SOTUS : พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง กฎของปีหนึ่งข้อที่ 13 : ทำให้พี่ว้ากยอมรับในศักดิ์ศรี …และแล้วก็มาถึงวันที่นักศึกษาปีหนึ่งคณะวิศวกรรมศาสตร์รอคอย
ตลอดระยะเวลาเกือบสองเดือนที่ต้องผ่านการเข้าร่วมประชุมรับน้อง ฝึกซ้อมเพลง โดนทำโทษ ต้องแบกรับบรรยากาศกดดันจากพวกพี่ปีสูง ๆ แต่มาวันนี้ทุกอย่างกำลังจะจบสิ้นลง เมื่อถึง ’วันปิดประชุมเชียร์’
สำหรับมหาวิทยาลัยนี้ คณะวิศวกรรมศาสตร์จะมีการประชุมเชียร์แยกกันไปตามแต่ละภาค เพื่อสะดวกต่อการควบคุมระเบียบของน้องปีหนึ่งให้ง่ายขึ้น แต่จะกำหนดระยะเวลาการปิดประชุมเชียร์พร้อมกันทุกภาควิชา ซึ่งต้องนำน้องปีหนึ่งทั้งหมดมารวมกัน
ดังนั้น ในสนามตอนหกโมงเย็นจึงเต็มไปด้วยเฟรชชี่วิศวะใส่เสื้อนักศึกษาถูกระเบียบเรียบร้อย เตรียมตั้งแถวตอนเรียงกันตามภาควิชารวมเกือบ 800 คน ทั้งยังมีพวกพี่ปีอื่น ๆ ยืนรอดูการปิดประชุมเชียร์รอบแสตน เพราะถือเป็นงานใหญ่ของคณะ
“ไง ก้อง”
ก้องภพหันตามเสียงเรียก ก่อนจะยิ้มทักทายเมื่อเห็นเพื่อนภาคเคมียืนอยู่ในแถวข้าง ๆ
“อ้าว...วาด นึกว่าจะไม่มา”
ถามไปแบบนั้นก็เพราะรู้ว่าเจ้าตัวแอนตี้ระบบโซตัสมากแค่ไหน และไม่เคยร่วมการรับน้องเลยสักครั้ง การที่อยู่ ๆ มาร่วมรับน้องอยู่ในสนามด้วยจึงเป็นเรื่องแปลกไม่น้อย หากคนฟังกลับไหวไหล่ อธิบายง่าย ๆ
“ก็ว่าจะไม่มาแล้ว แต่อยากได้เกียร์ มันเท่ดีจะเอาไปอวดน้อง”
เหตุผลเด็ก ๆ แบบไม่คาดฝันทำเอาก้องภพเผลอหัวเราะพรืด เกือบลืมไปว่านอกจากวันนี้จะปิดประชุมเชียร์แล้ว ยังมีพิธีสำคัญนั้นคือ ‘การชิงเกียร์’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของชาวคณะวิศวะ โดยเกียร์นี้จะแบ่งเป็นสองอย่าง คือ ‘เกียร์คณะ’ และ ‘เกียร์ภาค’ หรือบางภาควิชาอาจเปลี่ยนเกียร์ภาคเป็น ‘แหวนรุ่น’ แตกต่างกันไปตามแต่ละประเพณีที่สืบต่อกันมา เมื่อได้ครบทุกอย่างแล้ว จึงจะถือว่าพวกพี่ ๆ ยอมรับให้เด็กปีหนึ่งเป็นครอบครัวเดียวกันของคณะวิศวกรรมศาสตร์โดยสมบูรณ์
...การชิงเกียร์คณะจึงนับเป็น ‘ก้าวแรก’ ในศึกศักดิ์ศรีวัดใจเฟรชชี่ ก่อนจะตามมาด้วย ‘การชิงรุ่น’ ของแต่ละภาควิชา ซึ่งเงื่อนไขก็จะแตกต่างกันไปแล้วแต่ความโหดของพวกพี่
และแน่นอนว่าภาควิชาที่มีชื่อเสียงร่ำลือมากที่สุดในตอนนี้ คงไม่พ้น ‘ภาควิชาอุตสาหการ’ อันเป็นภาคที่มีคนเรียนเยอะเป็นอันดับต้น ๆ ทั้งยังสร้างวีรกรรมการรับน้องโด่งดังไปทั่วคณะ จากฝีมือของเฮดว้ากผู้สั่งลงโทษตัวเองโดยการออกไปวิ่งกลางฝนรอบสนาม จนมีรูปแชร์ลงว่อนเฟซบุ๊ค กลายเป็นคนดังในพริบตา จนมีน้องปีหนึ่งภาควิชาอื่นอยากเห็นหน้าพี่ว้ากคนนั้นเป็นบุญชีวิต
พอถึงเวลาพี่ว้ากลงสนาม ทุกสายตาจึงจับจ้องไปยังบุคคลตามคำร่ำลือ ซึ่งเดินตรงดิ่งมาพร้อมกับบรรดาพี่ว้ากจากภาควิชาอื่นรวม ๆ เกือบสามสิบคนที่ล้วนใส่เสื้อช็อป ทำหน้าถมึงทึงประหนึ่งแก๊งมาเฟียใหญ่ ก่อนเฮดว้ากอาทิตย์จะทำหน้าที่หัวหน้าส่งเสียงทักทายดังก้องสนามโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งไมโครโฟน
“สวัสดีครับ ปีหนึ่ง!”
“สวัสดีครับ / ค่ะ!!”
ทุกคนตอบกลับอย่างพร้อมเพรียง แล้วเงียบเสียงลง เพื่อรับฟังบทสนทนาต่อไปของเฮดว้าก ผู้ส่งสายตาคมกริบกวาดมองบรรดาเฟรชชี่
“ผมได้ทราบจำนวนที่พวกคุณมากันทั้งหมด 791 คน เกินกว่าที่พวกผมขอไว้ 750 คน ในจุดนี้ผมขอยอมรับในสปิริตของพวกคุณ!”
คำชมเปิดประเดิมทำเอาเด็กปีหนึ่งหลายคนแอบซุบซิบกันอย่างแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าเฮดว้ากอาทิตย์ที่โหด ๆ จะใจดีผิดคาดแตกต่างจากข่าวลือ ยกเว้นภาควิชาอุตสาหรรมที่ยังคงพากันเงียบกริบ ด้วยรู้ดีว่าสไตล์ของเฮดว้ากอาทิตย์คือ การลูบหลังก่อน แล้วถึงค่อยตบหัวทิ่มลงไปแรง ๆ แบบไร้ความปราณี และก็เป็นจริงตามคาด ทันทีที่ประโยคถัดมาหลุดจากปากเฮดว้าก ทุกเสียงนินทาก็หายวับเปลี่ยนเป็นอาการหน้าซีด
“...แต่ผมตรวจดูสมุดลายเซ็นของพวกคุณแล้ว มีหลายคนเซ็นมาไม่ครบ 1000 ลายเซ็น ตามจำนวนที่รับปากผมไว้ พวกคุณรู้รึเปล่าครับว่ามันหมายถึงอะไร!”
ถึงแม้แต่ละภาคจะมีการรับน้องต่างกัน ทว่าเด็กปีหนึ่งทุกคนจะต้องร่วมทำกิจกรรมบางอย่างด้วยกัน หนึ่งในนั้นหนีไม่พ้น ‘การล่าลายเซ็น’ ซึ่งน้อง ๆ จะได้รับแจกสมุดไปตั้งแต่ต้นเทอม และเรียกส่งก่อนหน้าวันปิดประชุมเชียร์หนึ่งอาทิตย์เพื่อให้พวกพี่ ๆ เอาไปตรวจ
...เป็นธรรมดาที่การขอลายเซ็นพวกพี่คณะวิศวะจำนวน 1000 ลายเซ็นไม่ใช่หาครบง่าย ๆ จึงมีน้องบางคนส่งสมุดไปทั้งที่ยังไม่เสร็จ แน่นอนว่าเรื่องนี้ย่อมไม่อาจหลุดรอดการจับผิดของพวกพี่ว้ากไปได้ มันจึงถูกหยิบยกเป็นโทษร้ายแรงเทียบเท่าอันตรายถึงชีวิต
“ในอนาคตคุณอาจเป็นวิศวกร และวิศวกรต้องรักษาคำพูด แต่สิ่งที่พวกคุณแสดงให้ผมเห็นวันนี้มันคือความไม่พร้อม ผมขอถามพวกคุณว่า คุณยังอยากจะเป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์อยู่อีกมั้ยครับ!”
“อยากครับ / ค่ะ!”
เสียงตะโกนหนักแน่นดังโดยไม่หวาดหวั่น ถึงจะถูกดุเพราะความผิด ก็ยังดีกว่าการนิ่งเงียบโดยไม่โต้ตอบอะไร
“ดี! ถ้าอย่างนั้นผมถือว่าพวกคุณเตรียมใจเอาไว้แล้ว ...ผมขอเกียร์ด้วยครับ”
ท้ายประโยคเฮดว้ากอาทิตย์หันไปพูดกับพี่ปีสาม ซึ่งถือพานออกมาสองพานโดยมีเกียร์วางนิ่งอยู่ในนั้น ยิ่งดูเพิ่มรัศมีความศักดิ์ศรีให้กับมันมากขึ้น
“เกียร์นี้ถือเป็นหัวใจของคณะวิศวะ มีเพียงอันเดียวในโลก พวกคุณจะต้องพิสูจน์ว่าสมควรได้รับมัน ไม่อย่างนั้นเกียร์พวกนี้จะลงไปอยู่ในสระทั้งหมด และพวกคุณจะถูกตัดสิทธิ์รุ่นทุกภาควิชา!”
คำขู่ชวนให้น้องหลายคนกลืนน้ำลายลงคอ เพราะรู้แน่ว่ามันไม่ใช่คำขู่ธรรมดา ๆ แต่พี่พูดจริงทำจริง โดยเฉพาะการโยนเกียร์ลงสระน้ำของมหาวิทยาลัย มันเคยมีเกิดขึ้นเป็นตำนานมาแล้ว และรุ่นนั้นก็โดนตัดสิทธิการชิงรุ่น ต้องขอซ่อมกันอีกหลายครั้ง กว่าจะผ่านกันได้ใช้เวลาเป็นปี
บรรดาเฟรชชี่จึงตั้งใจฟังกันเป็นพิเศษ รอลุ้นในบทพิสูจน์ตัดสินชี้ชะตาของตน จากคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดของเฮดว้าก
“ผมจะให้พวกคุณสอบร้องเพลงประจำมหาวิทยาลัย ร้องเพลงประจำคณะ และบูมให้เท่ากับจำนวนรุ่นคุณ พวกคุณต้องนำกันเอง ส่วนผมจะขึ้นไปอยู่บนตึกโน้น ถ้าคุณร้องไม่ดังพอที่ผมจะได้ยิน ผมจะถือว่าคุณสอบไม่ผ่าน!”
...ตึกโน้น...มองจากสนามตรงนี้คือตึกของคณะวิศวะ มีความสูง 7 ชั้น แม้จะอยู่ไม่ได้ไกลมาก หากขึ้นไปอยู่ชั้นบนสุดจริง ๆ แล้วก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าเสียงร้องเพลงของปีหนึ่งจะดังไปถึงข้างบนได้มั้ย แต่พวกพี่ว้ากไม่ยอมเปิดช่องให้ปีหนึ่งทักท้วงหรือยื่นอุทธรณ์ใด ๆ กลับเน้นย้ำกระแทกลงไปให้ฝังลึก
“จำไว้ว่าโอกาสของพวกคุณมีแค่ครั้งเดียว! ทำให้ดีที่สุด ผมขอเท่านี้ได้มั้ยครับ!!“
“ได้ครับ / ค่ะ!!”
เสียงตอบฉะฉานดังยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ นับเป็นการปลุกพลังแรงใจของปีหนึ่งด้วยกันให้ฮึกเหิม พร้อมสู้ในศึกศักดิ์ศรีอันยิ่งใหญ่
เฮดว้ากอาทิตย์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนเดินนำขบวนพี่ว้ากออกไปบางส่วน และเหลือบางคนไว้เพื่อคอยตรวจสอบระเบียบในสนาม โดยไม่มีการยื่นมือเข้าไปช่วย ปล่อยให้น้องปีหนึ่งจัดการกันเอาเอง
และคนที่ก้าวออกมายื่นต่อหน้าแถวแทนพวกพี่ ๆ ก็คือผู้ได้รับตำแหน่งสำคัญเป็นประธานรุ่น จากภาควิชาโยธา ซึ่งออกคำสั่งนำร้องเพลงคณะด้วยท่าทางจริงจังน้ำเสียงดังฟังชัดสมกับที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำ เหล่าบรรดาเฟรชชี่จึงเริ่มต้นร้องกันสุดเสียงเต็มกำลัง ออกมาเป็นเพลง
...เพลงที่ก่อนหน้านี้ร้องกันไม่เป็น
ช่วงเวลาเกือบสองเดือนจากการเข้าประชุมเชียร์กลับช่วยทำให้เนื้อเพลงอันแสนยาว และท่วงทำนองที่ไม่คุ้นหู กลายเป็นเพลงซึ่งฝังอยู่ในความทรงจำและร้องได้จนติดปาก แม้นักศึกษาปีหนึ่งจะมาจากคนละภาควิชา ทั้งไม่ได้ฝึกซ้อมร่วมกันมาก่อน ทว่าเสียงที่เปล่งออกมาล้วนประสานเป็นหนึ่งเดียว
…เป็นเสียงจากใจที่ต้องการส่งไปโดยหวังว่าพวกพี่ว้ากที่อยู่บนตึกจะได้ยิน
...
...
อาทิตย์เดินไปยังตึกคณะ ขึ้นลิฟต์ไปหยุดอยู่ตรงชั้น 7 ชั้นบนสุด แล้วก้าวออกไปตรงระเบียงทางเดิน ซึ่งมีพวกพี่วิศวะบางคนจับจ้องพื้นที่ยืนดูน้องกันอยู่ผ่านหน้าต่างบานใหญ่
“ไอ้เปรม รูปเป็นไงบ้างวะ”
เขาทักเพื่อนสนิทที่ถือกล้อง DSLR ตัวใหญ่ กำลังซูมถ่ายภาพแถวน้องปีหนึ่งด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ตามประสาคนเล่นกล้องมานาน อีกฝ่ายละสายตาจากเลนส์ ก่อนหันมากวักมือเรียก
“มึงมาดูเองเหอะ แสงกำลังสวยเลย”
อาทิตย์เลยก้าวมายืนอยู่ข้างเปรม ก้มลงมองไปยังด้านล่างสนาม เขาได้ยินเสียงร้องเพลงแว่วตามมาเบา ๆ หากก็จับทำนองชัดเจนว่ากำลังถึงท่อนสุดท้ายของเพลงมหาวิทยาลัย ก่อนน้องปีหนึ่งจะรวมกันจัดแถวเป็นวงกลมเพื่อเตรียมบูม และเนื่องจากจำนวนคนเยอะ แถวจึงจำเป็นต้องซ้อนกันสองวงดูบิดเบี้ยวไม่ค่อยกลม เหมือนดอกไม้วาดโดยฝีมือเด็กอนุบาล หากมันก็สวยแปลกตาในแสงสีอมส้มของพระอาทิตย์ซึ่งใกล้จะตกดิน จนทำให้เขาต้องเผลอมองภาพนั้นนิ่งอยู่นาน
...จบแล้ว
...นับจากวันนี้ หน้าที่ของเขาในฐานะพี่ว้ากกำลังค่อย ๆ ถูกปิดฉากลง จะไม่มีการฝึกซ้อมร่างกายเพื่อเตรียมรับน้อง ...ไม่มีการประชุมสรุปเนื้อหาหลังจบเชียร์ ...ไม่มีการสั่งลงโทษน้องแล้วค่อยมาลงโทษตัวเองตามหลังจนปวดขาแทบตาย
ถึงแม้ตอนนี้ก็ยังเจ็บอยู่นิด ๆ แต่ความเจ็บไม่นานก็จะหายไป เหมือนกับการประชุมเชียร์ที่จบลงไปแล้ว แต่สำหรับอาทิตย์...เขารู้ว่า ‘ความทรงจำ’ ของเขายังคงอยู่ ทั้งความลำบากและความรับผิดชอบซึ่งต้องแบกรับในฐานะเฮดว้าก คอยรับมือกับรุ่นน้องที่คิดจะปีนเกลียวตั้งแต่วันแรก และก็ต้องหาวิธีแก้เกมส์ประมือกับมันอีกหลายครั้งจนน่าหงุดหงิดโมโห
พอคิดแล้วก็อดนึกขำขึ้นมาไม่ได้ แต่อีกส่วนหนึ่งมันก็ชวนใจหาย เพราะช่วงเวลาเหล่านี้เริ่มนับถอยหลังลงไปทุกที...ทุกที... และสุดท้ายเขาก็ต้องปล่อยมือที่ใช้อำนาจบังคับในฐานะของพี่ว้าก เพื่อให้น้องปีหนึ่งตัดสินใจเลือกทางเดินด้วยตัวของตัวเอง โดยเขาทำได้แค่เพียงเฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ รวมถึงใครคนบางคนนั้นด้วย...
แชะ เสียงชัตเตอร์เรียกสติของคนในภวังค์ ให้หันมองเพื่อนที่ยังคงเล็งกล้องมาทางตัวเขา จนต้องขมวดคิ้วถาม
“ทำอะไรวะไอ้เปรม”
“ถ่ายรูปมึงไง ฟีลกำลังดีเลย”
คนที่อยู่ ๆ กลายเป็นดาราหน้ากล้องทำท่าละเหี่ยใจ แต่เปรมก็ยังพยายามบังคับให้เขาแอ๊คท่าถ่ายรูปโดยมีแบล็กกราวน์เป็นน้องปีหนึ่งกำลังบูม ทว่ายังไม่ทันกดชัตเตอร์เสียงของเพื่อนว้ากด้วยกันกลับแทรกขัดจังหวะ
“ไปเถอะวะอาทิตย์ เดี๋ยวเขาจะปิดตึกแล้ว”
น็อตเดินมาตามเขากับคนอื่นที่ทยอยลงลิฟต์ไปด้านล่าง เพราะตอนนี้ฟ้าเริ่มค่อย ๆ มืดแสงลงเรื่อย ๆ อาทิตย์จึงต้องละออกจากระเบียงหน้าต่าง ก้าวตามกลุ่มพี่ว้ากเพื่อเตรียมทำหน้าที่ของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย
...
...
แม้ตะวันจะลับขอบฟ้าไปแล้ว จนต้องอาศัยแสงสปอร์ตไลท์ส่องสนาม แต่เสียงร้องบูมยังคงไม่จบสิ้น เพราะปีหนึ่งได้รับคำสั่งให้บูมเท่ากับจำนวนรุ่นคณะวิศวะของตนเอง ซึ่งนับเป็นจำนวน 35 ครั้ง ต้องก้ม ๆ เงย ๆ แหกปากจนคอแทบพัง เล่นเอาน้อง ๆ หลายคนไม่ไหว ต้องลากไปนั่งพักกันตามแสตน แต่บางคนก็ยังใจสู้ไม่ถอนตัวออกจากวง ต่อให้เหนื่อยก็ยังพยายามร้องกอดคอเพื่อนร้องบูมให้ได้ครบตามจำนวน จวบจนกระทั่งสิ้นสุดลง
เฮดว้ากอาทิตย์ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ขึ้นไปยืนอยู่บนแสตนสูง เพื่อให้ปีหนึ่งที่ล้อมวงเห็นกันโดยทั่ว ก่อนจะประกาศคำตัดสินด้วยเสียงดังก้อง
“ผมขึ้นไปฟังพวกคุณบนตึกมาแล้ว พวกคุณร้องได้เบามาก! จัดแถวบูมก็ไม่เป็นระเบียบ! ถ้าทำได้แค่นี้พวกคุณก็ไม่สมควรเป็นรุ่นน้องของพวกผม! พวกพี่คนอื่นที่ยืนดูอยู่บนแสตนลงมาเลยครับ ไม่ต้องฟังมันแล้ว เลิกประชุม!!”
ถ้อยคำสุดท้ายส่งผลให้เฟรชชี่ในสนามถึงกับอึ้ง และยิ่งใจเสียหนัก เมื่อพี่คนอื่น ๆ ทุกชั้นปีซึ่งเฝ้าดูพวกเขาบูมตั้งแต่แรกเริ่มเดินลงจากแสตนเชียร์กันจริง ๆ คล้ายไม่ยอมรับพวกเขาเป็นรุ่นน้อง ทั้งที่พวกเขาพยายามทุ่มเทกันสุดแรงแล้ว แต่ผลกลับออกมาว่ามันยังดีไม่พอ
“พวกคุณยังรออะไรกันอีกผมสั่งเลิกประชุมแล้วไงครับ! กลับไปได้แล้ว!!”
เสียงตะคอกตอกย้ำจากเฮดว้าก เสมือนมีดกรีดลงกลางใจจนปีหนึ่งหลายคนเริ่มร้องไห้ แต่ไม่มีใครกล้าขยับออกจากแถว คนทั้ง 791 คนยังคงล้อมวงยืนอยู่ในสนาม ก็เพราะอุตส่าห์ทุ่มเทพยายามมาจนถึงขนาดนี้ ถ้าเดินออกไปก็เท่ากับว่า...พวกเขาพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์
ความคิดของปีหนึ่งตรงกันโดยไม่จำเป็นต้องพูด กลายเป็นแรงกระตุ้นให้ประธานรุ่นรีบวิ่งออกมายืนต่อหน้าเฮดว้าก พร้อมกับเอ่ยคำขออนุญาตเสียงดัง
“พวกผมขอโอกาสบูมอีกครั้งได้มั้ยครับ!”
พวกพี่ว้ากกำลังเตรียมออกจากสนามต้องหยุดเดิน ก่อนอาทิตย์จะเหยียดยิ้ม เหลือบตามองในสนาม แล้วพยักหน้าพูดด้วยท่าทางเยาะเย้ย
“ได้! ถ้าพวกคุณขอมา ผมก็จะให้ แต่นี่คือโอกาสการบูมครั้งสุดท้ายของพวกคุณ”
แค่ได้ยินคำอนุญาตคนฟังก็เริ่มใจชื้น แม้จะมีโอกาสครั้งเดียวก็จะขอทำให้ดีที่สุด ประธานรุ่นจึงรีบวิ่งกลับมาที่แถว แล้วเริ่มออกคำสั่งบูม
เฟรชชี่คณะวิศวะทุกคนพร้อมใจกันกอดคอ ก้มหน้า ส่งเสียงร้องออกมาดังกึกก้องมากกว่าทุกครั้ง เพื่อให้เป็นการบูมที่สมกับศักดิ์ศรีของปีหนึ่งมากที่สุด นับเป็นการร่วมใจของปีหนึ่งซึ่งทรงพลังดีกว่าครั้งไหน ๆ
....หากสำหรับพวกพี่ว้าก ต่อให้มันดูยิ่งใหญ่เพียงไร ก็ยังไม่มีค่าพอที่จะสามารถยอมรับ เพราะหลังจากการบูมสิ้นสุดลง เฮดว้ากอาทิตย์ก็เดินกลับขึ้นมายืนบนแสตนอีกครั้ง พร้อมประโยคตัดสินเฉียบขาดเป็นรอบที่สอง
“ปีหนึ่งจำเอาไว้! นั่นคือการบูมครั้งสุดท้ายของพวกคุณในฐานะนักศึกษามหาวิทยาลัย ต่อจากนี้คุณจะไม่มีสิทธิบูมอีก!!”
...การถูกตัดสิทธิบูม เท่ากับการถูกตัดรุ่นไปโดยอัตโนมัติ
ความพยายามเข้าร่วมประขุมเชียร์เกือบสองเดือนกลายเป็นความว่างเปล่า สิ่งที่เริ่มต้นทำกันมาล้วนไร้ประโยชน์ หลายคนร้องไห้สะอื้นอย่างทนไม่ไหว แม้แต่ก้องภพก็รู้สึกถึงมวลความเศร้าจุกอยู่ที่อก อยากจะยกมือขอออกปากอนุญาตทำใหม่อีกครั้ง ทั้งที่รู้ว่าความหวังอาจริบรี่ หากยังไม่มีใครเริ่มทำอะไร เสียงจากเฮดว้ากกลับเรียกให้ทุกสายตาเงยหน้าขึ้นมอง
“...เพราะนับจากวันนี้ พวกคุณจะไม่ได้เป็นแค่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ทุกคนจะเป็นนักศึกษาของคณะวิศวกรรมศาสตร์ การบูมครั้งต่อไปของพวกคุณ คือการบูมในฐานะของพวกเราคณะวิศวะ!”
ประโยคแฝงนัยตีความหมายออกมาเป็นตรงข้าม ทำให้ทุกคนหยุดนิ่ง เริ่มเข้าใจในอะไรบางอย่าง และแทบหยุดหายใจไปฉับพลัน ขณะรอคำคำนั้น...
“ปีหนึ่งทุกคนฟัง! การสอบครั้งนี้ ผมให้พวกคุณ...ผ่าน!!”
สิ้นคำว่า ‘ผ่าน’ เสียงกรีดร้องก็เฮดังขึ้นทั่วสนาม หลายคนกระโดดกอดคอเข้าหากันจนตัวลอยด้วยความดีใจ และมีบางคนยิ่งร้องไห้โหหนักกว่าเก่า แต่ทุกรอยน้ำตาล้วนมาจากความยินดีและโล่งใจ ที่ในที่สุด...พวกเขาก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งของคณะวิศวกรรมศาสตร์ได้อย่างเต็มภาคภูมิ
“ขอเชิญพี่ทุกคนบูมต้อนรับสมาชิกใหม่ของพวกเราด้วยครับ!!”
เฮดว้ากอาทิตย์เรียกพี่ที่เดินลงมาจากแสตนเชียร์ซึ่งไม่ได้หนีหายไป แต่เดินลงมากระจายอยู่รอบน้อง ๆ ตั้งแต่แรก เพื่อเตรียมล้อมวงทำการบูมต้อนรับด้วยเสียงอันดังไม่แพ้พวกน้อง เพราะต่อจากนี้ น้องปีหนึ่งจะกลายเป็นครอบครัวคณะวิศวะเดียวกัน เหลือแค่การชิงรุ่นของแต่ล่ะภาคเท่านั้น พวกเขาก็จะได้ชื่อว่าผ่านการรับน้องโดยสมบูรณ์
จบจากการบูมต้อนรับแล้ว พวกพี่ ๆ ก็เดินมารับเกียร์จากพาน เพื่อไปแจกทยอยแจกน้อง ๆ กันตามภาควิชา เช่นเดียวกับก้องภพที่ได้รับเกียร์จากมือของพี่ฟาง
“น้องก้องภพ ยินดีด้วยนะจ๊ะ”
“ขอบคุณมากครับ”
ก้องภพยกมือไหว้ ยิ้มรับเกียร์ซึ่งถูกห่ออย่างดีในถุงพลาสติกใส เขาแกะมันออกเพราะอยากเห็นสัญลักษณ์ของคณะวิศวะที่เขาได้มาจากความยากลำบาก
ตัวเกียร์หล่อจากทองเหลืองเป็นรูปฟันเฟือง สลักชื่อคณะและเลขที่รุ่น 35 เอาไว้ เขาเคยได้ยินมาว่า ที่เลือกเกียร์มาเป็นสัญลักษณ์ของวิศวะ เพราะมันสื่อถึง ‘ความสามัคคี’ ด้วยเกียร์เกิดจากการทำงานของฟันเฟืองเป็นระบบ หากเฟืองตัวใดตัวหนึ่งหักไป เกียร์ก็จะไม่สามารถทำงานต่อได้ การได้เกียร์คณะมาจึงเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของเพื่อนทุกคน ไม่ใช่เกิดจากฮีโร่คนใดคนหนึ่ง เหมือนกับที่ใครบางคนเคยพูดไว้
...ตอนนี้เขาเข้าใจอย่างชัดเจนแล้ว ทุกสิ่งที่พี่อาทิตย์เคยสอน แม้จะเป็นการสอนที่ออกจะดูโหดร้าย หากทุกอย่างกลับแฝงเหตุผลในตัวของมันเอง ...น่าเสียดายที่นับจากนี้ เขาอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นมันในรูปแบบนั้นอีก
...แต่อย่างน้อย นี่ก็ถือเป็น ‘ก้าวแรก’ ที่เขาจะได้ขยับเข้าใกล้ใครบางคนให้มากขึ้น
แชะ ความคิดของก้องภพสะดุดลงทันควัน เมื่อได้ยินเสียงแปลก ๆ แทรกขัด เขาหันมองไปยังต้นเสียง ก่อนจะพบคนคุ้นตากำลังก้มลงเช็คกล้อง จนต้องรีบยกมือไหว้
“สวัสดีครับ พี่เปรม มาด้วยเหรอครับพี่”
“อืม มาถ่ายรูปเราบูมนั่นแหละ เดี๋ยวพี่ไปถ่ายคนอื่นต่อก่อนนะ”
คำอธิบายรวดเร็วแบบรีบมารีบไป ทำให้ก้องภพมองตามอย่างงง ๆ แต่เปรมกลับไม่สนใจ เพราะต้องเดินออกไปตามเก็บภาพคนอื่นต่อ เดี๋ยวจะพลาดช็อตเด็ดงาม ๆ อีก เขากำลังยกมือขึ้นถ่ายมุมกว้างอีกสักรูป แต่กล้องกลับขึ้นขีดเตือนว่าไม่มีพื้นที่บรรจุภาพพอ
...อ้าว...เม็มเต็มซะแล้ว สงสัยเพราะเขาใช้อัดวิดีโอน้องบูมเมื่อกี๊เลยหมดเร็ว ไอ้เขาก็ลืมเอาเม็มสำรองมาด้วย
เปรมเลยต้องลดกล้องลงมากดไล่ดูรูปถ่าย เพื่อเลือกลบภาพบางส่วนที่เสียทิ้งไป หากกลับสะดุดตาในบางรูปที่ทำให้ต้องหยุดมองนานเป็นพิเศษ
...ก็ไม่อยากจะชมฝีมือถ่ายรูปตัวเองหรอกนะ แต่ภาพสองภาพนี้ เขายอมรับจริง ๆ ว่ามันสวยแตกต่างจากภาพอื่น ไม่ใช่สวยเพราะมุมกล้อง หรือแสงเงา แต่มันเป็นเพราะสีหน้าของคนถูกถ่าย
...สีหน้าที่ดูภาคภูมิใจ แววตาคล้ายกำลังคิดถึงใครสักคน พร้อมรอยยิ้มบาง ๆ
มันทำให้ภาพสวยเป็นธรรมชาติ และสำหรับเขามันถือเป็นภาพของการปิดประชุมเชียร์ที่ดีที่สุด ระหว่าง ‘คนให้เกียร์’ และ ‘คนได้รับเกียร์’
...ระหว่าง....‘พี่ว้าก’ กับ ‘ปีหนึ่ง’
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
TBC
ป.ล. ศึกยังไม่จบอย่าเพิ่งไปสู่ภพความฟิน ยังเหลือศึกชิงรุ่น และชิงเกียร์ภาคอีกนะเออ 
แถมภาพถ่ายฝีมือพี่เปรม มีอีกมากมายในแฟนเพจ (เนียนโฆษณา) ขอบคุณ Blueseal ที่แอบจิกมาให้นะคะ 
