ตอนที่ 26.2
“มากินข้าวกันเถอะนะ”
ผมบอกพ่อที่นั่งตัวเกร็งเหมือนตอนลุ้นหวย คิระนั่งสงบนิ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก้มลงพรึมพรำภาษาของเขาก่อนกินเหมือนปกติ ผมกับพ่อเลยต้องทำตามบ้างแต่ขอภาษาไทยเถอะนะ
“ทานแล้วนะครับ//ทานแล้วนะครับ”
ผมหยิบตะเกียบจกไปที่ถาดซูชิ
กึก!
พระเจ้าถาดซุชิเดินได้ ทำไมมันไปอยู่ตรงพ่อได้ล่ะOoO!
“เชิญคุณพ่อทานครับ”
ไอ้ปลาตายแก๊>O<! มันเอาครีบย้ายถาดไปไว้ข้างหน้าพ่อหลบตะเกียบผม มันเอาถ้วยเล็กๆวางไว้ข้างหน้าพ่อกับผมก่อนจะคีบซูชิวางให้คนล่ะชิ้น
“นึกว่าจะไม่ได้กินซะอีก พ่อกินดิอร่อยนะ^^”
ผมหยิบขวดโชยุสีเข้มมาเหยาะลงไปในถ้วยวางซูชิก่อนจะอ้าปากอ้ามเข้าไป พ่อเหล่มองผมก่อนจะเอาโชยุไปเทใส่ถ้วยตัวเองบ้าง
“ทำแบบนี้สินะ^^”
พ่อคีบซูชิขึ้นมาอ้าปากกว้าง
ฮึ่มมมมม
เสียงกระแสสายตาดังขึ้นในโสตประสาทผม ผมหันไปมองใบหน้าหล่อที่จับจ้องเขม็งมองมายังพ่อผมแบบไม่วางตา พ่อผมทำหน้าเจื่อน ๆ ไม่กล้าจะกินเพราะโดนมองหรือจะเรียกว่าจ้อง! ดี
“คิระ อะ..อันนี้เทมปุระใช่มั้ยอ่ะ”
ผมเบี่ยงเบนความสนใจมันแต่มันก็ยังจ้องไปที่พ่อผมเหมือนเดิม มึงต้องการอะไรจากพ่อกูเนี่ย-o-!
“กะ..กินล่ะนะ”
พ่อผมยิ้มฝืด ๆ ก่อนอ้าปากงับซูชิเข้าไป
แปะ!
ข้าวสีขาวหล่นแหมะอยู่ในถ้วย ไอ้ที่เข้าปากพ่อผมไปมีแค่ไข่ม้วนกับสาหร่ายเท่านั้น ผมบิดคอเอี๊ยดๆมามองผม ผมกลืนน้ำลายเอื้อกหันไปสบดวงตาสีเข้มที่จ้องเขม็ง คิ้วเข้มๆโคจรเข้ามาหากันประหนึ่งถูกแรงโน้มถ่วงของโลกดึงเอาไว้
“ฮะ! ฮ่าๆ อะ...แอร์แรงจังเลยนะ พ่อเดี๋ยวเซฟไปหรี่แอร์หน่อยนะ^^;”
ลุกก่อนละแจ้
หมับ!
“เซฟลูกรักจะรีบไปไหนล่ะ เดี๋ยวพ่อทำเอง^^”
“ไม่เป็นไร ๆ เซฟจะให้พ่อออกแรงลุกได้ไงกันล่ะเน้อออคิระ~ พ่อคุยกับคิระไปก่อนสิ^^”
“ฮ่า ๆ คุยอะไรหรอ พ่อพูดภาษาญี่ปุ่นไม่เป็น ลูกช่วยเป็นล่ามหน่อยสิ^^”
“คิระพูดไทยได้นะพ่อ^^”
“งั้นเป็นล่ามแปลไทยให้พ่อหน่อยละกันนะ^^”
ผมลดไปยังมือที่ขยุ้มชายเสื้อผมไว้แน่น เหอะ ๆ ไม่ปล่อยจริงๆสินะ ผมชะเลืองมองไอ้ปลาตายที่ยังจ้องถ้วยโจ๊กซูชิที่มันปั้นเองกับมือด้วยความตั้งใจ พ่อผมดันทำมันแหลกเป็นชิ้น ๆ เลย ไม่รู้ตอนนี้มันกำลังคิดอะไรผมเดามันไม่ออกเลย คิ้วแม่งขมวดจนจะพับดาวได้อยู่ละเนี่ย-o-;;
“เซฟ^^”
พ่อขยับยิ้มอีกรอบ แหมเรียกซะเสียงหวานเชียว
(โหมดสื่อสารทางสายตา/ON)
ผม : ปล่อยเถิดดวงใจ~
พ่อ : มันโปรดเถอะด้วงใจ~ ไม่ใช่หรอ
ผม : ช่างเถอะ พอเคลียร์กับมันเองเลย-o-!
พ่อ : เคลียร์ยังไงล่ะ นี่! อย่าทิ้งพ่อไว้สิT^T
ผม : ผมก็กลัวมันอ่ะดิ! ดูมันมองพ่อดิ อย่างกับจะขย้ำคอแน่ะ-o-!
พ่อ : มันคงไม่เอามีดมาจ้วงพ่อหรอกใช่มั้ยOoO!
ผม : ไม่รู้สิ แต่คิระคงไม่พกมีดหรอก-.-
พ่อ : โล่ง~
ผม : รู้สึกจะปกแต่ปืน-o-
พ่อ : OoO!!
ไม่ได้ล้อเล่นจะ จริง ๆ มันบอกพกมีดร้อยอันก็เทียบปืนกระบอกเดียวไม่ได้-o-!
ผม : กลัวไรพ่อ พ่อตายเซฟก็ได้ประกันจบป่ะ-o-
พ่อ : รักพ่อเหลือเกินT^T
ผม : ที่สุดในโลกแล้วพ่อ^^
พ่อแอบหยิกเอวผม โอ๊ย! จี๊ด หยิกตรงไหนไม่หยิกT^T
“ผมเบาแอร์ให้นะครับ”
คิระลุกไปกดรีโมตเบาแอร์ ก่อนจะเดินมายืนข้าง ๆ พ่อผมเงียบๆ
มะ...มึงไม่ได้คิดจะจ้วงพ่อกูหรอกใช่มั้ย-o-;;
“ผมเปลี่ยนถ้วยให้นะครับ”
“จะ...จ้า”
พ่อผมยกถ้วยในสภาพสั่นสะเทือนให้คิระ
แหมะ!
โอ้วน้ำตก~ ผมมองน้ำสีดำไหลลงบนมือคิระ
Good Job! พ่อกูได้งานแล้ว
ผมมองพ่อที่สั่นหนักกว่าเดิม อ้าปากพะงาบๆจะเอ่ยอะไรออกมา ส่วนคิระก็นิ่งค้างอยู่ท่าเดิมเหมือนหุ่นยนต์โดนถอดปลั๊ก
“เออ ยังไม่ได้เตรียมที่นอนให้คิระเลย เซฟไป..-o-”
“ม่ายยยยยยยT^T”
รั้งอีกแล้ว ม่ายยยยย>O<! พ่อทำเองนะผมไม่เกี่ยวไม่เอี่ยวด้วยได้มั้ยล่ะ
“ผมขอตัวซักครู่นะครับ”
คิระโค้งน้อยๆก่อนจะหายวับเข้าไปในครัว
“มันไปเอามีดมาจ้วงพ่อแน่เลยอ่ะ-o-!” ผมบอก
“อยู่ไม่ได้แล้ว>O<!” พ่อผมบีบหัวตัวเอง
“อยู่นี้แหละออกไปไหนได้เล่า>O<!”
บ้านเบิ้นโดนใส่กรงหมดแล้วจะออกไปไหนได้ล่ะ ติดอยู่ในนี้แหละ-o-!!
“พ่อเจรจากับมันอยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวเซฟมา!”
“เดี๋ยวของลูกนี่? กี่นาที!”
“พรุ่งนี้เช้า-o-!”
“ไอ้เซฟT^T”
“ผมจะไม่ลืมพ่อเลย กระซิกๆ”
“ไม่ต้องเลยเคลียร์ให้พ่อก่อน”
“ไม่!”
ผมกระเสือกกระสนออกไปแต่พ่อผมก็ฉุดผมกลับมานั่งที่เดิม ช่องผ่านห้องแคบๆที่รอดผ่านไปได้ทีละคนบัดนี้เกิดลงครามแย่งชิงกันเกิดขึ้น! ผมไม่อยากจะทำร้ายพ่อนะ แต่ผมก็อ่านมันไม่ออกเหมือนกัน
“จะไปไหนกันหรอครับ”
เสียงทุ้มเบาแต่แฝงไปด้วยความเย็นเยือก ผมกับพ่อหยุดนิ่งแต่มิกล้าหันหลังกลับไปแม้แต่น้อย
“ถ้าอาหารไม่ถูกปากผมจะสั่งให้ลูกน้องนำของในภัตตาคารมาให้ทานให้แล้วกันนะครับ”
ให้ลูกน้องนำอาหารมาให้ใหม่
ลูกน้อง = พี่ยักษ์
นำมาให้ = พี่ยักษ์เข้ามาในบ้าน
ฟังดูดีนะ แต่....เฮ้ย!! มึงจะเอาเพชรฆาตเข้าบ้านกูอีกแล้วเรอะOoO!!
ตึกๆ
ผมรีบวิ่งกลับมานั่งโต๊ะ พ่อเองคงประมวลผลได้ผลลัพท์เช่นเดียวกับผมเลยสปีดกลับมานั่งที่จับตะเกียบกระซวกอาหาร
“อร่อย! อร่อยๆมากเลยคิระ มะ..ไม่ต้องให้ลูกน้องเอาของใหม่มาหรอกนะ^^;”
“ใช่ ๆ ”
ผมเสริมทัพ พ่อกับผมเริ่มฟาดฟันกันบนโต๊ะอาหารกันอย่างดุเดือดเพื่อแสดงให้คิระเห็นว่าครอบครัวผมชอบอาหารของเขามาก
“ถ้าชอบก็ทานเยอะๆนะครับ”
คิระพูดอย่างนอบน้อมด้วยสีหน้าจริงจังเช่นเคย แต่แววตาสีนิลคู่นั้นกลับมีประกายแวววับ
“อะ..เอ่อ! คิระๆเคยทำกับข้าวให้พ่อแม่กินมั้ย” ผมเอ่ยถาม
“ไม่ ที่บ้านไม่คอยว่าง”
“อ่า งั้นก็ไม่ค่อยได้กินข้าวกับครอบครัวน่ะสิ-3-”
“อืม”
นะ...น่าสงสารจัง เพิ่งรู้นะเนี่ยไอ้ปลานี่มันเลยขี้เหงาสินะ
“ช่วงเวลากินข้าวเย็นเนี่ยมันเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของครอบครัวเลยนะ”
พ่อผมพรึมพรำพลางเหลือบมองใบหน้าคิระ
“พะ...เพราะฉะนั้น เราควรจะมีความสุขเวลากินข้าวนะ ฮ่าๆ”
“ผมก็มีความสุขครับ”
ผมฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นรอยยิ้มจางๆปรากฏบนใบหน้าหล่อ มีมุมน่ารักๆเหมือนกันนะเนี่ย>3<
“ถ้าไม่รังเกียจคราวหน้าผมขอเชิญคุณพ่อไปทานข้าวที่บ้านนะครับ”
“ได้สิๆ”
ผมยิ้มปริ่ม ๆ อยากเห็นวันที่พ่อไปบ้านคิระจังเลย อ่า พ่อยังไม่รู้นี่นาว่าบ้านคิระทำอะไร
“พ่อ”
ผมกระซิบเรียกเบาๆ
“บ้านคิระน่ะ..”
“อะไร”
“เป็นยากูซ่า”
“...............”
พ่อคีบเนื้อปลาเข้าปากเคี้ยวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเพียงหยาดน้ำตาเล็กๆที่แทบไม่มีใครสังเกตเห็นหลั่งออกมาเท่านั้น...
...ผมจะไม่ลืมพ่อเลย เมื่อวันนั้นมาถึง...
สู้ต่อไปทาเคชิ!
ผมล้มตัวนอนกลิ้งบนเตียงเล่นพลางเปิดหนังสือการ์ตูนอ่าน เสียงเปิดประตูห้องน้ำเปิดออก ผมละสายตามองไปยังร่างสูงใหญ่ที่เปียกชุ่ม หยดน้ำเม็ดเล็กเกาะพราวอยู่ทั่วใบหน้าหล่อ คิระยกผ้าขนหนูซับข้างคอก่อนจะวางพาดไว้กับเก้าอี้เพื่อตาก
“จะนอนยังต้องหล่ออีกหรอ”
ผมพูดอย่างหมั่นไส้ คิระตัดผมสั้นขึ้น ด้านหลังจากที่เคยไว้ระต้นคอก็เปลี่ยนเป็นไถตรงท้ายทอย ทรงแน่หล่อขาดจริง ๆ ดูแบดบอยน่ากลัวขึ้นเยอะเลย
“ไม่มีผ้าปูที่นอนหรอ” คิระถาม
“นอนบนเตียงด้วยกันเนี่ยแหละ”
เอาของออกหมดแล้วเนี่ย คิระนอนได้แน่ ๆ
“เชิญชวนหรอ”
อะ..อะไรของมันล่ะเนี่ย-///-
“บ้า! ก็นอนเฉยๆไง”
“เฉย..ยังไง?”
ร่างสูงใหญ่คืบคลานขึ้นมาบนเตียงช้าๆ ก่อนจะเลื้อยขึ้นมาเป็นเงาโถมทับผมไว้
“นี่พ่ออยู่ห้องข้างๆนะ>///<”
“เอาหมอนอุดปากไว้”
“จะฆ่ากันหรือไง-*-”
เอาหมอนอุดปากเนี่ยนะ พูดดีนักผมเลยเอาหมอนปาใส่มันไปที มันทำเป็นเซล้มนอนทับท้องผม เหอะๆ ไม่ลุกด้วยนะ โทษนะครับหัวมึงเนี่ยกี่โล-o-
“เดี๋ยวอ้วกใส่หัวหรอก” ผมบอก
“วันนี้ฉันตื่นเต้นมาก”
“หือ”
คิระยกมือผมไปวางทาบบนอก แรงสั่นน้อยๆของก้อนเนื้อใต้กล้ามแน่นเต้นรัวเป็นกลอง ทำเอาผมเบิกตากว้าง
“ฉันกลัวทำผิดพลาดต่อหน้าพ่อเซฟ”
“พะ..พ่อฉันไม่ใช่คนเคร่งอะไรขนาดนั้น ผิดก็ขอโทษสิ”
“ฉันทำซูชิได้ไม่ดี”
“ฮ่าๆ ไม่หรอก แค่นั้นก็เก่งแล้ว”
คิระยกแขนก่ายปกปิดใบหน้า ผมก้มมองใบหูแดงเถือกของคิระ อดขำไม่ได้เลยแหะ ไอ้ปลานี่กำลังเขินอายอยู่หรอกหรอ เรื่องที่ซูชิเละนั่นน่ะ
“วันนี้ขอติอะไรอย่างนะ”
คิระขยับตัวเปิดตามองหน้าผม
“นายควรจะยิ้มให้มาก ๆ นายเอาแต่ปั้นหน้าน่ากลัวข่มขวัญพ่อฉัน”
“น่ากลัว?”
“นายทำหน้าเหมือนจะงาบหัวพ่อฉันเลยตอนเห็นซูชิเละอ่ะ”
“เปล่า ฉันคิดว่าฉันทำซูชิไม่ได้เรื่องเลย”
“ตอนที่พ่อฉันทำถ้วยคว่ำใส่มือนาย นายก็นิ่ง ฉันนึกว่าจะเข้าครัวไปหยิบมีดมาจ้วงพ่อฉันซะแล้ว”
“แค่ไปล้างมือ”
“แล้วมึงทำหน้าดีๆหน่อยไม่ได้หรือไงเล่า>O<!!”
เพราะอย่างงี้คนอื่นเขาถึงได้กลัวแกไงล่ะวะ!
“โทษที”
คิระพูดเบา ๆ ไอ้เหาเอ๋ย~ ไม่ต้องมาทำเสียงอ๋อยเลยนะ
“เอาเถอะ! วันนี้ก็พยายามได้ดีมากนะ”
ถึงแม้จะไม่ได้ทำให้พ่อผมลดอาการกลัวมันลงเลยก็เถอะ
“ฉันรู้ว่านายจริงจังและพยายามไม่ให้ขายหน้าต่อหน้าพ่อฉัน แต่ไอ้ความจริงจังของนายมันทำให้คนรอบข้างหายใจไม่ทั่วท้อง คราวหน้าช่วยทำตัวให้มันดูสบายๆกว่านี้หน่อยนะ เอ้า! เข้าใจก็กระดิกครีบ”
คิระยกมือขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะตีลงบนแขนผม เดี๋ยวพ่อจับทำแกงเผ็ดเสียหรอก-*-
“ถ้าพ่อเซฟไม่ยอมยกเซฟให้ฉัน...”
“เออๆ เดี๋ยวจะหนีตามมึงไปเลยโอเคป่ะ-o-!”
มันยิ้มหน่อย ๆ แล้วโน้มคอผมลงไปหา มันจดๆจ้องๆริมฝีปากผมชั่วครู่ ผมเห็นว่ามันจะนานไปคอผมก็ปวดเลยจัดการจุ๊บปากมันก่อนเลยแต่แค่แป๊ปเดียวนะ-///-
“นอนได้ยังอ่ะ-///-”
ผมวางหนังสือคว้าหมอนมาหนุน ใครไม่นอนก็ช่างกูนอนแล้วนะกูเขินกู-///-
คิระลุกขึ้นไปปิดไฟ หยิบหมอนอีกใบโยนลงไปด้านล่าง ผมชะโงกมองร่างสูงที่นอนหลับบนพื้นโดยไม่มีผ้าปูใด ๆ นี่อุส่าห์ไม่ใจร้ายแบ่งที่นอนให้นอนนะทำไมทำแบบนี้อ่ะ
จึ๋งๆ
ผมใช้ตีน อุ๊บ! ประทานโทษ ฝ่าเท้าอันอ่อนนุ่มเขี่ยร่างของมันเป็นการเรียก
“ขึ้นมานอนข้างบนสิ-3-”
ไอ้ปลาตายนอนนิ่งไม่รู้สึกรู้สา สงสัยแค่ข้างเดียวจะไม่พองั้นจัดไปบาทาคู่!
“ไอ้ปลา! ว้ากกกกก!”
มือใหญ่กระชากเท้าผมเป็นผลให้ตัวผมโดนลากลงไปข้างเตียง หัวที่ไร้การป้องกันกระแทกเข้ากับพื้นไม้จัง ๆ เลยเอาดาวขึ้นสว่างไสวเลยทีเดียว
“ไอ้-o-!”
หมับ
วงแขนใหญ่สอดเข้ามาข้างสีข้างผม มันเบียดรัดร่างผมจนแผ่นหลังผมสัมผัสกับด้านหน้าของมัน ปลายจมูกซุกซนฝังลงบนไหล่ผม ผมกลั้นหายใจตื่นเต้นกลัวมันจะคึกลุกขึ้นมาอัดแม็กนัมผม
“เซฟ...”
“ไม่ต้องมากระซิบ”
ผมบอก ก็มันจั๊กกะจี๋มาซุบซิบๆข้างหู ลมมันก็เป่าเข้ามา โฮ้กกก
“ได้มั้ย..”
ปลายนิ้วยาวกระตุกสายเชือกผูกกางเกงผมออก ผมสูดหายใจหรี่ตาลงเพราะความลุ่มร้อนที่แผ่ออกมาจากกายคนด้านหลัง
“บะ...เบาๆแล้วกัน”
ร่างสูงบดเบียดกายเข้าใส่อย่างร้อนแรง ร่างบอบบางโอนเอนไหวตามแรงกระเพื่อมที่รุกโหม ฟันน้อยๆกัดผ้านวมแน่นแตะกระนั้นเสียงแห่งความปราถนาอันเร่าร้อนก็ยังเล็ดลอดออกมา คนตัวใหญ่รีบเค้นน้ำสีขาวขุ่นมัวเข้าไปในช่องทางคับแคบสีสวยจนหมดแล้วจึงถอนตัวออกอย่างเสียดาย
“ฮา...”
เจ้าของใบหน้าหวานถอนหายใจปล่อยผ้าที่กัดออกจากหมดแรง เปลือกตาหนักอึ้งกระพริบไหวอยู่สองสามทีก่อนที่เจ้าของร่างจะจมดิ่งลงสู่ห้วงนิทรา
“ตื่นได้แล้วลูก”
บานประตูสีขาวถูกเปิดออก ชายผู้เป็นพ่อทอดสายตามองบุตรชายขี้เซาที่ยังหลับใหลอยู่บนเตียง ด้านข้างมีร่างสูงกำยำสมส่วนนั่งทอดมองดูคนบนเตียงด้วยสายตาสงบนิ่ง
“ตะ..ตื่นแล้วหรอคิระ” พ่อเซฟเอ่ยทักทาย
“อรุณสวัสดิ์ครับ” ชายหนุ่มตอบกลับ
“เมื่อคืนหลับสบายมั้ย เอ่อ พ่อทำอาหารเช้าให้เรียบร้อยแล้วนะ”
“ขอบคุณครับ”
“ฝากปลุกเซฟด้วยนะ”
พูดจบก็หายลับออกไปจากประตู ร่างสูงรีบสาวเท้าเดินตามออกไปเพื่อเรียกให้หยุด
“คุณพ่อครับ!”
ผู้ใหญ่ในบ้านหันกลับมายิ้มเจื่อนๆหวาดระแวงกับว่าที่ลูกเขย ร่างสูงมองตรงจับจ้องร่างของพ่อแฟนด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะโค้งตัวลงคำนับ
“ผมอโทษนะครับที่ทำให้คุณพ่อรู้สึกไม่ดี ผมไม่มีเจตนาทำให้คุณพ่อตื่นกลัวผม”
“คะ..คิระเงยหน้าเถอะๆ”
ชายหนุ่มยังคงก้มหัวคำนับอยู่ตามเดิม
“อะ...เอาเป็นว่าฉันยกโทษให้แล้วกันนะ เงยหน้าได้แล้ว”
ได้ยินอย่างนั้นหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นจึงยอมยืนตัวตรงดังเดิม
“อยู่ที่บ้านนี้ทำตัวสบายๆก็ได้นะ”
พ่อเซฟตบไหล่คิระอย่างหวาดๆ เกรงว่าพ่อหนุ่มปลาดิบจะควักปืนออกมายิง
“ครับ”
“พ่อจะรอทานข้าวข้างล่างนะ”
ร่างของพ่อเซฟเดินลงบันไดไป คิระยืนนิ่งเหมือนจะยืนส่งให้พ่อเซฟเดินไปก่อน จากนั้นจึงหันกลับไปที่ห้องนอนของเซฟดังเดิม แต่บัดนี้เจ้าของห้องได้ยืนรอต้อนรับอยู่หน้าประตูแล้ว
เซฟโปรยยิ้มก่อนจะเดินตรงเข้ามาจับมืออุ่นๆของคิระไว้
“ทำได้ดีมาก”
ใบหน้าหล่อเผยอยิ้มเบาบางที่แทบจะมองไม่ออกว่านั้นคือยิ้ม แต่สำหรับคนที่คบกันมาหลายปีอย่างเซฟย่อมรับรู้ได้
..ผู้ชายหน้านิ่งคนนี้กำลังมีความสุขอยู่..
แต่เขาก็อยากเห็นผู้ชายตรงหน้ามีความสุขมากขึ้นไปอีก
“คิระ มาคราวหน้าอย่าลืมนะ...”
ใบหน้าหล่อฉายแววฉงน
“อย่าลืมยกขันหมากมาล่ะ”
“แต่งแบบญี่ปุ่นไม่ได้หรอ”
“แต่งสองแบบเลยแล้วกัน ฮ่าๆ”
“งั้นต้องเข้าหอสองรอบ”
“บ้า รอบเดียวก็พอแล้ว”
ระหว่างที่ใบหน้าหวานมัวแต่เขินอาย ร่างสูงก็ฉวยโอกาสยกอุ้มตัวว่าที่เจ้าสาวขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน
“ไปเข้าหอกัน”
ใบหน้าแดงกร่ำอมยิ้มก่อนจะพยักหน้าหน่อยๆเป็นเชิงตกลง แต่ก่อนที่ว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวในอนาคตจะได้ผ่านเข้าไปในห้องหอเสียงทุ้มๆจากคนข้างล่างก็ดังขึ้นมาเสียงก่อน
“ลงมากินข้าวก่อนเถอะ…”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ดูหนังดราม่ามาแล้วแต่งคอมเมดี้ฮาๆไม่ค่อยออกเลยT^T
แนะนำ LIFE ซี่รี่ย์ญี่ปุ่น ดูแล้วลุ้นปวดตับดี555+
ตอนต่อไป เราจะมาพบกับคู่......
เหลือคู่สุดท้ายแล้วน่ะนะ อิอิ ทายซิใครเอ่ย
