SOTUS : พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง กฎของปีหนึ่งข้อที่ 7 : ไม่ว่าเมื่อไรพี่ว้ากก็ยังคงเป็นพี่ว้าก “ป้าครับ กะเพราไก่ไข่ดาวจานหนึ่งครับ”
อาหารสิ้นคิดถูกสั่งโดยไม่ผ่านสมองของนายอาทิตย์ เพราะตอนนี้เขาไม่อยากจะใช้พลังงานอะไรให้เปลืองแรง หลังเพิ่งเสร็จจากการรับน้องมาหมาด ๆ ซ้ำยังเป็นวันออกภาคสนามด้วย ทำให้นอกจากจะเหนื่อยตะโกนดุน้องแล้ว ยังต้องเหนื่อยตามคุมน้องวิ่งรอบสนามอีก แต่จะเอาผิดกับใครไม่ได้ ก็เพราะเขาเป็นคนสั่งลงโทษเองทั้งนั้น
...เอาจริง ๆ การเป็นพี่ว้ากก็ไม่สนุกหรอกครับ ต้องมาตะคอกเสียงใส่จนเจ็บคอ ยืนปั้นหน้าซีเรียสจริงจังจนกล้ามเนื้อแทบตายด้าน แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็เพราะมันเป็นไปตามบทบาทที่กำหนดเอาไว้ ถึงบางครั้งจะดูเหมือนใช้อำนาจในทางรุนแรงเกินไป ทว่าสุดท้ายแล้ว คนที่แบกรับความรับผิดชอบทุกอย่างก็คือพี่ว้ากอยู่ดี
...เข้าทำนอง ‘น้องเหนื่อย พี่ต้องเหนื่อยกว่า’ ....นี่แหละครับคือสัจธรรมที่พี่ว้ากทุกคนจะต้องยอมรับ
ด้วยเหตุนี้ พอเลิกกิจกรรมว้ากน้องปุ๊บ เฮดว้ากอย่างอาทิตย์จึงต้องเร่งหาของมาใส่ท้องเติมพลังเป็นการด่วน เขาตรงดิ่งกลับหอ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นง่าย ๆ แล้วลงมาหาของกินใกล้ ๆ ในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม ซึ่งถือเป็นช่วงไพร์ทไทม์ มีนักศึกษามากันเยอะจนแทบล้น แค่ร้านขายน้ำก็เห็นคิวยาวเหยียดเป็นหางว่าว เขาเลยต้องสั่งล่วงหน้าไว้ก่อน ถึงค่อยเดินมาหาร้านขายอาหารซึ่งอยู่ติด ๆ กัน โชคยังดีที่เขาหาโต๊ะว่าง ๆ เป็นโต๊ะสุดท้าย แถมมีหนังสือพิมพ์วางไว้อ่านฆ่าเวลารอซะด้วย
...แหม...พอดีเลย ขอถือโอกาสอ่านสักหน่อย รู้สึกว่าช่วงนี้ไม่ค่อยติดตามโลกภายนอกสักเท่าไร ...เช้ามาก็ตื่นไปเรียน ตกเย็นว้ากน้อง ดึก ๆ วางแผนประชุมต่อ ชีวิตวนเวียนอยู่แค่นี้ ...ถ้ามีอุกาบาตรพุ่งชนแถวอเมริกา เชื่อเถอะว่าเขาก็ยังคงไม่รู้หรอก
อาทิตย์เปิดกางหนังสือพิมพ์อัพเดทข้อมูลใส่สมองไปอย่างไม่สนใจใคร ตามองตัวหนังสือไป หากหูกลับได้ยินเสียงถามสั้น ๆ
“ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ”
“ได้ครับ เชิญตามสบายเลย”
เขาตอบกลับอย่างไม่คิดจะเงยหน้ามามอง เพราะมัวจดจ่ออยู่กับข่าวดาราที่เพิ่งเลิกกัน ...ก่อนหน้านี้ก็พอจะเห็นอยู่แล้วว่าร้านคนเยอะ แบ่ง ๆ กันนั่งบ้างไม่เป็นไรหรอก เขาเองก็มาคนเดียวด้วย ซึ่งอีกฝ่ายเองก็ทำตามคำอนุญาต นั่งลงยังฝั่งตรงข้ามโดยไม่ลืมคำขอบคุณ
“ขอบคุณครับ พี่อาทิตย์”
“อืม ไม่เป็นไร”
อาทิตย์เอ่ยแบบไม่ถือสา ก็คนเป็นพี่ต้องรู้จักมีน้ำใจให้น้องเป็นธรรมดา ...เอ๊ะ...เดี๋ยวนะ...แล้วมันรู้จักชื่อเขาได้ยังไงวะ?
ความสงสัยสะกิดใจ ส่งผลให้อาทิตย์เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือพิมพ์โดยฉับพลัน แล้วก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อเห็นแขกที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามชัด ๆ เต็ม ๆ
แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษา หรือ เสื้อคณะกางเกงวอร์มอย่างที่เห็นประจำ แค่สวมเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นง่าย ๆ เหมือนกับเขา แต่สถานะนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปตามเครื่องแต่งกาย เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นพี่ว้าก และคู่สนทนาก็เป็นแค่เด็กปีหนึ่ง
...ไม่ใช่ปีหนึ่งธรรมดาด้วย แต่เป็นปีหนึ่งที่ชอบหาเรื่องปีนเกลียวเขาทุกครั้ง
…0062 ก้องภพ!
“คุณมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง!”
อาทิตย์ลุกขึ้นพรวดตะคอกถามเสียงโหด รีบตีหน้าขึง สวมบทโหดของเฮดว้าก ใจนึกโทษตัวเองที่ไม่ระวัง ดันเผลอหลุดลืมตัวออกไปซะได้ หากคนถูกถามกลับไม่มีสีหน้าแปลกใจซ้ำยังตอบมาด้วยท่าทีงง ๆ
“อ้าว...ก็เมื่อกี๊พี่เพิ่งบอกให้ผมนั่งได้นี่ครับ แล้วอีกอย่างตอนนี้คนก็เต็มร้านแล้วด้วย”
ประโยคหลังทำให้คนฟังต้องกวาดตามองไปรอบร้าน ซึ่งก็เป็นจริงดังว่า เพราะทุกโต๊ะมีคนนั่งเต็มหมด แต่ถึงยังไงการปล่อยให้น้องปีหนึ่งมานั่งร่วมโต๊ะกับตัวเอง มันก็โคตรจะเสียเกียรติในฐานะเฮดว้าก อยากจะด่าไล่ให้มันออกไปจากร้าน สักคำ ทว่าเสียงของป้าร้านขายข้าวกลับดังขัด
“โทษทีนะลูก วันนี้คนเยอะเลย นั่งด้วยกันไปก่อนได้มั้ย”
คงเป็นเพราะป้าอาจได้ยินประโยคที่เขาถาม หรือเพราะสังเกตเห็นหน้าตาบอกบุญไม่รับของเขา แกเลยรีบเข้ามาช่วยพูดไกล่เกลี่ยสถานการณ์ ซึ่งท่าทีเกรงใจนั้นทำให้เขาต้องหุบปากเงียบ
...ไอ้เขาก็เป็นขาประจำของร้านนี้อยู่แล้วด้วย และป้าแกก็ใจดีชอบตักข้าวแถมมาให้เยอะอยู่บ่อย ๆ จะให้เขามาแสดงความถ่อยต่อหน้าป้ามันก็คงดูไม่ดีเท่าไร
อาทิตย์จึงตัดสินใจทรุดตัวนั่งลงที่เดิมแม้จะไม่ค่อยเต็มใจนัก หน้าบึ้งตึง ปิดปากเงียบนิ่งสนิท ปล่อยให้ป้าหันไปถามคนนั่งตรงข้าม
“แล้วนี่พ่อหนุ่มสั่งข้าวรึยังจ๊ะ”
“อ้อ...ยังครับ ผมขอข้าวไข่เจียวหมูสับแล้วกันครับ”
“ได้จ๊ะ รอแป๊บนะ เดี๋ยวป้าทำมาให้”
เจ้าของร้านเดินหันหลังรีบไปทำตามออเดอร์ หากพอคล้อยหลังป้าไปแล้ว คนที่เงียบอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะแขวะออกมาด้วยน้ำเสียงดูถูก
“หึ ข้าวไข่เจียว กินอะไรเป็นเด็กอนุบาล”
ประโยคเปิดประเด็นพร้อมรบ ทำให้ก้องภพรู้ว่าอีกฝ่ายคงเก็บความไม่พอใจมาระบายออกทางนี้แทน และด้วยสถานะที่เป็นได้แค่น้องปีหนึ่งจึงไม่มีสิทธิตอบโต้อะไรได้ พี่ว้ากถามอะไรก็ต้องพูดตามความจริงไปอย่างนั้น
“คือ...ผมไม่ค่อยชอบกินเผ็ดน่ะครับ”
“ห่ะ! โตเป็นควายแล้วยังกินเผ็ดไม่ได้อีก แม่งโคตรตุ๊ด!”
ถ้อยคำถากถาง พร้อมแววตาเยาะเย้ย ส่งตรงมาแบบไม่ปิดบังจนคนถูกเหน็บแทบเสียศูนย์
หึ...ช่วยไม่ได้นะ อยากนั่งโต๊ะเดียวกับเขาก็ต้องทนเล่นประสาทเนี่ยแหละ ถูกเขาจิกกัดไปตลอดมื้อ ดูสิว่ามันจะกินข้าวได้อร่อยมั้ย อย่าลืมว่าโต๊ะนี่ใครใหญ่สุด แค่อาหารที่สั่งก็รู้แล้ว ต้องลูกผู้ชายแมน ๆ แบบเขานี่ถึงจะชนะสมศักดิ์ศรี กระจอกหน่อมแน้มแบบมันไม่มีทางจะสู้เขาได้หรอก
...โด่...นึกว่าจะแน่ซะแค่ไหน ที่แท้ก็แค่ไอ้อ่อน แม่งสะใจจริง ๆ โว้ยย! ฮ่าๆๆ
“น้องค่ะ นมเย็นปั่นได้แล้วค่ะ”
...ฉิบหาย กูลืม
เสียงเรียกจากพี่ร้านขายน้ำที่ถือนมปั่นสีชมพูหวานจ๋อยมายื่นให้หนุ่มตาคม ซึ่งบัดนี้หน้าเริ่มซีด รีบละล่ำละลักร้องปฏิเสธเสียงหลง
“เฮ้ย! ผิดโต๊ะเปล่าพี่ ผมไม่ได้สั่งนะครับ”
“ไม่ได้สั่งได้ยังไงคะ ของน้องเนี่ยแหละค่ะพี่จำได้ แหม...ซื้ออยู่ทุกวันอย่ามาอำพี่หน่อยเลย"
...ชัดเจน
เป็นคำอธิบายปิดทางของคนคิดแบบไม่สามารถแก้ตัวอะไร ทำได้แค่นั่งอึ้ง มองเด็กปีหนึ่งฝั่งตรงข้าม หันไปรับเครื่องดื่มจากพี่คนขาย
“ส่วนของน้องกาแฟเย็นนะคะ”
“ใช่ครับ ขอบคุณครับ”
ก้องภพวางแก้วกาแฟเย็นลงบนโต๊ะ เคียงคู่กับนมเย็นปั่นสีชมพูหวาน เขาเห็นแววตานั่นเป็นประกายคล้ายนึกขำ ก่อนจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงง่าย ๆ แต่บาดลึก
“ผมเพิ่งรู้นะครับว่าพี่ว้ากชอบกินนมเย็น”
“ไอ้…!!”
อาทิตย์สบถออกไปเพียงแค่นั้น ด้วยจนปัญญาจะสรรหาคำด่าใด ๆ เพราะตอนนี้รู้สึกว่าหน้าตัวเองแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงจนเก็บประกอบไม่ทัน
...หมดกัน จบสิ้นแล้วภาพลักษณ์ อุตส่าห์เก๊กเท่ห์มาดเข้มมาตลอดเสือกมาตายน้ำตื้น ...ทำไมครับ มีปัญหาเหรอ พี่ว้ากชอบกินนมเย็นผิดกฎข้อไหนวะ ก็นมเย็นมันอร่อย ...หวาน ๆ กินแล้วสดชื่น เขาเลยชอบสั่งเป็นเมนูโปรดเวลาเหนื่อย ๆ แค่นั่นเอง ปกติมีเจ้าประจำอยู่ที่โรงอาหารของมหาลัยด้วยซ้ำ แต่เพราะมีตำแหน่งพี่ว้ากคล้องคออยู่ เลยต้องตัดใจไว้ก่อน กลัวน้องปีหนึ่งมาเห็น มันจะไม่เข้ากับคอนเซปต์ลุคดิบเถื่อนอย่างเขาได้
แต่วันนี้ดวงความซวยเขาคงถึงฆาต สิ่งที่กลัวไว้ดันเป็นจริง แถมคนเห็นยังเป็นไอ้เด็กปีหนึ่งที่เขาไม่อยากให้มันรู้ที่สุดด้วย
....แม่งเจ็บใจโว้ยยยย!!
ความแค้นสุมอกของลูกผู้ชายชื่อว่าอาทิตย์ อยากจะยกนมเย็นคว่ำใส่คนแซวให้รู้แล้วรู้รอด แต่ยังไม่ทันทำตามอย่างใจนึก บางอย่างกลับแทรกขึ้นมาขัดจังหวะ
“ข้าวไข่เจียว กับกระเพราไก่ไข่ดาวได้แล้วจ๊ะ”
ป้าเจ้าของร้านยกจานข้าวที่เพิ่งทำเสร็จร้อน ๆ มาเสิร์ฟ เขายื่นมือไปรับจานกระเพราไก่ไข่ดาวของตัวเอง แต่ฉับพลันนั้นความคิดบางอย่างกลับแว๊บเข้ามาในหัว และเป็นความคิดที่ทำให้อาทิตย์ต้องรีบร้องสั่งฝ่ายตรงข้าม
“เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งกิน!”
ก้องภพหยุดมือที่กำลังจะหยิบช้อน มองคู่สนทนาซึ่งกระแอมไอ วางมาดนิ่งสวมวิญญาณเฮดว้าก แล้วพูดเกริ่นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ ผมจะขอสอนอะไรคุณสักอย่าง... คุณรู้ใช่มั้ยว่า กว่าจะเป็นข้าวได้สักจานให้เรากินมันยากลำบากแค่ไหน”
“รู้ครับ”
ก้องภพพยักหน้าตอบกลับ แม้จะยังไม่เข้าใจในประเด็น แต่ลางสังหรณ์ของเขาร้องเตือนว่าอีกฝ่ายเริ่มวางแผนอะไรบางอย่างกับเขาอีกแล้ว และก็เป็นจริงตามคาด เมื่ออาทิตย์เริ่มลากเข้าสู่บทสนทนาต่อ
“ผมอยากให้คุณแสดงความสำนึกในบุญคุณของข้าวให้ผมดูหน่อย คุณท่องบทสวดมนต์ก่อนกินข้าวได้มั้ย”
“ได้ครับ”
อาทิตย์ลอบยิ้ม ก่อนจะเอ่ยคำชี้ชะตาตัดสิน
“งั้นท่องให้ผมฟังตรงนี้ดัง ๆ ให้เท่ากับที่คุณสำนึกถึงบุญคุณของข้าวทุกเม็ด”
ก้องภพนิ่งตะลึงฟังคำสั่งที่ไม่ต่างไปจากบทลงโทษ เพราะอย่าลืมว่าตอนนี้เขาอยู่กลางร้านอาหารซึ่งคนนั่งกันเต็มโต๊ะ การที่อยู่ ๆ มีใครสักคนท่องบทสวดขึ้นมาย่อมต้องตกเป็นเป้าสายตาอยู่แล้ว มิหนำซ้ำยังถูกบังคับกลาย ๆ ว่าจะต้องท่องเสียงดังอีก
กระนั้นคนออกคำสั่งกลับไม่มีท่าทีเดือดร้อน แถมยังยิ่งเร่ง
“เอ้า! มัวรออะไร ทำไปสิ! หรือคุณสำนึกบุญคุณข้าวได้แค่นี้!”
คำพูดมาพร้อมกับแววตาท้าทายของอาทิตย์ คล้ายวัดใจว่าจะกล้าหรือไม่กล้า
...ก้องภพใช้เวลาตัดสินใจแค่เสี้ยวนาที เขาสูดลมหายใจลึก ก่อนเปล่งเสียงออกมาตามคำขอ
“ข้าวทุกจานอาหารทุกอย่าง! อย่ากินทิ้งขว้างเป็นของมีค่า! ผู้คนอดอยากมีมากหนักหนา! สงสารบรรดาเด็กตาดำ ๆ!!”
ทุกคนในร้านต่างหันมามองคนตะโกนด้วยความอึ้ง มีบางส่วนที่มองด้วยความมึนงงอย่างไม่เข้าใจว่าอยู่ ๆ จะมีใครมาสงสารเด็กตาดำ ๆ อะไรกันตอนนี้ ...ดีไม่ดี ฟังไปเหมือนถูกแอบด่าลอย ๆ เลยมีคนแอบหันไปนินทาซุบซิบ เหลือบสายตามองก้องภพอย่างไม่พอใจ โดยไม่รู้สาเหตุเลยว่า อีกฝ่ายทำไปเพราะสำนึกในบุญคุณข้าวล้วน ๆ
ยกเว้นแค่อาทิตย์เพียงคนเดียวที่แอบหัวเราะขำอย่างสะใจ เมื่อแผนการแกล้งประสบผล แต่แผนของเขายังไม่หมดแค่นี้ง่าย ๆ เพราะเขารีบดึงจานข้าวไข่เจียวของคนซึ่งกำลังจะตักกินให้ออกห่าง
“อ่ะ...เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งกิน...จานนี้ของคุณต่างหาก”
กระเพราไก่ไข่ดาวถูกเลื่อนมาแทนข้าวไข่เจียว จนก้องภพต้องถามงง ๆ
“เอามาให้ผมทำไมครับ”
“ก็เห็นคุณสำนึกบุญคุณข้าวขนาดนี้ ผมเลยอยากให้คุณกินข้าวเยอะ ๆ ดูสิ...จานนี้มีทั้งผัดกระเพราทั้งไข่ดาวด้วย คุณจะได้กินอิ่ม ๆ ไง ทำไมครับ...หรือคุณไม่คิดจะรับน้ำใจของผมเหรอ”
ความหวังดีที่นาน ๆ จะได้รับสักที แม้จะเป็นในรูปแบบแปลก ๆ แต่ก้องภพก็ไม่มีสิทธิค้าน เขาจึงต้องยอมรับจานที่เปลี่ยน ก้มลงกินข้าวกระเพราโดยไม่ปริปากบ่น
...ไม่เห็นเป็นไร มื้อนี้ไม่กินไข่เจียวก็ได้ จะกินอะไรเขาก็ไม่เรื่องมากอยู่แล้ว แถมไอ้ผัดกระเพรานี่ก็ได้เยอะจริง ๆ จนไม่น่าเชื่อว่าอีกคนจะยอมเปลี่ยนกับเขา แล้วยิ่งน่าประหลาดใจเข้าไปอีกที่ยังมาชวนเขาคุยด้วยท่าทีเป็นมิตร
“อร่อยมั้ยครับคุณ”
“อร่อยครับ”
“เหรอ แต่ผมว่าป้าเขาชอบทำอ่อนเค็มนะ ผมช่วยปรุงให้ใหม่เอามั้ย”
ยังไม่ทันที่ก้องภพจะตอบ คนอาสาก็รีบเปิดถ้วยพริกน้ำปลา ตักใส่จานข้าวแบบไม่ถามเรื่องสุขภาพคนกินสักคำ และจากปริมาณในช้อนเห็นชัดเจนเลยว่าอีกฝ่ายไม่เน้นน้ำปลา แต่เน้นพริกเต็ม ๆ สองช้อนโต๊ะ จนจานข้าวผัดกระเพราแดงเถือกเหมือนข้าวผัดพริก
“ทานให้อร่อยนะครับ”
ปิดท้ายด้วยเสียงสุภาพอย่างหาได้ยากของเฮดว้าก แต่ไม่รู้ว่าทำไมก้องภพถึงรู้สึกว่ามันน่ากลัวกว่าเสียงโหด ๆ หลายเท่า เพราะเขาเพิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังโดนแกล้ง และจากการมองดูปริมาณพริกในจานแล้ว มันคงเป็นการแกล้งที่เจ็บแสบกว่าครั้งไหน ๆ
...และแน่นอนว่าสิ่งที่เขาทำได้ คือ ต้องก้มหน้ารับชะตากรรม
คนไม่ชอบกินเผ็ดตักข้าวกระเพราขึ้นมาอย่างลังเลเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจหลับตาใส่เข้าปากส่ง ๆ เพียงแค่เคี้ยวหมดคำแรก ความเผ็ดจี๊ดก็แล่นเข้าสู่สมอง จนต้องรีบหันไปหยิบแก้วกาแฟเย็นของตัวเองเปิดฝายกดื่มอึก ๆ รู้สึกชาไปทั่วทั้งปากและลิ้น แสบจนน้ำตาเล็ด
ตรงข้ามกับคนอีกฝั่งซึ่งนั่งกินข้าวไข่เจียวไปพลาง ดูดนมเย็นไปพลาง พร้อมกับลอบมองคนที่กินข้าวคำน้ำคำด้วยความสะใจ
...ใช่ อาทิตย์ยอมรับว่าเขาจงใจแกล้งไอ้เด็กปีหนึ่ง แม้จะดูเหมือนเป็นการใช้อำนาจเฮดว้ากในทางไม่ชอบ แต่เขาบอกแล้วว่ายังไงสถานะระหว่างเขากับมันก็ไม่เปลี่ยน เพราะมันยังเป็นรุ่นน้องที่มีคดีแค้นกับเขาอยู่ โทษฐานที่บังอาจชอบปีนเกลียว แถมยังชอบพูดบ้า ๆ บอ ๆ เหมือนคราวที่แล้วที่มันสงสัยว่าเขาแกล้งมันทำไม ตอนนี้เขาเลยแสดงออกให้เห็นชัด ๆ เลยว่า...
...เขาแกล้งมันด้วยความสะใจล้วน ๆ โว้ยยย!
TRRRRRRR!! เสียงสั่นในกระเป๋าดังขัดความคิด อาทิตย์หยิบโทรศัพท์ออกมามองชื่อเพื่อนบนหน้าจอ กดรับ แล้วกรอกเสียงลงไปตามสาย
“ฮัลโหล ...อืม มีอะไร ...อ้อ กำลังกินข้าวอยู่ ...ห่ะ ให้เข้าไปตอนนี้เลยเหรอ เออได้ ๆ เดี๋ยวตามไป”
เขาวางสายลง ตักข้าวที่เหลืออยู่สามคำสุดท้ายเข้าปากจนหมด ก่อนลุกขึ้นโดยไม่ลืมหันไปสั่ง
“ผมต้องไปแล้ว ส่วนคุณกินให้หมดห้ามเหลือเด็ดขาด สำนึกบุญคุณข้าวตามที่พูดด้วยนะครับ”
เฮดว้ากยักคิ้วกวน ๆ ปิดท้ายพร้อมคำขู่ ทิ้งคนที่เพิ่งกินข้าวได้ยังไม่ถึงครึ่งจานไว้อยู่อย่างนั้นตามลำพัง
และทันทีที่อีกฝ่ายเดินจากไป ก้องภพถึงค่อยถอนหายใจอย่างปลง ๆ
.....ก็รู้ไม่ใช่ไม่รู้ว่าต้องโดนแกล้ง แต่เขาก็ยังชอบเอาตัวเข้าไปเสี่ยงทุกที อยากจะโกรธอีกคนแรง ๆ บ้างเหมือนกัน แต่ก็ไม่เคยทำได้ อาจเพราะต้นเหตุมันมาจากเขาที่ชอบไปแหย่ก่อนทั้งนั้น เฮดว้ากจะมาเอาคืนกันทีหลังก็ไม่เห็นแปลกอะไร
เขาก้มลงมองจานข้าวกระเพราที่พริกเหลืออยู่เต็ม ทั้ง ๆ ที่ทิ้งไปตอนนี้ก็ได้ เพราะยังไงเจ้าตัวก็ไม่กลับมาดูอยู่แล้วว่าเขากินหมดหรือเปล่า ทว่าสุดท้ายเขาก็ยังคงรักษาสัญญาตักข้าวกระเพราเผ็ดๆ นั่นเข้าปาก ฝืนกินไปให้หมด ๆ ซึ่งกว่าจะหมดได้ปากเขาก็บวมแดง เผ็ดชาจนแทบไร้ความรู้สึก
“ป้าครับ คิดตังค์ด้วยครับ”
ก้องภพเรียกป้าคนขายที่เพิ่งเดินผ่านเอาข้าวไปเสิร์ฟให้เก็บเงินที่โต๊ะ แต่อีกฝ่ายกลับมีท่าทีงง ๆ ก่อนอธิบายคำพูดที่ทำให้คนฟังนึกสะดุด
“อ้าว...ก็เมื่อกี๊คนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันเขาจ่ายให้แล้วนี่จ๊ะ”
...คนนั่งโต๊ะเดียวกับเขาจ่ายให้แล้ว?
เมื่อกี๊มีแค่คนเดียวที่นั่งกับเขาแค่คนเดียว ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า...
เขารีบยั้งความคิดไว้ ลุกขึ้นเดินออกจากร้านขายข้าว ตรงไปยังร้านขายน้ำปั่นที่อยู่ติด ๆ กันไม่ไกล แล้วถามพี่ที่กำลังกดเครื่องปั่นน้ำผลไม้
“พี่ครับ ค่ากาแฟเย็นของผมเท่าไรครับ”
“อ้อ ไม่ต้องหรอก น้องคนที่สั่งนมเย็นเขาจ่ายให้แล้ว”
....คำพูดเหมือนเดิมกับที่เคยได้ยิน ช่วยคลี่คลายข้อสงสัยในใจบางอย่างลง
ความจริงเขาตั้งใจจะสั่งน้ำมากินแก้เผ็ด แต่พอฟังแบบนี้ อยู่ ๆ เขาก็เกิดเปลี่ยนใจ เมื่อนึกถึงหน้าใครบางคน
“งั้นผมขอนมเย็นอีกแก้วครับ”
ก้องภพยืนรอเพียงไม่นานเครื่องดื่มสีสวยก็ถูกยื่นมาให้ เขาจ่ายเงินเรียบร้อย จัดการชิมรสชาติของนมเย็นสีชมพู
...อย่างที่คิด ...มันไม่ได้ช่วยคลายความเผ็ดลงเลยสักนิด แต่อย่างน้อยเขารู้แล้วว่า ทำไมเขาถึงโกรธอีกคนไม่ลงสักที
...นั่นก็คงเป็นเพราะ ...เขาแพ้ความหวาน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TBC
มีคนถามว่าไม่นับคะแนนไฟท์กันแล้วเหรอ
จริง ๆ ถ้าสังเกตดูมันก็มีแทรกอยู่ในทุกตอนอยู่แล้วค่ะว่าใครแพ้ใครชนะ
ถ้าเหมือนมวยก้องภพก็คงเป็นหมัดต่อยตรง ๆ แรง ๆ
แต่ของพี่อาทิตย์นี่เขาจะแย๊บเบา ๆ แต่โดนจุดให้ก้องภพเซตลอดเหมือนกัน
สรุปแล้วก็ยังไม่มีใครกินกันลงอยู่ดีค่ะ กองเชียร์คงต้องรอลุ้นต่อไปเอาเองว่าใครจะแพ้น็อค ฮ่าๆ 
ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มีมาให้อยู่เรื่อย ๆ นะคะ
มีหลายคนเล่าเรื่องการรับน้อง การถูกว้ากของตัวเองให้ฟังด้วย
ชอบนะคะ อ่านเพลิน ๆ ทำให้รู้ว่าแต่ละที่ถึงจะต่างกัน แต่ก็มีรูปแบบบางส่วนคล้ายกันอยู่บ้าง
ใครอยากเล่าอีกก็ยินดีรับฟังค่ะ เผื่อเป็นไอเดียเอาไปต่อยอดต่อด้วย (อันนี้จุดประสงค์แอบแฝง)
ดีใจที่ยังอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมค่ะ
BitterSweet