◑﹏◐ Dead Lover ♂ วิญญาณป่วนกวนรัก [จบ] ประกาศตีพิมพ์ (หน้า 16)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◑﹏◐ Dead Lover ♂ วิญญาณป่วนกวนรัก [จบ] ประกาศตีพิมพ์ (หน้า 16)  (อ่าน 119825 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
นายไม้ใจดีนะเนี่ย


คนเขียนอย่าได้น้อยใจไปค่ะ เรายังตามอ่านแน่นอน ติดผีหน่อมแน้มงอมแงมขนาดนี้
ขอบคุณที่ขยันอัพนะคะ
 :กอด1:

darkeyes1

  • บุคคลทั่วไป
เห  จริงอะ  อยากรู้เบื้องหลังเรื่องก้องบ้างแล้วสิ

ออฟไลน์ pockypocky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 179
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ฮาทุกตอนเลยค่ะ! แต่ลุ้นตอนต่อไปมากๆเลย ตกลงตอนนั้นเรื่องมันเป็นไงกันแน่ :ruready

มารอตอนต่อไปนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
เอิ่ม. เบื้องหลังก้องอาจจะดีก็ได้นะนี้

มิวส์จะทำให้คนรักเขาแตกกันเรอะ ไม่ดีม้างงงง

ออฟไลน์ Mr.กุ๊กกู๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
    • แฟนเพจ
ตอนที่ 7



        วันต่อมา... เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังลั่นไม่ได้ทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด แต่มันทำให้วิญญาณติดที่อย่างมิวส์ที่นอนอยู่ข้าง ๆ กับเจ้านายสุดโหดนั้นรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน

   ตามทฤษฎี... วิญญาณทั่วไปจะไม่มีอาการรู้สึกเหนื่อย ง่วง หรืออ่อนเพลียแต่อย่างใดแต่มันไม่ใช่กับวิญญาณที่ยังไม่สิ้นอายุขัยอย่างมิวส์ เพราะเมื่อถึงเวลากลางคืน มิวส์ก็จะมีอาการง่วงนอนไม่ต่างจากคนเลยสักนิด และผลจากการกลับห้องมาหลังจากที่ไปเที่ยวกับไม้มาเมื่อวาน ทำให้เขาได้มีโอกาสนอนอยู่บนเตียงนิ่ม ๆ กับเจ้านายสุดหล่ออีกด้วย

   “เจ้านายครับตื่นได้แล้ว... เช้าแล้วนะครับ" มิวส์เขย่าร่างของเจ้านายสุดหล่อที่นอนอยู่ข้าง ๆ มือทั้งสองข้างที่รองศีรษะเอาไว้ของไม้้ทำให้มิวส์รู้สึกหวั่นไหวกับภาพตรงหน้าแปลก ๆ กล้ามแขนที่ปูดขึ้นมาเล็กน้อยกับขนรักแร้ที่โชว์หราทำไมมันถึงได้ยั่วยวนมิวส์นักนะ

   “อือ... อย่าเพิ่งดิวะ ยังง่วงอยู่เลย" ไม้ตอบกลับด้วยความงัวเงีย "ไปปิดนาฬิกาปลุกแล้วกลับมานอนกอดกูเร็ว ๆ"

   ตอนแรกมิวส์กะจะปฏิเสธและปลุกให้ไม้ตื่นแล้วแต่พอได้ยินประโยคหลังที่ว่า 'มานอนกอดกูมา' เท่านั้นแหละ มิวส์เลยปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายสุดโหดอย่างว่าง่าย

   หลังจากที่เดินไปปิดนาฬิกาปลุก มิวส์ก็ทิ้งตัวลงนอนที่เดิมแล้วเอาศีรษะซบที่บริเวณหัวไหล่ของเจ้านายก่อนจะกอดหมับแรง ๆ เข้าที่ร่างนั้น ...แม้ไม่สามารถสัมผัสได้โดยตรง แต่มันก็ทำให้มิวส์รู้สึกเนื้อเต้นจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยล่ะ

   “แม็กกี้...”ขณะที่รู้สึกว่ากำลังโดนกอดจนแน่น ไม้ก็ยิ้มออกมา แม้จะเป็นเพียงความรู้สึกเหมือนลมที่วาบหวิวผ่านบริเวณหน้าท้องแต่มันก็ทำให้เขารู้สึกถึงความเร่าร้อนของอ้อมกอดนี้ "กูรักมึงนะ... แต่มึงชักจะกอดกูแรงเกินไปแล้ว"

   ได้ยินดังนั้น ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มก็มีอันต้องหุบลงกะทันหัน

   “ผมไม่ใช่แม็กกี้" พูดจบก็ผละออกมาจากร่างนั้น แม้จะยังอยากกอดต่อแต่ทำไมมันถึงรู้สึกน้อยใจที่ไม้พูดถึงชื่อหมอนั่นด้วยนะ "ผมมิวส์! เจ้านายได้ยินไหม ผมมิวส์!!!"

   มิวส์ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังก้องจนไม้ต้องยกมือขึ้นมาปิดหูพร้อมกับเบิกตาโพลง... ไม้ลืมไปว่าแม็กกี้ไม่ได้อยู่ที่หอพักแล้ว แต่ผู้ที่นอนอยู่ข้าง ๆ เป็นวิญญาณหน่อมแน้มต่างหาก... ก็มันเป็นความเคยชินนี่นา ปกติตอนเช้าก็มีแต่แม็กกี้เท่านั้นแหละที่มีโอกาสได้กอดเขา

   “เบา ๆ ก็ได้มึงจะตะโกนทำไมวะ" พูดจบก็โบกมือไปที่ศีรษะของมิวส์อย่างไวหากแต่มือของไม้กลับทะลุร่างนั้น

   “ก็ผมไม่ใช่แม็กกี้นี่ ทำไมเจ้านายต้องพูดถึงมัน... เอ่อ แม็กกี้ด้วยล่ะ" มิวส์บ่นด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ก็จะไม่ให้น้อยใจได้ไงล่ะ นอนอยู่กับเขาแท้ ๆ แต่ดันเพ้อละเมอถึงตานั่นได้

   “ก็มันเคยชินนี่นา ปกติก็...” มีแต่ไอ้แม็กกี้กอด... พอเห็นคิ้วที่ขมวดเป็นปมแถมแก้มก็ป่องเป็นบอลลูน ไม้เลยเก็บประโยคหลังไว้ในใจ เพราะขืนพูดอะไรออกไปอีกเดี๋ยวแก้มของไอ้ผีหน่อมแน้มนี่มีหวังแตกพอดี "เออ ๆ ช่างมันเหอะ กูขอโทษมึงละกัน"

   “ไม่หาย" มิวส์ว่ากอดจะกอดอกเก๊กท่าที่ทำให้รู้ว่างอนหนัก ๆ

   “เออ!” ไม้ตอบด้วยน้ำเสียงที่ชักจะหมดความอดทน "ไม่หายก็ไม่ต้องมากอดกูอีกนะ"

   “เฮ้ย! ได้ไงครับ” ได้ยินดังนั้นมิวส์ถึงกับต้องรีบร้องประท้วงด้วยความฉับไว "งั้นผมหายงอนแล้วก็ได้...”

   “แต่กูไม่หาย" คราวนี้กลายเป็นเจ้านายสุดโหดที่เป็นฝ่ายกำความได้เปรียบเอาไว้ในมือบ้าง

   “โถ่... เจ้านาย ผมขอโทษ" พูดจบก็เขยิบเข้าไปใกล้ ๆ แต่เจ้านายสุดโหดก็ดันกอดอกทำหน้าขรึมไม่ตอบอะไร "นะ ๆ ผมจะไม่ทำตัวงี่เง่าแล้ว"

   ไม้ไม่โต้ตอบอะไร เขาเพียงลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ

   “เฮ้อ...” มิวส์พ่นลมหายใจออกมา ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้แคร์ความรู้สึกของมนุษย์สุดโหดคนนี้นักนะ ...จะว่าไปตอนที่เขายังมีชีวิต ต่อให้ก้องจะโกรธหรืองอนอะไรเขาแค่ไหน เขาก็ไม่เคยรู้สึกกระวนกระวายใจแล้วอยากจะง้อให้หายไว ๆ แบบที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้เลยสักครั้ง

   “เจ้านายคร้าบ... มิวส์ขอโทษครับ" มิวส์เอ่ยขึ้นเป็นครั้งที่ 20 พอดี ในขณะที่เขากำลังนั่งรออยู่หน้าห้องน้ำ ถ้าวันนี้ทั้งวันเจ้านายสุดหล่อของเขาไม่พูดอะไรสักคำมีหวังเขาต้องอกแตกตายแน่ ๆ

   “เจ้านายคร้าบ... ให้อภัยมิวส์ด้วยนะครับ" และเหมือนว่าครั้งนี้จะได้ผล เมื่อจู่ ๆ คนที่กำลังอาบน้ำก็ตะโกนกลับมาด้วยน้ำเสียงอันดังก้อง

   “เออ! ต่อไปก็อย่าแกล้งงอนกูอีกละกัน กูล่ะเกลียดนักพวกขี้งอนไร้เหตุผล..." ไม้แกล้งทำเสียงขรึมทั้ง ๆ ที่ในใจเขากำลังเก็บอารมณ์ขำขันไว้สุดฤทธิ์ ก็ท่าทางที่งอนตุ๊บป่องของไอ้ผีหน่อมแน้มนั่นทำให้เขาชอบใจมากกว่าจะรำคาญเสียอีก ...ก็มันน่ารักซะไม่มีนี่นา แถมพอเปรียบเทียบกับแม็กกี้แล้วคิดถึงภาพตอนที่แม็กกี้งอน... หมอนั่นงอนโหดกว่านี้หลายร้อยเท่าแถมยังงี่เง่าไร้เหตุผลง้อเท่าไหร่ก็ไม่หาย ต้องรอให้เวลาผ่านไปสักพัก พอคิดได้ก็จะหายเองนั่นแหละ

   “ครับเจ้านาย...” มิวส์คลี่ยิ้มออกมา หลังจากที่ได้ยินเสียงของไม้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เขาลุกจากเตียง

   ในระหว่างที่ไม้กำลังอาบน้ำอยู่นั้น มิวส์ก็ใช้เวลาว่างเลือกชุดให้ไม้ ซึ่งชุดที่เขาเลือกในวันนี้เป็นเสื้อยืดสีขาว(อีกแล้ว)กับกางเกงขาสามส่วนสีครีม

   หลังจากที่เลือกเสร็จก็เอาชุดไปวางไว้บนเตียงนอน แล้วคลี่ยิ้มออกมาด้วยความชอบใจ เพราะเสื้อสีขาวบาง ๆ นั่นทำให้มิวส์สามารถมองเห็นก้อนเนื้อบนเนินอกได้อย่างชัดเจน ส่วนกางเกงขาสวมส่วนก็ทำให้มองเห็นขาที่เนียนสวยมิหนำซ้ำยังมีมัดกล้ามเล็ก ๆ ที่น่ากัดกินอีกด้วย ...แบบนี้ก็มีแต่ได้กับได้เห็น ๆ

   ทันทีที่ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกมา ไม้ก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยกับเสื้อผ้าอาภรณ์ที่มิวส์เตรียมไว้ให้บนที่นอน

   “อะไรของมึง" ไม้เอ่ยถาม "กูไม่ได้สั่ง"

   “ก็ ๆ ใส่เหอะน่าเจ้านาย ผมเป็นลูกน้องถ้าทำอะไรเพื่อเจ้านายได้ผมก็อยากจะทำ" มิวส์ตอบออกมาสายตาก็ช่างออดอ้อนเหลือเกิน

   “ประจบจริงนะมึง...” พูดจบก็เดินเข้าไปขยี้ศีรษะ แม้จะเป็นเหมือนการขยี้อากาศที่ว่างเปล่าแต่มันก็ทำให้มิวส์รู้สึกถึงความอบอุ่นได้มากทีเดียวเลยล่ะ




   ณ สถานีขนส่งจังหวัด ไม้กับมิวส์กำลังนั่งรอรถบัสมาจอดเทียบท่าเพื่อที่จะได้เดินทางไปยังอำเภอบ้านเกิดของมิวส์   บ้านของมิวส์อยู่ติดกับชายแดนของประเทศหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ทางทางตอนเหนือของประเทศไทย และอำเภอที่มิวส์อาศัยอยู่นั้นถือได้ว่าเป็นอำเภอที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทย และในระหว่างที่กำลังนั่งรออยู่นั้น ไม้ก็เอ่ยถามข้อมูลเกี่ยวกับทางบ้านของมิวส์

   “นอกจากพ่อแม่แล้ว ยังมีใครอยู่ที่บ้านอีกไหม"

   “ก็น่าจะน้องชาย แต่ป่านนี้มันคงไปทำงานที่ต่างจังหวัดแล้วมั้งครับ" มิวส์ตอบออกมา นอกจากพ่อของมิวส์จะรับราชการเป็นคุณครูที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งแล้ว แม่ของมิวส์ก็ยังเปิดร้านขายข้าวแกงที่บ้านของตัวเองอีกด้วย ส่วนน้องชายที่อายุห่างกันถึง 8 ปี หากนับจากอายุจริงของมิวส์ในตอนนี้ซึ่งเท่ากับ 31 ปี (แต่หน้าตายังคงความอ่อนเยาว์หยุดไว้เท่าตอนที่สิ้นลมหายใจ) น้องของเขาก็เพิ่งจะอายุ 23 ปีเท่านั้น

   “ไม่ยักรู้ว่ามีน้องชายด้วย" ไม้ขมวดคิ้วก่อนจะหันไปมองวิญญาณตนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ "น่าสงสารแฮะที่น้องชายมีพี่ชายที่หน่อมแน้มและหื่นขนาดนี้"

   “เจ้านาย!!!” ได้ยินดังนั้นมิวส์ก็หันไปเถียงเสียงดัง ว่าเขาหน่อมแน้มยังไม่รู้สึกโกรธสักเท่าไหร่ แต่มาว่าเขาหื่นนี่สิเขารับไม่ได้ "ผมไม่ได้หื่นนะ ตอนมีชีวิตอยู่ผมโคตรจะเรียบร้อยเลยล่ะ ตอนป.6 ถูกอาจารย์ประจำชั้นจับไปประกวดมารยาทไทยได้ที่หนึ่งด้วย พอขึ้นม.3 ก็ได้ถือพานไหว้ครู ขึ้นม.6 ก็ได้ประกวดมารยาทอีกครั้งแถมยังได้ที่สองของระดับจังหวัดด้วย"

   คนที่โดนหาว่าหื่นร่ายความดีความชอบที่เคยทำมาซะยืดยาวแต่ทว่า... คนฟังกลับไม่ได้สนใจสักนิด

   “เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ" หลังจากที่เล่นเกมบนโทรศัพท์มือถือเสร็จ ไม้ก็หันไปถาม "พอดีกูไม่ได้ฟัง มึงบอกว่ามึงหื่นสุด ๆ เลยงั้นเหรอ ยิ่งเจอหน้ากูอารมณ์หื่นก็ยิ่งพุ่งพล่านใช่ไหม"

   “เจ้านาย!!!” มิวส์ตวาดด้วยน้ำเสียงขัดใจอีกรอบก่อนที่จะยื่นหน้าไปข้าง ๆ ใบหูแล้วตะคอกด้วยน้ำเสียงอันดักก้อง "ผมไม่ได้หื่น ผมไม่ได้หื่น... เจ้านายเชื่อผมสิ พูดงี้ผมเสียหายนะ"

   “ไอ้ผีเชี่ย แล้วมึงจะตะโกนทำไมวะ" ไม้บ่นอุบอิบก่อนจะเหล่ตามองวิญญาณที่กำลังหน้าบูดบึ้งแล้วแอบขำอยู่ในใจ "อยากกินเนื้อนมไข่กูก็กินเหอะ เดี๋ยวคืนนี้กลับหอมึงจัดการเลยนะ"

   “จริงเหรอครับ" คราวนี้สีหน้าที่บูดบึ้งแปรเปลี่ยนเป็นลุกวาวด้วยความสนใจ

   “นั่นไง! ไหนว่าไม่หื่นวะ ไอ้วิญญาณทะลึ่ง หึหึ...” พูดจบก็ส่งเสียงหัวเราะอย่างมีเลศนัยก่อนจะเดินไปยังรสบัสที่เพิ่งขับเข้ามาจอดเทียบท่าชานชาลาที่เขากำลังรออยู่

   มิวส์เดินตามขึ้นไปอย่างช้า ๆ สีหน้าก็ยังแสดงออกถึงความไม่พอใจเรื่องที่คุยกันเมื่อครู่

   เบาะนั่งของไม้อยู่แถวที่ 7 ติดกระจกอยู่ฝั่งเดียวกับฝั่งคนขับรถ ....มิวส์นั่งลงข้าง ๆ กับไม้และกะว่าจะบ่นเจ้านายให้หูแฉะเรื่องที่มาใส่ร้ายว่าเขาหื่น แต่ทว่ายังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร หญิงสาวคนหนึ่งที่เพิ่งเดินขึ้นมาบนรถก็มาหยุดอยู่บริเวณหน้าเบาะที่ไม้กำลังนั่งอยู่

   รูปร่างของเธออ้วนท้วมสมบูรณ์ น้ำหนักไม่น่าจะต่ำกว่า 100 กิโลกรัม ผิวของเธอคล้ำ ใบหน้าก็มีสิวขึ้นเป็นจุด ๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้มิวส์อยากที่จะปากเสียต่อว่าเธอได้เท่ากับการที่เธอรูปร่างหน้าตาเป็นแบบนี้แล้ว การแต่งกายของเธอยังขัดกับบุคลิกจนน่ากลัวพิลึก

   เธอแต่งกายด้วยชุดสายเดี่ยวสีชมพูแปร๋น แม้จะมีเสื้อคลุมบาง ๆ สีขาว แต่มันก็ไม่ได้ปกปิดพุงของเธอที่ปลิ้นออกมาจนแทบจะทะลักใส่หน้ามิวส์ที่กำลังนั่งอยู่เบาะตรงหน้าเธออยู่แล้ว มิหนำซ้ำท่อนล่างของเธอยังสวมด้วยกระโปรงสั้นเหนือเข่าสีเหลืองอ๋อย ซึ่งมันทำให้มองเห็นก้อนเนื้อและไขมันอันมหาศาลที่สะสมอยู่ภายใต้เรียวขาขนาดมหึมาของเธอได้อย่างชัดเจน

   ก่อนที่เธอจะนั่ง เธอได้หยิบตั๋วโดยสารขึ้นมามองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าที่ของเธอคือเบาะที่ติดกับชายหนุ่มรูปหล่อที่สวมเสื้อสีขาว กางเกงขาสามส่วนแถมยังใส่แว่นตาดำทำให้ดูเท่ชนิดที่ว่าดาราฮอลลีวูดยังอาย

   พอเห็นว่าไม่ผิดแน่ ๆ เธอก็คลี่ยิ้มออกมาจนเห็นฟันที่หลอไปซี่หนึ่งได้อย่างชัดเจน และหลังจากที่เธอขยับเข้ามาภายในเบาะนั่ง มิวส์เลยต้องกุลีกุจอลุกไปนั่งตักของไม้พร้อมกับกอดคอแถมยังซุกหน้าเข้าที่ต้นคอของเจ้านายสุดโหดด้วยความรวดเร็วก่อนที่จะโดนทับ?

   “อี๋... น่ากลัวชะมัด" มิวส์บ่นพึมพำก่อนจะทำสีหน้าโล่งอกสุดฤทธิ์ "รอดตายแล้ว เกือบจะโดนทับแล้วไหมล่ะ"

   ไม้มองการกระทำของมิวส์แล้วก็ได้แต่เก็บความขำไว้ในใจ เขาอยากจะพูด(นินทา)อะไรบางอย่างกับมิวส์เหลือเกินแต่ทว่าหญิงสาวร่างใหญ่ที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ เลยทำให้เขาต้องวางมาดนั่งนิ่ง ๆ ไม่สามารถนินทาระยะเผาขนได้

   “เจ้านายระวังเธอนะ ผมเห็นเธอเหล่ตามองเจ้านายด้วยสายตาที่น่าหวาดระแวงที่สุดเลยล่ะ" มิวส์ยังคงบ่นอย่างต่อเนื่อง สายตาของเขาจับจ้องที่หญิงสาวร่างใหญ่ตลอดเวลา โดยที่เปลี่ยนจากท่ากอดคอมานั่งในตักในท่าเกือบจะปกติ ที่ไม่ปกติก็เพราะมิวส์ดันเอาใบหน้าไปซุกที่ต้นคอของเจ้านายสุดหล่อ

   “หอมจัง...” แทนที่จะนั่งนิ่ง ๆ ไอ้ผีหน่อมแน้มกลับพูดมากตลอดทาง ส่วนไม้ก็ได้แต่อัดอั้นวางมาดขรึมข่มอารมณ์หมั่นไส้เอาไว้เพราะไม่อยากให้ใครสงสัย



จบตอนที่ 7  :mew2:

ปล. ตอนนี้มีใครรู้สึกเหมือนกระผมบ้างว่าหนูมิวส์ชักจะน่ารำคาญไปนิดนึงละ ทั้งพูดมาก ขี้บ่น แถมยังจอมอ่านกินเจ้านายอีกต่างหาก 555 แต่ก็น่ารักของมิวส์นั่นแหละเนอะ
--------------------------


คุยกับคนอ่านที่น่ารัก ^^

คุณ nunnan :: คิดว่าน่าจะยังไม่รู้เรื่องก้องครับ ฮิๆๆ กระผมไม่ให้รู้เรื่องง่าย ๆ หรอก

คุณ  Fujoshi  :: ขอบคุณครับ ^^ พอดีตอนนี้ไม่มีอะไรทำ เลยนั่งแต่งนิยายทั้งวันเลย

คุณ GoodNice ::  ^^ ขอบคุณที่แวะมาอ่านและเม้นท์ให้นะครับ ...

คุณ Candy CAT :: ยังครับยัง ไปบ้านมิวส์ก่อนนะ

คุณ iamnan :: ขอบคุณครับ ^^ ไม่น้อยใจจ้า ปล.มีคนเห็นความน่ารักของไม้ด้วย (ดีใจๆ) นึกว่าจะมองเห็นแต่ความโหดกัน เอิ้กๆ

คุณ darkeyes1 :: สวัสดีคร้าบ ^^ ขอบคุณที่แวะมาอ่านและเม้นท์นะครับ

คุณ pockypocky :: ^^ ขอบคุณครับ ดีใจจริงๆ ที่อ่านแล้วฮากัน ปล.รู้สึกจะลุ้นตอนหน้ากันเยอะ T^T แต่ยังไม่ให้รู้หรอกเรื่องก้อง

คุณ sang som :: เย่ ^^ ในที่สุดก็มีคนเห็นต่างแล้ว ใช่ๆ ก้องอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่หลายๆคนคิดก็ได้ เอ๊ะ!? หรือเป็นหว่า ปล่อยให้ลุ้นกันต่อไป

ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
อ่าน 5 ตอนรวด~~~

เปลี่ยนชื่อเรื่องเลยไม่คุ้น

====================

มิวส์เป็นผีที่ต๊องและโมเอ้มากกก   

จากตอน6 ที่ไม้เดาเรื่องก้องกับมิวส์  คือถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก้องต้องเสียใจมากๆ

ออฟไลน์ irksome

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
รู้สึกสงสารแมกกี้ไงไม่รู้แฮะ  o22
แบบ ให้กอดให้ซบ จะให้ชิมเนื้อนมไข่(55) แล้วยังเอาไปเปรียบเทียบอีก  :z6:
แม้จะกับวิญญาณก็เห่อะ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ผีหน่อมแน้มไม่น่ารำคาญนะ แต่มันหื่นเกิ๊น 555 เห็นงุ้งงิ้ง ๆ กับนายไม้แล้วเห็นใจนายไม้อยู่นะ เพราะต้องอดทนกลั้นยิ้มตลอดการเดินทางหล่ะน๊าาา

ออฟไลน์ Fujoshi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-2
อ่านตอนนี้แล้วสงสารแม็กกี้อ่ะ
รู้สึกว่ามิวส์เริ่มอะไรๆกับไม้เยอะขึ้น
แล้วแม็กกี้ล่ะ :mew2:

ปล.ชอบที่คุณคนเขียนตอบเม้นจังค่ะ
รู้สึกว่าคุณให้ความสำคัญกับคนอ่าน และสนุกกับการเขียนเรื่องดี
ทำแบบนี้ต่อไปนะคะ :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-07-2013 11:38:03 โดย Fujoshi »

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
แตกต่างกับตอนเป็นคนเลยแนะ

ผีหน่อมแน้มเนี่ย แต่ก็น่ารักดีน้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kai_kaka

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
น้องไม้จ๊ะ  ความสงสารเป็นบ่อเกิดของความรักนะ  แม็กกี้กลับบ้านไปนานเดี่ยวน้องไม้ก็เปลี่ยนใจเหรอ     o4

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
นิดๆหน่อยๆก็เอาน่ะไอ้พี่หื่นนนนน   :hao4:

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
น้องมิวส์น่ารักจังเลยอ่ะ เป็นความรักของคนกับผีได้มั๊ย แม๊กกี้ เก็บไว้ก่อนอย่าพึ่งโผล่มาเลย กำลังหวานอ่ะ

ออฟไลน์ SiLent_GRean

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
พึ่งเข้ามาอ่านค่ะ  มิวส์น่ารักจังเลยยยยยยย  :m4: :m4: :m4:



ยอมรับเลยตอนอ่านบทแรกๆกลัว ว่าจะไม่อ่านต่อ

พออ่านตอนต่อมา เท่านั้นแหละ สนุกมาก ชอบเลย  :hao7: :hao7: :hao7:

darkeyes1

  • บุคคลทั่วไป
อึม  สาวงามขวัญผวา  อยากรู้จังว่าเธอจะมีบทบาทกี่ตอน  หรือแค่ตัวละครใช้แล้วทิ้ง
อ่าฮะ  อีกอย่างคือพอเห็นมิวตอนนี้แล้ว  นึกภาพที่เรียบร้อยไม่ออกเลยแฮะ

แล้วที่สงสัยอีกอย่าง  ฟังจากความรู้สึกของมิวแล้ว  มิวรักก้องจริงเปล่าหว่า
หรือว่าก้องสัมผัสอะไรจากมิวได้  เลยขอเลิก  อึม  ยิ่งสังเกตเรื่อง
ยิ่งไม่แน่ใจความสัมพันของตัวละครเข้าไปทุกที  ก็ได้แต่อยากหวังให้เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเศร้าจนเกินไป
แต่ความสัมพันแบบนี้  น่าจะเศร้าอะนะ

ออฟไลน์ Mr.กุ๊กกู๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
    • แฟนเพจ
ตอนที่ 8

        หลังจากที่รถเริ่มเคลื่อนที่ ตั๋วโดยสารในมือของหญิงสาวร่างใหญ่ก็ถูกจงใจปล่อยให้ตกลงมาที่บริเวณรองเท้าของไม้

   “คงจะหวังให้เจ้านายก้มเก็บให้ล่ะสิ" มิวส์เอ่ยอย่างรู้ดี และก่อนที่ไม้จะก้มลงไปเก็บ เขาก็ได้ใช้เท้าของเขาเขี่ยตั๋วใบนั้นให้ปลิวกลับไปยังบริเวณใต้เบาะของเธอ ...เนื่องจากว่าร่างของมิวส์ไม่มีใครมองเห็น(ยกเว้นไม้)เลยทำให้หญิงสาวมองเห็นภาพตั๋วที่โดนเขี่ยกลับมาคล้าย ๆ กับลมที่พัดปลิว

   มิวส์สังเกตเห็นเธอถอนหายใจและขมวดคิ้วออกมาอย่างเสียดายสุดฤทธิ์ และในขณะที่เธอกำลังก้มลงไปเก็บ สายตาอันหื่นกามของมิวส์ก็ดันไปปะทะกับร่องอกภายในเสื้อสีชมพูแปร๋นของเธอ และก้อนเนื้อที่เห็นนั้นก็ทำให้มิวส์ถึงกับตะลึงอ้าปากค้างแถมรีบหันไปฟ้องเจ้านายสุดหล่อทันที

   “เจ้านาย! เธอไม่ใช่่หญิง หน้าอกอันสะบึ้มนั่นถูกยัดเอาไว้ด้วยฟองน้ำ มิวส์บ่น... การที่เขารู้ความจริงข้อนี้ก็ยิ่งทำให้เขาหวาดกลัวคนที่นั่งอยู่เบาะข้าง ๆ มากขึ้นไปอีก "ผมไม่ยุ่งแล้วดีกว่า"

   พูดจบก็พลิกตัวหันไปมองฝั่งกระจกก่อนจะซุกใบหน้าเข้าไปที่ต้นคอของเจ้านายอย่างเดิม

   “มองวิวข้างทางยังรู้สึกดีกว่ามองยัยนั่นเป็นไหน ๆ"




   เวลาผ่านไปเพียงชั่วโมงเศษ ๆ รถบัสก็มาถึงยังจุดหมายปลายทาง โชคดีที่ไม่มีเหตุการณ์อุจาดตาอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับเจ้านายสุดหล่อของมิวส์ ...ถ้าจะมีไม่ใช่เพราะผู้หญิงประเภทสองคนนั้นหรอกแต่มันเพราะนายต่างหากล่ะมิวส์!!!

   หลังจากที่ชายหนุ่มในคราบหญิงสาวร่างใหญ่เดินลงจากรถ มิวส์ก็ถอนหายใจด้วยความโลกอกสุดฤทธิ์ราวกับว่าเป็นตัวของเขาเองที่กำลังโดนความน่ากลัวของมนุษย์ร่างนั้นหมายปอง ส่วนไม้ก็เดินลงจากรถอย่างเงียบเชียบปล่อยให้ไอ้ผีหน่อมแน้มขี้บ่นนั่นบ่นต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งผู้โดยสารที่ลงรถแยกย้ายกันไปหมด ไม้ก็เปิดปากขึ้น

   “ไอ้มิวส์!!! มึงจะบ่นไรนักหนาวะตอนที่อยู่บนรถ" ไม้เอ่ยขึ้น สายตาที่เคยสุขุมเยือกเย็นไร้ความรู้สึกใด ๆ แสดงออกมาถึงความโมโหสุดฤทธิ์ในยามนี้ "กลับหอเมื่อไหร่มึงตายแน่!”

   “ก็ผมเป็นห่วงเจ้านายนี่" มิวส์เถียง "ยัยนั่นน่ะทั้งอ้วน ทั้งดำ แถมสายตายังอ่านกินเจ้านายตลอดเวลา เห็นแล้วมันก็อดห่วงไม่ได้นี่นา"

   “แน่ใจนะว่าห่วง" ไม้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะยักคิ้วให้ไอ้ผีหื่นหนึ่งที "ไม่ใช่หวง"

   “เจ้านาย!!!” มิวส์ตะโกนก้อง แต่ก่อนที่จะได้แก้ตัวอะไร เจ้านายสุดโหดของเขาก็พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน

   “มึงก็อย่าไปว่าแต่คนอื่นเลย กูว่ามึงนั่นแหละที่อ่านกินกู แทะโลมกูไม่หยุด" สิ้นเสียงของไม้ วิญญาณหน่อมแน้มก็ถึงกับสะอึกขึ้นมาทันที เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนรถนั้นมีแต่เขาเท่านั้นแหละที่ได้แนบชิดตัวติดกันกับไม้ แถมยังได้นั่งตักตลอดทาง มิหนำซ้ำยังไม่ยอมนั่งนิ่ง ๆ ต้องเอาหน้าผากมาซุกที่ต้นคอ แถมยังสูดกลิ่นตัวบริเวณอ้อมอกของไม้แรง ๆ อีกตั้งหลายครั้ง

   “ผมเปล่านะ" มิวส์ยกไม้ยกมือขึ้นมาทำท่าทางปฏิเสธสุดฤทธิ์ "แต่ที่ผมต้องนั่งตักเจ้านายก็เพราะผมกลัวยัยนั่นนี่นา"

   “เออ ช่างมันเหอะ" ไม้ชักจะขี้เกียจเถียง "แล้วบ้านมึงต้องไปยังไงต้องนั่งรถหรือเดินไปทางไหนต่อ"

   “เดินไปทางนั้นอีกประมาณห้าร้อยเมตรก็ถึงแล้วครับ" มิวส์ชี้มือไปทางแยกทางหนึ่ง ซึ่งข้างทางเต็มไปด้วยบ้านไม้สองชั้น มีอาคารพาณิชย์ที่เป็นแท่งสี่เหลี่ยมสูงผุดขึ้นมาเป็นบางจุด

   แม้ว่านี่จะเป็นต่างอำเภอ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือสุดของประเทศไทย แต่ชายแดนแห่งนี้กลับเจริญเทียบเท่ากับเมืองหลังของหลาย ๆ เมืองเลยด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะมีการค้าชายแดนตลอดเวลาเลยทำให้อำเภอแห่งนี้ไม่เคยเงียบเหงา

   ไม้กับมิวส์เดินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขาไปหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งบ้านหลังนั้นเป็นบ้านปูนสองชั้นขนาดปานกลาง รั้วหน้าบ้านเป็นสีเขียวเข้ม

   “หลังนี้แหละครับเจ้านาย" มิวส์เอ่ยขึ้น ก่อนจะกวาดสายตามองบ้านหลังนี้ด้วยความคิดถึง แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายปี แต่บ้านหลังนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด มีเพียงสีบ้านที่ซีดลงเล็กน้อย อาจเป็นเพราะไม่ได้ทาสีทับใหม่มาหลายปี แล้วความทรงจำเก่า ๆ ก็ผุดขึ้นมาในสมอง

   ภาพแรกเป็นภาพที่มิวส์อายุได้เพียง 4 ขวบเท่านั้น เขากำลังหัดปั่นจักรยานโดยมีพ่อกับแม่ยืนลุ้นอยู่ข้าง ๆ แม้ว่าจะเป็นจักรยาน 4 ล้อ แต่เด็กน้อยที่อายุ 4 ขวบย่องมีความกังวลเป็นธรรมดา แต่ทว่าพอมิวส์ได้ลองปั่นและสามารถปั่นได้อย่างคล่องแคล่ว เขาก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจก่อนที่พ่อกับแม่จะอุ้มเขาขึ้นไปหอมแก้มแล้มก็ชมว่าเก่งมาก ๆ

   ภาพต่อมาเป็นภาพตอนที่เขาอายุได้ 12 ขวบ กำลังวิ่งเล่นกับน้องชายตัวน้อยที่ตอนนั้นอายุได้เพียง 4 ขวบเท่านั้นอย่างสนุกสนาน และในขณะที่วิ่งนั้นเอง เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อน้องชายของเขาดันสะดุดล้มเข่าถลอกและร้องงอแงใหญ่เลย ในตอนนั้นพ่อกับแม่ไม่อยู่บ้าน มิวส์เลยแบกน้องชายเข้าบ้านพร้อมกับทำแผลให้น้องชายจนเสร็จสรรพ ...ขอบคุณครับพี่มิวส์... ใบหน้าที่ยิ้มแย้มและน้ำเสียงของน้องชายยังตราตรึงใจของพี่ชายที่ไม่เอาไหนอย่างมิวส์เสมอ

   และในขณะที่มิวส์กำลังคิดถึงความทรงจำเก่า ๆ นั่นเอง ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินมาหยุดอยู่บริเวณรั้วหน้าบ้านก็เอ่ยถามด้วยความสังสัย และเสียงนี้นี่แหละที่ทำให้สติของมิวส์กลับคืนมา

   “คุณเป็นใครครับ มีธุระอะไรที่นี่หรือเปล่า"

   สิ้นเสียงของชายหนุ่ม มิวส์ก็แทบอยากจะร้องไห้ออกมา หากแต่เขาไม่มีน้ำตาก็เท่านั้น แม้ว่าจะผ่านมาหลายปีแต่มิวส์จำเด็กคนนี้ได้เสมอ เด็กผิวขาวหน้าตาจิ้มลิ้มในอดีตบัดนี้ได้โตเป็นหนุ่มหน้าตาดีไม่ต่างจากเขาสักเท่าไรนัก

   “ฟิวส์..." น้ำเสียงที่สั่นคลอของมิวส์ทำให้ไม้รู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มคนนี้ชื่อฟิวส์ และถ้าหากความคิดของเขาไม่ผิดพลาด ชายหนุ่มคนนี้นี่แหละที่เป็นน้องชายของมิวส์

   “พ่อกับแม่ของคุณอยู่หรือเปล่าครับ" ไม้เอ่ยถามอย่างสุภาพ

   “ไม่อยู่ครับ มีอะไรฝากผมได้นะครับเดี๋ยวผมไปบอกแม่ให้" ชายหนุ่มตอบกลับมาอย่างสุภาพ และความสงสัยก็ผุดขึ้นมาในสมองทันที ...หมอนี่เป็นใครกัน แล้วจะมาถามถึงพ่อกับแม่ทำไมนะ เขาไม่รู้เหรอว่าพ่อน่ะไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้มานานแล้วปีแล้ว...

   “ผมมีเรื่องอย่างจากคุยด้วย...” ไม้เข้าประเด็นทันที "คุณเป็นน้องชายของมิวส์ใช่ไหมครับ"

   “ครับ" ชายหนุ่มตอบพร้อมกับก้มหน้า พอได้ยินชื่อของพี่ชายอาการคิดถึงมันก็ถามหา ภาพความทรงจำระหว่างเขากับพี่ชายต่าง ๆ นานามันก็กลับมาตอกย้ำ... และพอนึกถึงช่วงเวลาที่พี่ชายจากไป บาดแผลในจิตใจมันก็ยิ่งทำให้เขาเจ็บปวด

   “ครับ ผมไม้นะ" ไม้แนะนำตัวอย่างเป็นการเองก่อนที่จะเข้าประเด็นทันที "ผมอยากทราบเรื่องราวเกี่ยวกับงานศพพี่ชายของคุณเมื่อสิบปีที่แล้ว"

   ได้ยินคำพูดของไม้ ฟิวส์ก็ชะงักทันที ...ชายหนุ่มหน้าหล่อคนนี้เป็นใคร และเขารู้เรื่องของครอบครัวได้อย่างไร

   “คุณรู้เรื่องพี่มิวส์ได้ยังไง" น้ำเสียงของฟิวส์จากที่เป็นมิตรแปรเปลี่ยนเป็นหวาดระแวง

   หลังจากที่ได้ยินคำถาม ไม้ก็หันไปมองหน้ามิวส์ พวกเขาทั้งคู่รู้อยู่แล้วว่าหากจะพูดเรื่องวิญญาณของมิวส์ออกไปโดยที่ไม่มีหลักฐานมายืนยันก็คงจะไม่มีใครเชื่อ มิวส์เลยตัดสินใจเล่าวีรกรรมตอนเด็ก ๆ ของน้องชายให้ไม้ฟัง จากนั้นไม้ก็พูดตาม

   “ตอนอยู่ ป.1 นายเคยโดนคุณครูตีก้นเพราะโดนเพื่อนใส่ร้ายเรื่องขโมยรองเท้า" คำพูดของไม้ทำให้ฟิวส์มีสีหน้าตกตะลึงไปเล็กน้อย เพราะน้อยจากเพื่อนที่โรงเรียนและครอบครัวแล้วก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีกเลย

   “ตอน ป.6 มีคืนหนึ่งที่นายนอนละเมอไปกอดกับมิวส์ พอตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าตัวเองกำลังกอดพี่ชายก็เลยเผลอถีบพี่ชายจนตกเตียง" เหตุการณ์นี้นอกจากมิวส์แล้วก็ไม่มีใครรู้เลยแม้แต่พ่อและแม่ นั่นทำให้ฟิวส์ชักสงสัยแล้วสิว่าไม้รู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร

   “คุณ!” ฟิวส์เอ่ยขึ้น แต่พอจะพูดอะไรต่อ ก็ดันโดนไม้ขัดขึ้นเสียก่อน

   “คุณอาจจะไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด แต่วิญญาณพี่ชายของคุณในตอนนี้กำลังยืนอยู่ข้าง ๆ ผม เขาไม่ได้ไปผุดไปเกิด เขาไม่ได้กระโดดตึกตายเพราะเสียใจในเรื่องความรักอย่างที่ทุกคนกล่าวหา แต่เขาโดนวิญญาณร้ายอีกตนมาครอบงำจิตใจแล้วหลอกให้กระโดดตึก...”

   “หยุด!!!” ฟิวส์ยกมือขึ้นมาอุดหู เขาไม่อยากจะฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นอีกแล้ว ...พี่ชายของเขาถูกตั้งเป็นความหวังของครอบครัวมาโดยตลอด แต่ท้ายที่สุดก็ดันมาพบจุดจบก่อนที่จะเรียนจบ และนับจากเหตุการณ์นั้น ครอบครัวของเขาที่เคยมั่นคงในทุก ๆ เรื่องก็ต้องมีอันระส่ำระสายเละเทะจนกลายเป็นครอบครัวที่หาความสุขไม่ได้

   “ผมไม่รู้ว่าคุณมีจุดประสงค์อะไร แต่คุณออกไปจากบ้านผมซะ ตอนนี้ครอบครัวของเราก็แย่มากพออยู่แล้ว" น้ำเสียงของฟิวส์เริ่มสั่นไหวเหมือนกับว่าคำพูดเมื่อครู่ของไม้คือหนามแหลมที่กำลังกรีดแทงหัวใจของเขา

   “ครอบครัวของคุณแย่" ไม้ทวนคำด้วยความฉงน และผู้ที่ดูจะฉงนยิ่งกว่าเห็นจะเป็นร่างล่องหนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

   “เจ้านาย... เจ้านายต้องถามฟิวส์ให้ได้นะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพ่อและแม่ แล้วพ่อกับแม่ตอนนี้อยู่ที่ไหน...” มิวส์หันมาพูดกับไม้ ส่วนคนเป็นเจ้านายก็ได้แต่พยักหน้าตอบรับ

   “คุณพอจะเล่าให้ผมฟังได้ไหม" ไม้เอ่ยถามด้วยความสนใจ

   “คุณกลับไปซะ อย่ามายุ่งกับครอบครัวของเราดีกว่า" พูดจบก็เดินหันหลังทำท่าจะเข้าบ้านและทิ้งให้แขกแปลกหน้าอยู่ที่หน้ารั้วโดยที่ไม่คิดจะเปิดต้อนรับ หากแต่ในประโยคถัดมาของไม้ ทำให้ฟิวส์ต้องชะงักและรีบกลับมาเปิดรั้วบ้านตอนรับทันที

   “จำคำพูดนี้ได้ไหม 'ต่อให้พี่จะชอบผู้ชาย ต่อให้สังคมจะประณามพี่ยังไง ผมก็จะอยู่เคียงข้างพี่เพราะพี่เป็นพี่ชายของผม สุขสันต์วันเกิดนะพี่มิวส์' มันเป็นคำพูดที่นายเคยพูดกับมิวส์ในวันเกิดก่อนที่เขาจะจากไป ซึ่งเรื่องนี้ นอกจากนายและมิวส์ก็ไม่น่าจะมีใครรู้ใช่ไหม"

   “พี่มิวส์...” ฟิวส์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอหลังจากที่ได้ยินประโยคนั้น เขาจำคำพูดนี้ได้เสมอ เพราะหลังจากที่พูดคำนี้ทางโทรศัพท์ได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็ทราบข่าวเรื่องการกระโดดตึกของพี่ชาย "คำพูดนี้... นอกจากพี่มิวส์แล้วก็ไม่มีใครที่รู้"

   “ตอนนี้พี่ชายของคุณอยากรู้เรื่องราวหลังวันที่เกิดเหตุ และอยากรู้ว่าในงานศพ มีผู้ชายที่ชื่อว่าก้องมาร่วมงานหรือเปล่า"

   สิ้นเสียงของไม้ ฟิวส์ก็รีบเปิดรั้วต้อนรับทันที แม้มันจะเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อ แต่คำพูดเมื่อครู่เขามั่นใจว่าไม่เคยมีใครได้ฟัง และมันเป็นคำพูดที่ตอกย้ำให้เขาคิดถึงพี่ชายเสมอ

   ก่อนจะเดินเข้าบ้าน ไม้ได้เอ่ยขออนุญาติกับศาลพระภูมิที่ตั้งอยู่หน้าบ้านว่าให้ดวงวิญญาณที่ชื่อ 'มิวส์' เข้าไปในบ้านด้วย นั่นจึงทำให้มิวส์สามารถเดินเข้าไปภายในบ้านของตัวเองที่ไม่ได้กลับมานานนับ 10 ปีได้อย่างไม่มีปัญหา

   ต้นไม้รอบบ้านที่เคยเล็กกระจิริดบัดนี้ได้เติบโตจนเป็นร่มเงาที่สูงใหญ่ ...สนามหญ้าหน้าบ้านที่เคยเขียวชอุ่มกลับแห้งเหี่ยวไรชีวิตชีวา มิวส์มองไปรอบ ๆ บริเวณบ้านแล้วได้แต่ถอนหายใจออกมา ภาพความทรงจำเก่า ๆ ที่ย้อนมาให้เห็นทำให้เขาอยากจะย้อนวันวานกลับไปในอดีต แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น

   ภายในบ้านมีการจัดแตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ที่แตกต่างไปจากเดิมพอสมควร คงเป็นเพราะกาลเวลาที่เปลี่ยนไปอาจทำให้ข้าวของเครื่องใช้เก่า ๆ ผุพังจึงไม่แปลกที่เจ้าของบ้านจะเปลี่ยนของชิ้นใหม่ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้มิวส์ประหลาดใจเท่ากับการที่เขามองไปบนหลังตู้โชว์ใบหนึ่งแล้วมีกรอบรูปภาพขาวดำของเขาตั้งเด่นเป็นสง่า ซึ่งภายในภาพมีวันที่บอกถึงการชาตะและมรณะ และที่ข้าง ๆ รูปของเขานั้นก็มีรูปของผู้ชายอีกคนซึ่งเขาคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี มีข้อความที่เขียนถึงวันชาตะและมรณะเหมือนกับของเขาเปี๊ยบเลย

   “พ่อ!!!” ทันทีที่เห็นรูปนั้น มิวส์ก็เอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ อาจเป็นเพราะน้ำเสียงที่แหลมสูงจนเกินไปเลยทำให้ไม้ที่เดินตามฟิวส์เข้าไปที่ห้องรับแขกห้องหนึ่งเงียบ ๆ ต้องหันไปมองตามต้นเสียงนั้น และกรอบรูปบนตู้โชว์ที่มิวส์กำลังเพ่งมอง

   “มิวส์" น้ำเสียงแหบพร่าที่ดังขึ้นทางด้านหลังทำให้มิวส์หันกลับไปมอง ร่างของชายวัยกลางคนที่ใกล้จะล่วงเลยเข้าสู่วัยทองที่ปรากฏทำให้มิวส์ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

   วิญญาณของพ่อยังคงสิงสถิตอยู่ที่บ้านหลังนี้ไม่ได้ไปไหน และเมื่อมองย้อนไปยังปีที่มรณะก็รู้ว่าพ่อของเขาได้สิ้นลมหายใจช้ากว่าเขาเพียงสามสัปดาห์เท่านั้น นั่นแสดงว่าพ่อได้จากน้องชายกับแม่ไปนานนับสิบปีแล้วเช่นกัน

   “พ่อ!!!” มิวส์เรียกสถานะของวิญญาณอีกดวงด้วยความตกใจมากยิ่งขึ้น เขาไม่คิดว่าพ่อจะต้องมาอยู่ในสภาพไม่ต่างจากเขา และถ้าพ่อจากไปตั้งสิบปี ...แล้วตอนนี้แม่อยู่ที่ไหน!?



จบตอน

ตอนนี้ไม่เน้นฮาครับ (ฮาแค่ช่วงแรกต่อจากตอนก่อนก็พอเนาะ....)
------------------------

คุยกับคนอ่านที่น่ารัก

คุณ aloney :: T^T ขอโทษอภัยนะครับที่เปลี่ยนชื่อเรื่อง... คิดว่าชื่อเก่าน่ากลัวเกินไปไม่เหมาะกับบรรยากาศของเรื่องที่ฮาผสมเครียดสักเท่าไหร่

คุณ irksome :: ฮ่าๆ เป็นธรรมดาชีวิตมนุษย์ครับ ชอบเปรียบเทียบในใจ เอิ้กๆ

คุณ iamnan :: จ้า... ^^ ไม้น่าสงสารจริงๆ 555 พออ่านแล้วผมยังลองคิดดูถ้าผมเป็นไม้ - - ผมจะทนได้ไหมนั่น

คุณ Fujoshi :: ^^ ขอบคุณครับ คนอ่านสนุกกับการได้อ่านเรื่อง คนเขียนก็สนุกและมีกำลังใจกับการที่ได้อ่านเม้นท์เหมือนกัน พออ่านเม้นท์แล้วปล่อยผ่านไปมันก็กระไรอยู่ เลยอยากมีปฏิสัมพันธ์ด้วยเล็กๆน้อยๆก็ยังดีครับ ^^ ส่วนแม็กกี้ เดี๋ยวก็มีโผล่มาให้หายคิดถึงครับ

คุณ myd3ar :: ใช่แล้วครับต่างมาก 555 งี้แหละ ไม่มีโอกาสมีชีวิตแล้ว นิสัยด้านมืด? ก็เลยปลดปล่อยออกมาจนหมด 55555

คุณ  kai_kaka  :: ต้องรอลุ้นครับ ว่าไม้จะอะไรยังไง ^^

คุณ nunnan :: มันเป็นความอัดอั้นของคนเขียนเล็กๆครับ 555 เพราะชีวิตจริงจะหื่นกับใครมันยาก T^T เลยเอาไปลงกับมิวส์ละกัน

คุณ naruxiah :: แฮ่... ขอตอบเรื่องแม็กกี้ว่าไม่ได้ !!!  ยังไงก็ต้องมีโผล่มาแย่งซีนบ้างครับ แต่ยังไม่ใช่นาทีนี้ ให้มิวส์แจ้งเกิดก่อน ^^ คิคิ

คุณ mindmaru :: *0* หรือว่าจะเป็นเพราะบทแรก ๆ น่ากลัวเกินเลยทำให้เม้นท์น้อยกว่าที่ควรเอิ้กๆ(ไม่น่า - -") ขอบคุณที่อ่านต่อนะครับ เพื่อตอบแทนที่หลงเข้ามาอ่านแล้วสนุก กระผมจะพยายามอัพตอนต่อ ๆ ไปให้ไวที่สุดนะครับ

คุณ darkeyes1 :: ^^ แน่นอนครับ เรื่องมันลึกลับซับซ้อน สำหรับความสัมพันธ์และความรู้สึก ขอบคุณสำหรับแสดงความคิดเห็นนะครับ เพราะมีบางจุดที่มองข้ามไป พอได้อ่านคอมเม้นท์แล้วสามารถนำไปปรับปรุงแก้ไขในตอนต่อ ๆ ไปให้ดีกว่าเดิม ปล.สาวงามขวัญผวาน่าจะเป็นแค่ตัวประกอบฉากครับ ^^" แต่ก็ไม่แน่ ^^"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-07-2013 14:09:29 โดย gugzabb »

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
อ้าว พ่อก็ตายแล้วหรอเนี่ย

ปล.ตอนนี้อยากให้มิวส์เป็นนายเอกแทนแม็กกี้อ่ะ 555น่ารักโมเอะมากมาย

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
เฮ้ยยยย ผิดคาดเลยที่พ่อของผีหน่อมแน้มตายแล้ว แล้วแม่หล่ะ

อ่านตอนนี้แล้วเข้าใจความรู้สึกฟิวส์ รับรู้ได้ถึงการคิดถึงของฟิวส์ที่มีต่อมิวส์ไม่ว่าฝ่ายที่จากไปจะเป็นพี่หรือน้องคนที่อยู่มันก็ทรมาณทั้งนั้น

ออฟไลน์ hello_lovestory

  • >>I'm C-Z@<<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
อะไรกัน รอๆๆๆๆ

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
แม่ไปไหนนนน  :heaven :heaven

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
พ่อตายแล้ว แล้วแม่ล่ะตอนนี้เป็นยังไง?
นี่มันเกิดอะไรกับครอบครัวมิวส์กัน
เพียงแค่ผู้ชายที่ชื่อก้องเพียงคนเดียว สามารถทำให้ครอบครัวครอบครัวหนึ่งทุกข์ทรมานได้ขนาดนี้เลยเหรอ
ไม่ว่าจะหาเหตุผลใดมาหักล้างความผิดนี้ยังไงคนที่ผิดก็คือแฟนเก่ามิวส์อยู่ดี
ไม่ว่าเรื่องที่ก้องจะพูดจริงหรือโกหกมันก็ไม่สามารเรียกคืนชีวิตใดชีวิตหนึ่งกลับคืนมาได้อยู่ดี

ปล.เราเม้นดราม่าไปไหมเนี่ย อิอิ

เทมปุระกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
ก้องคือตัวปัญหางั้นหรือ? ฮึ่มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม  :fire:

ออฟไลน์ `ลoงสิจ๊ะ™

  • รักคือรัก จะให้หักห้ามใจนั้นยาก
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เข้ามาฝากตัวด้วยคนนะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


โอ๊ะ อยากรู้แล้วอ่า ว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของมิวส์
ทำไม พ่อมิวส์ถึงได้ตาย แล้วเรื่องของก้องนั้นอีก

ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
เธอออ~~~~~

เราสงสารครอบครัวนี้จังเลย มีน้ำตาคลอ T^T  พ่อก็ตายตั้งนาน แถมเป็นวิญญาณที่ยอมไปผุดไปเกิด คือครอบครัวนี้ทำกรรมอะไรไว้กันเหรอ เชื่อว่าหลังจากที่มิวส์และพ่อตายไป แม่กับฟิวส์ไม่เคยมีความสุขแน่ ๆ  #ดูเราซีเรียสเนาะ #คือเราอินมาก #รอฟังคำเฉลยทุกเรื่องราวของมิวส์

ออฟไลน์ ชะรอยน้อย

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 973
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-0
สงสารมิวส์อ่ะ

ออฟไลน์ pockypocky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 179
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
สงสารมิววววววววว  :o12:

แต่ไม่ค่อยอยากให้มิวคู่กับไม้เลย สงสารแมกกี้อ่ะ

แล้วมาต่อไวๆนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ Mr.กุ๊กกู๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
    • แฟนเพจ
ตอนที่ 9  :katai4:  [[ไม่อยากให้ค้างงาน ^^ รีบมาต่อให้เลยครับ อิอิ]]




   หลังจากที่มิวส์เสียชีวิต อาการเครียดก็ทำให้พ่อทรุดหนักจนต้องเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ในช่วงแรก ๆ นั้นอาการยังไม่ไม่น่าเป็นห่วงสักเท่าไหร่ แต่พอเริ่มมีเพื่อนฝูงและวงศาคณาญาติมาเยี่ยมแล้วเอาแต่พูดเรื่องลูกชายคนโตในทางเสีย ๆ หาย ๆ แทนที่จะให้กำลังใจ อาการของพ่อก็ยิ่งทรุดหนักลงไปเรื่อย ๆ จนท้ายที่สุดพ่อก็จากไปด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก และคำพูดสุดท้ายที่พ่อได้พูดกับฟิวส์ก็คือ

   ...ถ้าพ่อไม่ได้เจอมิวส์ ไม่ได้สอบถามความเป็นจริงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับมิวส์ เพราะคงนอนตายตาไม่หลับ ส่วนฟิวส์... ดูแลแม่ด้วยนะลูก...

   คำพูดของพ่อในวันนั้นยังคงอยู่ในความทรงจำของฟิวส์เสมอ

   ในขณะที่ฟิวส์กับไม้กำลังคุยกัน ทางด้านของมิวส์กับพ่อก็กำลังอยู่พูดคุยกันเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าทางฝั่งของวิญญาณทั้งสองต้นจะเครียดมากกว่า

   “พ่อ... พ่อเป็นยังไงบ้าง" มิวส์เอ่ยถามด้วยความห่วงใยหลังจากที่เห็นร่างอันซีดเผือดไม่ต่างจากเขากำลังยืนอยู่ตรงหน้า

   “พ่อเครียด...” ผู้เป็นพ่อตอบออกมาตรง ๆ ใบหน้าในตอนแรกนั้นแสดงออกถึงความเครียดชัดเจนแต่พอเขาได้พบกับลูกชายเท่านั้นแหละ ความเศร้าที่เคยปรากฏอยู่บนใบหน้าก็หายไปและกลายเป็นความสุขที่เข้ามาแทนที "พ่อเครียดมาตลอดที่ได้ยินคำดูถูกเรื่องของลูก พ่อไม่เชื่อว่าลูกจะตัดสินใจคิดสั้นแล้วทิ้งพ่อแม่แล้วก็น้องไปง่าย ๆ แบบนี้"

   “เรื่องไหน" ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่ามีอยู่เรื่องเดียว แต่ความสับสนงุนงงที่เกิดขึ้นทำให้สมองของมิวส์ด้านชาไปหมด ...ไม่แปลกหรอกที่เขาจะเป็นแบบนี้ เพราะเขาคิดมาเสมอว่าพ่อกับแม่และน้องชายจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสามคนและเป็นครอบครัวที่อบอุ่น แต่หลังจากที่ได้กลับมาที่บ้านอีกครั้ง ถึงได้รู้ว่าสิ่งที่คิดมันผิดเพี้ยนไปหมด

   “ก็เรื่องที่ลูกตัดสินใจกกระโดดตึก... เพราะ...” ผู้เป็นพ่อชะงักไปเล็กน้อย เขาก้มหน้าลงก่อนที่จะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ "เพราะผู้ชาย..."

   “พ่อ..." น้ำเสียงของมิวส์สั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด เขาไม่รู้ว่าพ่อรู้เรื่องที่เขาคบกับผู้ชายได้อย่างไร มันเป็นความลับที่เขาพยายามปกปิดมาตลอดตั้งแต่ที่ตัดสินใจคบกับก้อง แต่ก็นั่นแหละความลับไม่มีในโลก หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง วันหนึ่งความลับก็ต้องรั่วไหลอยู่ดี เมื่อตั้งสติได้ มิวส์จึงอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตให้ผู้เป็นพ่อฟังทั้งหมด

   “ผมขอโทษ แต่ผมไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตายนะพ่อ คืนที่เกิดเรื่องน่ะ... ผมโดนบอกเลิกจริง ๆ แต่ว่าที่ผมตกระเบียงห้องพักก็เพราะผมโดนไอ้วิญญาณร้ายมันครอบงำจิตใจ พอผมรู้ตัวอีกทีก็พบกับสภาพตัวเองที่เป็นวิญญาณแล้วพ่อ พ่อต้องเชื่อผมนะ ผมไม่เคยคิดจะฆ่าตัวตายจริง ๆ ต่อให้เสียใจแค่ไหน ผมก็คิดถึงพ่อแม่และน้องเสมอ ผมไม่มีวันเอาชีวิตไปทิ้งให้กับคนที่มันไม่รักผมหรอก"

   น้ำเสียงของมิวส์สั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด เขากลัวว่าพ่อจะไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด

   “มิวส์ว่ายังไงนะ...” ผู้เป็นพ่อเดินเข้ามาใกล้ ๆ น่าแปลกที่พ่อของเขาร้องไห้ออกมาได้ด้วย สังเกตได้จากหยดน้ำตาที่ไหลลงมาจากดวงตากลมโตคู่นั้น "มิวส์บอกว่ามิวส์ไม่เคยคิดจะเอาชีวิตไปทิ้งกับคนที่มันไม่ได้รักใช่ไหม ช่วยย้ำให้พ่อฟังอีกทีได้ไหม...”

   ยิ่งพูดน้ำตาของผู้เป็นพ่อก็ยิ่งไหลทะลักออกมาอย่างหนัก

   “ครับ... ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยจริง ๆ" ทันทีที่พูดจบ มิวส์ก็คุกเข่าต่อหน้าร่างวิญญาณของพ่อ แล้งเขาก็ทำในสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาตลอดระยะเวลา 31 ปี สองมือพนมก้มกราบเท้าของผู้ที่ให้กำเนิด ...แม้ว่าจะไม่ได้ทำในตอนที่ทั้งตัวเองและพ่อยังมีลมหายใจ แต่มันก็เป็นสิ่งที่เขารอคอยที่จะทำมาเสมอ

   ย้อนกลับไปก่อนที่มิวส์จะสิ้นลมหายใจ มิวส์เคยให้คำสัญญากับตัวเองไว้ว่าหลังจากที่เรียนจบ เขาจะหาโอกาสบวชทดแทนบุญคุณพ่อกับแม่ แต่ความคิดนั้นก็ต้องมีอันต้องดับสลาย เพราะเขาดันต้องมาโดนมัจจุราชกระชากลมหายใจไปเสียก่อน และพอวันนี้มีโอกาสอีกครั้ง อย่างน้อยก็ขอให้เขาได้ทำหน้าที่ลูกที่สำนึกในบุญคุณของผู้ให้กำเนิดหน่อยเถอะ

   “ผมขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมรักพ่อนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งพ่อแม่แล้วก็น้องไป แต่ทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุ ให้อภัยผมด้วยนะครับ" พูดไปทั้งที่ยังก้มกราบ ส่วนผู้เป็นพ่อที่ยืนมาตลอดก็ค่อย ๆ ย่อตัวนั่งลงก่อนจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะของลูกชายเบา ๆ โดยที่น้ำตาก็ไหลออกมาไม่ขาดสาย

   มิวส์ที่สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่บริเวณศีรษะเงยหน้าขึ้นมา พอเห็นดวงตาของผู้เป็นพ่อแดงก่ำเขาก็โผเข้ากอดพ่อด้วยความแนบแน่นทันที

   ในตอนนี้วิญญาณสองร่างพ่อกับลูกกำลังกอดกันอย่างแนบแน่น วิญญาณผู้เป็นพ่อนั้นได้รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นจากปากของลูกชายทั้งหมดแล้ว นั่นจึงทำให้เขาไม่มีอะไรติดค้างคาใจอีกต่อไป ก่อนที่น้ำตาหยาดสุดท้ายจะล่วงลงสู่พื้น ร่างของชายวัยกลางคนก็ค่อย ๆ จางลง เกิดแสงสีทองประหลาดรอบกายและในที่สุดดวงวิญญาณในร่างคนก็กลายเป็นควันกลม ๆ สีขาวก่อนที่จะลอยขึ้นสู่เบื้องบน
   มิวส์มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความประหลาดใจ และเสียงสุดท้ายที่ดังขึ้นก็ทำให้เขาเข้าใจทุกอย่าง

   “พ่อไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว ถึงเวลาของพ่อที่จะต้องไปชดใช้กรรมแล้วล่ะ ดูแลตัวเองดี ๆ นะมิวส์ พ่อรักมิวส์นะ" สิ้นเสียงนั้น มิวส์ก็อยากจะร้องไห้ แต่ทำยังไงน้ำตาของเขาก็ไม่มีทางไหลได้เหมือนพ่อ

   สาเหตุที่น้ำตาของดวงวิญญาณวัยกลางคนไหลได้เพราะเขาได้รับรู้ในเรื่องที่เป็นปัญหาติดค้างคาใจมานานหลายปี คำก่นด่าของวงศาคณาญาติต่าง ๆ นานาที่ด่าลูกชายไม่ใช่เรื่องจริงเลยสักนิด และในเมื่อไม่มีอะไรให้กงวลใจอีกต่อไป ความอัดอั้นตันใจที่ถูกเก็บเอาไว้มานานก็เลยถูกระบายออกมาอย่างที่เห็น นั่นทำให้ดวงวิญญาณของชายวัยกลางคนแตกสลายและพร้อมที่จะไปชดใช้กรรมในนรกหรือสวรรค์เป็นลำดับต่อไป



   ทางด้านของไม้ที่กำลังนั่งคุยกับฟิวส์ก็มีอันต้องหยุดชะงัก เพราะไม้ได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของมิวส์ดังขึ้นไม่ขาดสาย ไม้ตัดสินใจเดินไปที่ห้อง ๆ หนึ่งซึ่งอยู่ติดกับห้องรับแขก มันเป็นห้องที่มิวส์กับพ่อของเขาเพิ่งคุยกันจบ

   “ไอ้มิวส์...” ไม้เอ่ยขึ้นเพราะแปลงใจกับภาพของวิญญาณตรงหน้าที่กำลังนั่งกอดเข่าก้มหน้าแล้วก็สะอื้นไห้ออกมา "เป็นอะไรวะ"

   เพราะไม้ไม่สามารถมองเห็นดวงวิญญาณดวงอื่นได้ จึงทำให้ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ยังมีดวงวิญญาณอีกดวงอยู่ในบ้านหลังนี้
   
“เจ้านาย...” มิวส์ที่พอได้ยินเสียงของไม้ก็เงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาของเขาในยามนี้แสดงออกถึงความซาบซึ้งตรึงใจในอะไรบางอย่างอย่างเห็นได้ชัด

   “มึงเป็นอะไรของมึง" พอเห็นดวงตาที่แดงก่ำก็รู้สึกตกใจขึ้นมา ถ้ามิวส์สามารถร้องไห้ออกมาป่านนี้ก็ไม่แน่ว่าน้ำอาจจะท่วมบ้านแล้วก็เป็นได้

   แต่ทว่าไม่มีคำพูดใด ๆ ตอบกลับออกมาจากปากของวิญญาณตนนั้น

   มิวส์ตัดสินใจลุกขึ้นก่อนที่จะวิ่งมากอดกับเจ้านายอย่างไม่คิดหวาดกลัวอะไรสักนิด ไม่กลัวว่าจะโดนถีบ โดนโบก หรือโดนด่าหาว่าหื่น เพราะตอนนี้เขากำลังเศร้าและก็สุขในเรื่องที่เกิดขึ้นไปพร้อม ๆ กัน

   มิวส์เป็นเพียงดวงวิญญาณดวงหนึ่งที่ไม่มีใครสนใจ มีเพียงเจ้านายของเขาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถมองเห็นทุกการกระทำและเจ้านายคนนี้แหละที่เป็นที่พึ่งเดียวในยามนี้ของมิวส์

   อ้อมกอดของมิวส์ในครั้งนี้ทำให้ไม้รู้สึกราวกับว่ากำลังมีร่างของคนที่โอบกอดจริง ๆ ไม่ใช่เพียงความรู้สึกที่เหมือนมวลอากาศกำลังโอบรัด และพอเขาลองยกมือขึ้นมากอดตอบก็ปรากฏว่าสามารถสัมผัสกับร่างของดวงวิญญาณนั้นได้เหมือนกัน

   “มึงเป็นอะไร" ไม้เอ่ยถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่บางเบา ไม่รู้ทำไม... พอเขาเห็นหมอนี่อยู่ในอารมณ์เสียใจทีไรเขาถึงรู้สึกประหลาด ๆ ในจิตใจจนอยากปลอบให้หายจากอาการแบบนี้ทุกที

   แต่ไม่ว่าจะถามสักกี่ครั้ง มิวส์ก็ยังคงนิ่งเงียบไม่ยอมตอบอะไร มีเพียงเสียงสะอื้นเท่านั้นที่ดังเป็นคำตอบ

   “ไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร" ไม้เอ่ยเบา ๆ พลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบศีรษะของมิวส์

   การกระทำทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำให้ฟิวส์ที่มองดูเหตุการณ์จากทางด้านหลังมาตลอดรู้สึกงุนงง

   “คุณทำอะไรของคุณ" น้ำเสียงที่เอ่ยขึ้นทำให้คนกับวิญญาณอีกตนต้องชะงักและต้องรีบผละอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นออกจากกันทันที "คุณกำลังกอดกับพี่มิวส์งั้นเหรอ"

   “เอ่อ... เปล่า...” ไม้ตอบตะกุกตะกัก เขาอยากจะพูดความจริงทั้งหมด แต่ถ้าบอกออกไปว่ากำลังกอดกับมิวส์ที่เป็นวิญญาณ ภาพลักษณ์ก็ต้องเสียหายแน่ ๆ "กลับไปคุยที่ห้องเดิมกันเถอะ"

   พูดจบก็เดินนำไปยังห้องรับแขกราวกับเป็นเจ้าของบ้าน โชคดีที่ฟิวส์ไม่ใช่คนขี้สงสัยพยายามจะคาดคั้นเอาคำตอบอะไร เขาเพียงเดินตามมาเงียบ ๆ เท่านั้น และทันทีที่กลับมายังห้องรับแขก การสนทนาที่ค้างไว้ก็เริ่มขึ้น

   “เมื่อกี้คุณบอกว่าผู้ชายที่ชื่อก้องมาที่งานศพของมิวส์” ไม้เปิดประเด็นทันที เมื่อกี้กำลังจะได้รู้ในสิ่งที่สงสัยอยู่แล้วเชียวแต่ดันได้ยินเสียงสะอื้นของไอ้วิญญาณหน่อมแน้มก่อนก็เลยอดเป็นห่วงวิ่งไปดูไม่ได้

   “ใช่... มันสารภาพทุกอย่างกับผม" น้ำเสียงของฟิวส์เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จากที่เคยเรียบเย็นเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่ราวกับข่มกลั้นความโกรธเอาไว้สุดฤทธิ์

   “สารภาพ?” ไม้ทวนคำอย่างไม่เข้าใจ ส่วนมิวส์ที่แม้จะยังเสียใจกับเรื่องของพ่อพอได้ยินเรื่องของก้องก็หันมาให้ความสนใจทันที ในตอนนี้มิวส์กำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ กับร่างของน้อยชาย

   “มันบอกว่ามันทำอะไรกับพี่มิวส์เอาไว้" ฟิวส์เอ่ยขึ้น ทุกครั้งที่เอ่ยชื่อก้องจะต้องกัดริมฝีปากตนเองเสมอ "และมันก็ไถ่โทษความผิดทั้งหมดโดยการบวชหน้าไฟให้พี่มิวส์"

   “บวช?” ไม้ทวนคำอีกแล้ว

   “ใช่... มันบวชเพราะต้องการจะชดใช้ความผิด แต่ผมไม่ให้อภัยมันหรอก ไม่ว่ามันจะทำยังไงก็ไม่มีวันที่พี่มิวส์จะกลับมาได้เหมือนเดิม พ่อก็ด้วย... ที่พ่อต้องตายไปก็เพราะมัน" ฟิวส์เริ่มใส่อารมณ์ขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มตรึงเครียด ไม้จึงเปลี่ยนเรื่อง

   “แล้วตอนนี้แม่ของนายอยู่ไหน" ไม้ไม่รู้เลยสักนิดว่าคำถามนี้ยิ่งทำให้ฟิวส์ยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่

   “แม่...” น้ำเสียงของฟิวส์สั่นคลอมากยิ่งขึ้น ราวกับว่ามีความกดดันอะไรบางอย่างจุกอยู่ในลำคอ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก "คุณกลับไปก่อนดีกว่า ผมยังไม่พร้อมจะอธิบายอะไรให้คุณฟังทั้งนั้น แค่นี้ครอบครัวของผมก็แย่มากพอแล้ว"

   สิ้นเสียงของฟิวส์ ไม้ก็พยักหน้ารับ อย่างน้อยการมาบ้านของมิวส์ในวันนี้ก็ให้เขาได้รู้อะไรหลาย ๆ อย่าง

   “งั้นเดี๋ยววันหลัง ผมจะมาใหม่นะ" ไม้เอ่ยขึ้นก่อนจะเดินกลับออกไปที่ประตูหน้าบ้านทันที ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวขาออกจากรั้ว เสียงสั่น ๆ ของฟิวส์ก็ทำให้ไม้ต้องชะงัก

   “เดี๋ยว...” ฟิวส์เดินตามออกมา ก่อนที่จะพยายมสะกดกั้นอารมณ์อ่อนแอเอาไว้ภายใต้เบื้องลึกของจิตใจแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติที่สุดว่า "ฝากบอกพี่มิวส์ด้วยนะว่าไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะดูแลแม่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้"

   “อืม" ไม้รับคำก่อนจะกระตุกยิ้มนิด ๆ ทว่าก่อนที่เขาจะเดินออกจากประตูรั้ว เสียงที่ดังขึ้นก็ทำให้ไม้ต้องชะงักอีกรอบ

   “เดี๋ยวครับเจ้านาย" มิวส์วิ่งมาตัดหน้า "ผมอยากรู้ว่าแม่เป็นอะไรแล้วตอนนี้แม่อยู่ไหน ฟังไอ้ฟิวส์พูดแล้วรู้สึกแปลก ๆ ผมอยากเจอแม่"

   สิ้นเสียงของมิวส์ ไม้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเท่านั้น เขาเดินทะลุร่างที่ยืนบังออกไปนอกรั้วอย่างไม่สนใจใยดีสักนิด

   “ก็ได้ยินเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ว่าเขายังไม่พร้อมจะพูด"

   “โถ่... เจ้านาย" มิวส์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเสียดายก่อนจะเดินคอตกตามหลังเจ้านายออกไป




จบตอนที่ 9

------------------------------------
คุยกับคนอ่านครับ ^^

คุณ sang som :: เชื่อว่ามีหลายคนอยากให้มิวส์เป็นนายเอก แต่ยังไงทั้งมิวส์ ไม้ แม็กกี้ ก็เป็นตัวหลักของเรื่องครับ ^^ อิอิ

คณ iamnan :: ใช่แล้วครับ พ่อหน่อมแหน้มเสียแล้ว เหตุผลก็อย่างในบทที่ 9 เลย T^T ส่วนแม่ เก็บไว้เป็นปมต่อไปก่อนดีกว่า ^^" แฮ่ๆ

คุณ hello_lovestory :: ^^ ลงตอนที่ 9 แล้วนะครับ (กว่าจะมาอ่านเห็นตรงนี้ก็คงจะอ่านบทที่ 9 จบแล้ว) ไม่ปล่อยให้รอนาน ^^

คุณ nunnan :: ถามว่าแม่ไปไหน ถ้าจะบอกว่ายังไม่อยากบอกจะเป็นไรไหมครับ T^T (ยกการ์ดป้องกันกลัวโดนต่อย ฮ่าๆ)

คุณ Chichi Yuki :: เม้นท์ดราม่าแบบนี้ผมชอบเลยครับ มีการแสดงความคิดเห็นความรู้สึกต่อตัวละครด้วย ถ้าคนอ่านอ่านนิยายแล้วเพลิน คนเขียนพอได้อ่านคอมเม้นท์ก็เพลินและดีใจเหมือนกันครับ ^^

คุณ เทมปุระกุ้ง :: ก้องคือตัวปัญหางั้นเหรอ ??? ไม่บอกก ติดตามตอนต่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆไปจนจบ แล้วจะรู้เรื่องราวทั้งหมดครับ อิอิ ขอบคุณที่แวะมาอ่านและเม้นท์นะครับ ^^

คุณ มยอนฮวา :: ยินดีต้อนรับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ อ่านจนตอน 9 คงหายคาใจเรื่องพ่อแล้ว แต่เรื่องก้องกับแม่ยังเก็บเอาไว้ก่อนดีกว่า ^^

คุณ  aloney :: TT___TT ง่าาา เห็นคนอ่านอินแล้วรู้สึกดีใจยังไงไม่รู้ T^T ขอบคุณนะครับ ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะครับ มาอ่านบ่อยๆ นะ

คุณ ชะรอยน้อย :: ช่วงนี้มิวส์น่าสงสารจริง ๆ ครับ T^T ขอบคุณที่เม้นท์นะงับ

คุณ pockypocky :: มาต่อแล้วคร้าบ (ตอน9อ่ะนะ) สำหรับตอนหน้า... ขอเอาใจคนที่คิดถึงแม็กกี้แล้วครับ (รอก่อนนะครับ) ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2013 11:44:53 โดย gugzabb »

ออฟไลน์ ชะรอยน้อย

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 973
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-0
อย่าบอกนะว่าแม่ตามไปฆ่าก้อง ตอนนี้ติดคุกอยู่  :z6
แม่ไปอยู่ไหนแล้ว  :hao5:

ออฟไลน์ Fujoshi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-2
แม่ไปอยู่ไหนล่ะ อ่านตอนนี้เเล้วสงสารมิวส์จัง

เย้ จะได้เจอแม็กกี้แล้ว คงไม่กลับมาพร้อมแฟนใหม่นะ :katai5:

ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
แม่คงไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม??

รออ่านๆๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด