(เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6  (อ่าน 59081 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #30 เมื่อ01-08-2013 00:48:10 »

กลัวคุณหมอผิดหวัง

ออฟไลน์ Also

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #31 เมื่อ01-08-2013 00:54:13 »

น้องรักแอบยั่วพี่หมอเก้านะเนี๊ย หุหุ

ลุ้นๆ ตอนต่อไปค่ะ
 :3123:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #32 เมื่อ01-08-2013 10:21:45 »

รักแอบยั่วและดูท่าทีพี่เก้ารึป่าว
ทั้งขอมาอาบน้ำแล้วยังไม่ใส่ กกน ท่านั่งยังหวาดเสียว
 รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ xeruoh

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 491
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #33 เมื่อ03-08-2013 01:11:40 »

แอบลุ้นน -/-
คุณหมอก็เปิดใจกับรักให้เยอะๆล่ะ
โอกาสมาแล้ววว ฮ่าๆๆ
มาถึงหน้าบ้านแน่ะ อิอิ

รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
 :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ miracle22936

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #34 เมื่อ03-08-2013 05:16:41 »

สนุกมากเลย

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #35 เมื่อ03-08-2013 10:33:57 »

ตอนที่ ๓


ทันทีที่รู้แน่ว่าผมไม่ต้องเข้าเวรในวันอาทิตย์ ผมก็รีบโทรไปบอกรักทันที โชคดีที่เขาเองก็ได้วันหยุดในวันเสาร์และวันอาทิตย์ เราจึงนัดเจอกันที่บ้านของเขาในเย็นวันเสาร์หลังจากผมเลิกงาน เพื่อที่จะกินข้าวเย็นฝีมือของเขา ผมตื่นเต้นจนแทบจะรอให้ถึงวันนั้นเร็วๆ ไม่ไหว

เมื่อวันเสาร์มาถึง ผมก็โทรไปบอกเขาว่าจะไปถึงเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม แต่เนื่องจากมีเคสที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นก่อนจะถึงเวลาเลิกงานไม่นาน ผมจึงต้องอยู่เคลียร์ปัญหาให้เสร็จก่อน จึงจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ ทันทีที่ผมขึ้นรถ ผมก็รีบโทรบอกเขาทันทีว่าผมจะไปช้านิดหน่อย และสุดท้ายมันก็ทำให้ผมไปถึงที่บ้านของเขาช้าไปถึงเกือบหนึ่งชั่วโมง

ผมจอดรถที่หน้าบ้านของเขาและกดออดเรียก เขาเดินออกมาเปิดประตูรับผมพร้อมรอยยิ้มกว้าง

“รัก พี่ขอโทษที่มาช้า” ผมรีบพูดขึ้น

“ไม่เป็นไรน่า มาๆ ยินดีต้อนรับครับ”

“จะว่าไป นี่รักตัดผมเหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ช่ายพี่ มันร้อนๆ น่ะ ก็เลยสกินเฮดซะเลย เป็นไงมั่งล่ะ พี่คิดว่าไงครับ ชอบมั้ย”

“เอ่อออ ก็ดีนะ เหมาะกับรักดี” ผมตอบ รู้สึกเขินๆ ชอบกล ที่จริงผมสั้นๆ ก่อนหน้านี้ของเขาก็ทำให้เขาดูดีอยู่แล้วนะ แต่ยิ่งเขาตัดสกินเฮดแบบนี้ ผมว่าเขายิ่งดูน่ารักและเซ็กซี่ยิ่งกว่าเดิมเสียอีก “ว่าแต่ไปตัดที่ไหนมาล่ะ ร้านแถวนี้รึเปล่า”

“ไม่เลยครับ ตัดเองเมื่อกี้ตอนที่รอพี่นี่แหละ” เขาหัวเราะ “ผมมีบัตตาเลี่ยนน่ะ แต่ก่อนหน้านี้ผมก็ตัดผมเองประจำนะ เพราะเข้าร้านทีมันก็แพงว่ะพี่ บางทีช่างก็ตัดไม่ถูกใจด้วย เลยตัดเองมาหลายปีแล้วแหละครับ ผมมีครบเลยนะ ทั้งกรรไกรซอย กรรไกรธรรมดา บัตตาเลี่ยน”

“โห เก่งนะเนี่ย วันหลังตัดให้พี่มั่งสิ” ผมแซวเขาเล่น

“ได้เลยพี่ ถ้าพี่ไม่กลัวมันแหว่งน่ะนะ ฮ่าาๆ ว่าแต่พี่เก้าเหอะ เป็นไงมั่ง งานวันนี้ เหนื่อยมั้ยพี่”

“นิดหน่อยน่ะครับ แต่พี่ต้องขอโทษอีกครั้งจริงๆ นะรัก พี่ไม่คิดว่ามันจะสายขนาดนี้”

“โห ไม่ต้องคิดมากเลยพี่!” เขาหัวเราะเบาๆ พลางยกแขนขึ้นกอดคอผมพาผมเดินเข้าบ้าน “ผมรู้น่าว่างานของพี่มันเป็นยังไง ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ว่าแต่พี่เองเหอะ ไม่เหนื่อยเหรอ ไม่อยากกลับเข้าบ้านไปพักผ่อน อาบน้ำ รึทำอะไรก่อนเหรอ”

ผมรู้สึกเขินที่ได้สัมผัสร่างกายของเขาอย่างใกล้ชิดแบบนี้จนแทบจะหาคำพูดมาตอบเขาออกไปไม่ถูก “อ... เอ่ออ ก็ไม่เหนื่อยมากหรอกครับ ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่อยากให้รักรอนาน กลัวรักจะหิวด้วย”

“ฮ่าๆๆ พี่เก้านั่นแหละ หิวรึยัง มานั่งพักก่อนครับ ตามสบายนะพี่ เดี๋ยวผมยกน้ำมาให้ รึพี่จะเอาเบียร์” เขาปล่อยตัวของผมออกเมื่อเราเข้าไปถึงในบ้านแล้ว

“น้ำเปล่าก่อนก็ได้ครับ”

“โอเคเลย เดี๋ยวจัดให้” เขาพูดก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัว

ผมมองไปรอบๆ บ้าน เขายังไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรือของตบแต่งบ้านมากนัก แต่ทุกอย่างก็ดูเข้าที่เป็นระเบียบเรียบร้อยดีแล้ว นอกจากโซฟาขนาดเล็กที่ผมนั่งอยู่ ก็ยังมีเก้าอี้เอนหลังอีกหนึ่งตัว มีโต๊ะรับแขก ชั้นวางหนังสือ ชั้นวางของ ทีวีขนาดประมาณ 32 นิ้วอยู่อีกเครื่องหนึ่ง และมีชุดสเตอริโอขนาดกลางตั้งอยู่บนพื้น

“ผมยังไม่มีของอะไรมากหรอกครับ” รักพูดขึ้นในขณะที่เดินกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่น จากนั้นเขาก็ยื่นแก้วน้ำให้ผม “ส่วนมากก็เอามาจากหอเก่าทั้งนั้น ก็มีทีวีนี่แหละครับ ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ แล้วก็พวกตู้ โต๊ะ หรือชั้นต่างๆ พวกนั้นส่วนมากก็ซื้อมาจากอิเกีย ได้ไอ้โต๋เพื่อนผมที่มาช่วยขนของวันนั้นแหละครับ ช่วยขับรถขนให้”

ผมพยักหน้าเบาๆ “แต่พี่ว่าเท่านี้ก็โอเคแล้วนะครับ มีของมากไปก็เกะกะและทำความสะอาดยากเปล่าๆ บ้านพี่เองก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ส่วนมากจะเป็นหนังสือกับกระดาษเท่านั้นแหละ”

“พี่เก้าอยากไปดูในห้องครัวมั้ย เดี๋ยวผมพาเดินดูบ้านหลังน้อยของผมก่อนกินข้าว” เขาหัวเราะ

“ไปสิครับ” ผมลุกออกจากโซฟา

บ้านของรักเป็นบ้านชั้นเดียว มีพื้นที่เล็กกว่าบ้านของผม นอกจากห้องนั่งเล่นแล้ว ถัดมาก็เป็นห้องกินข้าวที่แยกออกมาจากห้องครัว มีห้องนอน ห้องน้ำ และห้องเก็บของ อย่างละห้อง ส่วนภายนอกก็เป็นลานจอดรถและมีระเบียงบ้านที่รักบอกว่าหลังจากนี้เขาจะซื้อโต๊ะและเก้าอี้มาวางเหมือนกับที่ผมทำ เพื่อที่ว่าครั้งหน้าเราจะได้สามารถนั่งกินข้าวหรือดื่มเบียร์ที่หน้าบ้านของเขาได้บ้าง

หลังจากกลับมาที่ห้องรับแขกแล้ว เขาก็นั่งลงข้างๆ ผม เราคุยกันถึงเรื่องงานของพวกเราในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่เขาจะชวนผมย้ายไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว เขาเดินเข้าไปในครัวและยกอาหารที่ทำเตรียมไว้ออกมา เขาเคยบอกผมแล้วว่าเขาทำอยู่ที่ร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่น อิตาเลี่ยน ไทย ฟิวชั่น และอาหารที่เขาเตรียมเอาไว้ให้ผมก็คือสเต๊กไก่ซอสขิง มีเฟรนช์ฟรายส์เป็นเครื่องเคียง เสิร์ฟพร้อมกับเชฟสลัดและซุปหัวหอมอีกอย่าง ทำเอาผมอึ้งจนแทบไม่กล้ากินเลยทีเดียว

“อ้าว เป็นอะไรอะพี่ กินเลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ” เขานั่งลงฝั่งตรงข้ามผม “ไม่รู้จะถูกปากรึเปล่านะครับ เสียดาย ไม่มีไวน์มาเสิร์ฟด้วย”

“เฮ้ย ไม่ต้องหรอกครับ เท่านี้ก็หรูจนพี่ไม่กล้ากินแล้ว” ผมพูดไปตามที่คิดจริงๆ “นี่ใช้เวลาเตรียมนานมั้ยเนี่ย พี่รู้สึกเกรงใจมากเลยครับ”

“ไม่ต้องเกรงใจเลย พี่เก้า ลงมือได้เลยพี่ โดยเฉพาะซุปเนี่ย ต้องกินตอนร้อนๆ นะ ไม่งั้นเดี๋ยวเย็นแล้วชีสมันจะไม่อร่อย”

“ครับๆ งั้นพี่ขอชิมล่ะน่ะ”

“ลุยโลด!” เขายิ้มกว้าง

และก็เป็นอย่างที่ผมคิด รักไม่ใช่แค่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อครัวธรรมดาๆ แต่ฝีมือการทำอาหารของเขานั้นเรียกได้ว่ายอดเยี่ยม ผมจึงเอ่ยชมอาหารของเขาไม่ขาดปาก แม้จนกระทั่งเรากินเสร็จแล้วผมก็ยังไม่หยุดที่จะทำให้เขารู้ว่าผมชอบอาหารและฝีมือของมากเขาขนาดไหน เขาทำให้ผมอยากจะลองไปอุดหนุนร้านที่เขาทำงานอยู่ขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ

“ผมดีใจนะพี่ แต่ถ้าพี่อยากกินอาหารแบบนี้อีกล่ะก็ ไม่ต้องไปถึงที่ร้านหรอก เดินมาบ้านผมก็ได้ เดี๋ยวผมทำให้ แต่แค่เมนูและวัตถุดิบอาจจะไม่ครบเหมือนในร้านแค่นั้นเอง” เขาหัวเราะ

“ถ้าไปกินที่ร้านพี่จะรู้สึกเกรงใจเราน้อยกว่านะ และอีกอย่างคือพี่จะได้ไปช่วยอุดหนุนด้วยไงครับ เผื่อเจ้าของร้านรู้ว่ามีลูกค้าขาประจำมาอุดหนุนเพราะฝีมือของพ่อครัว เค้าจะได้เพิ่มเงินเดือนให้ไง”

“ฮ่าๆๆ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกพี่ เวลาอยู่ร้านผมก็แค่ทำตามสูตรที่เค้ากำหนดไว้น่ะ แต่ที่บ้านเนี่ย ผมจะปรุงเป็นแบบของผมเอง แค่พี่ชอบผมก็ดีใจแล้วครับ”

หลังจากที่เก็บจานไปไว้ในครัวแล้ว พวกเราก็ออกมานั่งคุยและดูทีวีกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ผมเล่าให้เขาฟังเรื่องปัญหาเกี่ยวกับคนไข้และระบบของโรงพยาบาลที่เกิดขึ้นในที่ทำงานก่อนผมจะออกมา รวมทั้งเรื่องการเข้าเวรและการที่บางครั้งผมอาจจะโดนตามตัวด่วนถึงแม้ว่าจะเป็นวันหยุดก็ตาม เขาแสดงความเห็นใจและออกความเห็นว่าผมควรต้องมีเวลาพักผ่อนมากกว่านี้และมีคนช่วยดูแลเขาบ้าง หัวข้อที่กำลังจะเปลี่ยนไปในทิศทางนั้นเริ่มทำให้ผมรู้สึกอึดอัดเพราะกลัวว่าเขาจะถามเรื่องที่ว่าทำไมผมถึงไม่มีแฟนขึ้นมาอีก แต่สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายเปลี่ยนหัวข้อคุยกลับมาเป็นเรื่องเกี่ยวกับสายงานของผมแทน ผมจึงพูดเรื่องเกี่ยวกับพวกธุรกิจเสริมความงามที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้ให้เขาฟัง รวมถึงเรื่องของโรคผิวหนังที่พบได้ทั่วไปแต่คนมักไม่ค่อยรู้จักหรือระมัดระวังกันด้วย เขามีท่าทีแสดงความสนใจมากและถามผมใหญ่ว่าเช่นอะไร ผมจึงยกตัวอย่างเช่นไฝหรือขี้แมลงวันที่อาจเป็นเหตุของมะเร็งผิวหนังในภายหลังได้ขึ้นมา

“จริงดิพี่ ผมไม่เคยรู้เลยนะเนี่ย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจ “แล้วอย่างผมเป็นคนมีไฝเยอะด้วยเนี่ย ต้องทำไงอะ”

ผมมองดูร่างกายของเขา “พี่ไม่เห็นมันจะเยอะเลยนี่ครับ”

“มันไม่ได้อยู่ในที่ที่มองเห็นนี่ พี่เก้า”

คำพูดของเขาทำเอาผมถึงกับอึ้งและรู้สึกเขินขึ้นมาเสียดื้อๆ

เมื่อรักเห็นสีหน้าของผมแล้วเขาก็หัวเราะออกมา “ผมหมายถึงบนหลังน่ะครับ บนหลัง โห พี่คิดอะไรเนี่ย”

“อ๋อ เปล่า ไม่ได้คิดอะไรหรอก” ผมโกหก “ว่าแต่เราเคยไปให้หมอตรวจดูบ้างรึเปล่าล่ะครับ”

“ไม่เคยหรอกครับ ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นอันตรายไง แต่อย่างตามแขนผมก็มีนะ พี่ดูสิ” เขายื่นแขนซ้ายออกมาให้ผมดู “เนี่ย แค่แขนซ้ายก็สามจุดแล้ว และยังตรงขาอีก”

ผมเหลือบมองดูต้นขาของเขาแล้วก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ “แล้วทำไมไม่ลองไปให้หมอตรวจดูล่ะ”

“โห ก็อย่างที่บอกอะครับว่าผมไม่เคยรู้ว่ามันจำเป็น และอีกอย่าง ผมไม่มีเงินด้วย พอได้เงินก้อนนึงมาจากย่า ก็เอามาลงที่บ้านหลังนี้เกือบหมด แล้วไหนจะยังค่าเฟอร์นิเจอร์ ค่าซ่อมแซมอื่นๆ อีก ผมเลยต้องบริหารเงินดีๆ หน่อยน่ะครับ”

“ถ้างั้นจะให้พี่ดูให้มั้ยล่ะ ไม่ต้องไปเสียเงินเข้าคลินิกหรือโรงพยาบาล” ผมพูดทั้งๆ ที่ใจเต้นแรง

“จะดีเหรอพี่ มันเป็นอาชีพพี่นะ พี่ควรจะตรวจแล้วได้เงินสิ”

“แค่นี้เอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกครับ มันก็เหมือนที่เราทำอาหารเลี้ยงพี่นั่นแหละ เอ่ออ... แต่ถ้าเกิดว่ารักลำบากใจก็ไม่เป็นไรนะ”

เขาไม่ตอบ แต่กลับลุกขึ้นยืนและถอดเสื้อยืดที่ใส่อยู่ออกทันที “จะลำบากใจอะไรล่ะครับ ยังกับพี่ไม่เคยเห็นผมตอนไม่ใส่เสื้องั้นแหละ”

ก็ใช่ แต่ถึงตอนนั้นผมจะเคยเห็นเขาตอนไม่ได้ใส่เสื้อมาแล้ว ผมก็ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้สัมผัสร่างกายของเขาอย่างใกล้ชิดแบบนี้นี่

เขานั่งลงที่เดิมโดยหันหลังให้กับผม ผมจึงค่อยๆ ตรวจดูไฝแต่ละเม็ดบนแผ่นหลังของเขาอย่างละเอียด ถึงแม้วิชาชีพของผม จะทำให้ผมลืมคิดถึงเรื่องความใกล้ชิดครั้งนี้ของเราไปได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่สุดท้าย ความเป็นผู้ชายโสดที่เหงามานานของผมก็ทำให้ผมรู้สึกเขินจนใจสั่นขึ้นมาจนได้ หลังจากที่ตรวจดูไฝบนแผ่นหลังของเขาเสร็จแล้ว เขาก็หันหน้ามาให้ผมช่วยดูที่แขนและต้นขาต่อ ซึ่งเมื่อผมวางมือลงบนต้นขาของเขา ผมก็ใจเต้นแรงยิ่งกว่าตอนแรกเสียอีก

“เอ่ออ พี่ว่ามันดูไม่มีปัญหาอะไรนะครับ แต่ถึงไงถ้าจะให้แน่นอนและปลอดภัย เราก็ควรจะให้หมอตรวจดูทุกๆ 2-3 เดือนนะ เผื่อมันจะมีอะไรเปลี่ยน โดยเฉพาะถ้าต้องออกแดดบ่อยๆ ยิ่งต้องระวัง ว่าแต่มีไฝตรงอื่นที่ไหนในร่างกายที่เรารู้และอยากจะให้ช่วยดูอีกรึเปล่าครับ”

“ฮ่าๆๆ ผมเคยได้ยินคนมาเล่นมุกอยากเห็นผมแก้ผ้าก็เยอะอยู่นะ พี่เก้า แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนบอกว่าอยากให้ผมถอดเสื้อผ้าออกเพราะอยากดูไฝของผมน่ะ สงสัยคงเป็นเพราะผมไม่เคยออกเดทกับหมอผิวหนังมาก่อนล่ะมั้งงง”

เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้นผมก็ต้องตกใจและเขินจนรู้สึกหน้าร้อนผ่าวไปหมดทันที “เฮ้ย! พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นครับ พี่ไม่ได้พูดเพราะอยากดูเราแก้ผ้าหรืออะไรสักหน่อย คือ พี่ว่าพี่คงติดมาจากตอนตรวจคนไข้ล่ะมั้ง เลยไม่ทันได้คิดว่ามันจะฟังดูแปลกเวลาที่มันอยู่นอกห้องตรวจน่ะ พี่ขอโทษครับ”

“คิดมากน่ะพี่ ผมแค่แซวเล่นเฉยๆ” เขาหัวเราะ “เอางี้ดีกว่า ไหนๆ พี่ก็บอกว่าผมควรจะต้องไปให้หมอผิวหนังตรวจดูไฝพวกนั้นทุกๆ 2-3 เดือนอยู่แล้ว และตอนนี้ผมก็แทบจะแก้ผ้าอยู่แล้วด้วย เพราะงั้นเรามาทำข้อแลกเปลี่ยนตกลงกันดีมั้ย ถ้าเกิดผมให้พี่ตรวจผมแบบหัวจรดเท้า แลกกับผมทำอาหารแบบฟูลคอร์สเลี้ยงพี่เมื่อไหร่ก็ตามที่พี่ต้องการ หรืออย่างน้อยๆ ก็ทุกครั้งที่พี่ตรวจให้ผม แบบนี้โอเคมั้ยล่ะครับ”

“เอ่อออ... รักหมายถึงจะถอดเสื้อผ้าออกหมดตอนนี้และให้พี่ลองตรวจดูไฝที่จุดอื่นตรงนี้เลยน่ะเหรอ” ผมชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าบทสนทนานี้มันกำลังจะพาเราไปในทิศทางไหน

“ก็ใช่น่ะสิครับ พี่เคยบอกเองไม่ใช่เหรอว่าพี่เห็นของคนไข้มาเยอะแยะจนชินหมดแล้วน่ะ”

“มันก็ใช่...”

“อีกอย่าง ผมสารภาพเลยก็ได้...” เขาชะโงกหน้าเข้ามาหาผม “ว่าที่จริงผมก็มีไฝอยู่ที่ไอ้นั่นด้วยแหละ ตั้งสามเม็ดแน่ะ”

จากตอนแรกที่ผมแค่รู้สึกเขินเฉยๆ แต่เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้นแล้วก็กลายเป็นว่าไอ้น้องชายของผมมันเริ่มจะออกอาการขึ้นในทันที

“เอ่อ คือ ถ้ารักโอเค พี่ก็โอเคล่ะครับ เอาไว้พี่นัดเวลาให้เราไปตรวจที่โรงพยาบาลอาทิตย์หน้าหรืออะไรดีมั้ย”

“โห จะเสียเวลาไปถึงโรงพยาบาลทำไมครับ พี่เก้า! ไหนๆ พี่ก็อยู่ที่นี่แล้ว แถมยังเป็นส่วนตัวกว่าตั้งเยอะด้วย ถ้าพี่ไม่ว่าอะไร เราตรวจกันตอนนี้ก่อนเลยก็ได้” เมื่อพูดจบ รักก็ยืนขึ้นและเริ่มถอดกางเกงขาสั้นที่ใส่อยู่ออก “ไม่ต้องห่วงครับ ก่อนพี่จะมา ผมอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว เพราะงั้นหอมฉุยแน่นอน”

ตาของผมจ้องมองที่เป้ากางเกงในสีขาวที่นูนเป็นลำตรงหน้าอย่างไม่กะพริบ “เดี๋ยวนะ รักแน่ใจเหรอว่าให้พี่ตรวจให้จะโอเคจริงๆ เราไม่เขินพี่เหรอ ถ้าเป็นหมอคนอื่นจะโอเคกว่ามั้ย”

“โหพี่ ผมไม่เขินพี่หรอกครับ ตรงกันข้ามเลย ผมไว้ใจพี่ต่างหาก ถ้าเป็นคนอื่นผมคงไม่รู้สึกสบายใจที่จะให้มาดูมาจับไอ้น้องชายผมก็ได้... หรือว่าพี่ไม่สบายใจ ถ้าหากพี่ลำบากใจก็ไม่เป็นไรนะ”

“เฮ้ย เปล่า พี่จะลำบากใจเรื่องอะไร พี่แค่... คือ... เอ่ออ...” ผมอึกอัก ไม่มีทางที่ผมอยากจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยผ่านไปอย่างเด็ดขาด แต่ในขณะเดียวกัน นิสัยเสียเก่าๆ ของผมก็ทำให้ผมรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก “โอเคครับ งั้นพี่จะดูให้เลยก็แล้วกัน ถอดกางเกงในออกสิ”

เมื่อสิ้นเสียงของผม รักก็จัดการดึงกางเกงในอันเป็นปราการด่านสุดท้ายลงและเตะมันออกไป ไอ้น้องชายของเขาอยู่ในสภาพกึ่งแข็งตัว เมื่อประเมินด้วยสายตาดูแล้วน่าจะมีขนาดไม่ต่ำกว่าห้านิ้วได้ ผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากมันแข็งเต็มที่แล้วจะใหญ่ขนาดไหน

รักบอกให้ผมลองตรวจดูทางด้านหลังก่อนเพราะเขาไม่แน่ใจว่าเขามีไฝที่บั้นท้ายหรือที่หลังต้นขาบ้างหรือเปล่า เมื่อเขาหันหลังให้กับผมแล้ว ผมก็ใช้มือจับแก้มก้นของเขาเพื่อสำรวจหาไฝดูอย่างเบามือ จากนั้นก็ค่อยๆ ไล่ต่ำลงมาถึงที่โคนขา เมื่อไม่พบว่ามีไฝอยู่ที่อื่นนอกจากที่เคยตรวจดูไปเมื่อตอนแรกแล้ว ผมก็บอกเขาให้หันหน้ากลับมาเหมือนเดิม แต่คราวนี้ไอ้น้องชายของเขากลับแข็งขึ้นจนสุด รักยิ้มเขินๆ พร้อมกับพูดขอโทษ ผมจึงบอกเขาไปว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ผมไม่กล้าบอกให้เขารู้หรอกว่าในตอนนี้เขาไม่ใช่เพียงคนเดียวในห้องที่ไอ้น้องชายกำลังแข็งตัวอยู่แบบนี้

รักช่วยให้ผมสามารถหาไฝเจอได้ง่ายขึ้นด้วยการบอกตำแหน่งว่ามันอยู่ตรงไหน แถมยังช่วยจับไอ้น้องชายของเขาพลิกไปมาให้ผมดูอีกต่างหาก ผมเจอไฝทั้งหมดจำนวนสี่เม็ด บริเวณท่อนลำของเขาสองเม็ด ที่ไข่ของเขาหนึ่งเม็ด และตรงขาหนีบข้างขวาอีกเม็ด ผมตรวจดูไฝทั้งหมดแล้วก็พบว่ามันไม่มีอะไรที่ผิดปกติ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปหาเขา

“ทุกอย่างปกติดีครับ ไม่มีอะไรน่าห่วงนะ”

รักกำลังก้มลงมองดูผมพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย “ปกติแน่เหรอ”

“แน่สิ”

“ทั้งๆ ที่มันแข็งเด่เพราะโดนพี่จับแบบนี้ พี่ก็คิดว่าปกติเหรอ”

ผมหัวเราะเบาๆ อย่างกังวล ไม่กล้าที่จะพูดอะไรตอบกลับไป เพราะกลัวว่าเขาจะแค่กำลังล้อผมเล่นอยู่

“พี่เก้า พี่ว่ามันแปลกมั้ยที่ผมอายุก็เท่านี้แล้วยังรูดหนังหุ้มปลายลงให้สุดไม่ได้เลยน่ะ” เขาพูดพลางกำไอ้น้องชายของตัวเองแล้วรูดขึ้นลงเบาๆ

ผมมองดูภาพตรงหน้าด้วยดวงตาที่เบิกโพลง ไม่คิดว่าเขาจะทำถึงขนาดนี้ “อ... เอ่ออ... ก็ปกตินะครับ ยกเว้นแต่ว่าถ้ามันเจ็บมาก มีปัญหาเวลามีเพศสัมพันธ์หรือเวลาฉี่ ก็อาจจะขริบได้”

“ผมไม่อยากขริบอะพี่ พี่ลองช่วยดูให้ผมหน่อยสิว่ามันปกติรึเปล่า” เขาดึงมือของผมเพื่อไปจับที่ท่อนลำของเขา

ครั้งนี้ผมรีบชักมือออกด้วยความตกใจ แต่เขากลับเกร็งขืนเอาไว้ ในหัวของผมเริ่มคิดย้อนกลับไปนึกถึงเหตุการณ์หนึ่งเมื่อตอนที่ผมอายุ 12 ผมบังเอิญเปิดประตูห้องเข้าไปเจอพี่ชายของผมซึ่งตอนนั้นอายุ 15 กำลังนอนช่วยตัวเองอยู่บนเตียง ตอนนั้นผมยังไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เขาทำคือสิ่งที่เรียกว่าการช่วยตัวเอง แต่ผมก็พอรู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เขาน่าจะอยากให้ใครเห็นแน่ๆ ผมยืนตัวแข็งด้วยความตกใจ เตรียมพร้อมที่จะโดนเขาด่าหรือไล่ออกจากห้อง แต่ทว่าแทนที่เขาจะทำแบบนั้น พี่สนกลับแค่ลุกออกจากเตียงและรีบเดินมาปิดประตูห้องลงเท่านั้น ผมมองดูร่างกายเปล่าเปลือยและไอ้น้องชายของเขาที่แข็งชี้มาทางผมด้วยความตื่นเต้น มันคือครั้งแรกที่ผมเคยเห็นของคนอื่นนอกจากของตัวเอง แถมยังเป็นของพี่ชายแท้ๆ ของผมที่ผมชื่นชมนับถือมาตลอดอีกต่างหาก

พี่สนเดินเข้ามาหาผมอย่างภาคภูมิใจในอาวุธของตน สำหรับผมในตอนนั้นมันดูใหญ่มาก และในตอนที่ผมยังมัวแต่ตกใจอยู่นั้น เขาก็คว้ามือของผมไปจับเข้าที่น้องชายของเขา ผมยังจำได้ถึงทุกวันนี้ว่าทันทีที่ฝ่ามือของผมสัมผัสโดนมันเข้า มันก็กระตุกเบาๆ ทันที แต่แน่นอนว่าด้วยความตกใจกลัว ผมจึงรีบชักมือออกและวิ่งหนีไปหลบอยู่นอกบ้านจนกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็น

หลังจากนั้นผมก็ไม่กล้าอยู่ตามลำพังกับพี่สนหรือแม้แต่มองหน้าเขาอีกเลยเป็นเวลาเกือบเดือน เราไม่เคยคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นอีก นอกจากนั้น ผมก็ยังไม่เคยได้ทำความเข้าใจถึงความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองด้วยเหมือนกัน ซึ่งนั่นคงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมไม่กล้าสำรวจหรือยอมรับสิ่งที่ตัวเองเป็นจนกระทั่งมาถึงช่วงไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ ผมกลัวและสับสนอยู่นานนับ 10 ปี มันคือความทรงจำเลวร้ายที่ผมไม่มีวันลืม แต่ถึงอย่างนั้น หลายๆ ครั้งเวลาที่ผมช่วยตัวเอง ผมก็มักจะนึกย้อนไปถึงสิ่งที่เห็นและได้สัมผัสในตอนนั้นแล้วนึกสงสัยกับตัวเองว่า ‘ถ้าหากตอนนั้นเรา...’

ผมอดคิดแบบนั้นไม่ได้จริงๆ

ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้ารักอีกครั้ง แต่คราวนี้ดวงตาและสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปแล้ว

“ลองจับดูก่อนสิ พี่เก้า ลองรูดมันดู...” เขาพูดเบาๆ และในตอนนั้นเองที่ผมสังเกตเห็นน้ำหล่อลื่นหยดใสๆ ไหลออกมาจากไอ้น้องชายตัวเขื่องของเขาหยดหนึ่ง เขาใช้นิ้วชี้อีกข้างปาดมันออกพร้อมกับซี้ดปากเบาๆ “ดูดิ พี่ ผมน้ำจะเยิ้มอยู่แล้วเนี่ย อย่าบอกนะว่าพี่เองก็ไม่รู้สึกอะไรเลยน่ะ”

ผมรู้สึกว่าใจของผมมันเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมานอกอกอยู่แล้ว แถมยังรู้สึกทั้งเขินและกลัวจนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี อีกใจผมก็อยากจะคว้าไอ้น้องชายของเขาแล้วจับมันเข้าปากทันที แต่อีกใจก็รู้สึกกลัวจนอยากจะวิ่งหนีกลับบ้านไปเสียให้ได้ ผมไม่สามารถที่จะทำแบบนั้นลงไปโดยไม่คิดถึงผลที่อาจจะตามมาก่อนได้

“เอาน่า พี่เก้า... อยากทำอะไรก็ทำเลยครับ...” เขาวางมือลงบนหัวไหล่ของผมแล้วลูบเบาๆ

ผมค่อยๆ เลื่อนมือข้างที่เขาจับเอาไว้ไปข้างหน้าเล็กน้อย เขาจึงยอมปล่อยมือของผมออก แต่ก่อนที่ผมจะทันได้สัมผัสไอ้น้องชายของเขา ผมก็รีบผุดตัวลุกขึ้นยืนและล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง แสร้งทำเป็นว่ามีข้อความด่วนเข้ามา

“ขอโทษทีนะรัก พี่มีเคสด่วนเข้ามาน่ะ พี่คงต้องรีบกลับไปโรงพยาบาลแล้วล่ะ แล้วเอาไว้เดี๋ยวพี่โทรหานะครับ”

รักผงะไปด้วยความตกใจและมองหน้าผมงงๆ ส่วนผมก็รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกจากบ้านไปโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองเขาที่ยังคงยืนอยู่ตรงโซฟาอีกเลย ผมรีบขับรถออกไปพร้อมกับความรู้สึกผิด กลัว ตื่นเต้น และสับสน ปนเปกันไปหมด ไอ้น้องชายที่แข็งอยู่ใต้กางเกงมาเป็นเวลานานแล้วก็ปวดตุบๆ จนผมรู้สึกทรมาน ภาพร่างกายที่เปลือยเปล่าและสีหน้ากับน้ำเสียงของเขาเมื่อครู่ ทำให้ผมตื่นเต้นจนแทบจะเป็นลม ผมตัดสินใจขับรถกลับไปที่โรงพยาบาลและจัดการช่วยตัวเองไปหนึ่งครั้ง จากนั้นก็นอนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อช่วงหัวค่ำ ผมรู้ตัวว่าผมไม่ควรจะทำอย่างนั้น ผมอาจจะทำให้รักไม่พอใจ ทั้งที่เขาเองก็เปิดโอกาสให้ผมขนาดนี้แล้ว แต่ผมกลับเป็นฝ่ายวิ่งหนีเขาออกมา ผมรู้สึกชอบเขามากจริงๆ แต่เพราะการที่อยู่คนเดียวมาตลอด 27 ปี แล้วจู่ๆ ก็มาเจอเรื่องแบบนี้ มันทำให้ผมเสียศูนย์และตั้งหลักไม่ทัน ผมต้องการเวลาให้กับตัวเองอีกสักนิด ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าผมต้องการมันไปสำหรับเรื่องอะไรก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ปัญหาใหญ่ที่สุดคือหลังจากนี้ผมจะยังสามารถสู้หน้าเขาได้อีกหรือเปล่า เราสองคนจะไม่พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีก ค่อยๆ ห่างกันไป จนไม่สนิทสนมกันเหมือนเดิมแบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นผมกับพี่สนมั้ย

ผมว่าผมคงต้องรีบโทรไปขอโทษเขาให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วล่ะ เพราะไม่อย่างนั้นผมอาจจะเสียเขาไปก็ได้ และถ้าเป็นแบบนั้น ผมจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเลย

“มึงคิดว่าเค้าจะยังรับสายรึอยากคุยกับมึงอยู่อีกเหรอวะ ไอ้เก้าเอ๊ย!” ผมพูดกับตัวเองพลางยกหมอนขึ้นปิดหน้า “แม่งงงง!!”


ออฟไลน์ Redz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #36 เมื่อ03-08-2013 11:10:33 »

อ่านไปอ่านมา เหมือนพี่ต้นเอามาจากชีวิตจริงของพี่เอง  :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :m20: :m20: :m20: :m20:

ออฟไลน์ netkung

  • เป็ดกูรู
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #37 เมื่อ03-08-2013 11:43:52 »

โอ้ย เจ็บปวด :เฮ้อ:

ออฟไลน์ xeruoh

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 491
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #38 เมื่อ03-08-2013 11:51:32 »

 :z13:

จิ้มไว้ก่อน
เดี๋ยวมาอ่านตอนมืดๆ
 :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #39 เมื่อ03-08-2013 12:15:12 »

เก้าเอ๋ย ปูนนี้แล้วยังสับสนยิ่งกว่าหนุ่มน้อยอีก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (เรื่องสั้น) Moving In
« ตอบ #39 เมื่อ: 03-08-2013 12:15:12 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #40 เมื่อ03-08-2013 13:04:57 »

จับไปก็หมดเรื่องแล้วหมอเอ้ยยยย 555

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #41 เมื่อ03-08-2013 14:24:54 »

เอาเป็นว่าพี่เก้าไม่ง่าย รักต้องลองวิธีใหม่แล้วหละ

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #42 เมื่อ03-08-2013 14:47:32 »

อืม ถึงกับหนีออกมาตั้งหลักเลยเหรอหมอเก้า
 :mew5: :mew4:

ออฟไลน์ phenomintna

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 281
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #43 เมื่อ03-08-2013 15:05:55 »

 :jul1: :hao5:

ออฟไลน์ patek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #44 เมื่อ03-08-2013 16:51:09 »

น้องรักทอดสะพานให้พี่หมอถึงที่เลย ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับพี่หมอว่าจะสานต่อหรือไม่ ขอให้ทุกอย่างลงเอยด้วยดีเถอะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #45 เมื่อ03-08-2013 18:29:51 »

รักแร๊งงงงงงงงง

zeazaiz

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #46 เมื่อ03-08-2013 18:38:22 »

โธ่เอ้ย คุณหมอ หนีเขามาซะอย่างนั้น
รักนี่ก็ ใจร้อนเสียจริง 

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #47 เมื่อ03-08-2013 18:56:46 »

 :z1: :z1: :pighaun: :-[ :heaven :call: :pig4:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #48 เมื่อ03-08-2013 19:38:56 »

555555555
รัก แรงงง นี่ก็หลอกหมอมาตรวจเหมือนกันใช่มั้ยเนี่ย

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #49 เมื่อ04-08-2013 23:33:05 »

อ่านไปกรีดร้องไป เห้ยยยยยยยยยยยยยยยยย อ๊าคคคคคคคคคคคคคคค ไอ้รักกกกกกกกกกกกกกกก แรงงงงงงงงงงงงงงง หมอแม่งงงงงงงงงงงงงงงง
555 จริงๆนี่เนี่ย!
ว่าแต่เป็นการตรวจที่ลามกจริงๆคะ แต่มันก็เกิดขึ้นจริงๆนะ
ปล.ว่าแล้วเชียวว่ารักไม่ธรรมดา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (เรื่องสั้น) Moving In
« ตอบ #49 เมื่อ: 04-08-2013 23:33:05 »





ออฟไลน์ netkung

  • เป็ดกูรู
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #50 เมื่อ05-08-2013 16:42:25 »

มาต่อโดยด่วนครับพี่ต้น  :katai1:

torto

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #51 เมื่อ05-08-2013 19:49:51 »

อ่านแล้วน่าติดตามตอนต่อไปมากๆ  จะมาปูเสื่อรอเลย :katai3:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #52 เมื่อ05-08-2013 19:53:30 »

หมอขี้อาย :hao7:

- คราส -

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #53 เมื่อ05-08-2013 20:07:20 »

ชอบ แต่ก็หนี แต่ก็ยังชอบอยู่
ผ่านความกลัวให้ได้นะเก้า

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #54 เมื่อ06-08-2013 20:28:12 »

ตอนที่ ๔

หลังจากที่แทบไม่ได้นอนเพราะครุ่นคิดถึงความรู้สึกของตัวเองมาตลอดทั้งคืน ผมก็สรุปความรู้สึกของตัวเองได้ว่า ผมทั้งโล่งใจและโกรธตัวเองมาก ผมรู้สึกโล่งอกที่สามารถหนีออกมาจากสถานการณ์ที่ตัวเองยังไม่พร้อมรับมือได้ แต่อีกใจก็รู้สึกโมโหตัวเองที่เดินหนีออกมาจากรักแบบนั้นและคงทำให้เขาไม่พอใจ

นี่ผมเป็นบ้าอะไรของผมกันแน่ หลังจากที่ต้องทนอยู่กับความเหงามาหลายปี จู่ๆ วันหนึ่งก็มีผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งโผล่เข้ามาในชีวิต แถมเขาคนนั้นยังเป็นคนที่เคยทำให้ผมรู้สึกดีๆ มาก่อนอีกด้วย เขาเป็นคนที่เปิดประตูไปสู่โอกาสที่จะได้มีเซ็กส์กับผู้ชายเป็นครั้งแรกของผมออกด้วยความเต็มใจ แต่ผมกลับปิดมันลงและวิ่งหนีออกมาเสียเอง

ผมมัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องงานและเรื่องเรียนจนพอรู้ตัวอีกที เวลาก็ผ่านไปถึงสามวันแล้ว ผมคิดอยากจะโทรหาเขาอยู่หลายหน แต่ผมก็ใช้ข้ออ้างว่าผม ‘ไม่มีเวลา’ ผลัดมันออกไปอยู่เรื่อยๆ จนสุดท้ายผมก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ผมไม่ใช่เด็กอายุ 12 เหมือนเมื่อตอนนั้นอีกแล้ว และเขาก็ไม่ใช่พี่ชายของผม ผมเองก็ชอบเขา ผมรู้ตัวแล้วว่าผมต้องการเขา และถ้าหากว่าผมไม่ลองเปิดประตูบานนี้ดู ผมจะรู้ได้อย่างไรว่ามันจะพาผมไปที่ไหน ถึงแม้ว่ามันอาจจะจบลงเพียงแค่เซ็กส์ก็ตามทีเถอะ

ปกติ เวลามีผู้ชายแก้ผ้าต่อหน้าผมในที่ทำงาน ผมจะมีความมั่นใจในตัวเอง เข้มแข็ง และเป็นผู้คุมสถานการณ์ ในขณะที่คนเหล่านั้นมักจะรู้สึกเขินหรือไม่มั่นคง ดังนั้นผมจึงคิดได้ว่าบางที... แค่บางทีนะ เมื่อคืนนั้น รักเองก็อาจจะรู้สึกคล้ายๆ กันก็ได้ เพียงแต่ผมกลับเป็นฝ่ายที่รู้สึกอ่อนไหวเสียเอง ทั้งๆ ที่เขาเองก็น่าจะรู้สึกแทบไม่ต่างกัน ดังนั้นผมจึงตัดสินใจแล้วว่าครั้งหน้าผมจะต้องเข้าใจความรู้สึกของเขาให้มากกว่านี้ บางทีอาจจะด้วยการทำตัวเองให้อยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันหรืออะไรแบบนั้น...

ผมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้วยมือที่สั่นเทา รู้สึกตื่นเต้นแทบไม่ต่างไปจากคืนนั้นเลย ที่จริงผมคิดว่าตลอดทั้งชีวิต ผมไม่เคยรู้สึกกลัวการโทรหาใครมากเท่านี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ แต่ผมรู้ดีว่าผมไม่ควรจะหนีอีกต่อไปแล้ว มันคือสิ่งที่ผมจำเป็นต้องทำ

“สวัสดีครับ” เขารับสาย

“ฮัลโหล รัก นี่พี่เก้าเองนะ”

“ครับ ผมรู้ครับพี่” เขาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ผมรู้ได้ทันทีเลยว่าเขายังคงไม่พอใจผมอยู่ แต่ก็แน่ล่ะ...

“ทำอะไรอยู่รึเปล่าครับ พี่กวนรึเปล่า”

เขาเงียบไปพักหนึ่ง “นี่มันก็เที่ยงคืนกว่าจะตีหนึ่งแล้วครับ ผมก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก เพิ่งถึงบ้านไม่นาน อีกสักพักคงนอนแล้วล่ะครับ”

ผมไม่ทันรู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตอนนี้มันเป็นเวลาจะตีหนึ่งแล้ว โชคดีที่ร้านของเขาปิดตอนสี่ทุ่ม ทำให้เขากลับบ้านค่อนข้างดึกเป็นปกติ

“รัก คือ พี่... พี่อยากจะขอโทษเรื่องเมื่อวันก่อนนะ ที่จู่ๆ ก็ออกจากบ้านไปแบบนั้น เพราะก็อย่างที่พี่บอกน่ะครับว่าวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นวันหยุดพี่ก็จริง แต่พี่ก็ต้องสแตนด์บายรอเผื่อเคสฉุกเฉินตลอด นี่ตั้งแต่ตอนนั้นพี่ก็ยังไม่ได้กลับบ้านอีกเลยเหมือนกัน”

“ผมเข้าใจครับ อาชีพหมอก็แบบนี้แหละ”

ผมสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจที่ถูกซ่อนอยู่ในน้ำเสียงของเขา ซึ่งมันก็ทำให้ผมพูดสิ่งที่อยากจะพูดต่อไปยากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก แต่ผมจะมารู้สึกปอดแหกเอาตอนนี้ไม่ได้

“รัก พี่อยากรู้ว่าอาทิตย์นี้รักจะมีวันหยุดอีกเมื่อไหร่น่ะครับ พี่จะขอแลกเวรกับเพื่อนและพี่จะไปเจอรักอีกครั้ง พี่อยากจะชดเชยที่พี่ทำเสียมารยาทไปนะ”

“พี่เก้าไม่ต้องลำบากหรอกมั้งครับ” เขาพูด แต่ผมรู้สึกถึงน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเล็กน้อย และมันก็ทำให้ผมรู้สึกมีความหวังขึ้น

“ไม่ลำบากหรอก บอกพี่มาเถอะว่ารักหยุดวันไหน”

“อาทิตย์นี้ผมได้หยุดวันศุกร์กับวันเสาร์ครับ” เขาตอบ

“ถ้างั้นเดี๋ยวพี่จะขอแลกเวรกับเพื่อนวันศุกร์ แล้วเราเจอกันตอนบ่ายๆ นะครับ ดีมั้ย สะดวกรึเปล่า” ผมถามเขาไปทั้งที่หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากหน้าอก

รักเงียบไปพักหนึ่ง “ถ้าพี่คิดว่าพี่มีเวลา ก็ได้ครับ”  เขาพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันเล็กน้อย  แต่ผมไม่โทษเขาเลยสักนิด

“ขอบคุณครับ ถ้าอย่างนั้นเราเจอกันที่บ้านพี่สักตอนบ่ายสองโมงนะ เอ่ออ แล้วก็... เอาพวกอุปกรณ์ตัดผมที่เรามีอยู่มาด้วยล่ะ”
เขาไม่ได้ถามผมว่าทำไม ซึ่งผมคิดว่ามันคงเป็นเพราะเขายังโกรธๆ ผมอยู่ แต่ผมก็รู้สึกดีใจที่เขาไม่ถาม เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขายังยอมมาเจอกับผม เท่านี้ผมก็ดีใจมากๆ แล้ว

เมื่อวันศุกร์มาถึง ผมที่ตื่นตั้งแต่ตีห้าเพราะนอนไม่หลับก็จัดการเก็บกวาดบ้านตั้งแต่เช้าเพื่อรอต้อนรับเขา และเมื่อถึงเวลาบ่ายสองโมงตรง เสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น ผมรีบกุลีกุจอวิ่งออกไปเปิดประตูต้อนรับเขา เขายิ้มทักทายผม แต่กลับไม่แลดูสดใสและร่าเริงเหมือนกับครั้งก่อนๆ

“เข้ามาก่อนครับ เรากินอะไรมารึยัง”

“กินแล้วครับ”

“เอ่ออ... จะเอาเบียร์หรืออะไรหน่อยมั้ย”

“ไม่เป็นไรครับ ผมโอเค”

น้ำเสียง สีหน้า และบรรยากาศที่ผมรู้สึกได้จากเขา ทำให้ผมรู้สึกตัวว่าความสัมพันธ์ของเรามันถอยหลังไปอีกก้าวใหญ่ๆ ทีเดียว แต่สาเหตุที่ผมอยากจะเจอเขาในวันนี้ก็เพราะว่าผมต้องการจะแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น และทำให้เรากลับมาเดินไปข้างหน้าเหมือนเดิมนี่แหละ

ผมชวนรักนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขกและคุยกับเขาอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่ว่าอย่างไร เราสองคนก็ดูไม่เหมือนว่าจะกลับไปคุยกันอย่างถูกคอได้เท่ากับเมื่อก่อนหน้านี้เลยสักนิด เปล่าหรอก เขาไม่ได้ทำตัวเย็นชากับผมหรืออะไรอย่างนั้น เขาเองก็พูดคุยกับผมตามปกติ แต่อาจจะดูไม่ช่างพูดหรือร่าเริงเท่ากับก่อนหน้าคืนนั้น และบางทีอาจจะเป็นเพราะความรู้สึกผิดในใจของผมเองด้วยก็ได้ที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้น

“รัก พี่ คือ... เอ่ออ พี่อยากจะขอโทษอีกครั้งนะ คือรักก็รู้ว่าปกติพี่เองก็เป็นคนไม่ได้มีสังคมอะไร สุงสิงกับใครเขาไม่เก่งอยู่แล้ว และยิ่งเป็นหมอ พี่ก็ยิ่งแทบจะปิดตายตัวเองจากโลกภายนอกไปกันใหญ่เพราะด้วยความที่ไม่มีเวลาได้เจอได้คุยกับใคร รักเป็นคนแรกเลยที่พี่ได้ใช้เวลาด้วยเยอะขนาดนี้ แต่ว่าเพราะหน้าที่น่ะนะ คืนนั้นพี่ก็เลยจำเป็นต้อง...”

“ไม่ต้องขอโทษแล้วครับพี่ ผมบอกแล้วไงว่าผมเข้าใจ เป็นหมอก็แบบนี้แหละ”

“พี่แค่หวังว่ารักจะไม่โกรธพี่นะครับ”

“ไม่โกรธหรอกครับ” เขาตอบ แต่ผมรู้ได้ทันทีเลยว่าเขาโกหก “ผมแค่งงๆ นิดหน่อยว่าทำไมพี่ถึงต้องรีบผลุนผลันออกไปขนาดนั้นด้วย ผมยังไม่ทันจะได้พูดอะไรสักคำ แต่แล้วจู่ๆ พี่ก็วิ่งออกจากบ้านไปเฉยเลยแบบนั้นเนี่ยนะ”

“คือตอนนั้นพี่รีบน่ะครับ... แล้วพี่ก็...” ผมนั่งก้มหน้า เหลือบตาขึ้นมามองเขาเล็กน้อย

“ช่างมันเถอะครับ” เขาถอนหายใจเบาๆ “ผมรู้แล้วล่ะว่าพี่เสียใจ พี่ขอโทษผมตั้งหลายครั้งแล้ว และผมก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ได้โกรธพี่” เขายิ้มให้ผม ซึ่งในที่สุดผมก็รู้สึกได้แล้วว่ามันคือรอยยิ้มของการให้อภัยจริงๆ

“พี่อยากจะขอโทษรักและอยากจะทำยังไงก็ได้ให้รักรู้ว่าพี่เสียใจจริงๆ กับการกระทำของตัวเอง พี่เลยเรียกรักมาที่นี่ และอยากใช้เวลาอยู่กับรักไปตลอดทั้งบ่ายเพื่อชดเชยกับเรื่องคืนนั้น แต่... เอ่ออ...” ผมก้มหน้าลงอีกครั้ง คุยกับมือของตัวเองที่ประสานอยู่ด้วยกัน เพราะไม่กล้าที่จะสบตาเขา และไม่รู้ว่าเขาจะคิดอย่างไร “แต่ก็ต่อเมื่อรักอยากจะทำแบบนั้นน่ะนะครับ...”

“แล้วเราจะนั่งคุยกันอย่างเดียวนี่น่ะเหรอ” เขาถามขึ้นหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง

“ก็... อะไรก็ได้ครับ แล้วแต่... แล้วแต่รักเลย”

“งั้นตอนเย็นเราทำกับข้าวกินด้วยกันอีกดีมั้ย”

ผมพยักหน้า “ก็ดีนะครับ”

“เงยหน้าได้แล้ว พี่เก้า จะก้มหน้าทำไมนัก ผมไม่โกรธพี่แล้วน่า”

ผมเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขาอย่างอายๆ

“ค่อยยังชั่ว” เขายิ้มกว้างให้ผม ทำให้ผมยิ้มตามออกมาด้วย

“แล้วกว่าจะถึงตอนเย็น รักมีแพลนจะทำอะไรรึเปล่า”

เขาส่ายหน้า “ไม่มีอะครับ ผมถึงได้มาหาพี่ได้ไง ว่าแต่พี่เถอะ ให้ผมเอาบัตตาเลี่ยนกับกรรไกรมาทำไม อย่าบอกนะว่าจะให้ผมตัดผมให้น่ะ”

“เอ่อออ ก็ประมาณนั้นน่ะครับ พี่รบกวนหน่อยได้มั้ยล่ะ”

“ก็ได้นี่ จะให้ผมตัดที่ไหนล่ะ ตรงนี้รึในห้องน้ำ”

“ย้ายไปในห้องน้ำดีกว่าครับ มันจะได้ทำความสะอาดง่ายหน่อย อีกอย่าง...”

“อะไรครับ”

“เอ่ออ คือ...” ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “คือพี่อยากให้รักช่วยโกนขนที่หลังให้พี่ด้วยได้มั้ย พี่ว่าพี่เป็นคนขนที่หลังค่อนข้างเยอะน่ะ เคยอยากจะโกนออกหลายทีแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง”

รักมองหน้าผมแล้วยิ้มกว้างพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ออกมา นับเป็นการหัวเราะครั้งแรกตั้งแต่เราเจอกันวันนี้

“อย่าขำดิ พี่อายนะเว้ย” ผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวไปหมด “คือพี่ไม่ใช่คนขนเยอะหรืออะไรหรอก แต่ที่หลังเนี่ย มันเยอะกว่าที่อื่น เลยแปลกๆ น่ะ”

“โอเคๆ ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ไม่ได้ขำด้วย เอาไว้ให้ผมดูก่อนแล้วกัน” เขาตบมือลงบนต้นขาผมเบาๆ ทำเอาผมรู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าที่วิ่งไปทั่วทั้งร่าง โดยเฉพาะไอ้น้องชายของผมที่เริ่มแข็งขันขึ้นทันที

“งั้นรักไปรอพี่ในห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวพี่ยกเก้าอี้ตามขึ้นไป”

อีกไม่ถึงห้านาทีถัดมา ผมกับเขาก็ยืนอยู่ในห้องน้ำโดยมีเก้าอี้แบบไม่มีพนักพิงวางกั้นอยู่ระหว่างเราสองคน เขาสั่งให้ผมถอดเสื้อออก ซึ่งผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย แต่ด้วยความเขินอาย ผมจึงเลือกที่จะหันหลังให้กับเขา

“ถอดกางเกงด้วยสิ พี่เก้า ผมมันจะได้ไม่ตกลงใส่กางเกง”

ผมกระอักกระอ่วนอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจดึงกางเกงขาสั้นที่ใส่อยู่ลง เตะมันออกไปข้างๆ แล้วจึงรีบนั่งลงบนเก้าอี้โดยใช้มือกุมเป้ากางเกงในเอาไว้ด้วย ถึงแม้ว่าผมจะยังหันหลังให้เขาอยู่ตลอดเวลาและเขาไม่น่าจะรู้ว่าไอ้น้องชายของผมมันแข็งอยู่ก็ตาม

“จริงๆ มันก็ไม่ได้เยอะอะไรมากมายนะ ขนที่หลังพี่เนี่ย” รักพูดขึ้นพร้อมกับแตะลงบนหลังของผม ทำเอาผมสะดุ้งเฮือก

“ข... ขอโทษทีครับ พี่แค่ตกใจนิดหน่อย”

“ไม่เป็นไรครับ” เขาตอบพลางหัวเราะในลำคอเบาๆ “แต่ผมก็พอจะเข้าใจล่ะนะว่าทำไมพี่อยากให้ผมช่วยโกนมันออก เพราะดูๆ แล้วทั้งแขนและขาพี่ก็แทบไม่มีขนเลยจริงๆ นั่นแหละ มันเลยดูเยอะแปลกๆ อยู่ที่เดียว ใช่มั้ย” เขาลูบมือไปตามแผ่นหลัง หัวไหล่ และไล่มายังต้นแขนของผมเบาๆ

“ครับ เพราะงั้นเวลาพี่ว่ายน้ำ พี่ก็จะเขินๆ น่ะ”

“แล้วผมควรจะทำอะไรก่อนดี ตัดผมก่อน หรือโกนขนที่หลังออกก่อน”

“โกนขนที่หลังออกก่อนก็ได้ครับ”

“โอเค” เขาพูดพลางเสียบปลั๊กบัตตาเลี่ยน จากนั้นก็เริ่มภารกิจ

เขาใช้เวลาแค่ไม่ถึงสามนาทีก็เสร็จเรียบร้อย แต่ที่จริงผมก็อดคิดไม่ได้นะว่าถ้าหากเขาทำจริงๆ ไม่ถึงครึ่งนาทีก็น่าจะเสร็จแล้ว เพราะเขาก็บอกเองว่าผมไม่ได้มีขนเยอะขนาดนั้น แต่นี่เขากลับใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าที่ผมคิด แถมยังใช้มือลูบไล้ไปทั่วทั้งแผ่นหลังของผมอย่างช้าๆ จนผมต้องขนลุกและเผลอครางในลำคอออกมาเบาๆ

“ยืนขึ้นหน่อยสิครับ พี่เก้า” เขาบอกผม “ตรงช่วงแนวสันหลังมันมีไรขนที่ไล่ลงไปถึงข้างใต้กางเกงในนะ ผมว่าถ้าจะเล็มออก มันก็ควรเล็มให้หมดไปเลยนะครับ”

ผมกลืนน้ำลายลงคอและตัดสินใจยืนขึ้น แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ขยับตัว ผมก็รู้สึกถึงมือของรักที่เลื่อนมาแตะลงบนขอบกางเกงในของผมและค่อยๆ ดึงมันลง ผมถึงกับสะดุ้งและรีบคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ทันที

“ผมไม่ดึงลงหมดหรอกครับ ไม่ต้องห่วง แค่นิดเดียวพอให้ผมได้โกนขนออกเท่านั้นเอง”

เมื่อได้ยินดังนั้น ผมก็ปล่อยมือของเขาออก จากนั้นก็กุมบริเวณกลางลำตัวเอาไว้เหมือนเดิม รักดึงกางเกงในของผมลงจนบั้นท้ายของผมเผยออกมาแล้วก็หยุดอยู่แค่นั้น ไม่ได้ดึงมันลงไปจนสุด เขาจัดการใช้บัตตาเลี่ยนเล็มไรขนอ่อนๆ ตรงร่องก้นของผมออก แล้วจากนั้นก็หมุนตัวของผมให้หันไปหาเขา

“ให้ผมดูข้างหน้าซิ มีอะไรต้องเล็มบ้างรึเปล่า”

เมื่อผมหันไปเผชิญหน้ากับเขาที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น เป้ากางเกงของผมจึงอยู่ในระดับสายตาของเขาพอดี ผมพยายามจะใช้มือปิดมันเอาไว้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ย่อมต้องมองออกอยู่ดีว่ามันกำลังแข็งตัวอยู่

“ข... ขอโทษทีครับ... พี่ไม่เคยชินกับการถูกใครสัมผัสตัวแบบนี้น่ะ ก็เลย...” ผมพูดอายๆ

“ไม่เป็นไรครับ ผมพอจะรู้” เขาเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม “งั้นไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วผมขอถอดกางเกงในพี่ออกเลยนะ จะได้เล็มขนตรงนี้ให้ไปเลย ดีมั้ย”

เขาถาม แต่กลับไม่รอคำตอบจากผม รักจัดการดึงกางเกงในของผมลงจนมันหลุดไปอยู่ที่ตาตุ่ม ผมยกขาขึ้นและเตะมันออกไปกองอยู่ที่เดียวกับกางเกงขาสั้นตรงมุมห้องน้ำ และพยายามที่จะใช้มือปิดไอ้น้องชายของตัวเองเอาไว้อีก แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก

“คราวนี้พี่เริ่มเข้าใจแล้วล่ะว่าเวลาคนไข้ต้องแก้ผ้าต่อหน้าพี่ เค้ารู้สึกกันยังไง...” ผมพูดอายๆ “คืนนั้นรักเองก็คงรู้สึกแบบนี้ด้วยรึเปล่า”

“ก็คงคล้ายๆ กันแหละครับ เวลาแก้ผ้าต่อหน้าคนอื่นที่ใส่เสื้อผ้าครบ มันก็รู้สึกแปลกๆ อยู่นา แต่พี่ไม่จำเป็นต้องอายหรอก” เขาพูดพลางปัดมือของผมออก “พี่เองก็หุ่นดีออกนะ ผิวก็เนียน ขาว แถมไอ้นี่ก็ขนาดไม่เบาเลยด้วย” เขาคว้าหมับเข้าที่ไอ้ท่อนลำของผม ทำเอาผมสะดุ้งแถมยังเสียวจนต้องเผลอครางออกมาอีกหน

“แต่... แต่พี่ไม่ได้ใหญ่เท่ารักหรอกนะ และยิ่งไม่ได้หุ่นดีแบบรักด้วย”

รักหยิบกรรไกรขึ้นมา จากนั้นก็กดไอ้น้องชายของผมที่แข็งเป็นลำชี้หน้าเขาอยู่ลงเพื่อเล็มขนหัวหน่าวให้ผม “ผมเล่นกล้ามออกกำลัง ส่วนมากก็เพื่อดูแลตัวเอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะชอบคนที่ตัวใหญ่ๆ แบบผมหรือล่ำกว่าผมหรอกนะครับ ผมชอบคนหุ่นธรรมดาๆ แต่ผิวเนียนๆ สะอาดๆ มากกว่า”

ผมไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป ถึงแม้จะค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าการที่เขาบอกผมแบบนั้นคือการยอมรับอ้อมๆ แล้วว่าเขาไม่ได้ชอบผู้หญิง และเขาเองก็รู้สึกชอบผมอยู่เหมือนกัน

ในขณะที่เขากำลังเล็มขนหัวหน่าวให้ผมจนใกล้จะเสร็จแล้วนั้น เขาใช้มือข้างที่จับไอ้น้องชายของผมอยู่รูดขึ้นลงเบาๆ จากนั้นก็เป่าเศษขนที่ติดอยู่ออก ทำเอาผมเสียวจนตัวงอและทำให้น้ำหล่อลื่นไหลออกมา ด้วยความอาย ผมจึงรีบใช้นิ้วชี้ปาดมันออกและบอกขอโทษเขา แต่แล้วจู่ๆ รักก็ทำสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง นั่นคือเขากลับวางกรรไกรลงและชะโงกหน้าเข้ามาใช้ลิ้นเลียทำความสะอาดบริเวณส่วนหัวของไอ้น้องชายผมแทน

“อ๊าา..า..ห์!” ผมสะดุ้งเฮือกเพราะความเสียว ผมไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้มาก่อนเลย!

รักค่อยๆ ครอบริมฝีปากและดูดไอ้น้องชายของผมอย่างช้าๆ ในตอนแรก ก่อนที่จะเริ่มเร่งความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาผมยืนแทบไม่ติดพื้นและต้องจับหัวไหล่ของเขาเอาไว้เพื่อพยุงตัว อีกไม่กี่อึดใจต่อมา ผมก็เริ่มรู้สึกถึงคลื่นลูกใหญ่ที่ก่อตัวอยู่ในท้องน้อย ผมบอกเตือนเขาว่าผมใกล้จะถึงจุดสุดยอดแล้ว เขาจึงถอนปากออกแล้วใช้มือชักต่อให้ผมแทน แต่ก็ยังคงใช้ลิ้นตวัดเลียบริเวณส่วนหัวดอกเห็ดไม่หยุด

“รัก... รักก... พี่จะ...แฮ่กก...แฮ่กกก... พี่จะเสร็จแล้วว..วว!!” ผมครางกระเส่าและพูดแทบไม่เป็นภาษา “โอ๊ยย.. โอ๊ยย..ยย... จะ! จะแตกแล้วครับ!!”

และในตอนที่ผมกำลังจะฉีดน้ำรักออกมา รักก็ทำสิ่งที่ผมไม่คาดฝันอีกครั้ง เพราะแทนที่เขาจะใช้มือช่วยชักให้ผมต่อ เขากลับปล่อยมือออกและครอบปากกลับลงบนท่อนลำของผมเหมือนเดิม ในเสี้ยววินาทีที่ผมรู้สึกถึงช่องปากอุ่นๆ แฉะๆ ของเขา ร่างกายของผมก็กระตุกครั้งใหญ่และฉีดน้ำรักเข้าสู่ปากของเขาทันที ผมร้องครางออกมาเสียงดังและบิดตัวไปมาด้วยความเสียวแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยในชีวิต รักจำเป็นต้องพยุงสะโพกของผมเอาไว้เพื่อให้ผมอยู่นิ่งในขณะที่กลืนน้ำของผมลงคอ ร่างกายของผมกระตุกเบาๆ อีกหลายครั้ง จนเมื่อความรู้สึกตึงเครียดเริ่มคลายลง ผมก็ค่อยๆ ทรุดตัวลง รักถอนปากออกและใช้ลิ้นเลียทำความสะอาดให้ผมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะยืนขึ้นและช่วยพยุงตัวของผมเอาไว้ในอ้อมแขนของเขา

“เป็นไงมั่งครับ... ครั้งแรกของพี่” เขากระซิบถามลงที่หูของผม

“รัก... รักรู้เหรอ”

“ผมแค่เดาเอาน่ะ ใช่รึเปล่าล่ะครับ”

ผมพยักหน้าอายๆ

เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะจุ๊บลงบนแก้มของผม “พี่เก้าแม่งน่ารักจริงๆ ว่ะ!”

ผมที่ยังคงหอบและพยายามหายใจให้เป็นปกติอยู่ไม่มีแรงที่จะพูดอะไรตอบเขากลับไป รักที่กอดผมเอาไว้ค่อยๆ พยุงผมให้นั่งลงและจับตัวผมเอนพิงลงบนร่างกายของเขา เขากอดผมจากทางด้านหลังและลูบไล้ร่างกายเปลือยเปล่าของผมไปมาเบาๆ

“งั้นแปลว่านี่ผมเป็นคนแรกของพี่จริงๆ ใช่มั้ย” เขาเป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้นก่อน

“ครับ... น่าอายใช่มั้ยล่ะ อายุ 27 แล้วแต่ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีอะไรกับใครเลย”

“ไม่เห็นน่าอายเลย ผมว่ามันพิเศษออกจะตาย”

“พิเศษเหรอ”

“ครับ อย่างน้อยผมก็รู้สึกพิเศษนะ ที่ได้เป็นคนแรกของพี่น่ะ”

เขาทำให้ผมเขินจนต้องหน้าแดงอีกครั้ง

“แล้วทำไมพี่ถึงได้ยอมให้ผมทำแบบนี้กับพี่ล่ะ ทำไมถึงเลือกให้ผมเป็นคนแรกของพี่ ถึงขนาดต้องวางแผนให้ผมมาโกนขนที่หลังรึตัดผมให้เนี่ย”

ประโยคนั้นของเขาทำให้ผมเขินยิ่งกว่าเดิมอีกไม่รู้กี่ร้อยเท่าจนแทบอยากจะมุดดินหนีไปตอนนี้เลยด้วยซ้ำ “พี่... เอ่ออ... พี่ดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ...”

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ” เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ “ผมแค่คิดว่าการที่คนขี้อายอย่างพี่กล้าถอดเสื้อผ้าต่อหน้าผมในห้องน้ำเนี่ย มันน่าจะมีความหมายอะไรรึเปล่า แถมจริงๆ ขนที่หลังพี่มันก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น แต่ตอนนั้นผมก็ยังไม่อยากคิดไปเองหรอกนะ ก็เลยดูท่าทีไปก่อน” เขาเว้นช่วงครู่หนึ่งก่อนจะชะโงกหน้ามาหอมแก้มผมอีกครั้ง “แต่ผมดีใจที่ผมคิดไม่ผิดนะ แล้วพี่ล่ะ รู้สึกยังไงบ้าง ดีใจรึเปล่า”

“ดีใจอะไรครับ”

“ดีใจที่แผนของตัวเองประสบผลสำเร็จไง” เขาหัวเราะ

ผมก้มหน้าลงและส่ายหัวเบาๆ “โอยยย พี่โคตรอายเลยว่ะ!”

“ไม่ต้องอายหรอกคร้าบบ ตอนที่ผมให้พี่ดูไฝของผม นั่นก็เป็นแผนของผมเหมือนกันนั่นแหละ เจ๊ากันไปก็พอ โอเคมั้ย” เขาจบประโยคด้วยเสียงหัวเราะอีกครั้ง

“พูดถึงเรื่องคืนนั้น พี่มีอะไรจะสารภาพนะ...” ผมพูดเสียงค่อย “ที่จริงเรื่องเมสเสจที่พี่บอกตอนนั้นน่ะ พี่... พี่โกหกครับ... ความจริงคือมันไม่ได้มีเมสเสจอะไรหรอก แต่พี่แค่กลัวและตกใจ ทำตัวไม่ถูก ก็เลยตัดสินใจวิ่งหนีไปจากรัก เพราะพี่ เอ่ออ... พี่ชอบรักมาก แต่พี่ไม่เคยได้ใกล้ชิดกับใครแบบนั้นมาก่อน พี่ไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง ควรจะทำยังไง และก็กลัวด้วยว่าถ้าหากมันเกิดอะไรขึ้นจริงๆ แล้วพี่ควรจะทำตัวยังไงต่อ พี่ก็เลยต้องการเวลาที่จะคิดทบทวนสิ่งเหล่านั้นให้ดีๆ ก่อนน่ะ... พี่ขอโทษครับ”

“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกผมเสียอารมณ์มาก ผมยืนแก้ผ้าต่อหน้าพี่แล้ว พี่ยังไม่รู้อีกว่าต้องทำยังไง แถมยังทิ้งผมไปดื้อๆ และที่สำคัญมันทำให้ผมนึกถึงตอนที่เราเจอกันครั้งแรกและพี่ไม่ไปเจอผมตามที่นัดเอาไว้ด้วย ผมก็เลยเซ็งๆ” เขาเว้นช่วงไปอึดใจหนึ่ง “แต่พอผมคิดว่าพี่เป็นคนขี้อายมากๆ และเริ่มรู้สึกว่าพี่น่าจะไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อน ผมก็หายโกรธแล้วล่ะครับ ผมเข้าใจพี่น่ะ”

“ขอบคุณที่เข้าใจพี่นะครับ แล้วรักจะให้โอกาสพี่แก้ตัวมั้ย และจากนี้ไปเรา... เอ่ออ... เราสองคนจะยังเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมได้รึเปล่า หรือว่า...”

“ทำไมเราไม่ล้างตัวพี่ให้สะอาดก่อน แล้วค่อยไปคุยกันต่อในห้องนอนดีมั้ย” เขาขยี้หัวผมเบาๆ “ส่วนไอ้เรื่องเป็นพี่เป็นน้องกันน่ะ เลิกคิดไปได้เลย เพราะผมไม่มีความคิดอย่างนั้นอยู่ในหัวมาตั้งนานแล้ว”

“หมายความว่าไงครับ”

เขาดันตัวเองให้ยืนขึ้นจากนั้นก็ดึงตัวผมขึ้นไปกอด เขาประทับจูบลงบนริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะเริ่มร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาไอ้น้องชายของผมที่อ่อนตัวลงไปกลับแข็งสู้ขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

เมื่อเขาถอนริมฝีปากออก เราต่างก็หอบหายใจเบาๆ กันทั้งคู่

“ผมไม่คิดอยากจะเป็นแค่น้องชายของพี่มาตั้งแต่ 10 กว่าปีก่อนแล้วครับ”

“จริงเหรอ รัก” ผมแทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง

เขายิ้มให้ผม “จริงสิ แต่เรายังมีเวลาให้คุยกันอีกนานน่า ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แต่ก่อนหน้านั้น ผมขอทำอย่างอื่นให้หายอยากก่อนนะครับ...” เขายกตัวของผมขึ้น จากนั้นก็อุ้มผมเดินเข้าไปในห้องนอน


ออฟไลน์ phenomintna

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 281
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #55 เมื่อ06-08-2013 21:19:07 »

เอ้รยยยยยยยเขินอ่ะ เขินมากกกกก

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #56 เมื่อ06-08-2013 21:31:00 »

 :hao7: :hao7:
ร้ายอ่ะรัก

torto

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #57 เมื่อ06-08-2013 21:42:16 »

ขอไปอ่านก่อนนะแล้วจะกลับมาเม้มให้ใหม่   ขอบคุณที่มาต่อให้นะ  กำลังรออยู่เลย :pig4:

ออฟไลน์ patek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #58 เมื่อ06-08-2013 22:00:16 »

ลุ้นสุดๆๆ ในที่สุดพี่เก้าก็เสร็จน้องรัก ขอบคุณที่มาต่อนะคับ รอตอนต่อไปอยู่คับ

ออฟไลน์ miracle22936

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #59 เมื่อ06-08-2013 22:04:54 »

เขิน อ่ะ อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว  :katai4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด