◑﹏◐ Dead Lover ♂ วิญญาณป่วนกวนรัก [จบ] ประกาศตีพิมพ์ (หน้า 16)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◑﹏◐ Dead Lover ♂ วิญญาณป่วนกวนรัก [จบ] ประกาศตีพิมพ์ (หน้า 16)  (อ่าน 121145 ครั้ง)

ออฟไลน์ Mr.กุ๊กกู๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
    • แฟนเพจ
ตอนที่ 25



         ทันทีที่รถบัสถูกขับเคลื่อนไปถึงจุดหมาย หนิงก็สั่งให้รุ่นน้องปี 1 แยกย้ายไปเลือกเต็นท์นอนตามใจชอบ ซึ่งในหนึ่งเต็นท์สามารถนอนสามคน ส่วนรุ่นพี่ปีสองบางคนและไม้กับแม็กกี้ได้อภิสิทธิ์พิเศษในการนอนพักที่ห้องเช่าบนดอย


   หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันเก็บกระเป๋าเข้าที่พักเรียบร้อย เมื่อถึงเวลารวมตัว ทุกคนก็ไปรวมตัวที่ลานกว้างหลังห้องเช่าเพื่อทำกิจกรรมในลำดับต่อไป

   “เอาล่ะค่ะ ก่อนที่จะเริ่มกิจกรรมสนุก ๆ พี่จะแบ่งกลุ่มให้น้อง ๆ ก่อนนะคะ" พูดจบ หนิงก็เดินไปที่หัวแถวแถวแรกซึ่งเป็นหญิงสาวตัวเล็ก ๆ หน้าตาน่ารักเชียวล่ะ "พี่จะให้หัวแถวนับหนึ่ง และคนต่อ ๆ ไปก็นับสอง สาม สี่ จากนั้นก็ให้วนนับหนึ่งอีกรอบนะคะเริ่มได้ค่ะ"

   สิ้นเสียงของหนิงการนับตัวเลขของเหล่ารุ่นน้องปีหนึ่งก็เริ่มขึ้น เมื่อครบ 60 คน หนิงก็ให้รุ่นน้องแบ่งไปรวมกันเป็นกลุ่ม ๆ จากนั้นก็ให้รุ่นพี่ปีสองอีก 18 คน รวมทั้งไม้และแม็กกี้มาจับฉลากด้วยว่าจะได้ไปรวมกลุ่มไหน

   ไม้กับแม็กกี้ถือเป็นพี่ใหญ่ของสาขา หนิงจึงให้เกียรติรุ่นพี่ทั้งสองจับฉลากก่อนใครเพื่อน

   “ไม้ มึงได้เบอร์ไรวะ" ทันทีที่จับฉลากเสร็จ แม็กกี้ก็ชะเง้อมองดูม้วนกระดาษในมือของไม้ที่กำลังถูกคลี่ออกมา

   “สี่ว่ะ" ไม้ตอบออกไปทันทีที่คลี่กระดาษแล้วเห็นหมายเลขในนั้น สีหน้าที่ห่อเหี่ยวของแม็กกี้บ่งบอกให้รู้ว่าเขาจับได้คนละหมายเลขกับไม้แน่นอน "แล้วมึงล่ะได้เบอร์อะไร"

   “สาม"
   สิ้นเสียงของแม็กกี้ หนิงก็สั่งให้รุ่นพี่ไปรวมกลุ่มกับรุ่นน้องตามหมายเลขที่จับฉลากได้ ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีของกลุ่มสี่หรือเปล่าเพราะรุ่นพี่ 5 คนของกลุ่มสี่ดันเป็นผู้ชายทั้งหมด

   ไม้คลี่ยิ้มให้กับจั๊มพ์และภพที่อยู่กลุ่มเดียวกันพร้อมกับรุ่นน้องปีสองอีกสองคน

   หนิงให้เวลา 10 นาทีในการทำความรู้จักรุ่นพี่รุ่นน้องในกลุ่มให้ครบ ซึ่งทันทีที่แนะนำตัวกันเสร็จ กิจกรรมต่อ ๆ ไปก็เป็นหน้าที่ของรุ่นพี่ปีสองที่จะดำเนินการต่อไป ส่วนไม้กับแม็กกี้จะแยกตัวหรืออยู่ร่วมดูกิจกรรมด้วยก็ได้ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาททั้งคู่เลือกที่จะอยู่ดูรุ่นน้องทำกิจกรรม

   “ไม้... กลุ่มมึงจะแสดงอะไรวะ" แม็กกี้เอ่ยถามในขณะที่เหล่ารุ่นน้องกำลังทำกิจกรรมอย่างสนุกสนานครื้นเครง

   “ไม่รู้ว่ะ เห็นน้องภพบอกว่าจะให้แสดงท่าทางประกอบเพลง อาจมีบทพูดเสริมนิดหน่อยแต่ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ ว่าแต่กลุ่มมึงอ่ะจะแสดงอะไร" ไม้ตอบพร้อมกับย้อนถามบ้าง

   “ยังไม่ได้คิดเลย น้อง ๆ จะคิดมาเหมือนกัน"

   “อืม...”

   ในระหว่างที่ทำกิจกรรมนั้น หนิงก็ขอให้ไม้กับแม็กกี้ออกไปร่วมสนุกกับน้อง ๆ เป็นระยะ ๆ เพื่อสร้างสีสันจนกระทั่งเวลาผ่านไปถึงบ่าย 3 โมงเย็นก็ถึงเวลาที่ต้องแยกกลุ่มกันเพื่อเตรียมตัวซ้อมการแสดง

   “ไว้เจอกันนะมึง ตั้งใจซ้อมนะกูจะรอดูมึง" ไม้เอ่ยกับแม็กกี้ก่อนที่ทั้งคู่จะต้องแยกจากกันไปรวมกลุ่ม

   กลุ่มของไม้ซึ่งส่วนใหญ่มีแต่ผู้ชายทำให้ภพค่อนข้างลำบากใจในเรื่องของการแสดงนิดหน่อย เพราะน้องผู้หญิงที่หน้าตาน่ารัก ๆ ส่วนใหญ่ก็ไปอยู่กลุ่มอื่น ๆ เสียหมด ทำให้กลุ่มนี้มีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่หน้าตาดี แถมยังหน้าตาดีหลายคนเสียด้วย

   “เอาล่ะ... พี่คิดมาแล้วว่าจะแสดงอะไร จากนี้ไปก็ขอความร่วมมือน้อง ๆ ด้วยนะครับ" หลังจากที่พูดจบ ก็ถึงเวลาที่ภพจะอธิบายรายละเอียดการแสดง

   ภพจะทำการแต่งเพลงขึ้นมาหนึ่งเพลง เป็นเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับพี่ชายและน้องชาย เพราะฉะนั้นตัวแสดงหลักจึงต้องเป็นชายหนุ่ม และพี่ชายคนโตก็เป็นใครไปไม่ได้น้องจากไม้ ส่วนคนกลางก็ต้องเป็นจั๊มพ์ซึ่งเป็นรุ่นพี่ชั้นปีที่สอง และเพื่อให้รุ่นน้องปีหนึ่งมีส่วนร่วม รุ่นน้องชายที่หน้าตาดีที่สุดจึงต้องมารับบทน้องคนเล็กไปโดยปริยาย

   “ซีร์เป็นน้องเล็กให้พี่หน่อยนะ" ภพเอ่ยกับรุ่นน้องชั้นปีที่หนึ่งที่มีรูปร่างเล็กไม่ต่างจากจั๊มพ์เพื่อนสนิทของเขาสักเท่าไหร่ แถมบุคลิกท่าทางสีผิวที่ขาวเนียนทำให้ทั้งคู่ดูมีลักษณะคล้ายกับคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูมาในตระกูลผู้ดี จะต่างกันก็ตรงแค่จั๊มพ์ไม่ได้สวมแว่นตาเหมือนซีร์ก็เท่านั้น
   “ได้ครับ" รุ่นน้องที่ถูกทักท้วงเอ่ยอย่างสุภาพ

   จากนั้นบทตัวประกอบคร่าว ๆ ก็ถูกแจกแจงให้กับรุ่นน้องทุกคน บางคนไม่ได้ทำอะไรก็อาจจะให้ช่วยหาของหรืออุปกรณ์ที่จำเป็นเท่านั้น
   หลังจากที่แบ่งหน้าที่การแสดงเสร็จสิ้น คราวนี้ก็มาถึงขั้นตอนที่ภพจะต้องแต่งเพลงขึ้นมาเพื่อใช้ประกอบการแสดง แต่ก่อนที่จะเริ่มแต่ง ภพได้ถามความเห็นของพี่ชายคนโตว่า...

   “พี่ไม้ครับ ถ้าพี่ไม้มีน้องชาย แล้วน้องชายของพี่ไม้สองคนก็เป็นคนดีมาก ๆ แถมยังรักพี่ไม้ทั้งคู่ พี่ไม้จะรู้สึกยังไงครับ และมีวิธีอะไรที่ทำให้น้องชายทั้งสองคิดว่าได้รับความรักจากพี่ชายเท่าเทียมกัน"

   “เอ่อ...” ได้ฟังคำถามไม้ก็อึ้งเล็กน้อยเพราะเขาเป็นลูกคนเดียว แถมยังไม่เคยสัมผัสถึงความรู้สึกที่ต้องเป็นพี่ชายเลยสักครั้ง เพราะฉะนั้นคำตอบของเขาจึงเดาส่งเดชไปมั่ว ๆ

   “ถ้าน้องชายน่ารักขนาดนั้นพี่ก็คงรักมาก ๆ ล่ะมั้ง ถ้าน้องมันทำอะไรดี ๆ หรือในโอกาสพิเศษก็คงหารางวัลมาให้ และถ้าจะแบ่งความรักให้เท่าเทียมกัน ก็คง... เวลาจะไปไหนก็คงชวนทั้งสองไปด้วยพร้อม ๆ กัน ถ้าใครโกรธใครงอนก็คงกอดมันทั้งคู่แน่น ๆ แล้วก็บอกให้เลิกงอนซะ ไม่งั้นพี่จะไม่รัก ก็คงจะแบบนี้ล่ะมั้ง ฮ่า ๆ ๆ"

   คำตอบที่ดูเหมือนไม่จริงจังกลับทำให้ว่าที่น้องชายในบทแสดงทั้งสองถึงกับหน้าแดงออกมาโดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัว ผิดกับมิวส์ที่พอได้ยินคำตอบก็ถึงกับสายตาร้อนผ่าวที่เจ้านายของเขาพูดอะไรออกไปแบบนั้น ...ก็มันหวงนี่นา

   “แล้วมึงล่ะจั๊มพ์ ในฐานะที่เป็นคนกลาง มึงคิดว่ามึงจะทำตัวยังไงต่อพี่ชายและน้องชาย" ภพเอ่ยไปถามจั๊มพ์บ้าง... ไม้ได้แต่มองดูรุ่นน้องเหล่านี้ด้วยความชื่นชม เห็นปกติภพดูเป็นคนขี้อาย แต่พอถึงเวลาเอาการเอางานก็จริงจังไม่เบา

   “กูเหรอ... เออ มึงนี่ก็เข้าใจเลือกบทให้กูนะ" จั๊มพ์หันไปว่าเพื่อน

   “ก็กูรู้ว่ามึงเป็นลูกคนกลาง... กูอยากรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของมึง ช่วยเล่าให้กูฟังหน่อยได้ไหมวะ" ภพถาม

   “เออ!” จั๊มพ์ตอบด้วยน้ำเสียงกระโชกโฮกฮากก่อนจะทำสีหน้าจริงจังแล้วตอบออกมา "ก็คงจะเหมือนกับทั่ว ๆ ไปมั้งที่ลูกคนกลางมักจะถูกลืม พ่อก็รักพีี่คนโต ส่วนแม่ก็ตามใจน้องคนเล็ก กูก็เลยไม่มีใครเอาใจ ได้แต่เงียบ ๆ เอาไว้ แต่โชคดีที่พี่ชายกูไม่ได้เลวร้ายอะไร เห็นกูเครียดทีไรก็มานั่งให้คำปรึกษาตลอด ผิดกับน้องที่ชอบเรียกร้องความสนใจ โดยเฉพาะกับพี่คนโต... พี่คนโตก็เลยดูเหมือนจะเอ็นดูน้องคนเล็กที่นิสัยเป็นเด็ก ๆ ตลอดเวลามากกว่ามั้ง เฮ้อ...”

   พูดจบก็ถอนหายใจออกมา พอคิดถึงเรื่องทางบ้านทีไรมันก็ทำให้จั๊มพ์รู้สึกเหงาแปลก ๆ มีพ่อแม่พี่น้อง แต่พออยู่พร้อมหน้าทีไรก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินตลอด

   “แล้วซีร์ล่ะ ถ้าเกิดต้องเป็นน้องคนเล็กคิดว่าจะรู้สึกยังไงกับพี่ชายคนกลางและคนโต" ภพหันไปถามรุ่นน้องปีหนึ่งบ้าง

   “ผมมีพี่ชายสองคน" ซีร์ตอบออกมา ช่างเป็นความบังเอิญเสียจริงกับบทที่ได้รับ "ผมรักพี่คนโตมากกว่า เพราะพี่ดูเป็นผู้ใหญ่ แต่ไม่ใช่ว่าไม่รักพี่คนกลางนะ แต่รายนั้นออกจะเงียบ ๆ และโลกส่วนตัวสูงครับ ผมก็เลยชอบเข้าหาพี่คนโตมากกว่า"

   คำตอบของซีร์เปรียบเสมือนหนามแหลมที่ทิ่มแทงความรู้สึกของจั๊มพ์ เพราะมันไม่ต่างจากครอบครัวของเขาสักนิด ทำไมนะ... ทำไมน้องคนเล็กจะต้องรู้สึกรักพี่คนกลางน้อยกว่า แต่มันก็คงไม่ผิดหรอก เพราะถึงจะไม่ได้แสดงออกว่ารักกันมากมายแต่ถึงอย่างไรก็เป็นสายเลือดเดียวกันนี่นา

   หลังจากที่ได้รับคำตอบของว่าที่นักแสดงทั้งสาม ภพก็คลี่ยิ้มออกมาก่อนจะปลีกตัวไปเขียนบทพร้อมกับเนื้อเพลงทันที โดยที่มีรุ่นน้องชายหนุ่มหญิงสาวอีกสองคนตามไปด้วย เพื่อไปช่วยแกะเนื้อร้องและทำนองส่วนอีกคนก็เตรียมฝึกร้องเพลงประกอบ

   การแสดงของกลุ่มแรกจะเริ่มตอน 4 ทุ่ม เพราะฉะนั้นภพจึงสั่งให้รุ่นน้องในกลุ่มแยกย้ายกันไปพัก และให้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในสองชั่วโมงข้างหน้า เพื่อทำการฝึกซ้อมอย่างหนัก ยกเว้นก็แต่ไม้ จั๊มพ์ และซีร์ที่ต้องมารับบทไปซ้อมก่อนคนอื่น ๆ

   ในระหว่างที่พัก... ไม้เลือกที่จะกลับเข้าไปในห้องเพื่อทำการงีบเอาแรงให้ได้มากที่สุด แต่ยังไม่ทันที่หัวจะถึงหมอน เสียงของสิ่งเร้นลับที่ไม่มีใครมองเห็นก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะเขาเสียก่อน

   “เจ้านาย! จะทำอะไรน่ะ" มิวส์เอ่ยถามเมื่อเห็นไม้ทำท่าเหมือนจะนอน

   “ก็งีบเอาแรงไง" ไม้ตอบออกไปตรง ๆ

   “เดี๋ยวก็ไม่ตื่นหรอก" มิวส์ออกความเห็น มิหนำซ้ำยังบ่นอุบอิบอีกต่างหาก "ยิ่งขี้เซาอยู่ด้วย ผมไม่ปลุกเจ้านายนะ"

   “เออ! กูก็ไม่หวังให้มึงมาปลุกหรอกน่า งีบแป๊บเดียวเอง"

   “เจ้านาย... คืนนี้ถ้าการแสดงมันเลยเวลาเที่ยงคืนล่ะ" มิวส์เอ่ยถาม เพราะภาพเหตุการณ์ในวันที่เขาติดอยู่ในห้องสมุดมันยังหลอกหลอนไม่ไปไหน

   “มึงก็รู้วิธีที่ทำให้มึงปลอดภัยไม่ใช่เหรอ" ไม้ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย

   “เจ้านายไม่ว่าอะไรใช่ไหม" มิวส์แสร้งถามออกไป ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไรเขาก็จะทำตามที่ท่านลุงแนะนำเพื่อให้ตัวเองปลอดภัยอยู่ดีนั่นแหละ ...เขาไม่ได้คิดอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้นจริง ๆ

   “กูว่าอะไรมึงได้หรือเปล่าล่ะ แล้วก็เลิกเซ้าซี้ได้แล้ว กูจะนอนแล้ว...”

   “แต่ว่า...” มิวส์ไม่อยากให้ไม้นอนเลยสักนิด เพราะตั้งแต่มาถึงที่นี่ เขากับเจ้านายคุยกันแทบนับคำได้

   “ไม่ต้องแต่... ถ้าไม่รู้จะทำอะไรมึงก็มานอนข้าง ๆ กูก็ได้มาแต่ต้องปิดปากให้สนิทนะเพราะกูจะนอน" ไม้เอ่ยขึ้น เขารู้ดีว่ามิวส์คงจะรู้สึกเหงาและคงอยากที่จะหาเพื่อนคุยมากกว่า แต่ในตอนนี้ถ้าเลือกได้ ไม้ก็ขอเลือกที่จะงีบเก็บแรงไว้ก่อนละกัน เพราะไม่รู้ว่าคืนนี้จะได้นอนเมื่อไหร่

   “ครับ" มิวส์ตอบด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยแต่ในใจกลับกำลังดีใจจนเนื้อเต้น






   ทางด้านของแม็กกี้ เขาอยู่รวมกลุ่มกับรุ่นน้องปีสองอีกสี่คนซึ่งทั้งสี่เป็นผู้หญิงหมดเลย ส่วนรุ่นน้องชั้นปีหนึ่งที่เหลือก็มีผู้ชาย(ไม่แท้)อีกสองคน ส่วนนอกนั้นก็เป็นผู้หญิงหมด

   “มีใครจะเสนออะไรเกี่ยวกับการแสดงไหม" รุ่นพี่ชั้นปีสองคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เธอมีรูปร่างอ้วนท้วมแต่บุคลิกของเธอไม่ได้อืดอาดยืดยาดเหมือนกับรูปลักษณ์แต่อย่างใด เพราะไม่ว่าจะหยิบจับหรือพูดอะไรก็ดูคล่องแคล่วไปหมด

   “เต้นปอมปอมเชียร์ดีไหมครับ" รุ่นน้องผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

   “น่าสนุกดีแต่พี่ว่าเต้นอย่างเดียวมันคงไม่พอ" หญิงสาวร่างอ้วนเอ่ย เธอหันไปมองหน้ารุ่นพี่ปีสี่แล้วยิ้มออกมาก่อนจะถามความคิดเห็น "ใช่ไหมคะพี่แม็กกี้"

   “อะ... เอ่อ... ใช่ ๆ พี่ว่าการเต้นปอมปอมเชียร์มันก็ดีแต่ใช้เป็นการเปิดหรือปิดการแสดงจะดีกว่า" แม็กกี้เอ่ยตอบด้วยความตะกุกตะกัก
   “แล้วถ้าการแสดงหลักเป็นละครเวที พี่แม็กกี้คิดว่าไงคะ" หญิงสาวร่างอ้วนเอ่ยถามรุ่นพี่สุดหล่ออีกครั้ง

   “ดีเลย... แต่พี่ว่าถ้าแสดงที่นี่ น่าจะเรียกว่าละครดอยมากกว่านะ เพราะมันไม่มีเวที"

   สิ้นเสียงของแม็กกี้ เสียงหัวเราะของรุ่นน้องทั้งหลายก็ตามมาด้วยความดังระงมจนสมาชิกกลุ่มที่เหลือต้องหันมามอง ก็ใครจะไปคิดล่ะว่าชายหนุ่มหน้าตาน่าเอ็นดูอย่างรุ่นพี่ของพวกเขาจะมีมุกตลก ๆ แบบนี้ด้วย

   “ละครดอย เข้าท่าดีนะคะ" หญิงสาวร่างอ้วนหันไปแซว "แต่พระเอกต้องเป็นพี่แม็กกี้เท่านั้นนะคะ"

   “หา!!!?” แม็กกี้เอ่ยทวนด้วยความตกใจ ถ้าเล่นกับเพื่อนหรือรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทกันก็คงไม่มีปัญหา แต่นี่เขาไม่รู้จักใครเป็นการส่วนตัวสักคน
   “นะคะ นะนะ" ยังไม่ทันจะตอบตกลงเสียงสนับสนุนของเหล่ารุ่นน้องทั้งหลายก็พร้อมใจกันเอ่ยขึ้น

   “เอางั้นก็ได้" แม็กกี้ตอบออกมา "ว่าแต่จะแสดงอะไรกันดีล่ะ"

   “เอาเป็นเรื่องซินเดอเรลล่าดีไหมคะ พอดีที่บ้านหนูมีชุดกับบทเก็บไว้อยู่เพราะเพิ่งแสดงมาเมื่อตอนงานเลี้ยงส่งที่โรงเรียนเก่า ชุดของเจ้าชายพี่แม็กกี้น่าจะใส่ได้พอดีค่ะ" รุ่นน้องชั้นปีหนึ่งคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เธอเป็นคนที่สวยโดดเด่นที่สุดของกลุ่ม แถมยังมีจมูกโด่งและดวงตาที่กลมตัว ส่วนสูงก็อยู่ในเกณฑ์ที่จัดว่าสามารถแต่งเป็นเจ้าหญิงได้สบาย ๆ

   “ก็น่าสนใจนะ แต่ว่าจะให้ใครเอาชุดมาส่ง แล้วมันจะทันเหรอ" รุ่นพี่สาวร่างอ้วนเอ่ยถาม

   “เดี๋ยวให้คนงานที่บ้านขับรถมาส่งก็ได้ค่ะ ไม่น่าจะเกิน 4 ชั่วโมง คิดว่ายังไงก็น่าจะทัน 2 ทุ่มค่ะ"

   “งั้นรบกวนเธอด้วยนะพิ้งค์"

   “ค่ะ"

   “แต่พี่ว่าถ้าแสดงซินเดอเรลล่าเฉย ๆ มันอาจจะไม่ตื่นเต้น คิดว่าน่าจะมีการปรับบทสักเล็กน้อยดีไหม" สาวร่างอ้วนเสนอแนะ ซึึ่งสิ่งที่เธอพูดมา แม็กกี้ที่ฟังอยู่เห็นด้วยทุกประการ

   “ดีค่ะ" รุ่นน้องในกลุ่มต่างตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียง

   จากนั้นพิ้งค์รุ่นน้องสาวสวยชั้นปีหนึ่งที่เปรียบเสมือนผู้นำทีมในการแสดงก็จัดการทุกอย่างให้เสร็จสรรพ ทั้งโทรไปบอกให้ที่บ้านนำเสื้อผ้ามาส่ง และจัดการแก้ไขดัดแปลงบทการดำเนินเรื่องจนเรียบร้อย











   พระอาทิตย์ที่เคลื่อนต่ำลงเรื่อง ๆ สาดแสงผ่านผ้าม่านมากระทบกับเปลือกตาของร่างที่นอนหลับไหลอยู่บนเตียง นั่นทำให้ไม้ที่งีบอยู่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา พอเห็นว่าขณะนี้ได้เวลาที่น้องภพนัดไปรับบทสำหรับการแสดง เขาก็ตัดสินใจเดินออกจากห้องและตรงไปยังจุดที่เพิ่งประชุมกันเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา แต่ทว่าไม้ก็พบแต่ความว่างเปล่า

   “ทางนี้ครับพี่ไม้ ทางนี้" จั๊มพ์ที่เหลือบสายตามองมาเห็นรุ่นพี่ก็เอ่ยตะโกนขึ้น พร้อมกับโบกไม้โบกมือจนไม้ที่ได้ยินเสียงต้องหันไปมองตามก่อนจะเดินเข้าไปหา

   “อันนี้บทพูดของพี่ไม้ครับไอ้ภพฝากไว้ให้ พอดีมันจะไปหามุมสงบ ๆ แต่งเพลงต่อ" จั๊มพ์อธิบาย

   “อืม... แล้วนี่จั๊มพ์จะไปซ้อมบทที่ไหน" ไม้เอ่ยถามโดยที่ยังไม่ได้พลิกดูบทบาทการแสดงของตัวเองสักนิดว่าต้องพบต้องเจอกับอะไรบ้าง
   “คงเป็นในเต็นท์น่ะครับ" จั๊มพ์ตอบ

   “เฮ้ย! จะดีเหรอ มันเสียงดัง ไปซ้อมที่ห้องพี่ก็ได้" คำเอ่ยชวนของไม้ทำให้จั๊มพ์รู้สึกประหม่าเล็กน้อย

   “ครับ" จั๊มพ์ตัดสินใจตอบตกลง เพราะอย่างน้อยซ้อมบทด้วยกันมันน่าจะเป็นการดีกว่า จะได้ซ้อมบทที่ต้องแสดงร่วมกันด้วย

   “เออ... ว่าแต่ไอ้น้องซีร์อยู่ไหนล่ะ" ไม้เอ่ยถามก่อนที่จะชะเง้อมองหา "จะได้ชวนไปซ้อมบทด้วยกันด้วย"

   “เห็นไอ้ภพบอกว่ามารับบทไปก่อนหน้านี้แล้วครับ" จั๊มพ์ตอบออกมาพลางช่วยรุ่นพี่ชะเง้อมองหา และในขณะนั้นเอง เพื่อนที่ดูสนิทสนมกับซีร์ก็เดินผ่านมาพอดี จั๊มพ์จึงเรียกเข้ามาถาม

   “เห็นซีร์ไหม"

   “อยู่ในเต็นท์ 3 ครับพี่"

   “ขอบใจ ๆ"

   หลังจากที่สอบถามเสร็จสรรพ ทั้งคู่ก็ตัดสินใจเดินไปตามรุ่นน้องภายในเต็นท์ทันที ระหว่างทางมีสายตาของเหล่ารุ่นน้องมองมาเป็นระยะ ๆ พอเห็นว่ารุ่นพี่ทั้งสองไปหยุดอยู่ที่หน้าเต็นท์ของซีร์ ก็เกิดเสียงซุบซิบนินทารอบข้างกันยกใหญ่

   “ซีร์ อยู่ไหม" จั๊มพ์เอ่ยเรียก

   “อยู่ครับ" ซีร์ตอบออกมาก่อนจะรีบมาเปิดเต็นท์เพื่อต้อนรับแขก พอเห็นจั๊มพ์ไม่ได้มาคนเดียว ซีร์ก็เกิดอาการประหม่าเล็กน้อยเพราะรู้สึกเกร็ง ๆ ที่ต้องเจอรุ่นพี่ปี 4

   “ไปซ้อมบทที่ห้องพี่ไม้ด้วยกันป่ะ" จั๊มพ์เข้าประเด็นทันทีโดยมีไม้ที่นั่งยองย่อพยักหน้าสมทบอยู่ด้านหลัง

   “ครับ" ซีร์พยักหน้ารับก่อนจะหันไปหยิบบทของตัวเองแล้วมุดออกมาจากเต็นท์

   การกระทำของทั้งสามคนตกอยู่ในสายตาของไอ้วิญญาณหน่อมแน้มรวมถึงนักศึกษาในละแวกนั้นตลอด

   สำหรับพวกนักศึกษาคงไม่มีปัญหาอะไรนอกจากแอบส่งสายตาอิจฉามาให้ซีร์ที่ได้ใกล้ชิดกับรุ่นพี่สุดหล่ออย่างไม้ และรุ่นพี่สุดแสนน่ารักอย่างจั๊มพ์ ผิดกับมิวส์ที่รู้สึกขัดใจที่นอกจากแม็กกี้แล้วยังมีคนอื่นที่ได้อภิสิทธิ์พิเศษในการเข้าไปในห้องพักของเจ้านาย

   หลังจากที่ทั้งสามเข้าไปในห้อง พวกเขาต่างก็แยกกันอ่านบทของตัวเองตามมุมต่าง ๆ ซึ่งพออ่านจบต่างคนต่างก็มีสีหน้าที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกไม่ต่างกัน เพราะ...

   “ฉากกอดกันเยอะจัง" ซีร์เอ่ยขึ้น ภายใต้น้ำเสียงที่นิ่งเรียบนั่นซ่อนความขวยเขินไว้เยอะทีเดียวเชียวล่ะ

   “มีฉากอุ้มด้วย" คราวนี้จั๊มพ์เอ่ยขึ้นมาบ้าง

   ส่วนไม้ที่แม้จะไม่พูดอะไรแต่คิ้วที่กระตุกกับรอยยิ้มที่เหยเกก็แสดงออกชัดเจนว่าบทของเขาก็ไม่ต่างจากรุ่นน้องทั้งสองคน เพราะนอกจากจะต้องกอดกับซีร์หลายต่อหลายครั้งแล้ว ยังมีฉากที่ต้องอุ้มจั๊มพ์และให้จั๊มพ์ขี่หลังด้วย เท่านั้นไม่พอ ตอนจบของเรื่อง ไม้ยังได้บทพิเศษเพิ่มเติมอีกด้วย เพราะภพได้เน้นเครื่องหมายดอกจันไว้ใต้บทจบว่า...

   ***ฉากจบพี่ไม้ต้องห้ามบอกซีร์กับจั๊มพ์นะครับ เพราะเดี๋ยวสองคนนั้นอาจจะอายจนไม่ยอมแสดงก็ได้***

   มิวส์ที่พอได้ยินซีร์กับจั๊มพ์เอ่ยขึ้นถึงฉากที่ชวนให้หึงก็ขมวดคิ้วออกมา ทำไมนะ... ทำไมต้องให้เจ้านายของเขาไปกอดไปอุ้มกับรุ่นน้องด้วย แล้วบทของเจ้านายจะมีอะไรบ้าง...

   คิดดังนั้นมิวส์ก็ถือวิสาสะไปลอบอ่านบทการแสดงของไม้ และพออ่านจบจับใจความได้คร่าว ๆ เสียงร้องประท้วงของมิวส์ก็ดังขึ้นทันที

   “ไม่ได้นะเจ้านาย!”

   สิ้นเสียงของมิวส์ ไม้ก็ชะงักเล็กน้อย จะโต้ตอบอะไรออกไปก็ไม่ได้เพราะเดี๋ยวจั๊มพ์กับซีร์จะสงสัย

   “ห้ามทำอะไรแบบนี้กับสองคนนั้นเด็ดขาด" น้ำเสียงของมิวส์แสดงออกถึงความหึงหวงชัดเจน แต่มิวส์ก็ฉลาดพอที่จะเลือกหาเหตุผลที่เข้าท่ามาพูดในประโยคถัดมา "เพราะเดี๋ยว... เอ่อ... เดี๋ยวแม็กกี้จะคิดมาก"

   สิ้นเสียงของมิวส์ ไม้ก็ลุกขึ้นจากขอบเตียงที่นั่งอยู่และตัดสินใจจะเดินออกจากห้อง

   “เดี๋ยวพี่ไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึง อ่านบท ซ้อมบทกันไปก่อนเลยนะ" พูดจบก็ก้าวขาออกจากห้องทันทีโดยมีมิวส์เดินตามไปติด ๆ

   “เจ้านาย... เจ้านาย... จบก็ให้มันจบแค่นั้น ไม่ต้องไปทำอะไรแบบนั้นได้ไหม" มิวส์บ่นตลอดทาง เพราะหลังจากที่ได้อ่านฉากจบของเรื่องแล้ว มิวส์รู้สึกรับไม่ได้กับสิ่งที่ไม้ต้องแสดง "ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมไอ้รุ่นน้องนั้นต้องทำแบบนี้ หรือว่ามันคิดจะวางแผนให้เจ้านายหวั่นไหวกับเพื่อนของมัน"

   หลังจากที่เดินไปได้สักพักและละแวกนั้นก็ไม่มีใคร ไม้จึงเอ่ยปากพูดออกมาบ้าง

   “เออ... กูไม่ทำหรอกน่า ที่กูเดินออกมาก็กะจะบอกให้มึงวางใจได้เลย จะได้เลิกบ่นแล้วก็นั่งดูเงียบ ๆ สักที"

   “จริงนะเจ้านาย" ทันทีที่ได้ยินคำตอบของเจ้านายสุดหล่อ มิวส์ก็ยิ้มออกมาด้วยความถูกอกถูกใจ "เป็นห่วงความรู้สึกผมอ่ะดิ๊"

   “มึงนี่หลงตัวเองจริง เดี๋ยวกูถีบให้!!!" ไม้ต่อว่าเพราะอดหมั่นไส้กับไอ้วิญญาณหลงตัวเองไม่ได้ "ขืนมึงยังพูดมากกูจะทำตามบทที่ได้รับมา ถ้าไม่อยากให้ทำ มึงก็อยู่เงียบ ๆ เข้าใจไหม"

   “คร้าบ ๆ" มิวส์ตอบรับ






จบตอน......

ออฟไลน์ Mr.กุ๊กกู๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
    • แฟนเพจ
คุยกับคนอ่านครับ ^^

คุณ iamnan :: 555++ ครับ ถ้าเราเป็นรุ่นน้องนี่คงไม่ชอบหนิงแน่ๆ
คุณ loveaaa_somsak :: ฉาก Nc.... เอ๊ยย ไม่ใช่ครับ ล้อเล่น ไม่มี๊ไม่มี ^^
คุณ ice_spok :: ไม่มีเด็ดขาด!! 555
คุณ mukmaoY :: คิคิ... มิวส์อาจจะไม่กล้าก็ได้คร้าบ เพราะกลัวไม้จัดการ
คุณ Lily teddy :: T^T แม็กกี้...  นั่นสิครับไม้ใจอ่อนเกิ๊น เดี๋ยวนี้มิวส์มันกล้าหือกล้าอือแล้ว T^T เกิดเรื่องไม่ดีแน่ๆเลย ครับ T^T
คุณ Chichi Yuki :: คิคิ... หัวเราะอย่างมีเลศนัย (ไม่มีคร้าบ)
คุณ Biwty... :: ต้องติดตามดูตอนจบครับ คิคิ อยากสปอยมากๆ T^T แต่เดี๋ยวเสียอรรถรส เลยรีบอัพรีบลง ให้ไวที่สุดครับ แหะๆๆ


ApoStrOfhYs

  • บุคคลทั่วไป
จิ้มมมมมม  :hao7:
ความจริงอยากให้มันจบแฮปปี้ๆอาาาา -3- มีสามทางคือ หนึ่ง :: แม๊กกี้ไปไกลๆส่วนไม้กับมิวส์ก็รักกัน 
สอง :: มิวส์ไม่มีจิตแค้นแล้วเลยได้รับพรไปเกิดใหม่ เกิดมาแล้วถูกนำมาให้ไม้เลี้ยง แม๊กกี้เลิกกับไม้ -..-
สาม :: พลิกล็อคอย่างรุนแรง ตายโครมทั้งสองคน มิวส์ได้ไปเกิดใหม่ ไม้กับมิวส์ได้รักกันอีกชาติ ส่วนแม๊กกี้มีคนที่จริงใจของอีกชาติคบหากันอยู่
จบคะ 5555555555  :laugh:  :laugh:
ยังไงก็...อยากให้ไม่ใช่รักสามเศร้า  :hao5: ให้มีความสุขทั้งสามคน
รอคอยตอนเวลาหลังเที่ยงคืน  :z2: ชาลาล๊าาา  :impress2:

ออฟไลน์ loveaaa_somsak

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-3
อยากให้ 3P + บวกลูกน้องเปอร์ ครอบครัวสุขสันต์ เหมือนพี่มากพระโขนงเลย

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
บทอะไรเนี่ย อยากรู้เด้

ice_spok

  • บุคคลทั่วไป
อะไรน้าาาาา

อยากอ่านตอนต่อไปจังเลยยย

ลุ้นตูดโก่งแย้วววว

จ๊วฟฟฟฟฟฟพี่ชายคนแต่งงง อิอิ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
คืนนี้มิวส์ได้กำไรจากการกอดแน่ ๆ เหอะ ๆ

NJnobu

  • บุคคลทั่วไป
; บทอะไรอ่ะ... ลุ้น ๆ ๆ  :hao3: :hao3: :hao3:

o13  :กอด1:  :bye2:

ออฟไลน์ Lily teddy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-2
เอ่อ นี่มันแค่การแสดงละครของกิจกรรมรับน้องใช่ใหม่เนี่ย
ทำไมดูมันจริงจัง อย่างกะละครเวทีจริง ๆเลยอะ
พอดีไม่มีประสบการณ์กะกิจกรรมรับน้องซะด้วย แล้วบทพี่ชายคนโตของไม้
จะต้องมีฉากล่อแหลมอะไรมากกว่ากอดกะอุ้มน้อง ๆอีกเหรอ
ขนาดมิวส์เห็นยังโวยวายขนาดนี้ ถึงปกติก็โวยวายหวงไม้อยู่แล้วก็เถอะ
แต่คราวนี้อาจทำให้แม็กกี้เข้าใจผิดหรือน้อยใจด้วยรึเปล่าอะ ห่วงความรู้สึกของแม็กกี้อะ
ส่วนของกลุ่มแม๊กกี้นี่ก็ยังไม่รู้จะออกมาเป็นยังไง ก็ขอให้ราบรื่นละกันน๊า นี่แค่คืนแรกนะ
แต่รู้สึกต้องพยายามทำใจกะโชคชะตาที่น่าเศร้าของแม็กกี้ไว้บ้างล่ะ T^T
รอติดตามและเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนเหมือนเดิมจ้า  :pig4:  :mew1:

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ไม้มิวส์ อิสเรียล!!!  :fire:


เอฟซีไม้มิวส์ !!!!  :m31: :fire: :angry2: :katai4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
นี่คนเขียนกะจะให้มิวส์คู่กับไม้จริงๆ เหรอคะเนี่ย
น่าสงสารแม็กกี้จังเลยอ่ะ
ถ้าให้เลือกก็อยากเลือกไม่สองก็สามอ่ะค่ะ
หาที่แม็กกี้เจ็บน้อยที่สุด
สงสารแม็กกี้ แง! T^T

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
อยากเไ็นการแสดงเร็วๆแล้วววววว

ว่าแต่ออกนอกสถานที่แบบนี้คงจะ
ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับมิวส์หรอกนะ

ออฟไลน์ `ลoงสิจ๊ะ™

  • รักคือรัก จะให้หักห้ามใจนั้นยาก
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อ่าน 3 ตอนที่เดียวบรรเจิดเลย
ยิ่งอ่าน ยิ่งรักมิวส์ๆๆ

ออฟไลน์ Mr.กุ๊กกู๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
    • แฟนเพจ
ตอนที่ 26



         อีกด้านหนึ่ง กลุ่มที่จะแสดงละครดอยเรื่องซิลเดอเรลล่ากำลังขะมักเขม้นเรื่องการซ้อมบทแสดงอย่างหนัก เพราะมีการดัดแปลงเนื้อเรื่องออกจากต้นฉบับค่อนข้างเยอะ แต่ยังคงรักษาพล็อตของรองเท้าแก้วและเวลาเที่ยงคืนเอาไว้

   หลังจากที่ทุกคนอ่านบทบาทที่ได้รับจบ พิ้งค์ผู้เป็นผู้นำในการแสดงก็เอ่ยถามขึ้น

   “ทุกคนคิดว่าเป็นยังไงบ้างคะ"

   “เก่งมาก ๆ เลยพิ้งค์" ผู้ที่ตอบเป็นหญิงสาวร่างอ้วนชั้นปีที่ 2 “พี่ไม่คิดว่าพี่จะมีโอกาสได้เป็นนางเอก ถึงจะเป็นนางเอกคู่กันก็เถอะ"

   “ขอบคุณค่ะพี่พู่" พิ้งค์ตอบรับก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา สีหน้าของเธอดูมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นเมื่อได้รับคำชมจากรุ่นพี่

   “พี่ก็ว่าโอเคแล้วนะ ยังรักษาพล็อตเรื่องไว้เหมือนเดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนบทให้ดูฮามากกว่าเก่า" คราวนี้เป็นแม็กกี้ที่เอ่ยขึ้นบ้าง

   “ใช่จ๊ะพิ้งค์ แบบนี้โอเคที่สุดแล้ว จากนี้ก็มาลอง ๆ ซ้อมบทเป็นการฆ่าเวลารอชุดที่จะมาส่งกันดีกว่า" คราวนี้เป็นเพื่อนชั้นปีที่ 1 เอ่ยขึ้นบ้าง

   จากนั้นการจำลองการแสดงของสมาชิกในกลุ่มก็เริ่มขึ้น ในช่วงแรก ๆ ยังมีติด ๆ ขัด ๆ นิดหน่อย เพราะต่างคนต่างก็อย่างเกร็ง ๆ ไม่สนิทกันเลยทำให้การแสดงดูจะเก้ ๆ กัง ๆ แต่พอเวลาผ่านไป การแสดงก็เริ่มที่จะลื่นไหลและเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะบทบาทเจ้าชายของรุ่นพี่แม็กกี้ที่แสดงออกมาได้อย่างไม่มีข้อบกพร่อง

   บุคลิกที่ดูสง่า หน้าตาที่ดึงดูดทำให้ทุกคนในกลุ่มไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเจ้าชายของเขาต้องสวมชุดเจ้าชายจริง ๆ นั่นมันจะน่าหลงใหลสักแค่ไหน เพราะขนาดสวมแค่ชุดไปรเวท การแสดงแต่ละครั้งก็ยังทำให้เหล่ารุ่นน้องต้องส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดในลำคอออกมาด้วยความขวยเขิน โดยเฉพาะฉากที่ต้องเข้าคู่กับพิ้งค์และพู่

   “เอาล่ะ... นี่ก็ได้เวลาทานข้าวเย็นแล้ว ที่ลานกว้างหน้าห้องพักจะมีรุ่นพี่ปีสองคอยบริการแจกอาหารกล่อง น้อง ๆ ไปรับกันได้เลย และหนึ่งทุ่มขอให้น้อง ๆ ในกลุ่มทุกคนกลับมารวมตัวกันที่นี่" พู่เอ่ยขึ้นด้วบใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เพราะเธอรู้สึกสนุกกับการแสดงและมีความสุขกับการที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับรุ่นน้อง เพื่อนและรุ่นพี่

   หลังจากที่ทุกคนภายในกลุ่มแยกย้าย แม็กกี้ก็เดินกลับไปที่ห้อง แต่ทว่ารองเท้าหน้าห้องที่ถอดทิ้งไว้สามคู่ก็ทำให้แม็กกี้ต้องขมวดคิ้วด้วยความฉงนก่อนจะเคาะประตูเป็นจังหวะสามครั้ง

   “ไอ้ไม้กูเอง... แม็กกี้" พอเคาะเสร็จก็ตัดสินใจตะโกนบอกเพื่อให้รู้ว่าเป็นใคร

   ไม่นานมากนักไม้ก็มาเปิดประตูพร้อมกับรุ่นน้องอีกสองคน

   “จั๊มพ์กับซีร์มาซ้อมการแสดงที่ห้องน่ะ" ไม้เอ่ยขึ้นทันทีที่เปิดประตูไปต้อนรับคู่หู แม็กกี้เพียงพยักหน้าเล็กน้อยด้วยความเข้าใจก่อนจะเอ่ยว่า...

   “กินข้าวกันหรือยัง ไปรับข้าวกล่องมาทานกันก่อนเถอะ" แม็กกี้เอ่ยขึ้น พอเห็นสีหน้าที่ดูเหนื่อย ๆ ของรุ่นน้องทั้งสองคน แม็กกี้ก็เลยอาสาที่จะไปเอาข้าวกล่องมาให้ "เออ ๆ ไม่เป็นไร มึงรอกับน้อง ๆ อยู่นี่แหละ เดี๋ยวกูเอาข้าวกล่องมาให้"

   พูดจบก็เดินหันหลังทำหน้าที่รุ่นพี่และแฟนผู้แสนดีทันที ไม่รู้ว่ากลุ่มของไม้จะแสดงอะไร แต่มันก็ทำให้แม็กกี้รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยเพราะกลุ่มของไม้มีแต่รุ่นน้องผู้ชายที่หน้าตาน่าเอ็นดู

   “อ้าว... พี่แม็กกี้มารับข้าวเหรอคะ" น้องหนิงที่กำลังจะเดินไปยังจุดรับข้าวพอเห็นแม็กกี้กำลังเดินมาก็รีบวิ่งเข้ามาทักทันที

   “ใช่ ๆ พอดีจะมาเอาให้ไอ้ไม้กับน้องจั๊มพ์น้องซีร์ด้วย" แม็กกี้ตอบออกมา

   “อ่อค่ะ งั้นตามหนิงมา" พูดจบก็เดินน้ำไปทางที่แจกข้าวกล่องก่อนที่หนิงจะหยิบออกมาสี่กล่องพร้อมกับน้ำขวดเย็น ๆ ให้กับแม็กกี้

   “ขอบใจนะหนิง" แม็กกี้เอ่ยขึ้น

   “ไม่เป็นไรค่า ว่าแต่กลุ่มของพี่แม็กกี้เป็นยังไงบ้างคะ" รุ่นน้องเอ่ยถามด้วยความสนใจ เพราะหากจะมองภาพรวมของกลุ่มที่แม็กกี้อยู่แล้ว ถือว่าเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างลงตัวเพราะแม้จะมีแม็กกี้ที่เป็นผู้ชายที่หน้าตาดีเพียงคนเดียว ที่เหลือก็เป็นชายไม่แท้ แต่ในกลุ่มก็ยังมีรุ่นน้องที่หน้าตาสะสวยและเพื่อนของหนิงที่มีภาวะการเป็นผู้นำค่อนข้างสูง จึงเป็นกลุ่มที่น่าจับตามองทีเดียว

   “ก็ราบรื่นดีครับ" แม็กกี้ตอบเพียงเท่านั้นเพราะไม่อยากให้ความลับเรื่องการแสดงแพร่งพรายออกไป "ว่าแต่หนิงล่ะ เหนื่อยไหมที่ต้องดูแลกิจกรรมรับน้อง"

   “จะว่าเหนื่อยมันก็เหนื่อยค่ะพี่ แต่มันก็สนุกและรู้สึกคุ้มค่าที่เห็นทุกคนสนุกไปกับมัน แถมยังเห็นความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องที่มีมากขึ้น" หนิงตอบออกไปด้วยความสัตย์จริง จากการที่รุ่นพี่ของพวกเธอปลูกฝังการรับน้องด้วยกิจกรรมที่สนุก ๆ แถมยังให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่าง ๆ ไม่เน้นการว้ากที่รุนแรงหรือทำให้รุ่นน้องเกรงกลัว มันเลยทำให้กิจกรรมรับน้องสำหรับสาขาวิชานี้มีแต่ความสนุกสนานไร้ความเบื่อหน่ายแถมยังทำให้เกิดความรักความสามัคคีโดยที่ไม่ต้องแกล้งทำเป็นดุด่าหรือต่อว่าให้เสียความรู้สึกเลยสักนิด

   “ดีแล้ว... ไงพี่ก็ต้องขอบคุณหนิงนะที่ให้พี่กับไอ้ไม้มาร่วมรับน้องด้วย" แม็กกี้เอ่ยขึ้น เพราะปกติแล้วการรับน้องนอกสถานที่แบบแยกสาขาจะไม่มีการเชิญรุ่นพี่ปี 4 มา จะมีการมาพบปะกับรุ่นพี่ภายหลัง

   “ไม่เป็นไรค่า...” หนิงตอบเพียงยิ้ม ๆ เท่านั้น "เดี๋ยวหนิงไปช่วยเพื่อนแจกอาหารก่อนนะคะ"

   “เอ้อ... ได้ ๆ" แม็กกี้พูดก่อนจะยิ้มตอบ จากนั้น ต่างคนต่างก็แยกไปทำหน้าที่ของตัวเอง

   หลังจากที่กลับไปถึงห้อง แม็กกี้ก็ต้องฉงนเพราะไม่พบใครนอกจากไม้

   “น้องอีกสองคนล่ะ" แม็กกี้เอ่ยถามพลางมองกล่องอาหารในมือที่เอามาเผื่อ

   “ไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวก็กลับมา" ไม้ตอบ ก่อนที่จะตบเบาะนอนข้าง ๆ แล้วเอ่ยว่า "มานั่งนี่ดิ"

   แม็กกี้ปฏิบัติตามอย่างว่าง่ายแล้วไม้ก็หันไปสบตากับไอ้วิญญาณหน่อมแน้มที่ยืนจ้องอยู่เป็นเชิงไล่

   “เฮอะ! ไปก็ได้" มิวส์กระแทกเสียงออกมาก่อนจะเดินทะลุผนังออกจากห้องทันทีเพราะไม่อยากทนดูภาพที่บาดตาบาดใจต่อไป

   “เป็นไงบ้าง" แล้วปฏิบัติการนัวเนียตามแบบฉบับของคนรักกันก็เริ่มขึ้น ไม้เอ่ยถามก่อนจะค่อย ๆ กางมือโอบกอดจากทางด้านหลัง "เหนื่อยไหม แล้วกลุ่มของมึงแสดงอะไรอะ"

   “เหนื่อยมันก็เหนื่อยอยู่หรอก แต่มันก็สนุกดี" แม็กกี้ตอบก่อนจะทิ้งร่างให้ไปซบกับอ้อมอกของคนที่ตัวโตกว่าจนศีรษะของเขามุดลอดไปอยู่ใต้คางของไม้ "แล้วมึงอะ เป็นไงบ้าง"

   “เครียด" ไม้ตอบตรง ๆ เพราะการแสดงของเขามันเป็นอะไรที่ค่อนข้างขัดกับความรู้สึก แม้จะรู้ว่าเป็นการแสดง ทว่าฉากแต่ละฉากที่ได้รับมาราวกับว่าเขาโดนบังคับให้เล่นเพื่อให้สมใจใครบางคนเท่านั้น

   “ทำไม" แม็กกี้เอ่ยถาม

   “ไว้มึงเห็นตอนที่กูแสดงเดี๋ยวมึงก็รู้" ไม้ตอบเพียงเท่านั้น

   แม็กกี้ที่อยากจะถามต่อก็มีอันต้องเงียบลง เพราะถ้าไม้ไม่อยากพูด ต่อให้เอามีดมาเจาะปากยังไงไม้ก็ไม่มีวันที่จะพูดออกมาเด็ดขาด

   “เออ... ไงก็เต็มที่ละกัน" แม็กกี้ให้กำลังใจก่อนจะหมุนศีรษะเล่นให้มันเสียดสีกับปลายคางของไม้

   “มึงก็เหมือนกันนะ" ไม้พูดขึ้นบ้าง มือที่รัดร่างที่นอนซบหลวม ๆ ก็พลันออกแรงให้แน่นขึ้น

   ก่อนที่ทั้งคู่จะได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นก็ทำให้ไม้กับแม็กกี้ต้องผละร่างออกจากกัน จากนั้นทั้งสี่ก็รับประทานอาหารด้วยกันจนกระทั่งอาหารหมดกล่อง พอเห็นว่าได้เวลานัด แม็กกี้ก็แยกตัวออกไปรวมกลุ่มของตัวเองทันที






   รถตู้คันหรูที่แล่นมาจอดบนดอยไม่ได้เป็นจุดสนใจของเหล่านักศึกษาที่มาทำกิจกรรมรับน้องในตอนแรกแต่อย่างใด แต่พอเห็นพิ้งค์กับเพื่อน ๆ ในกลุ่มเดินมาหยิบชุดต่าง ๆ นานาที่ราวกับว่าจะเอาไปแสดงละครเวทีเท่านั้นแหละ ก็ทำให้ทุกคนต่างหันมาจับจ้องที่รถตู้คันนี้ด้วยความสนใจ

   “ลงทุนไม่เบาแฮะ" หนิงเอ่ยขึ้นกับเพื่อนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

   “เออนั่นดิ... แต่มันก็ดีแล้ว การแสดงจะได้ครึกครื้นยิ่งขึ้น" เพื่อนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กันเสนอความคิดเห็น

   “อืม... งั้นเราก็ไปเตรียมงานของเราต่อกันเถอะ" พอเห็นรุ่นน้องที่ให้ความสำคัญกับการแสดงมากมายขนาดนี้ หนิงก็ชักจะอยู่เฉยไม่ได้ ในฐานะรุ่นพี่ เธอจะต้องเตรียมความพร้อมของสถานที่ในการแสดงและทำทุกอย่างออกมาให้ดีที่สุด

   ทางด้านของพิ้งค์... หลังจากที่เธอและเพื่อน ๆ ขนชุดที่จะใช้ในการแสดงสำหรับคืนนี้ลงมาจากรถตู้เสร็จสรรพ ลำดับต่อไป พิ้งค์ก็ให้นักแสดงมาลองชุดที่สวมใส่ อาจมีหลวมบ้าง คับบ้างแต่ก็พอจะใส่ได้ทุกคน ที่ดูจะลงตัวที่สุด ก็เห็นจะเป็นชุดของเจ้าชายอย่างแม็กกี้ที่พอสวมชุดที่นำมา บุคลิกที่สง่าอยู่แล้วก็ยิ่งถูกผลักดันให้โดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก

   “เจ้าชายของฉัน" พู่...รุ่นพี่ปีสองที่มองแม็กกี้ตาแป๋วถึงกับพร่ำเพ้อออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว

   “หล่อมากเลยค่ะพี่แม็กกี้" พิ้งค์เอ่ยชมบ้าง "พี่แม็กกี้ต้องเป็นเจ้าชายที่หล่อที่สุดแน่ ๆ"

   “ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า" แม็กกี้เอ่ยแก้เขินพลางเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพราะไม่ค่อยจะมีใครกล้าเดินเข้ามาชมเขาตรง ๆ แบบนี้หรอก ส่วนใหญ่พวกที่หลงใหลในเสน่ห์ของเขามักจะแอบชื่นชมอยู่ห่าง ๆ มากกว่าเพราะไม่มีใครกล้ามาตีสนิท

   “แล้วพิ้งค์ไม่ลองบ้างเหรอ" แม็กกี้เอ่ยถามขึ้นบ้าง เพราะเห็นว่ารุ่นน้องในกลุ่มต่างก็ลองชุดต่าง ๆ นานาจนเสร็จสรรพจะเหลือก็แต่พิ้งค์เท่านั้นแหละที่ไม่ได้ลองสวมใส่

   “ไม่ค่ะ หุ่นพิ้งค์เท่าเดิม ยังไง ๆ ก็ใส่ได้ค่ะ" พิ้งค์ตอบออกมา จากนั้นทุกคนต่างก็ฝึกซ้อมการแสดงจริงอีกรอบก่อนที่จะถึงเวลารวมตัว








   เสาไฟสปอร์ตไลท์ขนาดสูงใหญ่จำนวนสองต้นที่สาดแสงสีขาวลงมายังลานกว้างบริเวณที่จะใช้จัดกิจกรรมในรอบดึกนั้นกระทบเรือนร่างของเหล่านักศึกษาจำนวนหลายคน ทำให้บริเวณนั้นสว่างไสวไม่มีความน่ากลัวแต่อย่างใดแม้จะอยู่บนดอยก็ตาม

   เมื่อทุกคนมากันพร้อมหน้า และอีกไม่กี่นาทีก็จะถึงเวลาการแสดง หนิงก็สั่งให้เพื่อน ๆ เช็คชื่อของเหล่ารุ่นน้องที่มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ว่ามากันครบแล้วหรือยัง

   เมื่อเห็นว่าไม่มีใครขาดหาย รวมทั้งอาจารย์ประจำสาชาวิชาภาษาอังกฤษที่สะดวกมาร่วมกิจกรรมในคืนนี้จำนวน 5 ท่านก็ได้เดินทางมาถึงและมาร่วมเป็นกรรมการตัดสินครบทุกท่าน การแสดงก็เริ่มขึ้นทันที

   “เจ้านาย" มิวส์ที่นั่งหลบอยู่หลังไม้เอ่ยขึ้นเบา ๆ "ก้องก็มาด้วย"

   “เออ... เห็นแล้ว" ไม้ที่นั่งอยู่แถวหลังสุดหันไปคุยกับมิวส์เบา ๆ "แต่อาจารย์ยังไม่เห็นมึง ถ้าไม่อยากเจอ มึงก็อยู่นิ่ง ๆ เงียบ ๆ ละกัน"

   “ครับ" มิวส์ตอบรับอย่างว่าง่ายเพราะเขาเองก็ไม่มีอะไรจะต้องพูดคุยกับผู้ชายขี้โกหกหลอกลวงจนเป็นต้นเหตุให้เขาต้องสิ้นลมหายใจอีกแล้ว

   ก่อนที่จะเริ่มการแสดง หนิงได้ให้อาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งเป็นผู้หญิงที่อยู่อยู่ในวัยใกล้เกษียณเต็มทนจับฉลากว่ากลุ่มไหนจะได้แสดงก่อน ซึ่งกลุ่มที่โชคดีที่ไดแสดงก่อนเพื่อนก็คือกลุ่มที่สอง

   การแสดงของกลุ่มที่สองไม่มีอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะสมาชิกในกลุ่มรวมทั้งรุ่นพี่ที่ร่วมกลุ่มด้วยไม่มีใครเป็นผู้นำมากพอ การแสดงจึงเป็นไปอย่างเรียบง่ายและไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น

   ทันทีที่แสดงจบ กลุ่มต่อมาที่ได้แสดงก็คือกลุ่มที่หนึ่ง ซึ่งกลุ่มนี้มีอะไรที่น่าชื่นใจขึ้นมาหน่อยเพราะมีการร้องเพลงสากลประสานเสียงที่ไพเราะเพราะพริ้ง ไปสามเพลงโดยมีทั้งเพลงช้า เพลงเร็ว และเพลงที่ต้องเต้นประกอบจังหวะ ซึ่งจุดที่เรียกเสียงกรี๊ดจากเหล่าผู้ชมได้ก็คือตอนจบของเพลงช้า นักร้องนำชายหญิงได้แสดงอารมณ์ออกมาบีบคั้นผู้ชมจนผู้ชมที่ซาบซึ้งและเข้าใจในความหมายของบทเพลงถึงกับน้ำตาไหลออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว

   พอการแสดงจบ... เสียงปรบมือเกรียวกราวก็ดังขึ้นเป็นกำลังใจลำดับต่อไปก็เป็นการหยิบฉลากขึ้นมาเพื่อให้กลุ่มถัดไปออกมาแสดง

   “หมายเลขสี่ค่ะ" สิ้นเสียงของอาจารย์วัยใกล้เกษียณ เสียงปรบมือก็ดังขึ้นเพื่อให้กำลังใจสำหรับกลุ่มต่อไป








   การแสดงของกลุ่มสี่เริ่มต้นด้วยการร้องเพลงช้าที่มีความหมายเกี่ยวกับพี่ชายน้องชาย ซึ่งเนื้อร้องและทำนองถูกแต่งขึ้นมาใหม่โดยสมาชิกในกลุ่ม หลังจากที่การร้องเพลงเปิดจบไปการแสดงก็เริ่มขึ้นทันที ซึ่งมีฉากและอุปกรณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หาได้จากห้องพักก็ถูกนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ให้คล้ายกับละครเวที

   ทันทีที่การแสดงเริ่ม เหล่าผู้ชมทุกคนต่างก็ให้ความสนใจกับการแสดงชุดนี้ จนกระทั่งไปถึงจุดไคลแม็กซ์ เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ

   “เป็นอะไรไปจั๊มพ์ มานั่งอยู่ในห้องเงียบ ๆ คนเดียวทำไม" หลังจากที่ไม้เดินไปส่งน้องชายคนเล็กที่หน้าบ้านไม้ก็เดินกลับมาคุยกับน้องชายคนกลาง

   เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่ซีร์น้องคนเล็กต้องไปรายงานตัวเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่ทุกคนใฝ่ฝันว่าจะเข้าไปเรียนให้ได้ และซีร์ก็ทำมันสำเร็จ... ผลจากความพยายามในครั้งนี้ทำให้ทันทีที่รู้ข่าว ซีร์ก็รีบวิ่งหน้าตั้งมาบอกไม้ซึ่งเป็นพี่ชายคนโตทันที หากแต่เขาไม่ได้สนใจจั๊มพ์ ซึ่งก็คือพี่ชายคนรองเลยสักนิด

   “ผมไม่ได้เป็นอะไร" จั๊มพ์ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเย็น ตั้งแต่ที่พ่อกับแม่จากไป ก็มีแต่ไม้นี่แหละที่ดูแลน้อง ๆ จนเติบใหญ่ แต่การแสดงความรักที่แตกต่างกันจนเกินไปนั้น ทำให้จั๊มพ์เข้าใจผิดคิดไปว่าพี่ชายคนโตไม่รักตัวเอง

   “ไม่ได้เป็นจริงเหรอ แต่พี่เห็นเราสีหน้าไม่ดีเลยนะวันนี้" คำพูดของไม้มันไม่ได้ทำให้จั๊มพ์รู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด กลับกันมันยิ่งทำให้คนฟังรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่ เพราะว่าตั้งแต่ที่พ่อกับแม่จากไป เขาก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียวทั้ง ๆ ที่มีพี่และน้องชายอยู่เคียงข้าง แต่พี่ชายเพิ่งจะมาสังเกตเห็นความผิดปกติก็วันนี้

   “นั่นอะไร" ไม้ชี้ไปยังใต้หมอนซึ่งมีสันของสมุดวาดรูปปกแข็งสีดำยื่นออกมา

   “ไม่มีอะไร" จั๊มพ์รีบเถียง ก่อนที่จะรีบใช้มือสอดมันให้กลับเข้าไปเก็บในที่เดิม

   ในทีแรก ไม้ไม่ได้คิดจะละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัวของจั๊มพ์เลยสีกนิด แต่ท่าทีที่มีพิรุธอย่างเห็นได้ชัดทำให้ไม้ต้องแสร้งไม่สนใจสมุดนั่นก่อนจะไปนั่งลงข้าง ๆ กับร่างของน้องชายที่ขอบเตียงแล้วแอบใช้มือข้างหนึ่งหยิบสมุดเล่มนั้นออกมา และกว่าที่จั๊มพ์จะรู้ตัวสมุดเล่มนั้นก็อยู่ในมือของไม้เสียแล้ว

   และมันกำลังจะถูกเปิดออกมาดู...

   “เอาคืนมานะ" จั๊มพ์ตะโกนก้อง แต่เหมือนว่ามันจะไม่เป็นผล เพราะไม้ไม่สนใจเลยสักนิดเพราะในตอนนี้เขาสนใจกับสิ่งที่อยู่ในมือมากกว่า

   ไม้พลิกดูไปทีละหน้า ๆ แต่ละหน้าจะเป็นภาพวาดตัวการ์ตูนสามตัว ซึ่งน่าจะเป็นพี่น้องกัน เพราะมีการเขียนกำกับไว้ในแต่ละภาพถึงเรื่องราวที่สอดคล้องกับความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว

   “พี่ชายของฉัน" ไม้อ่านออกเสียงในขณะที่ก้มมองภาพวาดตัวการ์ตูนผู้ชายที่กำลังอยู่ในท่วงท่าจูงมือน้องชายคนเล็ก ก่อนที่เขาจะอ่านคำบรรยายประโยคถัดไป "เป็นพี่ชายที่น่ารัก แต่ว่า... น้องที่เขารักก็คือน้องชายคนเล็กซึ่งไม่ใช่ฉัน"

   พอพลิกไปหน้าต่อไปก็เป็นรูปของเด็กผู้ชายอีกคนซึ่งน่าจะเป็นตัวแทนของจั๊มพ์กำลังนั่งก้มหน้ากอดเข่าพิงกำแพงอยู่

   “ฉันอยากให้พี่ชายของฉันกอดฉัน อุ้มฉัน จูงมือฉันเหมือนน้องชายคนเล็กบ้างจัง ฉันทำได้เพียงแค่มองดูพวกเขาอยู่ห่าง ๆ เพราะบางทีฉันก็คิดว่า... ฉันเป็นส่วนเกินที่พวกเขาไม่ต้องการ" หลังจากที่อ่านข้อความประโยคนี้จบไม้ก็พบสมุดวาดภาพเก็บทันทีแล้วหันไปมองจั๊มพ์ซึ่ง ๆ หน้า

   “จั๊มพ์... ทำไม...” ไม้เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว

   “พี่ไม่ต้องพูดอะไรหรอก ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว" จั๊มพ์เอ่ยขึ้นเพราะการที่พี่ชายที่เขารักมาเห็นอะไรที่น่าอับอายในสมุดนั่นมันก็ทำให้เขาไม่รู้จะเอาน่าไปมุดหลบไว้ที่ไหน

   “พี่ไม่ออกไป...” ไม้เถียง

   “พี่จะว่าฉันใช่ไหม เออ... ฉันมันก็แค่คนขี้อิจฉา ฉันอิจฉาน้อง ฉันมันน่ารังเกียจใช่ไหมล่ะ พี่ไม่ต้องมาย้ำให้ฉันฟังหรอก" จั๊มพ์เถียงกลับ ไม่รู้ว่าเพาะความอายในสิ่งที่เกิดขึ้นหรือความน้อยใจที่สะสมมานานหลายปีมันปะทุออกมากันแน่ หยาดน้ำใส ๆ เลยไหลลงมาจากดวงตาของจั๊มพ์

   ไม้ไม่ได้เถียงอะไร ทันทีที่เห็นน้ำตาไม้ก็โผเข้ากอดจั๊มพ์ทันที "แล้วทำไม... ตลอดเวลาที่ผ่านมาถึงไม่เคยบอกพี่เลยสักนิดว่ารู้สึกยังไง ว่าอยากให้พี่ทำอะไร หรืออยากไปไหนกับพี่"

   พูดจบไม้ก็ผละร่างที่กำลังสวมกอดออกมาเล็กน้อยก่อนจะค่อย ๆ เอื้อมมือขึ้นมาปาดน้ำตาแล้วก็สบตากับจั๊มพ์ตรง ๆ
   “พี่รักจั๊มพ์นะ รักไม่น้อยไปกว่าซีร์เลย" พูดจบไม้ก็โผเข้ากอดกับจั๊มพ์อีกครั้ง หากแต่ในครั้งนี้มีร่างอีกร่างที่เผลอขึ้นมาเห็นอยู่ที่หน้าประตูถึงกับชะงักแล้วเดินตรงดิ่งเข้ามาหาคนทั้งคู่ทันที

   “พี่ไม้พี่จั๊มพ์ทำอะไรกันน่ะครับ" ซีร์เอ่ยขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเข้าใจมาเสมอว่าพี่ชายคนกลางมีโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยสุงสิงและชอบให้ใครมายุ่ง เขาเลยไม่กล้าที่จะเข้าหา แต่นี่อะไร... ทำไมในตอนนี้พี่ชายของเขาทั้งสองคนถึงได้กอดกันกลมแบบนี้

   “พี่... เอ่อ... พี่...” จั๊มพ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักก่อนจะตอบด้วยเหตุผลที่น่าฟังออกไป "พี่แค่ให้พี่ไม้มาช่วยซ้อมบทละครให้พี่น่ะ พอดีช่วงรับน้องพี่ต้องแสดงละครกับเพื่อน ๆ" ที่ต้องโกหกก็เพราะจั๊มพ์กลัวว่าน้องชายคนเล็กจะไม่ชอบใจในการกระทำของพวกเขา ทว่า... ไม้กลับไม่สนับสนุนคำพูดของจั๊มพ์มิหนำซ้ำเขายังพูดความจริงออกมาทุกประการ

   “จะโกหกน้องทำไม... จั๊มพ์ไม่ได้แสดงละครหรอกซีร์ แต่ที่พี่กอดจั๊มพ์ก็เพราะพี่รักจั๊มพ์ พี่เพิ่งรู้ว่าจั๊มพ์เองก็อยากให้พี่ทำอะไร ๆ เหมือนที่พี่ทำให้กับซีร์ก็เท่านั้น ทั้งจั๊มพ์ทั้งซีร์ก็เป็นน้องพี่ ทำไม... พี่จะทำอะไรให้น้องทั้งสองคนเหมือน ๆ กันไม่ได้ล่ะ"

   “จริงเหรอพี่ไม้" ซีร์พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเพราะเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพี่ชายคนกลางจะอยากอ้อนให้พี่ชายคนโตทำอะไรแบบนั้น

   “จริงดิ...” ไม้เอ่ยขึ้น "ดูดิซีร์ จั๊มพ์มันหน้าแดงหมดแล้ว ฮ่า ๆ ๆ"

   พูดจบก็ส่งเสียงหัวเราะกันเกรียวกราว แล้วความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องทั้งสามก็เหมือนจะเปิดกว้างมากขึ้น

   หลังจากที่จบฉากนั้น ไฟสปอร์ตไลท์ก็ดับลงเหมือนเป็นการปิดฉากการแสดง แล้วเสียงของคนที่พากย์บทละครก็เอ่ยขึ้น

   “การปิดกั้นความรู้สึกของตัวเองมันไม่มีอะไรดีหรอกครับ ...จั๊มพ์คือตัวแทนของคนที่พยายามปิดกั้นความรู้สึกของตัวเองมาโดยตลอด ความจริงแล้วพวกเขาทั้งสามไม่ได้เป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกัน หากแต่พ่อกับแม่ของเขาไม่สามารถมีลูกด้วยกันได้ เลยทำให้พ่อกับแม่รับพวกเขาทั้งสามมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม และหลังจากที่พ่อกับแม่เสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุ ในขณะที่จั๊มพ์กับซีร์อายุยังไม่ถึง 10 ขวบ ไม้ก็กลายเป็นคนที่ต้องดูแลน้อง ๆ ทั้งสองไปโดยยปริยาย โชคดีที่พินัยกรรมของพ่อกับแม่ได้เขียนเอาไว้ว่ายกมรดกทุกอย่างให้ลูกชายคนโตเป็นคนดูแล และแบ่งเงินในบัญชีบางส่วนให้กับลูกชายคนกลางกับลูกชายคนเล็ก เลยทำให้พวกเขาไม่ต้องตกระกำลำบาก...

   การดูแลและความเอาใจใส่ที่พี่ชายคนโตมีให้น้อง ๆ มาตลอดระยะเวลาหลายปี ทำให้เกิดความผูกพันดี ๆ จนกลายเป็นความรักที่มากกว่าคำว่าพี่น้อง...

   ใช่ครับ... ความรักมันไม่มีกฎเกณฑ์ เพศ อายุ ฐานะ หน้าตาไม่ใช่เรื่องสำคัญ และหากว่าพวกเขารักกัน... พวกคุณจะยอมรับในความรักของพวกเขาได้หรือไม่"

   หลังจากที่คนพากย์พูดจบ ไฟสปอร์ตไลท์ก็ส่องสว่างขึ้นอีกครั้ง และภาพที่ปรากฏตรงกลางลานแสดงก็ทำให้นักศึกษาทุกคนถึงกับตกตะลึงเพราะภาพที่พวกเขาเห็นคือ...

   ไม้กำลังกอดกับจั๊มพ์โดยที่มีซีย์ยืนคั่นอยู่ตรงกลาง หากนั่นเป็นการกอดกันธรรมดามันคงไม่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้น แต่เพราะริมฝีปากของไม้กับแก้มของจั๊มพ์ดันไปสัมผัสกัน มันเลยทำให้ความคิดเห็นแบ่งเป็นสองฝ่าย

   “ไม่ว่าใครจะยอมรับความสัมพันธ์ของพวกเขาได้หรือไม่มันไม่สำคัญ แต่ถ้าพวกเขายอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นและไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน นั่นแหละคือสิ่งที่สำคัญที่สุด... ขอบคุณครับ”

   สิ้นเสียงของคนพากษ์ เสียงปรบมือก็ดังขึ้น เพราะในปัจจุบันแม้ความรักร่วมเพศจะมีการเปิดเผยมากขึ้น แต่สังคมส่วนใหญ่ก็ยังยอมรับไม่ได้อยู่ดี และมันจะดีหรือที่หากมีคนบางกลุ่มกีดกันและตั้งท่ารังเกียจ แล้วทำให้ผู้ที่ไม่กล้ายอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น ต้องใช้ชีวิตแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ หรือหลอกตัวเองว่าเป็นชายแท้หญิงแท้ แล้วก็แต่งงานมีลูกกับเพศตรงข้ามโดยที่ก้นเบื้องลึกของหัวใจพวกเขาไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนั้นเลยสักนิด

   แต่เพราะกฏเกณฑ์ของสังคมและคำกดดันของครอบครัวเครือญาติหรือเพื่อนฝูง เลยทำให้พวกเขาต้องตัดสินใจทำในสิ่งที่ขัดกับความรู้สึกของตนเอง

   การแสดงที่สะท้อนถึงเพศที่สามของกลุ่มไม้ ทำให้ทุกคนตกตะลึงเล็กน้อยกับภาพตอนจบ แต่ผู้ที่ดูท่าว่าจะออกอาการมากกว่าใครอื่นเห็นจะเป็นแม็กกี้กับมิวส์

   “เจ้านาย!!! ไหนเจ้านายบอกว่าจะไม่แสดงตอนจบไง" มิวส์ที่ความอดทนขาดผึงเมื่อเห็นไม้ทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดเผลอลุกขึ้นจากที่นั่งแล้ววิ่งไปบ่นกับคนทำความผิดอยู่ที่กลางลานแสดง นั่นทำให้ก้องมองเห็นมิวส์ได้อย่างชัดเจนเลยล่ะ

   ไม้ไม่ได้โต้เถียงอะไร จนกระทั่งกลับไปนั่งที่ค่อยหันไปบ่นกับมิวส์เบา ๆ

   “มึงออกไปตรงนั้นทำไม... คราวนี้ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับมึง กูช่วยไม่ได้แล้วนะ" ไม้ต่อว่า แต่เหมือนว่ามิวส์จะยังไม่รู้ตัวเพราะ...

   “เจ้านายไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง เจ้านายทำแบบนี้ทำไม เจ้านายหอมแก้มไอ้เด็กจั๊มพ์ทำไม!!!”

   “มันจำเป็น" ไม้ตอบสั้น ๆ ก่อนจะเอ่ยคำที่ทำให้ไอ้ผีขี้วีนสงบปาก "ถ้ามึงยังขืนพูดมาก คืนนี้ถ้าเกิดอะไรขึ้น กูจะไม่ช่วยเหลืออะไรมึงทั้งนั้น"

   “เจ้านาย...” มิวส์ถึงกับพูดไม่ออก ไม่ใช่เพราะว่ายังโกรธหรือไม่พอใจในคำตอบที่ได้รับจากการกระทำของเจ้านาย แต่เพราะเจ้านายบอกว่าจะไม่ช่วยเขาต่างหากล่ะมันเลยทำให้เขาอดน้อยใจไม่ได้

   ทั้ง ๆ ที่เจ้านายของเขารู้ดีว่าสถานที่บนป่าบนเขาแบบนี้มันอันตรายมากขนาดไหน แถมเขาเองก็เป็นแค่วิญญาณอาฆาตติดที่ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองจากวิญญาณร้ายตนอื่นได้ แล้วจะไม่ให้เขารู้สึกเสียใจกับคำพูดที่ไร้เยื่อใยแบบนั้นได้อย่างไรกันล่ะ

   “ได้... งั้นผมจะพิสูจน์ให้เจ้านายดูว่าคืนนี้ผมจะเอาตัวรอดให้ได้โดยไม่ต้องพึ่งเจ้านาย" พูดจบก็ลุกขึ้นวิ่งหายวับออกไปนอกลานแสดงทันที

   ไม้ที่ยังอยู่ในอารมณ์หงุดหงิดเพียงชายตามองดูร่างนั้นวิ่งจากไปก็เท่านั้นก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเพื่อเป็นการระบายอารมณ์

   'มึงอยากจะทำอะไรก็เรื่องของมึง'





จบตอน

ออฟไลน์ Mr.กุ๊กกู๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
    • แฟนเพจ
คุยกับคนอ่านครับผม ^^

คุณ ApoStrOfhYs :: อ่ะนะ คิคิ สามทางนี้ไม้กับมิวส์สมหวังกันทั้งนั้นเลยน๊า 555 แม็กกี้หลีกไป คิคิ ต้องติดตามครับว่าจะจบยังไง ^^
คุณ loveaaa_somsak :: พี่มากพระโขนงจบยังไงหว่า T^T เวรกรรมจริงๆ ไปดูมาแล้วแต่ลืม จำได้แต่ฉากงานวัด ซึ้งดีครับ T^T
คุณ mukmaoY :: บท T^T แค่นี้เอง แค่นี้จริงจริ๊ง ... แต่ถ้าเป็นคนรักกัน ต้องมีแนวหึงๆอยู่แล้วล่ะ และตอนหน้า อย่าพลาดนะครับ คิคิคิ
คุณ ice_spok :: ทำไมต้องตูดโก่ง ทะลึ่งตลอดไอ้น้องไอซ์ โก่งนักเดี๋ยวเตะก้นเลยนี่
คุณ iamnan :: T^T  วิ่งหนีไปแล้วครับ เหมือนจะไม่ได้กำไรแล้วเน่อ ฮือ T^T
คุณ NJnobu :: T^T ลุ้นต่อไปนะครับ คิคิ ว่ามิวส์มานวิ่งหนีไปแล้วจะเจอกับอะไร ฮือๆๆ T^T
คุณ Lily teddy :: คุณ Lily teddy วิเคราะห์ได้โดนตลอดเลยครับ สปอยเลยงับ มิวส์น้อยใจ ตอนหน้าไม้กับแม็กกี้ก็ .... กันอีก T^T ฮือๆ
คุณ Biwty... :: 555 ไม้กับมิวส์งอนกันแล้วคร้าบบ  :3123:
คุณ Chichi Yuki :: T^T  แต่ผมดั๊นอยากให้แม็กกี้เจ็บให้มากที่สุด แต่งไปแล้วสะใจดี (ซะงั้น) ล้อเล่นเด้อ แหะๆๆ
คุณ mentholss :: >.< ท่าจะไม่รอดแล้วครับ มิวส์วิ่งจู๊ดๆ ไปแล้ว
คุณ มยอนฮวา :: T^T ยิ่งอ่านยิ่งรักมิวส์ และอ่านๆไปจะเกลียดไม้ ใช่ไหมงับ T^T

ออฟไลน์ Lily teddy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-2
 :เฮ้อ: เครียด ทั้งที่มันเป็นการแสดงละครของกิจกรรมรับน้องธรรมดาเองนะเนี่ย
ถึงในการแสดงจะมีฉากที่ปากของไม้สัมผัสกับแก้มของจั๊มพ์ แต่มันก็ไม่ได้แสดงออกมาแบบดูน่าเกลียด
ยั่วยวนหรือออกท่าออกทางอะไรเลยนี่ เหมือนกลุ่มของไม้แค่พยายามสะท้อนความรักความรู้สึก
ของเพศที่สามเฉย ๆไม่ใช่เหรอ แต่มันก็คงทำให้คนดูรวมทั้งมิวส์กะแม็กกี้ต้องอึ้งกันไปบ้างแหละ
แต่คิดว่าแม็กกี้น่าจะเข้าใจและไม่โวยวายกับเรื่องนี้มากมายแบบมิวส์นะ เพียงแต่เพราะเรื่องนี้ดัน
ทำให้มิวส์เกิดน้อยใจกับคำพูดไม้จนหนีเตลิดไปไหนไม่รู้ แล้วด้วยนิสัยอย่างไม้เดี๋ยวยังไงก็ต้องกังวล
แล้วออกไปตามช่วยมิวส์อีกแน่ แล้วไอ่ตอนที่ไม้ไปตามช่วยมิวส์นี่แหละมั่งจะทำให้ไม้กะแม็กกี้ก็ ... T^T อีกแล้ว
เพราะเดี๋ยวก็ต้องเป็นการแสดงของกลุ่มแม็กกี้แล้วด้วย น่าสงสารแม็กกี้จัง
แล้วที่ให้ก้องมองเห็นมิวส์ตอนนี้มันจะมีผลดีผลเสียยังไงบ้างไหมเนี่ย
รอติดตามและเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนเหมือนเดิมจ้า  :pig4:  :mew1:
ปล.จะทำร้ายอะไรแม็กกี้ก็สงสารคนอ่านบ้างนะค่ะ  :ling3:

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ไม้มันมีดีอะไรนักหนา ทำไมทั้งคนทั้งวิญญาณถึงพากันรักพากันหลง

เห็นแก่ตัว เอาแต่ใจ ไม่อ่อนโยนก็เท่านั้น เดี๋ยวก็เชียร์ให้แม็กกี้คู่กับมิวส์ซะหรอก

NJnobu

  • บุคคลทั่วไป
; แค่หอมแก้มเอง มิวส์ก็ คิดมากน่า...  :hao3: :hao3: :hao3:

มิวส์วิ่งออกไปเจออะไร.... รอ คน เขียน

:กอด1:  o13  :bye2:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ไม้ปากบอกไม่สนใจมิวส์ เดี๋ยวตัวเองก็ต้องมากังวลเรื่องมิวส์อยู่ดี
คนที่เห็นความกังวลนั้นชัดก็น่าจะเป็นแม็กกี้  แล้วอ.ก้องมาทำอะไร

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
คงตัองบอกว่า ขิงก็รา ข่าก็แรง ซินะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
เป็นเรา เราก็สะอึกเลยนะไม้พูดแบบนั้นอ่ะ

คนฟังมันคิดได้แปดพันอย่าง :katai4:

ice_spok

  • บุคคลทั่วไป
พี่ชาย ฉันรักเขาาาา

ฮืออออออ

อยากกอดคนเขียนนนน จุ้บบบ

ออฟไลน์ loveaaa_somsak

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-3
ไม้ทำกับมิวส์ได้ :z6:

ออฟไลน์ pannixz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 373
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
ไม้ อย่าอยู่เลย  :z6:

ออฟไลน์ Yukio4869

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3
ตามมาอ่านรวดเดียวเลยครับ ชื่อเรื่องน่าสนใจดี สนุกมากๆเลยครับ มิวก็น่ารักเเต่เเอบหื่นไปนิส 555 ไม้ก็โหดตลอดๆ 55 เรื่องนี้เราเชียร์ ไม้มิวส์ ส่วนเเม็กกี้ก็ขอจบเเบบไม่ทุกข์หาคู่ให้เลยเเล้ว เรื่องเเนวนี้มันน่าลุ้นตอนจบว่าจะจบเเบบไหน คริคริ  เเต่ 3p อย่านะ 555  ลุ้นว่าจะมีไรเกิดขึ้นใหม น่าติดตาม

ออฟไลน์ Mr.กุ๊กกู๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
    • แฟนเพจ
ตอนที่ 27






         แสงไฟสปอร์ตไลท์ที่ทอดผ่านลงมายังลานกว้างในตอนนี้ เผยให้เห็นร่างของชายหนุ่ม หญิงสาวที่น่าจะบอกได้ว่า หล่อและสวยที่สุดในคืนนี้ กำลังยืนอยู่ท่ามกลางสายตาของเหล่านักศึกษานับร้อยคู่ด้วยความสง่า

   “เจ้าชาย... ข้าต้องไปแล้ว" ซินเดอเรลล่าเอ่ยขึ้นก่อนที่จะสะบัดข้อมือออกจากการกอบกุมของฝ่ามือเจ้าชายที่หล่อเหลา

   “เดี๋ยวก่อน...” เจ้าชายเอ่ยขึ้นพลางพยายามจะเอื้อมมือไปจับแขนของหญิงสาวที่กำลังจะวิ่งหนี พอพยายามที่จะวิ่งตามแสงไฟที่มืดมัวกอปรกับไม่รู้ว่าหญิงสาววิ่งไปทางไหนเลยทำให้ในที่สุดเจ้าชายก็ถอนหายใจแล้วเดินคอตกกลับไปยังงานเลี้ยง

   ทว่าไม่รู้เพราะพรหมลิขิตหรืออย่างใด รองเท้าคีบฟองน้ำที่หญิงสาวใส่มาซึ่งขัดกับชุดไหมที่สวมใส่ดันหลุดหลุดทิ้งไว้ข้างหนึ่ง

   เจ้าชายค่อย ๆ ก้มลงไปหยิบมันขึ้นมาดู พลางพินิจพิจารณาอย่างถี่ถ้วย นอกจากหญิงสาวผู้เลอโฉมแล้ว ก็ไม่มีใครที่กล้าจะใส่รองเท้าลักษณะแบบนี้มาร่วมงาน

   “มันต้องเป็นของนางแน่ ๆ" เจ้าชายเอ่ยขึ้นด้วยความมั่นใจ

   หลังจากงานเลี้ยงในคืนนั้นสิ้นสุดลง เจ้าชายก็สั่งให้เหล่าทหาร องครักษ์ ออกตามหาหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของรองเท้าคีบข้างนี้ ทว่าไม่ว่าจะให้หญิงสาวนางใดสวมใส่ เท้าของเธอก็จะแบะออกเกินความเล็กเรียวของรองเท้าคู่นั้นเสมอ ...แม้แต่เจ้าของรองเท้าข้างนั้นด้วยเช่นกัน เธอถูกแม่มดใจร้ายสาปให้กลายเป็นหญิงสาวอ้วนท้วมด้วย เว้นก็แต่ในคืนที่ไปร่วมงานฉลองเมื่อคืนที่มีนางฟ้าใจดีมาช่วยปลดคำสาปให้ แต่ก็เป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ

   ซิลเดอร์เรลล่ารู้สึกเสียใจเหลือเกินท่ี่บทประพันธ์ในครั้งนี้ไม่ได้จบลงแบบสวยหรูเหมือนการแสดงในทุก ๆ ครั้ง เพราะเธอดันเป็นหญิงสาวร่างอ้วนพุงโย้ที่โดนคำสาปของแม่มดใจร้ายจากคำขอร้องอ้อนวอนของเหล่าพี่สาวและแม่เลี้ยงใจโหดที่อิจฉาในหน้าตาอันงดงามสดใสของเธอ

   หนทางเดียวที่จะแก้คำสาปในครั้งนี้ได้ก็คือเธอจะต้องได้รับอ้อมกอดที่อบอุ่นของชายหนุ่มผู้งดงามซึ่งจะเป็นใครก็ได้แต่มีข้อแม้ว่าซิลเดอเรลล่าต้องห้ามบอกความลับข้อนี้ให้เจ้าชายรู้ไม่เช่นนั้นเธอจะไม่มีโอกาสถอนคำสาปได้อีกเลย เพราะฉะนั้น เธอจะต้องเอาชนะใจชายหนุ่มรูปงามด้วยนิสัยใจคอมิใช่หน้าตา

   ซิลเดอเรลล่าร้องไห้กระซิก ๆ ตามลำพังหลังจากที่เห็นใบปิดข่าวตามหาเจ้าของรองเท้าคู่นั้นของเจ้าชาย และทันใดนั้นประตูบ้านของเธอก็ถูกเคาะด้วยเสียงอันดังก้อง

   “ขอโทษครับ บ้านของคุณมีหญิงสาวรูปร่างผอมสูง ผิวขาว ผมยาวสลวยหน้าตางดงามหรือเปล่าครับ" องครักษ์นายหนึ่งพูดโดยที่มีเจ้าชายยืนรออยู่ด้านหลัง

   ซิลเดอเรลล่ามองสบดวงตาคู่นั้นหัวใจของเธอเต้นตูมตามแต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้

   “ไม่มีค่ะ" ที่ต้องตอบออกไปแบบนั้นเพราะตอนนี้พี่สาวของเธอทั้งสองกับแม่เลี้ยงออกไปทำธุระนอกบ้าน จึงไม่มีใครที่มีลักษณะเช่นนั้น

   “ไปกันเถอะ" พอได้ยินคำตอบของนางที่ดังเล็ดลอดมาหลังบานประตู องครักษ์คนที่เคาะประตูก็ตัดสินใจล่าถอย แต่ทว่า...

   “เดี๋ยวก่อน เสียงของเจ้า!” เจ้าชายเอ่ยขึ้น

   แม้จะอยู่คนละเรือนร่าง แต่ทว่าน้ำเสียงของหญิงสาวร่างอ้วนช่างคล้ายคลึงกับหญิงสาวในคืนนั้นยิ่งนัก

   “เจ้า...” เจ้าชายแง้มบานประตูออกก่อนจะเดินเข้าไปหาหญิงสาวร่างอ้วน

   “เพคะ" หญิงสาวตอบด้วยความฉงน เพราะไม่มีวันที่ชายหนุ่มรูปงามอย่างเจ้าชายจะคิดว่าเธอเป็นหญิงสาวในคืนนั้นได้หรอก

   “ถ้าเจ้ามีโอกาสได้เกิดใหม่ เจ้าจะเกิดเป็นอะไร ระหว่างนกพิราบกับฟักทอง" เจ้าชายเอ่ยถาม เพราะในค่ำคืนที่เขาได้พบกับหญิงสาวผู้เลอโฉม นางได้กล่าวเอาไว้ว่าถ้าได้เกิดใหม่ในชาติหน้า นางจะเลือกเกิดเป็นฟักทองและไม่อยากเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตใด ๆ ทั้งสิ้น

   “ฟักทองเพคะ" หญิงสาวตอบออกมา

   “เพราะอะไร" เจ้าชายเอ่ยถาม น้ำเสียงของเขาแสดงออกถึงความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด

   “เพราะปัจจุบันสัตว์โลกก็มีมากแล้ว ถ้าเลือกเกิดได้ข้าขอเลือกเกิดเป็นฟักทองผลโต ๆ ให้สิ่งมีชีวิตได้กัดกินยังจะดีเสียกว่า" สิ้นเสียงของนาง เจ้าชายก็ทำในสิ่งที่ทุกคนไม่คาดฝัน

   เหล่าองครักษ์ทั้งหลายต่างมองภาพที่เจ้าชายผู้มีหน้าตาหล่อเหลาของเขากอดกับหญิงสาวร่างอ้วนผู้ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยสักนิดด้วยความตกตะลึง และในขณะนั้นพี่สาวทั้งสองกับแม่เลี้ยงของนางก็เดินทางกลับมาบ้านแล้วได้พบกับภาพอันบาดตาบาดใจเข้าพอดี

   “กรี๊ดดดด!!!” พี่สาวทั้งสองต่างกรีดร้องด้วยความริษยา นอกจากจะริษยาที่ซิลเดอเรลล่าถูกเจ้าชายโอบกอดแล้ว อีกความคิดหนึ่ง พวกเธอกำลัวรู้สึกกลัวว่าคำสาปที่แม่มดได้สาปเอาไว้จะคลายผล

   และในขณะนั้นแสงไฟสปอร์ตไลท์ก็ดับลง... ผู้ชมทุกคนต่างตกตะลึงและกำลังลุ้นผลที่จะตามมา

   ทันทีที่แสงไฟสว่างขึ้นอีกครั้ง ซิลเดอเรลล่าก็กลับกลายเป็นหญิงสาวผู้เลอโฉม คำสาปของแม่มดถูกคลายลง และเจ้าชายกับซิลเดอเรลล่าก็ตกลงปลงใจจะแต่งงานกันในที่สุด

   “ทำไมท่านถึงคิดว่าหญิงสาวร่างอ้วนคนนั้นคือข้า" ซิลเดอเรลล่าเอ่ยถามในขณะที่กำลังอยู่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของเจ้าชายรูปงาม

   “เพราะน้ำเสียงและคำตอบของเจ้า... ข้าคิดว่าน้อยคนนักที่จะอยากเกิดเป็นฟักทอง เจ้าคือผู้หญิงที่สวยงามทั้งภายนอกและภายในจริง ๆ ...ซิลเดอเรลล่า ข้ารักเจ้านะ”

   สิ้นเสียง เจ้าชายก็ค่อย ๆ เอื้อมหน้าลงไปมอบจุมพิตให้กับหญิงสาวที่ตัวเล็กกว่า

   เกิดเสียงฮือฮาและเสียงปรบมือดังขึ้นกันเกรียวกราวหลังจากที่เจ้าชายผู้เลอโฉมอย่างแม็กกี้ได้มอบจุมพิตให้กับหญิงสาวผู้งดงามอย่างพิ้งค์...

   ความจริงแล้วพิ้งค์ได้เขียนบทเอาไว้ให้จบเพียงแค่ฉากที่อยู่ในอ้อมกอดก็แค่นั้น แต่เพราะแม็กกี้ได้เห็นการแสดงของกลุ่มก่อนหน้า มันเลยทำให้เขาอดที่จะน้อยใจและทำการแสดงออกมาในแบบนี้เพื่อประชดประชันไม้ไม่ได้

   ไม้มองดูการแสดงตรงหน้าด้วยความรู้สึกสับสน น่าแปลกที่เขาไม่ได้หึงหวงแต่อย่างใด ทั้ง ๆ ที่เขาควรจะรู้สึกแบบนั้น...หรือเพราะว่าพิ้งค์เป็นผู้หญิง ไม้เลยไม่รู้สึกอะไร

   หลังจากที่การแสดงของกลุ่มนี้เสร็จสิ้น ก็ถึงคราวประกาศผลรางวัล ซึ่งลำดับที่ 1 ได้แก่กลุ่มที่แสดงเรื่องซิลเดอเรลล่ากับรองเท้าคีบ เพราะบทที่ถูกดัดแปลงจนเรียกเสียงหัวเราะได้หลายฉากนั้นทำให้ทุกคนต่างอดเทใจให้คะแนนเรื่องนี้เต็มร้อยไม่ได้ ไหนจะเสื้อผ้าที่จัดเต็ม และพระเอกนางเอกที่หน้าตาหล่อสวยเลยทำให้กรรมการส่วนใหญ่มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าเรื่องนี้ควรได้รับรางวัลชนะเลิศ

   “ค่ะ... คราวนี้ก็มาถึงรางวัลสำหรับกลุ่มที่ชนะนะคะ พรุ่งนี้เช้าเวลา 7 โมงครึ่ง ให้ไปรวมตัวกันที่ลานกว้างหน้าหอพัก น้อง ๆ และรุ่นพี่ในกลุ่มทุกคน จะได้ไปรับประทานอาหารบุฟเฟต์ของโรงแรมห้าดาวในตัวเมืองค่า...” สิ้นเสียงของหนิง เสียงร้องดีใจของกลุ่มที่ได้รับรางวัลก็เฮลั่น ผิดกับกลุ่มที่แพ้ที่อดเสียดายกับอาหารเช้าที่สุดแสนจะวิเศษไม่ได้




   
   อีกด้านหนึ่ง... หลังจากที่มิวส์ปลีกตัวออกมาจากเจ้านายและเหล่านักศึกษา ระยะทางที่ไกลออกไปเรื่อย ๆ นั้นทำให้ความสว่างของหนทางเริ่มน้อยลง สายตาของวิญญาณที่คุ้นชินในที่มืดอยู่แล้วเลยทำให้เป็นอุปสรรคสำหรับมิวส์ ผิดกับอีกคนที่พยายามสะกดรอยตามมา กว่าเขาจะปรับสภาพสายตาให้ชินได้ ก็เห็นเพียงร่างมิวส์ที่อยู่ไกลลิบ ๆ ออกไป

   มิวส์เดินบุกป่าฝ่าดงไปหยุดอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งซึ่งมีกิ่งก้านสาขาแผ่ออกมามากมาย ต้นของมันสูงไม่เกิน 3 เมตรแต่ความกว้างของกิ่งก้านและความแน่นหนาของใบไม้นี่สิ ดูสวยงามและให้ความร่มรื่นได้เป็นอย่างดียิ่งนัก

   ลมที่พัดมาหวิว ๆ ไม่ได้ทำให้มิวส์รู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด มิวส์ทิ้งตัวเอนนอนลงกับต้นไม้ใหญ่พลางนึกถึงอดีตที่ผ่านมา

   กี่ปีแล้วนะ... ที่เขาไม่มีโอกาสได้ออกมาเที่ยวป่าเที่ยวเขาแบบนี้ มิวส์ยังจำได้ดีเมื่อตอนที่ยังเป็นนักศึกษา ก้องจะชอบออกไปเที่ยวป่าเที่ยวเขาและรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ ของเขาจัดกิจกรรมมาทำให้เด็ก ๆ บนดอยมีความสุขเสมอ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสนามเด็กเล่น การสอนพิเศษภาษาอังกฤษ หรือแม้แต่การเชิญวิทยากรมาให้ความรู้กับชาวบ้านในเรื่องการทำเกษตร

   ทุกครั้งที่จัดกิจกรรม มิวส์จะรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปทำอะไรแบบนั้นด้วย แต่ตอนนี้มิวส์เข้าใจแล้วว่า... ว่ากิจกรรมต่าง ๆ ที่ก้องและเหล่าเพื่อน ๆ เคยจัดนั้นมันส่งผลดีในระยะยาวต่อชาวดอยเพียงใด

   นอกจากชาวดอยจะมีความรู้เพิ่มมากขึ้น เศรษฐกิจการเงินของพวกเขาก็ยังไม่ฝืดเคืองเหมือนเมื่อก่อนอีกด้วย สังเกตได้จากหมู่บ้านต่าง ๆ ตลอดทางที่นั่งรถมา สองข้างทางล้วนเจริญขึ้นผิดหูผิดตาผิดกับอดีต

   “มาหลบอยู่ที่นี่เอง" แล้วเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นก็ทำให้มิวส์หลุดจากภวังค์ความคิด

   “ก้อง!?” มิวส์หันไปมองพร้อมกับเอ่ยเรียกชื่อของร่างนั้นด้วยความตกใจ "ตามมาทำไม"

   “ก้องเป็นห่วงมิวส์" น้ำเสียงของก้องไร้ซึ่งความจริต เพราะเขารู้สึกอย่างที่พูดจริง ๆ "ใกล้เที่ยงคืนแล้วกลับกันเถอะ มันอันตราย"

   “ไม่! มิวส์ไม่กลับ" มิวส์เถียงออกไป เพราะคนที่ต้องมาง้อให้กลับต้องเป็นไม้เท่านั้นไม่ใช่ก้อง

   “ยังดื้อเหมือนเดิมเลยนะครับ" ก้องเอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นท่าทีหัวรั้นของมิวส์ ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ กับร่างของวิญญาณตนนั้น

   หัวไหล่และแขนฝั่งขวาที่แนบชิดทำให้มิวส์ต้องแกล้งเขยิบออกมาเล็กน้อยเพราะเขาไม่อยากสัมผัสร่างกายกับผู้ชายคนนี้

   “ก้องกลับไปเถอะ... อย่ามายุ่งกับมิวส์อีกเลย" ทำไมนะ... พอได้อยู่ใกล้ชิดกับผู้ชายคนนี้ ความโกรธที่สั่งสมมานานมันถึงสลายและกลายเป็นความอ่อนแอที่เข้ามาครอบคลุมจิตใจ ยิ่งหมอนี่ทำดีมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกเสียใจกับเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นมากขึ้นเท่านั้น

   “ก้องรู้ว่าก้องผิด... แต่ก้อง...” ก้องพยายามอธิบาย แต่ทว่า

   “ก้องไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้น" มิวส์ขัดเอาเสียดื้อ ๆ "ถ้ายังจะนั่งอยู่ตรงนี้ก็อย่าคุยถึงเรื่องที่ผ่านมาเลย เพราะถ้ามิวส์โกรธ มิวส์ควบคุมสติไม่ได้ ก้องอาจจะเป็นอันตรายก็ได้นะ"

   “ก็เอาดิ... ถ้ามิวส์ทำร้ายก้องได้ลงคอ ก้องก็พร้อมที่จะให้มิวส์ทำ ไม่ต่อสู้ ไม่ขัดขืน อะไรทั้งนั้นนั่น" ก้องเอ่ยขึ้น "ก้องถามอะไรมิวส์อย่างได้ไหมครับ"

   “อะไร" มิวส์เอ่ยกลับด้วยความฉับไว

   “มิวส์คิดยังไงกับไม้"

   คำถามของก้องทำให้มิวส์กระอักอระอ่วนในจิตใจทันที... จริงอยู่ว่าไม้เป็นมนุษย์ที่แสนดีและน่ารักแถมยังให้ความช่วยเหลือเขาในทุก ๆ เรื่อง แต่มิวส์ก็ยังไม่รู้จริง ๆ ว่าความรู้สึกที่แท้จริงกับไม้มันคืออะไรกันแน่ จะว่ารักก็คงไม่ผิด แต่มันไม่ใช่รักแบบชู้หนุ่มชู้สาว ทว่ามิวส์ก็รู้สึกหึงหวงทุกครั้งที่ไม้ต้องใกล้ชิดกับมนุษย์ผู้ชายคนอื่น

   “ก้องถามทำไม" มิวส์ย้อนถาม

   “ก้องอยากรู้... เพราะถ้ารู้คำตอบที่แท้จริงจากปากของมิวส์ มันอาจจะทำให้ก้องพูดความอะไรบางอย่างออกไปเพื่อให้มิวส์เข้าใจก็ได้" ก้องตอบ...

   “ความจริงอะไร" มิวส์ย้อนถามอีกครั้งด้วยความสงสัย "ก้องมีอะไรปกปิดมิวส์งั้นเหรอ"

   “มิวส์ตอบมาก่อนสิครับ" ก้องย้อนคืน เพราะถ้ามิวส์ตอบว่า 'รัก' ผู้ชายคนนั้น ก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่ก้องจะต้องอธิบายเรื่องราวในอดีตให้มิวส์ฟังอีกแล้ว เพราะเขาคงไม่ทำให้มิวส์เกิดความรู้สึกสับสนแน่นอน

   “มิวส์ก็ไม่รู้เหมือนกัน...” มิวส์ตอบด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว เขาก้มหน้าลงซุกเข่าด้วยความรู้สึกที่สับสน "มิวส์รู้สึกดีกับไม้มาก ๆ จะเรียกว่ารักก็คงไม่ผิด แต่มันไม่ใช่... แบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับก้อง"

   “มิวส์ว่าไงนะ" ได้ยินคำตอบของมิวส์ ก้องก็ยิ้มออกมา

   “มิวส์รู้สึกดีกับไม้ แต่มันไม่เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับก้อง"

   สิ้นเสียงของมิวส์ ก้องก็ถือวิสาสะโผเข้ากอดมิวส์ทันที ตลอดเวลาตั้งแต่เกิดเรื่องก้องไม่เคยนอกใจมิวส์เลยสักครั้ง ก้องยังรักและรู้สึกดีกับมิวส์เสมอ แม้แต่สาวิตรีกับลูก ความรักที่เขามีให้ก็ไม่มีวันเทียบเท่ากับความรักที่เขามอบให้มิวส์ได้อย่างแน่นอน

   “ก้อง... ก้อง... ปล่อยมิวส์" มิวส์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นระริก เขากำลังสับสนในความรู้สึก ทั้งอยากรักอยากโอบกอดผู้ชายคนนี้กลับ แต่เพราะเหตุการณ์ในอดีตที่หนักหนาสาหัส มิวส์เลยพยายามข่มใจไม่ให้ตนเองกลับไปเป็นทาสของความรักกับผู้ชายคนนี้อีกครั้งเป็นอันเด็ดขาด

   “ก้องมีลูก ก้องมีเมียแล้วนะ" เมื่อก้องไม่ยอมปล่อย มิวส์ก็ต้องเอ่ยออกมาตรง ๆ "จะมาทำให้มิวส์หวั่นไหวอีกทำไม แค่นี้ยังไม่สะใจก้องอีกเหรอ"

   “ไม่นะมิวส์ ก้องไม่ได้รักสาวิตรี ก้องรักมิวส์ เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดน่ะก้องไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นอย่างนั้น แต่เพราะสาวิตรีท้องกับ...” ยังไม่ทันที่ก้องจะพูดจบร่างที่จู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าก็ทำให้มิวส์สะดุ้งและออกแรงดันสุดเฮือกทำให้มิวส์หลุดจากอ้อมกอดของก้องและวิ่งไปหลบอยู่ที่หลังต้นไม้ทันที

   แม้ว่าอ้อมกอดที่อบอุ่นจะทำให้วิญญาณไม่สามารถทำร้ายมิวส์ได้ แต่เพราะมิวส์ลืมตัวและคิดว่าต้องเป็นไม้คนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถช่วยเขาได้ เลยทำให้มิวส์ตกใจกับสิ่งที่เห็นจนต้องเผลอวิ่งหลบไปทันที

   “เป็นอะไรมิวส์" ก้องเอ่ยถาม พอเห็นสีหน้าที่หวาดผวาของมิวส์เขาก็พลิกข้อมือขึ้นมาดูเวลา เมื่อเห็นว่าเลยเที่ยงคืนแล้ว ก้องก็เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับมิวส์ได้ทันที

   “หรือว่า...”

   “จ๊าก...” ยังไม่ทันที่จะได้รับคำตอบ มิวส์ก็ส่งเสียงร้องด้วยความตกใจก่อนจะวิ่งหนีไปยังทางที่มีป่าไม้สูงใหญ่ทึบทึมทันที

   ก้องพยายามจะวิ่งตาม แต่วิญญาณที่ไร้ซึ่งน้ำหนักของกายเนื้ออย่างมิวส์กลับวิ่งไวกว่าปกติ ทำให้ในที่สุดก้องไม่สามารถตามมิวส์ได้ทัน

   “มิวส์! มิวส์!!" ถึงกระนั้นก้องก็ไม่ยอมที่จะปล่อยให้วิญญาณรักต้องตกอยู่ในอันตรายเพียงลำพัง แม้ทางข้างหน้าจะมืดมิดและน่าหวาดกลัวเพียงใด แต่เขาก็จะต้องช่วยมิวส์ออกมาให้ได้




จบตอน >.<

ออฟไลน์ Mr.กุ๊กกู๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
    • แฟนเพจ
คุยกับคนอ่านครับผม ^^

คุณ Lily teddy :: ได้รับกำลังใจเปี่ยมล้นเลยครับ ^^ อิอิ ก้องมองเห็นมิวส์จะมีผลอย่างไร ติดตามได้เลยครับ ถึงช่วงเข้าป่าแล้ว ^^ วุ่นวายแน่ๆครับ  :hao7:
คุณ kasarus :: 555 นั่นสิไม้มีดีอะไรหนอ >.< สงสัยจะชอบความซาดิสม์และป่าเถื่อนของไม้กัน
คุณ NJnobu :: วิ่งออกไปเจอก้องตามไปครับ แต่หลังจากนี้จะเจออะไรบ้าง รอติดตามนะครับ อิอิ
คุณ maemix :: ใช้แล้ว ไม้ปากอย่างใจอย่าง ฮ่าๆ อ.ก้องมาร่วมให้คะแนนตัดสิน เป็นอาจารย์รับเชิญครับ 555
คุณ mentholss :: *0* ได้เจอดีเลยครับ ขิงก็ราข่าก็แรงแบบนี้
คุณ mukmaoY :: เนอะบางทีคนพูดมันก็รักศักดิ์ศรีของตัวเอง ไม่นึกถึงความรู้สึกคนอื่นเกินไป เลว!! (โดนมาเยอะ เอ๊ยย!!! ไม่ใช่แล้ว ฮ่าๆๆๆ)
คุณ ice_spok ::  ตั้งใจทำงานนะ ไอ้ม๋าน้อย
คุณ loveaaa_somsak :: 555 ถีบไม้เลย เดี๋ยวพระเอกก็ต้องตามง้อน่า มั้ง.. เอ๊ะ หรือให้ก้องตามดีน๊อ >.< คิคิ
คุณ pannixz :: T^T แล้วจะให้ไม้อยู่ไหนคร้าบบ ฮือๆๆ
คุณ Yukio4869 :: ขอบคุณครับ น่ารักจังเลย ตามอ่านจนทันด้วย ^^ ดีใจ มีกำลังใจเพิ่มอีกแล้ว ขอบคุณอีกครั้งนะคร้าบ... ชอบเรื่องนี้ ติดตามนิยายอีกเรื่องของผมได้นะ โฆษณาแฝงซะเลย ฮ่าๆ เรื่อง ดินต่างฟ้า ครับ ^^

ออฟไลน์ rainiefonnie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
มัวแต่หลงไปอ่านในเด็กดี ไม่รู้เอามาลงที่นี่ด้วยยยยย  ฉันไปอยู่ที่ไหนมาาาาา :katai1: :katai1: :katai1:
Me///สะบัดบ๊อบกลับมาอ่านที่นี่ดีกว่า

ออฟไลน์ Lily teddy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-2
แง ค้างมาก ๆ มิวส์วิ่งหนีอะไรไม่รู้เข้าป่าไปแล้ว ก้องจะตามทันได้ไงล่ะเนี่ย
แล้วถ้าอ้อมกอดของก้องก็ช่วยมิวส์ได้ งั้นก็ไม่ต้องให้ไม้เข้ามายุ่งหรอกค่ะ
ปล่อยให้ไม้นั่งสับสนอยู่อย่างนั้นแหละ ชิชิ  o12 เพราะถ้าไม้ตามมาไม้ก็เป็นฮีโร่อีกแหง่
คราวนี้เผื่อฟลุคก้องช่วยมิวส์สำเร็จก็อาจมีโอกาสได้ปรับความเข้าใจกะมิวส์ได้มั่ง
เพราะก้องกำลังจะบอกความลับสำคัญบางอย่างแล้ว ถึงจะคิดว่ามันจะช่วยอะไรได้
ในเมื่อมิวส์เป็นแบบนี้ไปแล้วก็เถอะ แต่ก็อยากให้มิวส์ได้รู้ความจริงนั้นซะที
แล้วตกลงความรู้สึกของมิวส์ที่มีต่อก้องและไม้ถึงจะบอกว่าไม่เหมือนกัน แต่ของคนไหนเรียกว่ารักมากกว่ากันล่ะ
ในเมื่อมิวส์ก็รู้สึกหวงแล้วก็หึงไม้ด้วยอะ เหมือนตอนนี้ไม้รู้สึกยังไงกะแม็กกี้กันแน่ มันก็อาจจะจริงว่าเพราะพิ้งค์เป็นผู้หญิง
แต่พอบอกว่าไม้ไม่รู้สึกหึงหวงแม็กกี้เลยนี่มันเศร้าจัง แล้วถ้าไม้เห็นมิวส์กอดกะก้อง ไม้จะรู้สึกอะไรมั่งไหม อยากรู้
รอติดตาม และเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนเหมือนเดิมจ้า  :pig4:   :3123:

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ไอ้ผีหน่อมแน้ม แกจะนั่งฟังก้องนิ่ง ๆ บ้างไม่ได้รึไงฟ่ะ เมื่อไหร่จะได้รู้ความจริงสักทีเนี่ยโอ้ยยหงุดหงิด
อยากรู้ว่าไอ้ที่เราเคยด่าก้องไปเนี่ยจะเงิบแค่ไหน 555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด