ต่อจากข้างบน
v
v
กว่าจะมาถึงรีสอร์ทก็สี่โมงเย็นแล้ว พี่ต้นกับพี่ปาล์มเตรียมข้าวของสำหรับจัดปาร์ตี้ ส่วนคนอื่นๆ ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะเมื่อวานทำงานกันทั้งวันเลยตั้งใจว่าจะเล่นน้ำกันให้ชุ่มปอด ซึ่งพวกเพื่อนๆ ก็เป็นห่วงผมเหมือนเคย
“ถ้ามึงไม่ไหวก็ไม่เป็นไรนะเว้ย เดี๋ยวกูอยู่กับมึงเอง”
“พวกกูด้วย”
ไอ้ยีนเสนอมตัวก่อนไอ้กัสกับไอ้เคลมจะตามมา แต่ผมส่ายหัวปฏิเสธความหวังดีของพวกมัน เพราะแค่นี้พวกมันก็ทำเพื่อผมมามากแล้ว ไม่อยากให้มันต้องอดทำในสิ่งที่สนุกสำหรับพวกมันเพราะผมเพียงคนเดียว
“กูไม่อยากทำให้พวกมึงเดือดร้อน”
“เดือดร้อนที่ไหนวะ เพื่อนกันทั้งนั้น”
ไอ้เคลมขยับเข้ามากอดคอผมเอาไว้ ถึงปกติมันจะเป็นคนที่เหมือนจะหาสาระไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องของเพื่อน มันจะเต็มที่เสมอ เพราะแบบนี้แหละ ผมถึงได้รักเพื่อนกลุ่มนี้ของผมนัก และมันอาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้ที่ผมจะต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ผมหลีกหนีมาตลอด ถึงเมื่อวานผมจะอาการแย่ แต่การได้ไปไหว้พระก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น วันนี้ผมอาจจะทำได้ก็ได้ ขอเพียงแค่สักนิดก็ยังดี
“กูขอบใจพวกมึงมากว่ะ แต่กูจะลองดู พวกมึงทำเพื่อกูมามากแล้ว”
“ถ้ามึงไม่ไหว ไม่ต้องก็ได้นะเว้ย”
ไฮยีนตบบ่าผม เหมือนจะย้ำว่าผมไม่จำเป็นต้องฝืน เพราะพวกมันไม่เดือดร้อนอะไรหากผมจะเป็นแบบนั้นต่อไป แต่ว่าชีวิตคนเราจะต้องเดินหน้า ถ้าไม่สามารถก้าวผ่านมันไปได้ มันก็จะเป็นแบบนี้ไปตลอด
ผมจะพ่ายแพ้ตลอดไป ซึ่งผมไม่ต้องการแบบนั้น แม้จะทุกข์ทรมาน เจ็บปวดเจียนตาย แต่ผมก็ต้องผ่านมันไป ผมเองก็อยากจะเผชิญหน้ากับอดีตของตัวเองและยืนหยัดขึ้นมาอย่างเข้มแข็งให้ได้
เพื่อพวกเพื่อนๆ
เพื่อตัวผมเอง
และเพื่อมิ้น
ผมเชื่อว่ามิ้นก็ไม่อยากให้ผมต้องจมอยู่กับการตายของเธอ แม้ว่าผมจะไม่ต่างจากฆาตกรที่ฆ่าเธอก็ตาม แต่ผมเชื่อว่ามิ้นจะให้อภัยผม เพราะเธอเป็นแบบนั้น ผมถึงได้รัก
“ให้กูได้ลองก่อน กูเองก็อยากเอาชนะอดีตให้ได้”
“งั้นไปกัน”
ไอ้กัสปิดท้ายก่อนพวกเราจะเดินไปที่ชายหาดด้วยกัน โดยมีไอ้เคลมกับไอ้ยีนกอดคอผมเอาไว้คนละข้าง ตัวผมสั่นนิดหน่อย พอมองไปที่ทะเลก็เห็นว่าพี่คนอื่นๆ ลงน้ำกันไปหมดแล้ว ผมขบริมฝีปากเข้าหากันเพื่ออดกลั้นความรู้สึกที่กำลังโถมขึ้นมาเอาไว้ พยายามไม่แสดงออกมาว่าผมเริ่มมีอาการให้เพื่อนๆ เห็น
ตอนนี้แดดไม่แรงมาก ลมเหนียวๆ พัดเข้ามาหาพวกผมโดยหอบกลิ่นเกลือมาด้วย ผมกับยีนนั่งลงบนเสื่อที่พวกรุ่นพี่ปูเอาไว้ก่อนแล้ว ส่วนไอ้กัสกับไอ้เคลมถอดเสื้อก่อนจะล้มตัวลงนอน
“กูว่าจะอาบแดดหน่อย มึงว่าดีหรือเปล่าวะ กูผิวแทน กูคงเท่ขึ้น หล่อขึ้น มึงว่างั้นไหม”
“ตาตี่ๆ แบบมึงเนี่ยนะอยากดำ คงกลายเป็นปลาตีน ขาวจั๊วะแบบเดิมไปนั่นแหละดีแล้ว”
ไอ้กัสแย้งกลับพร้อมกับเขาเอาเท้างัดตัวไอ้เคลมที่นอนอยู่ให้กลิ้งออกนอกเสื่อ ส่วนไฮยีนหันมาถามผม
“มึงเป็นยังไงมั่ง”
“ก็คงพอไหวอยู่....มั้ง”
ผมยิ้มเจื่อนๆ ตอบกลับไป แต่เสียงที่หลุดออกมาก็เบาเหลือเกิน ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตอนนี้หัวใจของผมเต้นช้าจนเกือบไม่เต้นหรือเต้นเร็วจนหายใจไม่ทันกันแน่ รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงวิ้งๆ อยู่ในหู มันเลยกุมมือผมเอาไว้ ผมจึงยิ้มให้มันอีกครั้งด้วยความพยายามที่มากกว่าเดิม
“กูจะอยู่กับมึง เชื่อได้เลย”
“กูรู้”
“มึงอย่าจู๋จี๋กันสองคนสิวะ เดี๋ยวพี่ภูก็มาแทะหัวมึงเล่นหรอกกราฟ”
เคลมที่คลุกทรายไปเมื่อกี้กระดึ๊บกลับมาแทรกหน้าระหว่างผมกับไฮยีนเหมือนอยากขอมีส่วนร่วม ส่วนไอ้กัสก็ยังคงมาดคุณชายบอกพวกผมพลางพเยิดหน้าไปอีกทางหนึ่งที่ผมไม่ค่อยอยากมองเท่าไร
“สงสัยปากมึงจะศักดิ์สิทธิ์จริงว่ะไอ้เคลม”
พี่ภูที่สวมแค่กางเกงขาสั้นเดินตัวเปียกมารวมกลุ่มกับพวกผมและเอ่ยถาม
“พวกมึงไม่ลงไปเล่นน้ำกันเหรอ”
“ไอ้กราฟลงทะเลไม่ได้”
ตามเคยว่าไอ้ยีนเป็นคนตอบ แต่เหมือนพี่ภูจะไม่ทักท้วงอะไร จากเหตุการณ์และคำพูดของไอ้ยีนตลอดเมื่อวานจนถึงวันนี้ เขาคงรู้แล้วล่ะว่ามันเป็นเรื่องที่ยังไม่สามารถพูดคุยกันได้ ทั้งที่ผมไม่ว่าอะไรหากไอ้ยีนจะบอกพี่ภู เพราะเขาเป็นแฟนกับมันแล้ว และก็ไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบฉาบฉวยอย่างที่ไอ้ยีนเคยเอาแต่พาสาวขึ้นเตียง มันรักพี่ภูจริงๆ ดังนั้นเขาจึงมีสิทธิ์ที่จะรู้ เพราะผมเองก็ไม่อยากให้พี่ภูกับไอ้ยีนทะเลาะกันเพราะเข้าใจผิดเรื่องผม
“งั้นมึงไปซื้อน้ำกับกูหน่อย”
“พี่ก็ไปเองสิ ทำไมผมต้องไปด้วย”
“กูอยากให้มึงไปด้วยไง”
สองคนยังเถียงกันเหมือนเดิม ตามนิสัยของเพื่อนผมนั่นแหละที่ไม่ชอบให้ใครมาสั่ง มันเป็นลูกคนเล็ก เคยทำอะไรไม่สนใจใคร มีคนคอยตามใจ ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ทำให้มันกลายเป็นเด็กสปอยล์ที่ชอบเอาชนะ แต่พี่ภูก็ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ใครง่ายๆ เหมือนกัน เขาดึงมันให้ลุกขึ้นจนมือของผมกับยีนหลุดออกจากกันแล้วเถียงต่อ จนเพื่อนอีกสองคนที่เหลือต้องสวนเสียงขึ้นมาพร้อมกันราวกับนัดหมาย
“มึงไปกับพี่ชมพูเหอะ”
“เดี๋ยวพวกกูอยู่กับไอ้กราฟแทน”
ผมเลยร่วมด้วยช่วยอีกคน
“มึงไปเหอะ กูอยู่ได้ ไอ้กัสกับไอ้เคลมก็อยู่ ซื้อมาเผื่อกูด้วยล่ะ”
เมื่อพวกผมพร้อมใจกันขับไล่ ไอ้ยีนก็เลยเรื่องมากเล่นตัวต่อไม่ได้ มันเดินไปพร้อมกับพี่ภูโดยมีสายตาของพวกผมมองตาม ไอ้กัสกับไอ้เคลมเลื่อนตัวมานั่งข้างผมพร้อมกระซิบกระซาบทั้งที่เจ้าตัวที่ถูกนินทาเดินไปไกลแล้ว
“มึงว่าไอ้ยีนเสร็จพี่ภูหรือยังวะ”
“เสือกทุกเรื่อง”
ไอ้เคลมโดนไอ้กัสตีหัวไปหนึ่งที ข้อหาอยากรู้อยากเห็นมากเกินไป ทำให้ผมรู้สึกสมน้ำหน้ามันหน่อยๆ
“เอ้า ก็กูอยากรู้นี่ หรือมึงไม่อยากรู้”
“ไม่อยากรู้เว้ย”
“โด่ อย่ามาๆ กูรู้ว่ามึงก็อยาก ทำเป็นฟอร์ม ว่าแต่ผู้ชายกับผู้ชายนี่เขาทำกันยังไงวะ”
โดนไอ้กัสตีหัวไปยังไม่หลาบจำ ไอ้เคลมบ่นกระปอดกระแปดแล้วหันหน้ามาทางผมแทน เหมือนจะขอความเห็น ทำให้ผมรู้สึกว่าหัวใจกระตุกไปแวบหนึ่ง ภาพใบหน้าของใครบางคนผุดขึ้นมาในสมอง
“มันจะเสียว มันจะสยิวจริงหรือเปล่า แล้วแม่งโดนเล้าโลมเลียหัวนมอะไรเงี้ยจะทำให้โด่ได้จริงเหรอ”
เสียงของไอ้เคลมยังดังต่อเนื่องด้วยความอยากรู้อยากเห็น พลางแอ่นสะโพกโก่งตูดไปด้านหลัง เอามือวางบนบั้นท้ายที่มันพยายามจะทำให้โค้งงอนกว่าปกติ แต่หน้าตาเหลอหลาเหมือนคนไม่ได้คำตอบ
ใบหน้าและเรือนร่างของไนล์ฉายชัดมากขึ้นกว่าเดิมในความทรงจำของผม ทั้งเสียงครางเบาๆ เสียงเนื้อที่กระทบกันทุกครั้งยามขยับจังหวะเคลื่อนไหว ใบหน้าของเขาที่บิดเบี้ยวด้วยความทรมานชื้นไปด้วยเหงื่อไคล เสียงหอบหายใจของผม
“อยากรู้มึงก็ลองโดนสักทีดิวะ”
ภาพที่มีที่มาจากความผิดของผมเลือนหายไปเพราะเสียงของคุณชาย มันตอกไอ้เคลมกลับไปจนเจ้าตัวคนฟังทำหน้ายู่สวนเสียงกลับมา
“กูอยากรู้เว้ย ไม่ได้อยากลอง”
“ก็เห็นทำท่าประกอบ กูก็นึกว่ามึงอยากลองเดินทางสายใหม่เพราะเบื่อทางเก่าๆ แล้ว”
“กูไม่มีทางเบื่อหรอกเว้ย ว่าแต่มึงเหอะไอ้กราฟ ได้ปลดปล่อยบ้างปะเนี่ย ไม่ได้ใช้งานนานระวังขึ้นรานะมึง ยังไงมือก็ไม่ช่วยให้รู้สึกได้เท่ากับรูจริงหรอก”
ผมสะดุ้งนิดๆ กับคำถามนั้น จนมันขมวดคิ้วเข้าหากันหน่อยๆ กับปฏิกิริยาตอบรับจากผม ผมจึงตอบเลี่ยงๆ ไปก่อนที่จะมันจะถามอะไรมากไปกว่านี้
“กูยังไม่มีแฟนนี่หว่า”
“มึงก็หาสักคนสิ มิ้นไม่อยากให้มึงเป็นม่ายไปจนตายหรอก”
มันกระเถิบตัวมานั่งข้างผมอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเอาศอกเท้าบนบ่าผมไปด้วย แถมยังยิ้มยิงฟันให้อีกต่อ
“กูรู้ ก็...พยายามอยู่”
ผมนึกถึงหน้าของไนล์อีกครั้ง... ถึงจะไม่ได้เป็นแฟนกันแต่ผมก็รู้สึกพิเศษกับเขา จนมันคล้ายความรู้สึกนั้นเหลือเกิน
ผมอยากจะแน่ใจกว่านี้สักหน่อย ก่อนที่จะพูดมันออกไป
ก่อนที่จะบอกเขาไปว่ารัก
ผมไม่อยากพูดมันอย่างไร้ความรับผิดชอบแล้วมากลับคำทีหลัง เพราะความไม่แน่ใจของตัวเอง
เมื่อไรที่ผมพูดว่ารัก เมื่อนั้นก็คือ...ผมรักและไม่คิดจะเลิกรัก
“ถ้ามึงได้แฟนเมื่อไรนะ กูจะฉลองให้มึงสามวันเจ็ดวันเลย”
“กูบันทึกคำพูดมึงใส่สมองไว้เรียบร้อยแล้ว”
ไอ้กัสแทรกขึ้นมาแทนที่จะเป็นผม พร้อมทั้งหยักยิ้มที่มุมปากดูแสนชั่วด้วยมาดคุณชายสุดคลู จนไอ้เคลมลุกขึ้นมาไล่เตะอย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้ แต่ไอ้กัสก็ไม่ยอมง่ายๆ มันหลบแล้วลุกขึ้นมาเตะกลับ
ผมมองตามภาพพวกมันไปเรื่อยๆ รู้สึกได้ว่ามีรอยยิ้มติดอยู่บนใบหน้าหน่อยๆ เพราะชอบรรยากาศแห่งความสุขแบบนี้ รู้สึกเบาใจขึ้น พอจะมองภาพทะเลเบื้องหน้าได้บ้างนิดหน่อยแล้ว ทว่าสักพักพวกพี่เจ๋งก็เดินขึ้นจากทะเลมาทางพวกเพื่อนผม
“เฮ้ย พวกมึง ไปขี่เจ็ตสกีกันไหมวะ”
ไอ้กัสกับไอ้เคลมชะงักการเล่นวิ่งไล่เตะทั้งคู่ มองไปยังพี่เจ๋ง พี่แชมป์ พี่บอสที่มาหยุดอยู่ใกล้ๆ พวกมัน แม้ว่าสองคนนั้นจะไม่ได้หันมามองผม แต่ผมก็รู้ว่าพวกมันกำลังจะทำเพื่อผมอีกครั้ง ผมจึงโพล่งขึ้นก่อนที่พวกมันจะตอบพวกพี่ๆ เขาไป
“ไม่...”
“พวกมึงไปสิ”
“เฮ้ย” ไอ้เคลมร้องออกมา “กูจะอยู่นี่แหละ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า กูโอเคแล้ว”
“มึงแน่ใจ”
ไอ้กัสเหลือบมองอย่างไม่ไว้ใจสักเท่าไร สายตาของมันสำรวจไปทั่วตัวของผมเพื่อสังเกตว่ามีอาการอะไรหรือเปล่า นับว่าเป็นโชคดีก็ได้ที่ผมเริ่มปรับสภาพได้มากขึ้นแล้ว ถึงจะรู้สึกไม่ค่อยดีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสอย่างเมื่อวานนี้
“กูโอเค มึงไม่ต้องห่วงหรอกน่า จะให้กูคอยเป็นตัวถ่วงพวกมึงจนพวกมึงอดเล่นสนุกหรือไง พวกมึงไม่ได้มาทะเลกันนานแล้วนะ อย่าทำให้กูต้องรู้สึกผิดสิวะ”
แม้ว่าผมจะพยายามหว่านล้อม แต่พวกมันก็ยังทำหน้าเคลือบแคลง ลังเลว่าจะเอาอย่างไรดี ทั้งสองคนต่างมองหน้ากัน ผมเลยหันไปบอกพี่อีกสามคนที่เหลือ
“พวกพี่ไปเช่าเจ็ตสกีมาเลยครับ เดี๋ยวมันก็เกรงใจแล้วไปเล่นเอง”
“มึงจะเอาอย่างนั้นเหรอ”
พี่รหัสหันมาถามผม ผมก็พยักหน้าให้เพื่อยืนยัน เพื่อนผมทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก มันคงห่วงผม ไม่อยากทิ้งผมไป และไม่อยากผิดคำพูดที่รับปากไฮยีนไว้ ผมเลยย้ำอีก
“เดี๋ยวไอ้ยีนกับพี่ภูก็มา แค่ห้านาทีสิบนาที กูไม่เป็นอะไรหรอกน่า กูจะนั่งอยู่ตรงนี้แหละ”
สิ้นเสียง ผมก็แถมใบหน้าที่มีรอยยิ้มติดอยู่ไปให้อีกระลอกเพื่อยืนยัน พวกมันทำหน้ารู้สึกผิดนิดนึงก่อนจะยอมรับคำพูดของผม
“เอางั้นก็ได้วะ แต่ถ้าท่าไม่ดี มึงต้องรีบบอกกูเลยนะ”
“พวกกูจะขี่กันอยู่ใกล้ๆ นี่แหละ”
“เออ พวกมึงไปสนุกกันเถอะ แต่ก็ระวังตัวด้วย”
“อืม”
ไอ้เคลมครางเสียงรับในลำคอ ส่วนไอ้กัสเดินกลับมาหาผม มันย่อตัวลง นั่งชันเข่าไว้ข้างหนึ่ง มองตาผมเหมือนจะจับผิด จับจ้องอยู่อย่างนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปล่งเสียงออกมา
“มึงแน่ใจนะ”
“แน่สิวะ กูไม่อยากให้พวกมึงต้องคอยเป็นห่วงจนไม่ได้ทำอะไรอย่างที่อยากทำ ไม่ได้เล่นสนุกทั้งที่สมควรได้เล่น”
“มึงก็รู้ว่าพวกกูไม่คิดเรื่องหยุมหยิมอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว มันไม่ได้ลำบากเลย”
“กูรู้ แต่มึงลองคิดในแง่ของกูบ้างสิ กูไม่อยากให้พวกมึงต้องติดแหง่กไร้อิสรภาพเพราะกู กูไม่อยากเป็นภาระของพวกมึง มึงก็รู้นี่”
ผมจ้องตาของมันกลับไปอย่างแน่วแน่ ไม่มีความลังเล มันเลยยอมละสายตาจากผมแล้วยื่นมือออกมา มือผมเองก็ยื่นออกไปจับมือมันเอาไว้อย่างแนบแน่น กระชับให้รับรู้ถึงความมุ่งมั่น ก่อนมันจะผงกหัวเบาๆ แล้วปล่อยมือผมออก
ไอ้กัสขยับห่างผมออกไป ก่อนจะไปรวมตัวกับคนอื่นๆ ที่เริ่มเข้าหาพาหนะตะลุยน้ำกันแล้ว ผมมองตามภาพนั้นอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้า สูดกลิ่นอากาศของทะเลขณะที่ความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวคืบคลานเข้ามาเกาะกิน เสียงคลื่นน้ำกำลังทะลุทะลวงโสตประสาทของผมราวกับจะทำลายล้าง
หัวใจเริ่มไต่จังหวะขึ้นมาอย่างถี่รัวจนผมรู้สึกแน่นในอกแทบหายใจไม่ออก กระทั่งรู้สึกว่ามันยากเกินไปที่จะต่อสู้มากไปกว่านี้จึงเบี่ยงตัวหันหน้าเข้าหารีสอร์ทแทน ทว่าเมื่อหันไปแล้วผมก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
ร่างคุ้นเคยยืนอยู่ตรงนั้น...
------------------
ตอนนี้ค่อนข้างยาว แต่ก็เพราะว่าอ้างอิงจากเรื่องของภูยีนด้วย
แต่งไปก็ต้องเทียบกับเรื่องนั้นตลอดเลย 555555 แต่ก็แอบทำให้คิดถึงพี่ภูกับน้องยีนอยู่เหมือนกัน
คนที่เคยอ่าน กวนนักฯ ก็คงรู้แล้วล่ะว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น อย่างกับสปอยล์กันและกันเลยนะสองเรื่องนี้
ตอนนี้เหมือนกับเป็นตอนของมิตรภาพระหว่างเพื่อน 4 คนมากกว่าเลยค่ะ 
Undel2Sky