stolen heart
รักนิดๆ แต่รักนานๆ
3 ทาร์ตไข่
(***เหตุการณ์ต่อจากตอน 2 ช่วงหัวค่ำ)
อีก 10 นาทีจะ 19.00 น.จะทุ่มนึงแล้วพ่อ!!! ผมตีลังกา 3 รอบใส่เกลียวอีกครึ่งรอบ ยิงสายตาปะทะกระถางดอกหน้าวัวสีชมพูกอใหญ่กลางล็อบบี้ทางเข้าตึกเซาท์ ก่อนจะ...ย้ากส์! เตะขา 90 องศา ควงปลายเท้าวูบวาบกดปุ่มลิฟต์แบบจอมยุทธ์บรู๊ซลีผู้อหังการ นั่นคือจินตนาการ
ตัดฉากกลับมาที่ความเป็นจริง วาณิชน้อยตาเหลือกพะรุงพะรังหิ้วถุงกับข้าวสองแขน สภาพหอบแฮกเหงื่อโทรมกายพร้อมใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ
‘ติง!’ ชั้น 7 ที่หมาย ยังไม่ใช่ตึกอีสต์แต่อย่างใดเพราะมันคือทิศใต้ ตึกเซาท์เหมือนเมื่อคืนไม่ผิดเพี้ยน
(‘ก๊อกๆๆๆ’) เคาะรัว
“มึงสายเป็นชั่วโมงแล้วเหี้ย ทำอะไรมาวะ โทรไปก็ไม่รับเข้าฝากข้อความตลอด มือถือหรือสากกระบือ หะไอ้น้อง!” เปิดผลัวะมาก็โดนชุดใหญ่
“อ่า...ก็มาแล้วนี่ไงครับ” ลนลานวิ่งเข้าไปวางของในครัว
“ปิดประตู! ไอ้แมวบ้านั่นจะฆ่ากู!” พี่แฮงค์ตูดลิงตะโกนห้าม
ถูกต้องแล้วครับ ประโยคยาวเป็นชุดเช่นนี้ไม่ใช่ใครอื่น ท่านประธานนักศึกษาแบดบอยจอมยัวะนั่นเอง
“ผมเลิกช้า ประชุมรับงานสัมมนาอยู่อะครับ”
“เอามานี่ หิว มีอะไรกินบ้าง...แขวนท้องรอมึงมันสนุกตรงไหน จะตายห่ายังหยิ่ง หอกเอ๊ย!” พี่แฮงค์พึมพำพลางจกถุงอาหาร วางกระจายบนโต๊ะเล็กหน้าทีวี
“หมู ไก่ กุ้ง ไม่มีหมึก กล่องนั้นพิซซ่า เฟรนส์ฟรายถุงนี้ ผมหั่นใหญ่ไปหน่อยเลยเป็นชิพแทน นี่ซอสครับ”
พี่แฮงค์มือใบพายได้พิซซ่าตามต้องการ ราดซอสชุ่มฉ่ำเลียนิ้วแล้วลุกจะจรลี
“ดูมันด้วย เพื่อนกูตายจะฆ่ามึงหมกถาดขี้แมว แต่เห็นแก่ยาดี หักเงินค่าจ้างเหลือครึ่งนึง ไปล่ะ”
“เย้ย! ทำไมเหลือแค่ครึ่งนึงล่ะ?” ผมหูผึ่งเรื่องเงินๆ ทองๆ อย่างอื่นไม่อยู่ในหัว
“อีกชั่วโมงไม่รอดโทรบอก จะพาไปหาหมอ”
“หา!?” ผมงง
พักเบรค 10 โมงเช้าเมื่อกลางวันเจอกันยังรับกล่องขนมร้อนๆ หอมกรุ่นจากเตาดีอยู่นี่นา เสียอย่างแค่ตอนเที่ยงไม่เจอกันเพราะผมเลิกช้า ปาเข้าไปบ่ายโมงถึงหลุดจากห้องปฏิบัติการครัว บริหารและคณะอื่นๆ เข้าเรียนภาคบ่ายตามปกติ แต่ก็ทันซื้ออาหารแมวตามสั่งเรียบร้อยดี ทำไมต้องถึงมือหมอล่ะ
...วอชแฮปเพ้น?
...ทำไม?
...เกิดอะไรขึ้น?
“ทาร์ตไข่มึงทำพิษ...จ๊วบ!” ดูดนิ้ว ชี้หน้าคาดโทษวาณิช
----------
บานประตูปิดปึงทิ้งให้ยืนอึ้งอยู่ 3 วินาทีก่อนมีคำตอบ
‘ซูมมม...’ เสียงน้ำไหลซู่ซ่าจากชักโครกชั่วครู่ก่อนตามด้วยเสียงประตู มีคนเดินลากขาขนอะไรหล่นก๋องแก๋ง ท้ายสุดคือทิ้งตัวตูมลงบนที่นอน
(“เฮ้อออออ...”) จากปากใครไม่ต้องเดา
แนบหูกับห้องนอนใหญ่ แน่ใจว่าไม่ใช่ผีถึงตัดสินใจเคาะเรียก
“ขอโทษครับ ไม่สบายหรือเปล่า?”
(“...”) เงียบฉี่
“ท้องเสียเหรอ ผมขอเข้าไปดูหน่อยได้มั้ย?”
(“...”) อาการเดิม
“มียาหรือยัง เดี๋ยวผมหาให้ ไม่หายพี่แฮงค์จะมารับไปหาหมอนะครับ” เงี่ยหูรอฟังคำตอบ
“เมี้ยวววว...” โอ๊ะโยะโย๋ สะดุ้งโหยงอะไรนุ่มๆ พันขา
“โอ๋ย เจ้าหินอ่อน ออกมาได้ยังไงตกใจหมด”
“เมี้ยวววว...”
“หิวเหรอ ไม่บอกล่ะ ร้องเหมียวๆ อยู่ได้ พูดเป็นแค่นี้หรือยังไง มาเร็วมาทางนี้ มิ้วๆๆๆ” จัดการอุ้มแมวเข้าครัว
“หม้าวววว”
“ไม่ต้องมาทำเป็นร้องเอาใจเลย ฝีมือเจ้าใช่มั้ย เละหมดครัวกู” ผมถอนหายใจ ยังดีที่มีบานเฟี้ยมกั้นแยกไม่เปิดโล่งจึงก่อวินาศสันตะโรแค่ให้ห้องนี้
ลงมือเก็บขี้เยี่ยวในถาดก่อนเพราะเหม็นฉุนเฉียวเหลือเกิน เจ้าหินอ่อนก็คลอเคลียเอาหางปัดป่ายพันแข้งพันขาไม่เลิก ไม่ช่วยเหลือซ้ำออดอ้อนจนใจอ่อน
“ก็ได้ๆ ทาสแมวเก็บขี้แมวให้แล้วครับ หลีกหน่อยเร็วเข้า”
“เมี้ยว...” ดูมันเอาตูดมาถูอีก ไม่ลดค่าตัวเหลือ 5,000 บาทจะทุบหัวทำลวกจิ้มเสียให้เข็ด
“ท่ะดา! เสร็จล่ะ สุขาพร้อมใช้ ว้าก! หินอ่อน อย่า!”/ โครม!!!
ถังขยะล้มคว่ำ เปลือกไข่ไก่กลิ้งหลุนๆ ออกมาสร้างแฟลชแบล็กมโนในหัวปลาบแปลบ
--------
มื้อเย็นเมื่อคืนที่บุกเข้ามาในห้องนี้ ผมลงครัวตามสั่งท่านเทพเจ้าที่พูดเป็นอย่างเดียวว่า 'หิว' ด้วยเมนูสิ้นคิด...กะเพราหมูสับไข่ดาว
‘ของพี่เอาสุกแบบมีเดี้ยม มีพิมพ์รูปหัวใจมั้ยณิช เอางามๆ ท่าจะอร่อย’ พี่มังกรกับจานกะเพรารอไข่สดๆ ร้อนๆ จากกระทะ
‘เย้! ได้แล้วครับ ไข่ดาวสุกแบบซันนี่อัพ’ ผมโชว์ผลงาน
‘ไม่กิน!’ พ่อหนุ่มแว่นไม่แล
‘มะ! กูเอง’ ส่วนพี่แฮงค์แย่งไข่ดาวจากจานไปโซ้ยหมดเกลี้ยง จนคนหัวโต๊ะมีแค่กะเพราล้วนๆ ไม่มีไข่หรือซากไข่ใดๆ ติดจาน
ภาพในจอตาสว่างจ้าพร้อมสามัญสำนึกเชฟมือทองแล่นเปรี๊ยะ
มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จะท้องเสียขนาดนั้นได้อย่างไร ทาร์ตไข่กูอนามัยที่สุดในสามโลก???
เปิดตู้เย็นผลัวะ อาหารสำเร็จรูปแช่แข็งกองพะเนิน ข้าวหมูทอด หมี่ซั่ว ยากิโซบะ เกี๊ยวกุ้ง ข้าวต้มปลา สปาเก็ตตี้ มักกะโรนี ทั้งหมดทั้งมวลไม่มีไข่เป็นส่วนประกอบ
กระทั่งนมสดก็ไม่มี เป็นผมเองที่หิ้วนมกับไข่ขึ้นมาจากมินิมาร์ทข้างล่าง
โอย...ตายแล้ว
ทำไมไม่สังเกต
ทำไมพลาดอย่างโง่เง่าเต่าตุ่นถึงเพียงนี้
มีปากกูกลับไม่ถามพี่เขา...ทำไมวะ
บระเจ้า!!! เจ้าชายเย็นชาแพ้ไข่และนมสด นายวาณิชตกม้าตายแค่เรื่องง่ายดาย ความผิดครั้งใหญ่กับบัญญัติข้อแรกของคนทำอาหาร
“เมี้ยวววว...” หินอ่อนนั่งจ้องหน้า
“จะกินนมเหรอ ได้เลยเจ้าเหมียว...” เทให้แมวจิตใจเลื่อนลอย สงสัยจะใกล้ได้นอนระเบียงห้องเพื่อนกล้วยแล้วงานนี้
-----------
---------------
ไม่ถึง 15 นาทีต่อมา...
“ผมเอายามาให้ เป็นยังไงบ้างครับ?” เสียงดังถามกับประตูไม่ได้ล็อก
(‘ตึง!’) อะไรหล่นอยู่ข้างในจึงวิสาสะไม่รอช้า
“ขอเข้าไปนะครับ!”
“เฮ้อออ...” คนหนุ่มร่างสูงยืนเท้าแขนค้ำประตูห้องน้ำสภาพอิดโรย เสียงตึงเมื่อครู่คือขวดน้ำดื่มหลุดจากมือกลิ้งหลุนๆ
“ผมช่วย” ดึงแขนคล้องคอช่วยพยุงไปที่เตียง
“ไม่ต้อง” ยังขืนแรงไม่ยอมง่ายๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่ผ้าเช็ดตัวสีเทาเข้มผืนเดียว ถ้าไม่มีแก๊สไข่เน่าลอยมาประกอบฉากละก็พ่อจะโดดปล้ำจริงๆ นะเออ...ไอ้หน้าเหียกกล้ามน่าหม่ำมาก^^
“ยา” ผมยื่นแก้วหลังนั่งแหมะลงที่นอนด้วยกัน
“น้ำ!” คนป่วยต้องการอีกอย่าง
“กินยาก่อน นี่ยาน้ำ”
“ไม่!”
“ถ้าร่างกายขาดน้ำมากๆ จะช็อกเอา ผมทำมาสองสูตร อันนี้เกลือผสมน้ำตาลแต่กลัวกินไม่ได้เลยซื้อน้ำเกลือแร่ข้างล่างมาให้” พยายามเสนอขายเต็มที่
“แหวะ!” ไม่ยอมแตะน้ำเกลือแร่ทำเอง เกลือกับน้ำตาลผสมลงในน้ำอุ่น รีบคนฟองลอยฟ่องครับ ชวนป่วยมากกว่าชวนหาย
“กิน” ผมบังคับ
“ไม่กิน!”
“กิน จะได้หาย”
“ลองกินเองก่อนซิ” ล้ำลึกนะมากไม้นี้ ณิชคุณจนแต้มตายเอง
“ก็ได้ แต่ต้องกินแก้วนั้นนะ”
ผมถือไปเททิ้งในห้องน้ำ เปิดมาก็พบกลิ่นมะนาวหอมชื่นใจ โอ้โห (T+T) ทาร์ตไข่ช่างมีอานุภาพการทำลายล้างสุดยอด รู้จุดอ่อนไอ้หมอนี่แล้ว อุอุ
“ทำเองแล้วไม่กินล่ะ” อ้าวปาก
“ผมไม่ได้ท้องเสียนี่”
“เหอะ!” โทรมลากไส้แล้วยังเหยียดสีผิว เดี๊ยะปั๊ดพ่อจับกด
“เหลือแก้วเดียวแล้ว เกลือแร่รสมะนาวไม่มีไข่หรอก” เลื่อนแก้วให้
“...” เดดแอร์ตาขวางไม่ยอมอีกล่ะ
“นะครับ ไม่งั้นหมอจะฉีดยาตรงก้น ต้องนอนให้น้ำเกลือทั้งคืนด้วย เข็มฉีดยาใหญ่มากๆ เจ็บค่อด”
‘อึ่กๆๆ’ ทันที
ค่อยยังชั่ว อยู่ที่นี่ต่อสงสัยข้าพเจ้าคงได้เปิดศึกสู้รบกับเด็กเกเรอายุ 5 ขวบที่ป่วยสองคน (แพ้ขนแมวกับแพ้ไข่) เอาแต่ใจไม่จบไม่สิ้นเป็นแน่ อย่ากระนั้นเลย
“ให้พี่แฮงค์พาไปหาหมอเสร็จ ผมจะย้ายไปอยู่หอเพื่อนนะครับ”
“ไป! ตาย!”
“...” เง้อ (+0+) หันขวับไปสบตา
นั่นเสียงลือเสียงเล่าอ้างอันใดรึขอรับ หูหนวกตาบอดชั่วขณะเพราะนัยน์ตาวับวาวราชสีห์จ้องตะครุบเหยื่อคู่นั้น (แบบไร้แว่นบดบัง) อยู่ใกล้แค่ฝ่ามือกั้น ใจหวิวหวั่นเต้นชะชะช่าคร่อมจังหวะ
“โยนแมวใส่เพื่อนจนลมพิษขึ้น วางยาในอาหาร ผิดสัญญาไม่ทำตามข้อตกลง ความผิดสามกระทงปรับ 10 เท่าของวงเงินที่ตกลงกันไว้”
บอกคำเดียวว่ามึน-ซึน-เอ๋อ จำได้ว่าเจ้าชายปากหนักชื่อกริชเรียนบริหารภาคอินเตอร์ ทำไมพูดจานักกฎหมายผสมตำรวจอย่างคล่องแคล่วเพียงนี้
“อะไรนะ 10 เท่าก็แสนนึงน่ะซิ!” เซลล์สมองเพิ่งรีเซต
“หัวไวเรื่องตัวเลขดีนี่”
“เอิ่ม...”/ ‘ตุบ!’
ณิชน้อยถูกผลักนอนหงายตึงไม่ทันตั้งตัว ระบบร่างกายชัตดาวน์ชั่วขณะกับคำขู่ที่รุนแรงที่สุดในโลก เลข 0 ลอยมาตรงหน้าอีกตัว เป็นบวกจะไม่ว่าแต่นี่คือติดลบ ถ้าเอาเรื่องตามคำขู่จริงๆ ต้องตกเป็นหนี้กี่ปีกี่ชาติกันล่ะ
กูเผลอหลุดเข้ามาในกรงเล็บสัตว์สองตัวนี้ได้อย่างไร เจ้าหินอ่อนทำเอาชีวิตวุ่นมาพอแรงแล้วยังเพิ่มเจ้าราชสีห์นามว่ากริชนี่อีก...เวรแท้
------
แรงกดที่ไหล่หนักมากขยับไม่ได้ ผงกมองถึงเห็นหัวคนตัวโตตามล้มลงมานอนหนุน จะลุกก็ฮื่อขู่ไว้อีก
“ผมหนัก...” ลองประท้วง
“ป่วย” พลิกมากอดหมอนข้างชื่อวาณิชครับ (=^=) พ่อแก้วแม่แก้ว
“เอาครับ...ยอม”
ไหนๆ ก็ไหนๆ ยืดแขนออกให้แมวตัวโตนอนหนุนดีๆ ยอมหยวนเพราะป่วยอยู่หรอก ขออย่างเดียวอย่าพ่นลมหายใจใส่หัวนมโผ้มมมมม (T^T)
“เป็นใบ้เหรอ”
“เปล่า คือขะ...ไข่ผม ณิชจูเนียร์มัน เอ่อ...” จุดยุทธศาสตร์ชายไทย
“โทษที”
“อุ๊บ...” ผมอุทาน
แช่วับ! เลื่อนเข่าจากเรดโซนขึ้นมาพาดท่อนขาก่ายพุงข้าน้อยแทน จะไม่ให้ลุกชิมิ ก็ได้ โอมเพี้ยง! จงแปลงร่างเป็นปลาทูแช่แข็งส่งออก ณ บัดนาว ชูแว้ง!
----
-----
ฝ้าเพดานวางดาวน์ไลต์เป็นแถวเป็นแนวเส้นตรงเป๊ะดีจัง โคมไฟตรงนั้นก็ดีไซน์สวย เปิดสว่างน่าจะตระการตาเหมือนฉากในละครคุณชายจุฑาเทพ
“ใจเต้นแรง”
เจี๊ยก!!! นึกว่าจะเบี่ยงเบนความสนใจ (ของตัวเอง) ได้แล้วเชียว
“ผมขอโทษครับ...”
“เรื่อง?”
“เรื่องไข่ ผมผิดที่ไม่ถามก่อน น่าจะเฉลียวใจตั้งแต่เปิดตู้เย็นแล้ว เห็นอาหารกล่องพวกนั้นก็น่าจะคิดได้ ทุกเมนูไม่มีไข่เลย” นักศึกษาวิชาอาหารไล่เรียงเสียงอ่อยๆ พยายามไม่สนใจเส้นผมระลาดไหล่
“ช่างมันเถอะ”
“ช่างไม่ได้นะครับ สำหรับพ่อครัวแล้วมันคือหายนะชัดๆ ให้อภัยไม่ได้ ถูกไล่ออกสถานเดียว”
“บอกว่าช่าง ก็ช่างมันเถอะน่า!”
น้ำเสียงตัดพ้อเชิงน้อยใจอยู่ลึกๆ คล้ายเด็กถูกเปิดเผยปมด้อย สั่งจิตอ่านเรดาร์ความคิดแบบโปรเฟสเซอร์เอ็กซ์แห่งเอ็กซ์เมน ชิ้ง!!!
“ที่ผมเคยเจอคือแพ้ถั่ว ธัญพืช แต่นมวัวเจอบ่อยสุด ท้องเสียจู๊ดๆ แพ้แลกโตส ไข่ ชีส ผงชูรสมีบ้างแต่น้อยมาก พวกนี้เป็นบุคคลพิเศษหาได้ยากในวงการอาหารเลยนะ” วาณิชเริ่มกล่อม
“ทำไมพิเศษ?” คางขยับเกยต้นแขน มันจั๊กกะจี้อ่ะครับบอส T-T
“เพราะเชฟจะต้องปรุงอย่างพิถีพิถันชนิดไม่ยอมให้ผ่านมือใคร แล้วลูกค้าท่านนั้นมักจะได้รับเกียรติเสิร์ฟเองด้วย”
“เหรอ...” เสียงสดชื่นกลายเด็กถูกชม
“จริง เคยได้ยินมาจากร้านครัวมิชลิน 1 ดาว อาจารย์เชฟเล่าให้ฟัง”
“อือฮึ...”
ชอบน้ำเสียงทุ้มนุ่มในลำคอแบบนี้จัง (-5-) แต่ไม่ควรไซ้คอคนหล่อ ราชสีห์กำลังแปลงร่างเป็นแวมไพร์ ใครก็ได้ช่วยณิชด้วย
---------
“แล้วจะให้ผมทำกับข้าวให้กินอยู่มั้ยครับ?”
“ไม่ทำก็ตัวแดงแสนนึง”
“อ๋า...จริงด้วยแฮะ แหะๆ” ตูอยากตาย (T0T)
รู้แล้วว่าที่ตะล่อมมาทั้งหมดเป็นศูนย์ ไอ้หมาป่าเจ้าเล่ห์ตัวนี้เล่นด้วยยากสุด เค้ารักหินอ่อนจังเลย จุบุๆ
“ผมไปทำข้าวต้มหมูสับให้ดีกว่า อ้อลืมถาม แพ้อะไรอีกมั้ยครับ ผัก ผลไม้ เครื่องเทศ เครื่องปรุงรส...ฮ้าว” ขยี้หนังตาปรือจนเมื่อย
“ไม่น่ามีแล้ว”
“ดีจัง...งืมมมม...อ้อลืมบอก ศุกร์นี้เลิกเรียนผมกลับบ้านนะครับ แม่เก็บของจะย้ายกลับพัทยา”
"บอกหลายรอบแล้ว"
"เหรอ ณิชลืมอ่ะ...ฮ้าว" เวลาเผลอ-เบลอ-เอ๋อจะแทนชื่อตัวเองทุกที
"..." ใช่แวมไพร์เลียคอกูด้วยความพิศวาสหรือเปล่า
"อืมมม..." ผมเคลิ้ม ขยับคอยึกยักหนีเขี้ยวคมจะหนุนหมอนนอนดีๆ
“เขาให้ใส่หมวกแบบนี้ด้วย?”
“กันเส้นผม...อือ...” มือใหญ่ดึงปีกหมวกแก็ปให้คลายออก ท่อนแขนอีกข้างพาดกลางลำตัวไม่ให้ขยับไปไหน
ยืนนวดแป้งหน้าเพลทไม่รู้กี่ชั่วโมง สามหาวสี่หาวตั้งแต่แบ่งกลุ่มรับงานประชุมสัมมนาช่วงหลังเลิกเรียนโน่น ความผิดของที่นอนปุยนุ่นผสมผ้าฝ้ายอียิปต์ของคุณชายเองนะ
ร่างจมฟูกนุ่มขยับไม่ได้ พร้อมเสียงเบาหวิวขับกล่อมข้างแก้ม
“...กลิ่นหอมดี หวานๆ” ใช่สันจมูกเย็นๆ ถูไถเบาๆ หรือเปล่า
“...งืมมมม...ไอซ์ซิ่ง...ครีม...วานิลา...” ผมละเมอตอบ
ผงนิทราโรยพลิ้วมากระทบเปลือกตา ได้ยินเสียงตัวเองล่องลอยไปไกลในฝันแสนหวาน
**********************************************
edit: ลืมบอก เจอกันวันจันทร์-อังคาร, พฤหัสบี-ศุกร์ูู^^

เจ้าหินอ่อน
edit : 9/8/2013 ช่วยแก้คำผิดโดย i1_to*pp ขอบคุณมาก
ย้ากส์, บรู๊ซลี, อหังการ, ตุ๊มๆ, ยัวะ, กะเพรา (คำนี้เตือนตัวเองแล้วยังมี ร.เรือ ไม่ลืมๆ), เกี๊ยวกุ้ง, โผ้มมมมมม, พลิ้ว