บทที่ 2 “พี่ติ?”
หนึ่งในลูกน้องของติรีบหันมาขอความเห็นจากพี่ใหญ่ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังนิ่ง หางตาจับจ้องไปที่ระเบียง ลูกน้องอีกคนแตะบ่าเพื่อนเบาๆเหมือนเป็นสัญญาณให้ลงไปดูสภาพการณ์ด้านล่าง แต่ไม่ทันจะได้ก้าวขา ติก็เป็นฝ่ายออกคำสั่งเสียงแข็ง
“มันอยากโดดลงไปเอง ไม่ต้องไปสนใจ”
“ต..แต่ว่า..”
“หุบปาก”
ทั้งชั้นเงียบลงทันที ความน่ากลัวของผู้ชายตรงหน้า เด็กทุกคนในวิไลวิทย์ประจักษ์กันดี การได้มาอยู่ภายใต้อำนาจของกีรติ ถือเป็นโล่ที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว แต่หากขัดคำสั่งของเขาเมื่อไร ก็กลายเป็นเหยื่อได้ทุกเมื่อ คนสร้างเรื่องเดินไปคว้ากระเป๋านักเรียนของพะภูขึ้นมา ของด้านในส่วนใหญ่เป็นหนังสือเรียนกับเครื่องเขียน
ติถือกระเป๋าใบนั้นไปหยุดอยู่ริมระเบียงอลูมิเนียมของอาคารเรียน ก้มหน้าลงไปเห็นว่าเด็กนั่นยังไม่ได้นอนไส้ทะลักตามที่คาด สายตาที่ดูฝืนทำเป็นดีกำลังเงยขึ้นมองตัวเองอยู่เช่นกัน ท่ามกลางเด็กนักเรียนที่เริ่มวิ่งเข้ามามุงดูเหตุการณ์ ติตัดสินใจเทของในกระเป๋าลงไปกระแทกศีรษะของคนที่นั่งระบมอยู่เบื้องล่าง พะภูรีบกำพวงกุญแจที่คว้าได้เอาไว้แน่น ก่อนจะยกแขนขึ้นป้องตัวเองไว้พลางปิดตาสนิท
ต้องฝืนกัดริมฝีปากเอาไว้ทุกครั้งที่สันหนังสือร่วงลงมากระแทกร่างกาย จบท้ายด้วยกระเป๋าว่างเปล่าของตัวเองที่ลอยตามลงมา ผู้ชายที่ยืนส่งสายตารังเกียจอยู่บนชั้นสอง ตอนนี้หายไปแล้ว ลืมนึกไปเสียสนิทเลยว่า คนที่เก่งที่สุดของวิไลวิทย์ ก็ต้องหมายถึงคนที่ร้ายที่สุดเช่นกัน แบบนี้ก็เท่ากับว่าพะภูกำลังพาตัวเองเข้ามาในดงสิงโตชัดๆ และเป้าหมายของเขาก็คือพญาราชสีห์เสียด้วยสิ
“โอ..โอ๊ยยย”
“อย่าเพิ่งขยับ”
เจ้าของเส้นผมซอยสั้นกัดสีทองเด่นชัด ปรากฏขึ้นต่อหน้าคนที่กำลังนอนแหมะอยู่กลางวงนักเรียนช่างสงสัย เสียงทุ้มของผู้ชายดังขึ้นคล้ายพวกชอบจัดการ
“ขาหักซะล่ะมั้ง”
“โอ้ย เจ็บ! เจ็บ!!”
พะภูร้องเสียงหลงเมื่อโดนผู้ชายคนนี้เข้ามาจับๆตั้งแต่ต้นขาไปถึงหน้าแข้ง ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่าง การขยับตัวแม้เพียงเล็กน้อยก็ถือเป็นมหัตภัยเมื่อมันทั้งร้าวทั้งระบม ชายแปลกหน้ากดโทรศัพท์หาใครบางคนและเข้ามาเช็ดเหงื่อให้ตนเองอย่างไม่ถือสา ทำตัวเป็นนักบุญน้ำใจงาม หมอนี่มันใครกัน คนแบบนี้สามารถมีชีวิตในโรงเรียนนักเลงแบบนี้ได้ยังไง
ไม่นานนักเสียงรถพยาบาลก็ดังขึ้นเรียกความสนใจจากนักเรียนคนอื่นได้อีกครั้ง ร่างของพะภูถูกหามขึ้นไปบนเปลตรงไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด มีผู้ชายคนนั้นติดตามไปพร้อมกันด้วย
เมื่อตัวก่อเรื่องหายไป ไทยมุงก็ได้ฤกษ์แยกย้าย เด็กม.4หน้าจืดคนหนึ่งที่คอยเฝ้าดูเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น รีบวิ่งฝ่าผู้คนเข้าไปยังอาคารเรียนหลังแรก ชั้นสองห้องสามคือจุดหมายของเขา ที่นั่นคือห้องเรียนในตอนเช้า แต่พอเลิกเรียนมันจะกลายเป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มเด็กผู้อยู่ใต้อำนาจของกีรติ
ประตูไม้ถูกเคาะเป็นจังหวะที่รู้กันแค่คนใน มีเด็กหน้าโหดเดินมาเปิดประตูให้ ก่อนที่เขาจะรีบตรงไปยกมือไหว้ผู้เป็นพี่ใหญ่ ทั้งห้องเงียบลงทันทีเพื่อฟังคำรายงาน
“ดูเหมือนเด็กของธารวิทยาจะไม่เป็นอะไรมาก แค่ขาหักเท่านั้นครับ”
“แล้วตอนนี้มันอยู่ไหน?” ผู้ชายหัวเกรียนคนหนึ่งถามขึ้น จากตำแหน่งการนั่ง ดูท่าทางจะเป็นที่นับถือในกลุ่มไม่ใช่น้อย
“ไปแล้วครับ”
“ไปไหน ขาหักแบบนั้นไม่น่าจะลุกไหวด้วยซ้ำ”
“มีรถพยาบาลมารับไปแล้วครับ”
“โฮ่ ใครใจดีไปช่วยมันวะ?”
“โรงเรียนเรามีคนบ้าแบบนั้นด้วยเรอะ ฮ่าๆๆ”
“ฮ่าๆๆๆๆ”
เสียงหัวเราะร้ายกาจตามประสาพวกอันธพาลดังขึ้นทั่วทั้งห้อง ทุกคนที่นี่เห็นการช่วยเหลือเด็กต่างโรงเรียน โดยเฉพาะเด็กที่มาสร้างความรำคาญให้แก่นายตัวเอง เป็นเรื่องตลกสิ้นดี สาบานได้ว่าถ้าติรู้ตัวคนนั้น มันจะต้องรีบเพ่นออกไปจากวิไลวิทย์แทบไม่ทันแน่ แต่จากสีหน้าไม่สู้ดีของเด็กม.4ที่เข้ามารายงาน รวมทั้งสายตาวอกแวกประหลาด ก็ทำเอาเสียงหัวเราะเมื่อครู่ค่อยๆสงบลงตามลำดับ กลับกลายเป็นความเครียดที่ตรงเข้าเล่นงาน ความคิดเดียวกันเริ่มผุดขึ้นมาในหัวของทุกคนที่นี่
เพราะมันมีอยู่น่ะสิ คนที่ไม่ว่าจะทำใจดีกับใคร ก็ไม่มีทางถูกหัวเราะเยาะหรือเอาเรื่องได้...
ชายผู้เป็นมือขวาตลอดกาลของกีรติ เพื่อนสนิทคนเดียวของเขา ถึงแม้ว่าจะเป็นคนสบายๆ ติดจะใจดีกับเพื่อนร่วมโลก แต่เวลาสู้ก็ไม่เคยแพ้
“เอ่อ..คือ...”
“พูดมาเถอะ”
“พี่เกต์เป็นคนไปช่วยมันไว้ครับ”
ทั้งห้องเงียบเป็นป่าช้า พยายามเหลือบตามองปฏิกิริยาของคนที่นั่งอยู่หน้ากระดาน ติได้แต่ถอนหายใจสั้นๆ เอือมระอากับการเป็นคนดีเกินไปของเพื่อนคนนี้ ไม่ดีแน่ถ้าไอ้เกต์ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทตนไปให้ความช่วยเหลือเด็กนั่น อาจจะทำให้เข้าใจผิดว่าเขาเป็นห่วงเป็นใย จนไม่ยอมเลิกราวีเอาได้ ในหัวพยายามคิดหาวิธีการที่จะทำให้เด็กผู้ชายคนนั้นไม่นึกอยากเข้าใกล้ตัวเองอีก
ไม่นานนัก ริมฝีปากที่ปิดเงียบมานานก็เริ่มเผยอออก พร้อมคำสั่งล่าสุดที่ทำเอาลูกน้องทุกคน งงไปตามๆกัน
“เตรียมอะไรให้ฉันหน่อย คืนนี้เราจะไปเยี่ยมไอ้เด็กนั่นกัน”
“ผมไม่มีเงินหรอกนะครับ” คนเจ็บบนเตียงของโรงพยาบาลพูดขึ้น ขาข้างหนึ่งถูกเข้าเฝือกไว้พร้อมของแถมเป็นไม้ค้ำขนาดยาว ความเจ็บปวดทุเลาลงบ้างหลังได้รับการรักษาที่ถูกวิธี ผู้ชายหัวทองก้มหน้าลงมองมือถือตัวเองพลางขมวดคิ้วมุ่น
“นายไม่ต้องห่วงนะ ฉันออกค่ารักษาทั้งหมดให้แล้ว แต่ตอนนี้ฉันมีธุระ คงต้องไปก่อน นอนดีๆแล้วหายเร็วๆล่ะ” เขารีบพูดรัวเร็ว ก่อนจะหนีหายไปจากห้องพิเศษของโรงพยาบาลทันที
คนบ้าแบบไหนกันที่เขามาช่วยเหลือคนไม่รู้จัก แถมดูแลอย่างดีอย่างกับครอบครัวเดียวกันแบบนี้อีก ไม่สิ ถ้าเป็นใครคนอื่นก็คงไม่น่าสงสัยเท่านี้ แต่เพราะว่านี่เป็นนักเรียนของโรงเรียนไม่น่าคบอย่างวิไลวิทย์นั่นแหละ คงไม่ใช่ว่าจะมาทวงบุญคุณเอาทีหลังหรอกนะ แต่ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้ถามแม้แต่ชื่อของเขาด้วยซ้ำ แล้วเขาเองก็ไม่ทันถามชื่อหมอนั่นเช่นกัน
คนบ้าที่กำลังถูกเด็กผู้ชายเมื่อครู่นินทา รีบก้าวเท้าออกจากโรงพยาบาลพลางยกมือถือขึ้นแนบหู เสียงโหดออกคำสั่งผ่านสายทันทีที่กดรับ
(ไปซื้อเบียร์มาให้กูด้วย)
“อะไรวะ ไอ้ติ นี่มึงอยู่ไหน?”
(เรื่องของกู มึงอะ รีบซื้อเบียร์แล้วไปรอกูที่บ้าน)
“เออๆ...เฮ้ย วันนี้กูเจอเด็กที่ตามตื้อมึงตกมาจากชั้นสอง มีเรื่องไรกันวะ?”
(ไม่มี)
“แล้วเด็กนั่นชื่อไรนะ กูก็ลืมถาม”
(กูจำไม่ได้...ชื่อผดุงมั้ง)
“เออ กูขึ้นรถและ ไว้มีเรื่องคุยกันยาว”
(มึงคุยไปคนเดียวแล้วกัน กูจะแดกเบียร์)
“อ่าว ไอ้ห่า”
ติตัดสายไปก่อนที่จะฟังจบด้วยซ้ำ เขาสายหน้าให้เพื่อนเวรคนนี้เล็กน้อย ก่อนจะออกรถตรงไปที่มินิมาร์ท มีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างติดอยู่ที่หลัง ดูเหมือนไอ้ติตั้งใจก่อเรื่องอะไรอีกแล้ว
“พี่เกต์ขับรถออกไปแล้วครับ” เด็กม.4หน้าจืด ฝ่ายสะกดรอยคนเดิมรีบวิ่งมารายงานติกับพรรคพวกจำนวนหนึ่ง ซึ่งดักรออยู่ที่หลังโรงพยาบาล พี่ใหญ่ผู้กุมอำนาจพยักหน้า ก่อนจะเดินนำเข้าไปถามหาห้องของเด็กธารวิทยาทันที
ไม่นานนัก ทั้งหมดก็มาหยุดลงตรงหน้าห้องพิเศษ 608 ประตูถูกเปิดออกอย่างเสียมารยาท ลูกน้องผู้ติดตามยืนคุมอยู่เต็มพื้นที่หน้าห้อง ปล่อยให้ติเข้าไปเผชิญหน้ากับเด็กน้อยบนเตียงลำพัง
เมื่อเห็นว่าใครมาเยี่ยมเอาในเวลาอย่างนี้ พะภูก็รีบปล่อยมือถือตัวเองหล่นและเลื่อนความสนใจมาที่ภาพตรงหน้าทันที ดวงตาเปล่งประกายด้วยความดีอกดีใจ พยายามยันตัวเองลุกขึ้นอย่างเก้ๆกังๆ ไม่มีการช่วยเหลือใดๆ นอกจากสายตาที่มองลงมาอย่างมีเลศนัย
“พี่ติมาเยี่ยมผมเหรอครับ?”
“อืม”
ตอบเสียงสั้น กระชับของในมือให้แน่นขึ้น ท่าทางเป็นสุขของเด็กนี่ยิ่งทำให้เขานึกสนุก อยากจะเห็นเหลือเกิน ใบหน้าตอนที่ได้รับของฝากสุดพิเศษ จากคนพิเศษคนนี้
“ดีใจจัง!”
“เอ้า หวังว่านายจะชอบ”
ช่อดอกไม้ขนาดเล็กถูกยื่นออกไป พะภูเกร็งหน้ามองของในมืออีกฝ่ายอย่างไม่แน่ใจนัก ไม้โมกที่ถูกไสเป็นแผ่นบางๆถูกขึ้นรูปให้เป็นดอกกุหลาบ นำมาประกอบกับแพรช่อเชิญ มัดไว้ด้วยริบบิ้นสีดำ ลักษณะแบบนี้มันคงไม่ใช่แค่ดอกไม้ประดิษฐ์ธรรมดาเสียแล้ว
ถึงแม้อยากฆ่าให้ตาย แต่ก็ต้องฝืนทำหน้าระรื่นและรับมันมาทั้งอย่างนั้น ติเหยียดยิ้มอย่างพอใจก่อนจะหันหลังกลับ เสียงทุ้มดังส่งท้ายขึ้นมา เป็นคำอวยพรที่ช่างโหดร้าย
“ตายไวๆนะ”
ทันทีที่ประตูห้องปิดสนิทลง คนตัวเล็กก็รีบปาของที่เพิ่งได้รับมาลงกับพื้นอย่างเกรี้ยวกราด กรามทั้งสองด้านขบแน่นด้วยความโมโห สายตากดจิกลงไปยังเศษซากดอกไม้จันทน์เบื้องล่าง นายกีรติ...ถ้าไม่ได้ต้องใช้ประโยชน์อะไร เขาไม่มีวันอยากรู้จักผู้ชายคนนี้แน่!
----------------------------------------------
อีพี่ติเป็นพระเอกหรือนางร้ายวะคะ 5555
ตอนแรกว่าจะลงพรุ่งนี้ แต่ฮึด แต่งจบบทพอดี เลยลงซะเลย เย้~
ขอบคุณทุกๆคนอีกครั้งที่เข้ามาอ่าน มาเม้นให้กันนะคะ
มีกำลังใจแต่งต่อขึ้นเยอะเลย ปลื้มมากๆ
ถ้ายังไงก็ฝากติดตามกันต่อไปด้วยนะคะ มาร่วมเชียร์พะภูไปด้วยกันเน่อ!
ป.ล. ชื่อ เกต์ ออกเสียงว่า เก้ (เหมือนช่อบูเกต์) นะคะ ไม่ใช่ เก เด้อออ 