SOTUS : พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง
กฏของปีหนึ่งข้อที่ 22 : ไม่ควรสบตาพี่ว้ากโดยตรง “...0062 ...0062 ...”
...ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก
อาทิตย์คิ้วกระตุก ก่อนมือจะกระตุกตามไปตบหลังอีกฝ่ายดังป๊าบ ตะโกนชื่อดังลั่น
“ไอ้ก้องภพ!!”
“โอย!”
...นั่นแหละ คนใจลอยถึงได้สะดุ้งรู้สึกตัว แล้วค่อยหันมาทำหน้าเล่อล่า ถามคนลอบทำร้ายด้วยท่าทีงง ๆ
“มีอะไรเหรอครับพี่อาทิตย์”
...ดูมัน...ยังมีหน้ามาพูดอีก ตั้งแต่เขาซื้อการ์ดวันแต่งงานเสร็จกลับมา ก็เห็นมันเดินเงียบไม่พูดไมาจา มัวแต่ทำหน้าเครียดเหมือนคนแบกโลกเอาไว้ เขาอุตส่าห์เรียกชื่อไปตั้งหลายครั้ง ก็ดันทำเป็นไม่ได้ยินอีก เขาไม่รู้หรอกนะ ว่าสาเหตุมันเป็นเพราะเขาหรือเป็นเพราะใคร แต่บรรยากาศอึมครึมแบบนี้ให้เดินต่อไปด้วยก็ชักจะเริ่มหงุดหงิด สู้แยกย้ายกลับไปเลย ดีกว่ามาเสียเวลาทั้งสองคนเปล่า ๆ
“ถ้าคุณเสร็จธุระอยากกลับก็กลับไปซะ ไม่ต้องมาทำหน้านอยน์เดินข้างผมหรอก”
ถ้อยคำบ่นไปตามใจคิดของอาทิตย์ หากกลับสะกิดให้คนแสดงสีหน้าเพิ่งรู้สึกตัว
ก้องภพยอมรับว่าเขาเผลอใจลอย ก็เพราะมีหลายเรื่องกำลังวนเวียนอยู่ในหัว โดยเฉพาะเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ระหว่างเขาซื้อของ แล้วบังเอิญเจอพี่น้ำตาล คนที่พี่อาทิตย์เคยแอบชอบ ถึงแม้พี่อาทิตย์จะบอกว่ามันจบไปนานแล้ว แต่เขาก็ยังเก็บเอามาคิดมากปะปนกับความรู้สึกของตัวเองจนอึดอัดสับสน
หากความจริงพวกนี้ขืนบอกออกไป พี่อาทิตย์คงไม่ใช่แค่เดินหนีไม่รับฟังเหมือนคราวแรก แต่เขาคงต้องได้โดนโกรธหนักกว่าเดิมแน่ ๆ แล้วเรื่องมันจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ เขาไม่อยากจะชวนทะเลาะกับพี่อาทิตย์อีกแล้ว เลยจึงตัดสินใจโกหกตอบไปเลี่ยง ๆ
“เปล่าครับ ผมไม่ได้อยากกลับหรอกครับ เออ...ผมแค่...แค่หิวน่ะครับ”
และก็ได้ผลเมื่ออาทิตย์ชะงัก เหลือบมองนาฬิกาซึ่งเข็มเวลาเดินผ่านไปจนเที่ยงครึ่งแล้ว ...โธ่...ก็นึกว่ามีเรื่องอะไร เห็นไอ้ 0062 ทำหน้าบึ้ง ที่แท้ก็แค่หงุดหงิดโมโหหิวนี่เอง เขาเลยลดความหงุดหงิดในอารมณ์ แล้วเปลี่ยนเป็นเรื่องถาม
“อ้าว...แล้วทำไมไม่บอก คุณอยากกินอะไรล่ะ”
“อะไรก็ได้ครับ พี่อาทิตย์ล่ะครับอยากกินอะไร”
คำย้อนกลับทำให้อาทิตย์กวาดตามองโซนร้านอาหารในห้าง ซึ่งมีร้านอาหารญี่ปุ่นยึดครองไปแถบหนึ่ง ที่เหลือก็พวกอาหารจานเดียว ฟาสต์ฟู้ดส์ รสชาติก็งั้น ๆ ไม่เห็นมีอะไรแปลกใหม่น่าสนใจ แถมราคายังโคตรแพงไม่คุ้มค่า สู้ร้านขายอาหารข้างทางบางร้านไม่ได้ คนคิดเปรียบเทียบเลยตัดสินใจลองเสนอไอเดียขึ้นมา
“เออ ผมรู้จักร้านก๋วยเตี๋ยวอร่อยอยู่ร้านหนึ่ง แต่ต้องนั่งรถเลยจากตรงนี้ไปหน่อยนะ จะไปมั้ย”
“ไปครับ”
คนตอบพยักหน้ารับโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ...จริง ๆ จะเป็นร้านไหนก็ได้ เพราะเขาไม่ได้หิวอะไรมากมาย แต่ถ้าพี่อาทิตย์เป็นคนออกปากชวน เขาก็พร้อมจะยอมไป อีกอย่างเขาก็กินอาหารในห้างเบื่อแล้วเหมือนกัน
ก้องภพจึงหิ้วถุงใส่กล่องของขวัญก้าวตามพี่อาทิตย์ ซึ่งนำออกไปนอกห้างเพื่อยืนรอรถเมล์ เพียงไม่นานรถประจำทางแบบไม่ปรับอากาศก็มาจอด เขาสองคนก้าวขึ้นรถ นั่งเลยห่างจากห้างไปเพียงแค่สามป้ายก็ลง ก่อนคนชวนจะสาวเท้าเข้าไปในซอย แล้วหยุดตรงหน้าร้านขายก๋วยเตี๋ยวเล็ก ๆ หากมีคนนั่งและยืนรอคิวกันอยู่ค่อนข้างหนาตา เป็นการการันตีว่าน่าจะอร่อยสมกับที่พี่อาทิตย์เคยบอกไว้ แต่ยังโชคดีที่พวกเขาพอแทรกหาโต๊ะว่างนั่งได้สองคน
ก้องภพเหลือบมองเมนูที่เขียนติดป้ายไว้ข้างผนัง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเมนูก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ แยกเป็นธรรมดาและพิเศษ พร้อมราคาติดเอาไว้ ก่อนเด็กเสิร์ฟในร้านจะเดินมาจดเมนู ซึ่งอาทิตย์ก็ร้องบอกรายการเป็นคนแรกอย่างรวดเร็ว
“พี่ครับ ผมเอาบะหมี่ต้มยำหมูตุ๋นพิเศษนะครับ คุณล่ะจะกินไร”
“ผมเอาเส้นเล็กน้ำใสลูกชิ้นล่ะกันครับ”
ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า แต่ก้องภพรู้สึกว่าพี่อาทิตย์เลิกคิ้วแปลก ๆ ในเมนูที่เขาสั่ง คล้ายจะแอบกลั้นขำในใจ หากเจ้าตัวก็เปลี่ยนไปสั่งน้ำเปล่าสองแก้วเป็นออเดอร์ปิดท้าย แล้วรอคอยให้ก๋วยเตี๋ยวสองชามมาเสิร์ฟ ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่นาน
ก้องภพหยิบตะเกียบกับช้อนเตรียมจัดการเส้นเล็กน้ำใสลูกชิ้นส่งกลิ่นควันหอมฉุย หากไม่ทันที่ช้อนจะแตะน้ำซุป เสียงคนตรงข้ามกับรีบแทรกเอ่ยขัดจัดหวะ
“อ่ะ เดี๋ยวก่อน ชามนี้ของคุณต่างหาก”
คำห้ามมาพร้อมกับมือของอีกฝ่ายดึงชามเส้นเล็กน้ำใสออก แล้วเลื่อนสลับเป็นบะหมี่ต้มยำหมูตุ๋นมาแทน จนคนถูกเปลี่ยนเมนูต้องรีบเงยหน้าขึ้นมาท้วง
“พี่อาทิตย์จะแกล้งผมอีกแล้วเหรอครับ”
ถามออกไปแบบนั้น ก็เพราะเหตุการณ์นี้มันเคยเกิดขึ้นมาก่อน ในตอนที่เฮดว้ากแกล้งเปลี่ยนจานข้าวไข่เจียวหมูสับที่เขาสั่ง เป็นผัดกระเพราแล้วใส่พริกเผ็ด ๆ มาให้แดงเถือกทั้งจาน แล้วยังบังคับให้เขากินให้หมดเป็นการสำนึกบุญคุณข้าว จนบวมแสบไปทั้งปาก
มาคราวนี้ เขาเลยแอบระแวงสงสัยเป็นธรรมดา ด้วยกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก นี่อย่าบอกนะว่าพี่อาทิตย์จะสั่งให้เขาท่องบทสวดมนต์ก่อนกินข้าวกลางร้านก๋วยเตี๋ยวด้วย
ทว่า เจ้าตัวกลับเพียงทำหน้าเฉไฉ รีบแก้ตัวปฏิเสธ
“ใครว่าผมแกล้ง ผมแค่อยากให้คุณลองชิมดู ต้มยำหมูตุ๋นเจ้านี้อร่อยนะ หรือคุณไม่เชื่อผม”
ประโยคกึ่งท้าทายปิดคำเถียงของก้องภพ เขาก้มมองชามบะหมี่ต้มยำที่มีพริกลอยฟ่องอยู่ในน้ำซุป เขาแน่ใจว่าพี่อาทิตย์รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่กินเผ็ด แต่ที่ไม่รู้คืออีกฝ่ายจะนึกสนุกอะไร
หากสุดท้ายเขาก็ต้องยอมทำตาม ตักน้ำซุปในชามต้มยำเข้าปาก ก่อนจะค่อย ๆ กลั้นใจชิมเตรียมรับกับความเผ็ดร้อน
แต่น่าแปลกที่รสชาติสัมผัสติดลิ้นนั้นตรงข้าม รสชาติของมันไม่เผ็ดจี๊ดเหมือนสีที่เห็น กลับกลมกล่อมกำลังดีโดยไม่ได้ต้องปรุง ทั้งยังหอมหมูตุ๋นชิ้นโตพิเศษในชาม
ท่าทางประหลาดใจของเขาคงแสดงออกมาทางสีหน้าชัด จนคนที่สังเกตมองอยู่แล้วต้องถามความเห็นย้ำ
“เป็นไง อร่อยใช่มั้ย”
“ครับ แล้วทำไมพี่ถึงไม่บอกผมตั้งแต่แรกล่ะครับ”
“ก็ผมแค่อยากรู้ว่าปกติคุณสั่งอะไร แล้วดูดิ...สั่งมาได้ ...เส้นเล็กน้ำใส กินอะไรแม่งโคตรจืดชืดเลยว่ะ หึหึ”
เสียงหัวเราะในลำคอแบบปรามาศ ทำเอาคนถูกเยาะเย้ยหน้าเจื่อน ...สุดท้ายก็ไม่พ้นหาเรื่องแกล้งดูปฏิกิริยาเขาจนได้สินะ ที่เขาสั่งเส้นเล็กน้ำใสก็เพราะว่าชอบกินส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนก็อยากจะวัดว่าร้านนี้อร่อยจริงรึเปล่า เพราะรสชาติของก๋วยเตี๋ยวพื้นฐานก็ต้องดูกันที่เมนูเบสิคพื้น ๆ เนี่ยแหละ
แต่จะให้มาอธิบายยาวยืดก็ไม่รู้ว่าคนฟังจะเข้าใจมั้ย ดีไม่ดีเดี๋ยวจะหาว่าเขาคิดอะไรเป็นเด็กอีก เขาเลยตัดปัญหาด้วยการเลื่อนชามก๋วยเตี๋ยวออก เพื่อเปลี่ยนกับอีกคน พลางพูดด้วยน้ำเสียงติดจะเหนื่อยใจ
“งั้นพี่เอาของพี่คืนไปก็ได้ครับ”
“อะไร แค่นี้งอนเหรอคุณ ไม่ต้องหรอก คุณกินไปเถอะ หัดกินอะไรที่มันมีรสชาติบ้าง”
อาทิตย์แกล้งล้อ ผลักชามที่เพิ่งเลื่อนออกมาไว้ตรงหน้าก้องภพอีกครั้ง พร้อมเอ่ยบทสนทนาต่อด้วยรอยยิ้ม
...มันเป็นทั้งรอยยิ้มและเหตุผลที่ทำให้ก้องภพต้องนิ่งอึ้ง
“อีกอย่าง...ชามนั้นผมตั้งใจสั่งมาให้คุณ”
จบคำ เจ้าตัวก็จัดการคีบเส้นเล็กน้ำใสของเขาใส่ปากโดยไม่พูดอะไร ปล่อยให้เขานั่งมองชามบะหมี่ต้มยำหมูตุ๋น ...ไม่ใช่ธรรมดาด้วย แต่เป็นแบบพิเศษ ชนิดเครื่องเยอะจนแทบมองไม่เห็นเส้น
...อีกแล้ว ...พี่อาทิตย์ชอบทำแบบนี้อีกแล้ว
เขาเข้าใจว่ามันเป็นนิสัยของพี่อาทิตย์ที่ปากร้ายใจดี แต่ที่เขาไม่เข้าใจ คือ ทำไมพี่อาทิตย์จะต้องมาทำให้เห็นบ่อย ๆ โดยเฉพาะกับตัวเขาเอง ถึงแม้จะไม่ชัดเจน หากเขาก็แสดงออกมาเสมอว่า เขาคิดอะไรเกินเลยกับพี่อาทิตย์ หรือพี่อาทิตย์จะไม่เฉลียวใจรึไง...
...สิ่งที่พี่ทำ รู้มั้ย...มันเหมือนให้ความหวังกัน
และที่น่าสับสนไปมากกว่านั้น เขายอมรับว่าเขารู้สึกดีกับความห่วงใยเล็ก ๆ ของพี่อาทิตย์ที่แฝงมาให้ หากอีกใจเขาเองก็กลับรู้สึกแย่ เพราะนับวันเขาจะยิ่งถลำลึกจนถอนใจดึงออกมาไม่ขึ้น ทั้งที่เขาก็พยายามจะประคับความสัมพันธ์ และอยากให้มันค่อยเป็นค่อยไปช้า ๆ
ทว่า ตอนนี้กำแพงในใจของเขามันเริ่มทลายไปทีละน้อย พร้อมความรู้สึกที่นับวันมันจะยิ่งมีแต่จะมากขึ้น...มากขึ้น...
“...0062 ...0062...”
รหัสสัญญาณไร้ซึ่งการตอบรับ จนคนเรียกต้องเคาะตะเกียบลงในชามเบา ๆ
“เฮ้ย! ไอ้ก้องภพ เหม่ออะไรอีกแล้ววะ ไม่รีบกินล่ะเดี๋ยวก็อืดหรอก!”
คนใจลอยจึงละความคิด มองพี่อาทิตย์ที่หยิบเถาเครื่องปรุงมาตักพริกใส่ชามก๋วยเตี๋ยวน้ำใส พลางขมวดคิ้วมองหน้าเขาดุ ๆ ด้วยความหงุดหงิด เขาจึงรีบก้มหน้าคีบเส้นบะหมี่ต้มยำของตัวเองเข้าปาก ปล่อยให้ความสับสนหายไปกับอาการ และได้รสอร่อยพอจะช่วยคลายความหนักอึ้งในใจไปได้บ้าง
จวบจนกระทั่งหมดชาม พออิ่มกำลังดี พวกเขาสองคนเลยจ่ายเงินค่าก๋วยเตี๋ยว เดินออกมานอกร้านในเวลาบ่ายกว่า ๆ ซึ่งแดดก็ยังคงแรงชนิดไม่ปราณีปราศรัยต่อสภาพผิวหนัง อาทิตย์หยีตามองแดดจ้า ก่อนได้ยินเสียงถามความเห็นจากคนมาด้วยกัน
“พี่อาทิตย์อยากไปไหนต่อรึเปล่าครับ”
“ร้อนจะตายแบบนี้จะให้ไปไหนวะ”
“งั้นไปดูหนังกันมั้ยครับ ได้นั่งพัก มีแอร์เย็น ๆ ด้วย”
ก้องภพเสนอทางเลือกให้อีกคนพิจารณา ถึงจะต้องนั่งรถเมล์ย้อนกลับไปอีกสามป้าย กระนั้นก็ยังดีกว่ามาเดินท่อม ๆ กลางแดดเปรี้ยงให้เหงื่อออกเล่น เขาเลยพยักหน้าตกลง
“เออ ก็ได้”
พวกเขาสองคนจึงพากันเดินออกนอกซอย มารอรถเมล์ เพื่อนั่งกลับไปห้างเหมือนเดิม โดยครั้งนี้มีเป้าหมายคือชั้นบนสุด ซึ่งถูกโรงหนังยึดครองพื้นที่ไปเกือบครึ่ง ก่อนพวกเขาจะมาหยุดอ่านดูหน้าจอรายชื่อพร้อมเวลาที่หนังจะฉาย
“พี่อาทิตย์อยากดูเรื่องไหนรึเปล่าครับ”
“ไม่รู้ดิ ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้ตามหนัง”
อาทิตย์ไหวไหล่บอกไปตามความจริง เพราะช่วงเทศกาลรับน้องที่ผ่านมาทำเอาแทบไม่มีเวลารับรู้ข่าวสารเรื่องอื่นเลย พอหมดรับน้องก็ต้องมาสู้รบกับการสอบกลางภาคอีก เพิ่งจะมีเวลาว่างพักผ่อนเป็นของตัวเองจริง ๆ ก็ไม่นานนี้ แต่โดยส่วนตัวเขาก็ดูหนังน้อยมากอยู่แล้ว เรื่องไหนที่ว่าดัง กระแสแรงหน่อยก็โหลดบิดดูเอา ไม่ก็ยืมแผ่นเพื่อน ส่วนใหญ่เขาจะถนัดอ่านแต่การ์ตูน เล่นเกมส์ ตีดอทมากกว่า
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับคนข้างตัว ที่ตอบด้วยเสียงฉะฉาน พร้อมข้อมูลแน่นปึ้ก
“งั้นผมว่าเรื่องดีมั้ยครับ ทุนสร้างเป็นร้อยล้านเลยนะครับ ที่อเมริกาขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งติดกันสองสัปดาห์แล้ว คำวิจารณ์ในเน็ตก็ค่อนข้างดีด้วย”
อาทิตย์มองตามมือของก้องภพที่ชี้ไปยังหนังแอ็คชั่นเรื่องหนึ่งที่กำลังฉายตัวอย่างอยู่พอดี บอกตามตรง เขาไม่รู้ว่ามันดังขนาดนั้นหรอก ชื่อหนังยังไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำ แต่เห็นท่าทางกระตือรือร้นของอีกคนแล้ว เขาก็เลยตอบรับไปโดยไม่ขัดข้อง
“เอาตามที่คุณบอกก็ได้”
“งั้นพี่อาทิตย์รออยู่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปซื้อตั๋วมาให้”
ก้องภพพูดอาสา แล้วเดินลิ่วไปยืนต่อคิวซื้อตั๋ว ปล่อยให้เขาเดินหลบไปยืนรออยู่ไม่ไกล พลางกวาดตาสำรวจมองคนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ก็มักจะมาเป็นคู่ ๆ ควงแขนกันกระหนุงกระหนิงเหมือนมาเดท เห็นแล้วก็นึกอิจฉาอยากมีบรรยากาศแบบนั้นบ้าง
แต่ความจริง ...มานึก ๆ ดูแล้ว การที่เขามาเที่ยวสองคนกับก้องภพก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไร ตอนแรกคิดว่ามันจะใช้ข้ออ้างนี้ เพื่อหาเรื่องแกล้งเขาซะอีก แต่พอมาเจอ มันก็เป็นแค่การมาเดินเที่ยวห้างธรรมดา ๆ ซื้อของ กินข้าว ดูหนัง ทำทุกอย่างคล้ายกับมาเดท ....เฮ้ย! เขาคิดอะไรวะ เขาก็แค่ทำตามสัญญามาเป็นเพื่อนซื้อของให้ก้องภพเฉย ๆ ไม่ได้มาดงมาเดทอะไรสักหน่อย!!
อาทิตย์สะบัดศีรษะไล่ความฟุ้งซ่าน คงเป็นเพราะไอ้ท่าทางบางอย่างของก้องภพนั่นแหละที่ทำให้เขาคิดมาก จนป่านนี้ก็ยังไม่กล้าถามว่า ตกลงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับก้องภพมันเป็นยังไง
...จากที่รู้จักกันมา ถึงแม้ก้องภพจะกวนตีนเขาอยู่บ้าง แต่ภาพรวมก็เป็นรุ่นน้องที่มีความรับผิดชอบคนหนึ่ง พี่เดียร์เองก็เคยมาคุยกับเขาทำนองว่า เล็งให้ก้องภพเป็นเฮดว้ากในรุ่นถัดไป เขาก็พอจะเห็นถึงศักยภาพของมันลาง ๆ เคยคิดไปว่าถ้ามันเลิกปีนเกลียว แล้วลองคุยกับเขาดี ๆ ก็คงเป็นรุ่นน้องที่น่าจะฝากความหวังไว้ได้
แต่พอยิ่งคุยกันมากขึ้นเท่าไร เขากลับยิ่งค้นพบถึงสิ่งที่แตกต่าง ทุก ๆ การกระทำที่ส่งผ่านมาจากก้องภพ ล้วนมีความรู้สึกพิเศษที่แฝงมามากเกินไปกว่าพี่น้อง หลายครั้งที่เขาเคยคิดอยากจะถามให้มันชัดเจน แต่เขากลับเลือกเป็นฝ่ายหยุด แล้วปล่อยทุกอย่างไป โดยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เพราะเขารู้...เรื่องบางเรื่องมันต้องอาศัยเวลา หากเร็วหรือช้าเกินไป...มันอาจเป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์
อาทิตย์หยุดความคิดของตัวเองไว้ เมื่อเห็นก้องภพเดินถือตั๋วหนังมาได้รอบที่กำลังจะเข้าฉายพอดี
พวกเขาสองคนเลยรีบเดินเข้าโรง ปล่อยเวลาไปสองชั่วโมงครึ่งกับจอภาพยนตร์ และก็ดูเพลิน เพราะหนังสนุกสมคำร่ำลือจริง แม้จะออกมานอกโรงแล้ว อาทิตย์ก็ยังคุยฟุ้งถึงเรื่องฉากในหนังไม่หยุด
“ฉากระเบิดโคตรมันส์เลยว่ะ คุณว่ามั้ย แต่ตอนสุดท้ายจบยังไงไม่รู้ สรุปไอ้คนนั้นมันตายจริงรึเปล่า ผมดูแล้วงง ๆ”
“ผมว่าไม่ตายหรอกครับ พี่อาทิตย์สังเกตฉากช่วงแรก ๆ สิครับ คำเฉลยมันอยู่ในนั้น ผู้กำกับคนนี้เขาชอบทิ้งปมไว้ตอนแรกของเรื่อง แล้วผมได้ยินมาว่าเขาจะสร้างภาคสองด้วย ตอนจบเขาก็เลยตั้งใจวางปริศนาเอาไว้ แต่ภาพเอฟเฟค์ตอนฉากระเบิดสวยจริง ๆ ครับ แต่ผมชอบซาวด์แทรกมากกว่า ร้องเข้ากับธีมเรื่องเลย ผมว่ายังไงก็ต้องออสการ์สักรางวัลแน่ครับ”
คำวิจารณ์ยาวเหยียดจากก้องภพ ทำเอาคนดูหนังเอาสนุกไม่ได้วิเคราะห์เจาะลึก ต้องพูดชมอย่างนึกทึ่ง
“คุณรู้เรื่องหนังเยอะดีเนอะ”
“ผมชอบดูหนังน่ะครับ แล้วพี่อาทิตย์ชอบอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ”
“อืม ก็ไม่มีนะ”
คนถูกถามส่ายหัวพลางนึกถึงความสไตล์ชีวิตของตัวเอง ...เขาเป็นคนธรรมดา หน้าตาก็ธรรมดา ยิ่งเหลือบมองกระจกในห้างที่สะท้อนออกมาเปรียบเทียบกันคนเดินด้วยกันแล้ว ก็ยิ่งเห็นว่าเขาเริ่มจะออกไปในแนวทางทุเรศด้วยซ้ำ เพราะโดนรัศมีไอ้เดือนมหาลัยกลบทับจนหมด
...เฮ้ย!...นี่เขาปล่อยตัวเองให้โทรมยับเยินขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรวะ
“คุณจะกลับเลยมั้ย”
คำเปรยทำให้ก้องภพต้องรีบหันมอง พลางย้อนถามกลับอย่างตกใจ
“ทำไมครับ หรือพี่อาทิตย์จะกลับแล้ว”
“เปล่า ผมว่าจะไปตัดผมหน่อย คุณจะกลับไปก่อนก็ได้ ไม่ต้องรอ”
คนฟังแอบลอบถอนหายใจ พอได้ยินเหตุผล ...ไอ้เขาก็นึกว่าพี่อาทิตย์จะเบื่อเขาแล้วซะอีกเลยรีบกลับ ใจจริงเขาอยากจะอยู่คุยกับพี่อาทิตย์ให้นานกว่านี้อีกหน่อย ตอนนี้มันเพิ่งจะสี่โมงเย็นเอง ถ้าพี่อาทิตย์จะตัดผมอยากมากก็คงใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียว
“ผมรอได้ครับ พี่อาทิตย์ก็ตัดในห้างนี้ไปเลยสิครับ”
คำแนะนำทำให้อาทิตย์เริ่มลังเล ร้านตัดผมในห้างมันราคาค่อนข้างสูงกว่าด้านนอก แต่ไหน ๆ เขาคงไม่อยากเสียเวลาหาร้านอื่นตัด อีกอย่างประชุมว้ากน้องก็ไม่จำเป็นแล้ว แถมเสาร์หน้าก็วันแต่งเฮียตั้มด้วย เขาคงต้องปรับลุคให้เกียรติไปงานเฮียหน่อย
อาทิตย์เลยเลือกทำตามที่ก้องภพเสนอ เดินสุ่ม ๆ เลือกร้านที่ดูน่าเชื่อถือ วัดเอาจากจำนวนลูกค้าที่ค่อนข้างมาก ซึ่งเขาก็ได้รับการต้อนรับเข้าร้านอย่างดี ให้เข้าไปนั่งรอคิว พร้อมกับที่พนักงานหยิบหนังสือแบบทรงผมมาให้เลือกดู เขารับมาเปิดผ่าน ๆ พลางถามความเห็นลอย ๆ
“คุณว่าผมตัดทรงไหนดี สกินเฮดดีมั้ย รำคาญผมยาวว่ะ อยากได้สั้น ๆ ไถเกรียนไปเลย”
ก้องภพชะงัก หันมองคนที่ดูมุ่งมั่นบอกความต้องการ เขาอยากอ้าปากถามว่า ...จะดีเหรอครับที่จะตัดสกินเฮด เพราะมันดูไม่น่าจะเข้ากับบุคลิกของพี่อาทิตย์เลยสักนิด แต่ยังไม่ทันบอก พี่พนักงานในร้านกลับเดินเข้ามาเรียก
“น้องคนไหนตัดผมค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ”
“คุณไปเดินเล่นแถวนี้ก่อนก็ได้ ไม่ต้องนั่งรอผมหรอก”
อาทิตย์พูดทิ้งท้าย ก่อนลุกเดินตามพนักงานไปด้านหลังยังเตียงสระผม หากก้องภพไม่ได้ทำตามคำสั่ง ยังคงนั่งรออยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหน ...ก็เพราะไม่รู้ว่าจะซื้ออะไร นอกจากของขวัญวันเกิดของหลานสาวที่ได้มาตั้งแต่เช้าแล้ว
ก้องภพจึงเลือกหยิบนิตยสารในร้านมาเปิดอ่านฆ่าเวลาไปเรื่อย ๆ ขณะรอพี่อาทิตย์ตัดผมจนเสร็จ เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงตามที่คิด เมื่อเขาได้ยินเสียงเรียกใกล้ตัวเบา ๆ
“ก้องภพ”
...คราวนี้เป็นชื่อ ไม่ใช่เป็นรหัส 0062 เหมือนที่เคยได้ยิน เขาเงยหน้ามองคนเรียก ก่อนสายตาของตัวเองจะถูกตรึงให้หยุดอยู่ที่ใครคนหนึ่ง รู้สึกทันทีว่าลมหายใจแทบหยุดหายไปในนาทีนั้น
...ผมยาวของพี่อาทิตย์ถูกตัดให้สั้นลงจนเห็นต้นคอชัด ด้านหน้าซอยไล่จากคิ้วลงมาเปิดใบหู เผยให้เห็นดวงตาคมชัดเจนกว่าเดิม ที่สำคัญหนวดที่พี่อาทิตย์เคยไว้จนเป็นสัญลักษณ์กลับหายไป เหลือเพียงแค่ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ยิ่งประกอบกับการแต่งตัวโดยภาพรวมแล้ว ทำให้เจ้าตัวดูอ่อนกว่าอายุจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นรุ่นพี่เขา
หากคนเปลี่ยนโฉมใหม่กลับแสดงท่าทีคล้ายไม่มั่นใจ ยังคงใช้มือจับทรงผมของตัวเอง พลางถามความเห็น
“คุณว่ามันยาวไปมั้ย ผมอยากได้สั้นกว่านี้ แต่พี่เขาบอกว่ามันไม่เหมาะ”
อาทิตย์พยักเพยิดไปทางเจ๊สาวประเภทสองแต่งตัวเปรี้ยวที่คงเป็นช่างตัดผม ซึ่งเจ๊เดินเอาเงินทอนค่าตัดผมมาให้ ก่อนจะรีบส่งเสียงดุปราม
“แหม...อย่าไปจับมากสิค่ะคุณน้อง พี่อุตส่าห์เซตให้ซะงาม ทรงเกาหลีอินเทรนด์กำลังนิยมนะ แบบนี้ดูดีแล้วล่ะค่ะ ไม่เชื่อถามแฟนคุณน้องดูสิคะ”
ประโยคแรกก็ชมดีอยู่หรอก แต่ประโยคหลังทำเอาคนฟังสะดุ้ง ต้องรีบโวยวายแก้ไขความเข้าใจผิด
“เฮ้ย! ไม่ใช่ครับพี่ เขาเป็นรุ่นน้องผม”
“อุ๊ย! ขอโทษจ๊ะ ก็นึกว่าแฟนกัน เห็นมานั่งรอตั้งนาน แถมมองซะตาเยิ้มเชียว”
คำขอโทษไม่ได้ช่วยอะไร ซ้ำยังยิ่งตอกย้ำให้สถานการณ์ดูแปลก ๆ เข้าไปอีก อาทิตย์หันไปมองหน้าก้องภพ หากอีกคนกลับแสร้งทำเป็นเบือนหลบ ทว่ายังไม่ทันมีใครพูดอะไรต่อ เสียงพนักงานในร้านกลับดังขึ้นตามตัว
“เจ๊แนนนี่! ลูกค้ามารอคิวแล้วค่า!”
“จ้า ๆ ...งั้นเจ๊ไปก่อนนะคะ นี่บัตรสมาชิกไว้วันหลังอย่าลืมเรียกใช้บริการเจ๊อีกทั้งสองคนเลยนะ หล่อ ๆ แบบนี้เดี๋ยวเจ๊จัดพิเศษให้”
เจ๊แนนนี่ยื่นบัตรสมาชิกมาให้อาทิตย์ พร้อมส่งสายตาวาวทิ้งท้าย ก่อนจะเดินไปรับลูกค้าต่อ ปล่อยให้พวกเขาสองคนเดินออกมานอกร้าน โดยอาทิตย์ก็ยังคงพะวงจับเผลอจับผมตัวเองอยู่เรื่อย
...อันที่จริง เขามั่นใจว่าตัวเองตัดทรงไหนมาก็หล่อหมดนั่นแหละ แต่เขารู้สึกว่าทรงนี้มันยังยาวไป อุตส่าห์บอกให้เจ๊ไถข้างให้ดูเท่ห์ ๆ แนว ๆ แล้ว แต่เจ๊ก็ยังไม่ยอมอีก ซ้ำยังจะมาบริการโกนหนวดแถมให้ด้วย ไอ้โกนหนวดน่ะเขาไม่ว่าหรอก เพราะตั้งใจจะโกนทิ้งเร็ว ๆ นี้อยู่แล้ว แต่ไอ้ทรงผมเนี่ยสิ มันโคตรจะขัดใจเขาสุด ๆ!
“ผมก็ยังคิดว่ามันยาวไปอยู่ดี หรือคุณว่าไง”
อาทิตย์อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาอีกครั้ง ซึ่งคนข้าง ๆ ก็พยายามพูดเหมือนกับที่เขาเคยได้ยินจากเจ๊แนนนี่
“ผมก็ว่ามันดูดีแล้วนะครับ”
“เอาจริง ๆ ไม่ต้องชม ผมอยากรู้”
อาทิตย์หยุดเดินหันไปถามด้วยน้ำเสียงซีเรียส ทำให้ก้องภพหยุดเดินบ้าง มองสำรวจคนข้างตัว พลางถอนหายใจ ก่อนบอกความจริงเบา ๆ
“ผมว่าแย่ครับ”
“ห่ะ! มันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
คนฟังรีบโวยวายถามอย่างตกใจ ...ถึงตัวเขาเองจะไม่ค่อยชอบ แต่เขาไม่คิดว่ามันจะดูเลวร้ายขนาดนั้น หากก้องภพกลับส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วเอ่ยถ้อยคำขยายความ
...ถ้อยคำที่มาพร้อมกับดวงตาทอประกายที่สบมองเขาโดยตรง
“ไม่ใช่ครับ ...ตัวผมเองต่างหากที่จะแย่”
...วินาทีนั้น อาทิตย์เข้าใจแล้วว่า ท่าทางที่เจ๊แนนนี่เคยบอกว่าก้องภพมองเขามันเป็นยังไง
เขารีบหมุนตัวเดินนำหนี ไม่กล้าปริปากถามซ้ำเรื่องทรงผมของตัวเอง ได้แต่รีบจ้ำก้มหน้า รู้สึกถึงไอความร้อนแปลก ๆ และเสียงบางอย่างที่ดังก้องในอกข้างซ้าย
เขารู้...คำบางคำอันตรายต่อความสัมพันธ์
แต่เขาเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า... สายตาบางสายตา มันอันตราย....
...ต่อหัวใจ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TBC
ป.ล. ใครอยากเห็นภาพที่พี่อาทิตย์ตัดผมเก็บเอามาฝากให้ค่ะ พี่อาทิตย์ตัดผมแล้วก็ไม่ดูน่ารักหรือสวยขึ้นนะ พี่เขาก็เป็นผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่งแค่นั้นเอง Cr.N. Engne