SOTUS : พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง
กฎของปีหนึ่งข้อที่ 11 : ไม่มีสิทธิยุ่งเรื่องของพี่ว้าก
“…44!…45!…46!…47!...”
“หยุด!! ยังไม่พร้อม! ผมสั่งให้พวกคุณลุกนั่งตั้งแต่ต้นเทอมมากี่ครั้งแล้ว คุณยังทำดีได้แค่นี่เองเหรอครับ! ไม่ได้เรื่อง! ไม่พัฒนาขึ้นเลย ไปเริ่มใหม่ ปฏิบัติ!!”
ประโยคคำสั่งแบบเดิม ๆ ที่บรรดาปีหนึ่งฟังกันจนชินหูและชินชา กับการต้องมาเริ่มกอดคอลุกนั่งใหม่ทั้ง ๆ ที่ใกล้จะครบ 50 ครั้งตามจำนวน แต่ก็ต้องโดนพี่ว้ากหาเรื่องตำหนิ แล้วก็สั่งให้ไปเริ่มต้นใหม่วนลูปไม่จบสิ้นจนกว่าพี่ว้ากจะพึงพอใจ ซึ่งตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับความเหนื่อยหน่ายใจของปีหนึ่ง
...นึกว่าจบงานเฟรชชี่เกมส์แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น เพราะวิศวะอุตส่าห์ทำฟอร์มได้ยอดเยี่ยม ทั้งชนะรวดทุกกีฬาและยังสามารถคว้ารางวัลดาวเดือนมหาวิทยาลัยได้อีก บรรดาเฟรชชี่เลยได้แต่หวังเล็ก ๆ ว่าพี่ว้ากน่าจะเห็นใจยอมรับในสปิริตที่พวกปีหนึ่งพิสูจน์ให้เห็นบ้าง
...แต่สุดท้ายพี่ว้ากก็ยังคงเป็นพี่ว้าก ผู้รักษาความโหดดุจเกลือรักษาความเค็ม เป็นปีศาจบ้าอำนาจในสายตาของน้อง ๆ แถมยิ่งทวีความน่ากลัวเข้าไปอีก อาจเพราะเหลืออีกแค่หนึ่งอาทิตย์ก็ถึงวันชิงรุ่นและปิดประชุมเชียร์แล้ว พี่ว้ากเลยต้องขอไว้ลายทิ้งท้ายเสียหน่อยเดี๋ยวไม่สมคอนเซปต์ และคนที่ซวยก็คงไม่พ้นปีหนึ่งซึ่งต้องมาก้มหน้ารับเคราะห์กรรมกันไป
คนถูกสั่งจึงเตรียมตัวกอดคอเพื่อลุกนั่งกันใหม่ หากยังไม่ทันเริ่มนับ ประตูห้องประชุมเชียร์กลับเปิดออก ก่อนผู้ชายห้าหกคนเดินเข้ามาในห้องประหนึ่งศิลปินบอยแบนด์ ทว่าออร่าแลดูโหดดิบเถื่อน ถึงจะไม่ค่อยคุ้นหน้า แต่จากท่าทางคงเป็นพี่วิศวะภาควิชาปีสี่ เพราะทันทีที่พี่ว้ากหันไปเห็นผู้มาเยือนก็รีบพร้อมใจกันยืนตัวตรง ยกมือไหว้พูดแสดงความเคารพเสียงดัง
“สวัสดีครับ!”
คนฟังพยักหน้ารับ เดินก้าวมายังพื้นที่ตรงกลางด้านหน้า ซึ่งพี่ว้ากต่างรีบหลีกทางให้พลางพูดแนะนำ
“ปีหนึ่งนี่คือพี่ปีสี่ของพวกคุณ ทั้งหมดทำความเคารพ!”
เสียงสวัสดีดังพร้อมกันทั้งห้องประชุมเชียร์ ก่อนจะมีคำสั่งให้ปีหนึ่งนั่งลงให้เรียบร้อย เตรียมรอฟังรุ่นใหญ่ที่ตอนนี้กลายเป็นคนควบคุมอำนาจโดยสมบูรณ์ใจระทึก ด้วยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาด้วยจุดประสงค์อะไร เพราะขนาดแค่พี่ปีสามยังโหดขนาดนี้ แล้วพี่ปีแก่กว่าจะโหดขนาดไหน ขืนสั่งลงโทษอีกพวกปีหนึ่งอีก คงสลบตายไม่ต้องฟื้นกันพอดี
คนนั่งรอแทบหยุดหายใจ ลุ้นไปกับคำสั่งที่จะมีขึ้น กระนั้นทุกอย่างกลับตรงกันข้าม
“ปีหนึ่งพวกคุณทำได้ดีมากในเฟรชชี่เกมส์ ผมขอชื่นชม”
...ไม่ใช่คำด่า แต่เป็นคำชม
ปีหนึ่งพากันมองหน้ากันเลิกลั่กอย่างงง ๆ เพราะน้อยครั้งมากที่จะได้รับการประเมินผลแบบดี ๆ ส่วนใหญ่อยู่กับพี่ว้ากมีแต่คำกดดันหรือประชนกันทางอ้อมให้เจ็บช้ำจนชักจะด้านชา และทำอะไรคืนก็ไม่ได้ ด้วยมันเป็นสิทธิของรุ่นพี่ ตามกฎที่ทุกคนต้องยอมรับว่า ‘มาก่อนเป็นพี่...มาที่หลังเป็นน้อง...มาพร้อมเป็นเพื่อน’ ดังนั้น คนมาที่หลังจึงต้องเชื่อฟังและเคารพคนมาก่อน เช่นเดียวกับคนที่จะคุมพี่ปีสามได้ก็ต้องเป็นรุ่นพี่เหมือนกัน
พวกพี่ปีสีจึงเปลี่ยนทิศหันมาหาบรรดาพี่ว้าก ซึ่งยืนตัวตรงเรียงแถวหน้ากระดานนิ่งเงียบกริบ
“ส่วนพวกคุณปีสามที่สั่งลงโทษน้อง ผมชักไม่แน่ใจว่าพวกคุณทำได้ดีเท่าพวกปีหนึ่งรึเปล่า เพราะมีคนแจ้งผมมาว่า พวกคุณลงโทษรุ่นน้องไม่เหมาะสม ทั้งให้วิ่งจัดแถวหลายรอบ ลุกนั่ง สก๊อตจั้ม วิดพื้น แล้วยังสั่งให้วิ่งรอบสนาม 54 รอบด้วย”
ก้องภพรีบเงยหน้ามามองหลังฟังคำสุดท้าย อันเป็นบทลงโทษที่เขาโดนจากการปีนเกลียวพี่ว้าก ยังไม่นับการนั่งแยกแถวและการถูกสั่งให้ทำโทษเป็นสองเท่ามากกว่าเพื่อน ๆ ด้วยสาเหตุที่เขาไม่มีป้ายชื่อ แต่พักหลัง ๆ เขาก็ไม่ได้ถูกคุมเข้มมากเท่าไรแล้ว เพราะเขาไม่กล้าลุกขึ้นมาเสนอตัวเป็นฮีโร่อีก ตามที่เฮดว้ากอาทิตย์เคยอธิบายเหตุผลและตักเตือนเอาไว้ คนคุมจึงเริ่มผ่อนปรนให้เขาไปนั่งรวมกับเพื่อนได้ และไม่ต้องโดนทำโทษคูณสอง
แต่แม้เรื่องทั้งหมดจะผ่านไปนาน ถึงอย่างไรบทลงโทษที่เคยลั่นวาจาไว้ก็ไม่เปลี่ยน และพวกปีหนึ่งเองก็ยังจำได้ดีว่าคนที่ออกคำสั่งไร้ความปราณีคนนั้นคือใคร
“ใครเป็นเฮดว้าก”
“ผมครับ!”
อาทิตย์ก้าวนำขึ้นมา ยืนรักษาระเบียบพักด้วยสีหน้านิ่งไม่หวาดหวั่น สมตำแหน่งหัวหน้าของพี่ว้าก รอฟังคำถามด้วยน้ำเสียงซีเรียสจากพี่ปีสี่
“ไหนคุณบอกเหตุผลให้ฟังหน่อยสิว่าทำไมพวกคุณถึงลงโทษปีหนึ่ง”
“ผมทำโทษปีหนึ่งเพื่อให้พวกเขารักษาระเบียบวินัยครับ!”
คำตอบขึงขังชัดเจน และเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ดีกันอยู่แล้ว แต่หลายครั้งก็ยังมีบางคนกังขาว่าทำไมจะต้องใช้วิธีการลงโทษด้วย แถมทำเท่าไรก็ไม่เคยพอใจ จนบางทีก็รู้สึกเหมือนว่าพี่ว้ากแค่กำลังแกล้งเล่นเพื่อความสะใจมากกว่าจะให้รุ่นน้องมีระเบียบวินัยจริง ๆ ประเด็นที่ยกขึ้นมาพูดกลางที่ประชุมนี้ จึงคล้ายเป็นหัวข้อสำคัญในความอยากรู้ของปีหนึ่งซึ่งเงี่ยหูตั้งใจฟังบทสนทนา
“ถ้าอย่างนั้นในฐานะที่พวกคุณเป็นคนคุมระเบียบ ก็ต้องสามารถรับโทษทั้งหมดที่คุณเป็นคนออกคำสั่งได้ใช่มั้ย”
“ได้ครับ!”
“งั้นพวกคุณช่วยแสดงเป็นตัวอย่างให้พวกผมและรุ่นน้องดูที”
สิ้นคำขอ เฮดว้ากหมุนตัวหันกลับมาหาเพื่อนที่ยืนรอฟังพร้อมหน้า ก่อนเอ่ยบทลงโทษที่ทำให้ต้องตะลึง
“พี่ว้ากทุกคนฟังคำสั่ง ผมจะให้พวกคุณลุกนั่ง 500 วิดพื้น 500 สก็อตจั้ม 500 ส่วนผมที่เป็นเฮดว้ากจะรับผิดชอบทำทั้งหมดเสร็จแล้วจะออกไปวิ่งรอบสนามอีก 54 รอบด้วย ปฏิบัติ!!"
“รับทราบ!!”
เสียงตะโกนดังก้องพร้อมเพรียง อย่างคนแสดงความเต็มใจยอมรับการออกคำสั่งลงโทษตัวเอง แล้วพี่ว้ากจึงยืนเรียงแถวกอดคอลุกนั่งพลางนับเลขเสียงดัง ด้วยจำนวนหนักหนากว่าที่เคยสั่งพวกปีหนึ่งหลายเท่าแบบเทียบไม่ติด ท่ามกลางสายตาของพวกปีหนึ่งที่มองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความนิ่งอึ้ง
บางคนอาจจะรู้สึกสะใจเหมือนได้แก้แค้นคืนที่เห็นพี่ว้ากโดนสิ่งที่ตัวเองเคยโดน แต่โดยส่วนมากแล้วไม่มีใครมานั่งยิ้มอยู่ได้เมื่อเห็นคนถูกทำโทษ แม้คนคนนั้นจะเคยทำให้ต้องหงุดหงิดไม่พอใจกันมาก่อน เพราะลึก ๆ พวกเขาต่างรู้ดีว่าเหตุผลที่พวกพี่ว้ากทำไปทั้งหมด มันเป็นส่วนหนึ่งในระบบโซตัส ทั้งเวลาที่ปีหนึ่งมีปัญหา พี่ว้ากเองก็จะเป็นคนแรกที่เข้าไปช่วยจัดการเคลียร์เรื่อง และยังเป็นแรงกระตุ้นสำคัญให้พวกเขาทำอะไรหลาย ๆ อย่างจนสำเร็จ
...มันอาจฟังดูคล้ายคำโม้ แต่นี่คือเรื่องจริงที่ต้องยอมรับว่า... ‘ความภาคภูมิใจของปีหนึ่งล้วนเกิดขึ้นมาได้เพราะพี่ว้าก’
เฟรชชี่หลายคนจึงเริ่มพากันนั่งไม่สุข รู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศการทำโทษ ก้องภพเองอยากจะยกมือขออนุญาตออกรับแทน แต่ก็กลัวจะก่อเรื่องซ้ำ เพราะมีพี่ปีสี่อยู่ด้วย ขืนพูดไปสถานการณ์อาจเลวร้ายหนักกว่าเดิม และเขามั่นใจว่ายังไงพี่ว้ากก็จะไม่มีทางยอมให้พวกปีหนึ่งมาทำแทนแน่ ๆ
พวกเขาเลยต้องนั่งอดทนดูการทำโทษไปเรื่อย ๆ กว่าจะถูกปล่อยก็จนกว่าพี่ว้ากทำโทษครบทุกอย่าง ถึงพี่ว้ากจะดูแข็งแรงจากการฝึกมาก่อนหน้านี้ แต่โดนให้วิดพื้น ลุกนั่ง สก็อตจั๊มติดต่อกันก็ต้องมีล้าให้เห็น แม้จะพยายามเก็บอาการมากแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถปกปิดรอยเหงื่อชื้น และเสียงหอบเหนื่อยเหมือนคนหมดแรงได้
ไม่เว้นกระทั่งเฮดว้ากอาทิตย์ ทว่าเจ้าตัวก็ยังฝืนเดินออกไปห้องประเชียร์ เพราะยังเหลืออีกหนึ่งบทลงโทษซึ่งต้องปฏิบัติตาม นั่นคือการวิ่งรอบสนามอีก 54 รอบ
ก้องภพเตรียมลุกขึ้นหลังเลิกประชุม ใจอยากจะตามไปดูด้วย หากยังไม่ทันพ้นห้องเชียร์ เสียงเพื่อนสนิทกลับเรียกรั้งไว้
“ก้องจะไปไหนวะ”
“จะไปดูพี่อาทิตย์เขาวิ่ง”
“เฮ้ย พี่เขาจะวิ่งจริง ๆ เหรอ มึงเองยังวิ่งไม่ครบเลยนี่หว่า”
เอ็มทักไปตามความจริง และนั่นก็เป็นสิ่งที่ก้องภพคิดอยู่บ้างเหมือนกัน
...อันที่จริงแล้ว ก้องภพไม่ได้วิ่ง 54 รอบจนครบหรอก เขาวิ่งไปแค่หกเจ็ดรอบ พอเลิกว้ากพี่พยาบาลก็สั่งให้เข้ามานั่งพักกับเพื่อน ๆ แล้ว เพราะถ้าขืนวิ่งครบรอบสนามฟุตบอลถึงขนาดนั้น เขาคงโดนหามไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาลแน่ ๆ และพวกพี่เองก็อาจจะถูกเพ่งเล็งด้วย เลยต้องพยายามเซฟน้องปีหนึ่งไว้ก่อน แต่ขนาดวิ่งไม่กี่รอบตื่นเช้ามายังปวดขาแทบแย่ เฮดว้ากอาทิตย์ที่เพิ่งเสร็จจากการทำโทษเป็นพัน คงต้องล้ามากกว่าเขาอย่างไม่ต้องสงสัย เขาเลยไม่แน่ใจว่าคนออกไปวิ่งจะมีแรงเหลือพอทำได้ตามที่พูดมั้ย
“ไปกินข้าวกันเถอะว่ะ จะได้กลับไปทำรายงานอิงค์ พรุ่งนี้มีควิซแคลด้วย”
เอ็มเตือนภาระงานที่ต้องสะสางให้เสร็จภายในคืนนี้ ยิ่งสร้างความลังเลให้กับก้องภพ เขามองนาฬิกาบอกเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว กว่าจะกินข้าว ทำรายงาน อ่านหนังสือเสร็จก็คงต้องใช้เวลาอีกนาน และถึงจะตามไปดูพี่อาทิตย์จริง เขาก็คงทำได้แค่ยืนดูเฉย ๆ เพราะไม่สามารถลงไปช่วยอะไรได้
สุดท้ายก้องภพจึงปล่อยเลยตามเลย เขาไปกินข้าวพร้อมเอ็มกับเพื่อนคนอื่น แล้วค่อยขี่มอเตอร์ไซต์กลับหอ มานั่งพิมพ์รายงานภาษาอังกฤษจนเสร็จ แล้วเซฟลงมาปรินท์ที่ร้านถ่ายเอกสารข้างล่าง หลังจากนั้นก็ต้องขึ้นไปอ่านหนังสือเตรียมสอบเก็บคะแนนย่อยแคลคูลัสพรุ่งนี้เช้า
แต่นั่งอ่านไปแค่ครึ่งเดียว เจอตัวเลขโจมตีมาก ๆ เข้าก็ชักจะง่วงตาปรือ มองนาฬิกาอีกทีใกล้สามทุ่มแล้ว ถ้าได้กาแฟกระป๋องสักหน่อยคงอาจพอโด๊ปให้สู้ต่อได้ ก้องภพบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยล้า เผลอเหลือบตามองผ่านกระจกระเบียงที่เริ่มภายนอกมีหยาดฝนโปรยลงมาเป็นสาย อ้าว...แล้วนี่ฝนตกตั้งแต่เมื่อไร อ่านหนังสือเพลินจนไม่รู้ตัวเลย
ก้องภพเลยคว้าร่มติดมือ ออกจากห้องลงลิฟต์มาด้านล่าง ตั้งใจจะเข้าเซเว่นที่อยู่ใกล้ๆ หอ หาซื้อขนมอะไรมากินแก้ง่วง เขาเดินกางร่มฝ่าสายฝนที่เริ่มทวีความหนักขึ้น จนถึงเซเว่นซึ่งมีคนยืนออเพราะหลบฝนกันอยู่ หากยังไม่ทันก้าวเข้าไปก็ต้องหลีกทางให้มอเตอร์ไซต์คันหนึ่งที่แล่นมาจอดเทียบฟุตบาทอย่างเร็ว พร้อมกับนักศึกษาผู้หญิงสองคนที่ตัวเปียกโชก รีบวิ่งขึ้นมาอาศัยหลบฝนพลางบ่นกระปอดกระแปด
“โอยย...อะไรเนี่ยอยู่ ๆ ฝนก็ตก”
“นั่นอ่ะดิ เมื่อกี๊ยังไม่ตกแรงขนาดนี้เลย อีกนิดเดียวก็ถึงหออยู่แล้ว หรือเราจะเดินเลาะกลับไปดี”
“จะบ้าเหรอแก! ไม่เอาด้วยหรอก เดี๋ยวก็ซาแล้วมั้ง เอ๊ะ! แต่เมื่อกี๊ตอนฉันนั่งมอไซต์ผ่านยังเห็นมีคนวิ่งกลางฝนในสนามฟุตบอลอยู่เลยอ่ะ”
“เฮ้ย! แกตาฝาดเปล่า มันจะมีคนวิ่งในสนามตอนนี้ได้ยังไง”
“ไม่รู้อ่ะ อาจไม่ใช่ก็ได้มั้ง มันมืด ๆ ฉันมองไม่ค่อยชัด”
ก้องภพหยุดชะงักในบทสนทนาที่ลอยผ่านหูอย่างไม่ตั้งใจ แต่ข้อความเหล่านั้นกลับสะกิดให้ต้องนึกถึงใครบางคน
...วิ่งกลางฝนในสนามฟุตบอลตอนนี้
หรือว่าจะเป็น...
คำตอบเดียวที่ผุดขึ้นในห้วงความคิด ทำให้คนจะมาซื้อกาแฟลืมจุดหมายไปหมดสิ้น เขารีบวิ่งกลับหอจับมอเตอร์ไซต์ตัวเองกางร่มขี่เข้าไปในมหาลัย ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นอาจตาฝาดจริง ๆ รึเปล่า แต่เขาก็อยากพิสูจน์ให้เห็นชัด ๆ จนแน่ใจ
ก้องภพจอดมอเตอร์ไซต์ตัวเองใกล้ ๆ สนามฟุตบอล แล้วรีบเดินมาหยุดมองในสนามซึ่งยังมีไฟเปิดสว่างเป็นบางดวง แต่เพราะฝนตกหนักจึงทำให้ทัศนียภาพค่อนข้างย่ำแย่ จนแทบมองอะไรไม่ค่อยเห็น รวมทั้งเงาของคนที่กำลังวิ่งอยู่ด้วย
...หรือจะไม่ใช่เรื่องจริง
...นั่นสิใครมันจะมาวิ่ง ดึกขนาดนี้แล้ว แถมฝนตกหนักด้วย แค่คิดว่ามันอาจเป็นไปได้ก็ใจร้อนรีบมาหา หึ ...เขาคงบ้ากันไปใหญ่แล้วมั้ง ไอ้ก้องภพ!
คนตำหนิตัวเองถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย หันหลังเตรียมกลับหอ ถ้าไม่ใช่เพราะมีเสียงบางเสียงดึงเขาเอาไว้ให้ต้องหยุดอยู่กับที่
...มันเป็นเสียงเบา ๆ จากที่ไกล ๆ แม้จะดังแทรกผ่านสายฝน แต่เขาเดาได้ทันทีว่านั่นคือเสียงฝีเท้าซึ่งกำลังวิ่งกระทบกับพื้นสนาม โดยมีเจ้าของเป็นคนเดียวกับที่ตามหา…
ก้องภพรีบก้าวไปหาใครคนนั้นโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด แล้วก็แทบหยุดหายใจเมื่อเห็นสภาพของเฮดว้าก
...ทุกส่วนในร่างกายนั้นเปียกโชกเหมือนคนตกน้ำ ทั้งทรงผม กางเกงยีนส์ เสื้อยืดคอกลมสีดำเครื่องแบบประจำตัวของพี่ว้าก แต่ที่แย่ที่สุดคงเป็นใบหน้าซึ่งแสดงความอิดโรยจากการวิ่งติดต่อกันมานาน
“พี่อาทิตย์ครับ! ฝนตกแล้ว หยุดวิ่งเถอะครับ!”
ก้องภพรีบกางร่มบังฝนให้อีกคน ทำให้ตัวเขาเองเป็นฝ่ายโดนฝนสาดใส่เต็ม ๆ ทว่าตอนนี้เขาไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เพราะมันเทียบกันไม่ได้กับความเหน็ดเหนื่อยของเฮดว้ากที่เหลือบตามามองเขา ก่อนเอ่ยปากไล่ด้วยน้ำเสียงปนหอบ
“คะ...คุณไม่ต้องมายุ่งกับผม ละ....เหลืออีก 5 รอบผมก็จะวิ่งครบแล้ว”
...เหลืออีก 5 รอบ? หมายความว่าตั้งแต่หกโมงเย็น พี่อาทิตย์มาวิ่งตามที่ตัวเองพูดไว้ แล้วก็ยังไม่หยุดจนกว่าจะครบ ทั้งที่ตัวเขาไม่ได้วิ่ง 54 รอบตามโทษจริง ๆ เสียหน่อย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพี่อาทิตย์ถึงต้องยอมลงทุนนทำอะไรขนาดนี้ด้วย ...เพราะ ‘ศักดิ์ศรีพี่ว้าก’ แค่นั้นเองเหรอ?
“แต่พี่ตัวเปียกไปหมดแล้วนะครับ เดี๋ยวจะไม่สบาย ไปพักก่อนเถอะครับ”
เขาพยายามดึงดัน แต่อีกคนกลับปฏิเสธน้ำใจอย่างไม่ใยดี
“ถะ...ถ้าคุณอยากให้ผมพัก คุณก็ช่วยไปไกล ๆ อย่ามาเกะกะผม! ผมจะได้วิ่งให้เสร็จ”
“’งั้นผมจะวิ่งไปพร้อมพี่ด้วย”
ก้องภพตัดสินใจเอาเอง แล้วเริ่มออกวิ่งไปคู่กับเฮดว้ากโดยยังคงกางร่มบังฝนให้ จนคนถูกตามต้องหยุดอยู่กับที่ ตะคอกออกคำสั่งเสียงเข้ม
“คุณจะทำอะไร! ถอยไป!”
มีหรือคนโดนห้ามจะยอมแพ้ เขามองตอบนัยน์ตาดุ ๆ ด้วยแววตาตาจริงจังแล้วยืนยันคำเดิม
“ไม่ครับ ถ้าพี่ยังไม่ไปพัก ผมก็จะไม่หยุดวิ่ง”
“ก้องภพ!!”
อาทิตย์ตวาดเรียกชื่อดังลั่นอย่างหมดความอดทน ก้องภพรู้ว่ากำลังถูกโมโห แต่จะให้เขาปล่อยให้พี่อาทิตย์วิ่งอยู่กลางฝนทั้ง ๆ แบบนี้ ยังไงเขาก็ทำไม่ได้เด็ดขาด หากไม่ทันที่ใครจะเริ่มอะไรต่อ สถานการณ์ตึงเครียดกลับถูกคนที่สามเข้ามาแทรก
“มีอะไรวะ อาทิตย์”
ทั้งสองหันไปมองหนึ่งในพี่ว้ากซึ่งเดินกางร่มมาใกล้ ๆ อาทิตย์ไม่ได้แปลกใจกับการมาของเพื่อน ซ้ำยังคงบ่นด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“ปีหนึ่งมันมายุ่งว่ะ เคลียร์ให้ทีดิ กูจะได้วิ่งต่อ”
คนฟังเปลี่ยนเป้าหมายมายังบุคคลไม่ได้รับเชิญ พลางถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดตามระเบียบพี่ว้าก
“ปีหนึ่งมาทำอะไรครับ”
“ฝนมันตกหนักขนาดนี้ ทำไมพี่อาทิตย์ต้องวิ่งต่อล่ะครับ ให้ผมวิ่งแทนได้มั้ยครับ”
อย่างน้อยก้องภพก็หวังว่าพี่ว้ากจะเห็นใจเพื่อนตัวเอง แล้วเขาจะยอมเสียสละวิ่งแทนจบครบเพื่อแสดงสปิริต ทว่าทุกสิ่งกับตรงข้าม เมื่อพี่ว้ากไม่รับฟังคำขอ และยังอธิบายด้วยเหตุผลง่าย ๆ แบบกำปั้นทุบดิน
“แต่นี่คือคำสั่งลงโทษของเฮดว้ากนะครับ ไม่ใช่ของปีหนึ่ง”
“แต่ว่า...”
“ไม่ต้องพูดแล้ว!! ผมไม่อนุญาต! คุณไปรออยู่ตรงใต้อาคารนู้นซะ!”
...แม้แต่โอกาสโต้แย้งก็ไม่มี
ก้องภพรู้ตัวว่าเถียงไปคงไร้ประโยชน์ ถ้าขืนยังดึงดันอีกเขาคงถูกพี่ว้ากที่ตัวสูงใหญ่หน้าถมึงทึงเหมือนยักษ์วัดแจ้งลากไปแน่ ๆ
เขามองไปที่อาทิตย์อย่างลังเลใจ หากอีกฝ่ายกลับเมินหลบ แล้วออกวิ่งไปท่ามกลางสายฝนซึ่งเริ่มซาเม็ดลงอีกครั้งโดยไม่รอ ทิ้งให้ก้องภพยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ก่อนพี่ว้ากจะสะกิดเชิญเขากลับไปยังใต้อาคารด้วยกัน
เขาเดินตามหลังพี่ว้ากไปด้วยความไม่เข้าใจมากมายพร้อมอารมณ์โกรธที่เริ่มคุกกรุ่น
...ทำไม?
...ทำไมพวกพี่ปีสามเห็นเพื่อนตัวเองต้องวิ่งอยู่อย่างนี้แล้วยังไม่ช่วยอีก ...ทำไมต้องให้พี่อาทิตย์วิ่งอยู่คนเดียว ...ทำไมเขาถึงไปวิ่งแทนพี่อาทิตย์ไม่ได้
หากความสบสนทั้งหมดกลับต้องเปลี่ยนเป็นความแปลกใจ ทันที่เขาก้าวถึงใต้อาคารใกล้ ๆ กับสนาม และเห็นคนมากมายนั่งรอกันอยู่เต็มทุกโต๊ะ ล้วนเป็นเด็กวิศวะภาคของเขา ไม่ว่าจะเป็นพี่ว้าก พี่สันทนาการก็อยู่กันครบ แถมยังมีหน่วยพยาบาลอย่างพี่ฟาง ซึ่งพอเห็นเขาก็ส่งเสียงเรียกทัก
“อ้าว...น้องก้องภพ มาด้วยเหรอจ๊ะ อุ๊ย! ตัวเปียกเชียว เอาผ้าเช็ดตัวมั้ย เดี๋ยวไปนั่งรอกับเพื่อน ๆ ตรงนู้นก็ได้นะ แล้วพี่จะเอาไปให้”
...เพื่อน ๆ เหรอ?
เขามองตรงไปยังโต๊ะที่พี่ฟางชี้ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อพบว่าเพื่อนปีหนึ่งเกือบยี่สิบคนยืนคุยกันอยู่ มีบางคนเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดไปรเวทแล้วเหมือนเขา แต่บางส่วนก็ยังใส่เสื้อเชียร์คล้ายยังไม่ได้กลับหอ รวมถึงผู้หญิงใส่แว่นคนหนึ่งที่บังเอิญสบตาเห็นเขาพอดีเลยโบกมือเรียก
“เมย์”
ก้องภพเรียกชื่อของเพื่อนที่เขาจำได้แม่น เพราะตัวเองเป็นต้นเหตุให้เพื่อนคนนี้โดนฉีกป้ายชื่อ เนื่องจากเขาตอบคำถามของเฮดว้ากไม่ได้ เขาเลยให้ป้ายชื่อของตัวเองกับเมย์ไป แล้วยอมถูกทำโทษแทน ตอนนั้นเขารู้ว่าเมย์ร้องไห้หนัก และคงจะกลัวพี่ว้ากมาก ๆ แต่มาวันนี้เขากลับเห็นเจ้าตัวมายืนรอด้วยสีหน้ากังวลใจร่วมกับพี่ว้ากและสต๊าฟคนอื่น ๆ
“ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ แล้วมากันนานรึยัง”
คนมาใหม่รีบถามอย่างงง ๆ พยายามจับต้นชนปลายกับเหตุการณ์ที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ซึ่งเมย์ก็เป็นคนเอ่ยคำเฉลย
“เรามาได้เกือบชั่วโมงแล้วล่ะ พอดีเราออกจากห้องสมุดแล้วจะเดินกลับหอผ่านทางสนาม แต่เรายังเห็นพี่อาทิตย์เขาวิ่งอยู่ ก็เลยโทรไปบอกเพื่อนคนอื่น เพื่อนเราเลยตามมาดูด้วย”
เมย์พยักเพยิดหน้าไปทางเพื่อนผู้หญิงคนอื่นในกลุ่มที่รีบแทรกเข้ามาพูดเสริม
“ใช่ ๆ เมื่อกี๊เราเพิ่งถ่ายรูปพี่เขาแล้วโพสลงเฟซบุ๊คด้วย มีคนกดแชร์ต่อเพียบเลย”
คำอธิบายเพิ่มเติม ถมความสับสนในใจของก้องภพให้เต็มจนเริ่มปะติปะต่อเรื่องราวได้
...แสดงว่าที่ผ่านมา ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวที่รู้ว่าเฮดว้ากอาทิตย์กำลังวิ่งอยู่
TRRRRRRR!!
เสียงโทรศัพท์ดังแทรกขัดจังหวะจนสะดุ้ง เกือบลืมไปเลยว่าตัวเองพกมือถือติดตัว เขารีบล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงขาสั้นที่เปียกชุ่ม ยังเคราะห์ดีที่เนื้อผ้าหนาพอจะทำให้น้ำไม่ซึมเข้าโทรศัพท์ เขามองรายชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอเป็นเพื่อนสนิทเลยกดรับสาย
“ว่าไง เอ็ม”
“ไอ้ก้อง! ข่าวด่วนวะ เมื่อกี๊กูเห็นเขาแชร์รูปเฮดว้ากกำลังวิ่งอยู่ในสนามด้วยเว้ย!”
“เออ รู้แล้ว ตอนนี้กูอยู่ใกล้สนาม”
“เฮ้ย! จริงดิ! แล้วพี่เขายังวิ่งอยู่จริง ๆ เหรอวะ แต่ตอนนี้ฝนมันกำลังตกนะ อย่าบอกว่าวิ่งกลางฝนเลย แม่งพี่เขาบ้ารึเปล่าวะ!”
...ก็คงจะบ้าจริง ๆ นั่นแหละ เพราะถ้าพี่อาทิตย์ไม่บ้าก็คงไม่ยอมทำแบบนี้
แต่คนที่บ้าที่สุด ...คงเป็นพวกเขา รู้ทั้งรู้ว่าพี่อาทิตย์กำลังฝืน แต่ก็ไม่มีใครยื่นมือเข้าไปช่วย ทำแค่ยืนรอทั้งที่ใจกังวล ...รอให้เฮดว้ากรับผิดชอบทำตามคำสั่งที่เคยพูดเอาไว้
...เขาเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่า เกียรติและศักดิ์ศรีของเฮดว้ากมันยิ่งใหญ่ขนาดไหน และเขาก็รู้แล้วว่าทำไมพี่อาทิตย์ถึงได้รับเลือกให้ยืนอยู่ในตำแหน่งนั้น เพราะไม่มีสักนิดที่พี่อาทิตย์จะร้องขอความเห็นใจ ...ไม่มีทางเลยที่พี่อาทิตย์จะยอมรับความหวังดีของเขา
ก้องภพเหม่อมองออกไปกลางสายฝนที่ค่อย ๆ เริ่มขาดเม็ดลงเรื่อย ๆ ก่อนหยุดสนิทลง ในเวลาเดียวกับพี่อาทิตย์วิ่งเสร็จพอดี
พวกพี่ว้ากและพี่พยาบาลต่างรีบกรูลงจากใต้อาคาร เอาเผ็ดเช็ดตัวคลุมร่างของคนเปียกปอนซึ่งเดินโซเซหมดแรงจวนจะล้ม จนก้องภพที่ตามลงมาในสนามด้วยต้องรีบแทรกถามอาการ
“พี่อาทิตย์ไหวรึเปล่าครับ”
แม้จะเหนื่อยจนแทบพูดไม่ออก แต่เฮดว้ากก็ยังคงเค้นแรงตวาดกลับใส่เฟรชชี่ที่เข้ามามุงดู
“พะ...พวกคุณปีหนึ่งมาทำอะไรกันที่นี่กลับไปได้แล้ว!! ...ไอ้น็อต ไปส่งที่หอที กูจะเปลี่ยนเสื้อ”
ประโยคหลังเจ้าตัวหันไปพูดกับพี่ว้ากร่างยักษ์ซึ่งมาห้ามก้องภพไว้ในสนาม ซึ่งเข้ามาช่วยพยุงคนหมดแรงให้เดินออกห่างไปยังรถยนต์ที่จอดรออยู่ใกล้ ๆ ทุกคนต่างหลีกทางให้เฮดว้าก ยกเว้นก้องภพที่ก้าวตามหลังพลางพูดอาสา
“ผมไปด้วยครับ”
อาทิตย์หันกลับไปมองฮีโร่เจ้าประจำ เสื้อผ้าหน้าผมที่เปียกชื้นของมันเริ่มแห้งแล้ว แต่ความดึงดันนั้นกลับไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย จนส่งผลให้อาทิตย์ต้องดุถามซ้ำอย่างหงุดหงิด
“คุณจะตามมาทำไม!”
“ผมอยากไปส่งครับ”
“ไม่ต้อง! ปีหนึ่งก็อยู่ส่วนของปีหนึ่งไป อย่ามายุ่งกับพวกผม!”
“แล้วปีหนึ่งไม่มีสิทธิ์เป็นห่วงพี่ปีสามเลยเหรอครับ!!”
คำตะโกนถามอย่างสุดเสียงดังก้องกลางสนาม ทุกคนที่ยืนรออยู่โดยรอบเงียบกันทั้งหมด ต่างหันมองมายังคู่สนทนาทั้งสอง ที่ตอนนี้ก้องภพกำลังสบตาอาทิตย์ด้วยแววตาวอนขอ
...เขาอยากขอร้อง
...ขอร้องให้เฮดว้ากรับรู้ว่าไม่ใช่แค่เขา แต่ยังมีปีหนึ่งอีกหลายคนเป็นห่วง และอยากให้แน่ใจว่าพี่ว้ากไม่ได้เป็นอะไร
หากสิ่งที่อาทิตย์ตอบกลับมา มีเพียงแค่การเมินหลบสายตาของเขา แล้วหันไปพูดกับเพื่อน
“ไอ้น็อตไปได้แล้ว ...ส่วนคุณ ถ้าขืนตามมาอีก ผมจะสั่งซ่อมพวกคุณทั้งรุ่นวันพรุ่งนี้!”
เฮดว้ากพูดคำขู่ทิ้งท้ายให้กับปีหนึ่งที่ยืนรออยู่ไม่ไกล ก่อนเดินหันหลังขึ้นรถยนต์ไปกับพวกพี่ว้ากและพี่พยาบาลปีสาม ในสนามจึงเหลือแค่เพียงปีหนึ่งและพวกพี่สันทนาการบางส่วนซึ่งทยอยกันกลับ เพราะฝนที่เพิ่งจะหยุด เริ่มลงเม็ดเบา ๆ อีกครั้ง
“ก้องภพ ไปกันเถอะ”
เมย์เดินมาสะกิดเรียกคนยืนนิ่งให้รู้สึกตัว เขาพยักหน้าเดินตามหลังอีกฝ่ายกลับไปยังอาคาร แทรกผ่านสายฝนที่ร่วงลงกระทบพื้นดินและค่อย ๆ จางหายไป...
...มันคงไม่ต่างอะไรกับความรู้สึกของเขาในตอนนี้
ต่อให้พยายามส่งผ่านไปให้มากเท่าไร...
...มันก็จางหายไป
...และไม่มีวันถึงใจของใครอีกคนได้เลย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TBC