SOTUS : พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่งกฎของปีหนึ่งข้อที่ 28 : ใจของปีหนึ่งคือใจของพี่ว้าก ...และแล้ววันคืนก็หมุนไป
ผ่านมาเกือบอาทิตย์ หลังจากงานแต่งงานของพี่ตั้มกับพี่ฝน ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มกลับมาเป็นปกติอย่างที่มันควรจะเป็น
ซึ่งสำหรับก้องภพ มันหมายถึง การเข้าสู่เทศกาลควิซนรก พรีเซนต์งานกลุ่ม ทำการบ้านรายงานจุกจิกยิบย่อย เพราะเหลือเวลาอีกแค่สามอาทิตย์พวกเขาก็จะสอบไฟนอลกันแล้ว ก่อนจะปิดภาคเรียนเทอมหนึ่ง นับเป็นครึ่งทางของการเป็นเฟรชชี่ที่รวดเร็วจนน่าใจหาย
หลังก้องภพกินข้าวเที่ยงเสร็จ เขาเลยตั้งใจจะเอาหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุดตอนทำพรีเซนต์งานกลุ่มไปคืน แล้วค่อยตรงกลับหอ เพราะช่วงบ่ายเขาไม่มีคลาสเข้าเรียนแล้ว แต่ขณะที่ในกลุ่มกำลังลุกขึ้นจากโต๊ะเพื่อเอาจานไปเก็บ เสียงไอ้เอ็มซึ่งเพิ่งวางสายจากการคุยโทรศัพท์ก็หันมาพูดกับเขา
“ก้อง เมื่อกี๊ไอ้วาดมันโทรมาหา มันบอกว่าคะแนนมิดเทอมแคลออกแล้ว แปะอยู่ตรงบอร์ดข้างลิฟต์ใต้ตึกคณะ ไปดูด้วยกันป่ะ”
วิชาแคลคูลัส 1 ขึ้นชื่อว่ายากมหาโหดและเป็นวิชาที่บอกคะแนนสอบกลางภาคช้าที่สุด จนเด็กปีหนึ่งต่างรอลุ้นระทึกจนใจหายใจคว่ำ รวมทั้งตัวก้องภพเองที่ถึงแม้จะทำข้อสอบได้เกินครึ่ง แต่กระนั้นเขาก็ยังอดกังวลไม่ได้ เพราะวิชานี้ไม่มีคะแนนเก็บใด ๆ ให้ช่วย 50 เปอร์เซ็นต์มาจากคะแนนสอบกลางภาค ส่วนอีก 50 เปอร์เซ็นต์ คือคะแนนสอบปลายภาคเน้น ๆ ดังนั้น การประกาศผลสอบมิดเทอม จึงเป็นการตัดสินชี้ชะตาของเฟรชชี่ว่าจะได้ F ไปนอนกอดในเทอมแรกหรือไม่
ก้องภพเลยเปลี่ยนแผนกะทันหัน รีบเดินกลับไปยังคณะวิศวะของตัวเองพร้อมเพื่อนในกลุ่ม มุ่งหน้าไปยังบอร์ดประกาศของคณะ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณข้าง ๆ กับลิฟต์ขึ้นอาคารเรียน และแน่นอนว่ามีคนมุงกันอยู่เยอะตามคาดจนแทบหาที่เบียดแทรกเข้าไปไม่ได้ เขาเลยต้องปล่อยให้ไอ้เอ็มที่ตัวเล็กกว่า เป็นคนอาสาเข้าไปอ่านหารายชื่อพร้อมคะแนนของเพื่อน ๆ แทน ส่วนตัวเขาเองมายืนรออยู่ข้าง ๆ ไม่ไกล
หากด้วยปริมาณคนที่อัดแน่น ไม่ใช่แค่กีดขวางทางเดินเต็มพื้นที่ แต่ยังทำให้การโดยสารขึ้นลงลิฟต์เป็นไปด้วยความลำบาก กระทั่งเริ่มมีคนทนไม่ไหว ต้องเอ่ยปรามเสียงดังผ่ากลางขามุง
“พวกคุณมาทำอะไรตรงนี้ครับ!”
บรรดาคนฟังต่างสะดุ้ง และพอหันมาเห็นเจ้าของเสียงก็ต้องรีบแหวกทางออกให้แก๊งค์รุ่นพี่ปีสามในเสื้อช็อป ซึ่งแต่ละคนแผ่รัศมีความโหดดิบเถื่อนของพี่ว้ากไว้ครบถ้วน
โดยเฉพาะกับคนเดินนำหน้า ผู้มีตำแหน่งสำคัญเป็นถึงอดีตเฮดว้ากอาทิตย์ แม้จะปรับลุคไร้หนวดเคราและผมยาวรุงรัง หากนัยน์ตาคมกริบก็ยังสร้างความกดดัน เรียกบรรยากาศเก่า ๆ ช่วงรับน้องให้หวนคืนกลับมา จนเด็กปีหนึ่งต่างพากันเกรงบารมี ยกเว้นคนเพียงคนเดียว...
“พวกผมกำลังดูคะแนนสอบมิดเทอมแคลอยู่ครับ”
ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ฮีโร่เจ้าประจำ ...รหัส 0062 ซึ่งก้าวนำขึ้นมาเผชิญหน้าตอบแทน ทว่าคำอธิบายไม่ได้ช่วยแก้ไขเรื่อง กลับยิ่งกระตุ้นให้อาทิตย์ตวาดดุด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดดังลั่น
“แล้วทำไมถึงไม่ยืนให้มันเป็นระเบียบครับ! หรือที่พวกผมสอนเรื่องความเป็นระเบียบวินัยให้ พวกคุณจะลืมกันไปหมดแล้ว จะต้องให้ผมรื้อฟื้นกันขึ้นมาใหม่ใช่มั้ยครับ! งั้นได้... ปีหนึ่งจัดแถว!”
ทุกคนนิ่งอึ้งฟังคำสั่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินในตอนนี้ ถึงแม้เด็กภาควิชาอุตสาหการจะคุ้นชินกับการจัดแถวเป็นอย่างดีแล้ว แต่เด็กภาคอื่นที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลับยังคงงง ๆ เลยต่างพากันหันมองหน้าเลิกลั่ก ทว่ายังไม่ทันที่ใครจะเริ่มขยับ เสียงของเพื่อนข้างตัวเฮดว้ากก็กู้สถานการณ์คืนมา ด้วยการตบไหล่คนออกคำสั่งดังป๊าบ!
“เฮ้ย! ผีพี่ว้ากเข้าสิงมึงเหรอวะ บอกกันดี ๆ ก็ได้ ...ดูน้องดิ กลัวมึงหัวหดหมดแล้ว”
“เอ้า! ก็กูชินของกูอย่างนี้ พูดแบบอื่นมันไม่คุ้นนี่หว่า”
อาทิตย์หันไปบ่นอุบอิบกับเพื่อน ...ความจริงไอ้เขาก็แค่อยากบอกให้น้องหลีกทางไปดี ๆ แต่ทำไงได้คนมันเคยชินกับสถานะความเป็นเฮดว้าก ไม่ว่าจะเป็นคำพูดคำจา หรือท่าทางการแสดงออกเลยเป็นไปแบบนั้น
ซึ่งพอน้องปีหนึ่งเริ่มเข้าใจว่ามันเป็นมุกของพี่ปีสามก็ต่างพากันโล่งอก แต่ประโยคคำสั่งก็ยังคงได้ผลอยู่ เพราะคนมุงเริ่มขยับหลีกเว้นทางเดินให้คนอื่นผ่านได้สะดวกขึ้น ซ้ำยังมีน้องภาคเดินเข้ามาสมทบกับก้องภพที่ยืนอยู่ด้านหน้าพร้อมคำโอดครวญ
“โห พี่อาทิตย์เมื่อกี๊ทำเอาพวกผมตกใจหมด เกือบจะจัดเรียงแถวตอนจริง ๆ แล้วนะครับเนี่ย”
ประโยคแซวจากน้องปีหนึ่งถึงกับทำให้กลุ่มพี่ว้ากหน้าโหดหลุดเสียงหัวเราะ
...แปลกดีเหมือนกันที่เมื่อย้อนกลับไปในตอนต้นเทอม พวกน้องคงไม่กล้าแม้แต่จะสบตามอง แต่ตอนนี้พวกเขากลับพูดคุยกันอย่างสนิทสนม โดยยังคงรักษาความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องเอาไว้ได้
“แล้วตกลงคะแนนแคลภาคเราเป็นไงบ้าง”
อาทิตย์เหลือบมองบอร์ดประกาศ พลางเอ่ยเปลี่ยนหัวข้อ
“ภาคเราตกน้อยสุดครับ แถมมีคนได้ท็อปด้วยนะครับพี่”
เอ็มเป็นคนตอบแทน หลังจากอาสาฝ่าวงล้อมไปตรวจดูรายชื่อ และข่าวนี้ก็สร้างความยินดีให้พี่ปีสามจนต้องร้องอย่างถูกใจ
“เออ อย่างนี้สิถึงจะสมเป็นน้องภาคอุตฯ แต่ดูจากที่มึงว้ากน้องเมื่อกี๊ กูก็รู้แล้วล่ะว่าคะแนนน้องจะต้องผ่าน”
ข้อสันนิษฐานของเพื่อนทำเอาอาทิตย์ต้องหันไปถามกลับอย่างงง ๆ
“เกี่ยวอะไรกับว้ากด้วยวะ”
“เอ้า! ก็ถ้าพวกน้องผ่านว้ากที่พวกมึงสรรหามาได้ กูว่าต่อไปให้บุกน้ำลุยไฟอะไรมันก็ผ่านได้หมดล่ะวะ เพราะมันคงไม่มีอะไรโหดนรกฉิบหายไปมากกว่านั้นแล้ว”
ฟังไปฟังมามันชักทะแม่ง ๆ ไม่รู้ว่าตกลงกำลังชมหรือกำลังด่า อาทิตย์เตรียมอ้าปากจะตอกใส่เพื่อน ทว่าดันมีเสียงแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“แต่ผมก็อยากลองเป็นพี่ว้ากดูบ้างนะครับ”
ไม่ใช่แค่รุ่นพี่ แต่เพื่อนรุ่นเดียวกันก็ยังเผลอมองก้องภพอย่างทึ่ง ๆ ด้วยไม่นึกว่าจะมีคนอยากยืนอยู่ในตำแหน่งสุดโหดนั้น กระทั่งเฮดว้ากต้องเอ่ยย้ำ
“คุณคิดดีแล้วเหรอ”
“ครับ ผมคิดดีแล้ว”
คำยืนยันมาพร้อมแววตาแน่วแน่และจริงจัง ซึ่งทุกคนในวงสนทนาก็สัมผัสมันได้เช่นกัน จนเพื่อนคนเดิมต้องตบบ่าอาทิตย์ด้วยความปลื้มใจ
“ดีใจด้วยว่ะอาทิตย์ มึงได้ทายาทอสูรแล้ว”
แม้คราวนี้จะเป็นคำหยอกแซวเหมือนเคย หากอาทิตย์กลับไม่ได้ตอบโต้อะไรเพื่อน เพราะมันคงเป็นจริงตามนั้น ด้วยถึงคราวที่เขาจะต้องปล่อยให้คลื่นลูกใหม่เข้ามาแทน และถ้าเป็นก้องภพ เขาก็คงวางใจให้สืบทอดเจตนารมณ์ของรุ่นพี่สืบต่อไปได้
แต่ถึงบรรยากาศซาบซึ้งอบอวลด้วยมิตรภาพความเป็นพี่น้องภาควิชาจะมีมากแค่ไหน มันก็ต้องปรับเปลี่ยนโหมดกะทันหัน เมื่ออยู่ ๆ น็อตซึ่งเงียบไปนานสะกิดกลุ่มเพื่อนด้วยความจริง
“เออ เมื่อกี๊กูเห็นอาจารย์สุดาขึ้นลิฟต์ไปแล้วว่ะ”
“เฮ้ยตายห่า! ไปช้าอาจารย์ล็อกห้องด้วย ซวยแล้วมึง!!”
วงสนทนาแตกสลายในฉับพลัน ทันทีที่บรรดาพี่ ๆ นึกขึ้นได้ว่าจะต้องรีบเร่งไปเรียนคาบบ่ายถัดไป นาทีนี้ไม่ต้องรอลิฟต์เพราะคนอออยู่กันตรึม แค่ชั้นสามวิ่งขึ้นบันไดไปก็คงทัน
อาทิตย์เองก็หมุนตัวเตรียมใส่เกียร์เร่งรีบตามเพื่อน แต่ไม่ทันได้ก้าว กลับมีบางสิ่งดึงแขนเขาไว้พร้อมคำรั้ง
“เดี๋ยวครับพี่อาทิตย์...”
คนถูกเรียกหันมามองก้องภพ ซึ่งขยับตัวเข้ามาใกล้ และเขาเพิ่งสังเกตได้ว่าแววตาคู่นั้นเปลี่ยนเป็นพราวระยับ เช่นเดียวกับรอยยิ้มและคำพูดแผ่วเบาสั้น ๆ พอให้ได้ยินเพียงสองคน
“...ตั้งใจเรียนนะครับ”
ข้อความธรรมดา ๆ เพียงแค่นั้น หากมันกลับสร้างความรู้สึกสั่นไหวแปลก ๆ จนอาทิตย์ต้องรีบดึงมือตัวเองกลับ โดยอีกฝ่ายก็ปล่อยอย่างง่ายดาย ให้เขาเร่งเดินจ้ำขึ้นบันไดตามหลังเพื่อน
...แม้หลังจากเหตุการณ์ที่สะพานพระราม 8 จะมีความทรงจำมากมายที่ย้ำชัด
แต่เขากับก้องภพก็ยังคงรักษาการวางตัวเหมือนรุ่นพี่รุ่นน้อง พวกเขาไม่ก้าวก่ายชีวิตกันและกัน ไม่ได้ประกาศตัว หรือพูดง่าย ๆ คือแทบไม่ค่อยได้เจอหน้ากันด้วยซ้ำ ด้วยต่างฝ่ายต่างก็เรียนทั้งคู่ เลยดูคล้ายพวกเขาปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินเรื่องราวกลับเข้าสู่ปกติอีกครั้ง
กระนั้นลึก ๆ อาทิตย์รู้ดีว่า มันเริ่มมีบางสิ่งแตกต่างทีละเล็กทีละน้อย โดยไม่จำเป็นต้องอธิบายในความสัมพันธ์
...เพราะบางครั้งแค่เรื่องธรรมดา ๆ ที่เกิดขึ้น
สำหรับพวกเขา... มันก็เป็นความธรรมดาที่ ‘พิเศษ’ มากเกินพอแล้ว
...
…
...และแล้วการเรียนหนึ่งวันก็จบลง
อาทิตย์กลับหอด้วยสภาพสะโหล่สะเหล่จากการเรียนช่วงบ่าย ลากยาวไปจนถึงทำแล็ปเสร็จตอนหกโมงกว่า สภาพร่างกายเลยอยากทิ้งตัวลงบนเตียงนอนนุ่ม ๆ แต่ก่อนหน้านั้น เขาคงต้องแวะเติมพลังที่ร้านขายข้าวเจ้าประจำ และไม่ลืมจะเดินไปสั่งน้ำอย่างที่เคยทำ ซึ่งมีลูกค้ายืนออกันเยอะเหมือนเคย หากพอคนขายเห็นหน้าลูกค้าวีไอพีก็พูดทักทันที
“อ้าว น้องอาทิตย์ นมเย็นเหมือนเดิมใช่มั้ยจ๊ะ”
“เออ...วันนี้ผมขอกาแฟเย็นดีกว่าครับพี่นิด เดี๋ยวผมมาเอานะครับ”
...ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาเปลี่ยนเมนูที่เคยกินกะทันหัน จะเป็นเพราะร่างกายล้า ๆ ของตัวเอง ...หรือเป็นเพราะเมื่อตอนบ่าย เขาได้เจอกับใครบางคน
พอนึกแล้ว ก็เผลอสลัดหัวไล่ความฟุ้งซ่านกับอาการเหมือนสาวน้อยตาหวานในการ์ตูน ท่าทางเขาจะเป็นเอามาก ถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าก้องภพเริ่มมีอิทธิพลกับใจเขามากแค่ไหน
อาทิตย์จึงรีบเดินไปร้านข้าว รอเวลาอยู่เกือบสิบนาทีก็ถึงคิว เขาจ่ายเงินค่าข้าวผัดกระเพราไก่ไข่ดาวหนึ่งกล่องเรียบร้อย แล้วจึงเดินกลับไปยังร้านขายน้ำปั่นข้าง ๆ โดยลูกค้าเริ่มบางตาลง เขาเลยถือโอกาสเดินเข้าไปถาม
“พี่นิดครับ ของผมที่สั่งไว้ได้...”
ประโยคสะดุดไป เพราะสายตาของเขาดันไปปะทะกับใครคนหนึ่ง ซึ่งยืนรอน้ำอยู่เช่นกัน จนเผลอหลุดปากเรียกชื่อ
“ก้องภพ”
คนถูกเรียกหันมา ก่อนใบหน้าจะเผยรอยยิ้มกว้าง เมื่อพบกับความบังเอิญซ้ำเป็นครั้งที่สองเหมือนพรหมลิขิต พลางรีบเอ่ยคำทัก
“พี่อาทิตย์ มาซื้อข้าวเหรอครับ”
“อืม”
อาทิตย์พยักหน้าตอบสั้น ๆ มองถุงกับข้าวในมืออีกฝ่ายซึ่งก็คงมาด้วยจุดประสงค์เดียวกัน ก่อนเขาจะเป็นฝ่ายต่อบทสนทนาขึ้นมาใหม่
“เออ...แล้วคะแนนสอบแคลคุณเป็นไงมั้ง”
“ก็พอไหวครับ”
ถึงจะพูดว่าพอไหว แต่คะแนนของก้องภพจริง ๆ เขาได้ถึงรองท็อป แต่ส่วนหนึ่งที่เขาทำได้มากขนาดนี้ ก็เพราะได้พี่อาทิตย์ช่วยบอกแนวทางข้อสอบให้ และเขาก็บอกต่อเพื่อน ๆ ไปเหมือนกัน หากคนฟังคงตีความไปอีกด้าน เพราะอาทิตย์กลับพูดด้วยน้ำเสียงแสดงความกังวล
“แต่ถ้าคุณไม่ไหวจริง ๆ คุณจะซิ่วก็ได้นะ ก็คุณอยากเรียนเศรษฐศาสตร์ใช่มั้ยล่ะ ผมว่าถ้ามันเป็นความฝันของคุณ จะซิ่วไปเรียนก็ไม่ผิดอะไรหรอก”
คำแนะนำจากความคิดของเฮดว้าก ช่างตรงข้ามกับหลายเดือนก่อน ด้วยพอมามีเวลาคิดทบทวนดูดี ๆ แล้ว เขาถึงได้เข้าใจว่า เขาจะไปห้ามความฝันของก้องภพไม่ได้ ถ้าก้องภพอยากจะเรียนอะไร เขาก็ไม่มีสิทธิจะรั้งไว้ แม้เสียดายที่ไม่ใช่คณะวิศวะ แต่อย่างน้อยถ้าก้องภพได้เรียนอย่างที่ตัวเองชอบ เขาก็ต้องสนับสนุนในสิ่งที่ก้องภพตั้งใจไว้
ทว่า แทนทีอีกคนจะรับความหวังดี รุ่นน้องกลับส่ายหน้าปฏิเสธ พลางอธิบายเหตุผล
“เศรษฐศาสตร์ไว้เรียนเอาตอนป.โทก็ได้ครับ แต่ตอนนี้ผมไม่ซิ่วหรอกครับ เพราะผม...ชอบที่นี่”
คำว่า...ชอบที่นี่ ...เขาไม่รู้ว่ามันสื่อความหมายครอบคลุมขนาดไหน แต่นัยน์ตาระยิบระยับของก้องภพที่ยังคงจับจ้องมาทางเขา กลับส่งผลให้ใบหน้าร้อนวูบกระทั่งต้องเบนหน้าหลบ รู้สึกข้างในใจสั่น ๆ เกินควบคุม และมันชักจะเริ่มเป็นบ่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาทำตัวต่อไปไม่ถูก แต่โชคดีที่เสียงของคนขายน้ำปั่นดังแทรกขัดสถานการณ์
“นมเย็นได้แล้วค่ะ น้องอาทิตย์”
เครื่องดื่มสีหวานถูกยื่นมาให้คนสั่งเจ้าประจำ แต่หนนี้อาทิตย์กลับรีบพูดแย้ง
“ผมไม่ได้สั่งนะครับพี่นิด ผมสั่งกาแฟเย็น”
คราวนี้เป็นทีของคนขายสับสนบ้าง เพราะในกระดาษที่รับออเดอร์ไว้ก็มีนมเย็นเขียนอยู่ด้วยเหมือนกัน จนต้องถามด้วยความงง
“อ้าว...แล้วนมเย็นของใครล่ะคะ”
“ผมสั่งนมเย็นเองครับ”
ก้องภพยกมือขึ้นเฉลยบอกความเป็นเจ้าของตัวจริง จนพี่นิดต้องเปลี่ยนไปยื่นแก้วนมเย็นให้คนข้าง ๆ
“ว๊ายย! งั้นขอโทษนะคะพอดีพี่จำผิด แหม...ก็ทุกทีเห็นน้องสองคนสั่งแบบนี้ มาคราวนี้กินสลับกันเลยนะคะเนี่ย”
คำแซวกลั่วหัวเราะ ทำให้ก้องภพกับอาทิตย์หันมองหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะเผลอหัวเราะขำพรืดออกมาพร้อมกัน เพราะคราวนี้เขาสั่งของสลับกันจริงอย่างว่า
...คงไม่ใช่แค่ใครคนเดียวจะมีอิทธิพลต่อหัวใจ แต่พวกเขาเองต่างฝ่ายต่างก็ค่อย ๆ ยอมรับในกันและกันไปโดยไม่รู้ตัว
อาทิตย์เลยรอพี่นิดรีบทำกาแฟมาให้ใหม่ โดยมีก้องภพยืนคอยเป็นเพื่อนเพื่อเดินกลับหอไปพร้อมกัน
...ท่ามกลางแสงไฟจากถนน ผู้คนต่างเดินผ่านสวนกันไปมา หากในระหว่างทางก่อนถึงหอไม่ไกล อยู่ ๆ อาทิตย์กลับเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาคล้ายนึกได้
“เออ ผมมีของจะคืนให้คุณด้วย ฝากถือหน่อย”
ก้องภพรับแก้วกาแฟจากอาทิตย์มาถือไว้ หันมองอีกฝ่าย ซึ่งเปิดกระเป๋าสตางค์ พลางหยิบของสิ่งหนึ่งกำไว้ในมือแล้วดึงแก้วกาแฟกลับคืนไป พร้อมออกคำสั่ง
“แบมือมา”
แม้จะยังไม่เข้าใจ แต่ก้องภพก็ใช้มือข้างที่ว่างยื่นออกไปข้างหน้า แล้วของบางสิ่งก็ร่วงหล่นลงกลางฝ่ามือ
...เกียร์ภาค
ใจของก้องภพแทบหล่นหายวาบ ด้วยคิดว่าพี่อาทิตย์จะคืนเกียร์ของเขาที่เคยให้ไป แต่เมื่อเพ่งมองแสงไฟดี ๆ แล้ว มันกลับไม่ใช่เกียร์สีเงินของรุ่นเขา แต่มันคือเกียร์สีน้ำตาล และเลขบนเกียร์นั้นก็ระบุถัดเหนือขึ้นไปจากเขาอีกสองรุ่น
...มันคือเกียร์ของพี่อาทิตย์
ก้องภพรีบเงยหน้ามองคนให้ ซึ่งสบตาเขาด้วยความจริงจัง โดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม นอกจากคำสั่งสำคัญ
“ดูแลมันแทนผมด้วย”
ประโยคที่เขาเคยได้ยินตอนรับฝากธงรุ่น หากมาบัดนี้มันได้ถูกเอ่ยขึ้นด้วยความหมายที่มีค่ามากที่สุด และแน่นอนที่เขาจะต้องตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มกว้างเป็นดั่งคำสัญญา
“ผมจะดูแลจากใจเลยครับ”
...
...
...และแล้วคืนวันที่หมุนไปต่อจากนี้
พวกเขาไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร แต่ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างเขาสองคนจะไม่มีชื่อเรียก ตราบใดที่ในใจลึก ๆ แล้วรู้สึกดีต่อกัน ใครจะไปสนใจคำนิยามว่าพวกเขาจะต้องเป็นแบบไหน
แต่หากจะให้นิยาม ระหว่างอาทิตย์กับก้องภพ ก็คงอธิบายได้แค่คำเดียวว่า เรื่องราวของพวกเขา มันอาจหมายถึง...
SOTUSStory
Of
True love between
US เรื่องราวของความรักระหว่าง
‘พี่ว้ากตัวร้าย กับ นายปีหนึ่ง’ -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ENDhttp://www.youtube.com/v/4WsluClWc7U?