะมีไหมที่คนหนึ่งคนจะรักคนอีกหนึ่งคนแล้วอยู่กันจนชั่วฟ้าดินสลาย ผมฝันมาตลอด" หลับตาเพ้อเจ้อนิยายหวานแหววเรื่อยเปื่อย
"มี..." มือใหญ่ลูบหน้าผากปัดปอยเส้นผมออกเบาๆ
"ในนิยายบอยเลิฟเห็นบ่อยมาก พล็อตแบบรักแรกพบ พระเอกว้อนท์แค่นายเอกคนเดียว...เชื่อได้หรือเปล่าไม่รู้"
"อืม.."
"เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย ต้องมีบ้างล่ะคนที่รักเราจริงจนลมหายใจสุดท้าย ถ้าเจอผมจะขโมยใส่กระเป๋าหิ้วกลับบ้านแม่ง"
"หึหึ จุ๊บ! (...ยอมอยู่แล้ว)"
จุ๊บหัวเหม่งปนเสียงอู้อี้ ประจวบกับความง่วงงุนโรยลงเปลือกตาจึงไม่ได้ใส่ใจประโยคนี้ชัดเจน เซลล์สมองไพล่ถึงแต่หน้าที่ได้รับมอบหมาย คนที่บอสแอบชอบจะโชคดีถึงเพียงไหนหนอ
“พี่กริช...คนที่พี่มองน่ะเขารู้ตัวหรือยัง ฮ้าว!"
"หือ?"
"พี่จีบเค้าถึงไหนแล้ว หรือแค่เฝ้าดูไม่เสร็จเสียที”
“อ๋อ...”
“อ๋อว่า?” อยากรู้ เวลาเราอยู่ด้วยกันตามลำพังในห้อง ผมมักจะเรียกว่าพี่หรือพี่กริชเพราะเขาแทนตัวเองว่าพี่จนเผลอเอ่ยตาม
“ก็ดี...”
“แค่เนี้ย?”
“หึหึ งั้นซิ”
ชอบเสียงหัวเราะหึหะในลำคอ อายุมากกว่าปีเดียวแต่บางครั้งดูเป็นเด็กเอาแต่ใจ อีกด้านกลับรู้สึกเป็นผู้ใหญ่กว่าอย่างไม่น่าเชื่อ
“...บางทีผมก็อยากให้คนนั้นเป็นผมอยู่เหมือนกัน”
“...”
“คือ...คิดว่าคงจะโชคดีที่มีคนอย่างพี่ไปชอบ เป็นใครก็ต้องโชคดีมากๆ ทั้งนั้นแหละว่ามั้ย”
“อ้อ...” ดวงตาวับแวมสวมวิญญาณหมาป่าอ่อยเหยื่อให้ตายใจ ก้อนเนื้อในอกเต้นแรงกลัวถูกจับได้
“พูดจริงๆ โชคดีสุดๆ ประมาณถูกหวยร้อยล้านรางวัลที่หนึ่ง โชคดีค่อดๆ” กลบเกลื่อนเขินอายของตัว
“คงงั้น...โชคดีแต่ยังไม่รู้ตัวแบบนี้ กลุ้มเลยเรา...ฟู่!”
“555 เอาน่า บอสสู้ๆ” ยิ้มกว้าง พลิกนอนตะแคงหันไปสบตาคนที่กำลังสอดแขนให้นอนหนุน
เพราะรับปากจะช่วยพิสูจน์ว่าแท้ที่จริงพี่กริชชอบผู้ชายจริงหรือไม่ รู้สึกตะขิดตะขวงจากสัมผัสผู้ชายด้วยกันแค่ไหน
บางครั้งเราอยู่ลำพังในห้อง ผมก็อดใจสั่นกับสัมผัสหวามไม่ได้ กอดเข้าข้างหลังเวลาทำครัว เอาใจตักกับข้าวใส่จานให้ ช่วยแต่งตัวไปเรียน แปรงฟันด้วยกันหน้ากระจก นั่งสระผมให้ขณะปล่อยผมเล่นเป็ดน้อยในอ่างอาบน้ำ จูงมือพาเข้านอน แล้วก็ให้หนุนแขนแทนหมอนทุกคืน
ด้ายแดงยังติดข้อเท้า เขี่ยเล่นว่ายังอยู่ไม่หายไปไหน
...กริชคนนี้อยากผูกติดกับผมหรือเปล่า
...อยากให้ผมรักเขาใช่ไหม
เคลิ้มฝันว่าหลงอยู่ในโพรงน้ำผึ้งแสนหวานของหมีพูห์ ได้ยินเสียงฮึมฮัมชอบใจผสมจุมพิตเบาๆ ที่หน้าผากซ้ำแล้วซ้ำเล่า ประโยคไกลแสนไกลลอยผ่านภวังค์การหลับใหล
“...เป็นณิชอยู่ทุกวัน...คนดี”
**********************************************
----------
edit : 14/8/2013 ช่วยแก้คำผิดโดย tuckky ขอบคุณมาก
นั้น, นึกถึง, เจ้า, จงใจ
edit : 14/8/2013 ช่วยแก้คำผิดโดย i1_to*pp ขอบคุณมาก
ปรานี, ตุ๊ม, ยัวะ