
เบื้องหน้าเบื้องหลัง 1
จ้องมองกันไม่ละสายตา
ท่ามกลางอากาศที่เริ่มร้อนระอุ
“ตามมา”
จูงมือผมเดินออกมาจากซอกตึก
เหมือนลูกแมวหลงทาง
มีคนส่งเสียงเรียก ก็ตามไปอย่างเชื่อฟัง
นิ้วมือสอดประสานกัน
ก้มหน้าเดินตามหลัง
สมองว่างเปล่า
ปล่อยร่างกายไปตามเสียงร่ำร้องของหัวใจ
ความเย็นแผ่ซ่าน
เหงื่อกาฬเริ่มเหือดแห้ง
พบว่ายืนก้มหน้าอยู่ที่โต๊ะในร้านโดนัท
สมาชิกในโต๊ะอยู่กันพร้อมหน้า
รวมทั้ง...พี่ฝ้าย
“นั่งลงก่อน”
เฮียลากเก้าอี้แล้วจับไหล่ผมให้นั่ง
ลากเก้าอี้อีกตัวมาชิด ทรุดตัวลงนั่งข้างกัน
ทุกคนแอบอมยิ้ม
มีเพียงพี่ฝ้ายที่ทำหน้าไม่พอใจ
“รู้จักกันแล้วใช่ไหม”
โอบไหล่ผม แล้วก้มลงมาถามใกล้ๆ
เอนตัวออกห่าง ทั้งอายพี่ๆ ทั้งไม่มั่นใจในกลิ่นเหงื่อ
เฮียมี่ชักสีหน้า
รีบพยักหน้าเอาใจ
“ฝ้าย ปัทแล้วก็ไอ้หรั่ง คนกทม. ส่วนไอ้ใหญ่บ้านเดียวกะเรา”
อดอมยิ้มไม่ได้
กับคำว่า”เรา”
คิดเข้าข้างตัวเอง
“เรียนหมอที่เดียวกันหมด ส่วนนี่ หน่อย น้องที่บ้าน”
หัวใจพองโต เหี่ยวแฟบลงทันที
“น้องที่บ้าน”
เผลอทวนคำพูดเฮีย
“อืม..ใช่ น้องที่จะอยู่บ้านเดียวกัน”
พี่ๆสามคน บางคนหัวเราะ บางคนยิ้มขัน
มีเพียงพี่ฝ้ายที่ทำท่าตกใจ
มือที่โอบไหล่บีบมาเบาๆ
เลือดสูบฉีดขึ้นที่หน้า
คนๆนี้ ช่างมีอิทธิพลเหลือเกิน
ทำให้สุขก็สุขจนลอย
ครั้นทำให้ทุกข์ก็แทบขาดใจ
“มี่ ไปดูหนังกันเหอะ ใกล้เวลาแล้ว”
พี่ฝ้ายแตะแขนเฮียข้างที่วางอยู่บนโต๊ะ
เฮียเสเอื้อมมือไปจับข้อมือพี่ใหญ่พลิกดูนาฬิกา
ทั้งๆที่ตัวเองก็มีเหมือนกัน
พี่ฝ้ายหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัด
“เออ จริงด้วย ไปกันได้เลย วันนี้ขอบาย”
“ได้ไง แล้วตั๋วนี่หล่ะ”
พี่ฝ้ายชูตั๋วหนังมาตรงหน้าอย่างเป็นต่อ
“ไม่เป็นไร ทิ้งไป”
“ไม่รีบไม่ใช่เหรอ ไปดูหนังกับฝ้ายก่อน”
ชายตามามองผม
เกาะแขนเฮียเขย่า
“ไม่ได้แล้วฝ้าย ดูน้องสิ มอมแมมออกแบบนี้”
ดึงแขนออกอย่างนิ่มนวล
แล้วเอามือมาเสยผมให้ที่หน้าผาก
แขนหนึ่งโอบไหล่ อีกแขนเอื้อมมาตรงหน้าผม
โอบกอดยังน้อยไปกับภาพที่เห็น
พี่ฝ้ายลุกพรวดอย่างเร็ว
เก้าอี้เสียหลักล้มไปด้านหลัง
ทุกสายตาจับจ้อง
“ฝ้าย เฮ๊ย รอก่อน ไปก่อนนะ”
พี่ปัทโบกมือให้ แล้วรีบวิ่งตามออกไป
“เฮ้อ ไอ้หรั่งมึงดูไว้เป็นบทเรียน”
“ไรวะ”
พี่ใหญ่ชายตามาที่เฮียมี่
“ไม่ชัดเจนก็ต้องเจอแบบนี้หล่ะวะ ฮะ ฮะ”
ยังไม่ทันที่เฮียจะโต้ตอบ
เจ๊นิดวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“ตาย ตาย หน่อย แกอยู่ไหน”
ถลามาที่โต๊ะ
“แฮ่ก แฮ่ก โอย หัวใจจะวาย”
“อ้าว เฮีย หวัดดีค่ะ มาเจอกันได้ไง แหมๆ”
“เอ่อ เจ๊ คือ ผม เอ่อ”
ติดอ่างครับ ไม่รู้จะอธิบายยังไง
เจ๊ไม่รู้ว่าผมกับเฮียมีปัญหากันอยู่
ไม่รู้เรื่องงานโรงเรียน
แกคิดว่ายังคบกัน แต่ห่างๆไปบ้าง
“นิด นี่เพื่อนเฮีย เรียนหมอที่เดียวกัน ไอ้ใหญ่กับไอ้หรั่ง”
เจ๊นิดยกมือไหว้
“หวัดดีค่ะเฮียเฮีย”
“เฮ๊ย เรียกซะ เกือบเอี้ยเลย”
ไม่แปลกที่เจ๊แกสนิทคนง่าย
“เอ๊ะ เฮียใหญ่นี่หนูคุ้นๆนะ”
“คนบ้านเดียวกัน แต่เราเปลี่ยนไปเยอะนะ”
“เหรอๆ สวยขึ้นป๊ะ”
เจ๊แกคงลืมไปแล้วว่ามารับผม
“ก็ถ้าห้าวน้อยลงหน่อย หวานอีกนิด จีบเลย”
“ฮะ ฮะ ฮ่า ตลกตายเลย”
“ตลกตรงไหน”
“ก็ตลกตรงที่ เขยใหญ่ก็หมอ เขยเล็กก็หมอ
เปิดโรงพยาบาลกันเลยม๊ะ เฮียมี่”
เจ๊แกหันมาถามเฮีย
หมั่นไส้ยิ้มกว้างชอบใจ
“เอาสิ ว่าไงวะใหญ่ สนใจป่าว”
“ฮะฮะ ดูหน้าหน่อยซะก่อน ก่อนพูดหน่ะ”
พี่หรั่งที่นั่งเงียบมานาน ดันโยนมาที่ผม
“วู๊ ผมไม่เกี่ยว”
เจ๊นิดนั่งคุยอย่างสนุก
พี่ใหญ่เป็นคนเฮฮา ถูกคอกัน
พี่หรั่งพูดน้อย แต่ต่อยหนัก
พูดมาแต่ละที อึ้งไปตามๆกัน
นั่งฟังเพลินๆ
เฮียเอื้อมมาดึงมือผมข้างหนึ่งไปไว้ที่ตัก
ลูบไล้ฝ่ามือ ไล่ไปทีละนิ้วอย่างทะนุถนอม
ให้นั่งอยู่ทั้งวันจนร้านปิดผมก็ยอม
เฮียหันมากระซิบข้างหู
“คิดถึง..มาก”
จมูกเฉียดฉิวที่ข้างแก้ม
“เหมือนกันครับ”
ตอบกลับฉับไว
ยิ้มให้กันทั้งๆที่ยังไม่เคลียร์
“เกรงใจพี่มันมั่งสิคะ เฮีย”
หน้าม้านกันทั้งคู่
“เราหน่ะสิ ต้องเกรงใจเฮีย จ้องอยู่ได้”
เฮียมี่เถียงข้างๆคูๆเกือบตกคลอง
หลังจากพี่ใหญ่กับพี่หรั่งแยกไปดูหนัง
เจ๊นิดกับผมจะแยกไปธุระเรื่องกวดวิชา
เฮียมี่อาสาจะพาผมไปเอง
เจ๊นิดแกง่วงจนตาปรือ หาวไม่หยุด
“เอางี้เดี๋ยวเฮียไปส่งนิดที่คอนโด แล้วค่อยพาหน่อยไปสมัครเรียน”
เฮียเป็นห่วงกลัวเจ๊แกขับรถไม่ไหว
“ขอบคุณค่ะเฮีย แต่หนูว่าไปนอนห้องพนักงานที่โรงแรมเลยดีกว่า
ตอนเย็นก็ต้องมาเข้ากะอีก ไปๆมาๆไม่ต้องได้นอนกันพอดี”
เฮียยิ้มกริ่ม ถูกใจ
“อ้าว แล้วผมอะ”
“หนูฝากน้องด้วยนะเฮีย เสร็จแล้วช่วยไปส่งหน่อยมันด้วย”
“ง่ะ ไม่อาวววว”
ถึงยังไง ผมก็ยังหวั่นใจ
“นิด..เราทำงานมากเกินไปรึป่าว อย่าให้เสียการเรียนนะ”
นี่หล่ะ เฮียมี่ที่ผมรู้จัก ห่วงใยคนรอบข้าง
“กะสุดท้ายแล้วเฮีย หลังจากนี้หยุดยาว จะสอบแล้ว”
เจ๊นิดไม่เคยทำให้ผิดหวัง รับผิดชอบ
จัดสรรได้ลงตัว
“เหลือแต่หน่อยนี่หล่ะเฮีย ขืนเป็นแบบนี้เอ็นไม่ติดแน่”
“โห วกมาจนได้”
ประสานเสียงหัวเราะกัน
แต่ก่อนจาก
“เอ้อ เฮีย ไม่รู้ว่าหน่อยมันต้องติววิชาอะไรนะ
หนูก็ไม่ค่อยรู้ว่ามันอ่อนวิชาอะไร”
“ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวดูให้”
“ปานมันก็บ่นๆอยู่เหมือนกัน”
เฮียมี่ชะงัก
ผมเสียวสันหลังกะทันหัน
เจ๊นิดไม่รู้สถานการณ์ ทำให้แย่ลงไปอีก
“ปานมันก็ดี ขยันมาติวให้ทุกอาทิตย์
อยากจะเข็นให้ไปเรียนที่เดียวกัน
หนูว่าถ้าจะยาก”
แล้วเจ๊นิดก็จากไป
ทิ้งระเบิดลูกโตไว้ให้ผม
“เฮีย เฮียครับ”
“อืม”
นั่งจ้องหน้าผมเงียบๆนิ่งๆมาพักใหญ่
จะว่าไปผมนั่งอยู่ร้านโดนัทเกือบทั้งวัน
กระเพาะเริ่มประท้วง
“โครก”
“แหะ แหะ”
“เฮ้อ ไปกินข้าวกัน”
เฮียพาผมไปกินร้านสุกี้
ถ้าจำไม่ผิดน่าจะสุกี้แคนตัน
เยื้องๆรพ.ตำรวจ
อร่อยดีครับ แปลกใหม่
ไม่รู้ความกังวลหายไปเมื่อไหร่
อาหารเข้าปากผมก็อารมณ์ดี ลืมตัวชั่วขณะ
สารพัดเรื่องที่คุย
เรื่องไหนเฮียไม่ตอบโต้ ก็เปลี่ยนเรื่อง
จนแกเผลอลืมตัว
พูดคุยเล่นกับผม
จนเมื่อมาถึงของหวาน
วกกลับมาหาเรื่องกวดวิชา
"เวลาช่วงสั้นๆคงจะเก็บเกี่ยวได้ไม่มาก
เฮียจะลองติดต่อรุ่นน้องที่รับติวตัวต่อตัวมาให้"
“ผมว่าเสียเวลาปล่าวอะ ไงก็เอ็นไม่ติด”
“อย่าเพิ่งท้อสิ ลองพยายามดูก่อน”
“ง่ะ มันเบื่อนี่นา”
“แล้วไง ต้องให้ไอ้ปานมันติวให้ใช่มั๊ยถึงจะน่าสนใจ ฮึ”
กร่อยสุดๆ
บรรยากาศมาคุ
“ผมกับเฮียปาน..เรา”
“เรา..หน่อยกับมันใข้คำว่าเรา แล้วกับเฮียหล่ะ จะใช้คำว่าอะไร”
“ผมไม่ได้หมายความว่า...”
“พอๆ ไปคุยกันที่อื่น หาที่เงียบๆคุยกัน”
เงียบครับ
เงียบจริงๆ
นอกจากพี่แม่บ้านแล้ว
เงียบกริบ
ไม่มีใครเลย

ตอนหน้าครับผม
ใครชอบนายหัว
ยกมือขึ้น
ได้เวลานองเลือดกันแล้ว
คราวนี้
ตัวจริง
เสียงจริงครับผม

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พรุ่งนี้มีงานแต่งครับ
สองงาน
กลางวัน
กะ
กลางคืน
ไม่รู้ว่าจะมาต่อได้ตอนไหนครับ
คาดว่า
ก่อนไปงานกลางคืนครับ
ก่อน 6 โมงเย็น(มั๊ง)ครับ
good night
ครับผม
เริ่มกินยาอักเสบแล้วครับ
พิษกุหลาบฝากเอาไว้
