
เบื้องหน้าเบื้องหลัง 2
ก้าวเข้ามาในห้องนอนเฮียมี่
สายตามองสำรวจไปทั่วห้อง
เตียงขนาด2คนนอน คลุมผ้าไว้อย่างดี
โต๊ะ เก้าอี้ จัดเก็บเป็นระเบียบเรียบร้อย
ชั้นวางหนังสือที่ติดผนังด้านหนึ่ง
หนังสือจำนวนมากจัดวางเต็มพื้นที่
เลยไปมีประตูเล็ก น่าจะเป็นห้องน้ำส่วนตัว
ในสายตาผม...เรียบหรู ดูทันสมัย
ความสะอาดไม่ต้องพูดถึง
พี่แม่บ้านแกคงดูแลอย่างดี
หันไปมองผนังโดยรอบ
มีนาฬิกาเรือนใหญ่ยี่ห้อดังแขวนอยู่เรือนเดียว
ผนังทุกด้านทาสีครีมเรียบๆ
แต่เอ๊ะ…
ผนังด้านปลายเตียง
จริงดังคำที่ได้ข้อมูลมา
กระดาษปอนด์แผ่นใหญ่สีขาว นับสิบแผ่น
ปิดทับฝาผนัง กีดกั้นสายตาไว้
แอบซ่อนอะไรเอาไว้
แรงโถมกอดมาจากด้านหลังโดยไม่ทันรู้ตัว ทำให้เซเล็กน้อย
“คิดถึง คิดถึงที่สุดเลย”
ปากจมูกคลอเคลียอยู่แถวซอกคอ จนขนลุก
เบี่ยงตัวจากอ้อมกอด
“อย่า อย่าครับ ปล่อยผมก่อน”
สัมผัสที่ห่างหายไปนาน
ทำใจยอมรับไม่ได้
สัมผัสที่ไม่ใช่ของผมคนเดียว
“ไม่ ไม่ปล่อย ไม่ปล่อยไปอีกแล้ว”
กอดกระชับแน่นจนอึดอัด
ทั้งหงุดหงิด ทั้งเหนียวตัว อยากอาบน้ำ
บิดตัวออก แล้วผลักแกเบาๆ
“กอดไม่ได้งั้นสิ ทำไม ฮึ”
“ผม...ผม...คือผม...”
“อ้ำอึ้งอยู่ได้ เอาไง ไม่ให้กอดใช่ไหม”
เฮียแกคงจะโมโหผมอีกแล้ว
พักหลัง ก็ตั้งแต่ที่เจอผมกับเฮียปานที่โรงยิม
แกอารมณ์ฉุนเฉียว ไม่มีเหตุผล
เฮียมี่..ฮีโร่ของผม...หายไปไหน
ตัวตนที่แท้ของเฮียเป็นแบบไหน
เฮียมี่ที่แสนดี อบอุ่น อ่อนหวาน เอาใจ
หรือ เฮียมี่ที่ปากคอเชือดเฉือน อารมณ์ร้าย พร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อ
“ว่าไงหล่ะ เฮียถามเราอยู่นะ”
“ผมร้อน เหนียวตัว ขี้เกลือขึ้นแล้วเนี่ย”
อารมณ์ขึ้นเหมือนกัน พูดดังๆใส่แก
“ห๊ะ อะไรนะ”
“ก็เนี่ย ตั้งกะเช้ายังไม่ได้อาบน้ำเลยอะ”
อายชิบ
“ยังไม่อาบน้ำ...มิน่า”
“มิน่าอะไร พูดดีๆนะ”
ค้อนขวับเข้าให้
เฮียอ้าปากหวอ
“เอ้า ผ้าเช็ดตัว ห้องน้ำเปิดประตูตรงนั้น หึหึ”
“บ้า”
“เร็วๆหล่ะ รออยู่”
อาบน้ำอย่างรวดเร็ว
เฮ้อ...เจอกันตอนไหนไม่เจอ
ออกมาด้วยกางเกง2ตัว
กางเกงขาสั้น 1 ตัว
กางเกงใน 1 ตัว (ออกนอกบ้าน ควรจะใส่กันนะครับน้องๆหนูๆ)
เสื้อตัวเดิมเปียกเหงื่อที่แห้งแล้วแห้งอีก
กลิ่นเหมือนเสื้อรด.ในวันที่ร้อนสุดๆ
ทนใส่ไม่ไหวจริงๆ
จะกระโจมอกก็ดูจะไม่แมน
เอาผ้าเช็ดตัวพาดบ่าข้างหนึ่ง
ดึงชายด้านหน้าให้เอียงๆเฉียงมาปิดหน้าอกอีกข้าง
“ใส่ซะสิ”
เฮียมี่ยื่นเสื้อยืดสีขาวที่ผ่านการซักรีดมาอย่างดี
ใส่แล้วไม่ต้องพึ่งน้ำหอมเลย
กลิ่นน้ำยาจากการซัก โชยมาบางเบา ยามขยับตัว
สายตาเฮียที่มองมา
ทำผมกระดาก
ไม่ปิดบังความในใจใดๆ
เผยให้เห็นความรักที่มีอยู่เต็มเปี่ยม
ไม่แตกต่างจากวันก่อนๆ ที่เคยรักกัน
“มานั่งนี่”
เฮียดึงมือผมมานั่งข้างกันที่ปลายเตียง
จับมือผมไว้
“คิดว่าจะไม่มีวันนี้อีกแล้ว”
เฮียตาแดงๆ สายตาตัดพ้อ
ถ้าไม่ได้มาจากใจ ก็ต้องเป็นนักแสดงขั้นเทพ
เฮียลูบหัวผมเบาๆ
ปัดผมที่หน้าผากออก
มือข้างหนึ่งเชยคางผมขึ้นเล็กน้อย
ในระดับสายตา
อีกมือลูบไล้มาตามใบหน้า ทีละส่วนช้าๆ
คิ้ว เปลือกตา แก้มซ้าย ขวา
ไล้มาตามสันจมูก
ผมกลั้นหายใจเมื่อมาถึงริมฝีปาก
นิ้วก้อยไล้ไปมาแผ่วเบา
เฮียมี่ก้มลงมา...
แต่ก่อนที่ริมฝีปากจะสัมผัสกัน
ผมเบี่ยงหน้าหนี พร้อมกับดันตัวแกออกไป
“ทำไม..”
เสียงเฮียพร่า แหบแห้ง
ผมเจ็บหน่วงอยู่ในอก
“เฮียจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ แล้วพี่ฝ้ายหล่ะ”
น้ำตาปริ่มตา กระพริบตาถี่ๆ
ยั้งไว้ไม่ให้ไหลออกมา เรียกร้องความเห็นใจ
เฮียดึงผมไปกอดแนบอก
ลูบหลังผมเบาๆ
“เฮียทำเรื่องผิดพลาดกับฝ้ายอย่างไม่น่าให้อภัย”
ผมขยับตัว ฮึดฮัด ผลักหน้าอกแก
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ฮือฮือ ปล่อยผม”
น้ำหูน้ำตาไหลพราก
นักแสดงขั้นเทพยังอาย
ดิ้นรน ผลักไส
เจ็บเหลือเกิน ปวดเหลือทน
ใจผมมันแตกออกเป็นเสี่ยง
เฮียกอดรัดผมไว้แน่น
จนหน้าผมมุดอยู่ที่อก
“ปล่อย ปล่อยผม อย่ามายุ่งกับผม ฮือ ฮือ”
ทุบตี หยิกข่วน ทุกส่วนทุกที่ที่มือไปถึงได้
ตัวผมดิ้นรนกระเสือกกระสนออกจากอ้อมกอด
ราวกับถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟที่มองไม่เห็น
“หน่อย หน่อย ฟังเฮียก่อน ชู่ว์..ฟังก่อนครับ”
เฮียแกเจ็บไม่น้อย
เวลาผมโกรธ แรงผมก็มากพอดู
“ฮือฮือ เฮียมีคนอื่นจริงๆด้วย เฮียหลอกผม ฮือฮือ”
หยุดดิ้นรน
ร้องไห้คร่ำครวญ น่าเวทนา
เฮียยังกอดผมอยู่ คางเกยอยู่ที่ไหล่
สองมือลูบปลอบที่หลัง
ผมทุบหลังแก ระบายความอัดอั้น
ทุบ ทุบ จนอ่อนแรง
สองแขนผมตกอยู่ข้างลำตัว
“ฮือ ฮือ ตั้งแต่เมื่อไหร่ เฮียมีพี่ฝ้ายมาตลอดใช่ไหม ฮือ ฮือ”
ผมร้องจนเหนื่อย หายใจไม่ค่อยออก
แน่นหน้าอก ใจเหมือนจะขาด
“เฮียขอโทษ เฮียเสียใจจริงๆ”
ผลักเฮียออกไปเต็มแรง
ลุกขึ้นยืน ชี้หน้า
“นี่เหรอ แค่นี้เหรอ แค่คำขอโทษแค่นี้ใช่ไหม”
เสยผมอย่างโกรธๆ
อารมณ์ถึงขีดสุด
ป้ายหลังมือเช็ดน้ำตา น้ำมูกออก
เหลียวหากระเป๋าเป้ใบเล็ก
ไม่เจอ
ช่างมัน
ของไร้ค่า ไร้ราคา ไม่ตายก็หาได้ใหม่
หันหลังเดินไปที่ประตู
“อย่า อย่าไป หน่อยอย่าทิ้งเฮียไป”
อดหันกลับไปไม่ได้
เอาเถอะ ครั้งสุดท้าย
แล้วจะไม่เหลียวหลังกลับไปอีกเลย
ภาพที่เห็นทำให้ผม.....
“ฮือ ฮือ อย่าทำแบบนี้”
เฮียคุกเข่าลงกับพื้น
ก้มหน้าลง ตัวค้อมต่ำ
ไหล่สองข้างสั่นไหว
มองเห็นหยดน้ำตาตกลงที่ผืนพรม
ถลาลงไปนั่งคุกเข่าตรงหน้า
เข่าหันเข้าหากัน
แตะที่ไหล่เฮียข้างหนึ่งเบาๆ
“ผมขอร้อง อย่าทำแบบนี้เลย
ผม...ผมยกโทษให้เฮียทุกอย่าง
เราจากกันด้วยดีเถอะนะ”
เฮียเงยหน้าขึ้นมา
อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้
เฮียกุมมือผมไว้ทั้งสองข้าง
“ขอให้เฮียได้อธิบาย...ได้มั๊ย”
ผมพยักหน้า
“ได้ ผมจะฟัง จะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างกัน”
ดึงมือออกมาวางบนตักตัวเอง
หลังจากนั้น ผมไม่ได้พูดอะไรอีกเลย
เฮียแกเล่ารายละเอียด เรื่องราวทั้งหมด
รวมถึงที่มาของข่าวลือ
ในโครงการแลกเปลี่ยน
ปีนั้นมีเด็กนร.ที่สอบได้ รวม 4 คน
พี่ฝ้ายกับเฮีย เป็นเด็กนร.ห้องเดียวกัน
อีก2คน เป็นเพื่อนต่างห้อง
แรกๆ ช่วงที่ไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ
ก็พูดคุยกันฉันท์เพื่อน
พอนานวันเข้าก็สนิทกันมากขึ้น
อีกทั้งเริ่มมีเพื่อนทั้งไทยและต่างชาติ
เพื่อนคนไทยไม่มีปัญหา
แต่สาวๆต่างชาติมักจะชอบมาตีสนิทกับเฮีย
ชวนออกเดทบ้าง บางคนก็กล้ามาก
ประเภทยอมมีอะไรด้วยโดยไม่ผูกมัด
เฮียพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด
ไม่ได้กลัวใจอ่อน หรือไขว้เขว
แต่ใจมันรักมั่นคงอยู่กับผมแต่เพียงผู้เดียว
(เฮียแกว่างั้นครับ)
พี่ฝ้ายแกเริ่มแปลกใจที่เฮียไม่สนใจสาวๆ
แกคอยสังเกต จนได้หลักฐาน จากรูปในกระเป๋าสตางค์ของเฮีย
รูปเด็กหัวเกรียนในงานกีฬาสี
เฮียยอมรับทุกอย่าง รับว่ารักชอบอยู่กับผม
พี่ฝ้ายแกก็เข้าใจ รับได้ ไม่มีปัญหา
เฮียวางใจ จนใช้พี่ฝ้ายเป็นที่ปรึกษา
แถมยังเป็นเกราะป้องกันสาวๆได้เป็นอย่างดี
หลังจากนั้น ก็สนิทกันมากขึ้น
จนช่วงเดือนสุดท้ายก่อนหมดโครงการแลกเปลี่ยน
งานปาร์ตี้ต่างๆก็ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด
เดี๋ยวกลุ่มนั้นจัดบ้าง เดี๋ยวกลุ่มนี้จัดบ้าง
มากมายเกือบทุกวัน
แกสองคนจะควงกันไปทุกงาน แกล้งเป็นแฟนกัน
เพื่อตัดปัญหาน่ารำคาญ
พี่ฝ้ายเองแกก็ไม่มีแฟน ไม่สนใจเรื่องชู้สาว
เฮียเลยคบแกได้สนิทใจ
ในงานเลี้ยงวันท้ายๆ
เฮียกับพี่ฝ้ายเริ่มเบื่อกับงานสังสรรค์
แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะเป็นงานใหญ่
งานเลี้ยงส่งนร.แลกเปลี่ยนทุกประเทศ
งานดำเนินไปพักใหญ่
เฮียรู้สึกไม่สบาย ปวดหัวมาก
เลยชวนพี่ฝ้ายกลับ
แต่แกยังสนุก ยังไม่อยากกลับ
ชวนกี่ครั้งกี่ครั้งก็ไม่กลับ
ตอนหลังจึงมารู้ว่าแกเกิดปิ๊งหนุ่มคนหนึ่งเข้า
รออยู่นานจนเฮียทนปวดหัวไม่ไหวจริงๆ
อยากกลับไปพัก ก็เลยขอตัวกลับก่อน
แต่ก็ยังรอบคอบเป็นห่วงพี่ฝ้าย
ฝากเพื่อนรร.เดียวกันช่วยดูแลแทน
แล้วก็เกิดเรื่องอัปยศอดสูขึ้นกับ
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆในต่างแดน
ในงานคืนนั้น
พี่ฝ้ายโดนมอมยา แล้วข่มขืน
จากไอ้เลวที่แกปิ๊งนั่นแหละครับ
ไม่ใช่มันคนเดียว
เพื่อนนรกของมันอีก2คน
พี่ฝ้ายแกมายอมรับเมื่อกลับมาถึงไทยแล้ว
รับรู้กันอยู่2คน กับเฮียมี่
ทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำใจ
เฮียแกบอกว่า รู้สึกสังหรณ์ใจ
ตั้งแต่เช้าวันต่อมา
หลังคืนเกิดเหตุ
จากสภาพพี่ฝ้ายที่...ใครเห็นก็อดสงสัยไม่ได้
แต่แกยืนยันเสียงแข็ง...ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อกลับมาเรียน ม.4
พี่ฝ้ายมีอาการซึมเศร้า ไม่ร่าเริง
หวาดผวา เวลามีคนเข้ามาใกล้
โดยเฉพาะเพื่อนผู้ชาย
แกไม่ยอมบอกพ่อแม่
ไม่ยอมไปปรึกษาหมอ
เฮียเป็นคนเดียวที่แกไว้วางใจ
ด้วยความสงสารในโชคร้ายและรู้สึกผิด
เฮียคอยดูแลใกล้ชิดพี่ฝ้ายมากขึ้น
จนโดนเพื่อนๆล้อว่าเป็นแฟนกัน
แรกๆทั้งคู่พยายามแก้ข่าว
แต่ไม่เป็นผล เนื่องจากยังคบหากันสนิทสนม
พี่ฝ้ายเริ่มหวั่นไหว เอนเอียง กับความใกล้ชิด
เกิดรักชอบเฮียขึ้นมาจริงๆ
เผลอหึงหวงเฮียหลายต่อหลายครั้ง
ทั้งๆที่รู้ว่าเฮียมีผมอยู่
จากเพื่อนที่แสนดี
กลายเป็นคนที่พร้อมจะแย่งชิง
ทำได้แม้แต่การกล่าวโทษว่าเฮียเป็นต้นเหตุ
ของเหตุการณ์อัปยศในต่างแดน
ทำให้เฮียไม่สามารถตัดขาดพี่ฝ้ายได้ในทันที
ประคับประคองให้แกหลุดพ้นจากฝันร้าย
วันแล้ววันเล่า
เพื่อนๆในกลุ่มไม่มีใครรู้เรื่องนี้
แต่พี่ปัทเป็นคนแรกที่เริ่มสงสัย
จากการมาเที่ยวงานวันเกิดรร.
คาดคั้นเฮียอยู่นาน
จึงได้ทราบเรื่องทั้งหมด
พี่ปัทคิดหาวิธีแก้ปัญหาโดยการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเฮีย
ปรึกษาเพื่อนในกลุ่ม จนรับรู้ความสัมพันธ์ของเรา..ผมกับเฮีย
เพื่อนๆเริ่มช่วยกันแบ่งเบาภาระของเฮีย
โดยดูแลพี่ฝ้ายไปพร้อมๆกับ
ลดระดับความสัมพันธ์ที่พี่ฝ้ายคิดเกินเพื่อนกับเฮีย
ซึ่งตอนนี้ก็ก้าวหน้าไปมากแล้ว
พี่ฝ้ายไม่สามารถทำตัวเป็นเจ้าของเฮีย
ยอมรับว่า เฮียให้ได้แค่ความเป็นเพื่อนเท่านั้น
เรื่องเริ่มจะคลี่คลายไปในทางที่ดี
เมื่อเคลียร์ตัวเองได้แล้ว
จากเดิม เหมือนน้ำท่วมปาก
จะหักหาญน้ำใจพี่ฝ้ายในทันทีก็ไม่ได้
แกเหมือนมีอาการทางจิต
กรีดร้องเรียกความสนใจ
เรียกร้องให้เฮียรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดกับแก
เฮียเริ่มคิดจะกลับมาปรับความเข้าใจกับผม
แต่ความเข้าใจผิดเรื่องผมกับเฮียปาน
มักทำให้เฮียขาดสติ
เริ่มใช้ความรุนแรง ไร้เหตุผล
พูดจาประชดประชัน เชือดเฉือน
จากอารมณ์หึงหวงของเฮียที่โดนแย่งของรัก
ความสุภาพ ใจเย็น มลายหายไป
กลับกลายเป็น..มุทะลุ โมโหง่าย
เพื่อนๆจึงห้าม
รู้ว่าเรื่องต้องไม่จบลงง่ายๆ
ถ้าเฮียไม่ยอมใจเย็น รับฟังเหตุผล
พี่ใหญ่แกมีเพี่อนๆน้องๆแถวบ้านที่คอยส่งข่าว
ในเมื่อผมกับเฮียปานไม่ได้ทำอะไรเกินเลยจนน่าเกลียด
แกก็พูดเตือนสติให้เฮียอดทนรอ
จนผมสอบเอนทรานส์ผ่านไปก่อน
แล้วค่อยจัดการขั้นเด็ดขาด
เคลียร์ทุกเรื่องราว
รวมทั้ง
เรื่องเฮียปานที่ผมให้ได้แค่ตำแหน่งพี่ชาย
ความสุขโอบล้อม ห่อหุ้ม
ปานวิมานชั้นฟ้า
ตระกองกอด พลอดรัก
จุมพิตอ่อนหวาน ปรนเปรอ
สุขสมจนแทบสำลัก
“อ๊าส์ อูย อย่า อย่านะ เฮีย”
มือซนลูบคลำขยำสะโพก
เลื่อนต่ำลงสู่ที่หมาย
“ขอนะ ขอนะครับ ใจจะขาดอยู่แล้ว”
“......”
“นะ นะ รักกัน รักกัน นะครับ”
ออดอ้อน อ่อนหวาน
มือซนลูบไล้แผ่นหลัง
เผลอแอ่นตัวเข้าหา
ริมฝีปากจูบพรมไปทั่วใบหน้า
เลื่อนต่ำลงมาตามลำคอ ต่อเนื่อง
รอรับรสรักที่ตามมา
“นี่อะไร”
“หืม”
“ถามว่านี่อะไร ห๊ะ”
เจ็บเหมือนโดนกระชาก
ลืมตามามอง
สมองมึนงง
ชาวูบไปทั้งตัว
คนตรงหน้า
ดึงรั้งเชือกสีดำ
ชูจี้ตรงกลาง
โลหะแบนๆ
รอยหยักล้อมรอบ
:

รอกันอยู่รึป่าวครับ
รีบปั่นสุดฤทธิ์
ค้างกันมั๊ยอะครับ
ตอนหน้า
บทลงโทษจากเฮีย
"เจ็บนี้อีกนาน
เจ็บนี้ไม่ลืม"
ทำผมเจ็บแสบมากครับ

good night ครับผม