บทที่19.1 สองวันแล้วที่ผมใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาล ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องพักพิเศษ ทั้งที่น่าจะมีเตียงเดียวแต่เจ้ก็ขอโรงพยาบาลให้จัดเตียงสองพ่อลูกอยู่ห้องเดียวกัน
“โทษทีนะพี่ขึ้นมาช้า”
น้องปังวางมือถือละสายตามาทางผม แอบเล่นคุกกี้รันอีกแล้วล่ะสิ
“อันนี้ของน้องปังครับ”
ผมยื่นบิสกิตให้แต่เจ้าตัวเล็กกลับเอามือมาแหวกถุงเซเว่นแล้วหยิบช็อกโกแลตของผมไป
“เอาอันนี้นะ~”
น้องปังขอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ผมก็ต้องยอมใจอ่อนให้ไปอยู่ดี ลาก่อนเฟอริโร่~ ผมเดินไปเตียงข้าง ๆ
ร่างสูงนอนเหยียดยาวหายใจเข้าออกเนิบๆ หมอบอกว่าโชคดีที่สมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือนมาก แค่บาดเจ็บเล็กน้อย หมอยังบอกเลยปาฏิหาริย์จริงๆ
...บาดเจ็บเล็กน้อยแต่สลบมาจะวันที่ 3 แล้วนะ..
ผมจับมืออุ่นขึ้นมาบีบเบา ๆ ผมอยากให้พี่พายุลืมตาขึ้นมาเร็ว ๆ เพราะมีเรื่องสำคัญจะบอก...สำคัญมากจริง ๆ
“ม๊าแกะให้ปังหน่อย-o-”
อ่ะ ลืมเลยว่าน้องปังแขนหัก
“โทษทีนะ เอ้า!”
ผมแกะกระดาษห่อแล้วยื่นให้ ริมฝีปากรูปกระจับรีบอ้าปากงับปั๊บทันทีเลย เหมือนกำลังให้อาหารลูกนกอยู่เลยแหะ^^
ปัง!!
เสียงปิดประตูกระหึ่มไม่ต้องบอกเลยว่าใครมา ผมหันไปอ้าปากด่ามันแบบไม่ออกจนแขกผู้มาใหม่เป็นอันงอนโยนของลงบนเตียง
“ไอ้คาร์ล! มันโดนขาน้องเห็นมั้ยวะครับ!” ผมบอก
“ยังไม่โดนเลยครับมึงก็ ห่างเป็นวาเลย” มันย้อน
ก๊อบแก๊บ ๆ
น้องปังรื้อ ๆค้นๆในถุงที่คาร์ลโยนมาก่อนจะงัดเอาน้ำอัดลมสีดำเข้มออกมา ใบหน้าใสเอียงคอทำตาวิบวับใส่ผมก่อนจะเอ่ยถาม
“ปังกินได้มั้ยอ่า*o*”
“ซื้อมาให้คนเฝ้าไข้กินนะ ไม่ใช่ซื้อมาให้คนไข้กิน” คาร์ลบอก
“งื้ออออ -3-”
ขอโทษทีนะ ถ้าน้องปังยอมกินข้าวซะบ้างพี่ก็คงให้กินไปนานแล้ว ขืนให้กินตอนนี้มีหวังกระเพาะพรุน
“ไว้หายแล้วพี่จะเลี้ยงขวดใหญ่นะ กินอย่างอื่นไปก่อนแล้วกัน^^” ผมบอก
“ม๊าฮะ มือถือม๊าแบตหมดแล้วอ่า ปังอยากเล่นเกมต่อ-o-”
“คาร์ล”
ผมเรียกไอ้คุณเพื่อนบนโซฟา
“เกี่ยวไรกับกูวะครับเนี่ย เพิ่งชาร์ตเลยนะอย่าเล่นหมดละ”
มันบ่นแต่ก็ยอมส่งมือถือให้น้องปัง ผมเก็บถุงขนมบนเตียงออกไปไว้ที่โต๊ะกาแฟก่อนที่พยาบาลจะเข้ามาบ่นเหมือนเมื่อวานอีก
“พี่คาร์ลชอบแบบนี้หรอ-3-”
น้องปังบ่นแล้วหันจอโชว์รูปผู้หญิงหุ่นสะบึ้มในชุดบิกินี่ตัวเล็กจิ๋วปิดได้แค่หัวนม
“ไอ้คุณเพื่อนนนนนนน!”
ผมยกหมอนฟาดเจ้าของมือถือไม่ยั้ง
“ทำไมมึงไม่เปลี่ยนหน้าจอก่อนวะ!!”
“กูลืมๆ! พอแล้วๆกูเจ็บ!”
แชะ!
ผมหันไปทางน้องปังที่กดมือถือถ่ายรูป แล้วเจ้าตัวน้อยก็หันมาโชว์รูปหน้าจอใหม่ให้ผมกับคาร์ลดู อ่า อยากเอารูปนี้มาตั้งหน้าจอมือถือบ้างจัง อยากกับตุ๊กตาBJDเลยอ่ะ ><
“รูปนี้ดีกว่าเนอะ^O^” น้องปังบอก
“เปลี่ยนเป็นรูปหมาดีกว่านะ-o-” ไอ้คาร์ลบอก
“รูปปังไม่ดีตรงไหนฮับ-_-+”
“อย่ามาเปลี่ยนรูปจอคนอื่นตามใจชอบสิ^^;”
“อ๊ะ! เมมเต็มO.O”
“หา-o-”
“ต้องล้างเครื่องแล้วล่ะ-.- เดี๋ยวปังล้างให้น้า~^O^”
“ไม่ต้องยุ่งเลย! เอามา!”
คาร์ลมาแย่งมือถือน้องปัง แต่น้องปังไม่ยอมเลยแย่งกันไปมาแถมยังโวยวายกันเสียงดังอีก ผมว่าอีกไม่นานพยาบาลต้องมาด่าแน่!
“..อื้อ”
ผมหันไปที่เตียงพี่พายุ สองคนนั้นหยุดทะเลาะกันหันมามองพี่พายุเหมือนผม
“พี่พายุครับ”
ผมเรียกพี่เขา พี่พายุขยับแขนเล็กน้อยก่อนจะปรือตามองเพดานห้อง
“หิวน้ำ..”
เสียงพี่เขาอู้อี้คงเพราะคอแห้ง ผมรีบเอาแก้วน้ำใส่หลอดป้อนน้ำให้พี่พายุทันที
“เดี๋ยวกูไปตามหมอให้แล้วกัน”
ไอ้คาร์ลบอกพร้อมฉวยจังหวะน้องปังเผลอหยิบมือถือใส่กระเป๋ากางเกง
“ป๊า! ป๊าตื่นแล้ว!!”
น้องปังกระโดดลงจากเตียงแล้วมาเกาะเตียงที่พายุ
“...ปังไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย” พี่พายุพูดเสียงแหบ
“ฮะ ปังไม่เป็นไร ”
“อย่าเพิ่งลุกนะครับพี่พายุ รอหมอมาดูอาการก่อน”
“ป๊าหลับไปนานมากเลย ปังกลัวพ่อจะไม่ตื่นขึ้นมาซะแล้ว หมอฉัดยานอนหลับให้พ่อเยอะไปแน่ ๆเลย” น้องปังบ่นตามประสาเด็ก ตอนแรกที่น้องปังเห็นพี่พายุไม่ฟื้นก็เอาแต่ร้องไห้นึกว่าพี่พายุตาย ผมเลยต้องโกหกไปว่าหมดฉีดยาสลบให้เยอะไปหน่อยเลยยังไม่ตื่น
“พี่พายุครับ.. คือผม มีอะไรจะบอก”
บอกตอนนี้จะดีมั้ยนะ แต่ถ้าไม่บอกตอนนี้ก็คง... หึ่มมมม ยังไงก็ต้องบอกล่ะน่า
“คุณภูผาน่ะ..”
ดวงตาคมเบิกกว้างเพมื่อได้ยินชื่อ พี่พายุจับแขนผมแล้วเอ่ยบอกถาม
“ได้ยินชื่อนี้มาจากไหนน่ะ!”
“คือผมคุยกับเขา” บอกแบบนี้เลยแล้วกัน
“อ่า... ฟิลคงคิดว่าพี่บ้าเหมือนคนสองบุคลิกสินะ”
“เปล่านะครับ คือเขาไม่ได้คุยในร่างพี่พายุ” ไม่เหมือนตอนเด็กๆที่ผมเห็นในฝัน แต่มาเป็นตัว ๆเลย
“เขาออกมาให้เห็นเลยหรอ”
“ครับ สรุปเขาเป็น..ผีใช่มั้ยครับ แต่เขาไม่กลัวพระ กลัวไม้กางเขนเลย”
“พี่คงต้องเล่าเรื่องในอดีตให้ฟังก่อนสินะ”
“ถ้าเรื่องที่พี่พายุกับเขาอยู่ในร่างเดียวกันหลังจากจมน้ำ อันนั้นผมรู้แล้วล่ะครับ”
“เขาบอกฟิลหมดเลยหรอเนี่ย”
ผมพยักหน้าเบา ๆ ส่วนพี่พายุก็ยิ้มเจื่อน ๆ
“ป๊าฮับ ภูผาที่พี่ฟิลบอกเป็นน้าของปังใช่มั้ยฮับ” น้องปังถาม
“ไม่ใช่ลุงหรอ” ผมถาม ก็ภูผาบอกพี่พายุเป็นน้อง
“พี่ก็ไม่แน่ใจว่าพี่กับผาใครจะเกิดก่อนกัน แต่พี่อยากเป็นพี่น่ะ”
ครับ... ปัญหาโลกแตกที่คู่แฝดมักจะเป็นกันทุกคู่คือ แย่งกันว่าใครออกมาก่อน ผมเข้าใจแล้วล่ะ
“แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหนแล้วล่ะ”
พี่พายุถามด้วยท่าทางดีใจ ถ้าผมบอกออกไปจะเป็นการทำร้ายความรู้สึกพี่เขาหรือเปล่านะ
“ฟิล..”
ต้องบอก ต้องบอกให้ได้ แต่ปากผมมันหนักจนแทบขยับไม่ได้!
“เขา...เขาไปแล้วครับ”
“ไปไหน”
มันยากที่จะบอก ผมรู้สึกกดดันมาก ๆ ทำไมตาบ้านั่นต้องบังคับให้ผมมาบอกด้วย ผมล้วงหยิบกระดาษแผ่นยับออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้พี่พายุ
“...เขา..ฝากมาให้”
พี่พายุคลี่กระดาษไล่ตามองไปตามตัวอักษร ใบหน้าขาวซีดเริ่มกลายเป็นเคร่งเครียด ผมเห็นเส้นนูนๆปูดออกมาจากข้างขมับของพี่พายุด้วย ผมรู้ว่าข้อความในนั้นมันคืออะไร ต้องขอโทษที่เสียมารยาทเปิดมันอ่าน
ข้อความที่คุณผีบอกก็คือ
/ลาก่อน ดูแลตัวเองด้วย หวังว่าชาติหน้าจะได้เกิดเป็นพี่ชายนายอีก
ภูผา/
เคร้ง!
ร่างสูงลงจากเตียงทันที ผมวิ่งไปคว้าเสาน้ำเกลือแต่คว้าไว้ไม่ทัน พี่พายุพยุงตัวเกาะขอบเตียงพยายามจะวิ่งออกไปด้านนอก
“เดี๋ยวครับ! พี่จะไปไหน” ผมตะโกนถาม
“ไอ้น้องบ้า! ทำไมทำอะไรไม่ปรึกษากันก่อนวะ!”
เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพี่พายุโมโหและพูดจาแบบนี้ พี่พายุกำหมัดแน่นไม่ละความพยายามที่จะลากตัวเองออกไปนอกห้อง
“พี่พายุ! พี่เพิ่งหายอย่าเดิน..!”
ร่างใหญ่ล้มคว่ำผมรีบเข้าไปประครองเขาเอาไว้ บอกแล้วว่าอย่าเดินไง หน้ามืดล้มหัวฟาดไปจะทำยังไงล่ะ!
“เรียกมาได้มั้ยฟิล!!”
“ครับ?”
“เรียกภูผาออกมา หรือพี่ต้องหลับ! พี่ต้องหลับก่อนใช่มั้ย!”
พี่พายุกระโจนใส่ตู้ข้างเตียง เขาพยายามกวานหาอะไรบางอย่าง มันคือยานอนหลับ เม็ดยาถูกเทใส่มืออย่างกับราดน้ำ ถ้ากรอกเข้าไปทั้งกำมือแบบนั้นได้ไปอยู่ด้วยกันแน่!!
“หยุดนะครับพี่พายุ!!”
“ฮือออออ ป๊าจะทำอะไร!”
ผมเข้าไปดึงแขนพี่เขาท่ามกลางเสียงร้องไห้ของน้องปังที่ดูตกใจกับเหตุการณ์ แม่ง! เมื่อไหร่หมอจะมาวะ ผมจะบ้าแล้วนะเนี่ย!!
พลั่ก!
“ได้สติซะทีเถอะครับ!!”
ผมเหวี่ยงหมัดกระแทกใบหน้าหล่อจนร่างเขากระเด็นไปติดข้างเตียง
“เขาไปแล้ว!! พี่ก็ต้องทำใจนะครับ!! เขาเสียสละเพื่อพี่! ไม่ใช่ให้พี่มากินยาเป็นกำ ๆ แบบนี้!! ต่อให้พี่กินหมดกระปุ๊กนี่ก็เรียกเขากลับมาไม่ได้หรอกครับ!!”
ผมระบายความอึดอัดในใจออกมาเสียงดังลั่น ให้ตายเหอะพี่น้องคู่นี้บ้าด้วยกันทั้งคู่!!
“แต่ผายังไม่ตาย!! เขายังอยู่!! จะให้เขาข้ามไปอีกฝั่งไม่ได้!!”
พี่พายุตะโกนเสียงดัง บุรุษพยาบาลกรูเขามาล็อกตัวพี่พายุ
“ออกไปก่อนนะคะ”
นางพยาบาลดันตัวผมให้ออกไปนอกประตู แล้วคุณหมอก็เดินเข้าไปข้างในอย่างเร่งรีบ
“ปล่อยผม!! ผมจะไปหาน้อง!!”
ปัง!
บานประตูปิดลงตรงหน้าผม ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือพี่พายุกับลงมองมาที่ผมและพูดอะไรบางอย่าง ซึ่งผมก็ไม่ได้ยิน
วันถัดมาผมซึ่งควรจะนอนเฝ้าใครบางคนที่โรงบาลกลับนอนดูทีวีเกมโชว์ไร้สาระเรื่อยเปื่อย ใครจะมีหน้าไปเจอกันล่ะ เฮ้อ เมื่อวานผมยังช็อกอยู่เลย ไม่เคยเห็นพี่พายุเป็นบ้าได้ขนาดนั้น
ก๊อก ๆ
ผมมองไปที่ประตูกระจกหน้าบ้านก็พบร่างของใครบางคนท่ามกลางสายฝนเปียกปอน ไม่ใช่แค่หนึ่งถ้านับรวมร่างเล็ก ๆ ข้างกายเขาด้วย
“มาได้ยังไงกันครับ!!”
ผมร้องอย่างตกใจแล้ววิ่งพรวดไปเปิดประตูรับพี่พายุกับน้องปังเข้ามา ให้ตายสินี่หนีออกมาจากโรงพยาบาลหรอ!!
“ฟิล! ช่วยพี่หน่อยได้มั้ยพี่ขอล่ะ!”
พี่พายุประนมมือจะกราบผม ผมต้องรีบยั้งไว้กลัวอายุสั้น
“ทำไมถึงหนีออกมาอย่างนี้ละครับ!”
“ถ้าไม่รีบไปตอนนี้ คงไม่ทันแน่ ๆ พี่ขอล่ะฟิลช่วยไปกับพี่หน่อยได้มั้ย!”
ลำบากใจนิดหน่อยนะครับที่มาขออะไรกะทันหันแบบนี้ แต่มันต้องเป็นเรื่องใหญ่เกี่ยวกับตาผีบ้านั่นแน่ๆ พี่พายุถึงขั้นถ่อสังขารมาหาผมที่นี่
“ที่จะไปนี่ นานมั้ยครับ” ผมถามแล้วเหลือบมองรถแท็กซี่ด้านนอก
“ซักสองวัน”
“ก็ได้ครับ งั้นไปกันเลย”
กระเป๋าไม่ต้องเก็บแล้ว รีบไปเลยดีกว่า
ผมลงจากรถสองแถวคันโทรม ๆ กวาดตามองไปยังทุ่งนาสีเขียวสุดลูกหูลูกตา เลยขึ้นไปเป็นป่าเขาทึบมีสายรุ้งโค้งวาดอยู่ด้านบน พี่พายุจูงมือน้องปังนำทางผมเข้าไปในหมู่บ้านเล็ก ๆ ชาวบ้านในนี้ดูจะตื่นคนเมืองพอสมควรเห็นออกมายืนมองกันเต็มไปหมด
ผมมองไปที่ต้นไม้ใหญ่ริมข้างทางดินลูกรัง มันช่างดูคุ้นตาเหมือนผมเคยมาเหยียบที่นี้แล้วครั้งหนึ่ง ผมเลยออกไปที่สะพายไม้ซึ่งทอดยาวเข้าไปในป่า ผมเริ่มจะจำได้แล้วว่าที่นี่คือที่ไหน แล้วที่ทำให้ผมชัวว์กว่านั้นว่ามันต้องใช่ที่ๆผมกำลังคิดอยู่แน่ๆ ก็คือประตูบานตรงหน้าผมตอนนี้นี่แหละ
“ฉันคิดแล้วว่าพวกคุณต้องมา”
ไม่ใช่คุณยายผมหงอกอย่างที่ผมคิด แต่เป็นสาวน้อยอายุประมาณ 15 ที่เอ่ยปากต้อนรับ
“ขอรบกวนหน่อยนะครับ แม่หมอ”
พี่พายุเอ่ยกับเด็กสาวคนนั้น เธอมองมายังผมก่อนจะยิ้มบาง ๆ
“ยินดีต้อนรับสู่หมู่บ้านขอเราอีกครั้งนะคะ”
คำว่าอีกครั้งของเธอมันทำให้ผมขนลุกซู่ทั้งตัว มะ..ไม่ได้หมายถึงผมหรอกใช่มั้ย อย่ามองมาทางนี้สิ
“ผมอยากขอให้แม่หมอช่วยติดต่อกับวิญญาณน้องผมให้หน่อยได้มั้ยครับ” พี่พายุออกปาก
“ให้เรียกผ่านคนตอนนี้ฉันคิดว่าคงไม่ทันแล้วล่ะต่อให้คุณพาคนที่สื่อกับเขาได้มาก็ตาม”
ผมสินะ? ผมกลายเป็นพวกมีสัมผัสที่ 6 ไปซะแล้ว
“วันนี้ก็วันส่งผีเข้าป่าแล้ว ฝาแฝดของคุณก็คงรอข้ามสะพานไปอีกฝั่งเหมือนกัน เอาเป็นว่าซักหกโมงค่อยมาหาฉันอีกทีแล้วกัน”
“ขอบคุณครับ”
พี่พายุบอกแล้วพาพวกผมออกมา ผมหันกลับไปมองแม่หมอยังสาวที่ยังส่งยิ้มให้ผมอยู่ พี่พายุคงไม่ได้พาผมมาเป็นอาหารเลี้ยงปอบอะไรทำนองนั้นแบบในหนังใช่มั้ย
“ไปที่บ้านพี่ก่อนแล้วกันนะ แต่ไม่มีใครอยู่แล้วฝุ่นอาจจะเยอะหน่อย”
พี่พายุพาเดินมาที่บ้านไม้ชั้นเดียว พอเปิดประตูเข้าไปทั้งที่มันควรจะมีฝุ่นฟุ้งแต่กลับสะอาดเรียบร้อย
สักพักก็มีคุณป้าเดินออกมาต้อนรับเราและยกของเข้าไปเก็บให้
“ไม่ต้องครับป้า เดี๋ยวผมทำเอง”
“แม่หมอบอกว่าเอ็งจะมา ข้าก็เลยมาทำความสะอาดให้”
แม่หมอนี่หลอนดีจังนะครับ รู้ทุกอย่างเลย-o-;;;
“ขอบคุณมากนะครับ ไว้คราวหน้าผมจะเอาของฝากมาให้”
“ไม่เป็นไรหรอก ช่วยกันๆ เอ็งก็ยังเป็นหลานข้า นี้ก็เหลนข้า น่าเกลียดน่าชังจริงๆเลย”
คุณป้าหันมาเล่นหยอกน้องปังแล้วก็เดินออกไป ผมเริ่มไว้เจ้าที่เจ้าทางรอบ ๆ บ้านก่อน มาต่างจังหวัดกลัวเจอของดีเลยต้องขอขมาไว้ก่อน
“เอ่อ..พี่พายุครับ วันส่งผีเข้าป่าคืออะไรครับ” ผมถามขณะดึงฟูกออกมา
“เป็นวันนี้คนตายของหมู่บ้านแถว ๆ นี้จะไปอีกโลกหนึ่งน่ะ เชื่อกันว่าถ้าข้ามสะพานตรงนั้นไปก็จะไปอีกโลกหนึ่ง ที่นี่เลยห้ามไม่ให้เข้าป่าตอนกลางคืนและเด็กก็ไม่ควรไปเล่นที่สะพานนั่น”
สะพานที่พี่เคยตกน้ำนี่เอง
“พี่พายุมีพระหรือเปล่าครับ” ผมกลัวผีครับขอของป้องกันหน่อย
“ปังห้อยอยู่อกค์หนี่งน่ะ ทำไมกลัวผีหรอ”
“เปล๊า><”
“เดี๋ยวลองไปดูบ้านอื่นให้นะ ที่นี่เขานับถือผีน่ะ”
เขามาผิดดงแล้วผมT^T หมู่บ้านนับถือผีหรอ แล้วทำไมคุณผีนั่นไม่กลัวพระล่ะ
“ไม่มีทีวีดูเยยยย>O<” น้องปังบ่น
“โทษทีนะปัง”
พี่พายุบอกแล้วอุ้มเข้าตัวเล็กขึ้นมา ดูท่าจะไม่มีไฟฟ้านะบ้านนี้ หลอนเอาโล่ไปหรือเปล่าTOT
ประมาณหกโมงกว่าพวกผมก็ไปที่บ้านเล็กๆของแม่หมออีกครั้ง บรรยากาศยามเย็นของที่นี่สวยมากครับ โดนเฉพาะตรงสะพานข้ามแม่น้ำนั่น ถ้าพี่พายุไม่บอกว่าไม่ควรเข้าไปใกล้ผมคงขอไปถ่ายรูปซะหน่อยแล้วล่ะ
“เจ้าหนู ไปเล่นในห้องโน่นก่อนไป เจี๊ยบพาน้องไปสิ”
แม่หมอบอกแล้วเด็กอีกคนก็พาน้องปังเข้าไปเล่นอีกห้องหนึ่ง ตอนนี้ก็เหลือแค่ผมกับพี่พายุและแม่หมอ
“คุณไปปิดหน้าต่างสิ”
เธอบอกผม ผมก็ลุกไปปิดหน้าต่าง บ้านอื่นในหมู่บ้านก็ปิดหน้าต่างเหมือนกันหมด ดีจังหมู่บ้านนี้พอเย็นก็เข้าบ้าน ผมนึกว่าจะมาก๊งเหล้ากันซะอีก
“เอาล่ะ ก่อนอื่นต้องไปตามวิญญาณนั่นกลับมาก่อนจะเป็นผีเร่ร่อนเต็มตัว”
“ผีเร่ร่อน?” ผมเผลอหลุดปาก
“คนที่ตายก่อนถึงกำหนดจะเป็นผีเร่ร่อน เพราะไม่มีชื่ออยู่ในบัญชียมบาลเลยยังไม่มารับตัวไปยังไงล่ะ”
“แต่เขาตายไปแล้ว ไปเอากลับมาจะไม่เป็นไรหรอ”
แบบนั้นมันไม่ฝืนชะตาเข้าไปอีกหรอ
“ฟิล ผาน่ะ...ยังไม่ตาย”
“ยังไม่ตาย!!!! แต่เขาให้ผมดู เขาตายแล้วและก็ผูกวิญญาณไว้กับพี่พายุไง!”
“มิน่า.. ผามันไม่รู้นี้เอง”
อะไร? ผมเริ่มงงไปหมดแล้วนะ? สรุปตายไม่ตาย แล้วมีวิญญาณได้ไง อะไรกันเนี่ย!
“ก่อนจะทำพิธีเผาศพ คืนวันที่สามอยู่ ๆ โลงของผาก็หล่นลงมาจากแท่น”
เหี้ยนโคตร!!
“ศพของผาไม่เน่า ตัวก็ยังอุ่น ๆ เลยรู้ว่าผายังไม่ตาย แต่แค่ไม่ตื่น..”
“เป็นเจ้าชายนิทราหรอครับ?”
“อืม ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลในตัวเมือง พี่จ้างพยาบาลพิเศษดูแลอยู่ เพราะพี่ไม่กล้าย้ายเขาไป กลัวเขาจะกลับเข้าร่างไม่ถูก”
“ที่เขาไม่เข้าเพราะวิญญาณเข้าถูกผูกอยู่กับพี่หรือเปล่า”
“ตั้งแต่โลงหล่น ที่บ้านพี่ก็รีบมาหาแม่หมอให้แก้แยกวิญญาณเราออกจากกัน แต่ผาคงไม่รู้”
เขาถึงให้ผมเห็นถึงแค่นั้น แค่วิญญาณผูกกัน เพราะงั้นเขาถึงอยู่กับพี่พายุมาตลอดไม่ยอมกลับเข้าร่าง และที่เขาบอกว่าผมสัมผัสเขาได้เพราะเขามีกำลังจะมีร่างกาย มันไม่ใช่!! ไม่ใช่ว่าจะมาแย่งร่างพี่พายุแต่เป็นร่างเขาเองน่ะแหละ เขามีร่างอยู่แล้ว!! เขาเข้าใจผิดขั้นโคม่าเกินไปแล้ว!!
“เรียกเขามาเลยไม่ได้หรอครับ!!” ผมรีบบอก
“อย่ารีบร้อนไป ยังไงก็ได้ไปช่วยแน่ ๆ” แม่หมอบอก
“น้องฟิลไม่ต้องแล้วล่ะ เดี๋ยวพี่จัดการเอง”พี่พายุบอก
เพราะเรียกไม่ได้ ผมก็หมดประโยชน์สินะ ทำร้ายจิตใจผมอีกแล้วT^T
“คุณน่ะไปไม่ได้ ต้องให้เขาไปแทน”
แม่หมอชี้มาทางผม
“มันอันตรายหรือเปล่าครับ ถ้าอันตราย...!”
“ถ้าทำตามที่ฉันบอกก็ไม่เป็นอันตรายหรอก”
พี่พายุเงียบ เขาเป็นห่วงผมหรอ ผมดีใจขึ้นมานิดนึงแล้วล่ะ^^
“พอสองยามฉันจะให้คุณออกไป คุณก็แค่ไปที่สะพาน ตามหาวิญญาณดวงนั้นแล้วกลับมาหาฉัน”
“คะ..ครับ”
“คุณต้องกำเหรียญนี่ไว้ในมือซ้าย ห้ามหล่นเด็ดขาด เข้าใจมั้ย”
“ครับๆ”
ผมรับเหรียญนากเจาะรูมาไว้ในมือ แม่หมอมองหน้าผมแล้วยิ้มกรุ่มกริ่ม เธอยื่นหน้าเข้ามาหาผมแล้วกระซิบบอกผมว่า
“ถ้าเหรียญหล่น...ไม่รอดแน่”
ได้เวลาทำภารกิจ ผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกผมกลัวว่าจะไม่ได้กลับมา ที่บ้านผมยังมีอาป๊า อาม้า เจ้ หมา แมว หนูแฮมเตอร์รออยู่อีกหลายชีวิต แต่ยังไงผมก็ต้องช่วยเขาให้ได้!
“แม่หมอครับ ผมขอเขียนจดหมาย..”
“ไปได้แล้ว!”
ก็แค่จะเขียนจดหมายลาตายเผื่อไม่กลับมาเองT^T
“ต้องกลับมานะน้องฟิล!”
“ครับ”
ผมเปิดประตูออกมาแล้วรีบปิดทันที(แม่หมอบอกแบบนั้น) ผมหันไปมองที่ถนนถึงกับเข่าทรุด
....โฮกกกกกก กลับตอนนี้ทันมั้ย!!...
จะเรียกว่าอะไร ขบวนกองทัพผีหรอ ผมเห็นเหมือนซากศพกำลังเดินไปตามถนนมุ่งหน้าไปยังสะพาน บางคนถึงขั้นต้องลากขาที่แหว่งรุ่งริ่งเหมือนโดนบด โอ้ยยย จะอ้วกครับ
บึก!
ผู้ชายชุดขาวตาแดงกร่ำเดินเข้ามาชนผม เขามองหน้าผมอยู่ครู่ก่อนจะเดินตรงไปข้างหน้าเหมือนเดิม
....กูจะบ้าแล้ววววว นี่มันอะไรกันนนน...
ให้ไปเดินใน walking dead ยังดีซะกว่า!! ผมกลืนน้ำขม ๆ เข้าไปในคอทำใจเดินผ่าสิ่งไม่มีชีวิตที่เป็นวิญญาณไปที่สะพานข้ามน้ำที่สว่างไสวไปด้วยแสงเทียน แล้วไอ้คุณผีนั่นมันอยู่ที่ไหน!! ออกมาเดี๋ยวนี้นะเว้ย!! จะช็อกตายอยู่แล้ว ผมเบียดตัวเดินไปยังสะพาน ผมกำเหรียญในมือไว้แน่นกลัวไอ้พวกนี้จะชนเอา
พรึ่บ!
สายลมพัดวูบเอาเทียนดับไปหลายดวง ผมละอยากจะกรี๊ดแต่กรี๊ดไม่ออก ขอทีเถอะ ขอให้เจอเร็ว ๆได้มั้ย
“..คุณภูผา”
ผมใจเต้นรัวจนแทบจะระเบิด ผมกลัวที่จะก้าวขาต่อแล้ว ยิ่งพวกนั้นมาบนสะพานเยอะขึ้นผมยิ่งหืดขึ้นคอตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า ถ้าผมถูกจับได้ว่าไม่ใช่ผีแล้วมายืนตรงนี้ ผมจะเป็นยังไง...
หมับ!
เฮือก!! มือโชกเลือดตะบบเข้าที่แขนผม ผมอ้าปากค้างอยากจะหวีดร้องออกมาดัง ๆ ใครก็ได้ช่วยด้วย ผม...ผมไม่มีแรงแล้ว แขนขาผมมันไม่กระดิกเลย
สายตาผมปะทะเข้ากับร่างสูงที่เดินตาลอยผ่านผมไป
“ภูผา!!”
ผมรีบดึงเข้าไว้และกระชากเขากลับมา เขามองหน้าผมดวงแววตานิ่งเฉยก่อนจะเอ่ยถาม
“มาที่นี่ได้ยังไง”
“คุณกลับกับผมนะ!!” ผมบอก
“ไอ้เวรนี่! อย่ามาจับของคนอื่นสิวะ!”
ภูผายกเท้าถีบผีที่จับแขนผมแล้วดึงตัวผมเข้าไปแนบอก
“นี่ไม่ใช่ที่ของนาย! กลับไปซะ!” เขาดุผมเสียงเข้ม
“นี่ก็ไม่ใช่ที่ของคุณเหมือนกัน!!” ผมตวาดกลับ
“ปล่อยแล้วไปซะ!”
“ไม่!!”
ผมดึงแขนเขาไว้แน่น ยังไงก็ต้องกลับไปด้วยกัน!! ผมเสียเวลาเดินมาถึงขนาดนี้ฉี่จะราด อ้วกจะแตกอยู่แล้ว ไม่ยอมกลับไปมือเปล่าหรอก
“ปล่อยสิวะ!!”
เพี๊ยะ!
เข้าปัดมือผมออกอย่างแรง
แกร๊ง!
จ่อม!
เหรียญโบราณในมือผมหล่นลงบนพื้น แล้วกลิ้งตกลงไปในน้ำ ทุกคนบนสะพานหยุดนิ่ง ผมอ้าปากค้างตัวชาไปทั้งร่าง ไม่จริงน่า..
...เหรียญตกไปแล้ว...
ทำยังไง ผมน้ำตาเอ่อขึ้นเบ้าตา เดี๋ยวก่อนสิ ผมยังไม่ได้เขียนจมหมายลาใครเลยนะ
ดวงตานับร้อยจ้องเขม็งมาที่ผม ผมกลืนน้ำลายเอื้อก รับรู้ถึงหายนะที่จะมาถึง พระเจ้าคงทอดทิ้งผมแล้วสินะ เสียงของแม่หมอคนนั้นดังก้องซ้ำไปซ้ำมาในหูผม
“ถ้าเหรียญหล่น...ไม่รอดแน่”+++++++++++++++
ความรู้สึกของข้าน้อยตอนนี้คือ
"แต่งนิยายผีอยู่หรือเปล่าวะเนี่ย><"

รอติดตามตอนต่อไป! ภูผาจะกลับมาได้มั้ย? ฟิลจะรอดจากผีนับร้ยบนสะพานได้หรือเปล่า?

และน้องปังจะโดนเปิดซิงก่อนวัยอันควรหรือไม่?

(คาร์ล: เฮ้ย อันนี้ไม่เกี่ยว ไม่เกี่ยวกับผมด้วย-.-)
ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ หวังว่าจะชอบตอนนี้กันนะคะ
