----MiSS-U เอ่ยถึงคนแรกเลย
----thichanorit อูย อ่านละเอียดไปแล่ว
----gupalz รู้ทันด้วยอ่า
----mesomeo2 อีกคน เม้นต์ซะพรุน...เดี๋ยวรีไรท์ดาน่าให้เหี้ยมกว่านี้ดีกว่า อุอุ
----uknowvry พาสเทลชิมิๆ
----tuckky เค้าเสียใจ โอ๋ๆ ทำมาม่าไม่เก่งเลย จะได้กินมาม่าผัดก็ตอนเจฟฟรี่แวะมาหา
----Gokusan นัดใครไว้ เหลือวันจันทร์อีกหนึ่ง...เจอกัน
อรุณสวัสดิ์...

--------------------------
stolen heart
รักนิดๆ แต่รักนานๆ
14 คนแปลกหน้า
เป็นช่วงที่ผมลืมเลือนทุกสิ่งรอบกาย จมจ่ออยู่กับกิจวัตรประจำวันตามเดิมซ้ำๆ อย่างเลื่อนลอย ตื่นไปเรียน เดินเซื่องกลับมาซุกหัวนอนหอกล้วย วันเวลาผ่านเลยไปอย่างไร้จุดหมาย ไร้ตัวตน ไร้อนาคต
"---ไร้หัวใจ"
"หือ ว่าไงนะเชียง?" เพื่อนพูดยาวๆ ไม่ทันฟัง
"เชียงไหน วอนตายชิมิไอ้ณิช กูชื่อน้ำ! หน้าเหี้ยๆ พรีเซนต์เฟซอยู่ตรงนี้คือชลธร ไม่ใช่ชิษณุพล!" น้ำร้อง กระแทกฝาหม้อดังเคร้งงงง!!!
"เย้ย..." ผมสะดุ้งโหยงวูบกลับเข้าร่างทันใด
"อ้าวเฮ้ย! พาสต้าล้นแล้วนั่น!" เชียงตัวจริงโฉบมาเบรคเราสองคน น้ำเดือดปุดๆ ท่วมหัวเตาเพิ่งปรากฏตรงหน้า
"เฮ้ย! ชิบๆๆ เรือหาย เอาออกเร็วณิช" น้ำรน
"โอ๊ยยยยยย!" ผมโหยหวนลืมผ้ารองมือ กระชอนตักเหวี่ยงเส้นลวกแขนซ้ำอีกต่างหาก
"แล่วๆๆๆ เละหมด ใช้ไม่ได้ยกหม้อ" น้ำเช็คเส้นแป้งหน้าเสีย
"ไม่ดูวะณิช คุมไฟภาษาอะไร" เชียงโวย
"อือ..." ผมกัดปากน้ำตาคลอกลั้นความเจ็บปวด
"เป็นอะไรมากมั้ย เจ็บหรือเปล่า" น้ำหันมาดูผม
"มีอะไรกัน ตายแล้ว ทำไมเละอย่างนี้" ออยเข้ามาอีกคน
"เส้นเปื่อยหมดเลยออย เอายังไงดี" เชียงตรวจพลาสต้าซ้ำ
"เราว่ารีบทำใหม่เลยดีกว่า อาจารย์เชฟควบสองคลาสอยู่ครัวโน้นอยู่เลย ยังทัน เร็วเข้าพวกเรา" ออยแม่งาน สรุปเชียงตั้งหม้อใหม่ น้ำลากผมออกมาทำแผลหน้าห้อง
"เป็นอะไรวะณิช ช่วงนี้เป็นอะไรทำไมไม่บอกกู ที่บ้านมีปัญหา ไม่มีเงินก็บอกซิจะได้ช่วย" น้ำร่าย ทาเจลรักษาแผลพุพองน้ำร้อนลวกแบบที่เด็กฟู้ดทุกคนใช้ใส่แผลให้ผม
"..." ได้แต่เงียบ
"อาทิตย์หน้าจะสอบแล้วด้วย เครียดเหรอ ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวติวให้" น้ำให้กำลังใจ
อยากบอกว่าไม่ใช่เรื่องนั้นหากแต่ปากหนักพูดไม่ออก ความคิดคำนึงวนเวียนอยู่กับวันเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่เย็นวันอังคารจนถึงขณะนี้ บ่ายวันศุกร์ เกือบ 60 ชั่วโมงทว่าไร้วี่แววหนุ่มแว่น
โทรศัพท์ผมหายน่าจะไม่ได้เอามาจากห้องนั้น ไม่กล้าเฉียดห้องสภานักศึกษาด้วยเช่นกัน กระทั่งเหล่าเพื่อนฝูงปริ๊นซ์ก็ไม่เห็นแม้เงา สิ้นเยื่อขาดใยจริงแล้วหรือ
"อ้อณิช เห็นออยมั้ย พี่ขอคุยด้วยหน่อย" พี่คณะบริหารมาหยุดที่ประตู คุ้นๆ ว่าเป็นหนึ่งในสภานักศึกษากลุ่มพี่แฮงค์
"ใครนะครับ?" ผม
"อ้าวพี่อั๋น พี่ว่าน มาหาออยเหรอครับ ออยๆ พี่อั๋นมา!" น้ำช่วยเรียกให้
"อ้าวพี่ ออยยังไม่เสร็จเลย รอหน่อยได้เปล่ากลับค่ำแน่ๆ กำลังจะต้มพาสต้าใหม่ สอบเก็บคะแนนด้วยล่ะ อาจารย์เชฟไม่บอกก่อน แย่เลย" ออยโผล่ออกมาหากลุ่มพี่
จริงด้วย พี่อั๋นเป็นพี่ชายของออยนี่หว่า
"ทำไมฟู้ดสอบเร็วจังวะ" พี่ว่านพูดเชิงถาม
"เดือนหน้า ม.L ขอภาคฟู้ดเราไปช่วยเวิร์คชอปงานอาเซียนซับมิทไง ปี 3 ฝึกงานแล้วก็เหลือแต่ปี 2 นี่แหละ ติดบอร์ดอยู่มึงไม่อ่านวะ" พี่อั๋น
"อ๋อ ที่ออกข่าวชมว่าประชุมครั้งก่อนเราจัดดีเกินคาดน่ะเหรอ"
"เออนั่นแหละ" พี่สองคนคุยกันเอง ออยพูดธุระกับพี่ชายครู่เดียวก็วิ่งกลับเข้าห้องปฎิบัติการครัวไป
"ช่วงนี้พวกพี่กำลังส่งมอบงานสภา ยุ่งมากแต่มังกรบอกให้โทรหาอยู่นะ" พี่อั๋นใจดีกับผม
"ครับ..." ก้มหน้างุด อยากถามถึงคนที่คิดถึง แต่เม้มปากกลั้นเงียบไว้
"ไม่บอกน้องไปเลยวะ ไอ้กริชมันรถ---"/ "เฮ้ย! นั่นทำอะไรเพื่อนผม?" พี่ว่าน/ กล้วยพุ่งมากระชากตัวไม่ให้เข้าใกล้
"โอ๊ยยยยยยย!" ถูกบีบแขนตรงรอยน้ำร้อนลวกพอดี เจ็บแสบเหลือประมาณ
"เชรี่ยณิช! เป็นอะไรแดงเถือก ไฟหรือน้ำร้อน ทายายัง?" กล้วยตกใจรีบปล่อยมือ ประคองเข้าข้างในไม่สนหัวพี่สองคนแต่อย่างใด ได้แต่มองตามตาละห้อย หมดโอกาสแล้ววาณิช
สุดท้ายเราให้อาจารย์ตรวจเป็นกลุ่มสุดท้าย อนุโลมเป็นกรณีพิเศษเนื่องจากเห็นผมเกิดอุบัติเหตุจึงยอมรอ ผมจำพลาสต้าจานนั้นได้ว่าเส้นแข็งมาก แป้งยังไม่สุกดีแต่อาจารย์ก็เอาเข้าปาก...ขอบคุณครับ
---
"เสร็จนี่กูจะกลับบ้าน น้ำ มึงมาอยู่เป็นเพื่อนณิชด้วย" กล้วยบอกขณะช่วยเก็บล้างอุปกรณ์ชิ้นสุดท้าย
"ข้ามฝั่งไปกรุงเทพเหรอวะ อ๋อ อามึงขึ้นจากเรือสำราญวันนี้ใช่มั้ย" เชียงถามกลับ ครอบครัวกล้วยอยู่ฝั่งกรุงเทพมหานคร มีบ้างแต่น้อยครั้งมากที่จะกลับไป
"เออซิ"
"วันศุกร์ด้วยนี่หว่า ครอบครัวสุขสันต์ รีบกลับเลยเดี๋ยวกูไปอยู่เป็นเพื่อนไอ้ณิชมันเอง" น้ำ
"นัดเตะตะกร้อกับพวกเด็ก M ข้างหอ ค่ำๆ เจอกันเว้ยณิช" เชียง
"เฮ้ย ไม่ใช่เด็กๆ กูอยู่ได้" ผมเกรงใจ คิดในใจว่าช่วงนี้เป็นโรคซึมเศร้าจนเพื่อนห่วงใยเกินเหตุ...ไม่ดีเลย
"อยากดูบลูเรย์ห้องไอ้กล้วยอยู่แล้ว สองทุ่มโน่นแหละ...เจอกัน" เชียงกอดคอน้ำเดินแยกไปอีกทาง หอคนละฝั่งประมาณผมออกจากประตูเลี้ยวซ้าย ส่วนสองคนนี้เลี้ยวขวาไปฝั่งวิทยาลัยอาชีวะ M ด้านโน้น
---
----
ผมกับกล้วยเดินออกมาขณะดวงอาทิตย์อัสดงพอดี แสงสีส้มทาบเงาเราสองคนยืดยาวไปตามถนนคอนกรีต
"กี่โมงแล้ว?" ถามขณะเดินผ่านสนามบาสเกตบอลกลางแจ้ง ไฟสนามส่องสว่างเห็นคนสวมชุดบาสสีน้ำเงินเล่นอยู่ มองผ่านนึกว่าคนที่ใช่...แต่ไม่ใช่
"อีก 10 นาทีหกโมง" กล้วยดูนาฬิกาข้อมือ
"อืม..." พยักหน้ารับ เบนสายตาหนีจากที่จอดรถนักศึกษา ไม่มีเคย์แมนสีเทาอย่างใจหวัง ได้แต่ก้าวเท้าผ่านอย่างหงอยเศร้า
...ผมคาดหวังสิ่งใดอยู่
...รอคอยสิ่งไหนกัน
...ไม่มีทางเป็นไปได้ 'เราแค่ฝันไป' บอกตัวเองซ้ำๆ
"ณิช...กูจะบอกที่บ้านว่าจะอยู่ที่นี่ ไม่ไปปารีสนะ"
"อือ..." ผมอือออเหม่อลอย
"ไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ ดีใจจังเลยกล้วย เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปอะไรทำนองนั้น" กล้วยอ้อล้อชวนคุย
"หือ โทษที พูดว่าอะไรนะกล้วย?" เพิ่งจับมวลความคิดจริงๆ จังๆ
"เฮ่ย...เหม่ออีกแล้ว กูบอกว่าจะไม่ไปปารีส ไม่รับทุน เรียนสาขาในไทยนี่แหละ ให้พูดซ้ำอีกรอบไหม"
"อ๋อ เออๆ" รับรู้อีกหน
กล้วยอ้าปากจะพูดหากแต่ชะงักเงียบ เดินมาด้วยกันเรื่อยๆ จนถึงโคเวอร์เวย์ก่อนทางออกประตูใหญ่ กล้วยจับบ่าหันประจันหน้า แววตาเพื่อนแรงกล้าจนผมเลี่ยงไม่อยากสบตา
"ณิช...มองกู"
"มีอะไร"
"กูชอบมึง รักมึงนั่นแหละ มึงคิดยังไงกับกูณิช" กล้วยทิ้งดิ่ง
"กะ...ก็เหมือนกันไง" ผมเลี่ยงไม่พูดคำว่ารักกับกล้วยตั้งแต่วันนั้น
"ไม่ณิช เอาจริงๆ มึงรักกูบ้างมั้ยอยากรู้ รักอย่างที่กูรัก ไม่ใช่แบบเพื่อน...แบบแฟน" มือใหญ่จับบ่าผมสั่นน้อยๆ ใบหน้ารอคอยความหวังบั่นทอนความรู้สึกเป็นอันมาก
...เพื่อนผู้แสนดี
...เพื่อนผู้มีน้ำใจ
...เพื่อนผู้อยู่เคียงข้างมาตลอด ผมจะทำร้ายให้เขาบาดเจ็บกระนั้นหรือ
"กูรักมึงนะกล้วย...แค่เพื่อน" ผมสบตา มือใหญ่หลุดจากบ่าพร้อมดวงใจหล่นวูบ เพื่อนจะทิ้งผมไปอีกคนทว่ากลับไม่คิดรั้งไว้
กล้วยเงียบ...ผมก็เงียบ เสียงจ้อกแจ้กจอแจผู้คนสัญจรผ่านไปมาไม่เข้าโสตประสาท
"กล้วย...กูขอโทษ" ผมน้ำตาคลอเบ้า
"ไม่ณิช อย่าพูดว่าขอโทษ กูไม่อยากได้ยิน"
"กล้วย..." ผมร้าวราน รู้ดีแก่ใจว่ารักแบบไหนแต่กลับให้ไม่ได้ ใจดวงนี้ยกให้เจ้าชายเย็นชาคนนั้นหมดแล้ว...เขาขโมยหัวใจผมไป
"ตอนดิวบอกว่าตามมาเรียนที่นี่เพราะชอบกูแบบแฟนไม่ใช่แบบเพื่อน กูก็เหวออยู่นะ ซักพักก็คิดว่าตัวเองจะชอบมันตอบเพราะไม่อยากเสียเพื่อน แต่ก็ไม่...ดิวคือเพื่อนจริงๆ เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้"
"อืม..."
"คอยดูแล กลัวมีใครทำให้มันเสียใจ อีกใจก็สงสัย ผู้ชายกับผู้ชายจะรักกันได้จริงๆ หรือ จะอยู่กันยืดแค่ไหน แต่พอเจอมึง...ณิช มึงขโมยหัวใจกูไปตอนไหนก็ไม่รู้"
"..." น้ำตาผมไหล
"แค่เห็นหน้ามึงโผล่จากห้องนอนไอ้หมอนั่น กูก็รู้แล้วว่า กูน่ะ...ช้า"
"นั่นน่ะ..." พูดไม่ออก
"มึงไม่เคยมองกูอย่างที่กูหวัง หนักสุดคือเมื่อกี้ที่เราอยู่ห้องเดียวกัน มึงนอนร้องไห้ทุกคืนแต่กูกอดมึงไม่ได้...เพราะมึงไม่มีกู ซักนิดเดียวก็ไม่มี ทั้งๆ กูยืนอยู่ตรงนี้ทนโท่"
"..." ผมสูดลมเข้าปอดกลั้นสะอื้น
"ไปเถอะณิช กูยอมแพ้แล้ว" กล้วยยิ้มเศร้า
"หมายความว่ายังไง...ไม่กล้วย อย่าทิ้งกูไป!" สิ่งที่หวาดกลัวอย่างที่สุด ฟางเส้นสุดท้ายกำลังจะปลิวลับหาย
"ไม่ได้ทิ้ง ยังอยู่ด้วยกันไม่ไปไหนซะหน่อย"
"แต่..."
"แค่กูไม่ชอบที่ไอ้วาณิชคนสดใสร่าเริงของกูทำหน้าอกหัก ร้องไห้จะเป็นจะตาย...ไม่ชอบเลยจริงๆ เห่ยเฟ่ยมากนะรู้มั้ย" กล้วยจับปลายคางสั่นน้อยๆ
"..." เพื่อนรู้จักตัวตนของผม ยิ้มทั้งน้ำตาอาบแก้ม
"ฟู่...กูเปลี่ยนใจไปปารีสดีกว่า เรียนจบแล้วกลับมาหา ไว้จะมาขโมยมึงเป็นแอทซิสทำร้านด้วยกัน ไม่อยากเป็นหมาขี้แพ้" เพื่อนเช็ดน้ำตาให้
"กล้วย..." อ่อนยวบทั้งใจ ตัวเองต่างหากที่แพ้ จะแกล้งไขสือไม่รู้ก็รังแต่เจ็บปวด กล้วยรักผมแต่ผมรักอีกคน ลูกโซ่ที่ไม่มีวันบรรจบ
"ไม่ใช่ว่ากูเก่ง แต่เห็นดิวตอนนั้นเทียบกับตัวเองตอนนี้แล้ว เฮ้อ รักกันเป็นทอดๆ ไม่จบสิ้น ไม่เอาดีกว่าว่ะ ขี้เกียจเป็นพระเอกอกหัก ไม่หล่อ 555" กล้วยหัวเราะเสียงดัง
"อ้อเหรอ กลัวไม่หล่อเนอะ 555"
สดชื่นกับความรู้สึกดีๆ ที่เรียกว่า 'เพื่อน' ขณะข้างในกลับนึกสมเพชตัวเอง แค่เห็นผู้หญิงมาทวงคืนผมก็ทำใจไม่ได้ หลบลี้หนีหน้าออกมาโดยไม่ถาม ไม่ตาม ไม่ยื้อทวงสิทธิ์ของตน
หัวร่อทั้งน้ำตา ป้ายเช็ดหน้าเปื้อนจนแห้ง กล้วยคือแสงสว่าง เป็นเพื่อน เป็นกล้วยคนเดิมที่ผมรู้จัก
"ส่วนเรื่องนั้น เราคงไปกันไม่ได้ เข้าใจนะไอ้เด็กน้อย" กล้วยยิ้มแฉ่งเล่นตลก
"อือ...เด็กน้อยตายล่ะ" ผมขำตาม ปล่อยกล้วยดึงร่างไปซุกอกช่วยเช็ดน้ำตา
"เป็นเพื่อนกัน (...จะได้อยู่ด้วยกันตลอดชีวิตที่เหลือ...นะณิช)" กล้วยพึมพำขณะผมอู้อี้ก้มเช็ดน้ำมูกจึงไม่ได้ยินเท่าใดนัก
---
-----
โบกมือบ๊ายบายส่งกล้วยขึ้นรถที่อู่รถเมล์ข้างมหาวิทยาลัย L ผมเดินเข้าประตูเล็กอยากเปลี่ยนบรรยากาศอีกสถาบัน ยังทำใจไม่ได้ที่เพื่อนจะจากไกลกะทันหัน ความคิดถึงและอีกหลายๆ อย่างรุมเร้าตรองไม่ตก
ยังแหยงความเจ็บปวด ไม่กล้าสู้ผิดหวังที่แท้จริง หนีไปเลยแบบนี้ก็ดี ขณะอีกด้านบอกให้ฮึดสู้แย่งชิงกลับมา
ความสัมพันธ์ระหว่างเราคงแค่โบรแมนซ์ตามประสา แต่ข้างในใจกลับแย้ง แล้วงูเหลือมนอนเบียดกูทุกคืน เป็นหมาป่าฉกหอมแก้มทุกครั้งที่เดินผ่าน ซ้ำยังวางอนาคตร่วมกันอีก ถือเป็นแต้มต่อของผมได้ไหม
...ด้ายแดงยังอยู่
...ที่ผ่านมาถ้าไม่โกหกตัวเอง ผมก็ว่าใช่...พี่กริชมีใจ
...กลัวอะไรวะ ถามเขาตรงๆ เอาความจริงจากปากเลยดีกว่า
ฮึ่ม! วาณิชน้อยรีเทิร์น
กำหมัดปลุกใจเสือป่าก่อนถอนหายใจทดท้อ ท้ายที่สุดคงไม่แคล้วอกหักอยู่ดี รักแรกไม่มีทางสมหวังชัวร์...(T-T) วาณิชอยากร้องไห้อีกหน เหมือนฉากการ์ตูนมีจิตสำนึกเล็กๆ เถียงข้ามบ่ากันไปมา
'YES' แองเจิลมีปีกเล็กๆ สีขาวกะพริบตาปิ๊งๆ
'NO' เดวิลตัวจิ๋วถือสามง่ามแยกเขี้ยวขู่แฮ่ๆ
ความคิดเข้าๆ ออกๆ ตีรวนกันเอง
ทว่าฟ้าบันดาลให้ผมพบแสงสว่าง...หอประชุมเรือนกระจกมหาวิทยาลัย L เปิดไฟทุกดวง ซุ้มดอกไม้รายทางพร้อมเพลงรักเคล้าคลอ กำลังมีโต๊ะจีนงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสของใครสักคน
"น้องครับ! ช่วยยกน้ำไปโต๊ะจีนทางโน้นทีครับ" พี่ผู้ชายตัวสูง หล่อแบบอาตี๋ญี่ปุ่นและที่สำคัญ...สวมแว่นตา ณิชน้อยแพ้หนุ่มแว่นครับ
กวาดตามองถึงเห็นคนสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว กางเกงสแลคดำแบบเด็กเสิร์ฟช่วยลำเลียงอาหารอยู่ มีผมกางเกงสีเทานกพิราบชุดนักศึกษาวิทยาลัย D อยู่คนเดียว (เสื้อชุดครัวเปียกสกปรกครับ เปลี่ยนใใส่เสื้อเชิ้ตนักศึกษาธรรมดาแทน)
เอาวะ เราเป็นคนมีน้ำใจ
"ครับพี่ ได้ครับ" ลอบมองพี่ผู้ชายตัวสูงอีกครั้ง กล้ามล่ำแข็งแรงใส่แว่นทรงกลมสไตล์เดียวกับจอห์น เลนนอน หน้าตี๋มากกว่า...คนละคนกับบอสแต่ก็หยวนๆ
"เท็ตจัง หนูอยากกินน้ำอันนั้นน่ะ" เด็กผู้หญิงญี่ปุ่นสวมชุดฟูฟ่องคล้ายนางฟ้าโผล่ออกมาชี้น้ำดำในลัง
"ไม่ได้หรอก ไอจังจะปวดท้อง" ฮู้ย! หยั่งหวาน น้ำเสียงไพเราะเสนาะหูจนต้องเงี่ยเรดาร์เสือก
"นะคะ ไอจังอยากกิน นิดเดียวเอง เท็ตสึฮิโกะอย่าบอกแม่ซิ"
"ไม่เอานะครับคนดี" แล่วๆๆ ประมวลเซลล์สองแล้วฟันธงว่า พี่แกเป็นชายแท้และโลลิค่อนเต็มสูบ
ผมวุ่นแพ็กน้ำอัดลมจะเข้าข้างในอยู่รอมร่อแต่ต่อมอยากรู้มีชัย แอบหันกลับไปเหล่เห็นพี่ญี่ปุ่นต้อนน้องญี่ปุ่นเข้ามุมมืด แล้ว...เชรี่ย (0///0) ดูดปากหอมแก้มฟอดๆ ขยี้ขยำกันชุดใหญ่ แม่เจ้า!!!
"อ๊ะ!"
"โอ๊ะ! ขอโทษครับ" ผมกับหญิงทอมเปิดประตูโผล่มาจะเอ๋กัน
"พอดีเลย แขกถามหาน้ำอยู่ พี่ช่วยเสิร์ฟนะ" ทอมคนนั้นยิ้มแย้ม เอ๋...เสียงผู้ชายชัดๆ มองหน้าอีกหนเพื่อความแน่ใจ
"พี่เป็นผู้ชายเหรอครับ?" นึกว่าผู้หญิง
"หือ ก็ใช่น่ะซิ แต่เอ๊ะหน้าเราคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน อ้าว! น้องฝรั่งน่ารักคนนั้นนี่นา ลูกเกดกับครัวซองค์ใช่มั้ยเรา" พี่น่ารักทักทายเสียงใส
"รู้ได้อย่างไรครับ?" เมนูประจำ ณ เซเว่น
"ก็พี่เคยเจอเราในเซเว่นซอย 68 ฟากโน้น บางทีก็ร้านข้างอาชีวะ M ใกล้ๆ นี้ไง รับครัวซองค์เนยสดเพิ่มไหมครับ" พี่น่ารักเหมือนทอมเฉลย
"อ๋อ ผมจำได้แล้ว" พี่บีนั่นเอง (จำจากป้ายเสื้อเซเว่น) ผมอยู่ซอย 68 ฝั่งตรงกันข้าม ลงรถเมล์ทีไรต้องแวะเพราะอยากเจอพี่คนนี้ เคยเห็นปักจุดแดง 3 จุดที่ปกเสื้อนักเรียน ม.6 เป็นพี่ผมหนึ่งปีชัวร์ป๊าบ
"มะพี่ช่วยเสิร์ฟ น้องมารับจ๊อบเหรอ?"
"เปล่าครับ เดินผ่านพี่เค้าเรียกให้ช่วย"
"อ้าว ซะงั้น 555" หัวเราะขำยิ่งเหมือนทอมหมวยเข้าไปใหญ่ ช่วยหยิบขวดวางกลางโต๊ะคล่องแคล่วมากครับ ป้าๆ ลุงๆ กิ๊วก๊าวขอบใจเราทั้งคู่ น่าจะคนรู้จักกันเพราะเอ่ยขอบใจนะหนูบีเกือบทุกโต๊ะ
"บี...มีอะไรกินบ้าง หิว" บุคคลที่สามเข้ามาแทรก
"อ้าว ยังไม่กินอีกเหรอ อยู่โต๊ะเราโน่นแน่ะ ลมจ๋าไปดูเร้ว"
(0-0) ผมสตั๊นไป 17 วิ คนเหี้ยอะไรหล่อสัดๆ ตัวสูงน่าจะประมาณบอส ใกล้เคียง 180 แน่ๆ รูปร่างโปร่งบางใบหน้าออกหล่อหวาน ดิวกับพี่เอ๋ชิดซ้ายไปเลย
"ฟะ...แฟนพี่บีเหรอครับ" โดยส่วนตัวคิดว่าพี่บีกรี๊ดคนประมาณนี้ชัวร์ (เพราะวาณิชเขินอยู่เหมือนกัน (^///^) ฮิ้ว!!!)
"อ๊ะๆๆ คนนี้ห้าม...ของ-พี่!" พี่บีจิกตาขู่
"อั๊ยยะ..." ตูว่าแล้ว
"ไม่ใช่หรอก เพื่อนน่ะ เพื่อนจริงๆ 555 ปะไปรู้จักลมจ๋ากัน"
"โอ๋ย...พี่บีคร้าบ" ถูกลากไปโน่น ณิชน้อยอยากกลับแล้ว กลัวเทใจให้กิ๊กใหม่
---
-----
สรุปเรานั่งโต๊ะจีนท้ายห้องโถงแค่ 3 คน ผมทำความรู้จักพี่บีกับพี่ลม ทั้งคู่อยู่ ม.6 โรงเรียน R ปากซอยถนนใหญ่ละแวกบ้านเก่าผมเอง พี่บีคะยั้นคะยอเชลล์เชิญชิมทุกจาน ส่วนพี่ลมกินผลไม้เงียบๆ ไม่พูดอะไร
"กินเยอะๆ น้องณิช ฉลองเรารู้จักกัน โต๊ะจีนร้านตลาดซอย 50 แถวบ้านเราเอง เจ้านี้อร่อยทุกจาน เชื่อพี่" เหม่ๆ พี่บีตักกุ้งไปกิน ทิ้งคะน้าให้บานตะไท ไม่น่ารักช่างเจ๊าะแจ๊ะจะโบกให้
"ครับ..." กัดผักกร้วมๆ ประชด
"วันหลังไปเซเว่นฝั่งอาชีวะ M นะ ร้านพ่อพี่เอง แวะมาได้แค่เสาร์อาทิตย์ ถ้าว่างเราค่อยเจอ นะๆๆ" เป็นพี่กูจริงเปล่าวะ ตาใสบ้องแบ๊วเหมือนกระต่าย
"อ่า...ครับ" รู้สึกคิดผิดที่ยอมมือตุ๊กแกลากมานั่งแหมะอยู่ที่นี่
['Rrrrrr'] สายเข้าเครื่องของพี่บี โชคดีชะมัด
"เกรทเดนโทรมา อ้อ! ลมจ๋าให้มันมารับนะ มางานกับแม่โรงแรมตรงเจ้าพระยานี่เอง"
"มันจะมานี่เหรอ"
"เค้าให้มันมา จะได้พาซินเดอเรลล่ากลับก่อน 3 ทุ่ม ไม่อยากเจอทศกัณฐ์แปลงร่าง นะๆๆ"
"555 เอาซิ" พี่ลมเห็นชอบ ยิ้มขำตาปิด
"ได๋จ้า บีจัดให้" พี่บีวางตะเกียบผลุนผลันออกไปเหมือนรอมานานมาก "น้องณิชห้ามหนีกลับก่อนล่ะ กินเยอะๆ นะเรา" ชะอุ้ย!!!
ผมโล่งหู พี่ลมช่วยเลื่อนจานปลาให้ ยกผักไปกินเองเสียหมด เห็นแบบนี้หน้าที่จัดรองจานเช่นเชฟวาณิชชอบ ^^
"อย่าถือสาบีเลย รายนั้นชอบคนสวยคนหล่อ เราหน้าตาน่ารักสเปคบีเลยล้นไปหน่อยน่ะ" พี่ลมอมยิ้ม
"พี่บีท่าทางเข้ากับคนง่ายนะครับ"
"งั้นแหละ ถึงต้องไม้กันหมาอยู่นี่ไง"
"อ้อ..." ผมยิ้มรับเข้าใจอะไรง่ายดาย ทายว่าเกรทเดนสายนั้นคือเจ้าชายขี่ม้าขาวคนสำคัญ ส่วนพี่ลมหล่อเทพคนนี้คือองครักษ์พิทักษ์กระต่ายน้อย
"แขนแดงๆ เป็นอะไร?" พี่ลมมองแขนซ้ายของผม
"น้ำร้อนลวกครับ เส้นพลาสต้าฟาดซ้ำอีกต่างหาก"
"เจ็บจนร้องไห้เลยเหรอ ใส่ยาหรือยัง?"
"..." วาณิชนิ่งขึงทันที หน้าตาผมแย่จนคนแปลกหน้าดูออกขนาดนั้นเชียว
"อ้าว! หน้าเหวอ พี่ถามดูเฉยๆ เวลาพี่เจ็บแผลก็น้ำตาไหลแบบนี้แหละ แต่เวลาคนอื่นทำเจ็บใจไม่เคยร้องไห้ออกมาซะที 555" พี่ลมหัวเราะพลางวางมือบนหัว กางฝ่ามือแตะกระหม่อมเบาๆ ไม่ได้ลูบไล้ไปมาอย่างบอสกริช ความคิดถึงระเบิดตูมห้ามไม่อยู่
"ช่วงนี้ผมดวงชงพิกล รู้สึกตัวเองเป็นหมาขี้แพ้ยังไงไม่รู้ เห็นเขามีคนอื่นก็รีบถอยกลัวตัวเองเจ็บ" จู่ๆ ก็หลุดปาก เพราะสัมผัสอุ่นซ่านบังเกิดในใจ เพิ่งรู้จักชื่อก็เถอะ
"..." พี่ลมแค่อมยิ้มมุมปากแล้วกดฝ่ามือกับศีรษะมากขึ้นแค่นั้น
"พี่ว่าผมควรทำยังไงดีครับ"
"อืม...ไม่รู้ซิ"
"อ้าว.." จ๋อยสนิท ว่าพี่บีแปลกแล้วเจอพี่ลมอีกคน น็อกไปเลยวาณิช
---
ทว่าพี่ลมคล้ายเทวฑูตชี้ทางสว่าง...
"พี่แค่ไม่ชอบที่คนเราจะยอมปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความทุกข์ ไม่กล้ามีความสุข ไม่เห็นด้วยเลยจริงๆ ดูนั่น...เจ้าสาวเจ้าบ่าวเจอกันแค่ 15 วันก็แต่งเลย" พี่ลมเชิญชวนให้หันไปมอง
"เหรอครับ?" แค่ครึ่งเดือนนี่นะ
"เดตจริงๆ แค่ 15 วันตลอดระยะเวลา 10 ปี"
"อ้าว งี้ก็รู้จักกันมานานแล้วซิ"
"555 ใช่" หล่อแต่เกรียนไปบ้างก็ให้อภัย วาณิชยอม
มองคู่บ่าวสาวสูงอายุน่าจะ 40 อัพกำลังตระเวนถ่ายรูปตามโต๊ะ พี่บีบอกว่าเป็นญาติฝ่ายแม่พี่เท็ตสึ (รุ่นพี่โรงเรียน R และเป็นเพื่อนบ้านกับพี่ลม)
"ส่วนนั่น...คนพี่ชายคิดว่าตัวเองจะตกนรกไปแล้ว แต่เพราะบอมเบย์กรุ๊ปถึงรู้ว่าไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ โชคดีจริงๆ" นิ้วยาวของพี่ลมเบนศีรษะผมหันไปมองทะลุกระจกอีกทาง
"บอมเบย์กรุ๊ป?" ศัพท์เทคนิคอะไรวะ
"พ่อแม่กรุ๊ปโอ ไม่มีทางมีลูกกรุ๊ปเอบีเด็ดขาด ยิ่งเป็นหมู่เลือดหายากอย่างบอมเบย์กรุ๊ป เข้าใจนะ"
"อ๋อ..." พยายามไม่จ้องคู่พี่น้องเจแปนชมซุ้มดอกไม้ประดับทางเข้างาน พี่แว่นโอบเอวน้องให้เดินบนม้ายาวตามโคเวอร์เวย์ชนิดเนื้อแนบเนื้อหลอมรวมเป็นคนๆ เดียวกัน ฟันธงฉับ พี่เลี้ยงต้อยรอกินเด็กหญิงชัวร์
พี่ลมเอ่ยว่าพี่ชายยอมตัดขาดปล่อยน้องไปอยู่ญี่ปุ่นกับครอบครัวที่แท้จริงก็ได้ แต่เลือกที่จะสานเส้นทางรักร่วมกัน บระเจ้าจ๊อด รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ภาคยากูซ่า ออฟเลิฟ
"แล้วก็นั่น...คนที่ไม่กลัวอะไร ชอบก็แสดงออกว่าชอบ รักก็รักตรงๆ เป๊ะๆ หึหึ" พี่ลมพยักเพยิดพี่บีพลางหัวร่อขำในลำคอ อากัปกิริยาอย่างเดียวกับคนที่ผมคิดถึง เราสองคนมองพี่บีคุยกระหนุงกระหนิงอยู่ข้างนอกนี่เอง
"ผมอ่อนหัดไปเลย..." รู้สึกถูกเติมเต็มถังไม่รู้ตัว
"พี่เชื่อว่าคนเราล้วนมีแจ๊คพอตรออยู่เสมอ เพียงแต่จะกล้าขึ้นเงิน เอ็นจอยกับมันไหมเท่านั้น"
"..." ขึ้นเงินล็อตเตอรี่หรือ ไอเดียแปลกประหลาดปรุงใจผมฟูฟ่อง
เออนะ บางทีคนเราก็ไม่กล้ารับการเปลี่ยนแปลงจนฟุ้งซ่านฉีกโชคดีอันนั้นทิ้งไปก็มี
"เป็นกำลังใจให้นะครับ อ้อ นั่งนี่เดี๋ยว พี่ร้องเพลงให้ฟัง แล้วอย่าบอกใครนะ...ความลับ" พี่ลมยิ้มตาปิดก่อนลุกไปหาลุงป้าวงดนตรีด้านหน้า
ผมเหม่อลอยกับบรรยากาศงานแห่งความรัก ความสุขของใครก็ไม่รู้ บังเอิญเดินเข้ามาเพื่อพบกับ...คนแปลกหน้าที่น่าจดจำ
---
บนเวที พี่ลมยืนเด่นที่คีย์บอร์ด เชิญชวนรับฟังเพลงก่อนนักร้องตัวจริงจะมารับช่วงต่อ
"กับเพลงนี้...เธอคือดวงตะวันครับ" พี่ลมยิ้ม ส่งสายตามองตรงมาที่ผม พรมนี้วเล่นคีย์บอร์ดเอื้อนเอ่ยบทเพลง
(เธอคือดวงตะวัน ; ศิลปิน Crescendo feat. นิว นภัสสร ภูธรใจ)
http://www.youtube.com/v/8cvrSsCGccs"เธอคือดวงตะวันยามเช้า
เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ฉันนั้นชื่นใจ
เสียงหัวเราะที่แสนสดใส
เกาะกุมใจของฉันเอาไว้ไม่เคยจาง***
เพราะว่าเธอ คือของขวัญจากบนฟ้า
ที่ลงมาให้ฉันได้เรียนรู้
และให้ฉันได้รู้จักคำว่าความรัก
เธอคือดวงตะวัน เธอคนเดียวเท่านั้น
เป็นดังดวงตะวันแห่งชีวิต
หลับก็รู้เสมอ ว่าตื่นขึ้นมาก็เจอ
คนที่ทำเพื่อฉันได้เสมอ โอ้โอ"
พระเจ้า เป็นไม่กี่ครั้งที่ผมใจเต้นแรงทะลุอก
(นั่นเป็นเหตุการณ์นับถอยหลัง ก่อน 7 สัปดาห์ต่อมาพี่ลมจะเจอแจ๊คพอตของตัวเอง แล้วผมบังเอิญไปพบพี่ลมกับพี่บีอีกครั้งช่วงแวะไปหา 3 ปริ๊นซ์ที่ ม.K ได้รู้จักกับพี่เก็ท-เกรทเดนของพี่บี ลูกชายผู้จัดการโรงแรม RR ที่รับผมเข้าฝึกงาน...โลกช่างกลมจริงๆ)
---
-----
ท่อนฮุกยังอยู่ในหัว...
"...เธอคือดวงตะวันยามเช้า เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ฉันนั้นชื่นใจ
รักและรักจะรักเธอเสมอไป ในใจฉันนั้น...มันเป็นของเธอ"
เนื้อเพลงไม่เท่าไหร่แต่เสียงร้องนี่ซิ บอกไม่ถูกครับ เส้นเสียงไม่เหมือนใคร ประทับตราตรึงติดในหัวไม่ลืมแน่นอน
ไม่รู้ตัว...หยุดเท้าอยู่ตรงหน้าห้องคอนโดตึกเซาท์ ตัวอักษรสีทองวาววับติดบานประตู 'S701'
"ซวยล่ะ...กุญแจลืมไว้กับดาน่าวันนั้นนี่หว่า" พึมพำนึกขึ้นได้
('ติงงงงง!') ประตูลิฟต์เปิด ดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้ง ผู้หญิงสาวสวยก้าวออกมาพร้อมเรียกชื่อ
"เธอ! ณิช!" ดาน่าสุดเสียง
แม่เจ้า...วาณิชรนหาที่ตายชัดๆ
**********************************************
edit : 18/8/2013 ช่วยแก้คำผิดโดย i1_to*pp ขอบคุณมาก
จ้อกแจ้ก, กะทันหัน, บ้องแบ๊ว, ซินเดลเรลล่า, ตระเวน