SOTUS : พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง Special Part : หนึ่งวันธรรมดาของก้องภพ 06:00 ก้องภพตื่นนอน
ก้องภพเป็นคนตื่นเช้าโดยปกติ ส่วนมากจะเป็นการตื่นแบบอัตโนมัติได้เองในช่วงเวลาประมาณเกือบหกโมงเช้า สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะเขาถูกฝึกมาตั้งแต่ยังเล็กจากคุณแม่ ซึ่งมักจะปลุกให้เขาลุกขึ้นมาช่วยตักบาตรทุกเช้า กระทั่งติดเป็นนิสัยถึงตอนโต ต่อให้นอนดึกมากแค่ไหน พอนาฬิกาเฉียดเข้าใกล้หกโมงเมื่อไร ร่างกายก็จะตื่นขึ้นเองและจะนอนหลับต่อไม่ลง
ทุกเช้า ก้องภพเลยชอบขี่มอเตอร์ไซต์ออกมาหาซื้ออะไรกินในตลาด จำพวกปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ โจ้ก ข้าวต้ม ร้านไหนอร่อยเขาก็จะแวะไปกินบ่อย ๆ เป็นขาประจำ บางวันถ้าตื่นเช้ามาก ๆ ก็จะซื้อกับข้าวใส่บาตรพระที่เดินบิณฑบาตผ่านมา
เขาคิดเสมอว่าอาหารเช้าเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ เพราะมันจะให้พลังงานต่อร่างกายไปตลอดทั้งวัน ดังนั้น เขาจึงต้องกินข้าวเช้าทุกครั้งไม่เคยขาด ด้วยถือเป็นการเติมพลังเพื่อเริ่มต้นวันใหม่อย่างเตรียมพร้อม
07:00 ก้องภพอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน
ก้องภพจะรีดเสื้อนักศึกษาใส่ตอนเช้า พร้อม ๆ กับเปิดดูรายการข่าวจากโทรทัศน์ไปด้วย คอยอัพเดทข่าวไล่ไปตั้งแต่การเมือง เศรษฐกิจ หุ้น และข่าวต่างประเทศยิบย่อยต่าง ๆ บางครั้งถ้าข่าวในประเทศไม่น่าสนใจพอ ก็จะสลับข่าวเปลี่ยนไปช่องCNN ซึ่งโชคดีที่หอของเขามีเคเบิ้ลต่อเข้าช่องนี้
ก้องภพจะจัดการทำกิจวัตรของตัวเองไปเอื่อย ๆ ไม่ได้เร่งรีบ เพราะมีเวลาเหลือมากพอ แต่เขาก็ยังเก็บสิ่งหนึ่งไว้ทำตอนสุดท้ายก่อนออกจากหอ นั่นคือ การผูกไทด์
ความจริงก้องภพไม่ชอบผูกไทด์สักเท่าไร และไม่ค่อยสนใจอะไรมากมายกับการแต่งชุดนักศึกษา เขาคิดว่าสมองของคนเราไม่ได้ตัดสินกันที่เครื่องแบบ แต่แน่นอน...เขารู้ว่าสมองเป็นคนละเรื่องกับความรับผิดชอบ นั่นจึงทำให้เขายอมทำตามกฎ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อหน้าที่ในฐานะนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ของคณะวิศวกรรมศาสตร์
ด้วยเหตุนี้ แม้จะอึดอัดใจ แต่เขาก็ยังผูกไทด์ให้เรียบร้อยทุกครั้งเมื่ออยู่ในเครื่องแบบนักศึกษา และรอคอยวันที่ตัวเองจะได้ถอดไทด์ออก และเปลี่ยนไปใส่เสื้อช็อปเร็ว ๆ
08 :00 ก้องภพถึงมหาลัย
วันนี้เขามีเรียนภาษาอังกฤษตอนแปดโมงครึ่ง ทำให้ต้องเดินมาเรียนทางฝั่งของเด็กภาษาแทนตึกคณะวิศวะ มีพี่ผู้หญิงจากต่างคณะมาถามชื่อกับเฟซบุ๊ค ซึ่งเขาก็บอกไปง่าย ๆ แต่ไม่ได้บอกความจริงตามหลังไปว่าตัวเองไม่ค่อยได้เล่นเฟซบุ๊คเท่าไร
ก้องภพเข้าหาโลกโซเชียลอยู่บ้าง ทั้งไลน์ ทวิตเตอร์ กูเกิ้ลพลัซ เขาสมัครไว้หมด แต่ก็มีไว้แค่เล่น ๆ เท่านั้น ถ้าหากมีธุระสำคัญจริง ๆ เขาถนัดการโทรติดต่อสื่อสารกันมากกว่า เพื่อป้องกันการผิดพลาด และยังรวดเร็วกว่าการต้องมารอคำตอบที่อีกฝ่ายจะพิมพ์กลับมา เพราะบางทีเขาก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าสติกเกอร์ไลน์ที่เพื่อนชอบพิมพ์มาให้ มันหมายความว่ายังไง
เพื่อนเขาจึงไม่ค่อยชอบทักเขาผ่านโลกโซเชียลเท่าไร ซ้ำยังจัดให้ก้องภพอยู่ในกลุ่มคนประเภท...พวกอ่านแล้วไม่ยอมตอบ
08 : 30 ก้องภพเรียนวิชาแรก
ตำแหน่งด้านหลังห้อง กับกลุ่มเพื่อนผู้ชายในเซค ซึ่งคาบข่าวมาบอกว่าช่วงบ่ายที่เรียนรวมคลาสใหญ่จะมีการเสนอชื่อให้เลือกประธานรุ่นวิศวะ
ไอ้เอ็มเพื่อนสนิทสะกิดให้เขาลงชื่อสมัคร ก้องภพรีบส่ายหัวปฏิเสธ ด้วยไม่อยากจะรับภาระให้เป็นปัญหากับชีวิต แค่อยากเรียนจบสี่ปีสบาย ๆ เหมือนคนอื่นทั่ว ๆ ไป แต่เพื่อนรอบข้างพากันยุ จนเขาต้องปราม พร้อมแถมคำขู่ทิ้งท้ายว่า...
...ใครเลือกเขา รอตามคิดบัญชีทีหลังได้เลย
10 : 25 ก้องภพเลิกคลาสรีบไปหาพี่รหัส
ภาควิชาเขาเฉลยพี่รหัสปีสองไปตั้งแต่วันแรก ๆ ที่เขาประชุมเชียร์ เพื่อคอยช่วยเหลือน้อง และส่งต่อหนังสือของตัวเองให้น้องใช้เรียน แต่พี่รหัสของก้องภพยังคงไม่กลับมาจาก Work & Travel ที่อเมริกา หนังสือเรียนและชีทบางส่วน ก้องภพจึงต้องซื้อเพิ่มเอาเองไปล่วงหน้า
แต่วันนี้พี่รหัสโทรนัดให้เขามารับของ เขาจึงต้องรีบเดินกลับมายังใต้ตึกวิศวะ มองหาพี่รหัสตัวเองซึ่งนั่งรออยู่ตรงโต๊ะหินอ่อน แล้วก้องภพจึงได้เห็นหน้าตาของพี่รหัสปีสองเป็นครั้งแรก
'พี่เปิ้ล' สาวตาคม เปรี้ยวจี๊ด พ่วงด้วยตำแหน่งเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของปีสอง แต่มีบุคลิกสบาย ๆ เป็นกันเองขัดกับภาพลักษณ์ พอเขามาถึงเจ้าตัวก็ยกลังกระดาษลังใหญ่ เต็มไปด้วยกองชีทและหนังสือหลายเล่มจนเขานึกทึ่ง และพี่เปิ้ลคงพอเดาได้จากท่าทางของเขา เลยรีบร้องเบรกพลางอธิบายยกใหญ่
“โอยย ไม่ใช่ของพี่คนเดียวหรอกจ้า เป็นของพี่รหัสเรานั่นแหละ ส่งต่อกันมาเป็นทอด ๆ เลือก ๆ เอาที่ใช้ได้แล้วกันนะ ส่วนทีเหลือก็เก็บไว้เป็นมรดกของรหัส 0062 ไป ...เออนี่ เกือบลืมของฝาก พี่ซื้อมาให้เรา พี่ไม่รู้ชอบอะไรเลยเลือกมาเผื่อไว้เยอะเลย กินไม่หมดแบ่งเพื่อนบ้างก็ได้นะ”
ขนมถุงใหญ่วางลงตรงหน้าเขาทันทีที่จบคำ ก้องภพมองเห็นป้ายบนถุงพิมพ์คำว่า Duty Free พี่เปิ้ลคงซื้อไว้ตอนขากลับที่สนามบิน แต่ปริมาณมากมายขนาดนี้ถึงจะไม่มีภาษี ทว่าของในนั่นก็ไม่ใช่ราคาน้อย ๆ
ก้องภพรีบยกมือไหว้ขอบคุณพี่เปิ้ล ซึ่งเจ้าตัวก็รีบปฏิเสธ บอกว่าถือเป็นการไถ่โทษที่มารับน้องช้า ก่อนจะขอตัวไปเข้าเรียนต่อ โดยไม่ลืมแลกเบอร์โทรกันไว้เพื่อนัดเลี้ยงสายรหัสกันอีกทีนอกรอบ และจะได้ทำความรู้จักกับพวกพี่ ๆ ปีสามและสี่ด้วย
คล้อยหลังพี่เปิ้ล ก้องภพถึงค่อยหยิบสมุดในลังขึ้นมาพลิก ๆ เปิดดู สภาพด้านนอกบางเล่มก็โทรมยับเยินบ่งบอกกาลเวลา แต่เนื้อหาภายในเต็มไปด้วยรอยปากกา จดสูตร มีรูปวาดเล่นแก้เซ็งแทรกไปบางช่วง แต่ไม่ว่าจะเป็นชีทหรือหนังสือเรียน หน้าแรกของทุกแผ่นก็จะมีรหัส 0062 ปรากฏชัดเจน
ก้องภพเห็นหนังสือเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งเหมือนกันกับของที่ตัวเองเรียนวันนี้ เขาตั้งใจว่าอาทิตย์หน้าเขาจะเปลี่ยนเล่มเรียนแทน
10 : 45 ก้องภพนัดถ่ายรูปเดือนคณะ
เจ๊มินนี่โทรนัดเขาไว้ตั้งแต่เมื่อวานให้ถ่ายรูป พร้อมเพื่อนผู้หญิงจากอีกภาควิชาชื่อ แพรไพลิน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นดาวคณะเช่นกัน
บางคณะอาจใช้วิธีการเลือกดาวเดือนโดยผลโหวตจากปีหนึ่งด้วยกัน แต่ตัวแทนคณะวิศวกรรมศาสตร์เกิดจากการเลือกของพวกพี่ ๆ ด้วยเพราะไม่มีเวลาเรียกรวมน้องเป็นพันคนเพื่อลงคะแนนตัดสิน เลยต้องส่งตัวแทนของแต่ละภาคมาให้พวกพี่คัด และหวยนั่นก็ดันมาออกตรงก้องภพพอดี
ก้องภพเลยถูกสัมภาษณ์พิเศษอีกเล็ก ๆ น้อย ๆ ถามประวัติ และความประทับใจเกี่ยวกับการเป็นเฟรชชี่ของมหาวิทยาลัย เพื่อโพสลงในหน้าเว็บไซต์รวมกับอีกของทุกคณะ ก่อนจะมีการตัดสินหาผู้ชนะในคืนเฟรชชี่ไนท์
บอกตามตรงว่า ก้องภพไม่ได้สนใจไอ้ตำแหน่งเดือนอะไรพวกนี้เลย แต่เจ๊มินนี่ดูจะตั้งความหวังกับเขาไว้มาก และยังย้ำให้เขาเลือกความสามารถพิเศษมาโชว์ในรอบตัดสิน ซึ่งมันสร้างความลำบากใจให้กับก้องภพที่ไม่รู้ว่าตนเองมีความสามารถอะไรเป็นพิเศษ
...ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจพี่ และช่างกล้องถ่ายรูปเขาเสร็จไปแล้ว ก้องภพคงจะขอถอนตัวซะตั้งแต่ตอนนั้น
12 : 00 ก้องภพกินข้าวเที่ยง
นั่งรวมกับเพื่อนผู้ชายในเซคเกือบสิบคนที่สนิทกันรวดเร็วตั้งแต่เปิดเทอม ดังนั้นเวลาไปไหนมาไหน ก็จะเป็นกลุ่มใหญ่ คล้ายแก๊งเด็กช่างเตรียมยกพวกไปตีกับคนอื่น จนเพื่อน ๆ พร้อมใจตั้งฉายาว่าเป็น ‘แก๊งชายโฉด’ แต่ความจริงพวกเขาโฉดแค่รูปร่างหน้าตา เพราะทุกคนก็นิสัยเกรียน ๆ เฮฮาเลยเข้าหาด้วยกันได้
ทว่า ต่อให้พวกเขาพวกเขาจะเป็นชายโฉดแค่ไหน มันก็คงไม่โหดไปกว่าบรรดาแก๊งของเด็กปีสาม ซึ่งใส่เสื้อช็อปวิศวะเดินยกขบวนประกาศศักดามากินข้าวในโรงอาหาร ...ถึงจำนวนมีพอสูสี แต่บารมีนั้นเทียบกันไม่ติด
พอพวกพี่เดินผ่าน เด็กเฟรชชี่ปีหนึ่งจึงต้องพร้อมใจกันลุกขึ้นทั้งโต๊ะ ยกมือไหว้แสดงความเคารพอย่างนอบน้อมตามกฎ มีพี่หลายคนพยักหน้ารับ บางคนก็แกล้งทำเป็นเมิน เช่นเดียวกับหัวหน้าเฮดว้าก ซึ่งพอก้องภพยกมือไหว้ ก็ไม่แม้แต่จะเฉียดสายตามามอง เดินนิ่งตีหน้าขรึม ทำเหมือนพวกเด็กปีหนึ่งเป็นอากาศธาตุ
จึงไม่แปลกที่หลับหลังพวกพี่ว้ากไป เพื่อนหลายคนของเขาเลยเก็บเอามานินทา ถึงก้องภพเองจะไม่ชอบใจในพฤติกรรมนี้เท่าไร แต่เขาก็ไม่ได้ปริปากบ่นออกมา เพราะเขารู้ดีว่า ตราบใดที่ยังไม่ได้รุ่น พี่ว้ากก็มีสิทธิ์จะมองพวกเขาเป็นแค่คนแปลกหน้า ไม่ใช่รุ่นน้องของภาควิชาที่จำเป็นต้องสนใจ
13 : 00 ก้องภพเข้าเรียนคาบบ่าย
ในห้องประชุมใหญ่ที่สอนรวมทั้งคณะวิศวะ ซึ่งก่อนเริ่มสอนมีคนออกมาพูดเรื่องให้เตรียมเสนอชื่อประธานรุ่นหลังท้ายคาบ ตรงตามข่าวลือที่ได้ยินมา
ก้องภพรู้สึกว่า มีเพื่อนเริ่มหันไปซุบซิบแอบเหล่ตามามองเขา เหมือนคิดจะหาเรื่องแกล้งเสนอชื่อ ทั้งยังพูดไซโคออกแรงยุจากทั้งซ้ายทั้งขวาให้รับตำแหน่ง โดยไม่ได้สนคำขู่ที่เขาพูดเตือนไว้ตั้งแต่เมื่อเช้าเลยสักนิด
ก้องภพจึงจัดการแก้ปัญหาด้วยการโยนขนมที่พี่รหัสฝากมาให้เป็นค่าปิดปาก นั่นแหละทุกคนถึงจะเงียบกันหมด ปล่อยให้เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ไม่มีสมาธิจะเรียน เพราะมัวแต่คิดว่า บางทีเขาน่าจะโดดเรียนล่วงหน้าก่อนหมดคาบเพื่อเอาตัวรอด
15 : 30 ก้องภพถูกเสนอชื่อให้เป็นประธานรุ่น
สุดท้ายก็โดนรั้งไว้ให้ต้องอยู่ ไม่แค่นั้นยังจะโดนเสนอชื่อให้เป็นประธานรุ่นจนได้ ไม่ใช่จากเพื่อนกลุ่มเขาแต่มาจากเพื่อนคนอื่นในภาควิชา ซึ่งแน่นอนเขาพยายามบอกปัดปฏิเสธ โดยหาข้ออ้างว่ามีคนอื่นที่ดูเหมาะสมกว่ามาก และเขาไม่พร้อมจะแบกรับหน้าที่อันยิ่งใหญ่ที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง
เหตุผลและท่าทางของเขาคงแสดงออกชัดเจนจริง ๆ เพื่อนคณะจึงตัดสินใจเลือกคนอื่น ทำให้ก้องภพรอดตัวไปได้อย่างหวุดหวิด ประธานรุ่นวิศวะเลยกลายเป็นของเด็กภาควิชาโยธา และพอเสร็จสิ้นการลงมติเรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างก็รีบแยกย้ายออกมาจากหอประชุม โดยเฉพาะก้องภพที่รีบบึ่งมอเตอร์ไซต์กลับหอ เพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้านักศึกษาให้เป็นเสื้อเชียร์คณะ เพราะสี่โมงเย็นวันนี้...
...ภาควิชาอุตสาหการมีเข้าประชุมเชียร์
16 : 10ก้องภพเข้าประชุมเชียร์
ด้วยเวลาที่สายไปสิบนาที เพราะมัวแต่เลือกประธานรุ่นจึงทำให้เพื่อนของเขามาเข้าแถวช้า แต่นั่นไม่ใช่ข้ออ้างที่ฟังขึ้นสำหรับพี่ว้ากซึ่งมายืนรอ และเตรียมบทลงโทษไว้เรียบร้อย โดยการสั่งให้คนที่มาก่อนกอดคอลุกนั่งไปเรื่อย ๆ จนกว่าเพื่อน ๆ จะมากันครบ
สรุปพวกเด็กปีหนึ่งก็ต้องโดนลุกนั่งเกือบสองร้อยครั้ง กระทั่งพี่ว้ากพอใจถึงจะสั่งให้หยุด แล้วเริ่มเข้าสู่กระบวนการทวงคำSOTUS ตอกย้ำความหมายเรื่อง การเคารพระบบอาวุโส การปฏิบัติตามระเบียบวินัย การปฏิบัติตามธรรมเนียมประเพณี การเป็นหนึ่งเดียว และการมีน้ำใจ
...อันที่จริง ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ก้องภพเป็นคนแอนตี้ระบบ SOTUS เขารู้สึกว่าการจะทำให้ใครสักคนเคารพ ไม่จำเป็นต้องใช้การบีบบังคับ หรือสร้างความกลัวให้เกิดการเชื่อฟัง รวมทั้งระบบการว้ากน้อง ที่ฝึกหนักทำเหมือนพวกเขาเป็นทหารเกณฑ์ และยังใช้คำพูดต่าง ๆ นานา กดดันสร้างสถานการณ์ จนร่างกายบางคนรับไม่ไหว
แต่ท่ามกลางผลเสียมันก็ยังมีผลดีที่เขา ๆ ค่อยเรียนรู้ อย่างน้อยระบบ SOTUS ก็ทำให้เขาได้เพื่อนใหม่ ได้เห็นถึงความสามัคคี และสปิริตของกลุ่มรุ่นตัวเอง และทุกครั้งที่เขาพิสูจน์ให้รุ่นพี่ทุกคนยอมรับได้ เขาก็รู้สึกภูมิใจในศักดิ์ศรีของคณะวิศวะจากใจจริง
ก้องภพจึงเข้าร่วมการประชุมเชียร์ทุกครั้งไม่เคยขาด แม้รู้ว่าตัวเองต้องโดนเพ่งเล็งเป็นพิเศษ เพราะวันแรก ๆ นั้นในใจเขายังต่อต้านระบบ SOTUS จนโพล่งกวนออกไปโดยไม่ทันคิด เลยกลายเป็นว่าเขาไปทำให้พี่ว้ากเสียหน้า จนต้องถูกทำโทษหนักกว่าคนอื่น
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขายังสงสัย นั่นคือเขารู้สึกว่า เฮดว้ากมักจะมองมาทางเขาบ่อย ๆ ด้วยสายตาไม่พอใจ ทั้ง ๆ ที่เขายังไม่ได้ทำอะไรผิด ซึ่งเขาเองก็มองตอบกลับไปโดยไม่เคยหลบ กระทั่งคนมองต้องเป็นฝ่ายหันหน้าหนีไปเอง ก่อนจะตามมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด และคำสั่งลงโทษเด็กปีหนึ่งหนักกว่าเดิมแบบไม่มีสาเหตุ
หากก้องภพก็ไม่มีสิทธิ์คัดค้านใด ๆ แม้จะยังไม่เข้าใจ แต่เขาก็ต้องก้มหน้าทำตามคำสั่งต่อไปจนจบ
18 : 00ก้องภพเลิกประชุมเชียร์
มีเพื่อนบ้าพลังบางคนลากเขาไปเตะบอลต่อ เขาเลยต้องตามไปเล่นด้วย ทั้ง ๆ ที่ร่างกายก็เหนื่อยจากการโดนทำโทษ ทว่าก็ยังทนเล่นไปได้จนจบเกมส์สั้น ๆ เหงื่อเปียกท่วมเต็มหลังเหมือนคนเพิ่งตกน้ำ แต่เขาไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะอย่างน้อยก็ถือซะว่าเป็นการออกกำลังกายให้สุขภาพแข็งแรง และให้ทนทานต่อการลงโทษของพี่ว้ากในครั้งต่อไป
หลังจากนั้นก้องภพจึงขี่มอเตอร์ไซต์กลับหอ ไม่ลืมแวะเช่าหนังร้านประจำติดมาสักสองสามเรื่อง พอถึงห้องก็จัดแจงถอดเสื้อเชียร์ไปแช่ เตรียมซัก เพราะเขาต้องใส่เสื้อตัวนี้วันเว้นวัน แล้วเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นธรรมดา เพื่อลงมาหาของใส่กระเพาะตัวเอง
19 : 30 ก้องภพกินข้าวมื้อเย็น
อยู่ในร้านอาหารข้าง ๆ หอพัก รสชาติดี ราคาถูก เขาเลยชอบแวะมากินประจำ มีคนมานั่งกินบ้างประปรายบ้าง ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษามหาลัยเดียวกับเขา เขาจึงเดินไปเลือกนั่งโต๊ะด้านใน สั่งเมนูข้าวหมูทอดกระเทียมง่าย ๆ เพราะตัวเองไม่ค่อยชอบทานเผ็ด แต่พออาหารมาเสิร์ฟตักกินไปเพียงแค่สามคำ เสียงบางเสียงจากหน้าร้านก็กลับดึงดูดความสนใจ
“วันนี้มีอะไรเด็ด ๆ บ้างครับป้า”
เสียงคุ้นเคยทำให้ก้องภพเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะรีบก้มหน้าลงไปอีกครั้ง เมื่อเห็นชัดว่าคนพูดคือคนคนเดียวกับที่สั่งทำโทษเขาเมื่อเย็น ...เฮดว้ากอาทิตย์!
ดูเหมือนเจ้าตัวจะยังไม่เห็นว่าเขานั่งอยู่ในร้าน เพราะยังคงพูดด้วยท่าทางสบาย ๆ ต่อบทสนทนาของป้า โดยมีเขาเงี่ยหูฟัง
“อ้าว...แล้วเราอยากกินอะไรล่ะ”
“อะไรก็ได้ครับป้า ผมเชื่อฝีมือป้าอยู่แล้วว่าอร่อยทุกจาน ป้าเลือกมาให้ผมเลย”
“งั้นเอาสปาเก็ตตี้ผัดมั้ย”
“โห...เดี๋ยวนี้อินเตอร์กับเขาด้วยเหรอเนี่ย ไม่เบา ๆ งั้นจัดให้ผมที่หนึ่งเลยครับป้า เอาใส่กล่องนะ ผมจะเอาขึ้นไปกินบนหอ เดี๋ยวผมไปสั่งน้ำแป๊บหนึ่ง แล้วค่อยกลับมาเอานะครับ”
คนพูดสั่งยาวรวดเดียว แล้วค่อยเดินออกไปยังร้านขายน้ำข้าง ๆ สักพักถึงค่อยถือแก้วนมเย็นสีชมพู ยืนดูดไปพลาง รอสปาเก็ตตี้ผัดใส่กล่องจนเสร็จ แล้วถามหาราคา
“เท่าไรครับป้า สามสิบห้าเหรอครับ ผมให้สี่สิบเลย ทิป ๆ ไว้งวดหน้าป้าจะได้แถมให้ผมเยอะ ๆ”
เสียงกลั้วหัวเราะพร้อมกับท่าทีติดทะเล้นนิด ๆ อย่างหาได้ยากตามปกติ ทำให้ก้องภพต้องเผลอมองอย่างลืมตัว ก่อนจะสะดุ้งรีบก้มหน้าหลบวูบ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกคนอาจเห็นเขา
แต่ก็ยังดีที่โชคเข้าข้าง เพราะเฮดว้ากแค่รับถุงใส่กล่องข้าว แล้วเดินหิ้วจากไป ปล่อยให้ก้องภพถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ได้โดนลงโทษอะไร ทั้งยังช่วยทำให้เขารู้เพิ่มเติมมากขึ้นอีกว่า เฮดว้ากพูดกับคนอื่นเป็นปกติได้ แถมยังน่าฟัง ไม่เหมือนที่คอยตะคอกตะโกนดุใส่น้อง ๆ ปีหนึ่งกลางสนาม
และอีกข้อหนึ่งที่ทำให้เขารู้...ก้องภพคิดว่าเฮดว้ากคงจะชอบกินนมเย็นจริง ๆ
19 : 45 ก้องภพทำการบ้าน
จัดการเคลียร์งานจนเสร็จ แล้วถึงค่อยเลือกแผ่นหนังที่เช่ามาเปิดดู ทั้ง ๆ ที่จะโหลตบิตเอาก็ได้ แต่เขาเลือกสนับสนุนของถูกลิขสิทธิ์ ถ้าชอบใจก็มีไปซื้อมาเก็บไว้เอง โดยเฉพาะพวกหนังนอกกระแสที่หาโหลดยาก
อีกอย่างหนึ่ง คือเขาชอบดูกับจอโทรทัศน์มากกว่าในคอมพิวเตอร์ เพราะมันให้ภาพละเอียดเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในโรงหนัง เวลามีหนังใหม่ ๆ เข้าฉาย เขาก็มักไปดูในโรงเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว บางครั้งก็ไปกับเพื่อน บางครั้งก็ไปคนเดียว เรียกว่าเขาติดหนังมากกว่าละครไทยเสียอีก และเขาจะชอบใช้สมาธิจดจ่ออยู่กับหนังโดยไม่สนใจใคร ปล่อยเวลาให้ตัวเองอยู่กับหนังเต็มที่ตลอดสองชั่วโมง
21 : 30 ก้องภพดูหนังจบ
เขายืดตัวคลายความเมื่อย ไล่ตัวเองไปอาบน้ำ แปรงฟัน เสร็จเรียบร้อย กำลังเดินเอาผ้าเช็ดตัวไปตากที่ระเบียง แต่แล้วอยู่ ๆ ประตูกระจกระเบียงจากหอฝั่งตรงข้ามเขาก็เลื่อนเปิด พร้อมกับที่ใครบางคนเดินออกมา
ก้องภพรีบหันหลังกลับเข้าห้องของตัวเองทันควัน ก่อนจะแง้มรอยผ้าม่าน ลอบสังเกตคนคนหนึ่ง...เป็นคนเดิมที่เขาเพิ่งเจอที่ร้านขายข้าว แต่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังเดินถือตะกร้าผ้าออกมาตากอยู่ที่ระเบียงหอฝั่งตรงข้ามเขา
...ใช่...ก้องภพรู้มาได้พักใหญ่ ๆ แล้วว่า เฮดว้ากอาทิตย์ อยู่หอห่างจากเขาแค่สิบห้าเมตร แล้วที่บังเอิญไปมากกว่านั้น คือพวกเขาทั้งคู่อยู่ชั้นหกเหมือนกัน และยังอยู่ห้องที่มีระเบียงตรงข้ามกันอีกด้วย
เขาเจอตอนที่อีกฝ่ายกำลังเอาผ้ามาตากอยู่ที่ระเบียงเหมือนกับครั้งนี้ ทีแรกที่เห็นก็ไม่มั่นใจ แต่เมื่อเพ่งมองชัด ๆ ก็คิดว่าคงจะเป็นตัวจริงไม่ผิดแน่ เลยทำให้เขาต้องรีบหลบออกมาก่อนจะเฮดว้ากจะรู้ความจริง แล้วถึงค่อยมาแอบลอบมองจากในห้องของตัวเอง
ก้องภพไม่ได้เป็นโรคจิตหรือสตอล์กเกอร์แต่ประการใด เหตุผลที่เขามาค่อยส่งดูพฤติกรรมของพี่ว้าก ก็เพราะมันมีมุมบางอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ดูอย่างตอนนี้... คนที่ไหนเขาจะซักผ้า แล้วเอาตากตอนสามทุ่มบ้าง แถมยังก้มหน้าก้มตาทำอย่างขะมักเขม้นจริงจัง เขาเห็นเจ้าตัวสะบัดผมที่ปรกหน้าลงมาอย่างหงุดหงิดทุกครั้งที่ก้มลงหยิบผ้า และคงจะทนไม่ไหวจนสุดท้ายต้องเดินกลับเข้าห้อง ก่อนออกมาพร้อมผมที่มัดไว้ด้านหลังลวก ๆ เป็นจุก ส่วนผมด้านหน้าที่เก็บไม่หมด ก็เอาที่หนีบผ้าขึ้นมาหนีบเสยหน้าผากเอาไว้ แล้วถึงค่อยก้มหยิบผ้ามาตากต่ออย่างสบายใจ
แต่พอตากผ้าไปเรื่อย ๆ ที่หนีบผ้าดันไม่พอ จนต้องดึงเอาจากที่ติดผมของตัวเอง ทว่ายิ่งดึงผมกลับเข้าไปพันตัวหนีบจนเอาไม่ออก
ก้องภพหลุดขำเบา ๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายแสดงอาการฟึดฟัดอย่างหงุดหงิด พยายามค่อย ๆ แกะผมของตัวเองให้ออกจากที่หนีบผ้า จนสุดท้ายก็ดึงออกมาได้ เจ้าตัวดูมีท่าทีภูมิใจกับชัยชนะเล็กน้อย ก่อนจะตากผ้าต่อจนเสร็จ แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องอย่างอารมณ์ดี
โดยไม่รู้สักนิดว่า...ตลอดการกระทำของตัวเองมีสายตาของก้องภพจ้องมองอยู่ด้วยรอยยิ้ม
22 : 30 ก้องภพเข้านอน
...หัวถึงหมอน แต่ตาไม่หลับ
พลิกตัวไปมาเป็นชั่วโมงก็ยังไม่ง่วง อาจเป็นเพราะฤทธิ์กาแฟที่กินเมื่อตอนเย็น หรือเพราะเหตุผลอื่น ๆ ก็ไม่แน่ใจ
มองนาฬิกาบอกเวลา
23 : 30 เขาตัดสินใจลุกจากเตียง เปิดลิ้นชักตรงโต๊ะ หยิบมาโบโรมินต์กับไฟแช็ก เดินออกมานอกระเบียง แล้วจุดไฟบุหรี่สูดเข้าเต็มปอดก่อนปล่อยให้ควันสีเทาลอยอ่อยอิ่งในอากาศ
ก้องภพทำหมด ทั้งกินเหล้า สูบบุหรี่ แต่ก็เพื่อเข้าสังคม หรือเวลาอยากผ่อนคลายความเครียดถึงจะหยิบขึ้นมาสูบสักที เขารู้ว่ามันไม่ได้ดีต่อร่างกายตัวเองหรอก แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยทำให้เขาลดความฟุ้งซ่านไปได้บ้าง
เขาทอดสานตามองไปยังห้องฝั่งตรงข้าม แสงไฟในห้องบ่งบอกว่าเจ้าของคนยังไม่เข้านอน เขาอยากรู้ว่าอีกฝ่ายทำอะไรอยู่ ทำรายงาน ดูหนัง เล่นเน็ต คุยโทรศัพท์กับแฟน...
คำคาดเดาประโยคหลังทำให้ก้องภพรู้สึกหน่วงใจขึ้นมาแปลก ๆ จนต้องสูดบุหรี่เข้าไปเฮือกใหญ่ ...ทำไมเขาจะต้องสนใจว่าใครคนนั้นจะมีแฟนรึเปล่า หรือบางทีเขาอาจจะเหงาเกินไปเลยคิดอะไรบ้าบอขึ้นมาก็ได้
หากไม่ทันสงสัยไปมากกว่านั้น เสียงประตูระเบียงหอตรงข้ามกลับเลื่อนเปิดออก พร้อมร่างของใครบางคนเดินออกมา ก้องภพรีบย่อตัวหลบอัตโนมัติทันที ก่อนจะค่อย ๆ โผล่หน้าจากขอบระเบียงขึ้นมองโดยอาศัยความมืดอำพราง
...จากตรงนี้ ...เขาเห็นอีกฝ่ายเอาผ้าเช็ดตัวมาตาก ผมลู่เปียกน้ำเหมือนคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จหมาด ๆ ปากพึมพำอะไรบางอย่างงุ๊งงิ๊งอย่างอารมณ์ดี เขาได้ยินคล้ายเสียงเพลงแว่วลอยเบา ๆ มาตามลม หลังจากนั้นเจ้าตัวจึงเดินกลับเข้าไปในห้อง ไม่นานแสงไฟจากหลังผ้าม่านก็ดับสนิทลง
ก้องภพถึงค่อยยืดตัวขึ้นเต็มความสูง มองข้ามไปยังห้องที่มีเพียงความมืด
...ก็เพราะแบบนี้ไง เขาถึงไม่กล้าบอกกับอีกคนว่าตัวเองอยู่ห้องฝั่งตรงข้าม เพราะมันจะทำให้เขาพลาดโอกาสที่จะเห็นท่าทางโดยธรรมชาติจริง ๆ ของเฮดว้าก ซึ่งตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับที่แสดงให้น้องปีหนึ่งดูตอนเข้าประชุมเชียร์
...นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ก้องภพไม่เคยกลัวเฮดว้ากเลยสักครั้ง และเขาสาบานว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวเป็นความลับไม่ยอมบอกใครโดยเด็ดขาด
ก้องภพขยี้ดับบุหรี่กับขอบระเบียง ทิ้งก้นบุหรี่ลงถังขยะ ก่อนจะเดินเข้าห้องไปล้มตัวลงนอน เริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมาบ้าง ทว่าก่อนหลับตาลง เขากลับนึกถึงคนที่อยู่ระเบียงฝั่งหอตรงข้าม
...ป่านนี้คนคนนั้นคงหลับไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงหวังให้คำคำนี้ส่งไปถึง เป็นข้อความสุดท้ายในค่ำคืนนี้
24 : 00 ...หลับฝันดีนะครับ พี่อาทิตย์
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
END
ตอนพิเศษของก้องภพมาแล้วจ้า! พอจะเห็นมุมมองความคิดของก้องภพกันบ้างมั้ย
แล้วยังเฉลยสาเหตุด้วยว่า ทำไมก้องภพถึงไม่ค่อยกลัวพี่อาทิตย์ ยอมให้เป็นทาสในเรือนเบี้ยตลอด
นั่นก็เพราะก้องภพรู้อยู่ความลับทุกอย่างของอาทิตย์หมดแล้ว ไอ้ที่เก๊ก ๆ ไว้เลยไม่ได้ผล ฮ่าๆ
ตอนหน้าจะกลับสู่โหมดปกติแล้วนะคะ ใครคิดถึงบรรยากาศรับน้องเดี๋ยวเจอกัน
ป.ล. ใครอยากฟินเพิ่ม กระซิบแถมว่ามีโดจินของเรื่องนี้ ตามไปที่หน้าแฟนเพจเลยจ้า
https://www.facebook.com/BittersweetBoyslove
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
BitterSweet