ต่อจากข้างบน
v
v
“สวัสดีครับ”
ไนล์วางมือจากตะเกียบและยกแก้วที่ใส่โค้กขึ้นมาดูดไปหนึ่งอึกก่อนจะรับโทรศัพท์ที่ติดต่อเข้ามา ผมไม่รู้ว่าเขาคุยเรื่องอะไร เพราะได้ยินแค่เพียงฝั่งเดียว แต่ก็พอจะคาดเดาได้
“พรุ่งนี้ผมมีแล็บ เลิกสี่โมง”
“เดี๋ยวผมไปหาที่คณะครับ”
“ครับ พี่มายด์ เจอกันพรุ่งนี้ครับ ฝันดีครับ”
วางสายแล้ว ไนล์ก็กลับมากินบะหมี่ที่พร่องลงไปจนเกือบหมดต่อ ผมได้แต่มองเขาพร้อมความรู้สึกแปลกๆ ในใจ แต่ก็พยายามจะไม่คิดอะไร รอกระทั่งไนล์กินเสร็จก็ได้เวลาที่จะแยกย้ายกันเสียที
“เท่าไร”
ตะเกียบถูกวงลงบนชามและดื่มโค้กที่เหลือจนหมดแล้ว ไนล์ก็ถามขึ้น เตรียมหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาจ่ายค่าบะหมี่ แต่ผมหยุดเขาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวฉันจ่ายเอง ถือว่าเป็นการขอโทษที่ทำให้นายต้องทนหิว”
เหตุผลนี้อาจจะฟังขึ้น ไนล์ถึงได้ยอมเก็บกระเป๋าเงินกลับคืนตามเดิม ผมจึงเป็นฝ่ายลุกจากโต๊ะก่อนและเดินไปจ่ายเงินกับคนขาย ไม่ได้เรียกให้เขามาคิดเงินที่โต๊ะ เพราะถึงอย่างไรผมก็ต้องเดินไปทางหน้าร้านอยู่แล้ว จ่ายเงินเสร็จผมก็รอไนล์อยู่หน้าร้าน ซึ่งคนที่ผมรอก็ตามออกมาในเวลาไล่ๆ กัน ก่อนจะเกริ่นประโยคที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยิน
“ไปคอนโดของนายนะ”
“ทำไมต้องไปคอนโดฉัน เดี๋ยวฉันไปส่งนายเหมือนเดิมก็ได้ ยังไม่ดึกเท่าไร”
“เมื่อคืนนายนอนที่ห้องของฉันแล้ว คืนนี้ฉันจะไปนอนที่ห้องของนายบ้าง”ผมอยากตอบกลับไปว่าไม่ต้อง แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงหยุดเสียงของตัวเองเอาไว้ ไม่ตอบอย่างที่ใจคิด และมองหน้าไนล์อยู่อย่างนั้นราวกับจะให้มันเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ ซึ่งมันก็ทำให้ผมตัดสินใจได้จริงๆ แต่เป็นการตัดสินใจที่ผิดจากความตั้งใจดั้งเดิมของผมโดยสิ้นเชิง
ไม่ได้ตอบเป็นคำพูด ผมไปรอไนล์ที่รถเลย ซึ่งเจ้าตัวก็คงพอจะเดาคำตอบจากผมได้ ถึงตามมาโดยไม่พูดอะไรอีก ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงเลือกในทางที่ไม่อยากเดิน หรือเพราะความลังเลของผมเอง ที่ใจหนึ่งอยากจะออกห่างจากไนล์ในมากที่สุด แต่อีกใจกลับอยากรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นยังไงกันแน่
ในตอนนี้ผมรู้สึกไม่ต่างจาก...ยิ่งห้ามตัวเองเท่าไร ก็ยิ่งถลำลึกลงไปเท่านั้น
มาถึงห้องผมก็เตรียมผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าให้ไนล์เปลี่ยนสำหรับใส่ในคืนนี้ แต่ผมเป็นฝ่ายเข้าไปอาบน้ำก่อน เพราะไนล์เพิ่งกินมาอิ่มๆ ให้อาบน้ำเลยคงจะไม่ดี ซึ่งพอผมจัดการกับตัวเองเสร็จเรียบร้อย มาอยู่ในชุดเสื้อยืดกับบ็อกเซอร์สีเข้ม ไนล์ก็เข้าไปอาบน้ำต่อและมาแต่งตัวที่ด้านนอกเหมือนอย่างเมื่อวาน
ชุดที่ผมเลือกให้ไนล์เป็นเสื้อยืดเช่นเดียวกัน แต่กางเกงที่สวมเป็นกางเกงขาสั้นที่ผมพยายามเลือกตัวที่สั้นที่สุดสำหรับผมแล้ว แต่มันก็ยังใหญ่อยู่ดีเมื่อเทียบกับขนาดตัวของไนล์ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อหรือกางเกง ชุดนี้ผมเคยให้ไฮยีนใส่ตอนมันมาค้างที่ห้องของผมอยู่เหมือนกัน แต่ตอนที่มันใส่ดูหลวมน้อยกว่านี้ ซึ่งก็คงไม่แปลก เพราะไอ้ยีนสูงกว่าไนล์นิดหน่อย และก็มีเนื้อมีหนังกว่าด้วย
ผมมองไนล์ที่อยู่ในชุดของผมทั้งตัวแล้วก็ต้องหลุดยิ้มออกมานิดๆ เพราะคนตรงหน้าของผมตอนนี้เหมือนกับเด็กที่หยิบชุดพี่ชายที่อายุมากกว่าหลายๆ ปีหรือว่าพ่อมาใส่ เพราะมันดูหลวมโพรกไปหมด ยิ่งกว่าเสื้อกล้ามที่เขาใส่เมื่อวานเสียอีก ไหล่เสื้อตกไปอยู่ตรงต้นแขนจนผมยังสงสัยว่ามันจะน่ารำคาญหรือเปล่า
“ขำอะไร”
ไนล์ย่อตัวมานั่งข้างผมบนเตียงและถามคำถาม ขณะที่ก็จดจ้องเข้ามาในตาผมด้วย สายตาของเขายังดูเหมือนหลุมสีดำที่เคว้งคว้างและว่างเปล่า ทว่าในวันนี้ผมกลับสังเกตได้ถึงความเปลี่ยนไปนิดๆ ประกายอะไรบางอย่างราวกับแสงสีขาวจุดเล็กๆ ที่ส่องสว่างอยู่ท่ามกลางความมืดดำ มันเป็นแววของความมีชีวิต ไม่ใช้ไร้ชีวิตเหมือนทุกที และมันก็ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะมองค้างอยู่ข้างนั้นด้วยความสนใจ
“เสื้อผ้าของฉันคงใหญ่เกินไปสำหรับนาย”
“ไม่เห็นมีอะไรที่ตลกหรือน่าขำ” ไนล์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ยังเรียบเหมือนเคย ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องใหม่แบบไม่ทันให้ผมได้ตั้งตัว “นายเมมเบอร์ของฉันหรือยัง”
ผมชะงักไปนิดหน่อยที่ไนล์รู้ทันผมอีกแล้วว่าผมยังไม่ได้บันทึกเบอร์ของเขาลงในโทรศัพท์ และยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบคำถามนั้น ร่างโปร่งบางนั่นก็ชะโงกเข้ามาหาผมแล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่ผมวางเอาไว้ตรงหัวเตียงอย่างถือวิสาสะ จนผมต้องรีบคว้ามือซนๆ นั่นเอาไว้
“จะทำอะไร”
“เมมเบอร์ฉันลงไป”
“ฉันไม่อยากเมม”
ตอบกลับไปอย่างชัดเจนและลืมตัว ผมไม่รู้ว่าเขารู้สึกอะไรกับคำพูดเมื่อครู่ของผมหรือเปล่า หรือว่าผมอาจจะคิดไปเอง แต่ประกายตาวูบหนึ่งที่ผมได้เห็นมันหายไปแล้ว กลับกลายเป็นไนล์ที่สบตาผมด้วยแววตาที่เหมือนคนไร้ชีวิตเหมือนเดิม
“ถ้านายเมม ฉันจะบอกว่าความลับหนึ่งอย่าง”
คนที่นั่งเผชิญหน้ากับผมยื่นข้อเสนอมาให้ และมันก็เป็นข้อเสนอที่ทำให้ผมสนใจไม่น้อย ผมรู้สึกมีความหวังขึ้นมาที่จะได้รู้เรื่องของไนล์มากขึ้น ได้รู้ถึงเหตุผลที่เขาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับผม จึงรีบโพล่งกลับไปทันควัน
“แน่ใจนะว่าไม่ว่าฉันถามอะไร นายจะตอบ”
“อืม”
“งั้นก็เมมเลย”
ผมไม่รอช้าปล่อยมือตัวเองออกจากมือของไนล์และรีบเร่งให้เขาทำอย่างที่ต้องการ เพราะผมสามารถลบเบอร์ของเขาทีหลังได้ แต่ผลตอบแทนที่ผมจะได้รับมันคุ้มกว่า
“รหัส”
เพราะผมล็อกโทรศัพท์เอาไว้ ไนล์จึงยังจัดการอย่างที่ผมบอกไม่ได้ จึงบอกรหัสปลดล็อกไป ซึ่งก็คือเลขที่ผมกับเพื่อนๆ ในกลุ่มแต่ละคนชอบ รวมกันมาตั้งเป็นรหัส เลขสี่ตัวแทนพวกเราสี่คน เรียงเลขเวียนตามเจ้าของเครื่องและลำดับวันเกิด ฉะนั้นไม่ว่าผม ยีน กัส หรือเคลม ก็จะรู้รหัสของกันทั้งหมด เพราะพวกเราไม่มีความลับต่อกันอยู่แล้ว เว้นก็แต่เรื่องไนล์ที่ผมยังไม่ได้บอกใคร
ตราบใดที่เรื่องของไนล์ยังไม่ชัดเจน ผมคงไม่รู้จะบอกว่ายังไง
มือเรียวเล็กเมื่อเทียบกับมือของผมกดตัวเลขไปตามที่ผมบอก ก่อนจะจัดการบันทึกเบอร์ของเจ้าตัวลงไปในโทรศัพท์ กระทั่งเรียบร้อยไนล์ก็เงยหน้าขึ้นมามองผม
“อยากรู้อะไร”
ถึงเวลาที่รอคอย ผมกระหยิ่มยิ้มอยู่ในใจพลางคิดถึงคำถามที่อยากรู้ที่สุดจากคนตรงหน้า คำถามที่ผมจะได้คำตอบที่ชัดเจนและทำให้ผมกระจ่างในทุกๆ เรื่อง และยังเป็นคำถามที่ผมเพียรถามผู้ชายคนนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกแต่ไม่เคยได้คำตอบเสียที
“นายต้องการอะไร ถึงเข้ามาในชีวิตของฉัน”
ผมถามอย่างชัดถ้อยชัดคำและเคลียร์หูรอฟังคำตอบ แต่ยังไม่ตอบ ไนล์ก็ถามย้อนกลับมาเสียก่อน
“แน่ใจว่าจะถามคำถามนี้”
“แน่ใจ”
เสียงของผมหนักแน่นกว่าครั้งไหนที่เท่าที่ผมจำได้ ในใจรอลุ้นกับความลับที่จะหลุดออกมาจากริมฝีปากสีพีชด้านหน้า ผมจ้องเรียวหน้าสวยนั้นไม่วางตาด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างที่ไม่เคยทำ
“ฉันเข้ามาในชีวิตนายก็เพราะ.......ฉันอยากให้นายเลิกยุ่งเกี่ยวกับพี่ดาหลา”คำตอบที่ได้รับมาคล้ายๆ กับครั้งหนึ่งที่ไนล์เคยตอบผม พานให้รีบสวนเสียงกลับไปเพราะกลัวพลาดโอกาสถามต่อ
“แล้วทำไมต้องไม่อยากให้ฉันเข้าใกล้พี่ดาหลา”
ทว่า...
“ความลับหนึ่งอย่าง”
ไนล์ตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มจางที่เย็นชืดแฝงด้วยแววเยาะหยันน้อยๆ ดั่งจะบอกว่าเขาเตือนผมแล้วว่าจะถามคำถามนี้เหรอ แต่ผมก็ยังดันทุรัง ทำให้ผมต้องชะงักและรู้สึกว่าตกหลุมพรางไปเต็มๆ
“เอาโทรศัพท์ฉันคืนมา ฉันจะลบเบอร์นายออกแล้วเมมใหม่ ฉันจะถามนายอีกรอบ”
คิดกลโกงขึ้นมาได้ ผมก็รีบยื่นมือไปแย่งโทรศัพท์ของผมที่ยังอยู่ในมือของไนล์ แต่ไนล์ก็โยกตัวหลบอย่างคล่องแคล่ว ผิดจากลักษณะที่ดูเหมือนคนไม่มีแรงและพร้อมจะสูญสลายหายไปได้ทุกเมื่อ ทำให้ผมต้องเอื้อมตัวเข้าหามากขึ้น แต่ก็ยังไม่ถึงคนที่เอนหลบอยู่ดี
มือเรียวยื่นของที่อยู่ในมือไปด้านหลังสุดแขน ทำให้ผมที่นั่งอยู่ด้านหน้าต้องโน้มตัวเข้าหามากกว่าเก่า และคงเพราะผมเอาแต่จะแย่งโทรศัพท์คืนจากไนล์ ถึงได้ไม่ทันระวัง เสียหลักจนกลายเป็นโถมตัวเข้าใส่คนตรงหน้าทำให้ร่างผอมบางนั้นหงายลงไปนอนแผ่กับที่นอน ขณะที่ผมก็ล้มลงไปคร่อมเขาเช่นกัน
สายตาของเราสองคนประสานกันอย่างไม่ตั้งใจ ผมไม่รู้ว่าไนล์กำลังรู้สึกแบบไหนตอนที่เราจ้องตากันอยู่แบบนี้ แต่ผมรู้สึกเหมือนหยุดหายใจไปวินาทีหนึ่ง ทุกอย่างรอบตัวคล้ายกับหยุดเคลื่อนไหว ตาของผมจับจ้องไปที่ตาเรียวสีดำสนิทที่สะท้อนภาพของผมอยู่ในนั้น และมันก็ราวกับมีแรงดึงดูดให้ผมอยากจะมองเข้าไปให้ลึกขึ้นจนไม่สามารถละสายตาได้
หน้าของผมขยับเข้าไปใกล้หน้าของไนล์ช้าๆ จนระยะห่างระหว่างเราแทบจะหมดลง ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่เป่าออกมาจากจมูกของคนที่อยู่ใต้ร่างของผม มันอุ่นและก็ทำให้ผมรู้สึกว่าก้อนเนื้อที่อยู่ในอกข้างซ้ายของผมกำลังเต้นแรงขึ้นพร้อมกับใบหน้าของผมและไนล์ที่ห่างกันน้อยลงทุกที...
================
จะจูบไหมน้อ?
ดูท่ากราฟจะหนีไปไหนไม่รอดแล้วล่ะ
ตอนที่แล้วมีคนบอกว่าถึงไนล์จะออกเยอะ แต่บทพูดยังน้อย
จริงๆ เรื่องนี้บทพูดน้อยๆ ทั้งนั้นเลย กลัวอยู่เหมือนกันว่ามันน่าจะเบื่อหรือเปล่า
แต่คาแรกเตอร์เป็นแบบนี้ ก็เลยต้องออกมาแบบนี้ ฮาาา 
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ
ตอนนี้ค่อยๆ เฉลยเกี่ยวกับตัวไนล์ไปเรื่อยๆ ออกมาทีละนิดๆ อยู่ค่ะ
Undel2Sky